ดวงใจจ้าวมังกร
Act.23 ปิดคดี
...เมื่อน้ำฟ้าลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าเรื่องราวทั้งหมดจบสิ้นลงอย่างเรียบร้อย เด็กหนุ่มยกเว้นโทษตายให้กับราชินีโอลิเวียตามที่เคยลั่นวาจา โดยการส่งอดีตราชินีไปยังตำหนักท้ายปราสาท ที่มีไว้ควบคุมกักขังพวกนักโทษทางการเมืองโดยเฉพาะ และให้การปฏิบัติดูแลอย่างเหมาะสม เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นถึงมารดาของรัชทายาทที่กำลังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งราชาของอาณาจักรในอนาคตอันใกล้นี้
นอกจากนั้น สภาพของหญิงสาวที่กลายเป็นคนเสียสติ เหม่อลอย ไม่รับรู้รอบด้าน ก็ทำให้น้ำฟ้ายอมอโหสิกรรมที่หล่อนเคยกระทำกับเขาเอาไว้ทั้งหมด
“เรนาร์ด... ลูก้า เป็นยังไงบ้าง หือ?”
น้ำฟ้าทักทายน้องชายของตนและเจ้าของห้อง เรนาร์ดในตอนนี้ย้ายห้องพักมาเฝ้าพี่เลี้ยงคนสนิท ไม่ยอมไปไหน จนกว่าจะแน่ใจว่าอาการของลูก้านั้นเป็นปกติ
“ท่านเรโน...”
ลูก้าที่พอเห็นว่าใครเข้ามา เตรียมจะลุกขึ้นทำความเคารพ ทว่าน้ำฟ้ากลับโบกไม้โบกมือห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้อง ๆ คุณเพิ่งฟื้นตัวแท้ ๆ อย่าขยับอะไรให้มากเลย เดี๋ยวเจ็บขึ้นมาอีก เรนาร์ดจะร้องไห้เอาเสียเปล่า ๆ”
เรนาร์ดหันไปทำหน้าแดง ๆ ใส่พี่ชาย น้ำฟ้าหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินมาขยี้ศีรษะของน้องชายเล่นอย่างเอ็นดู ภาพที่เห็นทำให้ลูก้านึกละอายยิ่งนัก ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดจะสังหารเด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้
ก่อนหน้านั้น หลังจากที่น้ำฟ้าฟื้น ลูก้าจำได้ว่าตนรีบพาร่างที่อ่อนล้าไปเข้าเฝ้า เพื่อที่จะขอรับอาญาแต่เพียงผู้เดียว และยืนยันให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นว่า เรนาร์ดไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำปองร้ายต่อน้ำฟ้าแม้แต่น้อย
ทว่าเด็กหนุ่มกลับไม่ได้ลงอาญาเขาแต่อย่างใด เจ้าตัวยิ้มอ่อนโยนส่งให้ แล้วหันไปโอบบ่าเรนาร์ด ก่อนจะหันมาบอกกับเขา ว่านับจากนี้ ให้เขาคอยดูแลปกป้องเรนาร์ดให้ดี ในฐานะองครักษ์ของราชาคนใหม่แห่งอาณาจักร และยังเตือนเขาว่า การจงรักภักดีนั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องเลือกด้วยว่า สิ่งที่กระทำเพื่ออีกฝ่ายนั้นถูกต้องหรือไม่ และจะนำผลร้ายมาสู่คนที่เราเคารพรักหรือไม่
“เห็นลูก้าดูแข็งแรงแบบนี้ก็ดีแล้ว ...แต่น่าเสียดายนะที่เรื่องแขน...”
น้ำฟ้าชะงัก แล้วสีหน้าหมองลง เพราะเผลอพูดในสิ่งที่น่าจะทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายออกไป
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ...ถึงจะมีแขนแค่ข้างเดียว แต่ข้าก็จะปกป้องท่านเรนาร์ดอย่างสุดกำลัง”
ลูก้าตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเชื่อมั่น ไม่มีร่องรอยแห่งความหม่นหมองให้เห็น ทำให้น้ำฟ้ายิ้มออกมาอย่างสบายใจเช่นกัน
“ดีแล้วล่ะนะ ...เพราะผมคงอยู่ที่นี่อีกไม่นานนัก พอเสร็จงานฉลองรับตำแหน่งราชาของเรนาร์ด ผมก็คงจะกลับ...”
น้ำฟ้าชะงัก แล้วหันไปทางดราโกที่ยืนมองเขาอยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่มฝืนยิ้มแล้วเอ่ยต่อ
“คงกลับอาณาจักรมังกร พร้อมกับดราโกล่ะนะ”
“เสียดายจังขอรับ ข้าอยากให้ท่านพี่อยู่ด้วย...ไม่สิ ข้าอยากให้ท่านพี่ดำรงตำแหน่งราชามากกว่า ...ไม่เปลี่ยนใจแน่หรือขอรับ”
เรนาร์ดยังคงตื๊อต่อ ยังไงเขาก็ไม่เห็นว่าเขาจะเหมาะสมมากกว่าน้ำฟ้าแต่อย่างไร
“เด็กดื้อ! พี่บอกน้องแล้วใช่ไหม ว่าน้องเหมาะสมกับตำแหน่งราชาที่สุดแล้ว... น้องเกิดและเติบโตในอาณาจักรนี้ และน้องยังเข้าใจหัวอกของประชาชนในอาณาจักร ...พี่เชื่อนะเรนาร์ด ว่าน้องจะนำพาอาณาจักรของเราไปสู่ความรุ่งเรืองได้ในอนาคต”
น้ำฟ้าลูบศีรษะแล้วเอ่ยให้กำลังใจเด็กน้อยตรงหน้า เรนาร์ดนิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ แล้วเงยหน้าสบตากับพี่ชายด้วยแววตาจริงจังหนักแน่น
“ขอรับ...ท่านพี่ ข้าจะทำให้ได้อย่างที่ท่านพี่หวัง!”
“เด็กดี...พี่ฝากอาณาจักรของเราให้น้องดูแลด้วยนะ ...ถ้ายังไงพี่จะมาเยี่ยมบ่อย ๆ”
เรนาร์ดตาวาว พลางโผเข้ากอดพี่ชายแน่น
“จริง ๆ นะขอรับ ท่านพี่ต้องมาหาข้าจริง ๆ นะขอรับ”
“หึ ๆ จริงสิ ...ถึงจะมีคนไม่ยอมให้มา แต่ก็จะแอบหนีมาให้ได้”
ดราโกสะดุ้ง แล้วทำเสียงฮึในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนน้ำฟ้าก็หัวเราะเบา ๆ แล้วจึงเดินไปสอบถามอาการของลูก้าอีกพักหนึ่ง เขาจึงขอลากลับตำหนัก เพื่อไปจัดเตรียมพิธีการหลาย ๆ อย่างกับไทนอสอีกต่อไป
ในวันพิธีส่งมอบมงกุฎราชาให้กับรัชทายาทองค์รอง ประชาชนและผู้คนต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันล้นหลาม เต็มพื้นที่ลานกว้างของวังหลวงเต็มไปหมด น้ำฟ้าและเรนาร์ดที่ยืนอยู่บนระเบียงกว้างของชั้นสอง ยืนโบกไม้โบกมือให้กับประชาชน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีที่เรียกชื่อเจ้าชายทั้งสองก้องกังวานไปทั่ว แองเซล และลูก้า มองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างชื่นชม แต่แล้วพวกเขาก็ต้องพบกับความตกตะลึง เมื่อจู่ ๆ ก็พลันเกิดรอยแยกของมิติด้านหลังของเจ้าชายทั้งสอง และวินาทีที่พวกองครักษ์ปราดเข้าไปหารอยแยกนั่น น้ำฟ้าก็ถูกมือลึกลับประกบปิดปาก แล้วลากหายเข้าไปในรอยแยกมิติด้วยกันทันที
“ท่านพี่!!”
เรนาร์ดตะโกนเรียกน้ำฟ้าลั่นด้วยความตกใจ เมื่อน้ำฟ้าและรอยแยกนั้นหายไปต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ
ลูก้ารีบไปประคองร่างอันสั่นเทาตรงหน้ามาสวมกอด ไม่ให้ร่างนั้นล้มลง ประชาชนต่างตกตะลึง พึมพำกันระงมด้วยความขวัญเสีย แองเซลสบถกับตัวเองอย่างหงุดหงิดที่ไม่อาจช่วยน้ำฟ้าไว้ได้ทัน ทว่าดราโกกลับยืนนิ่งเฉย แล้วเดินมาตบบ่าของเจ้าชายน้อย
“พี่เจ้าไม่เป็นไรหรอก...เชื่อข้าสิ”
สีหน้าและรอยยิ้มเชื่อมั่นของราชามังกร ทำให้ทุกคนในที่นั้นถึงกับงุนงง ยกเว้นไทนอสที่ลอบยิ้มน้อย ๆ อยู่ลำพัง จากนั้นจอมปราชญ์แห่งฮาร์โมเนีย จึงเดินไปยังหน้าระเบียงกว้างแล้วเอ่ยเสียงก้องกังวานให้ทุกคนได้ยิน
“พิธีมอบมงกุฎแห่งราชา กำลังจะเริ่มขึ้น ...ข้าขอเป็นตัวแทนอาณาจักรและเหล่าขุนนาง ทูลเชิญเจ้าชายรัชทายาทองค์ปัจจุบัน ท่านเรโน ...มาปรากฏกายต่อหน้าเหล่าขุนนางและประชาชนของฮาร์โมเนีย ณ บัดนี้!”
ขาดคำของไทนอส แทบทุกคนบนระเบียงนอกจากดราโกถึงกับนิ่งอึ้ง ยิ่งเมื่อได้เห็นร่างของใครบางคนที่เดินออกมาจากเงามืดในปราสาท ทุกคนก็ยิ่งตกตะลึงตาค้างไปตาม ๆ กัน!
ณ อีกด้านหนึ่งในป่าลึกห่างจากวังหลวงไปราวร้อยกิโลเมตร ร่างในชุดคลุมดำก้าวออกมาจากมิติ พร้อมกับร่างบางในอ้อมแขน
“หึ ๆ พบกันอีกแล้วนะเจ้าชาย ...ท่านยังคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลงจริง ๆ”
มาร์ลิคนั่นเอง ปีศาจเฒ่าไม่ได้หนีไปไหนไกลนัก ยังคงหลบซ่อนและรอคอยโอกาสที่จะช่วงชิงตัวน้ำฟ้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขามั่นใจว่า หากควบคุมตัวน้ำฟ้าได้เมื่อใด ก็ย่อมต้องล่อดราโกมาให้ติดกับได้ไม่ช้าก็เร็วแน่
“แต่ข้าว่าเจ้ายังน่าเกลียดไม่เปลี่ยนเลยนะ... ยังไม่ตัดใจจากข้าอีกหรือ เจ้าปีศาจเฒ่า”
น้ำฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ทันทีที่ได้รับอิสระ สร้างความแปลกใจให้กับมาร์ลิคยิ่งนัก
“ดูท่านแปลกไปนะเจ้าชาย ...หรือคิดว่าข้าจะทำอะไรท่านไม่ได้กันแน่”
“หึ ๆ ข้ารู้ว่าเจ้าเก่ง ...พลังป้องกันที่ข้ามี ถ้าเจ้าคิดจะทำลายก็คงไม่ยาก”
เด็กหนุ่มบอกพร้อมกับยิ้มเย้ยหยันนิด ๆ
“เอาเถอะ...ข้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ว่าเจ้าต้องการอะไร....”
ร่างบอบบางปลดกระดุมเสื้อออกช้า ๆ เผยให้เห็นผิวขาวผ่องเนียนนุ่มน่าสัมผัส มาร์ลิคกลืนน้ำลายลงคอ แม้ว่าน้ำฟ้าจะดูผิดแปลกไปจนน่าสงสัย แต่ท่าทางเย้ายวนใจในยามนี้ ทำให้เขาเผลอหลงลืมตัว จนต้องเดินเยื้องย่างเข้าไปหา แต่พอเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายก็หัวเราะคิก แล้วขยับหนี พลางยิ้มยั่วยวน จนปีศาจเฒ่าชักจะทนไม่ไหว แต่พอจะโถมเข้าหาเพื่อปลุกปล้ำ เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก ขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง พอหันกลับไปมองก็ได้เห็น วัตถุเย็น ๆ สีทองที่จ่อมาสัมผัสที่ลำคอพร้อมกับจิตสังหาร อย่างน่าพรั่นสะพรึง
“ลงทุนจริง ๆ นะ กลัวว่ามันจะไม่ตกหลุมพรางเจ้าอย่างนั้นรึ!”
น้ำเสียงเย็นชาติดห้วนเอ่ยเกือบเป็นกระชากอย่างไม่สบอารมณ์ ร่างบางหัวเราะคิก แล้วเอ่ยตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ
“...ก็แล้วแต่ท่านจะคิด”
มาร์ลิคชะงักกึก แล้วจึงหันขวับไปยังน้ำฟ้า เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้เขา ก่อนจะค่อย ๆ ถอดเสื้อออก ชวนให้คนมองใจเต้น แต่ก็ต้องกลับเป็นตกตะลึงเมื่อเห็นปลอกแขนอันคุ้นตาอยู่ที่แขนของอีกฝ่าย
“ลำบากแทบแย่ คนอย่างข้าถึงกับต้องลงทุนใส่เครื่องมือสะกดบ้า ๆ นี่ด้วยนะ…ท่านต้องถอดออกให้ข้าตามสัญญาด้วยล่ะ เจราล”
“หึ ๆ แน่นอน ...แต่คงต้องหลังจากให้ข้าลงโทษ เรื่องที่เจ้าทำหน้าที่ได้เกินพอดีก่อนล่ะนะ”
จอมทัพเทพบอกพร้อมรอยยิ้มดุ ๆ ชักไม่สบอารมณ์ที่คนรักมาถอดเสื้อผ้าโชว์เนื้อหนังมังสาให้ชายอื่นเห็น ดีไปที่อีกฝ่ายอยู่ในร่างของคนอื่น ขืนเป็นร่างของเจ้าตัวเอง เขาคงจะบันดาลโทสะ ควักลูกตาเจ้าปีศาจเฒ่านี่ออกไปแล้ว
“นี่พวกเจ้ารวมหัวกันหลอกข้ารึ! เป็นไปไม่ได้!”
มาร์ลิคตะโกนอย่างตื่นตระหนก เขาแน่ใจว่าเผ่าเทพกลับไปหมดแล้ว จึงคิดกบดานรอให้พวกดราโกประมาท ชิงลงมือลักพาตัวน้ำฟ้าในวันพิธีมอบมงกุฎ ที่การคุ้มกันค่อนข้างหละหลวมมากที่สุด แต่ไม่คิดว่าจะโดนซ้อนแผนเอาเช่นนี้
“ตัวบงการอย่างเจ้ายังลอยนวลอยู่ พวกเทพอย่างข้าจะปล่อยไปง่าย ๆ ได้ยังไง ...คิดถูกจริง ๆ ว่าเจ้ายังติดใจในตัวเด็กคนนี้ พวกเราจึงใช้แผนซ้อนแผน ปลอมตัวเป็นเขา ล่อให้เจ้าออกมายังไงล่ะ!”
เจราลพูดขึ้นราวกับจะรู้ใจอีกฝ่าย ทำให้มาร์ลิคต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ
“เวนอล! นำตัวมันไปคุมขังที่คุกของดินแดนเทพ แล้วรอการตัดสินในภายหลัง!”
เจราลหันมาเรียกลูกน้องที่ติดตามเขามาพร้อมกัน อีกฝ่ายรับคำแล้วจัดการนำตัวมาร์ลิคไปทันที เหลือแต่เพียงเจราลกับร่างของเด็กหนุ่มยืนอยู่ลำพัง
“ยังไม่กลับร่างเดิมอีกหรือ ...ระวังนะ เกิดข้าติดใจร่างเด็กคนนี้ขึ้นมา น้องชายเจ้าจะลำบากเสียเปล่า ๆ”
เจราลเอ่ยกระเซ้า แต่คนฟังไม่ได้นึกโมโหอันใด กลับยิ้มน้อย ๆ แล้วมองปลอกแขนในมือตน
“ท่านมาไวกว่าที่คิดนะ ข้านึกว่า กว่าจะจับกระแสพลังเทพจากปลอกแขนนี่ได้ คงต้องถูกเจ้าปีศาจเฒ่านั่นลวนลามสักยกสองยกเสียแล้ว”
จอมทัพเทพสะดุ้ง แล้วตีสีหน้าบึ้งตึงใส่คนพูด ก่อนจะเดินมาโอบกอดร่างเปลือยท่อนบนอย่างถือสิทธิ์
“ถ้าเจ้าปล่อยให้มันทำเช่นนั้นกับเจ้า ข้าจะสังหารมัน แล้วจับเจ้าขึงบนเตียงของข้า เจ็ดวันเจ็ดคืนไม่ปล่อยเลย คอยดู!”
ร่างบางหัวเราะคิก แล้วจึงค่อย ๆ กลับคืนสู่ร่างเดิมของตน เป็นชายหนุ่มร่างโปร่ง ผมยาวดำสลวยดุจสีตา ใบหน้างดงามละม้ายคล้ายกับราชามังกรอยู่บ้าง
“ท่านนี่นะ...รู้ทั้งรู้ว่า ใจและกายของข้าเป็นของท่านแค่เพียงผู้เดียว ยังจะหึงอะไรไร้สาระอยู่ได้”
ดาร์เรนเอ่ยเย้า แต่คำพูดของเขาก็ทำให้คนฟังเริ่มคลายโทสะลงได้บ้าง
“ก็เพราะเจ้านั่นล่ะ รู้ทั้งรู้ว่าข้าทั้งรักทั้งหลงเจ้าถึงขนาดนี้ แต่กลับชอบยั่วให้ข้าหึงให้ข้าโมโหอยู่เป็นประจำ”
เจราลโต้กลับ แล้วเริ่มมือไม้อยู่ไม่สุข ลูบไล้แผ่นอกผ่านเสื้อหนังสีดำรัดรูปที่คนรักสวมใส่อยู่
“ฮึ ๆ ใจร้อนจริงนะเจราล ... แต่เสียใจด้วย ข้าไม่ชอบร่วมรักกลางป่ากลางเขาแบบนี้หรอกนะ”
ดาร์เรนยิ้มหวานยั่ว ทำให้คนมองกลืนน้ำลายลงคอ พลางร้องขอเสียงแหบพร่าด้วยไฟปรารถนา
“ถ้าเช่นนั้นก็รีบกลับตำหนักไปกับข้าพร้อมกันสิ...”
“ก็อยากอยู่หรอก...”
บุตรชายคนโตของอดีตราชามังกรเอ่ยพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนจะผลักร่างสูงกว่าตนออกไปห่าง ๆ
“แต่เสียใจด้วยนะ เพราะข้าคิดถึงดราโกน้องชายของข้ามากกว่า ...ดังนั้นท่านก็ไปจัดการคดีของท่านให้เสร็จสิ้นเถอะ.. เพราะบางที ข้าอาจจะตามดราโกกลับอาณาจักรมังกร และไปพักที่นั่น จนถึงพิธีฉลองฤดูใบไม้ผลิก็เป็นได้”
จอมทัพเทพเบิกตากว้าง แล้วรีบคว้าร่างโปร่งมากอดหมับอย่างหวงแหน
“ไม่มีทาง! ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าห่างข้านานขนาดนั้นแน่!”
“แล้วใครกันที่เคยกักตัวข้าอยู่ที่ตำหนักเทพเกือบครึ่งปี ... ข้าแค่จะกลับบ้านเยี่ยมญาติไม่กี่เดือน ท่านยอมให้ข้าไม่ได้เชียวหรือ?”
ดาร์เรนบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเย็นชา แบบที่เจราลต้องกลืนน้ำลาย และยอมปล่อยร่างในอ้อมแขนให้เป็นอิสระอย่างไม่เต็มใจนัก
“ข้ารักเจ้านะดาร์เรน ...”
“หึ ๆ ข้ารู้ ...ข้าก็รักท่านนะเจราล”
ดาร์เรนบอกยิ้ม ๆ ก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากคนรักแผ่วเบาอย่างประจบ พลางพลิ้วกายหลบอ้อมกอดของอีกฝ่ายอย่างจงใจ
“ข้ากลับฮาร์โมเนียก่อนล่ะนะ ที่รัก...”
มังกรหนุ่มสร้างรอยแยกมิติขึ้นตรงหน้าอย่างไม่ลำบากอันใดนัก เพราะพลังเวทของทายาทแห่งราชวงศ์มังกร แม้จะลดเหลือเพียงครึ่งเดียว แต่ก็ยังเพียงพอที่จะสามารถป้องกันตัวเองได้สบาย ๆ เขาจึงออกรับอาสาปลอมตัวเป็นน้ำฟ้าแทนเช่นนี้ แม้ก่อนหน้านั้น เจราลจะค้านอย่างไม่สบอารมณ์นักก็ตาม แต่จอมทัพเทพก็ไม่เห็นมีใครที่จะเหมาะสมเท่ากับดาร์เรนอีกแล้ว
“เผ่ามังกร...มีแต่พวกชอบก่อปัญหา และกวนโมโหแทบทั้งนั้น!”
เจราลสบถเบา ๆ แต่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคนรักชอบยั่วอารมณ์เขา แต่จอมทัพเทพก็ยังคงรักมั่นคงในตัวของอีกฝ่ายไม่เสื่อมคลาย และเขาเองก็มั่นใจว่าดาร์เรนก็คิดกับเขาไม่ต่างกันนัก ถึงแม้มังกรหนุ่มจะชอบแกล้งแหย่ให้เขาหึงบ่อย ๆ ก็ตามอยู่บ้างล่ะนะ!
--- TBC ---