[เรื่องสั้นจบในตอน] กระต่ายจรจัด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นจบในตอน] กระต่ายจรจัด  (อ่าน 3013 ครั้ง)

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

...
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
เรื่องนี้เป็นฟิคเจร็อคนะครับ แต่คนไม่รู้จักก็อ่านได้ เพราะไม่ได้เขียนอิงเรื่องวงครับ
ไม่แน่ใจว่าเคยลงที่บอร์ดนี้แล้วหรือยัง ลองหากระทู้แล้วหาไม่เจอน่ะครับ
เป็นเรื่องสั้นที่เหมือนจะจบเหมือนจะไม่จบยังไงไม่รู้ แต่โดยส่วนตัวคนเขียนถือว่าจบนะครับ ฮะๆๆ
ฝากด้วยนะครับ
HAKURO_KOKURO

กระต่ายจรจัด

ในวันอากาศดีกลางฤดูใบไม้ผลิวันหนึ่ง  สุงิโซเดินออกจากบ้านเพื่อไปเข้าเรียนคาบสายตามปกติ  พลันสายตาก็กวาดไปประสบกับภาพประหลาดตาเข้า  เล่นเอาเขาถึงกับชะงักไปนิดหนึ่ง
ที่หน้าตู้กดบุหรี่หน้าร้านชำข้าง ๆ อพาร์ทเม้นต์  มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งยอง ๆ พลางจ้องดูเจ้าตู้บุหรี่นั่นราวกับมันเป็นของที่ผุดมาจากใจกลางโลกหรือหล่นมาจากอวกาศฟากฟ้าอะไรอย่างนั้น...แล้วก็แค่นั่งดูอยู่เฉย ๆ อย่างนั้นโดยไม่ทำอะไรเลย
ด้วยผมเผ้าที่ยาวลงมาปรกหน้าปรกตาทำให้เห็นใบหน้าของใครคนนั้นไม่ชัดเจน  แต่ดูจากเสื้อผ้าหน้าผมแล้วก็คงไม่ใช่คนจรจัดหรอก...แต่...อย่ากระนั้นเลย  ไม่ยุ่งจะดีกว่าไหม...คิดแล้วสุงิโซก็เดินเลี่ยงออกมาห่าง ๆ  แต่ด้วยท่าทางแปลก ๆ ของเขาคนนั้นทำให้อดหันไปมองอีกไม่ได้...คนอะไร  นั่งมองตู้บุหรี่ได้เป็นวรรคเป็นเวร  อยากซื้อก็น่าจะรีบ ๆ ซื้อนี่นา...พิลึก
...

ด้วยวันนี้มีเรียนแค่สองชั่วโมง  เลิกเรียนแล้วชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมแดงยาวประบ่าก็มุ่งกลับบ้านทันที  วันนี้คนรักของเขาบอกว่าตอนเย็น ๆ จะแวะมาหา  กลับไปเก็บห้องให้มันดูดีหน่อยน่าจะดีกว่า  ถึงคนรักของเขาจะไม่เคยบ่นเรื่องห้องรกหรืออะไรก็เถอะ  แต่เขาก็อยากให้ห้องมันดูดีตอนที่ใครคนนั้นมา
อ๊ะ...สุงิโซชะงักเท้าเมื่อเดินเลี้ยวหัวมุมถนนจะกลับเข้าอพาร์ทเม้นต์  ผู้ชายคนเมื่อเช้ายังนั่งอยู่ตรงหน้าตู้กดบุหรี่  และยังนั่งจ้องมันอยู่อย่างนั้นด้วยท่าเดิมเปี๊ยบ...ตกลงจะวิเคราะห์ส่วนผสมของสารเคมีที่เอามาทำเป็นตู้นี่ใช่ไหม?  หรือกะจะมองให้ลึกถึงระบบกลไกในตู้ไปเลยกันแน่...เจ้าคนประหลาด...คิดแล้วชายหนุ่มก็รีบสาวเท้าเร็ว ๆ มุ่งตรงเข้าบ้าน  แต่ก็แปลก...เขาเผลอหันกลับไปมองหมอนั่นอีกแล้ว  ทำไมกันนะ...แต่หมอนั่นดูมีอะไรที่ดึงดูดให้สนใจได้อย่างประหลาด
ยังไม่ทันได้ไขประตูห้องเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“โมชิโมชิ...อ้าว  ว่าไง  เจ...เอ๋...อะไรนะ  บ้าน่า...ธุระด่วนบ้าอะไรของนาย?...แปลว่าจะไม่มาแล้ว?...ไม่ต้องมาขอโทษเลย  แบบนี้กี่หนแล้ว...เออ  ฉันเข้าใจว่านายงานยุ่ง...ครับ ๆ  คุณผู้ชาย  ไปทำงานไป...เออ  คราวหน้าเบี้ยวอีกละน่าดู...อะไรนะ?...ไม่ต้องมาพูดไอ้คำเลี่ยน ๆ อะไรอย่างนั้นเลย  ถ้าอยากพูดมาพูดตรงหน้าฉันนี่!...เออ  ได้ยินแล้ว  ไปทำงานไป  หัวหน้าเรียกแล้วไม่ใช่หรือไง...เออ...ไสหัวไป  ป๊าย!!”
สุงิโซกดปุ่มตัดสายทันที  เขาจ้องโทรศัพท์แล้วก็ถอนใจแรง ๆ  นึกอยากขว้างมันทิ้งเหมือนกัน  แต่โทรศัพท์มันก็ไม่ได้ทำอะไรผิด  เจ้าคนที่ผิดคือคนที่โทรเข้ามาเมื่อกี้ต่างหาก...งานด่วนบ้าอะไร...แล้วเวลาของพวกเขาล่ะ...คิดแล้วก็น้อยใจอยู่หรอก  แต่เขาก็เข้าใจว่าคนรักของเขามีงานยุ่งแบบกำหนดไม่ได้อย่างนี้เสมอ  และเขาก็ไม่ชอบที่จะทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจเหมือนพวกสาวน้อยอะไรนั่นด้วย  เพียงแต่...แบบนี้มันก็เหงาไม่ใช่เหรอ  เขาไม่ได้เจอหน้าเจมาสองอาทิตย์แล้วนะ...
“รู้อย่างงี้ไม่รีบกลับบ้านหรอก  เจ้าบ้า”  สุงิโซบ่นงึมงำกับตัวเองพลางยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตตัวสวย  “ไปซื้อบุหรี่ก็ได้วะ”
บอกตัวเองเสร็จก็กลับหลังหันเดินลงจากอพาร์ทเม้นต์  นั่นไง...หมอนั่นยังนั่งจองที่อยู่หน้าตู้บุหรี่จริง ๆ ด้วย...มันเรื่องอะไรกันนะ  แบบนี้มันเกะกะไม่รู้หรือไง...ด้วยอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิดพอประมาณ  สุงิโซก้าวฉับ ๆ ไปหยุดข้าง ๆ ร่างที่ยังนั่งยอง ๆ อยู่ตรงนั้น
“นี่  จะทำอะไรก็ทำเสียทีเถอะ  ผมจะกดบุหรี่”
ฝ่ายถูกพาลสะดุ้งน้อย ๆ แล้วหันมามองหน้าสุงิโซ
“โทษที...”  เสียงต่ำ ๆ แหบ ๆ ลอดริมฝีปากออกมาแผ่วเบา
แต่แทนที่จะเข้าไปกดบุหรี่  สุงิโซกลับยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น...ใบหน้าหวานสวยราวกับผู้หญิงเฉยเมยไร้อารมณ์  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ใสราวกับลูกแก้วที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ม่านผมสีอ่อนจ้องมองเขาอย่างไม่ยินดียินร้าย  ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นราวกับว่าเมื่อครู่มันไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา...สีหน้าไร้ความรู้สึกนั้นเกาะกุมหัวใจของสุงิโซอย่างประหลาด
...หมอนี่เป็นตุ๊กตามีชีวิตที่สวยที่สุดในโลก...
สุงิโซบอกกับตัวเองก่อนจะพูดออกไปก่อนสมองจะได้คิด
“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว  ตู้บุหรี่มันมีอะไรน่าสนใจหรือไง?”  บ้าน่า...ถามอะไรบ้า ๆ แบบนั้น
ฝ่ายนั้นนิ่งไปนิดหนึ่งกับคำถามก่อนจะหันไปมองตู้บุหรี่แล้วหันกลับมาหาสุงิโซอีกครั้ง
“ก็ไม่มีอะไรหรอก”  ยังคงตอบมาด้วยเสียงต่ำ ๆ เบา ๆ เช่นเดิม  “แค่อยากสูบบุหรี่”
“เอ้า!  อยากสูบก็ซื้อไปสูบสิ”  หมอนี่บ้าหรือว่าเมาวะ  ถึงได้นั่งมองตู้บุหรี่อยู่อย่างนี้ได้ตั้งสองสามชั่วโมงเพียงเพราะอยากสูบ
“ไม่มีเงิน”
สุงิโซอึ้งรับประทานไปหลายอึดใจ...ไม่มีเงิน...พูดมาได้!  หน้าตาท่าทางก็ดีออกอย่างนี้  พูดมาได้ว่าไม่มีเงิน!  จะบ้าหรือไง  คนจรจัดก็ไม่ใช่...แล้วนั่นอะไร  กระเป๋าคอมพิวเตอร์ใช่ไหม  มีโน้ตบุ๊คติดตัวมาด้วยแล้วบอกว่าไม่มีเงินเนี่ยนะ  อมพระไดบุทสึมาพูดก็คงจะเชื่อหรอก...
แต่...ก็อาจจะจริงก็ได้มั้ง  ไม่งั้นมันจะนั่งจ้องตู้อยู่ทำไมตั้งสองสามชั่วโมง...
เอาวะ...ลองเชื่อคนบ้าดูสักทีก็ได้...สุงิโซคิดแล้วก็ถอนใจเฮือก
“ผมให้ยืมละกัน”  พูดแล้วก็ควักเงินให้  “อยากสูบอะไรล่ะ?”
“ไอ้นั่น...”  เจ้าหนุ่มหน้าสวยชี้ไปที่บุหรี่ยี่ห้อเบสิค
สุงิโซหยอดเหรียญแล้วกดบุหรี่ที่อีกฝ่ายชี้ออกมาแล้วยื่นให้  “เอ้า  เอาไปเลยละกัน  ไม่ต้องคืนก็ได้นะ”
มือเรียวยื่นมารับบุหรี่  ก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ แต่ทำให้สุงิโซรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกสว่างวาบเป็นสีขาวโพลนไปในทันที
“ขอบคุณ”
แล้วรอยยิ้มนั้นก็หายไปอย่างฉับพลันจนพ่อหนุ่มหัวแดงอดนึกไม่ได้ว่า  ไอ้ที่สว่างวาบเมื่อกี้นี้เป็นไฟแฟลชจากโฆษณายาสีฟันยี่ห้อไหนสักยี่ห้อหรือเปล่า
คนไร้เงินแกะบุหรี่ออกมาคาบไว้แล้วก็คลำไปตามตัว  กระเป๋าเสื้อ...ซ้าย...ขวา...กระเป๋ากางเกง...ซ้าย...ขวา...หน้า...หลัง...กระเป๋าคอมพิวเตอร์...อืม...
“นี่...ถ้ายังไงขอยืมไฟแช็กด้วยได้มั้ย?”
สุงิโซถอนใจหนัก ๆ แล้วควักไฟแช็กยื่นให้...ชีวิตมันนี่จะมีอะไรเป็นของตัวเองบ้างไหม...
“ยืมบ้านด้วยเลยไหม?”
“ได้ก็ดี”  พูดแล้วก็จุดบุหรี่สูบ
“อือ...ก็โอเค...”  เอ๊ะ...อะไรนะ...  “ห๊า!!!!?  เอาจริงเรอะ!!?”
“อื้อ  เอาจริง  พอดีหนีออกจากบ้าน  แต่ไม่ได้เอาอะไรมาเลย  ถ้าจะให้อยู่ละก็...ขอบคุณ”
จบคำก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟันกระต่ายสองซี่หน้าชัดเจน  และคราวนี้โลกของสุงิโซก็กลายเป็นสีขาวโพลนเป็นประกายระยิบระยับไปในบัดดล
...รู้ตัวอีกที...ก็มีคนแปลกหน้ามานอนแอ้งแม้งอยู่บนโซฟาในห้องพักของเขาเสียแล้ว
“เมื่อกี้ตูโดนของเรอะ...”  ได้แต่บ่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
แล้วความสัมพันธ์แปลกประหลาดก็เริ่มต้นตรงนี้
...

“เฮ้ย  อิโนะรัน  มานอนตรงนี้อีกแล้ว  เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”  สุงิโซเขย่าปลุกคนที่นอนขดอยู่บนพื้นหน้าโต๊ะเล็กกลางห้อง
ดวงตากลมปรอยปรือขึ้นอย่างคร้าน ๆ  จ้องมองคนปลุกอย่างเลื่อนลอย  ก่อนจะค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้งแถมยังขยับหนีอีกต่างหาก
“เฮ้ย  ตื่น  ถ้าอยากจะนอนต่อก็ไปนอนที่เตียง”  สุงิโซยังไม่ลดละ
“ตรงนี้ดีแล้ว”  เสียงต่ำ ๆ งึมงำตอบ
“ดีบ้าอะไร  เกะกะ  ลุกเดี๋ยวนี้นะ  ไม่งั้นเดี๋ยวฉันเอากาแฟราดหัวจริง ๆ ด้วย”  เจ้าของห้องขู่
ไม่รู้ว่ารำคาญหรือกลัวโดนกาแฟราดหัว  แต่ร่างที่นอนขดอยู่ก็ค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งยังไม่ลืมตา
“กาแฟเหรอ...?”
“เออ  กาแฟ”  ถืออยู่ในมือเนี่ย...เห็นท่าทางแบบนี้แล้ว...ราดเลยดีไหมนะ
“...ขอแก้วนึง...”
“ไอ้...”  สุงิโซนึกคำด่าไม่ออกไปชั่วขณะ  ก็ดูมัน...ออร์เดอร์ได้ทั้ง ๆ ยังไม่ลืมตา  มันน่าตบสักป้าบไหม  ”ถ้าอยากกินก็ลุกไปล้างหน้าล้างตาเดี๋ยวนี้  ไม่งั้นก็ไปนอนที่เตียงดี ๆ”
“อืม...”  เสียงครางตอบนั่นไม่รู้ว่าจะรับคำว่าจะไปล้างหน้าหรือจะไปนอนที่เตียงกันแน่  แต่เจ้าตัวก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่มั่นคงนัก  แล้วก็เซแถ่ด ๆ ไปทางห้องน้ำ...อ้อ...สุดท้ายก็อยากกินกาแฟสินะ
สุงิโซยกมือขึ้นกุมขมับพลางถอนใจแรง ๆ...นี่ก็อาทิตย์กว่าแล้วที่หมอนี่ถือวิสาสะเข้ามาอยู่ในบ้านเขาเหมือนแมวจรจัด...ไม่สิ  จะเรียกว่าแมวจรจัดก็ไม่ถนัดปากนัก  เพราะหน้าตาหมอนี่ดูยังไงก็ไม่เหมือนแมว  แต่เหมือน...อา...ใช่  เหมือนกระต่ายง่วง...ถ้างั้นก็คงเป็นกระต่ายจรจัดนั่นแหละ
เจ้ากระต่ายจรจัดบอกให้เขาเรียกว่า  “อิโนะรัน”  ซึ่งก็เป็นชื่อที่ประหลาดในความรู้สึกของเขา  แต่มันก็ฟังดูน่ารักดี  ชื่อจริงของหมอนั่นคงจะเป็นอิโนะอะไรสักอย่าง  เขาก็ขี้เกียจจะเดา  การมีอิโนะรันอยู่ในบ้านไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้เขาเท่าไรนัก  หมอนั่นก็แค่มาอาศัยบ้านเขานอนและทำงาน  วันหนึ่ง ๆ ก็เห็นเอาแต่หมกมุ่นอยู่หน้าคอมพิวเตอร์  คงกำลังเขียนอะไรอยู่สักอย่าง  เพียงแต่บางครั้ง  สุงิโซก็นึกสงสัย  อิโนะรันดูจะอายุไม่ต่างกับเขาเท่าไรนัก  อาจจะอายุเท่ากันหรืออ่อนกว่าเขาด้วยซ้ำ  ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นนักศึกษาหรือไม่ก็เพิ่งจบมัธยมปลาย...หรือไม่อีกทีก็เด็กมัธยมปลายนั่นแหละ  แต่หนีออกจากบ้านมาแบบนี้...มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ
“สุงิจัง...กาแฟล่ะ?”  อิโนะรันถามขณะที่เดินออกจากห้องน้ำ  ใบหน้าที่พราวไปด้วยหยดน้ำยังดูเหมือนยังไม่ตื่นดี
“โอ๊ย  ตื่นมาก็จะกิน  ทำไมไม่เช็ดหน้าให้มันเรียบร้อย  น้ำมันหยดเนี่ย”  สุงิโซรีบไปคว้าผ้าขนหนูจากในห้องน้ำมาจัดการเช็ดหน้าเช็ดตาให้กระต่ายจรจัดจนเรียบร้อย
“อือ...เบา ๆ...”
ที่จริง...จะว่าอิโนะรันไม่ทำความเดือดร้อนให้ก็ไม่ถูกนัก  เพราะแต่ละวันก็จะมีเรื่องชวนปวดกบาลแบบนี้เกิดขึ้นเสมอ  และตอนนี้ที่สุงิโซเริ่มรู้สึกเดือดร้อนจริง ๆ ก็คือ...เสื้อผ้าที่อิโนะรันใส่
...ไอ้ชุดนี้นี่มันตั้งแต่ตอนที่เจอกันเลยไม่ใช่หรือไง!!?
“อิโนะรัน...นาย...เหม็นมาก”
“อาบน้ำทุกวันนะ”
“เสื้อนายเหม็นมาก!  ไปเปลี่ยนเสื้อเดี๋ยวนี้เลยนะ  เสื้อของฉันก็ได้  หยิบ ๆ มาสักตัว  ส่วนไอ้ซากเนี่ยก็เอาไปซักได้แล้ว  เน่าแล้ว”  สุงิโซสั่ง
“แต่...”
“เรื่องมากก็ไม่ต้องกินกาแฟ”
อิโนะรันไม่พูดอะไรอีกแต่เดินลอย ๆ เข้าห้องนอนไปเปิดตู้เสื้อผ้าของสุงิโซแต่โดยดี  สุงิโซถอนใจเฮือกใหญ่แล้วก็ไปชงกาแฟให้...โธ่...ไอ้กระต่ายเห็นแก่กิน
“สุงิจัง...มันคับ”  อิโนะรันบอก  ทั้งเสื้อและกางเกงของสุงิโซพอดีกับตัวเขา...จนเกินไป
สุงิโซหันมาพิจารณาแล้วก็บอกว่า  “ใส่ ๆ ไปก่อน  เดี๋ยววันนี้ค่อยออกไปซื้อ  ฉันไม่มีเรียนพอดี”
“ไม่มีเงิน”
“เออ ฉันรู้แล้วว่านายไม่มีเงิน  เพราะงั้นเดี๋ยวฉันจะซื้อเสื้อมือสองตัวละร้อยสองร้อยเยนให้  เข้าใจ๋?  เอ้า  กาแฟ  ขนมปังด้วยมั้ย?”  วางพลางก็กระแทกถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะโครม
“ไม่เอา  ยังไม่หิว”  อิโนะรันบอกแล้วก็นั่งลงดื่มกาแฟด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
จะว่าไปสุงิโซยังไม่เคยเห็นอิโนะรันทำหน้าแบบอื่นนอกจากหน้าตาไร้อารมณ์แบบนี้  ซึ่งก็เห็นมาตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน  ไม่ว่าจะตอนกิน  ตอนนอน  หรือตอนสูบบุหรี่  อิโนะรันก็เอาแต่เฉยเมยอย่างนี้เสมอ  บางทีดวงตาสีน้ำตาลใสราวกับลูกแก้วนั่นก็ทอดเหม่อเหมือนจะมองไปยังที่ไกลแสนไกล  และทั้งที่เฉยเมยขนาดนั้น...แต่บางครั้ง  สุงิโซกลับรู้สึกว่าอิโนะรันกำลังเหงา...เด็กหนีออกจากบ้านก็คงจะรู้สึกเคว้งคว้างบ้างเป็นธรรมดาละมั้ง
วันนั้นสุงิโซกับอิโนะรันออกไปซื้อเสื้อผ้าและของกินของใช้อื่น ๆ อีกนิดหน่อยก่อนจะกลับเข้าบ้าน  พอกลับมาถึงอิโนะรันก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งหมกมุ่นอยู่หน้าคอมพิวเตอร์  ท่าทางเอาจริงเอาจังทำให้สุงิโซไม่อยากรบกวน  เจ้าของห้องเลยเลี่ยงไปนั่งอ่านหนังสือที่ซื้อมา
แต่...ชั่วโมงก็แล้ว...2 ชั่วโมงก็แล้ว...สุงิโซก็เห็นอิโนะรันเอาแต่นั่งจ้องคอมพิวเตอร์อยู่นิ่ง ๆ  ไม่พิมพ์อะไรลงไปสักก๊อกหนึ่ง  ในที่สุดก็ทนไม่ได้
“ตกลงนายนั่งทำอะไรกันแน่น่ะ  อิโนะรัน?”
คนนั่งเหม่อจ้องคอมพิวเตอร์สะดุ้งเล็กน้อย  พอหันกลับไปมองก็พบสุงิโซกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาสงสัยอย่างจริงจัง  อิโนะรันหันกลับไปหาคอมพิวเตอร์แล้วถอนใจน้อย ๆ
“เขียนนิยายน่ะ”
“เอ๊ะ?”  คำพูดนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ฉันอยากเป็นนักเขียนนิยายน่ะ”  เสียงนั้นค่อยแสนค่อยราวกับไม่มีความเชื่อมั่นอะไรสักอย่างเดียว
“เท่ดีนี่”
“เอ๊ะ?”  อิโนะรันหันขวับไปมองหน้าสุงิโซอย่างรวดเร็ว
“หือ?  ทำไมเหรอ?”
อิโนะรันจ้องตาสุงิโซโดยไร้คำพูดอยู่ครู่หนึ่ง  จึงเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้มาก่อน”
“ทำไมล่ะ?  ฉันว่ามันเท่ดีออกนะ  คนที่ทำอะไรอย่างที่ตัวเองอย่างทำน่ะ  ดูอย่างฉันสิ  เรียนมาจนป่านนี้แล้วฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าจริง ๆ แล้วฉันอยากทำอะไรกันแน่  คนที่อายุพอ ๆ กันกับฉันแต่รู้แล้วว่าตัวเองอยากทำอะไรน่ะ  ยอดเยี่ยมจะตายไป”  สุงิโซพูดอย่างกระตือรือร้น
อิโนะรันค่อย ๆ เหลือบสายตาลงมองพื้น
“ถ้าพ่อแม่คิดแบบนั้นก็ดีสิ”
“พ่อแม่นายไม่ชอบเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่ไม่ชอบ  แต่ต่อต้านเลยละ...เราทะเลาะกันแทบแย่  แล้วสุดท้ายก็จบลงแบบนี้”
“นายก็เลยหนีออกจาบ้านมาสินะ”
อิโนะรันพยักหน้า
“ยิ่งเท่เข้าไปใหญ่  ที่นายยอมวิ่งตามความฝันโดยทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างมาน่ะ”  พูดจบ  สุงิโซก็เดินมานั่งข้าง ๆ อิโนะรันแล้วกอดไว้เบา ๆ  “นายจะอยู่ที่นี่ก็ได้นะ  ถ้ามันจะทำให้นายไล่ตามความฝันของนายได้น่ะ  ฉันยินดีให้นายอยู่”
“ขอบใจ  สุงิจัง”
“ไม่เป็นไร  ฉันชอบคนที่มีความฝันน่ะ”
อิโนะรันนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของสุงิโซสักพัก  ก็ค่อย ๆ เลื้อยลงนอนหนุนตัก
“งั้นขอฉันฝันอีกหน่อยนะ”
“เฮ้ย ๆ  มากไปแล้ว  ไอ้กระต่ายบ้า”  สุงิโซโวยวาย
“สำหรับสุงิจังแล้ว  ฉันเป็นกระต่ายเหรอ?”  อิโนะรันถามพลางหลับตาลง
“ก็กระต่ายน่ะสิ  กระต่ายบ้า  สกปรก  มอมแมม  หลงทางมาขออาศัยฉันอยู่”
“...เสียหมด...”
“มีอะไรจะเสียด้วยเหรอ  นายน่ะ?”
อิโนะรันยิ้มนิด ๆ ทั้งยังหลับตา  “เคยมีคนว่าฉันเป็นกระต่ายเหมือนกัน  กระต่ายโง่ที่ชอบวิ่งตามเขา”
“แฟน?”
“พี่ชายน่ะ...เป็นพี่ชายที่เท่ที่สุดในสามโลกเลยละ”  อิโนะรันพูดด้วยน้ำเสียงมึน ๆ ฝัน ๆ จนสุงิโซสงสัยว่าบางทีอิโนะรันอาจจะกำลังละเมอก็ได้  “พี่แก่กว่าฉันหลายปี  เป็นคนเกเร  แต่กับฉันแล้วใจดีมาก  เวลาโดนรังแกมาถ้าบอกพี่แล้วได้ผลเสมอ”
“ยืมมือคนอื่นฆ่าคนนี่หว่า”  สุงิโซว่าพลางหัวเราะ
“ถึงไม่ยืมพี่ก็ตามไปฆ่าให้อยู่ดีแหละ”  อิโนะรันเถียง  “พ่อกับแม่ไม่ชอบที่พี่ชายเกเรนักหรอก  ก็เลยพยายามเลี้ยงฉันไม่ให้เหมือนพี่  ฉันต้องขยันเรียน  เป็นเด็กดี  ในขณะที่พี่เที่ยวเตร่เฮฮาและดูจะไม่ร่ำไม่เรียนอะไรเลย  ขนาดการบ้านของฉันพี่ยังไม่ยอมสอนเลย  บอกว่าสอนไม่ได้”
“การบ้านชั้นไหน?”
“ป. 4”
“นั่นมันแกล้งโง่แล้ว”
“ฉันก็ว่างั้น”  อิโนะรันเห็นด้วย  “แต่พี่ก็แค่ไม่ยอมทำอะไรที่ตัวเองไม่ชอบเท่านั้นเอง  อย่างเดียวที่พี่ยอมทำให้ก็คืออ่านเรียงความของฉัน  แล้วชมว่าฉันเขียนได้ดี”
“นายก็เลยอยากเป็นนักเขียน?”
อิโนะรันพยักหน้าน้อย ๆ  “แต่คงไม่อยากมากขนาดนี้ถ้าพี่ไม่ไปเป็นนักดนตรี...มันเท่มากเลยนะ  สุงิจัง  พี่ชายที่ดูเหมือนจะเรื่อยเปื่อยไปวัน ๆ กลับไปแจ้งเกิดเป็นนักดนตรีอาชีพ  ได้ทำงานอย่างที่ตัวเองชอบ  มันเจ๋งไปเลยนะ...แต่พ่อกับแม่ไม่ชอบ  สุดท้ายพี่ก็ออกจากบ้านไป  ทิ้งฉันไว้คนเดียว”
ประโยคสุดท้ายฟังดูเหงาเสียจนสุงิโซอดไม่ได้ที่จะกอดอิโนะรันไว้
“แต่ฉันอยากเป็นอย่างพี่บ้าง  อยากทำอะไรที่ตัวเองชอบบ้าง  สุดท้ายก็เลยออกจากบ้านมาเหมือนพี่นี่แหละ...แต่ฉันก็ยังเป็นกระต่ายโง่ที่ออกจากบ้านมาอย่างโง่ ๆ  ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาสักอย่างเดียว  ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”
“ทำไมนายไม่ไปหาพี่ชายนายล่ะ?  เขาน่าจะยินดีให้นายอยู่ด้วยนะ”  สุงิโซสงสัย
“ไม่หรอก  พี่อยากให้ฉันเป็นเด็กดีอยู่บ้าน  พี่บอกวาพี่เป็นคนไม่ดีไปแล้วคนนึง  อยากให้ฉันเป็นเด็กดีบ้าง  พ่อแม่จะได้สบายใจ”
“ขี้โกงนี่หว่า”  สุงิโซว่าเอาตรง ๆ
“ฉันก็ว่างั้น  พี่น่ะ  ขี้โกง”  ปากพูดอย่างนั้น  แต่อิโนะรันกลับมีรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้า
“แต่ฉันรู้จักคนที่คล้าย ๆ พี่นายอยู่คนนึงนะ  ไล่ตามความฝัน  ทั้งขี้โกง  ทั้งเอาแต่ใจ  แต่กลับเท่และอ่อนโยนสุด ๆ เลยละ”  สุงิโซพูดด้วยน้ำเสียงแบบที่อิโนะรันไม่เคยได้ยินมาก่อน
คิ้วเรียวของคนที่นอนหลับตาอยู่ขมวดนิด ๆ แต่สุงิโซไม่ทันสังเกต  และอิโนะรันก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพูดสั้น ๆ ว่า
“วันนี้พูดเยอะ  เหนื่อยแล้ว  จะนอนละ”
“ไปนอนที่เตียงดี ๆ เซ่ะ”
ไม่มีคำตอบจากสวรรค์  อิโนะรันเงียบเสียงไปเหมือนถ่านหมดและเริ่มต้นกรนเบา ๆ ทันที  สุงิโซได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็พ่นลมออกจมูกกึ่งฉุนเฉียวกึ่งเอ็นดู...เจ้ากระต่ายจรจัด  เอาแต่นอนแบบนี้แล้วจะไปเขียนนิยายได้ยังไงกัน

แต่หลังจากวันนั้น  อิโนะรันก็เริ่มต้นเขียนนิยาย  เขานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และพิมพ์อะไรทั้งวัน  สุงิโซเคยพยายามเข้าไปแอบดู  แต่อิโนะรันก็รีบเอาตัวบังหน้าจอไว้แล้วหันมายิ้มกว้างให้  เจอรอยยิ้มแบบนั้นเข้าไปทีไร  สุงิโซไปไม่เป็นทุกที  มันเหมือนมีแสงสว่างวาบแล้วในหัวก็จะขาว ๆ เบลอ ๆ ทุกทีไป  บางที  อิโนะรันคงมีเวทมนต์บางอย่างที่หลอกล่อคนให้หลงเสน่ห์ได้ละมั้ง
แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจของสุงิโซมากกว่าเรื่องของอิโนะรันก็คือ  คนรักของเขาไม่ติดต่อมานานแล้ว  ในตอนที่อิโนะรันนั่งทำงานไปเงียบ ๆ สุงิโซจะรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก  เขานั่งจ้องหน้าจอมือถืออยู่เป็นชั่วโมง ๆ ด้วยหวังว่าเจจะส่งข้อความหรือโทรเข้ามาบ้าง  แต่ก็ไม่เคยมี...ทั้งที่จะเป็นฝ่ายติดต่อไปก่อนก็ได้  แต่เขารู้ว่าเจมีงานยุ่ง  และในตอนที่ทำงานอยู่เจไม่ต้องการให้ใครมารบกวน...แต่แบบนี้มันก็เหงา
ท่ามกลางเสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดของอิโนะรัน  ความเหงาเข้าจู่โจมสุงิโซอย่างรวดเร็ว  ในที่สุดมันก็กลั่นออกมาเป็นน้ำตา
สุงิโซแอบร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ในตอนที่อ้อมแขนเรียว ๆ โอบกอดเขาจากด้านหลัง
“รอคนที่ไล่ตามความฝันคนนั้นอยู่เหรอ?  อิโนะรันกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู
สุงิโซเพียงแต่พยักหน้าพร้อมกับกลั้นสะอื้น
“คนที่ทำเพื่อความฝันของตัวเองมักทำร้ายคนที่ตัวเองรักแบบนี้เสมอแหละ”
“แต่...แต่แบบนี้มัน...”
“มันเหงา...ฉันรู้  สุงิจัง”  อิโนะรันกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น  “แต่ไม่เป็นไรแล้วนะ  ฉันอยู่นี่แล้ว”
“อื้ม...ขอบใจนะ...”
หากเพียงขาดคำ  มือถือในมือของสุงิโซก็ดังขึ้น  เมื่อเห็นว่าชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคือคนที่ตนกำลังรออยู่  สุงิโซก็รีบกดรับสายทันที
“โมชิโมชิ  เจเหรอ?”
น้ำเสียงกระวีกระวาดและอาการที่แสดงให้รู้ว่าลืมไปแล้วว่าวินาทีก่อนหน้านี้เพิ่งสะอื้นไห้เพราะคนในสายทำให้อิโนะรันปล่อยมือและเลี่ยงออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงห้องเงียบ ๆ
[เหงามั้ย?]
“ยังมีหน้ามาถามอีก!”  สุงิโซแว้ดเข้าให้  “นายหายหัวไปไหนมาจนป่านนี้เนี่ย!?”
[ขอโทษที  มีเรื่องเยอะเลยน่ะ...]
“เรื่องเยอะ?  แล้วเรื่องฉันนี่ไม่สำคัญใช่มั้ย”
[สำคัญสิ...แต่เรื่องทางนี้ก็สำคัญเหมือนกันนะ]
“ใช่ซี่...เรื่องของนายมันสำคัญกว่าเรื่องฉันทั้งนั้นแหละ  ไม่ต้องมาพูดแล้ว  ไม่อยากฟัง”
[ใจเย็น ๆ สิ  สุงิ  ฉันมีเหตุผลนะ  แต่ยังบอกนายตอนนี้ไม่ได้เท่านั้นเอง]
“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก!”
[สุงิ...]
อิโนะรันพ่นควันบุหรี่ให้กระจายฟุ้งไปในอากาศพลางฟังคำพูดของสุงิโซ  เขารู้...เดี๋ยวสุงิโซจะใจอ่อน  ขอให้อีกฝ่ายอดทนยอมตื๊ออีกสักนิด  สุงิโซจะใจอ่อนไปเอง  หลังจากอยู่ด้วยกันมา 2 – 3 อาทิตย์เขาก็พอจะรู้ว่าสุงิโซเป็นคนยังไง  สุงิโซคนใจดี...อ่อนโยน...และอ่อนไหว
ไม่แปลกหรอกถ้าสุดท้ายแล้วทั้งสองคนจะคืนดีกันได้
ผู้มาขออาศัยเขาอยู่ขยี้บุหรี่กับราวระเบียงโลหะแล้วดีดมันทิ้งไปในอากาศ  เขายืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองสุงิโซที่อยู่ในห้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย  ก่อนจะหรี่ตานิดหนึ่งเมื่อสุงิโซกดตัดโทรศัพท์  อิโนะรันหันกลับไปเกาะราวระเบียงแล้วก็ได้ยินเสียงประตูกระจกเปิดออก
“อิโนะรัน...”

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
“หือ?”
“ขอโทษนะ...”  น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ขอโทษทำไม?”
“ก็...เมื่อกี้ฉันลืมนายไปเลย...”
อิโนะรันยิ้มน้อย ๆ กับตัวเอง...นั่นไง  สุงิโซที่แสนอ่อนโยน  ขนาดเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องขอโทษก็ยังขอโทษ  ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำแต่ก็แคร์ความรู้สึกของเขา
“ไม่เป็นไรหรอก  เขาโทรมาก็ดีแล้วนี่  แล้วว่ายังไงบ้างล่ะ?”
“เห็นบอกว่ามีเรื่องยุ่ง ๆ ที่บ้าน  แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร”  พูดแล้วสุงิโซก็ทำหน้ามุ่ย
“เดี๋ยวถึงเวลาแล้วเขาก็คงบอกเองแหละ”
“นั่นสินะ...อ๊ะ!  ฉันลืมบอกเจเรื่องนายไปเลย”
อิโนะรันยักไหล่  “ไม่ต้องบอกดีกว่ามั้ง”
“เอ๊ะ?  ทำไมล่ะ?”
“จะดีเหรอ...ที่อยู่ ๆ นายก็เอาใครไม่รู้มาอยู่ด้วยตอนที่เขาไม่ติดต่อมาน่ะ  นายจะอธิบายกับเขาว่ายังไงล่ะ  ว่าฉันเป็นใคร”  อิโนะรันจ้องตาสุงิโซ
ผู้เป็นเจ้าของห้องนิ่งอึ้งไป...จริงสิ  เขาจะบอกกับเจว่ายังไงล่ะ  แล้วถ้าคิดดูดี ๆ แล้ว...ทำไมเขาถึงยอมให้อิโนะรันมาอยู่ด้วยทั้งที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอิโนะรันเลยล่ะ  ทำไมเขาถึงไม่นึกระแวงอะไรเลย...
เป็นครั้งแรกที่สุงิโซรู้สึกกลัวขึ้นมา  เขารีบหลบตาอิโนะรันทันที
“ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจนะ”  น้ำเสียงแผ่ว ๆ นั้นเหมือนลอยมากับสายลมเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่สุงิโซเข้าใจดี
“อ๊ะ  เปล่า  ไม่ใช่...”  สุงิโซรีบกลบเกลื่อน  “ฉันบอกแล้วไงว่านายอยู่ที่นี่ได้  ถ้ายังไม่มีที่ไปที่ไหน  นายอยู่ที่นี่เถอะ  เขียนนิยายให้จบก่อนก็ได้”
ดวงตาสีเข้มที่มองมาเหม่อซึมและแสนเศร้าจนสุงิโซอดเข้าไปกอดไม่ได้  กระต่ายจรจัด...หนีออกจากบ้านมาและไม่มีที่ไป...คงจะเหงามากสินะ  ที่ต้องต่อสู้อยู่ตามลำพังคนเดียวแบบนี้
“อยู่ที่นี่เถอะนะ  อิโนะรัน...ฉันอยากให้นายอยู่นะ”  สุงิโซกระซิบเบา ๆ
“อื้ม...รบกวนด้วยนะ”
“นั่นมันควรจะพูดตั้งแต่มาที่นี่ครั้งแรกไม่ใช่หรือไง  มาพูดอะไรเอาป่านนี้”
“ลืมน่ะ”
“ไอ้กระต่ายบ้า”
ว่าแล้วทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

...

สองสามเดือนจากนั้น  อิโนะรันกลายเป็นส่วนหนึ่งในห้องพักของสุงิโซไป  ดูเหมือนว่าผู้มาอาศัยอยู่จะแอบกลับไปที่บ้านและเอาเงินกับสมุดธนาคารออกมาทำให้ไม่เป็นภาระกับสุงิโซมากนัก
“เจ้ากระต่ายซกมก  นี่นายไม่อาบน้ำมากี่วันแล้วเนี่ย!?”  สุงิโซแหวเอาในวันหนึ่ง  “เหม็นตุ ๆ อีกแล้ว  บอกแล้วใช่มั้ยว่าอาบน้ำทุกวันมันไม่ทำให้เปลืองค่าน้ำค่าไฟไปกว่านี้หรอก”
“ก็แค่ลืม...”  อิโนะรันเถียงทั้งยังทำหน้าสะลึมสะลือ  แต่ก็ยอมเดินไปที่ห้องน้ำแต่โดยดี
“ไปอาบน้ำ!  เออ  แล้วก็...”  สุงิโซทำท่าเหมือนนึกอะไรออก  “วันนี้เจบอกว่าจะมาที่นี่...เอายังไงดีล่ะ?”
อิโนะรันชะงักไปนิดหนึ่ง  หลายเดือนมานี้เขายังไม่เคยเห็นหน้าคนรักของสุงิโซเลยด้วยซ้ำ  มีแค่โทรศัพท์ที่นาน ๆ จะเข้ามาสักครั้งเท่านั้นเอง  บางครั้งที่เขาเห็นสุงิโซแอบร้องไห้...จะด้วยความเหงาหรือเพราะมีปัญหากันเขาก็ไม่รู้  ที่เขาทำได้คือแค่อยู่ข้าง ๆ และคอยปลอบโยนสุงิโซเท่านั้น
“เขา...ว่างพอแล้วเหรอ?”  อิโนะรันถามขึ้น  ที่เขาได้ยินจากสุงิโซมาตลอดคือนอกจากเรื่องงานแล้ว  คนรักคนนั้นมีเรื่องยุ่ง ๆ เกิดขึ้นที่บ้านทำให้ไม่มีเวลามาหาสุงิโซเลยตลอดหลายเดือน
“ก็...คงว่างแล้วหละ  แต่น้ำเสียงดูไม่ดีเลย  คงเหนื่อยละมั้ง”
น้ำเสียงของสุงิโซดูหนักใจ  แต่สีหน้าบอกชัดถึงความยินดีที่จะได้พบกับคนรัก  อิโนะรันลอบมองสีหน้านั้นพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
“เอาเถอะ...วันนี้ฉันจะออกไปนอนบ้านเพื่อน”
“เอ๊ะ?  บ้านเพื่อนเหรอ?”
“ใช่  จะค้างด้วย  เผื่อนายกับแฟนอยากอยู่ด้วยกันทั้งคืน”  อิโนะรันพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย  แต่ทำเอาสุงิโซหน้าแดงซ่าน
“บ้า  พูดบ้าอะไรน่ะ”
“เรื่องจริงทั้งนั้น”  อิโนะรันยักไหล่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ถึงจะบอกกับสุงิโซว่าจะไปบ้านเพื่อน  แต่อิโนะรันก็ไม่เสี่ยงที่จะไปให้ใครตามหาตัวเจอได้  เขาเที่ยวเตร็ดเตร่ไปตามย่านเริงรมย์แต่พอจะเลือกร้านเช่าการ์ตูนเป็นที่พักผ่อนในคืนนั้นก็พบว่าตัวเองลืมเอาเงินออกมา
ช่วยไม่ได้...อิโนะรันตัดสินใจกลับไปที่ห้องของสุงิโซตอนกลางดึกพร้อมกับเตรียมคำแก้ตัวไว้
หากคนที่อิโนะรันพบคือสุงิโซที่นั่งร้องไห้อยู่เพียงลำพัง
อิโนะรันรีบเข้าไปหา  “เกิดอะไรขึ้น  สุงิจัง  ร้องไห้ทำไม?”
สุงิโซส่ายหน้าพลางกลั้นสะอื้น
“...ทะเลาะกับเขาเหรอ?”
“เปล่า...ไม่ได้ทะเลาะ  แต่...”
อิโนะรันมองไปรอบ ๆ ห้อง  ไม่มีวี่แววว่าใครคนนั้นจะอยู่ที่นี่ด้วย
“...เขากลับไปแล้วเหรอ?”
สุงิโซพยักหน้าอย่างล้าแรง  “เขาแค่มาอธิบายว่าเขายุ่งเรื่องอะไร  แล้วก็กลับไปแล้ว”
อิโนะรันนิ่งอึ้งไปนิดหน่อย  ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกอดสุงิโซเอาไว้แน่น
“เขาบอกว่า...น้องชายเขาหนีออกจากบ้านไปหลายเดือนแล้ว  ยังตามตัวไม่เจอ  แล้วพ่อกับแม่ก็เป็นห่วงมาก...เขาก็เลยต้องช่วยตามหา  แต่...งานก็ยุ่ง...เรื่องที่บ้านก็ยุ่ง...ก็เลย...”  พูดแล้วชายหนุ่มก็สะอื้นหนักกว่าเดิม  “...ก็เลยอยู่กับฉันไม่ได้”
ในความนิ่งเงียบยาวนาน  อิโนะรันกอดสุงิโซไว้โดยไม่ได้พูดอะไร
 “ฮึก...ฉันไม่เป็นไรแล้วละ  อิโนะรัน...ปล่อยได้แล้วละ”  สุงิโซกระซิบออกมาเบา ๆ ทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหล
“ไม่หรอก  นายไม่ได้ไม่เป็นไรหรอก”  อิโนะรันปฏิเสธที่จะคลายอ้อมกอดนั้น  “นี่...พูดออกมาเถอะ  ร้องออกมาเสียให้พอ  ยังไงซะตอนนี้นายก็ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ  ยังมีฉันคอยรับฟังอยู่นะ”
เพียงเท่านั้น  กำแพงแห่งความอดทนที่สุงิโซสร้างขึ้นมาปิดกั้นความอ่อนแอของหัวใจไว้ก็พังทลายลง
“ทำไมล่ะ!?  แค่คืนเดียวเท่านั้นเอง...เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือนแล้ว  ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย...ไม่กระทั่งเจอหน้าด้วยซ้ำ  แม้แต่โทรศัพท์ก็...โกหกใช่มั้ยล่ะ!  ที่ว่าน้องชายหายตัวไปน่ะ  โกหกใช่มั้ย!!  ที่จริงแล้วไปมีคนอื่นใช่มั้ย...เพราะเบื่อฉันแล้วเลยหาข้ออ้างที่จะทำให้เราห่างกันไปใช่มั้ยล่ะ!  เจบ้า...บ้าที่สุด!!”
อิโนะรันรับฟังทุกถ้อยคำที่ระเบิดออกมาจากความรู้สึกส่วนลึกของหัวใจที่บอบช้ำนั้น  เขาเพียงแต่กอดสุงิโซเอาไว้โดยปราศจากคำปลอบโยน  เพราะตัวเขาเองไม่ใช่คนที่จะปลอบโยนใครได้ดีนัก  เขาใช้คำพูดไม่เก่ง  และเขารู้ดีว่าบางครั้ง...การกระทำสามารถถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีกว่าคำพูดมากมายนัก
กระทั่งความอัดอั้นที่เก็บกดเอาไว้ถูกระบายออกมาจนหมด  สุงิโซจึงค่อยสงบลงได้
“...ขอบใจนะ  อิโนะรัน...ดีจริง ๆ  ที่นายอยู่ที่นี่ในตอนนี้...”  ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะเผลอตัวทำอะไรที่ไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ลงไปก็ได้
“ถ้างั้น...ให้ฉันอยู่ตลอดไปเลยได้มั้ย?”  เสียงแหบต่ำกระซิบถามแผ่วเบา
“นายก็อยู่อยู่แล้วนี่”
“ไม่ใช่...ฉันหมายถึง...แทนที่หมอนั่น  คนที่ทิ้งนายไว้ตามลำพังในคืนนี้”
“อิโนะรัน!?”
สุงิโซเบิกตากว้าง  จ้องหน้าคนที่กำลังกอดเขาไว้อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ฉันอยู่กับนายได้เสมอนะ...ถึงจะเป็นภาระให้นายบ้าง  แต่ฉันก็จะอยู่กับนายเสมอ  ไม่ปล่อยให้นายต้องโดดเดี่ยวเหมือนหมอนั่นหรอก”
“เดี๋ยว!...นี่รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมาน่ะ  อิโนะรัน!?”
“รู้สิ...ถึงจะเพิ่งรู้เมื่อไม่นาน  แต่ก็รู้...”  น้ำเสียงนั้นยังคงราบเรียบเหมือนที่เคยเป็นมา  หากความหนักแน่นบางอย่างในน้ำเสียงนั้นทำให้สุงิโซรู้ว่าอิโนะรันพูดจริง  “ฉันเฝ้ามองนายมาตลอด  เฝ้าสงสัยในตัวนายมาตลอด  จนได้อยู่ใกล้ถึงได้เข้าใจว่าทำไมหมอนั่นถึงได้รักนายนัก...ถึงขนาดออกจากบ้านมา...”
“หมอนั่น?...ออกจากบ้านมา...?  นายกำลังพูดถึงใคร...”
ยังไม่ทันที่อิโนะรันจะได้ตอบ  เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น  สุงิโซมองหน้าอิโนะรันสลับกับมองไปที่ประตูห้อง  คนที่จะมาเยือนในยามวิกาลแบบนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้นและเขาควรจะไปเปิดประตู  แต่อิโนะรันกลับไม่ยอมคลายอ้อมกอด
“อิโนะ...ปล่อยฉัน...นั่นเจ...”
หากอ้อมแขนนั้นกลับกระชับแน่นเข้า
“หมอนั่นมีกุญแจไม่ใช่เหรอ”
“อิโนะรัน...!!”
แน่ละ...เจมีกุญแจห้องของเขา  แต่ถ้าเปิดเข้ามาเจอเขากับอิโนะรันในสภาพนี้  เขาจะอธิบายได้เจเข้าใจได้ยังไง  เจจะต้องเข้าใจผิดแน่
เสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้ง  เมื่อยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากคนในห้อง  เสียงที่ตามมาคือเสียงไขกุญแจจากภายนอก
“อิโนะรัน!  ปล่อย!!”
ไม่เพียงแต่จะไม่ปล่อย  อิโนะรันฉกริมฝีปากลงมาแนบกับเรียวปากบางแน่น
ในขณะที่สุงิโซตื่นตะลึงทำอะไรไม่ถูก  ประตูห้องก็เปิดออกพอดี  ร่างสูง ๆ ของใครบางคนก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดประตู
“สุงิ  โกรธเหรอ  ถึงได้ไม่ยอมเปิดประตูน่ะ  ฉันขอโทษ  ฉันร้อนใจไปหน่อย  แต่ฉันก็ไม่สบายใจเลยที่ทิ้งนายไว้คนเดียวแบบนั้น  ก็เลยกลับมา...”
หางเสียงขาดหายไปเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ในห้องชัด ๆ  ดวงตาคมเบิกกว้าง
สุงิโซรีบผลักอิโนะรันออกเต็มแรง
“...มะ...ไม่ใช่นะ  เจ  ฉันอธิบายได้นะ!”
“คิโยโนบุ!!  ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ได้!?”
“เอ๊ะ...?”
ร่างสูงถลันเข้ามาหาทั้งสอง  แต่มือแกร่งไม่ได้เอื้อมมาหาสุงิโซ  หากคว้าแขนอิโนะรันกระชากเข้าหาตัว
“ทำไมแกถึงมาอยู่ที่ห้องสุงิได้  คิโยโนบุ!?  รู้มั้ยว่าพ่อกับแม่ตามหาแกแทบแย่น่ะ!!”  เจตะคอกเสียงกร้าว
สุงิโซมองชายหนุ่มทั้งสองสลับกันไปมาอย่างไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ได้  แต่อิโนะรันยังคงนิ่งเฉย
“อธิบายมาเดี๋ยวนี้นะ  แกหนีออกจากบ้านมาทำไม!?”  เจจับสองไหล่ของอิโนะรันเขย่าพลางเค้นถาม
“หนีออกจากบ้าน...เอ๊ะ...ไม่จริง!  นี่น้องชายนายงั้นเหรอ  เจ?”
“ใช่!  ไอ้เด็กบ้านี่แหละที่ทำฉันหัวปั่นมาตั้งหลายเดือน!!”  เจเผลอตะคอกใส่คนรักด้วยอารมณ์พาไป  แต่แล้วก็ชะงัก  “แล้ว...ทำไมคิโยโนบุถึงมาอยู่ที่ห้องนายได้?”
“มะ...มันก็...”  สุงิโซก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน  ควรจะเริ่มเล่าที่ตรงไหนล่ะ...แล้วที่เจเห็นเมื่อกี้...ที่เขากับอิโนะรันกำลังจูบ...

“ฉันเบื่อจะเป็นเด็กดีแล้ว”  เสียงแผ่วต่ำลอดริมฝีปากของอิโนะรันออกมาในที่สุด
“หา?”
“ฉันบอกว่าเบื่อจะเป็นเด็กดีแล้ว”
“พูดบ้าอะไรน่ะ  รู้มั้ยว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงมากแค่ไหน”  เจตวาด
“แล้วไง?...แล้วทีพี่ล่ะ  ทำไมฉันจะต้องอยู่ใต้อาณัติของพ่อกับแม่ในขณะที่พี่มีอิสระเต็มที่ด้วย  ฉันก็อยากใช้ชีวิตของฉันบ้างนี่”  คราวนี้ดวงตากลมโตจ้องผู้เป็นพี่เขม็งด้วยประกายวาววับ
เจอึกอักกับอาการดื้อดึงที่แทบจะไม่เคยเห็นของน้องชายนิดหน่อย  “ฉัน...ฉันมีงานมีการทำแล้ว  แต่แกน่ะมันเพิ่งเรียนจบ...ไม่สิ  แกสอบเข้ามหา’ ลัยได้แล้วนี่  แล้วทำไมไม่ไปเรียน?”
“แล้วเคยมีใครถามฉันบ้างหรือเปล่าว่าไอ้คณะที่พ่อแม่ให้สอบเข้าน่ะ  ฉันอยากเรียนมั้ย”
“เรียน ๆ เข้าไปเถอะน่า  มีสมองพอจะสอบเข้าได้แล้วน่ะ”
“อย่ามาพูดดีนะ  พี่ไม่เคยทำอะไรอย่างที่พ่อกับแม่บอกให้ทำเลยสักนิด  อย่ามาบอกให้ฉันต้องเป็นเด็กดีเผื่อส่วนของตัวเองนะ!”
“เรื่องนั้นมัน...!!”
“เดี๋ยว!  หยุด!  ทั้งสองคนนั่นแหละ  หยุดเถียงกันแล้วอธิบายมาเดี๋ยวนี้นะว่านี่มันเรื่องอะไรกัน”  สุงิโซแหวขึ้นหลังจากทนฟังอยู่นาน  “นายสองคนเป็นพี่น้องกันประสาอะไร  ทำไมนามสกุลไม่เหมือนกัน  หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน?  แล้วทำไมฉันถึงไม่เคยรู้เรื่อง!?”
“ก็แม่ฉันตาย  แล้วพ่อฉันแต่งงานกับแม่ของหมอนี่ตอนฉันอายุห้าขวบน่ะสิ”  คนที่อธิบายคือเจ
“แล้วยังไง  ทำไมนามสกุลไม่เหมือนกัน?”
“คุณตาน่ะสิ  กลัวไม่มีคนสืบสกุลอิโนอุเอะ  เลยขอให้คิโยโนบุใช้นามสกุลฝั่งแม่  ส่วนฉันก็ใช้โอโนเสะของพ่อไป  จะได้มีคนสืบสกุลทั้งสองสกุลเลย”
“แล้ว...หน้าไม่เหมือน...”
เจมองหน้าอิโนะรันแล้วถอนใจฉิว ๆ  “ขอโทษนะที่หน้าฉันมันเถื่อนเหมือนพ่อ  ไอ้กระต่ายโง่นี่มันหน้าเหมือนแม่น่ะ”
“อย่ามาว่าฉันเป็นกระต่ายโง่นะ”
“โง่เซ่!  ไม่โง่จะหนีออกมาจากบ้านสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นแบบนี้เรอะ  รู้มั้ยว่าฉันตามหาแกแทบบ้า  ไหนจะต้องทำงาน  ไหนจะต้องประสานงานกับตำรวจ  แล้วแกดันมามุดหัวอยู่ที่นี่”  เจโบกหัวน้องชายต่างแม่หนัก ๆ  ก่อนจะนึกขึ้นได้  “แล้ว...ทำไมแกถึงมาอยู่ที่ห้องสุงิได้เนี่ย  ไอ้กระต่ายโง่”
อิโนะรันยกมุมปากขึ้นยิ้มน้อย ๆ ตามนิสัย  แต่ครั้งนี้กลับมีแววถือดีแบบที่เจไม่เคยเห็นอยู่เต็มเปี่ยม
“ฉันไม่ได้โง่ขนาดจะไม่รู้ว่าสุงิจังเป็นแฟนพี่หรอกนะ”
“หมายความว่ายังไง...?”  ไม่ใช่แค่เจ  แต่สุงิโซเองก็สงสัย
อิโนะรันไม่ตอบในทันทีแต่ขยับไปนั่งข้าง ๆ สุงิโซ  ยกสองมือขึ้นกอดอย่างถือวิสาสะ
“พี่นั่นแหละผิด  เล่นออกจากบ้านไปหน้าตาเฉย  ทิ้งภาระงี่เง่าของพ่อกับแม่ไว้ที่ฉันคนเดียว  ส่วนตัวเองออกมาใช้ชีวิตสบายใจเฉิบ  รู้มั้ยว่ามันลำบากแค่ไหนที่จะต้องทนฟังพ่อกับแม่กรอกหูว่าต้องเป็นเด็กดีนะ  อย่าเป็นอย่างพี่นะ  อยู่ทุกวี่ทุกวันน่ะ...รู้มั้ยว่าฉันต้องอดทนตั้งใจเรียนแค่ไหน  ทั้ง ๆ ที่ฉันก็มีเรื่องที่อยากทำอยากเป็นไม่แพ้พี่หรอก”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสุงิ?”
อิโนะรันยังคงยิ้มเรื่อย ๆ  แบบที่ถ้ามองให้น่ารักก็น่ารัก  แต่ในตอนนี้เจที่กำลังหงุดหงิดนึกอยากยันแรง ๆ ให้กลิ้งไปติดมุมห้องเหลือเกิน
“พี่...ฉันเคยชอบพี่นะ  ชอบมาก  พี่เป็นผู้ชายที่เท่ที่สุดในสายตาฉัน  เจ๋งที่สุด  ฉันน่ะยึดพี่ไว้เป็นต้นแบบเลยละ  เพียงแต่ฉันทำแบบที่พี่ทำไม่ได้  ฉันโดนตีกรอบเอาไว้ตลอดเวลา  ฉันก็เลยชอบพี่ที่เป็นตัวของตัวเอง  มีอิสระ  ทำทุกอย่างที่ตัวเองอยากทำได้แบบไม่แคร์ใครแม้กระทั่งพ่อแม่  พี่เป็นต้นแบบของฉัน  คำพูดของพี่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเสมอ  ถึงใครจะบอกว่าพี่ไม่ดียังไง  ฉันก็ยังรักพี่  เพราะงั้นตอนที่พี่ออกจากบ้านมาน่ะ  ฉันเหงามากเลยนะ...แล้วตอนที่พี่มาเล่าให้ฟังว่ามีแฟนแล้วน่ะ  ฉันอิจฉามาก...ไม่สิ...เรียกว่าหึงก็ไม่ผิด  ฉันหึงพี่มาก  อิจฉาแฟนของพี่คนนั้นที่ได้พี่ไปครอง  ฉันเคยรักพี่ขนาดนั้นแหละ”
เจกับสุงิโซนิ่งงันไปกับสิ่งที่อิโนะรันเอ่ยออกมา  อิโนะรันไม่เคยพูดมาก  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดถึงขนาดนี้  และสิ่งที่พูดออกมาก็ยัง...
“ฉันหึง  ฉันอยากรู้ว่าใครกันที่เอาหัวใจพี่ไปครองได้  อยากจะรู้นักว่าเป็นคนแบบไหนพี่ถึงได้พูดถึงด้วยสีหน้าแบบนั้น  ฉันก็เลยแอบไปที่ห้องของพี่  แล้วก็ไปเจอรูปที่พี่ถ่ายกับสุงิจังเข้า...ที่วางไว้ข้างหัวเตียงน่ะ”
“หะ...หัวเตียง...”  สุงิโซถึงกับเหวอ  เขาแทบไม่เคยไปที่ห้องของเจ  และไม่เคยรู้เลยว่าเจจะทำอะไรหวานแหววแบบนั้นเป็นด้วย
“ก็...จะให้เอาไปไว้ในไมโครเวฟเรอะ!”  เจขึ้นเสียงทั้งหน้าแดงแปร๊ดอย่างเก็บไม่อยู่
“นั่นแหละ  รูปนั่นแหละ  ยิ่งเห็นว่าแฟนของพี่เป็นผู้ชาย  ฉันก็ยิ่งโกรธหนักไปใหญ่เลย...ก็ทำไมล่ะ  ฉันก็ผู้ชาย  แล้วฉันก็เป็นคนที่อยู่ข้าง ๆ และรู้จักพี่ดีกว่าใครแท้ ๆ  แล้วพี่ไปรักคนอื่นทำไม...แต่ตอนนั้นฉันกำลังยุ่งกับไอ้เรื่องที่พ่อกับแม่บังคับให้สอบเข้ามหา’ ลัยอยู่เลยไม่ว่างมาจัดการเรื่องนี้  ฉันอดทนรอจนสอบเสร็จรู้ผลว่าติดที่นั่นแล้วถึงได้มาตามสืบเรื่องสุงิจัง”
“นาย...อัจฉริยะเกินไปหรือเปล่า  อิโนะรัน...”  ทั้งมีเรื่องพี่ชายรกหัวอยู่ยังอุตส่าห์สอบเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่ไม่ได้อยากจะเข้าสักนิดได้ด้วย
“ฉันถึงได้บอกว่าฉันไม่ใช่กระต่ายโง่ไง”  อิโนะรันซุกหัวคลอเคลียสุงิโซแบบที่เคยทำบ้างเป็นบ้างครั้ง
“นั่นแฟนฉันนะโว้ย!”  เจแว้ดมา
“ยุ่งน่า...”  เจ้ากระต่ายจรจัดของสุงิโซทำตาขวางใส่  ก่อนจะเล่าต่อ  “นั่นแหละ...ฉันรอจนอะไร ๆ เรียบร้อยแล้วก็สืบจนรู้ว่าสุงิจังเป็นใคร  อยู่ที่ไหน  เป็นคนยังไง  แล้วก็เลยวางแผนหนีออกจากบ้านมานี่แหละ”
“เอ๊ะ...งั้นที่ฉันเจอนายที่หน้าตู้กดบุหรี่ก็...?”
“ฉันวางแผนไว้ทั้งหมดเลย”  อิโนะรันยิ้มแต้แบบที่ส่องประกายขาวแว้บให้สมองสุงิโซขาวกลวงได้อย่างเคย
“ตู้บุหรี่...นี่แกสูบบุหรี่ด้วยงั้นเรอะ  คิโยโนบุ!  ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าสูบน่ะ!”
“ตัวเองก็สูบ  อย่ามาว่าฉันนะ”
“ก็ฉันบอกให้แกเป็นเด็กดีไงเล่า!”
“แล้วเคยถามฉันมั้ยว่าฉันอยากเป็นเด็กดีหรือเปล่าน่ะ!”
เป็นครั้งแรกที่โดนน้องชายขึ้นเสียงใส่  เจถึงกับอึ้งไป
“ฉันน่ะ  อยากเป็นนักเขียน  เพราะพี่เคยชมว่าฉันเขียนเรียงความเก่ง  เขียนอะไร ๆ ได้ดี  ฉันก็เลยอยากทำอะไรให้สมกับที่พี่เคยชม  แล้วไง...พ่อกับแม่ดันให้ฉันสอบเข้าวิศวะ ฯ  คนละทางกันเลย  ฉันก็เลยหนีออกจากบ้านมานั่งเขียนนิยายอยู่บ้านสุงิจังเนี่ย”
“...อัจฉริยะเกินไปแล้ว...”  สุงิโซคราง...เขายังเรียนแค่คณะง่าย ๆ เลย
“ฉันกะเรียกร้องความสนใจจากพี่  เพราะพี่เอาแต่สนใจแฟนจนไม่สนใจฉันอีก  ถ้าหนีออกจากบ้านมาพ่อกับแม่ต้องบอกพี่แน่  แล้วพี่ก็จะวุ่นวายอยู่กับเรื่องของฉันจนไม่มีสมองไปคิดเรื่องอื่น  ส่วนฉันก็จะได้ใช้โอกาสนี้ทำให้พี่กับแฟนเลิกกันไปเลย...ทีแรกฉันก็คิดแค่นี้แหละ”
“แกกลายเป็นเด็กชั่วร้ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย...”  เจกุมขมับกับความคิดของน้องชาย
“...คง...ตั้งแต่มีเจเป็นพี่ชายละมั้ง...”  สุงิโซเสริมให้
“เปล่านะ...อันนี้ฉันคิดของฉันเอง  ไม่เกี่ยวกับเจ”  ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่วายปกป้องพี่ชายสุดที่รัก
“แล้วยังไง?  แล้วแกก็พยายามทำให้ฉันกับสุงิเลิกกันให้ได้มาตลอดงั้นสิ  คิโยโนบุ?”
“เปล่า...คือ...”  คราวนี้อิโนะรันอ้อมแอ้ม
“คืออะไรอีกล่ะ?  ฉันก็ยุ่งกับเรื่องของแกจนทะเลาะกับสุงิอย่างที่แกตั้งใจแล้วไง”

“คือ...อยู่กับสุงิจังนานเข้า  แล้วฉันก็...ดันตกหลุมรักสุงิจังเข้าจริง ๆ ซะแล้วน่ะสิ”

“หา!!?”  เจกับสุงิโซอุทานออกมาพร้อม ๆ กัน
“อื้อ...แบบนั้นแหละ”  อิโนะรันเกาหัว  “เพราะงั้นนะ...ฉันเป็นเด็กดีตามใจพี่มาตลอดแล้ว  ถ้ายังไง...สุงิจังนี่ฉันขอละกันนะ”
“ไม่ให้ว้อย!!!!”  น้องตูมันจะหน้าด้านเกินไปแล้ว
“แต่สุงิจังดีกว่าพี่ตั้งเยอะนี่  รู้เลยแหละว่าทำไมพี่ถึงรักสุงิจังนัก  ฉันก็เลยเลิกรักพี่แล้ว  รักสุงิจังมากกว่า...ขอเหอะ  นะ”  ไม่ขอเปล่ายังกอดสุงิโซไว้ไม่ปล่อยอีกด้วย
“ไม่ให้!  ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ!!”  เจลุกพรวดพราดขึ้นอย่างเอาเรื่อง
“ไม่  ฉันจะเอานี่”  อิโนะรันทำหน้าดื้อใส่
“ถะ...ถามฉันบ้างมั้ยว่าฉันจะเอานายหรือเปล่า...”  สุงิโซกุมขมับบ้างแล้ว
“ไม่รุ  ก็ฉันจะเอานี่  สุงิจังน่ะ  ตอนโกรธก็น่ารัก  ตอนร้องไห้ก็น่ารัก  น่ารักไปหมด  เพราะงั้น...เอาเลยแล้วกัน”  ว่าแล้วก็จับกดลงกับพื้นโลด
“ไอ้กระต่ายบ้า!!!!”

...

เรื่องนี้จะจบยังไง...
วางพล็อตไว้แค่นี้...
เขียนมาตั้งสองปี...
จบแค่นี้เขาคงด่า...
คิดต่อไม่ออกเหมือนกัน...
เพราะงั้นเอาเป็นอันว่า...
เกิดปิ๊งพล็อตต่อขึ้นมา...
ค่อยว่ากันต่ออีกที...

HAKURO
16  พฤษภาคม  2555

จบแล้วครับ แหะๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เอ่อ เอางี้เลยเรอะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ ยังไงถ้ามีไอเดียใหม่ก็มาต่อเถอะนะ  :3123:

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
เรื่องน่ารักมาก แต่อ่านจบถึงกับเกาหัวแกรกเลยทีเดียว

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ขอตอนพิเศษ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด