กำลังใจ
“แม่ครับ อันนี้ยกออกไปเลยไหม” ผมถามแม่ถึงหม้อซุปไก่หม้อใหญ่ที่มักจะขายดีในหน้าหนาวแบบนี้
“ยกเลย ระวังร้อนนะลูก”
ผมค่อยๆวางมันที่หน้าบ้านที่เป็นที่ขายกับข้าวของแม่
“กันต์ พ่อซื้อนี่มาให้”
พ่อชี้ไปที่ถุงขนมเจ้าดังที่ต่อคิวนานมากและท่านก็รู้ว่าผมชอบ
หลังจากฝึกงานเสร็จและตกลงกับบริษัทว่าจะเริ่มงานเดือนหน้า ผมก็กลับมาอยู่บ้านได้สองวันแล้ว สองเดือนที่ผ่านมาผมไม่ได้เจอภัทรเลยผมไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้างเพราะผมพยายามโทรไปหาแล้วเขาไม่รับ ส่วนแชทของผมเขาอ่านแต่ก็ไม่ตอบ
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่บ้านเขาบ้าง ผมถามเขาไปหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเขา เรื่องของแม่เขา ถึงผมจะไม่ใช่คนดีนักแต่ผมแค่คิดว่าถ้านั่นเป็นแม่ผมบ้างผมเองก็คงเจ็บปวดไม่ต่างกับภัทร แต่ผมกลับไม่ได้ข่าวสารอะไรเลย
ทันทีที่รู้ตัวว่าได้หยุดหนึ่งเดือนก่อนทำงานผมก็เก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าแล้ว
กลับมาหาแม่ทันที เพราะถ้าไม่มีงานแล้วผมคงฟุ้งซ่าน
...ผมคิดถึงภัทร...
“เหม่อนะเรา” แม่ทักก่อนจะยิ้มน้อยๆให้ผม เพราะท่านรู้
“แม่ กันต์มีเรื่องจะถาม”
“ลูกค้าเริ่มมาแล้ว เสร็จวันนี้เราค่อยคุยกันเนอะ” แม่บอกปัด ผมพยักหน้ารับก่อนจะออกไปช่วยงานหน้าร้าน แปลกดีที่แต่ก่อนผมเกลียดการเป็นเด็กในตลาดที่ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหน วันๆตักแต่กับข้าว แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันก็สนุกดี
“พี่กันต์กลับมาเหรอ” น้องผู้หญิงแถวบ้านที่กำลังจะเดินมาซื้อกับข้าวกับแม่ของเธอทักขึ้น ผมยิ้มให้ก่อนจะทักทายกลับ
“เป็นไงบ้าง อยู่ป.ไหนแล้ว”
“ม.1 แล้วน้องกันต์แต่ไม่โตเลย ไม่เหมือนน้องกันต์นะเนี่ยยิ่งโตยิ่งหล่อ” แม่ของเธอตอบแทน
“หล่อนะลูกฉัน เรียนก็จบแล้ว นี่เก่งจนเขารับเข้าทำงานเลยนะ” แม่ว่าพร้อมกับยิ้มหน้าบาน ทำให้ผมคิดถึงตัวเองตอนที่คิดว่าตัวเองไร้ค่า ตอนนี้ผมก็เพิ่งนึกได้ว่าผมเป็นความภูมิใจของพ่อกับแม่
“กินข้าวก่อนไหมลูก ผัดผักอร่อย” แม่ถามในระหว่างที่กำลังสาละวนมัดถุงแกงและลูกค้ากำลังเยอะ
“เดี๋ยวค่อยกินพร้อมกันก็ได้แม่”
“กลัวกันต์หิวไง”
ผมส่ายหน้าว่ายังไม่หิว ผมว่าคนเป็นพ่อกับแม่นี่วิเศษนะ เสียสละให้ลูกได้ทุกอย่าง ทุกวันนี้ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้ามีลูกแล้วจะเลี้ยงเขาได้แบบที่พ่อแม่ผมเลี้ยงหรือเปล่า
แม่ผมมีนิสัยชอบแบกทุกอย่างไว้คนเดียว ต่างจากพ่อผมที่ไม่ค่อยพูดนัก ทำให้แต่ก่อนสองคนนี้ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ แต่พอเริ่มแก่ตัวผมถึงเห็นว่าพ่อกับแม่จูนกันติดมากกว่าเดิม และอาจจะเป็นเพราะว่าผมโตขึ้นมาอีกนิดแล้วก็ได้ ถึงได้มองเห็นข้อดีมากมายจากการได้เป็นลูกของพ่อแม่ ไม่ใช่มองแต่มุมที่ไม่ดีของพวกท่าน เพราะผมก็เคยพลาดทำสิ่งที่ไม่ดี
ผมเป็นมนุษย์ และพ่อแม่ก็เป็นมนุษย์...เราล้วนแต่เคยผิดพลาด
“แม่บอกมีอะไรจะพูดเหรอ” พ่อถามในตอนที่เก็บร้านเรียบร้อยแล้ว เรานั่งล้อมวงกินกับข้าวที่ตักแบ่งออกจากที่ขาย ผมมองแล้วมีแต่ของโปรดผมทั้งนั้น
“ผมชอบผู้ชาย” ผมตัดสินใจบอกแม้รู้ว่าจะทำให้อาหารมื้อนี้ไม่อร่อยก็ตาม แม่พยักหน้าก่อนจะพูดบ้าง
“รู้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ให้ดูการ์ตูนเจ้าหญิงแล้วอยากเป็นเจ้าหญิง แต่โตมาก็ไม่ได้จ๊ะจ๋าเลยคิดว่าน่าจะเปลี่ยนได้” แม่บอกพร้อมกับขำ ส่วนพ่อที่ปกติเงียบอยู่แล้วก็เงียบไปกันใหญ่
“ในทีวีดังๆรวยๆทำงานเก่งตั้งหลายคน ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” แม่พูดแล้วหันไปบอกพ่อ พ่อจ้องที่ผมนิ่งก่อนจะถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“จะไม่ผ่าเอาไข่ออกใช่ไหม”
ผมรีบส่ายหัว
“ไม่พ่อ กันต์ไม่ทำ ไม่ได้ชอบแบบนั้น”
พ่อที่ถือช้อนส้อมค้างไว้ดูโล่งใจ พ่อตักผัดผักลงบนจานผมก่อนจะบอกด้วยท่าทางขัดเขิน
“เออ เลือกคบคนดีๆ อย่าเอาขี้เหล้าก็พอ”
“เหมือนพ่อเหรอ” ผมแกล้งถาม แม่หัวเราะจนตาปิด พ่อเกาหัวก่อนจะบอกเสียงดัง
“เลิกแล้ว”
เมื่อเช้าผมไปวัดกับแม่กับยายข้างบ้านเพื่อทำบุญให้ยาย ผมที่แต่ก่อนไม่เชื่อเรื่องบุญหรือกรรม ไม่เชื่อว่าชาติหน้ามีจริงกลับไหว้พระแล้วขอให้ยายมีความสุขอยู่สักที่ นี่ถ้ายายรู้ว่าหลานรักแบบผมอกหักมาคงจะสมน้ำหน้ามากกว่าปลอบแน่นอน
“กันต์ มีคนมาหา”
“ใครพ่อ” ผมไม่ได้มีเพื่อนที่ไหนถึงได้สงสัย
“ออกไปดูไป”
ผมเดินออกมาหน้าบ้านก็จะได้เห็นว่าคนที่ผมคิดถึงเขามากยืนอยู่ใต้ร่มต้นมะขามต้นใหญ่ที่ตอนเด็กผมชอบปีน ผมสวมรองเท้าแตะก่อนจะค่อยๆก้าวเท้าไปหาเขาด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้เศร้าแต่ก็ไม่สุขเสียทีเดียว
สองเดือนที่ผ่านมาผมอยู่คนเดียวอย่างที่เคยเป็น แต่ผมโทรหาพ่อกับแม่ทุกวันแทนที่จะเป็นภัทร เพราะผมโทรไปกี่ครั้งเขาก็ไม่รับ ผมที่ร้องไห้เหมือนจะตายในวันแรกๆที่เขาไป ค่อยๆดีขึ้น อาจจะเพราะว่าผมมีประสบการณ์การจากเรื่องที่ผ่านๆมาด้วย
ความสัมพันธ์ของผมกับกันต์อาจจะเป็นความลุ่มหลงหรือความรักครั้งแรกก็ไม่รู้ ตอนที่มันขาดไปมันถึงเจ็บหนัก แต่ก็ยืนขึ้นได้เร็วเพราะผมรู้ตัวเองมาตั้งแต่แรกว่าผมกับเขาไม่มีทางเป็นอื่นนอกจากคู่นอน
ส่วนกับภัทรผมอยู่กับเขาด้วยความหวัง หวังว่ารักที่เขามีให้จะทำให้ผมมีความสุข และผมก็รักเขาเพื่ออยากให้เขามีความสุขเหมือนกัน เขาอาจจะมองว่าผมรักเขาไม่เท่ากับรักแรกที่ผมเคยรักแต่ความรักนั้นเข้าใจยาก ผมอาจจะไม่หลงเขาแบบหัวปักหัวปำแบบที่เคยเป็นกับกันย์ แต่ขนาดแม่ผมยังแต่งงานกับพ่อเพราะแค่พ่อหล่อเลย แล้วถ้าถามว่าพ่อแม่ผมเขารักกันไหม ...เขาก็รักกันดี… เพราะฉะนั้นผมถึงไม่กล้านิยามความรักอีก
“ว่าไง” ผมทักคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน ภัทรดูผอมลงนิดหน่อย เขามองหน้าผมก่อนจะค่อยพูด
“มีเรื่องอยากคุยด้วย”
ผมว่าผมรู้ว่าเขาจะคุยอะไร นี่อาจจะเป็นเหตุผลลึกๆที่ผมเลือกที่จะกลับบ้านมาอยู่กับแม่ เพื่อที่อย่างน้อยจะได้ถ่วงเวลากับการเป็นแฟนของภัทรได้อีกนิดหน่อยแต่ดันลืมไปว่าภัทรก็เคยมาที่นี่เหมือนกันตอนงานศพยาย
นึกย้อนไปแล้วก็เป็นตอนนั้นเอง...ที่ผมเริ่มหลงรักเขา
“คุยในรถไหม เดี๋ยวกูร้องไห้ตรงนี้แม่ตกใจ” ผมว่ากลั้วหัวเราะ ภัทรมองหน้าผมด้วยแววตาที่ผมไม่เคยเห็น เขาเดินนำไปที่รถก่อนจะขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ
“จะไปไหน” ผมถามเขาที่สตาร์ทรถแล้วปลดเกียร์ว่างออก ภัทรไม่ตอบอะไรแต่เขาขับรถได้ดีกว่าที่คิด ไม่ได้ขับเร็วเหมือนเมื่อก่อน
“ถ้าผลักกูลงตรงนี้กูตายนะ ว่ายน้ำไม่เป็น”
ผมว่าพร้อมกับมองออกไปที่เขื่อนขนาดใหญ่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่บ้านนัก ขับรถแค่สิบนาที เรายืนอยู่ที่พักรถตรงสะพานข้ามเขื่อนขนาดใหญ่ในเวลาเกือบห้าโมงเย็น ถึงจะยังมีแดดแต่ก็อากาศดี ผมเกาะขอบสะพานมองออกไปข้างนอกสุดสายตาก่อนที่มือของภัทรจะดึงผมไปกอดไว้
ทันทีที่แผ่นหลังผมแนบกับแผ่นอกเขา ผมที่พยายามทำตัวปกติมานานเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
...ผมร้องไห้จนตัวสั่นเทิ้ม ผมรู้สึกเหมือนผมไม่มีแรงแม้แต่จะยืน...
“ขอโทษนะกันต์ ขอโทษ” ทำไมใครๆก็เอาแต่ขอโทษผม ทั้งๆที่พวกเขาก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย
“ขอโทษที่รักษาสัญญาไว้ไม่ได้” สัญญาของภัทรบอกไว้ว่าถ้าผมไม่ปล่อยมือเขาเขาก็จะไม่ทิ้งผมไปไหน ผมเข้าใจนะ ถ้าแม่ผมเป็นคนมาดึงมือของเราออก ผมก็คงจะเลือกไปกับครอบครัวเหมือนกัน
“ไม่เป็นไร” ผมบอกเขาด้วยเสียงที่แหบพร่า
ผมเสียใจ...แต่ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆ
“อย่าร้องไห้”
ผมที่ยังหยุดน้ำตาไม่ได้บอกภัทรที่น้ำตาไหลเป็นสาย ผมผละตัวออกจากเขา มองหน้าแดงก่ำก่อนจะเอื้อมมือไปลูบแก้มเขาเบาๆ ผมเพิ่งเคยเห็นภัทรร้องไห้ เขาร้องไห้เหมือนเด็กเลย
“แม่ขอกูอย่างเดียว” ภัทรค่อยๆพูด
“เขาบอกว่าเขาขอกูแค่อย่างเดียวในชีวิตเขา เขาอยากให้กูไปเรียนต่อ แล้วไม่ให้ยุ่งกับมึงอีก”
ผมที่ตอนนี้เจ็บมากๆแอบคิดเหมือนกันนะว่าถ้ารวยก็จะให้แม่ทำแบบนี้เหมือนกัน มีปัญหามากๆก็หนีไปต่างประเทศเสีย แต่ประเด็นคือผมหนีไม่ได้ เลยได้แต่ยืนร้องไห้เป็นไอ้บ้าอยู่แบบนี้
“แม่มึง เขาปลอดภัยใช่ไหม”
ภัทรพยักหน้าแทนคำตอบ มือของเขาที่จับมือผมไว้ในตอนนี้บีบแน่น
“ก็ดีแล้ว” ผมพยายามยิ้มให้เขา จริงๆผมก็อยากหนีแต่เมื่อคืนคุยกับแม่มาแม่ผมเห็นว่าจากกันด้วยดีมันดีกว่า จะได้ไม่มีกรรมต่อกันอีก ผมที่ไม่ค่อยเข้าใจนักเห็นด้วยกับแม่ว่าถ้าเราจบกันด้วยดี ถ้าบังเอิญเดินผ่านหรือเจอกันเมื่อไหร่ เราจะได้ยิ้มให้กันได้อย่างบริสุทธิ์ใจ
“แล้วที่กูไม่ได้ติดต่อมาหามึงเพราะตอนนี้พ่อกูรู้ทุกอย่างแล้ว เขาไม่ยอมเลยกันต์ กูลองขอทุกอย่างที่กูทำได้แล้ว”
ผมยิ้มแบบไร้ความหมาย ผมเกิดในครอบครัวคนไทยที่ไม่ได้คาดหวังหรือกะเกณฑ์อะไรในตัวผม ผมถึงไม่ค่อยเข้าใจว่าภัทรต้องเจออะไรบ้างตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ว่าจะจนแล้วมีปมด้อยแบบผมหรือรวยแบบเขาก็ดูชีวิตวุ่นวายไม่ต่างกัน
“กูบอกเขาว่าขอแค่วันนี้วันเดียว กูจะมาหามึง”
ผมบีบมือภัทรกลับ ก่อนจะมองหน้าคนที่ความสูงไล่เลี่ยกัน
“กันต์ กูรักมึงมากนะ แต่กู...”
“อย่าโทษตัวเองเลย กูเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันภัทร เราตอนนี้ทำอะไรไม่ได้เลย ต่อให้อยากพยายามก็ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องพยายามยังไง” ผมว่า
ภัทรมองออกไปที่เวิ้งน้ำ
“กูรู้นะว่ามึงรักกู ขอโทษที่เคยประชดแบบนั้น” เขาบอก ผมส่ายหน้าเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร
เรายืนเงียบอยู่ข้างๆกันนานจนแสงเริ่มหมด ผมกลัวว่าภัทรจะกลับบ้านลำบากเพราะใกล้มืด ถึงได้ถามสิ่งที่ผมรู้ว่าเขาไม่กล้าพูด เขาจะได้ขับรถกลับอย่างปลอดภัย
“เราจะเลิกกันใช่ไหม” ผมถามเขา ภัทรไม่ยอมตอบแต่พยักหน้าเบาๆ ผมพยักหน้าบ้างก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้นคอนกรีต เพื่อไม่ให้เขาเห็นว่าน้ำตาผมไหลอีกรอบแล้ว ภัทรดึงตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง
“กูทำอะไรไม่ได้เลยกันต์ กูมันแย่” เขาว่าก่อนจะก้มจูบที่กระหม่อมผมเบาๆ
“ไม่เป็นไร” ผมที่เริ่มสับสนว่าใครควรจะปลอบใจใครกันแน่คลายมือที่กำอยู่ออกแล้วกอดเขาไว้เหมือนกัน พอลำตัวชิดกันถึงได้รู้ว่าภัทรที่ต่อไปนี้จะไม่ใช่ของผมแล้วกำลังสะอื้นหนัก แต่ผมก็ดีใจนะที่สุดท้ายแล้วเราก็ได้คุยกันตรงๆ
“ขับรถกลับดีๆนะ กูไม่ได้คอยตามเช็คแล้วนะ” ผมบอกแล้วซุกหน้าลงกับไหล่ของเขา
“ถ้ากูตายไป พวกเขาคงจะสบายใจกว่า” ภัทรว่า ผมส่ายหน้าก่อนจะเงยหน้ามองตาเขา ภัทรใจร้อน ขี้ประชด แต่เขาก็ไม่เคยพูดแบบนี้
“ถ้างั้นกูขออย่างหนึ่งนะภัทร อย่าคิดสั้น”
“มึงมันขี้โกง” เขาว่าพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ เพราะผมเองเคยเกือบจะคิดสั้นหลายครั้ง ผมถึงได้รู้ว่ากลับได้กลับมาใช้ชีวิตลุ่มๆดอนๆของตัวเองมันก็สนุกดีเหมือนกัน
“พ่อแม่รู้ไหมว่ามาไกลขนาดนี้”
ภัทรส่ายหน้า
“กลับดีๆนะ ดูแลตัวเองดีๆ”
ผมยื่นนิ้วก้อยให้เขาเกี่ยวมัน อย่างน้อยจะได้เป็นคำสัญญาสุดท้าย ว่าเขาจะปลอดภัย เพราะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มแล้ว ภัทรเอื้อมมือมาเกี่ยวกับนิ้วผมไว้ ผมมองใบหน้าที่คุ้นเคยก่อนจะเงยขึ้นรับจูบเบาๆจากเขา เรากอดกันเป็นครั้งสุดท้ายโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร
ภัทรกลับมาส่งผมที่บ้าน ผมจับมือเขาและกดจูบลงไป ภัทรที่ร้องไห้จนตาเขาแดงก่ำยิ้มบางๆให้ผมเป็นครั้งแรกของวันก่อนจะสตาร์ทรถออกไป ผมมองรถคันคุ้นตาจนลับตาไปก่อนจะก้าวเท้าเข้าบ้านด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง แม่กับพ่อที่ดูเหมือนกำลังรออยู่ด้วยท่าทางกังวลมองหน้าผม
ทันทีที่แม่เดินเข้ามากอด...ผมก็ร้องไห้จนพ่อที่ยืนมองอยู่เดินมาตบหลังเบาๆ
“พ่อตายจะร้องขนาดนี้ไหมวะ”
พ่อประชดแต่ผมรู้ดีว่าพวกท่านแค่กำลังให้กำลังใจผมอยู่
TBC.
___________________________
//กอดน้องกันต์วิ่ง