- ดื่มครั้งสุดท้าย -
หลังจากค่ำคืนงานสต๊าฟปาร์ตี้ พี่แอมคนสวยก็เงียบหายจากทุกโซเชี่ยลของพี่จีบ ไม่เว้นแม้แต่ที่บริษัทเพราะเธอแทบจะไม่คุยอะไรด้วยเลย แถมยังขอเปลี่ยนตัวกับพนักงานคนอื่นให้เป็นพี่เลี้ยงแทนอีกด้วย พี่โจ้บอกว่าเธอขยะแขยงพวกรักร่วมเพศ อืม จะว่าดีมันก็ไม่ดีหรอก แต่ทำให้เธอเลิกยุ่งกับพี่จีบได้มันก็ดีนะ
เวลาในแต่ละวันผ่านไปไวราวกับโกหก นี่ก็ผ่านไปราวๆสามสี่ปีแล้วหลังจากที่พี่จีบกับผมคบกัน พอเรียนจบอยากจะทำงานให้ตรงสาย แต่รู้อะไรไหมว่าทุกวันนี้ผมนั่งแหมะอยู่หน้าห้องผู้จัดการบริษัทนำเข้าและส่งออกกาแฟรายใหญ่ของประเทศ ตำแหน่งเลขานุการหน้าห้องที่ไม่เคยได้นั่งประจำที่เลยสักครั้ง เอะอะๆเจ้านายเรียกเข้าห้องตลอด หึ! ตอนนี้ก็เหมือนกัน...
Rrrrr
เสียงโทรศัพท์ไร้สายบนโต๊ะทำงานดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปรับพร้อมเบะปากใส่ ก็เบอร์ที่โชว์บนหน้าจอมาจากให้ห้องเจ้านายจอมหื่นของเขานั่นเอง
"สวัสดีครับคุณจีบ"
แกล้งแดกดันไปอย่างนั้นเพราะหมั่นไส้ที่เมื่อเช้าฟัดผมจนเกือบจมเตียง มาทำงานสายด้วยกันทั้งคู่ แถมยังโดนพนักงานบริษัทที่สนิทกันทักเรื่องรอยแดงบนคอ... บอกกี่ครั้งกี่หนว่าอย่าทำรอยก็ไม่เคยฟัง เหตุผลที่บอกกันมาคือ 'ต้องทำรอยไว้ คนอื่นจะได้ไม่ยุ่งกับคนของพี่' อยากถามว่าใครสมควรหวงใครกันแน่
'พูดจาห่างเหิน ต้องเรียกว่าคุณสามีสิครับ'
เสียงกลั้วหัวเราะดังลอดออกมาจนผมอยากจะหาอะไรขว้างประตูห้อง ยิ่งนับวันนิสัยกวนบาทายิ่งมีมากขึ้น แทนที่อายุเยอะแล้วจะสำรวมมากกว่าที่เป็นอยู่ กลับกลายเป็นว่านานวันยิ่งแกล้งผมหนักขึ้น
"จะบ้าหรือไง แล้วมีอะไรครับ?"
ผมกัดฟัดพูดกลับไป ไม่อยากให้พนักงานที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ยินสักเท่าไหร่ ใครๆต่างก็รู้ว่าไอ้เลขาฯหน้าห้องคนนี้มีความสัมพันธ์แบบไหนกับผู้จัดการบริษัทสุดหล่อ ถ้าจะให้มาได้ยินประโยคสนทนาแสนเป็นส่วนตัวระหว่างกันคงไม่เหมาะ ง่ายๆ คือผมเขินเว้ย
'เข้ามาในห้องหน่อย'
"เพิ่งออกมาไม่ถึงสิบนาทีเองนะพี่"
ผมตอบกลับไปทันควัน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันยุ่งเหยิงไปหมดเพราะก่อนหน้านั้นผมก็นั่งอยู่ในห้องด้วยกันไม่ได้ทำงานหรอก เรียกไปนั่งมองตาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนับอาทิตย์เพราะพี่จีบบินไปทำงานที่เกาหลี ที่ได้กลับมานั่งประจำโต๊ะของตัวเองเพราะพี่ไลค์ประธานบริษัทคนใหม่เข้ามาปรึกษาเรื่องงานกับน้องชายเล็กน้อย
'ถ้าย้ายโต๊ะเข้ามาอยู่ด้วยกันได้ ทำไปนานแล้ว'
"บ้า แบบนั้นเขาไม่เรียกเลขาฯแล้ว"
ผมตอบกลับไปเสียงงุ้งงิ้ง จริงๆ อยากขอปลีกตัวไปดูแลร้านกาแฟมากกว่า แต่ทำไม่ได้เพราะโดยเจ้านายบังคับให้มานั่งทำงานบริษัทแทน ส่วนร้านกาแฟก็ให้ลูกน้องดูแลไป จะมีก็แต่ในโอกาสพิเศษที่พี่จีบจะเป็นบาริสต้าเฉพาะกิจให้กับร้าน
'เข้ามาไวๆ อย่าให้ต้องออกไปลากเอง'
เขาวางสายไปแล้ว ผมทำได้แค่ทำเสียงฮึดฮัดแล้วยอมทำตามคำสั่งของเจ้านายที่ชอบเอาแต่ใจแถมยังเผด็จการเป็นที่สุด ประตูเปิดออกพร้อมกับที่ผมเห็นพี่จีบเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร รอยยิ้มมุมปากที่เคยทำให้ผมหลงใหลตั้งแต่เจอกันครั้งแรกกำลังประดับอยู่บนใบหน้าหล่อในตอนนี้ ไม่ว่ามองมานานเท่าไหร่ก็ไม่เคยนึกเบื่อเลยสักครั้ง มีแต่จะรักมากขึ้นทุกวัน
"ว่าไงครับคุณผู้จัดการ"
ผมถามด้วยน้ำเสียงสดใสแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา ดวงตาคมจับจ้องอย่างไม่ละสายตาก่อนที่ปากกาในมือจะถูกวางลง เป็นอันว่างานทั้งหลายโดนดองตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
"คิดถึง"
คำสั้นๆ ที่สามารถกระตุกหัวใจผมได้อย่างรุนแรง พี่จีบลุกจากเก้าอี้ประจำตำแหน่งเดินอ้อมโต๊ะมาหากันแล้วทิ้งตัวลงนั่งยองๆ บังคับให้ผมหันไปเผชิญหน้า เราสบตากันก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา
"อ้อนเหรอครับ?"
ผมถามกลับไปแล้วใช้มือทั้งสองข้างประคองแก้มคนตรงหน้าเอาไว้ก่อนจะโน้มตัวลงไปให้หน้าผากจรดกัน ดูเหมือนว่าพี่จีบกำลังมีไข้เล็กน้อยเพราะอุณหภูมิร่างกายสูงผิดปกติ สงสัยเจออากาศที่เกาหลีหนาวจัดกลับมาไทยอากาศร้อนอบอ้าวเลยปรับสภาพร่างกายไม่ทันแน่ๆ แถมพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ไปอีก แลนด์ดิ้งตอนหกโมงเช้าทำงานต่อตอนเก้าโมง เจริญไปอีกคนเรา
"นิดหน่อย ไม่ได้เจอกันตั้งหนึ่งอาทิตย์"
พูดจบก็โน้มลำคอผมลงไปกดจูบที่ริมฝีปากเพียงแค่แตะกันไม่มีการรุกล้ำใดๆ ถ้าอยากได้มากกว่านี้เชิญที่คอนโดครับ
"เดี๋ยวนี้งอแงเก่งนะครับ ยิ่งแก่ยิ่งกลายเป็นเด็กน้อยเหรอไง"
ผมว่าเสียงหยอกล้อแล้วดึงแก้มพี่จีบไปมาอย่างมันเขี้ยว เขาไม่ตอบกลับแต่ดึงมือผมไปกดจูบย้ำๆ จนรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้... จะขี้อ้อนไปไหนนะคนเรา ไม่รู้หรือไงว่าหัวใจผมทำงานหนัก
"พะ พอแล้วน่า จะคิดถึงอะไรขนาดนั้นครับ?"
เป็นผมเองที่ต้องกระตุกมือออกจาการเกาะกุมแล้วเบนสายตามองไปทางอื่น การกลั้นยิ้มทำได้ยากเหลือเกินเมื่อคนตรงหน้าอ้อนกันขนาดนี้ ดวงตาคมที่ใช้มองกันก็หวานเชื่อมจนใจสั่นจริงๆ
"คิสไม่คิดถึงพี่หรือไงถึงถามกันแบบนั้น"
น้ำเสียงติดงอแงเล็กน้อยดังขึ้น ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ อาการขี้งอนกำลังกำเริบอย่างไม่ต้องสงสัย
"พูดอะไรสักคำหรือยังว่าไม่คิดถึง"
ผมว่าก่อนจะลุกจากเก้าอี้ตัวเดิมไปนั่งคร่อมตักบุคคลขี้งอนแห่งปี ลงทุกทำขนาดนี้ยังไม่คิดจะมองกันเลยเถอะ ไปพัฒนาสกิลการงอแงมากจากไหนกันนะ หรือแอบติดนิสัยไปจากผม... เหมือนที่ผมก็ซึมซับนิสัยหื่นกามของเขามา
"....."
เงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงจังหวะการหายใจของเราสองคน ผมยกแขนขึ้นคล้องคอคนตรงหน้าอย่างออดอ้อน เขางอนได้ผมก็ง้อได้เหมือนกัน สำหรับเราแล้วไม่มีที่ต้องเป็นฝ่ายง้ออยู่ข้างเดียวหรอก พี่จีบหันหน้ากลับมาจ้องกันก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะผุดขึ้นตรงมุมปาก อ่า โดนหลอกอีกแล้วสินะ
"ยังไม่หายงอน จูบก่อนสิ"
ปากบอกยังไม่หายแต่ยิ้มออกมาเนี่ยนะ ไปหลอกเด็กที่ไหนก็ไม่เชื่อคำพูดของพี่หรอก ผมเบะปากลงแล้วกดท้ายทอยของเขาให้เข้ามาชิดแล้วจัดการประกบจูบลงไปอย่างนุ่มนวลก่อนจะออกแรงบดคลึงเพียงเล็กน้อย และด้วยความหมั่นไส้ที่สะสมมาทำให้ผมงับเข้าที่ริมฝีปากหยักไม่แรงมากนักแต่ส่งผลให้อีกฝ่ายสะดุ้ง
"อือ"
พี่จีบครางออกมาแผ่วเบาก่อนจะลงโทษความกล้าหาญของผมด้วยการดูดดุนริมฝีปากจนบวมเจ่อก่อนจะสอดลิ้นร้อนเก็บกักความหวานกลับไปอย่างช่ำชอง ผมเคยนึกเกลียดความเก่งกาจในเรื่องจูบและเรื่องบนเตียงของเขา เพราะมันแสดงให้เห็นว่าผ่านเรื่องแบบนั้นมามากแค่ไหน แต่ถ้าตัดความงี่เง่าออกไปมันก็เป็นเพียงอดีตที่ผ่านมาแล้วเท่านั้น
"ปากเจ่อ"
พี่จีบผละจูบออกไปก่อนจะพูดหยอกล้อกัน นิ้วเรียวสวยของเขาแตะลงบนริมฝีปากแล้วออกแรงคลึงเบาๆ จนผมอ้าปากงับอย่างมันเขี้ยว ทำไมชอบสร้างอารมณ์ให้ตอนที่สถานที่ไม่เอื้ออำนวยด้วยนะ ไม่รู้หรือไงว่ามันทรมานแทบขาดใจ
"เพราะใครล่ะ เดี๋ยวผมโดนแซวอีกแน่ๆ"
ผมบ่นเสียงงุ้งงิ้งก่อนจะซบหน้าลงบนลาดไหล่กว้าง สองแขนโอบรอบตัวของพี่จีบเอาไว้หลวมๆ เสียงหัวเราะเบาๆ ข้างหูย้ำเตือนว่าเขาอารมณ์ดีมากเพียงใดนั่นส่งผลให้ผมหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาซะอย่างนั้น คนมันเขิน คนมันอาย จะมีอะไรฉุดได้ล่ะ
"จะกลัวอะไรกับคำแซววะ"
"ใครบอกว่ากลัว"
"แล้วเพราะอะไร?"
"เขินดิถามได้!"
พูดจบก็กระหน่ำหมัดรัวๆ ใส่หน้าอกแกร่งแต่แทนที่เขาจะร้องโอดโอยกลับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ไม่ได้ห้ามหรือส่งเสียงด่าทอกันเลยแม้แต่นิดเดียว จนผมเหนื่อยและยอมหยุดมือไปเองนั่นล่ะ
"ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยวะคนเรา"
พี่จีบออกปากชมกันดื้อๆ จนผมมือไม้อ่อนไปหมด กำลังจะลุกขึ้นจากตักแต่กลับโดนรั้งเอวกอดไว้ไม่ให้หนีไปไหน ถ้าเกิดใครจะเข้ามาพบผู้จัดการคงได้อ้าปากค้างกันบ้างล่ะ
"ชมว่าหล่อบ้างก็ได้นะคนเรา"
ผมหัวเราะร่าที่ยืมคำเขามาใช้ตอบกลับ คบกันมาชมว่าน่ารักไปกี่แสนรอบแล้วเคยนับบ้างไหม คำว่า 'คิสหล่อ' นี่มันพูดยากขนาดนั้นเลยเหรอ คนบ้าที่ไหนชมผู้ชายด้วยคำว่าน่ารักล่ะหืม
"ไม่ ก็แฟนไม่หล่อ"
พี่จีบพูดก่อนจะกดจูบลงมาปิดปากกันทั้งๆ ที่ผมกำลังจะตอบโต้ เสียงถูกกลืนหายลงลำคอในที่สุด ความหนุ่มหยุ่นของริมฝีปากชวนให้เคลิบเคลิ้มได้อีกครั้งจนสติแทบเลือนรางถ้าไม่มีเสียงเคาะประตูช่วยชีวิต ผมคงเสร็จเจ้าคนหื่นบนโซฟาในห้องทำงานนี้แน่ๆ บรรยากาศมันออกจะน่าตื่นเต้นเกินไปเพราะผนังห้องด้านหลังโต๊ะทำงานเป็นกระจกใสที่เห็นวิวทิวทัศน์ทั่วทั้งใจกลางเมืองหลวง
"อื้อ พอครับ มีคนมาหาพี่"
ผมผลักอกให้เข้าถอยห่างออกไปแล้วรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องให้คนที่มาเยือน ผมแทบจะเบ้ปากเมื่อใบหน้าที่แสนคุ้นเคยแทรกเข้ามา พี่ไลค์!
"อุย พี่มาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า?"
พี่ไลค์ทำเสียงล้อเลียนจนผมหน้าร้อนวูบ ผมกำลังจะเบี่ยงตัวหนีแต่กลับโดนรั้งข้อมือแล้วลากกลับเข้าไปในห้องตามเดิม สรุปว่าผมจะไม่ได้กลับไปนั่งที่ตัวเองเลยใช่ไหมเนี่ย งานการไม่ต้องทำกันแล้วเหอะ
"ขัดมาก มาทำไมวะ?"
เป็นพี่จีบที่ตอบกลับแทนก่อนจะดึงให้ผมนั่งลงข้างๆ เขา ส่วนพี่ไลค์เบ้ปากเล็กน้อยแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาเดี่ยวด้านข้าง
"จะมาปรึกษาว่าจัดงานแต่งงานที่ไหนดี"
ตามที่ได้ยินกันจากปากพี่ไลค์ เขากำลังจะแต่งงานกับพี่ไนน์ แต่ตกลงเรื่องสถานที่กับเจ้าสาวไม่ลงตัวสักทีเลยต้องมาเดือดร้อนผมกับพี่จีบช่วยกันเสนอแนะ พูดง่ายๆ คือให้ตัดสินใจเลิกเลยมากกว่า
"งานแต่งงานกูหรือมึงกันแน่ไลค์ คิดเองดิวะ"
พี่จีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงลงจนผมแอบขำ สมน้ำหน้าอยากหื่นดีนัก ดวงตาคมหันมาจ้องกันเขม็ง ผมรีบยกมือขึ้นปิดปากทันทีเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะได้รับอันตราย
"ช่วยๆ กันคิดหน่อยดิวะ กูพี่มึงนะ"
"ริมหาดเป็นไง บรรยากาศโรแมนติก"
พี่จีบไม่เถียงอะไรกลับไปแต่เลือกที่จะบอกสถานที่ในหัวแทน หน้าหล่อๆ ยังคงเรียบเฉยไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไร ผมลอบมองคนนั้นทีคนนี้ทีก็เพลินตาดีเหมือนกัน หล่อคนละแบบ
"เออ ความคิดดี งั้นเอาตามที่มึงบอก กูไปละน้า"
พี่ไลค์ยิ้มร่าแล้วจะลุกขึ้นแล้วโน้มตัวไปหอมแก้มพี่จีบและหันกลับมาจุ๊บเหม่งผมก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้พี่จีบตะโกนด่าไล่หลังไปติดๆ ที่ทำอะไรน่าขยะแขยง ส่วนผมได้แต่นั่งทำตาเหลือกเพราะการกระทำแสนบ้าบอนั่น ร้อยวันพันปีพี่ไลค์จะกล้าเข้าใกล้ผม เพราะพี่จีบดุยิ่งกว่าหมาอีก
"ขนลุกสัด"
พี่จีบบ่นกระปอดกระแปดด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงเหมือนเด็กโดนขัดใจ ผมเลยใช้มือทั้งสองข้างบีบแก้มเขาเบาๆ อย่างนึกเอ็นดู วันนี้แปลกที่เขาไม่ได้แสดงอาการหึงหวงเหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาแต่กลับมองกันด้วยสายตาที่แปลกออกไป ไม่ชินเลย แปลไม่ออกด้วยว่ามีความหมายยังไง
"คิส..." เสียงทุ้มเรียกชื่อกันก่อนจะเงียบไป ผมเลิกคิ้วมองแล้วผละมือออกจากแก้ม บรรยากาศรอบตัวรู้สึกถึงความกดดันแปลกๆ หัวคิ้วพี่จีบขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังมีเรื่องเครียดในหัวจนผมตามไม่ทัน เมื่อครู่ยังหงุดหงิดพี่ไลค์อยู่เลย
"ครับ?"
ผมเอียงคอเล็กน้อยเฝ้ารอคำตอบจากริมฝีปากหยัก พี่จีบเม้มปากเข้าหากันแน่นเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ไม่นานนักเขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วเอื้อมมือมากอบกุมมือของผมไว้ การกระทำแบบนี้ยิ่งทำให้งงเข้าไปใหญ่
"แต่งงานกันไหม?" ดวงตาคมฉายแววจริงจังออกมาจนผมเผลอหยุดหายใจ ไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินเรื่องนี้จากปากพี่จีบ ไม่เคยคาดหวังว่าคนตรงหน้าจะมาขอแต่งงานอะไร เพราะว่าเราก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่
"....." ผมเงียบเพราะยังอึ้งอยู่ แต่ดูเหมือนพี่จีบจะร้อนรนและคิดว่าผมกำลังจะปฏิเสธเขาเลยออกแรงบีบมือกันเบาๆให้ผมรู้สึกตัว
"อย่าเงียบดิ พี่ใจคอไม่ดีเลยว่ะ" พี่จีบพูดเสียงสั่น ดวงตาคมไหวระริกแสดงความหวาดกลัวออกมาชัดเจน ผมได้สติกลับมาก่อนจะรู้สึกว่าหน้าร้อนวูบ เพิ่งจะมาเขินเอาตอนที่ผ่านไปเกือบหนึ่งนาที ถือว่าความรู้สึกช้าไหม
"อึ้งอยู่"
"ไม่อยากแต่งเหรอ?"
"เปล่า บอกว่าอึ้งอยู่ไง"
"อึ้งอะไรวะ?"
พี่จีบถามแล้วเคลื่อนมือมาประคองหน้ากันไว้ ตอนนี้ผมไม่สามารถหนีสายตาของคนตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว อยากจะใช้หัวโขกคนขี้สงสัยจริงๆ โดนขอแต่งงานจะไม่อึ้งยังไงไหววะชีวิต
"ไอ้บ้า โดนขอแต่งงานนะเว้ย ตกใจสิวะ"
ผมด่าออกไปเสียงเบาและพยายามจะหลบสายตาที่เปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่มของคนตรงหน้า มือหนาที่ประคองอยู่เริ่มลูบไล้แก้มอย่างแผ่วเบา ฮึก อยากมุดดิน เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกอยู่ตรงไหนแล้วเว้ย จะอ่อนโยนทำไมเวลานี้
"เขินล่ะสินะ แล้วคำตอบล่ะ พี่ใจร้อนอยากได้คำตอบแล้ว"
พี่จีบกดจูบลงมาเบาๆ ตรงมุมปากของผม ลมหายใจสะดุดกึกอีกครั้งเมื่อโดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว หัวสมองกำลังเออเร่อหาคำตอบไม่เจอไปซะอย่างนั้น
"พี่จีบ... ปล่อยผมก่อน"
เสียงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
"ไม่ปล่อย ตอบมาก่อน"
เสียงอออ้อนจนอยากถีบไปไกลๆ
"ผม... แต่งก็ได้ แต่งงานกัน แต่งงาน! "
ยอมรับว่าสติหายตอนตอบคำถามออกไปก่อนจะโผทิ้งตัวเข้ากอดพี่จีบไว้แน่น น้ำหูน้ำตาไหลออกมาเป็นสายโดยไม่รู้ตัว ไม่มีคำบรรยายอะไรให้กับความสุขในครั้งนี้ อาจจะสุขจนล้น ล้นจักรวาลไปเลยก็ได้
"ขอบคุณครับที่ตอบตกลง รักคิสนะ"
คำพูดหวานหูกระซิบเบาๆ ผมพยักหน้ารับกับลาดไหล่กว้างรัวๆ พี่จีบกดปลายจมูกลงกลางกระหม่อมอย่างอ่อนโยนจนผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมไปอีก
"ฮือ รัก รักเหมือนกัน"
ผมพูดแทบไม่เป็นภาษา มือไม้มันสั่นไปหมดเลย ทำยังไงดี เหมือนจะเป็นลมตรงนี้ให้ได้ พี่จีบผละออกแล้วใช้มือหนาเช็ดน้ำตาให้กันก่อนจะล้วงกล่องสีเหลี่ยมเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบของด้านในออกมา
"ส่งมือมา"
พี่จีบออกคำสั่งแบบไม่จริงจัง ผมยื่นมือข้างซ้ายไปให้โดยไม่ลังเล เขาถอดแหวนทองคำขาววงเก่าออกแล้วสวมแหวนวงใหม่ที่มีเพชรเม็ดเล็กๆ ประดับอยู่ก่อนจะกดจูบลงบนนิ้วนางข้างซ้าย หัวใจของผมเต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่ง ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างจนไม่รู้ว่าจะกว้างได้มากกว่านี้อีกหรือไม่ รู้แค่ว่าปวดแก้มไปหมดเลย
"อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ"
"อื้อ ผมจะอยู่กับพี่จีบตลอดไป สัญญา"
"อย่าทำตัวน่ารักตอนนี้สิวะ"
พี่จีบผละตัวออกแล้วใช้สองมือประคองหน้ากันเอาไว้ ผมเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัยว่าทำไมจะทำตัวน่ารักไม่ได้ในเมื่อพี่จีบชอบไม่ให้เหรอ
"ทำไมอะ?"
ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามดัดให้ดูน่ารักเพื่อแกล้งคนตรงหน้า พี่จีบเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างต้องการข่มอารมณ์อะไรบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น ถ้าให้ผมเดามันต้องไม่พ้นเรื่องใต้สะดือแน่ๆ เมื่อครู่ยังทำซึ้งอยู่เลยทำไมกลายเป็นเรื่องกามไปได้วะคนเรา
"พี่อยากกลับบ้านแล้ว"
พี่จีบผละมือออกแล้วลุกขึ้นจากโซฟา เขาเดินไปเก็บของเตรียมจะกลับบ้านอย่างที่เปรยออกมาจริงๆ ผมมองตามด้วยความตะลึงในความเอาแต่ใจนั้น คิดจะกลับก็กลับนี่ทำได้ทันทีเลยเหรอไง เป็นผู้จัดการที่นิสัยแย่ไปไหมเนี่ย
"เดี๋ยวๆ คุณผู้จัดการจะกลับบ้านจริงๆ เหรอ?"
ผมรีบไปดักหน้าพี่จีบเอาไว้ ดวงตาคมช้อนมองกันก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาคว้าข้อมือกันไว้
"หิว"
"หา หิวนี่ถึงต้องกลับบ้านเลยเหรอพี่?"
ผมมองหน้าพี่จีบด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าหิวแล้วทำไมต้องกลับบ้าน หาอะไรกินแถวๆ บริษัทก็ได้มั้ง แต่เหมือนคำตอบจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้มีความเจ้าเล่ห์อยู่เต็มเปี่ยม
"หิวคิสไง ต้องกลับบ้านจริงไหม?"
กูว่าแล้ว กูว่าแล้ว! ทำไมถึงซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้บ้างวะคนเรา ขอแต่งงานเสร็จเรียบร้อยหื่นแตกทันที แต่เอาเถอะยังไงๆ ก็เสียตัวมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จะเสียตัวให้ว่าที่เจ้าบ่าวคนเดิมอีกครั้งจะเป็นไรไป ไปครับ ขึ้นเตียง Let' s Go!
------------------------------------------------------
มาอัพตอนจบแล้วน้า ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดเนอะ
ปล. ตอนจบ...แต่ยังไม่จบสนิทนะ 555555555