ตอนที่ 32
เปิดประตูเข้ามาภายในคอนโดที่เงียบสงบ ผมจัดการเปิดไฟก่อนจะเดินเข้าไปในครัว หยิบแก้วใสที่วางอยู่บนเค้าเตอร์ ก่อนจะกดน้ำดื่ม ที่เครื่องกดก็ติดอยู่กับผนังตู้เย็นขึ้นมากิน ทั้งผมทั้งอาฟยังคงเงียบให้กัน ความจริงเราก็เงียบมาตั้งแต่ในรถแล้ว บทสนทนาส่วนใหญ่ระหว่างเดินทางไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากรู้ มันเป็นเรื่องทั่วไป หรือเรื่องงานเสียมากกว่า
บางทีอาจเพราะเรื่องของบิน คือเรื่องที่อาฟอยากจะคุยกับผมต่อหน้ามากกว่าที่จะคุยกันแบบไม่ได้มองตากันเลยเพราะต่างฝ่ายก็ต่างมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
“ น้ำหน่อยมั้ยมึง “ ผมถามอีกคนตอนที่เดินถือแก้วน้ำไปให้ อาฟมองมันก่อนจะยกแก้วน้ำนั้นออกจากมือผมแล้ววางไว้บนเค้าเตอร์ที่อยู่ใกล้กัน มือเรียวเอื้อมมือมาจับมือผมโดยที่ไม่พูดอะไร อาฟดึงผมเข้าไปกอด ปลายจมูกที่ฝังลงไปบนแก้วมันผละลงจูบที่ต้นคอก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมในตอนที่เอ่ยถามเรื่องที่อยากรู้ “ จะเล่าได้รึยัง “
“ อยากรู้มากขนาดนั้นเลย “ คำถามที่มาพร้อมกับแววตาขี้เล่นที่กำลังยิ้มให้กันชวนให้ผมสบายใจได้ระดับนึงว่า อาฟคงไม่ได้รู้สึกแย่กับการพูดคุยกับคนคนนั้นมากนัก
“ ก็ อื้ม “ พยักหน้ารับยอมรับก่อนจะถามย้ำให้แน่ใจ “ มึงไม่ได้รู้สึกไม่โอเคใช่มั้ย “
“ ความจำสั้นรึไง “ อาฟถาม “ ก็บอกอยู่ว่าตอนนี้มึงเป็นของกู ไม่มีอะไรที่ทำให้กูรู้สึกไม่โอเค ”
“ งั้นพวกมึงคุยเรื่องอะไรกันบ้างวะ เล่าหน่อย “ คนตอบถอนหายใจตอนที่ผมถามย้ำ อาฟเลื่อนตัวเองไปนั่งพิงลงกับโต๊ะก่อนจะดึงผมเข้าไปยืนตรงระหว่างขาของมันก่อนจะยกยิ้มแล้วเริ่มเล่า
“ มันก็เข้ามาทักกู ถามถึงมึงว่ามึงอยู่ไหน กูเห็นท่าทางมันน่าจะคุยกับกูยาว กูเลยจัดการเลี้ยงเหล้ามันไป “
“ เลี้ยงทำไมวะ “ ผมถามอาฟงงๆก่อนจะเอียงหน้ามองมัน
“ เลี้ยงขอบคุณที่มันเลิกกับมึงไง ไม่งั้นมึงจะได้มาเป็นแฟนกูเหรอ “ พยักหน้ารับยิ้มๆผมกัดฟันในปากตัวเองแน่นด้วยความรู้สึกเขินที่ตอนนี้แก้มคงแดงไปหมด ถึงจะเกลียดเวลามันพูดไม่ตรงกับใจ แต่พอมาได้ยินพูดอะไรตรงๆแบบนี้ก็ดูเหมือนจะไปไม่เป็นเหมือนกัน
“ แล้ว.. แล้วพอมึงบอกแบบนั้นบินมันว่าไงละ “
“ มันก็ข่มกูตามนิสัยมันนั่นแหละ บอกมึงว่าน่ารำคาญบ้าง เจ้ากี้เจ้าการไปหมด มันโทษทุกอย่าง โทษทุกสิ่ง ยกเว้นตัวมันเอง “ อาฟที่ยิ้มให้ผมที่ก็เอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ดูไม่เข้าทรงนั้นให้ “ แล้วมันก็พูดถึงความเหี้ยของมัน อย่างเรื่องที่ว่า ใครแม่งกำหนดให้คนเรามีคนรักได้แค่คนเดียว “
“ ประสาท “ ผมสบถออกมาก่อนจะถอนหายใจ ไม่ต่างอะไรกับตราบาปของชีวิตเลยสักนิด สำหรับผมตอนนี้บินเป็นอะไรแบบนั้น เป็นคนที่ถ้าทำได้ ผมอยากจะลบมันออกไปจากชีวิต ความรู้สึกมันเหมือนก้าวพลาดลงไปในหลุมลึกที่ครั้งนึงเคยหลงรักคนแบบนั้นจนหมดใจ
“ แล้วมันก็พูดข่มกู “
“ มีอะไรให้ข่มด้วยเหรอวะ “ อาฟเงียบไปตอนที่ผมถาม แววตาที่มองมาของมันผมเองก็มองลึกลงไปในแววตานั้นก่อนที่อีกคนจะส่ายหน้า “ ก็เพราะว่ามันไม่มีไง มันก็เลยทำให้กูรู้สึกอิจฉาไม่ได้ “
“ อย่างงั้นเหรอ “ ผมรู้ว่ามันแอบปิดบัง คงมีหลายประโยคที่อีกฝ่ายพูดข่มแล้วมันรู้สึกไม่พอใจ บินไม่ใช่คนที่ผมรู้จักแบบผิวเผิน ไอ้เหี้ยนั่นขึ้นชื่อเรื่องความกวนตีนที่ไม่เป็นสองรองใคร แต่แค่กระดูกมันคนละเบอร์ถ้าเปรียบเทียบกับอาฟ คล้ายๆกับคนโง่กับคนฉลาดมาทะเลาะกัน ไม่มีทางที่คนโง่และมีวุฒิภาวะต่ำอย่างบินจะชนะอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างงั้นก็ใช่คนฉลาดอย่างอาฟมันจะไม่เจ็บ
“ อื้ม “
“ แล้วยังไงต่ออีก มันพูดแค่นั้น ? “
“ ก็แค่นั้น “ อาฟที่บอกปัดกัน ผมก็เอาแต่เหล่มองแบบจับผิด
“ กูไม่เชื่อ มันต้องพูดอะไรมากกว่านี้ มันต้องมีคำพูดเด็ดๆ ที่ฟังแล้วจี๊ด ไม่งั้นมึงจะโมโหมันจนถีบมันเลยรึไง “
“ ที่กูถีบมัน เพราะไอ้เหี้ยนั้นมันตั้งใจจะเอาขวดเหล้าฟาดหัวกูตังหาก “ ผมเปลี่ยนสีหน้าตอนที่อาฟพูด หันไปมองตามตัวมันที่ก็ไม่ได้มีแผลอะไรผมก็ถอนหายใจโล่งก่อนจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ แต่มึงไม่โดนใช่มั้ยวะ “
“ ไม่ได้โดน “ อาฟบอกปัด ผมก็ถอนหายใจออกมา
ก็พอรู้ว่ามันมีหลายประโยคที่บินคงพูดข่มมันอีกเยอะ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากจะเล่าให้ผมรู้สึกไม่ดีเสียมากกว่า แล้วถ้าเป็นแบบนั้นผมก็รู้สึกว่า งั้นก็ไม่รู้จะฟังไปทำไม ถ้าฟังแล้วไม่สบายใจ ไม่ฟังดีกว่า ถามมากไปพอเสียใจเดี๋ยวจะทำให้อาฟคิดมากอีกว่าผมยังมีใจ ทั้งๆที่บางทีมันก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าคำว่า ‘แค้น’
“ แล้วมึงไปพูดว่าอะไรวะ มันถึงขั้นจะยกเหล้าฟาดหัวมึงเลย “ คำถามที่ทำให้อาฟยกยิ้ม มันมองตาผมก่อนจะตอบ
“ พูดว่าสมเพชคนที่เป็นแค่อดีตอย่างมัน เพราะกูคือปัจจุบันและอนาคตของมึง ”
“ ขี้อวด “ เอ่ยแซวมันอีกคนก็ถามกลับ
“ หรือมึงว่าไม่จริง “
“ ก็ถูกหมดทั้งประโยคที่พูดออกไปนั่นแหละครับคุณ “
คนตรงหน้าผมได้แต่ยิ้มมันไม่ได้พูดอะไรอีก มีเพียงแค่แววตาคมที่มองมาที่ผม รอยยิ้มร้ายที่แปลออกมาด้วยหนึ่งความหมายคือ ‘ ต้องการ ’ ผมหลุบตามองต่ำตอนที่อีกคนจดจ้องอยู่ที่ริมฝีปาก ต้นคอ หรือแม้แต่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผมสวมใส่
มือที่เคยวางนิ่งอยู่ที่ช่วงเอวตอนนี้มันเริ่มขยับมาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผมก่อนจะเลื่อนตัวเข้าไปด้านในเพื่อสัมผัสกับผิวกายที่หดเกร็งยามที่มือเรียวนั้นเลื่อนผ่าน
“ อาฟ “ เอ่ยชื่อเรียกอีกคนที่ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้มลงจูบที่ริมฝีปากของผมราวกับจะขอขัดค้านการห้ามปรามใดๆที่กำลังจะหลุดออกมา
“ ส่วนที่มึงอ่อนไหวที่สุดคือส่วนไหนเหรอวะ “ คำถามที่เอ่ยถามกันตอนที่มันผละริมฝีปากออก ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะในตอนนั้นรูปปากได้ถูกปิดสนิทลงอีกครั้งและคราวนี้มันไม่ใช่จูบเพียงผิวเผินแต่เป็นจูบที่กดย้ำลงกับริมฝีปากของผมอย่างยากที่หนีหรือทัดทานใดๆ
ลิ้นชื้นสอดผ่านเข้ามาตามลำดับความต้องการของคนตรงหน้า ความอุ่นที่กอดเกี่ยวกันและกันเอาไว้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีใครยอมใคร ผมได้ยินแค่เสียงน้ำลายที่กำลังหล่อลื่นความสุขพวกนั้นให้ไหลไปอย่างไม่มีสะดุด
มือของผมเริ่มรู้สึกว่ามันเกะกะอย่างไม่รู้ว่าจะเอามันไปตั้งนิ่งไว้ที่ไหน ต่างจากมือของอาฟที่กำลังลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของผม ก่อนจะเลื่อนมาด้านหน้า มันลูบขึ้นไปด้านบนก่อนจะใช้นิ้วสะกิดยอดอกจนผมต้องหดตัวหนีจนปากของเราที่กำลังจูบอยู่ถึงกับต้องผละออกจากกัน อาฟยิ้มตอนที่ผมกำลังเม้มริมฝีปาก
“ ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรที่มึงจะต้องกลัวทั้งนั้น “
“ มึงจะทำเหรอ “ เสียงของผมมันสั่น ในตอนที่พยายามอธิบายอีกคนเอาแต่ยิ้ม “ คือ กูหมายถึงมึงจะทำ แบบนั้น คือ เรื่องแบบนั้น อะไรอย่างงั้นกับกู “
“ ทำไมคนเราชอบคำถามทั้งๆที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว “ อาฟตอบแบบนั้นด้วยสายตาที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน “ แต่ถ้ามึงอยากฟังละก็.. ใช่ อย่างที่มึงกำลังคิด “ ร่างโปร่งที่แนบเข้ามาใกล้ผม มือคู่นั้นกระชับกอดเอวของผมให้แน่นขึ้นก่อนใบหน้าคมที่ชวนให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะจะเอียงลงเพื่อมอบสัมผัสที่ลึกซึ้งให้ผมอีกครั้ง แต่ทว่าผม ก็เอ่ยขัดขึ้นก่อน
“ แต่กูไม่เก่งหรอกนะ “ ผมมองตามัน ก็อยากมีอะไรกับอาฟนะใจของผมมันตะโกนออกมาแบบนั้น ผมอยากมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคนที่ผมรักเช่นมัน แต่เพราะทุกอย่างในเรื่องนี้มันเคยแย่ ผมเคยทรมานจากคำด่าทอต่างๆที่ฝังอยู่ในหัว ก็จริงอยู่ที่คนละคนกันมันไม่เหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าความรุนแรงที่เคยโดยกระทำจะหายไปจากใจง่ายๆเพียงแค่คิดอะไรแบบนั้น
ความทรงจำไม่ใช่สิ่งที่เราบอกให้ลืม แล้วมันจะลืม แต่ความทรงจำคือสิ่งที่เรายิ่งอยากจะลืมเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจำ ก็เหมือนกับเรื่องนี้ที่ไม่ว่านานเท่าไหร่มันก็ยังอยู่ในใจของผม
“ ถามหน่อยได้มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้น “ อาฟถามเสียงเบามันจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่อยากรู้ “ บอกกูหน่อยได้มั้ย ว่ามันทำอะไร ทำไมมึงถึงกลัวแบบนี้ “
“ ไม่เอา ไม่อยากเล่า “ ส่ายหน้าบอกอีกคน มือคู่นั้นก็ทำได้แค่ดึงผมมากอดไว้
“ ถ้าบอก กูสัญญาว่ากูจะไม่เป็นแบบนั้น แล้วกูจะทำให้มึงลืมทุกอย่างพวกนั้นไปหมด เพราะงั้นบอกกูหน่อยได้มั้ยเมด ว่าทำไมมึงถึงดูกลัวแบบนี้ ทำไมตัวมึงถึงสั่นแบบนี้ “
“ มันชอบใส่เข้ามาตอนที่กูไม่มีอารมณ์แล้วคือมันเจ็บมากเลยอาฟ “ ผมบอกมันก่อนจะซบหน้าลงไปบนไหล่ คำพูดที่เอ่ยออกมาทั้งน้ำตาของผม “ บางทีที่มันอยากแต่กูไม่อยาก มันก็แค่ดึงกูลงไปนอนที่เตียง จูบแค่ไม่กี่ทีแล้วก็ใส่ตรงนั้นเข้ามา พอกูบอกว่าเจ็บมันก็ยังดัน เอาแต่บอกว่าเพราะกูมีอารมณ์ช้าถ้ามันรอกูมีอารมณ์มันก็หมดอารมณ์พอดี “ ไม่มีคำพูดอะไรที่หลุดออกมาจากปากคนที่กอดผมไว้แน่น จมูกคมหอมลงที่ข้างแก้มซ้ำๆราวกับจะปลอบโยนด้วยคำพูดนับพันเพื่อบอกกันว่า ‘ ไม่เป็นไร จะไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นกับผมอีกแล้วอย่างเด็ดขาด ’ “ ขอโทษนะมึง “
“ ขอโทษทำไมครับ “ ประโยคถามกลับสั้นๆที่อบอุ่นของมันชวนให้ผมกอดมันไว้แน่นขึ้น ก่อนจะเงยหน้าบอกแบบที่ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่กำลังงอแงคนนึง
“ กูขอโทษที่กูร้องไห้ ทั้งๆที่เคยสัญญากับมึงไว้แล้วว่ากูจะไม่ร้องไห้ ให้คนแบบนั้นอีก ขอโทษ ขอโทษนะอาฟนะ กูขอโทษ “
“ วันนี้กูจะทำให้มึงลืมมันไปเอง “ มือที่ยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้กันพูดแบบนั้นก่อนจะยิ้มจางๆ อาฟไม่ได้รู้สึกดีผมรู้ ไม่มีใครรู้สึกดีหรอกที่ได้ยินแฟนตัวเองพูดถึงอดีตแบบนั้น แล้วยิ่งตัวมันที่รักผมมากขนาดนี้มันก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี และเพราะเป็นแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้ผมกลัว
“ อาฟ “
ไม่มีเสียงตอบรับอะไรอีก มีเพียงแค่จูบที่ประทับลงบนริมฝีปากผมอย่างนุ่มนวลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีคำบอกรักหรือคำหวานหูใดๆ และเพราะนี่คืออาฟทุกอย่างจึงออกมาในรูปแบบของการกระทำ
อ้อมกอดที่กอดรัดผมไว้แน่น มันไล้มือเข้าไปด้านในเสื้อของผมอีกครั้ง ไอมืออุ่นที่ลูบไล้ไปตามผิวกาย ผมหอบหายใจเบาๆ ยามที่มือนั้นเลื่อนลงต่ำไปยังขอบกางเกงแล้วก็ต้องกัดปากแน่นในตอนที่มันสอดเข้าไปด้านในแล้วสัมผัสกับก้นกลมกลึงของผม อาฟบีบมันเบาๆเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เลื่อนตัวเองจากที่ยืนอยู่นิ่งให้ถอยหลังจนชิดประตูห้องนอน
ผละมือออกจากบั้นนท้ายกลม อาฟไล้มือขึ้นสูงอีกครั้งก่อนจะเลื่อนมาด้านหน้า ใช้นิ้วสะกิดยอดอกที่แข็งชันขึ้นด้วยอารมณ์ จูบปากที่กำลังหอบหายใจนั้นปิดมันลงด้วยความดูดดื่มอยู่นานพอๆกับนิ้วสองข้างที่กำลังบี้ยอดอกของผมจนได้แต่ครางในลำคอแบบไม่เป็นภาษา
“ อ๊า อาฟ “ หลุดปากบอกตอนที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เอื้อมมือจับที่ไหล่ของคนที่เลื่อนมาจูบกันตรงข้างแก้ม ก่อนจะผละมือออกเพียงข้างแล้วใช้ปากก้มลงขบเม้มแทนมือนั้นตรงยอดอกที่ทำให้ผมแทบไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนนิ่งต่อไป เท้าจิกลงกับพื้นห้องทุกอย่างปั่นป่วนไปหมด ผมได้แต่หอบหายใจ จนต้องดึงมือตัวเองขึ้นมากัดไว้ในตอนที่ความต้องการรุนแรงมากขึ้นทุกที “ อาฟ พอก่อน กูว่า กู มัน “
“ ไม่ไหวแล้วงั้นเหรอครับ “ ผละปากออกจากยอดอกของผมแล้วบอก อาฟยิ้มก่อนจะก้มลงไปจูบมันอีกครั้งพลางใช้มือข้างที่ว่างเลื่อนมาจับส่วนกลางของผมไว้ ถูเบาๆจนโป่งพองก่อนกระดุมกางเกงตัวที่สวมจะถูกปลดออกด้วยมือข้างนั้นที่ก็สอดล้วงเข้าไปด้านในเพื่อสัมผัสมันโดยไม่มีเนื้อผ้าใดปกปิด
“ อาฟ เมด..” ผมรู้สึกเหมือนร่างจะแตกตอนที่เอ่ยชื่อมัน สัมผัสเบาๆที่ถูขึ้นลงไม่ต่างอะไรกับการหยอกล้อที่เหมือนจะทำให้ผมขาดใจตายลงไปกับความต้องการที่บีบรัดไว้แทบทั้งร่าง อาฟเริ่มขยับขาอีกครั้ง คราวนี้ประตูห้องถูกเปิดออก เสียงล็อคที่ผมได้ยินมันดังขึ้นไม่นานแล้วหลังจากนั้นแผ่นหลังของผมก็นอนราบลงกับเตียงกว้าง
กระดุมเสื้อที่ถูกสวมใส่โดนปลดไปหมดอย่างรวดเร็ว ยอดอกถูกจูบอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเป็นลิ้นชื้นที่วนไปรอบๆพื้นที่ด้านข้างก่อนจะกลับมาดูดดึงยอดอกของผมสลับกับการขบเม้มจนทำได้แต่กำผ้าปูเตียงไว้แน่นเพราะมือข้างที่จับส่วนกลางไว้มันก็ยังไม่ผละออกไปไหน หนำซ้ำยังถูกร่อนให้กางเกงที่สวมใส่อยู่หลุดออกไปจากตัวจนเหลือแต่ส่วนล่างเปลือยเปล่าเพียงเท่านั้น
“ มาตามหาส่วนอ่อนไหวของมึงกันดีกว่า “ อาฟบอกตอนที่ผละปากออกจากยอดอกของผม
ริมฝีปากบางเลื่อนตัวเองขึ้นจูบที่เหนืออก สูงขึ้นมาที่ลำคอ ผมหายใจออกมาแรงๆตอนที่จมูกคมกรีดไปตามรอบคอ ลมหายใจอุ่นเป่ารดผิวเบาๆ ผมอยากจะกรีดร้องกับตัวเองตอนที่จำใจต้องยกขาทั้งสองข้างขึ้นตั้งชัน เพราะมือที่สัมผัสส่วนกลางเริ่มใช้นิ้วไล้ลงไปถูกเบาๆที่ช่องทางหลัง
ทุกอย่างมันน่าอายราวกับว่าร่างกายของผมทุกส่วนมันอ่อนไหวไปทั้งหมดถ้าเป็นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นจูบที่ดูดดื่มจากทั้งริมฝีปากหรือต้นคอ ยอดอกที่กำลังตั้งชันราวกับกำลังเรียกร้องให้ขบเม้มอย่างเอาแต่ใจไม่ต่างไปจากส่วนล่างที่เปิดทางราวกับบอกกันว่า ‘ มากกว่านี้อีก สัมผัสทุกส่วนให้มากกว่านี้อีก ใส่เข้ามาสิ กูต้องการมึง ’
“ อาฟ “ ผมเรียกอีกคนเสียงสั่น ก่อนจะใช้มือประคองใบหน้าคมที่กำลังจูบอยู่ที่ซอกคอนนั้นให้ขึ้นมาสบตากัน ดึงตัวเองเข้าไปกัดริมฝีปากล่างของอาฟเบาๆ ก่อนที่มันจะก้มลงมาจูบผมแล้วยกยิ้มให้
“ ว่าไงครับ “
“ เมดไม่ไหวแล้ว ได้โปรดเถอะ ใส่มันเข้ามาทีได้มั้ย “
“ ไหนใครบอกกูว่ามึงมันห่วยเรื่องแบบนี้ “ ร่างโปร่งที่ดึงตัวเองขึ้นบอก มันจูบลงข้างแก้มของผมก่อนจะเลียที่ใบหูเบาๆ “ มันไม่มีน้ำยามากกว่า เพราะมึงแม่งเซ็กซี่สุดๆไปเลย กูจะบอกให้ “ คำชมที่มันพร้อมกับนิ้วมือที่ถูกเบาๆลงบนช่องทางหลัง ผมเชิดหน้าขึ้นตอนที่มันขยับขึ้นลงอยู่แบบนั้น เม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นสกัดกั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้
ผมเห็นอาฟเอื้อมหยิบกล่องวาสลีนสีเหลืองขึ้นจากในลิ้นชักหัวเตียง นิ้วสองนิ้วตักขึ้นก้อนใหญ่ก่อนจะใช้นิ้วที่เหลือช่วยกันทามันจนทั่ว แล้วไม่ต้องให้สงสัยนานนิ้วชี้ที่เคลือบด้วยครีมนั้นก็ถูกสอดเข้าไปตรงช่องทางหลังของผมจนได้แต่อ้างปากค้าง พร้อมกับนิ้วที่สองสามจะถูกสอดใส่เข้ามาตามลำดับ อาฟขยับมันเข้าออกช้าๆเบาๆอยู่นาน ก่อนจะดึงขาข้างนึงของผมขึ้นไว้บนบ่า นิ้วขยับเข้าไปลึกขึ้น หมุนวนอยู่ในนั้นจนผมได้แต่ขยำผ้าปูเตียงไว้แน่นเพื่อระบายความรู้สึกแปลกที่ยิ่งกว่าการที่โดนจูบหรือแม้แต่สัมผัสใดๆ
“ อ๊ะ อื้อ อ๊ะ ตรงนั้น ตรงนั้นมัน อะ อาฟ อื้อ อย่าย้ำ อ๊า “ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ นิ้วนั้นถูกกดย้ำลงไปในส่วนที่อาจจะเรียกว่าจุดกระสัน ผมเม้มริมฝีปากแน่นในตอนที่นิ้วทั้งสามสอดเข้าสอดออกเป็นจังหวะอยู่แบบนั้นอย่างไม่ยอมผละออกไปไหน ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้ ผมกัดฟันส่งเสียงความทรมานทั้งหมดออกมา “ พะ พอแล้ว อ๊ะ อ๊ะ อาฟ เหมือนมันจะ อ๊ะ จะเสร็จ ละ แล้วกูไม่อยากเสร็จ อ๊ะ ด้วยนิ้ว อื้อ อะ เอาออกไปก่อน “
“ ไม่อยากจะเสร็จด้วยนิ้วเหรอครับ “ ถือว่าได้ผลชะงักอาฟหยุดที่จะเคลื่อนไหวมัน ผมไม่ได้ตอบอะไรออกมาเป็นคำพูดแค่พยักหน้ารับอีกคนที่ก็ยิ้มกว้างก่อนจะก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากของผมอีกครั้ง อาฟโยนกระเป๋าเงินของมันลงที่ด้านล่างของเตียงในจังหวะที่มันกำลังจูบผมอยู่ และตอนนั้นผมก็ได้รู้ว่า มือที่ไม่อยู่ว่างของมันเมื่อครู่ได้จัดการถุงยางไว้ที่ส่วนกลางแล้วเรียบร้อยแล้ว
“ อาฟ “ ไม่รู้ทำไมถึงเอ่ยเรียกอีกคนแบบนั้นในตอนที่อาฟแค่ผละออกพักจูบที่ดูดดื่มของเรา แต่อาฟเองก็ชะงักไปเหมือนกันมันมองตาผมอยู่สักพัก
โดยที่ไม่พูดอะไร มือข้างนึงก็ดึงมือของผมที่กำผ้าปูที่นานไว้แน่นขึ้นมา อาฟจูบลงบนฝ่ามือราวกับจะขออนุญาติ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบดูดดื่มลงบนฝ่ามือนั้นจนมันขึ้นเป็นรอยรักสีแดงอ่อนๆที่ตัดกับผิวขาวของผม วางมือลงที่เดิมช้าๆแล้วเลื่อนตัวมาจูบลงบนริมฝีปากอีกครั้งในตอนที่สอดใส่ส่วนกลางของตัวเองเข้ามาในร่างของผมจนมิดด้าม
อาฟผละจูบออกมันดึงตัวเองขึ้นนั่งขยับให้ได้ท่าที่เหมาะสม ขาสองข้างของผมพาดอยู่บนไหล่นั้น ล๊อคไว้ด้วยมือของมันที่จับอยู่ตรงเอวที่ดึงร่างของผมให้ขยับเข้าออกช้าๆในจังหวะแรง ผมนอนมองคนที่อยู่ด้านบนที่กำลังสอดใส่กันอยู่ในร่าง อาฟทำได้แค่ยิ้มบนใบหน้าคมที่มีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ไม่มาก ริมฝีปากบางนั้นจูบลงบนท่อนขา แต่งแต้มรอยสีแดงไปทั่วข้างทั้งสองขางของผมอย่างเอาใจก่อนจะที่จังหวะนั้นจะเริ่มเปลี่ยนไป มันเร็วขึ้นอีกนิด และอีกนิดในตอนที่อาฟเริ่มกัดริมฝีปาก
“ อื้อ “ เสียงครางเบาๆของอีกคนชวนให้ผมกัดริมฝีปาก ก็ไม่ได้โชว์เรือนร่างเหมือนกับผม ออกจะขี้โกงไปหน่อยที่อีกฝ่ายยังใส่ครบแล้วมีแค่ผมที่เปลือยเปล่า แต่ถึงอย่างั้นมันก็เป็นอะไรที่ชวนให้ใจเต้นแรงเหลือเกิน เป็นความเท่ห์ที่ชวนให้ปั่นป่วนและมีความสุขไปในเวลาเดียวกัน
“ อ๊ะ อาฟ เริ่มเร็วไป ละ แล้ว นะ อ๊ะ อ๊ะ “ ลำตัวของผมเริ่มสั่นเพราะถูกขยับขึ้นลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่องทางหลังถูกสอดใส่จากส่วนกลางจนเสียงกระทบของมันดังลั่นห้องนอนของเราที่ตอนนี้ไม่ได้เปิดแม้เครื่องปรับอากาศ เหงื่อของผมไหลไปตามเนื้อตัว ไม่ต่างอะไรกับอาฟ แต่เราก็ยังขยับเข้าออกอยู่แบบนั้นแล้วมันก็รุนแรงมากขึ้น ตามอารมณ์ของคนที่บังคับมันอยู่ด้านบน ผมเลื่อนมือคว้าเอาผ้าปูที่นอนมากำไว้แน่นกับมือทั้งสองข้าง ในใจของผมมีคำพูดนับพันที่กระดากอายเหลือเกินที่จะพูดออกไป เพราะถ้าทำได้ผมอยากจะพูดออกไปแบบไม่หยุดปากเลยว่า ‘ แรงอีก มากกว่านั้น แรงอีก ใส่เข้ามาอีก ลึกกว่านี้ ’
“ อ๊า อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อื้อออ อะ อาฟ อ๊าห์ “ ผมเด้งตัวเองขึ้นจากพื้นเตียงเล็กน้อยก่อนจะปล่อยตัวเองลงนอนอย่างหมดแรงในตอนที่น้ำสีขุ่นของความต้องการจะถูกฉีดออกมาจากส่วนกลางของตัวผม และไม่ต่างอะไรกับอีกคน อาฟเองก็ดันส่วนกลางของตัวเองฝังเข้ามาในร่างของผมจนสุดมันปลดปล่อยออกมาภายในถุงยางนั้น ก่อนจะหอบหายใจแรงๆ พลางเลียปากด้วยท่าทางที่ชวนให้ใจเต้นแรง
ก้มตัวลงมาจูบที่ริมฝีปากของกันและกันอีกครั้ง ลำตัวของเราที่แนบสนิทกันไม่มีใครสนว่าตอนนี้เหงื่อของเราจะออกมาเยอะเท่าไหร่ หรือแม้แต่ว่าตอนนี้อาฟจะนอนทับเศษน้ำความต้องการของผมที่เปรอะอยู่บนตัว เราแค่จูบกันเป็นการจูบที่ดูดดื่มและมีความสุขอย่างที่สุด ผมกอดคอของอาฟไว้ไม่ต่างอะไรกับอีกคนที่กอดเอวของผมไว้เช่นกัน แล้วในตอนที่เราผละออกกันเพื่อพักผมก็บอกมัน
“ อาฟ กูมีความสุขจัง มึงทำให้กูมีความสุขมากๆเลยรู้มั้ย “ คำพูดที่ทำให้คนที่กำลังก้มลงมาจูบต่อชะงัก มันเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนจะหลุดยิ้มออกมาด้วยหูแดงๆ ที่ก็รีบซุกกับไหล่ผมทันทีตอนที่ผมยิ้มกว้างให้มัน อาฟเงียบอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาๆ
“ กูแม่งมีความสุขมากกว่าตอนที่มึงชมว่ากูหล่อซะอีก “
“ ฮ่าๆ “ หลุดหัวเราะเสียงดังในตอนที่อีกคนดึงหน้าขึ้นมาจากไหล่ผมอาฟจูบเบาๆลงที่ริมฝีปากอีกครั้งด้วยแววตาที่มีความหมายของมัน ก่อนจะก้มลงจูบที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง ดวงตา จมูก ก่อนจะวนกลับมาที่ริมฝีปาก
น่าแปลกที่คนบางคน ไม่ต้องมีคำพูดอะไรมากมายเลย แต่ทุกการกระกลับบอกความรู้สึกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี แล้วอารยะของผมก็เป็นแบบนั้น เป็นคนที่ไม่ต้องพูดอะไรเลย แต่การกระทำทุกอย่างกลับบอกทุกความหมายให้ผมว่า รักมากแค่ไหน
“ ยิ้มอะไรของมึง “ เอ่ยถามคนที่นิ่งแล้วเอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้น อาฟก้มหน้าลงก่อนจะเปลี่ยนแววตามาเป็นคนขี้เล่นแบบที่ชอบแกล้งผมให้หัวเสียทุกที
“ ยุ่งอะไรด้วย กูคิดถึงแฟนกู ”
“ อ้าว ก็กูไง ” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอีกคนก็หัวเราะ ผมก็ได้แต่เอียงหน้างง อาฟจูบผมอีกครั้งมันกอดผมไว้แน่น
“ ตอนแรกกูคิด ว่ากูสเป็คเปลี่ยนถึงได้มาชอบไอ้เด็กหน้าซาลาเปา นิ้วสั้นเล็บกุดอย่างมึงเข้า ทั้งๆที่จริงๆ กูชอบคนมือสวยเล็บสวย แต่จริงๆก็ไม่ใช่ “ คนด้านบนบอกก่อนจะดึงตัวเองขึ้นสบตากับผมที่ก็ดึงมือตัวเองขึ้นมาดูจะว่าไปมันก็สั้นนิดหน่อยเมื่อเทียบกับอาฟที่ตอนนี้ก็ยิ้มให้ผมก่อนจะดึงมือข้างนั้นขึ้นไปจูบ “ กูก็ยังชอบคนที่มีมือสวยเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่แค่ตอนนี้กูชอบมึง
มากกว่า ทุกอย่างที่เป็นมึง มันเลยสวยไปหมดสำหรับกู แล้วกูก็ชอบมันทั้งหมดนั้น ทั้งหมดที่เป็นมึง “
“ เชี้ยอาฟ หัวใจกูเต้นแรงกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ ” ผมจูบมันตอนที่อีกคนพูดคำนั้น “ ใจร้ายจังมึง ทำให้กูรักมากขึ้นอีกแล้ว “
...........................................................