ตอนที่ 5
ก็จีบสิเหมือนมีคนตามมา
ผมกำลังสับขาก้าวไวๆแต่ด้วยช่วงขาสั้นเพราะเกิดมาเตี้ยทำให้ตอนนี้ทางเดียวที่จะหนีได้เร็วที่สุดคือวิ่ง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะออกสตาร์ทความรู้สึกที่ว่ามีคนเดินตามนั้นก็ชัดเจนขึ้นเมื่อบุคคลที่ผมกำลังจะวิ่งหนีมาถึงตัวเสียก่อน
“หยุด!”
เฮือก!! ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อใครคนนั้นเอามือมาจับที่ไหล่ของผมทั้งสองข้าง
“มึงจะรีบเดินไปไหน ไอ้ห่า” คำทักทายกับน้ำเสียงที่คุ้นหูด้วยภาษาที่มีสถุนรุนชาติแบบนี้เล่นเอาผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ไอ้ว่าน”
“เออ ก็กูน่ะสิ มึงคิดว่าณเดชน์หรือไง” ขออนุญาตกรอกตาเบาๆ
“มึงตามกูมาทำไมวะ”
“มึงเป็นเชี่ยไร ไข้ขึ้นตัวร้อน สมองเสื่อมหรอ กูไลน์บอกมึงแล้วนะว่าวันนี้จะมาแดกข้าวเที่ยงด้วย”
“อ่าหรอ โทษทีกูลืมโทรศัพท์ไว้ที่หอ” ไม่ได้ลืมธรรมดานะ แต่กูจงใจลืมเลยอ่า
“ถึงว่าไม่ตอบไลน์กูเลยมาดักรอที่ใต้ตึก แล้วมึงเป็นไร พอมึงลงมาจากตึกกูก็เห็นมึงมองซ้ายมองขวาเหมือนเจอผีแล้วรีบเดินอย่างกับควายหาย”
“ป่าวๆ ไม่ได้เป็นไร กูสบายดี” ผมแก้ตัวแต่เหมือนไอ้ว่านจะไม่เชื่อ เพราะมันกำลังหรี่ตามองผมอย่างจับผิด แต่เพื่อตัดรำคาญผมถึงได้รีบพูดขึ้นมาก่อน
“จะไปกินข้าวไม่ใช่ไง ไปดิ”
“เปลี่ยนเรื่องเชียวนะมึง”
ผมเงียบไม่ตอบอะไรพร้อมกับรีบลากไอ้ว่าน ก่อนเป็นมันที่เปลี่ยนมาลากผมไปยังบริเวณลานจอดรถข้างคณะแทนเพื่อแว๊นซ์สกูปปี้ไอของมันไป
เราแวะกินมื้อเที่ยงกันที่หลังมอ เป็นร้านอาหารตามสั่งที่บริเวณหน้าร้านจะเป็นลานโล่งๆสำหรับครัวทำอาหารส่วนที่นั่งของลูกค้าจะเป็นห้องกระจกที่จะไม่มีกลิ่นควันอาหารเข้ามารบกวนพร้อมด้วยแอร์ปรับอากาศที่ทำให้อากาศไม่ร้อนเกินไป ผมสั่งข้าวผัดหมูไข่ดาว ส่วนไอ้ว่านสั่งข้าวกระเพราหมูกรอบไข่เจียว
ระหว่างที่กำลังรออาหารไอ้ว่านก็เริ่มทำการซักไซ้ผมตามปรอทความเผือกของมันที่แตะจุดเดือด
“บอกกูมาว่ามึงทำท่าลุกลี้ลุกลนหนีอะไร”
“ไม่มีอะไรไงกูบอกแล้วมึงไม่เชื่อวะ”
“น่าเชื่อตายล่ะสัด อ่ะนี่เอาไป เดี๋ยวหาว่ากูล้าหลัง” วุ้นเป็ดจอมเผือกยื่นไอโฟนของมันมาให้ผม ผมรับมาแล้วก็ทำหน้างงใส่มัน
“อะไร?”
“ไอโฟนไง มึงคิดว่าเป็นของเล่นหมาหรอ”
“กูรู้ครับ แต่ที่ถามคือมึงจะเอาให้กูทำไม”
“ก็เปิดสิครับ แล้วก็แหกตาหลังแว่นมึงดูเอาซะ”
“มึงจะให้กูดูอะไรในเมื่อมึงใส่รหัสเอาไว้น่ะ” เกือบจะปาไอโฟนแสกหน้ามันแล้วดีที่มันคว้าไปจิ้มจึ่กๆๆ แล้วยื่นมาให้ผมใหม่
“เอ้า...คราวนี้ได้แล้ว”
ผมเลยทำตามที่มันบอกมองดูสิ่งที่มันเปิดค้างเอาไว้ พอมองดูแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น แล้วยิ่งพอไถนิ้วสไลด์หน้าจอไอโฟนมันก็ยิ่งก้มหน้าแทบติดจอมือถือ แล้วตาใต้กรอบแว่นก็เริ่มโตขึ้น โตขึ้น พร้อมกับคำว่า Shipหาย ตัวเท่าฝาบ้านแปะกลางหน้าผาก
รักคุณครับ แฟนเพจ ได้แท็ก
TK Krittidumrong เมื่อวานนี้เวลา 23.02 น.
ดึกๆไม่หลับไม่นอน ความเผือกทะลุจุดเดือด งานแอบถ่ายระดับ HD ก็มา แอด จ.จาน
10,023 Likes 805 Comments
พร้อมแนบภาพ 4 ภาพ ซูมระดับ HD ยิ่งกว่าที่เจ๊นิดวิทยาฯโพสต์ไว้เสียอีก
ภาพแรกเป็นภาพที่แทนคุณคีบปลาดิบวางในจานของผม
ภาพสองเป็นภาพที่เราส่งโรมขึ้นรถเพื่อนหน้าห้าง
ภาพสามเป็นภาพที่เราเดินไปที่ลานจอดรถ
ภาพสุดท้ายคือภาพที่ผมเปิดประตูลงจากรถของแทนคุณ
‘แอดคะ เรามีความหลงรักหนุ่มแว่น จิตใจไม่ดีเลยคุณขา’
‘หน้าจิ้มลิ้มมากเลยค่ะ เราพลาดไปได้ยังไง’
เจ๊ โร ซ่า กรีดร้องงงงงง ภาพคู่หน้าห้างคือดีย์ #ตัวเล็กตัวโต
เจ้าขา กฤติดำรง ขุ่นแม่โรซ่า มาจิ้นกันมั้ยคะ
เจ๊ โร ซ่า วรั้ยยย น้องเจ้า หนูเป็นแม่ยกคุณโรมอยู่ไม่ใช่หรอคะ
AunAun Aunchita #ตัวเล็กตัวโต ขออยู่ทีมนี้ด้วยคนนะคะ คริๆ
เจ้าขา กฤติดำรง คุณโรมอยู่ในใจค่ะ ขุ่นแม่ อย่างที่เรารู้ๆ #แค่เพื่อนจริงอะ
Thai Shares Cute Boys ได้แชร์โพสต์ของ
TK Krittidumrong เมื่อเวลา 8.49 น.
เมื่อคืนมีประเด็นเจ้าของสมุดของแทนคุณ ใครอยากรู้จักมากกว่านี้ ขอให้ยกมือขึ้น #เจ้าของสมุด
3,504 Likes 417 Comments
พร้อมภาพที่ผมถูกแอบถ่ายโดยฝีมือของแทนคุณ เห็นแล้วก็อยากจะกด report ให้ลบทิ้งแต่ก็ไม่ทำ
‘อยากมากค่ะแอด เรามองเห็นเค้าความโมเอ้ของเจ้าของสมุด’
‘เราสืบอยู่ แต่ไม่รู้จักใครที่เรียนสินกำเลย เสียดายมาก’
‘เราได้ภาพมาใหม่แอด เราไปส่องจากเพจเด็กสินกำมา’
Thai Shares Cute Boys ได้แชร์โพสต์ของ
F&AA ตามติดชีวิตเด็กอาร์ต เมื่อเวลา 9.15 น.
ภาพตอนเจ้าของสมุดรับน้องจ้ะ ขอบคุณ Plamy Pichaya สำหรับข้อมูลด้วยค่ะ #ยูเจ้าของสมุด
5,983 Likes 539 Comments
‘น่ารักเชียวคุณเจ้าของสมุด #ยูเจ้าของสมุด’
‘เด็กแว่นโมเอ้ ขนาดโดนแอบถ่ายยังน่ารัก #ยูเจ้าของสมุด’
‘ต่อมเผือกทำงานระริกๆเลยค่ะ’
อยู่บนคาน มันหนาวจริง แอดคะ ได้ข้อมูลมาใหม่ เผือกไม่หลับไปนอนต้องไปส่องนะคะว่าใช่หรือเปล่า นี่ค่ะเฟซฯ
บะหมี่ เกี๊ยว แต่เราว่าใช่นะคะแอด #ยูเจ้าของสมุด
“เหี้ย!!” ผมรีบยื่นไอโฟนคืนไอ้ว่านไปราวกับว่ามันเป็นของร้อน
“อ่ะ ทีนี้บอกกูได้ยังว่าอะไรยังไง”
แต่ก่อนที่ผมจะได้ตอบคำถามอะไรของไอ้ว่าน อาหารที่สั่งไว้ก็มาวางตรงหน้าเสียก่อน ทำให้เราหันมาจัดการอาหารตรงหน้าให้แล้วเสร็จก่อน พอดูดน้ำจนหมดแก้วไอ้ว่านก็ตวัดน้ำแข็งหลอดเข้าปากเป็นการตบท้าย
“เอิ๊ก อิ่มสัด” ไอ้ว่านผู้สถุนขัดกับหน้าตาและอนาคตของความเป็นครูเรอเสียงดังเป็นการบ่งบอกอาการอิ่ม
“ไอ้ยู” นานทีปีหนไอ้ว่านจะเรียกชื่อเล่นจริงๆของผมสักทีทำให้ผมเงยหน้ามองมันแทนการพิจารณาน้ำแข็งที่กำลังละลายในแก้วพลาสติก
“กูว่าโต๊ะข้างหลังกับโต๊ะซ้ายมือเขามองมึงแปลกๆ”
“งั้นกูว่า เรารีบออกจากร้านเหอะ” ไอ้ว่านพยักหน้าหงึกหงักรับคำ พอจังหวะที่เราลุกขึ้นจากเก้าอี้เท่านั้นแหละ เสียงลุกจากเก้าอี้ก็ดังขึ้นตามมาอีกสองถึงสามตัว
ผมแอบเหลือบมองไปทางซ้ายทางขวาก่อนจะรีบเดินก้มหน้าก้มตานำหน้าไอ้ว่านออกไปนอกร้าน แต่อย่าคิดว่าผมจะหนีพ้น พอออกมาหน้าร้านระหว่างรอจ่ายตังให้เจ๊เจ้าของร้าน ผมก็ถูกสะกิดเบาๆที่ไหล่
“น้องยูใช่มั้ยจ๊ะ” ผมหันไปตามเสียงเรียกเพื่อพบว่าคนที่เรียกผมเป็นรุ่นพี่ปีสามสังเกตได้จากสีของหัวเข็มขัดที่จะไม่เหมือนกันสักชั้นปี และอาจจะเป็นเด็กมนุษย์ฯเกาหลี สังเกตจากติ้งที่เป็นรูปธงชาติเกาหลีใต้ตรงปกเสื้อ
“คะ..ครับ”
“น่ารักอ่ะแก” พี่เขาไม่พูดธรรมดาแต่หันไปกรี๊ดกร๊าดเบาๆกับเพื่อน
“น้องยูมากับใครหรอคะ” พี่อีกคนดูรู้ทันทีว่าเป็นเกย์สาวน้อยเอ่ยถามผมบ้างพร้อมมองไปทางไอ้ว่านที่ยืนไร้บทบาทอยู่ข้างๆผม
“เอ่อ...เพื่อนน่ะครับ ชื่อว่าน”
“สวัสดีครับ” ว่านมันยกมือไหว้ทักทายพี่ทั้งสองคน
“แล้วน้องยูจะไปไหนหรอคะ” ผมเกาแก้มเบาๆ พลางมองพี่สองคนสลับกัน แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรไปพี่ผู้ชายร่างอ้อนแอ้นเจ้าของคำถามก็คว้าแขนผมไว้มั่น
“ถ้าน้องยูไม่รีบไปไหน พี่ขอรบกวนเวลาน้องยูสักครู่ได้ไหมคะ” ผมถึงกับต้องหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากไอ้ว่านที่มันกำลังทำเป็นมองทางอื่นไม่สนใจใยดีผม
“เอ่อ...พี่ๆต้องการอะไรจากผมหรอครับ”
เป้งๆๆ!! “ว๊าย แหก!”
เสียงจากการเคาะกระทะของเจ๊เจ้าของร้านทำเอาพี่สาวในร่างชายอุทานด้วยความตกใจ
“นี่น้อง ถ้าจะคุยกันอีกนานก็ออกไปข้างๆร้านได้มั้ย มันขวางทางหน้าร้านเจ๊” แล้วป้าแกก็ตวาดแหวมาให้พวกเราสี่ชีวิตหลีกออกมายืนข้างร้านแทน แล้วพี่สองสาว(?) ก็เข้าเรื่องต่อทันที
“พี่ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ พี่ชื่อ โรส อยู่มนุษย์ฯเกาหลี ปี 3 ค่ะ” พี่ผู้หญิงเป็นคนแนะนำตัวขึ้นมาก่อน
“พี่ชื่อแชมีนะคะ พี่สองคนเป็นคณะกรรมการสภามหา’ลัยค่ะ” และพี่ผู้ชายก็แนะนำตัวบ้าง (ซึ่งผมเดาว่า แชมีคงไม่ใช่ชื่อเล่นจริงๆของพี่แกแน่นอน)
“พี่ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ คือว่าพี่ๆอยากให้น้องยูไปเดินขบวนพาเหรดในงานกีฬาเฟรชชี่ค่ะ” พี่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกันรีบเอ่ยขึ้นมาทันที
“คือผม......” ผมหันไปหาไอ้ว่านอีกครั้งกะขอความช่วยเหลือมัน แต่มันหยิบไอโฟนขึ้นมาเล่นโปเกม่อนโกเฉย
“นะคะ พี่ขอร้องล่ะค่ะ”
“พวกพี่ขาดคนจริงๆนะคะ”
“ใช่ค่ะตอนแรกก็วางน้องอีกคนไว้ แต่ว่าน้องดันมาเกิดอุบัติเหตุแขนหัก หายไม่ทันวันงานด้วย”
“นะคะ น้องยู นะๆ”
“แต่ผมมีหน้าที่สวัสดิการนักกีฬาอยู่แล้วครับ”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาค่ะ”
“แล้วผมต้องทำอะไรบ้างอ่ะครับ” สิ้นสุดคำพูดนั้น พี่ทั้งสองก็มองหน้ากันแล้วฉีกยิ้มกว้าง
กูเกลียดความใจอ่อนของตัวเองโคตรอ่ะ ฮือ T___T
หลังจากที่พี่สองคนนั้นกลับไปแล้วพร้อมกับที่ผมได้ทำการแลกไลน์ไว้เรียบร้อยเพื่อที่พี่เขาจะได้ไลน์บอกกำหนดการซักซ้อม ส่วนผมกับไอ้ว่านก็ไปนั่งในร้านนมปั่นร้านเดิมที่เพิ่งจะมากับอันอันไปเมื่อไม่กี่วัน และก็มานั่งคุยกันด้วยเรื่องเดิมอีกด้วย พอผมเล่าทุกอย่างให้ไอ้ว่านที่ช็อกตาแตกตอนที่ผมบอกว่าแอบรักแทนคุณมา 2 ปีนั้นจบลง มันก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“มึงไม่รังเกียจกูใช่มั้ยวะ”
“ปัญญาอ่อนน่ะ ถ้าจะตัดเพื่อนกันเพราะเรื่องแค่นี้ กูว่ามันไม่แนวอ่ะ”
“เอ่อ...”
“แต่ที่กูสงสัยคือ ไอ้แทนคุณมันรู้หรือเปล่าว่ามึงคิดยังไงกับมัน” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แล้วมึงอยากบอกมันมั้ย” ผมส่ายหน้าอีก
“ทำไมว่ะ กลัวมันปฏิเสธหรอ”
“ไม่ใช่แต่ก็ไม่เชิง” ไอ้ว่านพยักหน้าพลางดูดโกโก้ปั่นของมันดังซู๊ด
“แล้วทำไมถึงไม่บอก”
“แล้วมึงคิดว่ากูควรบอกเขาเพราะอะไร”
“เอ้า ก็เพราะว่ามึงชอบมันแค่นี้ไงเหตุผล” ผมกรอกตามองบนแป้บนึง ก่อนจะขยับแว่นตัวเองเข้าที่ แล้วมองไอ้ว่านตรงๆ
“ไอ้ว่าน บางทีมึงอาจจะแดกวุ้นเป็ดมากเกินจนสมองมึงฝ่อเกินไป”
“มึงเองก็คิดเยอะเกินไป หัดคิดอะไรแค่ตื้นๆบ้างก็ได้นี่” มันสวนกลับมาทันควัน ทำเอาผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายที่จะคุยกับมัน
“กูพูดจริงๆนะ ยู กูว่ามึงต้องบอกมัน” ทุกครั้งเวลาจริงจัง ไอ้ว่านจะเรียกชื่อผมด้วยชื่อเล่นจริงๆแบบนี้ และผมรู้ว่าที่มันบอกแบบนี้คือการแสดงความหวังดีของมัน มันไม่อยากให้ผมเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ เพราะถ้านานวันเข้ามันอาจจะหมักหมมจนผมไม่ยอมเปิดใจยอมรับคนอื่น บางทีอาจมีใครสักคนที่เขาต้องการจริงใจกับผมมากๆแล้วผมอาจจะมองไม่เห็น เพียงเพราะผมยังไม่สามารถตัดความรู้สึกที่มีต่อแทนคุณได้
ผมรู้ว่าการแอบรัก การได้ชอบใครสักคนมันดี
แต่จะดีกว่าถ้าเราบอกออกไป ได้พูดมันออกไป ในช่วงที่เขายังอยู่ไม่ไกล
ถึงแม้ผลมันจะออกมาในรูปแบบไหน แต่เราจะไม่รู้สึกเสียใจถ้าได้พูดมันออกไป
ผมได้แต่มองนมปั่นในแก้วที่ค่อยๆละลาย พร้อมความคิดที่ค่อยไหลวนอยู่ในหัว ก่อนจะยกแก้วนมปั่นมาดูดอึกใหญ่ แล้วคนหลอดในแก้วเล่นพร้อมพรั่งพรูสิ่งที่คิดนั้นให้ไอ้ว่านมันฟัง
“มึงจะให้จู่ๆกูเดินเข้าไปแล้วบอก แทนคุณ เราชอบนาย เป็นแฟนกันมั้ย แบบนี้หรอ ตลกแดกล่ะสัด”
“......”
“กูรู้ว่ามึงไม่อยากให้กูอึดอัด แต่กูกับแทนคุณไม่ใช่คนที่รู้จักกันมาก่อน มีแค่กูนี่ที่รู้จักเขาแค่ฝ่ายเดียว กูไม่หน้าด้านพอที่จะทำแบบนั้นหรอก”
“.....”
“รู้แบบนี้แล้ว มึงยังจะคิดให้กูไปบอกมันอีกหรือเปล่าล่ะ”
“.....”
พูดในส่วนที่ตัวเองคิดจนยาวเหยียดแต่ไอ้ว่านวุ้นเป็ดแม่งก็เอาแต่เงียบ ไม่สนใจที่จะตอบโต้อะไร ผมจึงเลิกสนใจคนนมปั่นในแก้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองมัน ก่อนจะเห็นหน้าตาเหวอของเพื่อนตัวเอง ที่อ้าปากตาค้างเหมือนตกใจกับอะไรสักอย่าง
ไม่ต้องรอให้ผมหันหลังกลับไปมอง ฝ่ามือหนักๆก็กดลงที่ไหล่ของผมพร้อมตัวการที่ทำให้ไอ้ว่านวิญญาณออกจากร่าง
“ถ้าอย่างงั้นก็ลองจีบดูก่อนมั้ย” น้ำเสียงที่ผมจำได้ดีว่าเจ้าของเสียงคือผู้ชายตัวสูง 185 เซนฯ ผู้มีตำแหน่งติดตัวเป็นถึงเดือนมหา’ลัย ผมได้แต่ตัวแข็งค้างราวกับไปสบตาเมดูซ่าเข้า แต่ไม่ใช่เลย เพราะผมไม่ได้สบตาเมดูซ่าแต่อย่างใด ผมแค่เงยหน้าขึ้นไปสบตากับ แทนคุณ กฤติดำรงต่างหาก
“มะ...มะ.....มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่ที่ยูพูดว่า
มึงจะให้จู่ๆกูเดินเข้าไปแล้วบอก แทนคุณ เราชอบนาย เป็นแฟนกันมั้ย แบบนี้หรอ ตลกแดกล่ะสัด ตอนนั้นเลยน่ะ”
และเสียงของอีกคนที่พอผมเบนสายตาไปมองก็ยิ่งช็อกเข้าไปอีก
“โรม”
“หวัดดี”
ใครก็ได้พากูหนีออกไปจากตรงนี้ที
ถ้าให้ดีขอแบบวาร์ปหายไปเลย
จบตอน มาคุยกันเถอะ !กร๊าซซซซซซซซ มาลงตอนที่ 5 อย่างไว แต่มาแบบสั้นๆ (อยู่ในโหมดขยัน)
น้องยูจะทำไงล่ะทีนี้ คริๆๆ