ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
¥¥ นิยายเรื่องอื่นๆ ของ missyaoi ¥¥
** [เรื่องสั้น] รักหมดใจนายขี้เหร่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50820.0) completed **
** [เรื่องสั้น] จีบอยู่รู้ตัวยัง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57305.0) completed **
** [เรื่องสั้น] สบตา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58948.0)
completed **
** : :คิมกานต์ : : (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63220.0) on air **
ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ ฝากเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
Gay Taste รส(เกย์)ลองแล้วระวังติด
By : missyaoi
[บทนำ]
“กูกราบพี่คีนครับ ช่วยทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย สาวๆ แม่งไม่กล้ามาโต๊ะนี้แล้วคร้าบบบบ” ไอ้แม็คเพื่อนรักของผมโวยวายตั้งแต่เข้ามาในร้าน จนตอนนี้เราเข้ามานั่งกันได้ชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่หยุดโวย สาเหตุก็มาจากการที่ผมนั่งหน้านิ่ง(ตามเขาว่ากัน) หน้าตาไม่รับแขก เอ้า ก็คนแม่งอารมณ์ไม่ดี ถ้ากูนั่งยิ้มก็แปลกสิครับ
“หน้ากูก็หล่อปกติ” ผมตอบกลับไปนิ่งๆ แต่ดูท่าแล้วจะกวนตีนไม่น้อย พวกเพื่อนๆ รวมถึงรุ่นพี่ของพวกเราถึงได้เบะปากใส่
“กูก็รู้ว่ามึงหล่อครับ ไอ้คุณเดือนมหาลัย แต่หน้ามึงตอนนี้น่ะโหดมาก กูถามจริงไปอารมณ์เสียมาจากไหนวะ” ไอ้แม็ควางแก้วเหล้าในมือแล้วถามต่ออย่างจริงจัง ไอ้คนที่เหลือก็พากันตั้งใจฟังไปด้วย แต่ก่อนจะตอบพวกมันขอแนะนำตัวก่อนล่ะกัน
ผมชื่อคีน หล่อมากพูดเลย การันตีได้จากตำแหน่งเดือนคณะแพทย์และเดือนมหาลัย เป็นลูกครึ่งและเกิดที่เมืองผู้ดีอังกฤษก็เลยได้รับสัญชาติอังกฤษและตาสีฟ้าจากคุณย่า มีเพื่อนสนิทหกคน นั่นคือ ไอ้แม็คที่นั่งโวยวายถามผมอยู่ ไอ้แบงค์ ไอ้โม ไอ้เซน ไอ้รีม และสุดท้ายไอ้รอน ไอ้สองคนสุดท้ายนี่เป็นฝาแฝดกัน เป็นลูกครึ่งเยอรมัน ส่วนไอ้เซนนี่ลูกครึ่งอิตาลี กลุ่มผมก็เลยมีไทยแท้สาม ลูกครึ่งสี่ รวมแล้วเจ็ดคน อย่างกับบอยแบนด์
อ้อที่สำคัญพวกผมนี่เรียนหมอกันเกือบยกกลุ่ม เหลือแค่ไอ้โมกับไอ้เซน เรียนบริหาร เพราะต้องรับช่วงต่อกิจการของครอบครัว
ส่วนร้านที่เรามานั่งกันนี่ก็ร้านของรุ่นพี่ที่โคตรสนิทชื่อว่าพี่นอร์ท พี่แกก็เรียนหมอแบบผมนี่แหละ แต่ไม่รู้นึกไงแทนที่จะไปทำงานที่โรงพยาบาลดันมาเปิดผับซะงั้น พี่นอร์ทแกมีเพื่อนสนิทอีกสองคนนั่นคือพี่โจกับพี่โฟร์ท สองคนนี้ก็เรียนหมอ จบมาพร้อมกับพี่นอร์ทตอนนี้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลชองพี่โฟร์ท
“เฮ้อ. . .กูแค่เลิกกับแฟน” ผมบอกไปนิ่งๆ เอาจริงๆ ผมก็เฉยๆ นะ ไม่ได้รักอะไร ก็แค่ชอบแต่ไม่มาก พอเลิกก็เลยไม่นอยด์เท่าไหร่
“แฟน? แยมอ่ะนะ” ไอ้โมถาม ผมก็พยักหน้ารับ ไอ้นี่ที่จริงแล้วชื่อโมโม่ครับ แต่อย่าไปเรียกแบบนั้นเชียว ไม่งั้นมีเคือง
“ไอ้สัด คนนี้เพิ่งคบได้สองอาทิตย์มึงเลิกแล้วหรอ” ไอ้รีมถามขึ้นมาบ้าง ผมก็พยักหน้าให้มันอีกทีนึงเพื่อยืนยัน
“ก็กูเบื่ออ่ะแม่ง ผู้หญิงจู้จี้จุกจิก ง้องแง้ง กูรำคาญ อีกอย่างทำท่าเหมือนจะนอกใจกูด้วย” ผมเป็นคนขี้รำคาญ ไม่ชอบให้มางอแง งุ้งงิ้งอยู่ข้างๆ หู แล้วผู้หญิงที่ผมคบด้วยก็มักจะเป็นอย่างนั้น เลยคบกันไม่ยืดซักราย
“ถ้าคบผู้หญิงแล้วเลิกอาทิตย์ละคนแบบนี้ ลองแบบกูมั้ยล่ะ รับรอง. . .” ไอ้แบงค์พูดแต่กวนตีนเว้นคำสุดท้ายไว้ให้ลุ้นเอง ผมอาจจะลืมบอกไปว่าไอ้แบงค์มันเป็นเกย์ ที่สำคัญก็คบกับไอ้โมนั่นแหละ แม่ง แดกกันเอง แต่ว่า ข้อเสนอของมันก็น่าสนใจดีนะผมว่า
“เฮ้ยไอ้สัดแบงค์ มึงจะยุให้ไอ้คีนเดินทางสายเดียวกับมึงหรอวะ” ไอ้แม็ค มือวางอันดับหนึ่งเรื่องโวยวายมันก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีอีกแล้ว
“เออสิวะ ก็คบผู้หญิงแล้วไม่ยืด ก็คบผู้ชายแม่งเลย” ไอ้แบงค์ยักคิ้วยืนยัน มือมันก็เลื้อยไปโอบเอวลวนลามไอ้โมเมียมันไปเรื่อย
“อืม น่าสนใจ” ผมพึมพำ
“เชี่ย!! อย่านะเว้ย” ไอ้แม็คอีกแล้ว
“ทำไมวะ” ผมเลิกคิ้วถามมัน แม่งเล่นค้านหัวชนฝาขนาดนี้ต้องมีเหตุผลรองรับที่ดีพอผมถึงจะฟัง
“ก็เขาว่ากันว่า. . .” มันเว้น กรอกเหล้าเข้าปากไปอึกนึง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดออกมาช้าๆ โดยทำเสียงเหมือนซาวด์เวลาเขาเล่าเรื่องผี “ทางสายนี้นะเว้ย. . .เป็นทางที่มีตั๋วเที่ยวเดียว มีแต่ตั๋วไป. . .ไม่มีตั๋วกลับ”
“หมายความว่า?” ผมถาม
“ก็หมายความว่าถ้าคีนคบผู้ชายคีนอาจจะไม่สามารถกลับมาคบผู้หญิงได้อีก” ไอ้รอนหัวสมองของกลุ่มพูดขึ้นมาบ้าง
“หึ. . .ลองดูมั้ยล่ะ” ผมไหวไหล่แล้วพูดท้า ของแบบนี้ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้
“งั้นหาจากในนี้เลย มึงลองมองไปเรื่อยๆ ว่าถูกใจคนไหน” ไอ้แบงค์แนะนำ ผมกวาดตาไปรอบๆ ที่นี่ถึงแม้จะไม่ใช่ผับบาร์เกย์โดยเฉพาะ แต่ก็มีพวกเกย์อยู่เยอะพอสมควร ถึงอย่างนั้นไม่มีใครโดนสักคน จนผมจะหันกลับมาบอกไอ้แบงค์ว่าไม่ถูกใจใครเลย ก็มีร่างขาวๆ ของคนๆหนึ่งเข้ามาในสายตาซะก่อน
“หึ ตาถึงนี่หว่า น้องฟ่า ชื่อเต็มๆ ก็คือฟีฟ่า ดาวเด่นวิศวะ” ไอ้โมบอก ไอ้นี่มันกว้างขวาง รู้จักคนเยอะ
“มึงรู้ได้ไงว่ากูมองคนไหนอยู่” ผมกวนตีนมัน
“หึ ไอ้คีน มึงคงไม่รู้เลยสินะว่ามึงหยุดสายตาอยู่ที่น้องเขานานแค่ไหน” มันพูดเรียบๆ แล้วยกเหล้าขึ้นกระดก มีเลอะมุมปากเล็กน้อยไอ้แบงค์ก็รีบใช้ลิ้นมันเช็ดให้ทันที ไม่ตกใจครับ ชิน
“อืม. . .ก็น่าสนใจดี” ผมบอก
“ถ้ามึงสนใจคนนี้กูว่าอย่าเลย” ไอ้โมพูดต่อ ผมเลยละสายตาจากร่างขาวๆ บางๆ เอวคอดเพราะเสื้อผ้าที่ใส่นั้นช่างง่ายต่อการแทะโลมทางสายตา เห็นสัดส่วนชัดเจนแบบไม่ต้องเพ่งเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมวะไอ้โม น้องเขาไม่ใช่เกย์หรอ” ไอ้รีมถาม คนอื่นก็พยักหน้าอยากรู้ด้วย
“เปล่า นั่นน่ะ เกย์รับตัวแม่ แต่น้องเขาเล่นยากว่ะ ไม่คบกับคนที่ไม่ใช่เกย์แบบบอร์นทูบี” ไอ้โมบอก
“ทำไมวะ” ไอ้แบงค์ผัวมันถาม ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ฟีฟ่า. . .ชักน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิมแล้วสิ
“ไม่รู้ว่ะ” ไอ้โมส่ายหน้าว่าไม่รู้จริงๆ ผมก็เลยหันไปมองร่างนั้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่เจอแล้ว หายไปไหนวะ ไวฉิบ
“ยากๆ แบบนี้แหละ น่าสน” ผมบอก พร้อมกับหมายมั่นในใจไว้แล้วว่าน้องฟีฟ่าคนนี้แหละเป้าหมายของผม
ไว้เจอกันนะ. . .แล้วจะได้รู้กันว่ามันเป็นตั๋วเที่ยวเดียวจริงรึเปล่า
TBC ><
TALK :
ก็ไม่รู้สิคะพี่คีน อยากรู้เหมือนกันว่าพี่จะมีตั๋วกลับรึเปล่า :laugh: :laugh: :laugh:
เม้นด้วยค่าา
[5]
PART 1
“โว้วๆ อะไรกันครับ อะไร ยังไง ทำไมมาด้วยกันได้” ห่า นี่แหละที่ผมไม่อยากมากับไอ้คีน แม่ง นอกจากคนจะมองตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้านยันโต๊ะที่พวกพี่ๆ เขานั่งกันแล้ว ไอ้พวกพี่ๆ เพื่อนๆ ไอ้คีนนี่หละตัวดี แซวกันตั้งแต่เห็นหน้าเลยทีเดียว
ไม่รู้จะมองอะไรกันนักกันหนา กะอีแค่เดือนมหาลัยกับดาวเด่นวิศวะเดินคู่กัน คริคริ
“เงียบปากไปเลยไอ้แม็ค” ไอ้คีนเอ็ดเพื่อนมันก่อนที่จะนั่งลงที่โซฟาตัวยาวที่ว่างอยู่ แถมยังมีกระตุกมือผมให้นั่งติดกับมันอีกต่างหาก
“กูจะไปนั่งอีกตัว” ผมพยักพเยิดไปยังโซฟาอีกตัว
“นั่งนี่แหละ มึงเห็นสายตาคนในร้านที่จ้องมึงมั้ย” ผมหันไปมองตามที่มันบอก ก็เห็นสายตาผู้ชายในร้านจ้องมองมาที่ผมกันตาเป็นมัน บางคนนี่ยกแก้วชวนดื่มก็มี ผมเลยเลิกดื้อยอมนั่งกับมันดีๆ อย่างน้อยไอ้คีนก็น่าจะดีกว่าไอ้พวกผู้ชายหน้าหื่นพวกนั้น
“แล้วทำไมต้องกอดเอวด้วยล่ะ” ผมถามพร้อมกับพยายามแกะมือปลาหมึกที่เกาะเอวอยู่ออก
“เอาน่า คนอื่นจะได้รู้ว่ามึงมีเจ้าของแล้ว. . .โอ๊ย” มันกระซิบบอกชิดหู เลยโดนผมหยิกเข้าที่ท้องดอกนึง
“เป็นอะไรไอ้คีน ร้องโอดโอย” พี่แม็คที่นั่งอยู่ใกล้สุด และเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนมันที่ผมรู้จัก (นอกจากพี่โมกับพี่แบงค์) ถามขึ้น
“เปล่า มดกัดน่ะ” ไอ้คีนกัดฟันพูด ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ ด้วยความสะใจ
“เฮ้ย ร้านเฮียนอร์ทแม่งมีมดด้วยหรอวะ ไม่ได้การล่ะ กูต้องไปบอกเฮีย”
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องๆ มดตัวเดียว กูจัดการได้” ไอ้คีนบอกพร้อมกับจ้องหน้าผมเขม็ง แต่ผมไม่สนใจลอยหน้าลอยตายียวนกวนประสาทมัน
“เออๆ ว่าแต่มึงยังไม่ได้ตอบกูเลยนะ ว่ามาด้วยกันได้ไง”
“ก็ไม่ไง กูไปรับมาจากบ้าน จบ” มันยักไหล่พูด ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก
“แล้วนี่ไม่คิดจะแนะนำพวกกูให้น้องมันรู้จักบ้างเลยไง๊?” พี่ที่นั่งตรงข้ามอยู่กับผมพูดขึ้นบ้าง พี่คนนี้ผมสีบลอนด์ธรรมชาติ ดูแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่ง แถมพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ กันนี่ก็หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ
“ไอ้นี่ชื่อรีม นั่นแฝดมันชื่อรอน” มันหมายถึงพี่คนที่บอกให้มันแนะนำพวกเขากับผม
“นี่ไอ้แม็ค” มันชี้ไปที่พี่แม็ค พี่แม็คเป็นคนที่สูงมาก น่าจะประมาณร้อยเก้าสิบ สูงกว่าไอ้คีนอีก
“เซน” มันชี้ไปที่พี่อีกคนหนึ่ง คนนี้น่าจะเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน กลุ่มมันนี่ลูกครึ่งเยอะเหมือนกันแฮะ ไอ้คีนเองก็ลูกครึ่ง พี่เซนเป็นคนตาดุ สีดำสนิท เล่นซะผมไม่กล้าสบตาด้วยเลย แถมตั้งแต่มานี่ยังไม่ได้ยินเสียงพี่แกเลยสักแอะ พี่แกพูดได้ป่าววะ เหอๆ
“เพื่อนกูอีกสองคนมึงก็รู้จักดีอยู่แล้วนี่ ไอ้แบงค์กับไอ้โม” ผมพยักหน้ารับ แต่ที่นั่งอยู่ตรงนี้มีแค่พี่แบงค์ ไร้เงาพี่โม นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่คืนดีกัน? โหย พี่แบงค์นี่โกรธนานจริงอะไรจริง แต่ก็อย่างว่าอ่ะนะ โดนนอกใจขนาดนั้น เป็นผมผมเลิกไปแล้วด้วยซ้ำ
“สวัสดีครับพี่ๆ” ผมก้มหัวให้พวกพี่ๆ น้อยๆ ทุกคนก็ก้มหัวรับอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่วงเหล้าจะดำเนินต่อไป
ตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว สามชั่วโมง. . .สามชั่วโมงที่ผมนั่งอยู่กับไอ้คีนและเพื่อนๆ มัน เป็นสามชั่วโมงที่ทำให้ผมสนิทกับเพื่อนมันเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง จนตอนนี้ผมสามารถพูดคุยกับทุกคนได้อย่างราบรื่น ไม่เหมือนคนเพิ่งรู้จักกันเลยสักนิด
“นี่มึงพาน้องมาแบบนี้กะเปิดตัวเลยดิ” พี่แม็คที่เริ่มกรึ่มๆ นิดๆ ถามขึ้น แต่อย่างว่าพวกนี้คอแข็งกันทุกคน ดื่มมาตั้งเยอะไม่เห็นมีใครเมาสักคน ผมเองก็ยังมีสติเต็มร้อย เพราะไอ้คนข้างๆ แม่งนั่งควบคุมไม่ให้ผมดื่มมาก ยิ่งกว่าพ่ออีก ผมก็คอแข็งเหอะ แต่ก่อนออกทุกคืน มีเดี๋ยวนี้ที่เพลาๆ ลงไปเยอะ
“เปิดตัวอะไรพี่ ผมกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมพูดทันทีกันคนอื่นเข้าใจผิด คิดว่าผมตกลงปลงใจกับมันแล้ว
“ก็รีบเป็นซะสิ กูขอมึงหลายครั้งแล้วนี่” ไอ้คีนหันมาพูดกับผม เรียกเสียงโห่ฮิ้วจากบรรดาเพื่อนมันระลอกใหญ่
“ไอ้คีนแม่ง สงสัยหมดน้ำยา ตามจีบน้องมันตั้งเป็นเดือนแล้ว น้องยังไม่ยอมตกลงอีก” พี่รีมแซวขำๆ
“น้ำยากูอ่ะไม่หมดหรอกเว้ย ไม่เชื่อถามมันดิ เนอะ” เนอะพ่อง ทำไมต้องหันมาทำสายตากรุ้มกริ่มแบบนั้นใส่กูด้วย
“แสดงว่าไอ้คีน. . .น้องฟ่า” พี่รีมเอานิ้วชี้ซ้ายกับขวามาประกบกัน จนผมหน้าเหวอ ขนาดพี่เซนผู้หน้านิ่ง เงียบๆ ยังเลิกคิ้วขึ้น (นิดๆ) เลยเหอะ
“เฮ้ย!! ไม่ใช่พี่ มึงนี่พูดอะไร คนอื่นเข้าใจผิดหมด” ผมรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันที ไอ้คีนแม่งหัวเราะใหญ่เลย ผมหันไปถลึงตาใส่ แม่ง พวกพี่ๆ คิดว่ากูเสียตัวให้มึงกันหมดแล้ว ผมรีบตั้งสติก่อนจะหันไปเหยียดยิ้มใส่มัน
“หึ จะเอากู ทำให้กูยอมเป็นแฟนให้ได้ก่อนเถอะ” ไอ้คีนชะงักเสียงหัวเราะทันที มันหันมาแยกเขี้ยวใส่ผม แต่ผมไม่สนใจลอยหน้าลอยตา แถมยังแลบลิ้นใส่มันอีก
“โอ้ยยยย” ผมร้องเมื่อโดนมันหยิกแก้มทั้งสองข้าง
“หมั่นเขี้ยว” มันว่า
“เอาล่ะครับๆ ออกมาจากโลกส่วนตัวมาอยู่โลกส่วนรวมกันก่อนครับ” พี่แม็คพูด
“สวัสดีคร้าบบบบบบบบ วันนี้มีนักร้องสุดหล่อ จะมายืมเวทีเราง้อแฟนหนึ่งวันนะคร้าบบบบ อาจจะร้องไม่เพราะเท่าผม แต่ทนๆ ฟังแล้วเป็นกำลังใจให้เขาด้วยนะครับ เชิญครับเชิญๆ” เสียงนักร้องบนเวทีที่ร้องเพลงมาตั้งแต่เราเริ่มมานั่งกันพูดขึ้น เรียกความสนใจจากผมและพวกเราทั้งโต๊ะให้หันไปมอง แล้วเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นเซ็งแซ่ เมื่อคนที่ก้าวขึ้นเวทีนั้นก็คือคนที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี
พี่โม. . .
“ถึงเวลาแล้วสินะ” ไอ้คีนพูดพึมพำคนเดียว แต่ผมได้ยินอยู่ดี แน่ล่ะ นั่งอยู่ใกล้จนแทบจะเกยตักกันอยู่แล้วนี่
“สวัสดีครับ ทุกคนที่มาที่นี่บ่อยๆ คงรู้จักผมกันดีอยู่แล้ว วันนี้ที่จริงไม่มีคิวผมร้องเพลง แต่ผมอยากจะยืมเวทีนี้ง้อคนที่ผมรักที่สุด แต่ผมกลับทำให้เขาเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า ผมอยากจะบอกเขาว่า. . .ขอโทษนะ. . .ขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจมาตลอด กูจะไม่ขอให้มึงอภัยให้ แค่อยากให้มึงรู้ว่ากูเสียใจจริงๆ. . .ขอโทษสำหรับที่ผ่านมา. . .กูรักมึงนะ. . .” พี่โมนั่งลงบนเก้าอี้ วางกีตาร์บนตัก พูดเสียงสั่นๆ สายตาจ้องมองอยู่ที่พี่แบงค์ตลอดเวลา ก่อนที่เสียงกีตาร์โปร่งคอร์ดแรกจะดังขึ้นมาเบาๆ
บอกตรงๆ ว่าฉันก็เสียใจ
ที่ทำให้เราต้องทะเลาะกัน
ไม่ว่าด้วยเหตุผลนั้นคืออะไร
คนผิดคือฉันไม่ใช่เธอ
อย่าร้อง... อย่าร้องไห้เลยเธอ
หันหน้ามาคุยกันก่อน ดีไหม
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ไม่ตั้งใจจะ ทำร้ายเธอ
แต่ก็เผลอทำเธอร้องไห้
ฉันไม่ได้ความจริงๆ ที่รัก
คนผิดคือฉันไม่ใช่เธอ
อย่าร้อง... อย่าร้องไห้เลยเธอ
หันหน้ามาคุยกันก่อน ดีไหม
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
นานานา นานาน้า นานานา นานานา
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ฉันขอโทษ. . .
*เอบีนอร์มอล I'm Sorry (SiamZone)
“ขอบคุณครับ เพลงจบแล้ว ส่วนคนๆ นั้น ถ้ารับรู้ถึงความตั้งใจจะขอโทษของกู กลับบ้านเรานะ กูคิดถึงมึงจริงๆ” เสียงพี่โมสั่นมาก เหมือนคนที่กลั้นน้ำตาไว้อย่างเต็มที่ ผมหันไปมองพี่แบงค์ พี่แกนั่งนิ่ง ตาจ้องไปที่เวทีที่พี่โมนั่งอยู่ พวกเขาสองคนสบตากัน ก่อนที่พี่โมจะเป็นคนหลบตาก่อนแล้งลงจากเวทีไป
ฟึ่บ!!
พี่แบงค์ลุกขึ้น ตรงไปที่หน้าร้าน ไม่พูดไม่จากับใครสักคน สีหน้าของพี่แกราบเรียบจนผมไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าแกจะให้อภัยพี่โมรึเปล่า หรืออาจจะร้ายแรงถึงขั้นเลิกกันไปเลย
“มึงว่าพี่แบงค์จะให้อภัยพี่โมรึเปล่า” ผมหันไปถามไอ้คีนที่ตอนนี้กลับมากระดกเบียร์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่รู้สิ เรื่องแบบนี้คงต้องปล่อยให้มันตัดสินใจกันเอง เรามันคนนอก ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายอะไรหรอก” ผมพยักหน้าเบาๆ มันก็จริงอย่างที่ไอ้คีนว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของคนสองคน แล้วแต่ว่าใครจะคิดยังไง บางคนอาจจะยอมรับได้แล้วให้อภัยกับการโดนนอกใจ แต่บางคนก็ไม่สามารถให้อภัยกับเรื่องนี้ได้. . .เหมือนผม
“คืนนี้ค้างกับกูมั้ย” ไอ้คีนมันกระซิบถามผมเมื่อใกล้ถึงเวลาจะกลับบ้านแล้ว แน่ล่ะ เกือบตีหนึ่งแล้วนี่ พี่ๆ ก็กำลังจะทยอยกลับแล้ว คงมีแต่พี่รีมที่ไปต่อกับสาวที่คว้าได้เมื่อชั่วโมงก่อน สวยดีครับ ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นเกย์ผมก็คงจะชอบผู้หญิงแนวนี้ หมวยๆ แต่ตาโต
“ไม่!! เปลืองตัว” ผมว่าพร้อมกับหรี่ตามองมันไปด้วย
“หึหึ” ได้ยินเสียงมันหัวเราะสองหึตามสไตล์
“หัวเราะอะไร!!” ผมแหวทันที
“เปล่า กูคิดว่ามึงชอบซะอีกไม่เห็นขัดขืน”
“แล้วกูสู้แรงมึงได้เปล่าเหอะ” ผมเถียง มันหัวเราะน้อยๆ แล้วโยกหัวผมอย่างเอ็นดู ไม่ทราบว่าเอ็นดูอะไรกู เหอะ!!
“หึหึ กลับกัน กูไปส่งมึงเอง”
“ก็ถูก!! มึงเป็นคนไปรับกู จะให้กูกลับเองรึไง!!” ผมว่า ทีนี้มันหัวเราะมากกว่าเดิมอีก ก่อนจะหันไปลาเพื่อนมันแล้วลากผมออกมาพร้อมกัน
“เดี๋ยว” มันดึงแขนผมไว้ก่อนที่ผมจะลงจากรถ ตอนนี้รถมันมาจอดอยู่หน้าบ้านผมเรียบร้อยแล้ว
“อะไร” ผมถามเสียงงัวเงีย ง่วงเต็มทีแล้วตอนนี้ ยังดีที่พรุ่งนี้ไม่ต้องไปเรียน ปิดเทอมแล้ว เย้
“จูบก่อน” ผมถลึงตาใส่มันทันทีที่มันพูดจบ หายง่วงเลยกู
“จูบบ้าอะไร ยังไม่ใช่แฟ- . . .อื้อ!!” ผมดิ้นไปมาเมื่อถูกมันดึงเข้าไปในอ้อมแขนแล้วประกบปาก แต่ไม่รู้เพราะฤทธิ์เหล้าเบียร์ที่กินเข้าไป เพราะง่วง หรือเพราะความฉ่ำชองของมันกันแน่ ถึงทำให้ผมดิ้นได้แป็บเดียว และเผลอจูบตอบกลับไป
“หึหึ” มันหัวเราะในลำคอเมื่อผละออกจากผมแล้ว ผมจะด่าอะไรก็ด่าไม่ได้ ตอนนี้แค่หายใจให้ทันยังยากเลยเหอะ จูบบ้าอะไรนักหนา กูเกือบตาย
“กลับไปได้แล้ว!!” ผมรีบลงจากรถแล้วปิดประตูเสียงดังทั้งๆ ที่ใจสั่นระรัว เต้นแรงจนแทบทะลุจากอก แต่มันยังไม่ยอมออกรถ แถมยังเลื่อนกระจกลงอีก
“ฟีฟ่า”
“อะไร!!”
“เข้าบ้านไปก่อน”
“อะ. . .อะไร อย่ามาโชว์ความเป็นสุภาพบุรุษกับกู กูไม่หลงกลมึงหรอก” ผมว่า แต่ก็ยอมเปิดประตูรั้วเข้าบ้านแต่โดยดี ผมขึ้นมาบนบ้าน เข้าห้องนอนแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงว่ามันออกรถไปสักที ผมก็เลยแอบแง้มผ้าม่านตรงระเบียงห้อง ก็เห็นว่าไอ้คีนมันลงมายืนพิงรถแล้วมองมาทางนี้พอดี แวบหนึ่งที่ผมกับมันสบตากัน มันขยับปากแบบไม่มีเสียงว่า. . .
‘ฝันดีนะ’
ทะ. . .ทำไมหน้าร้อนกว่าตอนมันจูบอีกวะ
TBC.
TALK :
เจอกันตอนหน้ากับ แบงค์Xโม ค่าาาา
[15]
PART 2
((อะ. . .ไอ้บ้า พูดมาได้)) มันแหวผมลั่น ผมก็หัวเราะ ก่อนเราจะคุยกันเรื่อยๆ อีกสักพัก ไอ้ครีมเริ่มจะตาเขียว ส่วนมันเองก็ต้องไปทำงานต่อ เพราะไอ้กรมาตาม บอกว่าหมดโควตาพักแล้ว
“เดี๋ยวคืนนี้ค่อยสไกป์กัน” ผมบอก พูดตรงๆ เลยคืออยากเห็นหน้ามัน ความจริงกะจะคุยสไกป์กับมันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และตั้งใจว่าจะทุกคืนด้วย แต่เมื่อคืนดันทะเลาะกันซะก่อน ไม่เป็นไร งั้นเริ่มคืนนี้ก็ได้
((อยากเห็นหน้ากูหรอ คิดถึงกูสินะสินะ)) มันว่าเสียงล้อเลียน
“เออ” ผมก็ตอบกลับไปทันทีเหมือนกัน มันเงียบเลย สงสัยจะเงิบ จากนั้นเราก็คุยกันอีกสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป ผมก็ไปต่อยมวยกับไอ้พวกนี้อีกค่อนวัน ก็ไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านประจำที่ต้องมากินทุกทีเวลากลับบ้าน ส่วนครีมพอดังแล้วก็แยกวง เห็นว่าบ่ายนี้มีเรียนพิเศษ ก็เลยแยกไปก่อน
“น้องบ่าว หลบมาป่าไหน กินไหรๆ มื่อหนี่พิเศษเล้ย” (น้องชาย กลับมาตอนไหน กินอะไรดี มื้อนี้พิเศษเลย) พี่ดลเจ้าของร้านออกมาต้อนรับถึงหน้าร้านเลย มีการพูดภาษาใต้อันเป็นเอกลักษณ์ อย่างว่าลูกค้าประจำที่นานๆ ทีจะมากิน พี่แกเป็นหนุ่มใต้แท้ๆ ลูกชาวเล ผิวคล้ำ(แต่ไม่ดำ) ตาคม หน้าตานี่หล่อทีเดียว เรียนจบปริญญาโทมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ แล้วมาเปิดร้านอาหารบริหารเอง ร้านแกไม่ได้กิ๊กก๊อกนะ ใหญ่เลยแหละ แล้วก็มีหลายสาขา หลายจังหวัด แต่แกจะอยู่สาขานี้มากกว่า
“เต็มเท่เล้ยพี่บ่าว เนือยมาก” (เต็มที่เลยพี่ชาย หิวมาก) ไอ้แม็คก็ตอบรับเป็นภาษาถิ่นเดียวกับคนถาม พี่แกก็ยิ้มๆ พาไปนั่งที่ประจำ ไม่รู้แกจำได้ยังไง เพราะมากินเฉพาะช่วงปิดเทอม หลังจากนั้นก็สั่งอาหารกัน สั่งเหมือนกับว่าชาตินี้จะไม่ได้กินข้าวอีก
“หรอยเหมือนเดิมเล้ยพี่บ่าว” (อร่อยเหมือนเดิมเลยพี่ชาย) ไอ้แบงค์ปากหวาน พร้อมยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างประกอบ พี่ดลแกยิ้มกว้าง บอกว่าอร่อยก็กินเยอะๆ มากินบ่อยๆ พวกผมก็รับคำ เพราะแถวนี้ร้านแกนี่ดังและขายดีมาก เพราะทั้งสะอาด ราคาไม่แพง และบรรยากาศดี อยู่ริมทะเล คนเยอะแต่ไม่วุ่นวาย
“หว่างๆ ม่าหล่าวนา โชคดี๋ๆ” (ว่างๆ มาอีกนะ โชคดีๆ) พี่ดลพูดตอนออกมาส่งพวกผมที่หน้าร้าน พวกผมไหว้ขอบคุณแกที่เลี้ยงมื้อนี้ รับปากแกว่าจะมาอีกบ่อยๆ แล้วออกมาจากร้าน
พอออกจากร้านพี่ดลพวกเราก็ไปเที่ยวกันรอบเมือง ไม่ขับรถนะครับ อาศัยรถตุ๊กๆ กินบรรยากาศและวิถีชีวิตที่นานๆ จะได้กลับมาสัมผัสสักที คนสงขลาน่ารัก มีแต่รอยยิ้ม เป็นเมืองที่สงบ เพราะความวุ่นวายจะไปอยู่ที่หาดใหญ่แทน หึหึ รถราก็มีไม่เยอะ ไม่ติดเหมือนในตัวเมืองจังหวัดอื่นๆ อยากชิลก็ไปเช่าเสื่อนั่งริมทะเล เพราะทะเลที่นี่มีที่ร่มค่อนข้างเยอะ คนมานั่งชิลก็เยอะ ร้านอาหารก็แยะ มีให้เลือกตามใจชอบ ตั้งแต่ที่เป็นแบบรถเข็นยันร้านใหญ่ๆ รสชาติค่อนข้างถูกปาก บรรยากาศก็สะอาดสะอ้านดี เหมาะกับการมาเที่ยวเป็นครอบครัว ชิลๆ
เที่ยวกันจนหมดเวลางานของพระอาทิตย์ พระจันทร์เข้าเวรแทน พวกเราสามคนก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะคืนนี้มีนัดกันไปท่องราตรี พวกเพื่อนๆ สมัยอนุบาล (คือได้เรียนด้วยกันแค่ช่วงอนุบาลเพราะพอขึ้นชั้นประถมพวกผมสามคนก็ต้องขึ้นไปเรียนกรุงเทพฯ) พอพวกมันรู้ว่าพวกผมกลับมาก็โทรหาไอ้แม็ค นัดกันเที่ยวเรียบร้อย ที่เที่ยวก็ไม่ใช่ที่ไหน ผับดังแถวนี้แหละ ขี้เกียจขับรถไกล
“ออกไปไหนมั้ยลูกคืนนี้” กลับมาถึงบ้าน แม่ที่กำลังเล่นกับไอ้ข้าวเหนียวอยู่ที่ห้องรับแขกก็ทักขึ้น ผมยิ้มเข้าไปกอดท่าน ก่อนจะบอก
“ครับ นัดกับพวกไอ้ซันเอาไว้” พวกไอ้ซันนี้ก็กลุ่มเพื่อนสมัยอนุบาลนี่แหละครับ ไอ้ซันเป็นหัวโจก เที่ยวโป้งเพื่อนเขาไปทั่ว ผมยังเคยโดนมันโป้งเลย แต่ผมไม่ง้อหรอก เพราะวันต่อมามันก็ลืมและเข้ามาเล่นกับผมเอง หึหึ
“ขับรถเองรึเปล่า” แม่ถามอีก ผมรู้ว่าท่านเป็นห่วง คงกลัวว่าผมจะเมาแล้วขับรถ ซึ่งผมไม่เคยทำแบบนั้น ผมจะรู้ลิมิตตัวเองเสมอ ไม่ต้องการให้ทั้งตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน
“ครับ”
“ระวังตัวเองนะลูก” แม่เตือน ผมรับคำ หอมแก้มท่านทั้งสองข้าง แล้วขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวบนห้องของตัวเอง พอจัดการตัวเองเสร็จ ก็ส่งข้อความไปบอกไอ้ตัวดีเขาหน่อย โดยใช้โปรแกรมแชทสีเขียวชื่อดัง
ไปท่องราตรีแป็บบบบบ<<<
กดส่งไป แค่อึดใจเดียวก็ขึ้นว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความเรียบร้อย หลังจากนั้นก็มีข้อความตอบกลับเข้ามา
>>>กูก็ไป คริคริ
ผมเลิกคิ้วกับข้อความของมัน แสดงว่าคืนนี้มันก็ออกเที่ยวเหมือนกัน
ไปกับใคร<<<
>>>ไอ้คิม ไอ้ออม ไอ้ไอซ์ ไอ้แม็กซ์ ไอ้มิกซ์
ถ้ามึงพูดว่าไปกับเพื่อนแก๊งค์มึง มึงก็ไม่ต้องพิมพ์ยาวแล้วฟ่าเอ๊ยยย ผมขำน้อยๆ ไม่เป็นไรแบบนี้กูชอบ ละเอียดดี หึหึ
ห้ามอ่อย<<<
>>>ห้ามสีชะนี
ผมหลุดหัวเราะออกมาทันทีที่อ่านข้อความที่มันส่งมา นึกแล้วส่งข้อความกลับไปกวนตีนมันดีกว่า หึหึ
สีเกย์ได้ใช่ป่ะ<<<
>>>(สติ๊กเกอร์กระต่ายโดนถีบ)
(สติกเกอร์กระต่ายหัวเราะ<<<
ใครถามเดี๋ยวบอกว่ามีแฟนแล้ว<<<
ผมตอบอย่างเอาใจ แต่ตั้งใจว่าจะทำจริง อยากเห็นหน้าชะมัดว่าตอนนี้มันยิ้มอยู่หรือเปล่า
>>>ดีมาก
>>>ขับรถระวังๆ ด้วย
ระวังตัวด้วย ห้ามให้ตัวเองโดนสี<<<
>>>รู้แล้วๆ
>>>(สติกเกอร์หมีเขิน)
ผมยิ้มกับตัวเอง แล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ในชีวิตนี้ตั้งแต่เริ่มมีแฟนมาไม่เคยต้องทำอย่างนี้มาก่อน นึกจะไปไหนมาไหนก็ไป ไม่เคยต้องรายงานใคร ไม่เคยต้องบอกใคร แต่พอคบกับมัน มันก็ไม่ได้บอกหรอกนะว่าต้องทำ แต่ผมทำเอง ความรู้สึกของผมมันบอกว่าต้องทำ หึหึ เลี่ยนตัวเองฉิบหายกู
((อยู่ไหนวะ?)) ไอ้แม็คโทรมาถาม ปลายสายนี่เสียงดังมาก มันคงจะถึงที่นัดเรียบร้อยแล้ว
“อยู่ข้างหลังมึงไง” ผมบอก แล้วใช้มือตบไหล่มันอย่างเบา แต่ทำไมมันทรุดวะ หึหึ
“ไอ้ห่าตบมาได้ แล้วมึงรับโทรศัพท์กูทำไมวะ เปลืองฉิบ” มันโวยวาย
“ไอ้งก” ผมว่ามัน ก่อนจะถาม “ไอ้แบงค์ล่ะ” เพราะผมยังไม่เห็นเงาไอ้แบงค์เลย
“กูมาแล้ววววว” ไอ้แบงค์ร้องเสียงมาก่อนตัว พอมันมาสมทบกันครบแล้ว พวกเราก็เข้าไปข้างในทันที ปรากฏว่าพวกไอ้ซันมากันครบแล้ว
“มาแล้วเว้ย เด็กเทพๆ” ไอ้ซันร้องเรียก พวกมันชอบเรียกพวกผมสามคนแบบนี้ มันให้เหตุผลว่าไปอยู่กรุงเทพตั้งแต่เด็ก เก๋ไก๋ไฮโซ พวกผมก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา คัดค้านอะไรมันก็ไม่ฟัง
“หล่อกว่าเดิมอีกวุ้ย” ไอ้เกน หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสมัยอนุบาลร้องทัก เมื่อพวกผมนั่งลงให้พวกมันเห็นหน้าชัดๆ เรียบร้อยแล้ว
“แน่นอนดีดรีเดือนและเพื่อนเดือนมหาลัย” ไอ้แม็คว่าอย่างอวดๆ มือก็ชงเหล้า งานถนัด
“เดือนมหาลัยนี่กูเข้าใจเว้ย แต่เพื่อนเดือนนี่เกี่ยวไรวะ” ไอ้กรีน หนุ่มทันตะมหาลัยดังของจังหวัดพูดขึ้นบ้าง
“คนหน้าตาดีเขาก็มักจะเลือกคบคนหน้าตาดีด้วยกันไง เข้าใจยากตรงไหน” ไอ้แม็คพูดอีก พวกไอ้ซันเบะปาก ส่วนผมก็ยกยิ้มเฉยๆ ไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะหลักฐานบนหน้ามันฟ้อง หึหึ
“มึงถามมันดิ มันอาจจะจำใจคบก็ได้” ไอ้แกรนด์ว่าอีก ไอ้นี่ก็หนุ่มนิเทศ หล่อสมกับคณะที่มันเรียนนั่นแหละ
“มึงจำใจคบกูหรอไอ้คีน” ไอ้แม็คก็บ้าจี้หันมาถามผมจริงๆ
“อืม” รับแม่งเลย ไอ้แม็คอ้าปากค้าง
“ไม่จริง แม็คก็คิดนะ ว่าแม็คหล่อ ไม่จริงใช่มั้ยยยย” มันทำท่ารับไม่ได้แบบโอเวอร์แอ็คติ้ง ฟูมฟายจนไอ้แบงค์รำคาญเอาแก้วเหล้ายัดปากมัน แต่มันก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ยิ้มรับบอกว่าไอ้แบงค์เป็นห่วงมัน ก็แล้วแต่มึงจะคิดแล้วกัน เอาที่มึงสบายใจ
“ไอ้ห่านั่นเป็นไร นั่งเงียบ” ไอ้แบงค์ถาม พร้อมบุ้ยปากไปทางไอ้เจที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่พูดไม่จา
“เฮิร์ท” ไอ้ซันกระซิบบอก
“เฮิร์ท?” ไอ้แบงค์ทวน เพราะคนอย่างไอ้เจนี่ไม่น่าเฮิร์ทได้
“เออ เมียทิ้ง“ ไอ้ซันบอก ก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่พวกมึงมีเมียกันยังวะ?”
“หึหึ” พวกผมหัวเราะพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เพราะไอ้ที่มานี่ มีแฟนเป็นผู้ชายทั้งสามคนเลย ทั้งผม ไอ้แบงค์ และไอ้แม็ค ถ้าบอกนี่พวกมันจะช็อคกันรึเปล่าวะ
“อ้าวห่านี่ ถามไม่ตอบ เสือกหัวเราะ” ไอ้ซันโวย จนสุดท้ายพวกผมก็บอกไป แต่ผิดคาด ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่อึ้งเท่าไหร่ แค่พยักหน้าเออ-ออเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“ไม่ตกใจ?” ผมถาม
“ตกใจห่าไร สงสารมากกว่า” ไอ้กรีนว่า
“สงสาร? สงสารใคร” ไอ้แบงค์ถามอีก
“สงสารผู้หญิงดิ ผู้ชายหล่อๆ บนโลกนี้หายไปอีกสี่” ไอ้ซันว่า
“สี่?” พวกผมทวนคำงงๆ พวกกูมีแค่สามนี่หว่า
“เออ ไอ้สัดนั้นอีกคน” ไอ้ซันบุ้ยปากไปทางไอ้เจ
“เฮิร์ท? เมีย? ผู้ชาย?” ไอ้แม็คถามงงๆ
“เออ เพิ่งถูกเขาทิ้งมา” ไอ้ซันบอกอีก
“ทำไมวะ?” ไอ้แบงค์ถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะไอ้เจเนี่ยถือว่าเป็นผู้ชายเพอร์เฟ็คอีกคนหนึ่งก็ว่าได้ เรียนเก่ง บ้านรวย หน้าตาดี นิสัยก็ดี ไม่น่าจะโดนทิ้งง่ายๆ
“พ่อแม่มันไม่ยอมให้คบกันว่ะ ฝ่ายนู้นก็กลัวว่ามันจะเสียอนาคต เลยบอกเลิกแม่ง” ห่า ดราม่าไปอีก นึกถึงครอบครัวตัวเองเลยทันที รู้สึกโชคดีมากที่แม่เป็นสาววาย พ่อกับพี่เคนก็เข้าใจและยอมรับได้ ไม่อย่างนั้นผมคงนึกไม่ออกว่าตัวเองควรจะทำยังไงถ้าต้องเจอกับสถานการณ์แบบที่ไอ้เจเจอ แต่ก็แอบหวั่นๆ กับฝั่งครอบครัวไอ้ฟ่านิดหน่อย ลูกเขาเคยเจ็บปวดมาขนาดนั้น ไม่รู้จะยอมรับผมได้เต็มร้อยหรือเปล่า
“กูอยากพยายามนะเว้ย แต่แม่งไม่ยอมสู้ไปกับกูเลย” ไอ้เจที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นในที่สุด พูดจบก็กระดกเพียวไปหมดแก้ว “บอกแค่ว่าไม่อยากทำลายชีวิตกู ไม่อยากให้กูทะเลาะกับพ่อแม่ ทำไมไม่ถามกูสักคำว่ากูต้องการแบบไหน” แล้วมันก็กระดกอีก ไอ้กรีนนี่เทกันไม่หวาดไม่ไหว สุดท้ายก็ยัดทั้งขวดใส่มือมัน
“เขารักมึงไง เลยต้องทำแบบนั้น เขาเองก็เจ็บไม่แพ้มึงหรอก” ไอ้แกรนด์ปลอบ
“แล้วกูไม่เจ็บหรอวะ กูรักมันเหี้ยๆ ไม่เคยรักใครมาก่อน ทำไมๆ . . . ฮึก” แล้วมันก็สะอื้นออกมา จนนัดสังสรรค์ของเพื่อนอนุบาล กลายเป็นนัดปลอบไอ้เจไปซะได้
ผ่านไปจนราวๆ ตีสอง ไอ้เจเมาแอ๋ ร้องเรียกแต่เมียมัน ส่วนคนอื่นๆ ก็กรึ่มๆ แต่ยังไหวกันอยู่ ก็เลยโทรตามให้เมียมันมาหา พอเขามาไอ้เจโผเข้าไปกอดเขาทั้งตัวร้องไห้เป็นเด็กๆ เมียมันก็ร้องไห้เงียบๆ ไม่สะอึกสะอื้น แววตาที่มองไอ้เจก็มีแต่ความเจ็บปวดความเศร้า แต่ที่ชัดที่สุดคงเป็นความรัก เล่นซะไอ้แม็คน้ำตาซึมไปด้วย ปลอบกันพักใหญ่เมียไอ้เจก็ขอตัวกลับ ตอนแรกไอ้เจจะไปด้วย แต่เมียมันแค่ส่ายหน้าเบาๆ ก้มลงไปจุ้บปากมัน บอกรักและฝากให้พวกผมดูแลมัน แล้วเดินออกไปทั้งน้ำตา ไอ้เจถึงกับทรุดลงตรงนั้น จนเพื่อนๆ ต้องพากันไปส่งที่บ้าน
พอไปส่งไอ้เจเสร็จโดยมีพ่อแม่มันรอรับอยู่หน้าบ้าน แววตาท่านทั้งสองที่มองไอ้เจก็มีแต่ความเจ็บปวดเหมือนกัน ผมว่าอีกไม่นานหรอก ไอ้เจอาจจะมีข่าวดีก็ได้ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทนเห็นลูกตัวเองเจ็บได้หรอก
ผมก็แยกกับไอ้พวกนั้นกลับบ้านตัวเอง พอขึ้นบนห้องได้ ก็อาบน้ำใส่ชุดนอน ไม่รู้ไอ้ฟ่ากลับมาหรือยัง ว่าแล้วก็ลองส่งข้อความไปหามันดู
กลับมารึยัง<<<
>>>รอจนจะหลับแล้ว
>>>เมารึเปล่า
เปล่า<<<
เปิดคอมดิ<<<
>>>(สติกเกอร์กระต่ายโอเค)
พอได้รับคำตอบตกลงแล้ว ผมก็จัดการเปิดโน๊ตบุ๊ค เปิดโปรแกรมสไกป์ทันที พอเปิดปุ๊บหน้าจอก็เด้งว่ามันโทรเข้ามา ผมกดรับทันที ภาพที่ปรากฏขึ้นมาทำเอาผมอยากจะว๊าบกลับไปกรุงเทพเดี๋ยวนี้ ก็ไอ้เสื้อเชิ้ตตัวเดียวแบบที่มันชอบใส่นั่นแหละ ไม่รู้จงใจหรืออะไร เพราะพอมันเห็นว่าผมมีปฏิกิริยามันก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที
“อ่อยกูหรอ” ผมแซว
((แล้วไง? จะกลับมาหากูหรอ)) มันเลิกคิ้วถามกวนๆ
“ฝัน?” ผมกวนตีน
((ชิส์ คอยดูถ้ากลับมากูจะเล่นตัวให้)) มันเบะปากใส่ผม จากนั้นเราก็คุยกันเรื่อยๆ มันก็เล่าว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง มันทำอะไรมาบ้าง ผมเองก็เหมือนกัน แอบอวดนิดหน่อยว่าได้ไปเที่ยวรอบเมืองมา มันก็ทำท่าอิจฉาใหญ่ ผมก็เลยเกทับมันว่าชวนมาแล้วไม่มาเอง มันก็กวนตีนว่ามันเที่ยวดื่มด่ำมลพิษที่กรุงเทพก็ได้ หึหึ แต่ที่พลาดไม่ได้ก็คือเรื่องไอ้เจ ผมก็เล่าไป ไอ้ตัวดีนี่ถึงขั้นน้ำตาซึม
((น่าสงสารจัง คนเขารักกันแท้ๆ)) มันพูด มือก็ปาดน้ำตาที่ซึมๆ ตรงหางตาไปด้วย
“อืม. . .แต่เดี๋ยวมันก็จะผ่านเรื่องนี้ไปได้เอง” ผมบอก ออกแนวปลอบ ผมเชื่อว่ายังไงความรักที่มันสองคนที่มีให้กันจะช่วยให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้น พ่อแม่ไอ้เจจะรับเรื่องนี้ได้เอง เพราะไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทนเห็นลูกตัวเองต้องทนทุกข์ ต้องเจ็บปวดได้หรอก
((เรื่องของเราจะเป็นแบบนี้มั้ย)) มันพึมพำเบาๆ แต่ผมได้ยิน
“พ่อแม่มึงจะขัดขวางเรารึเปล่าล่ะ” ผมถาม มันส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ “ไม่ขัดขวาง?” ผมถามอีก
((ไม่รู้)) มันว่าเสียงเบา ก้มหน้าลงจนแทบชิดอก มันบอกอีกว่าพ่อแม่รู้ว่ามันเป็นเกย์ ท่านทั้งสองก็รับได้ แต่ที่มันไม่แน่ใจก็คือท่านทั้งสองจะยอมรับผมได้หรือเปล่า ผมก็ฟังมันพูดไป คิดไปว่าก็ไม่แปลก ท่านเคยเห็นลูกตัวเองเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ท่านก็คงอยากจะเลือกคนที่ท่านมั่นใจที่สุด มาให้ดูแลลูกท่าน
“ฟ่า. . .อย่าเพิ่งคิดมากสิ เรื่องมันยังไม่เกิด” ผมปลอบ ไม่รู้จะห้วนไปรึเปล่า แต่ผมปลอบคนได้แค่นี้จริงๆ ถ้าเป็นคำพูด แต่ถ้าเป็นปลอบโดยใช้สัมผัส (กอดครับกอด) ผมคิดว่าผมถนัดนะ
((นั่นสิ ช่างมันก่อน ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เอ้อ มึงรู้มั้ยว่าวันนี้น่ะ. . .บลาๆๆๆ)) แล้วมันก็เล่าๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อีก ผมก็ไม่อยากจะขัดหรอกนะว่าเมื่อกี้มึงเล่าไปแล้วรอบนึง ขอแค่มันลืมเรื่องที่กังวลเมื่อกี้ก็พอ
ผมก็ฟังมันเล่าไป ตอบรับมันบ้าง หัวเราะบ้างตอนที่มันเล่าเรื่องตลกๆ ตอบมันบ้างเวลาที่มันถาม มันก็พูดไปเรื่อย เจื้อยแจ้วไม่ได้หยุด
“ง่วงก็นอน ตาจะปิดอยู่แล้ว” ผมพูดเมื่อเห็นว่ามันที่นอนเลื้อยอยู่บนเตียง ตาปรือจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ เสียงพูดก็เบาลง
((นอนไม่หลับ)) มันบอก แต่ตามึงนี่คือจะปิดอยู่แล้ว
“ร้องเพลง เล่นกีตาร์ให้ฟัง เอามั้ย?” ผมเสนอ คือสงสารมัน ดูก็รู้ว่าง่วงมาก
((จริงนะ?)) มันลืมตาโพลง เด้งตัวขึ้นมานั่งอย่ารวดเร็ว ผมตอบรับก่อนจะไปหยิบกีตาร์ที่มุมห้อง กลับมาอีกทีก็เห็นมันขดตัวอยู่ในผ้าห่ม โดยวางโน๊ตบุ้คไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง แล้วมันก็นอนตะแคงหันหน้ามาทางกล้อง ทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้นั่งอยู่ข้างๆ มัน
“เพลงอะไรดี?” ผมถาม มันทำท่าคิดแป็บนึงก่อนจะบอก
((แล้วแต่มึง)) อ้าว กูเห็นทำท่าคิด นึกว่าคิดได้ซะอีก ไง๊หวยออกมาว่าแล้วแต่กูวะ ผมขมวดคิ้วคิดเพลงที่จะเล่น แวบหนึ่งที่มองหน้ามัน ตัวโน้ตเพลงๆ หนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัว ผมยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ กรีดนิ้วไปที่สายกีตาร์เป็นท่วงทำนอง
หลับตาลงยังรู้สึก ท่ามกลางความอ้างว้างในหัวใจ. . .
ค่ำคืนยาวนาน กับความเดียวดาย และลมหายใจที่ว่างเปล่า
อยากให้เธอได้สัมผัส. . . กับความห่วงใยที่มีให้เธอ
ได้ยินเสียงของพระจันทร์ที่กล่อมเธอฝันดี ให้เธอได้รู้ตลอดไป
ว่าทุกเวลา ที่เราห่างกันแสนไกล ยังมีอีกคำในหัวใจ
ที่จะบอกเธอ ให้เธอได้รู้และเข้าใจ. . .
ว่าคิดถึงเธอ เมื่อเราห่างกันแสนไกล มีคำหนึ่งคำจะพูดไป
ให้เธอได้รู้ จะแทนความหมายความห่วงใย ฉันคิดถึงเธอ. . .
อยากให้เธอได้สัมผัส กับความห่วงใยที่มีให้เธอ
ได้ยินเสียงของพระจันทร์ที่กล่อมเธอฝันดี ให้เธอได้รู้ตลอดไป
อยากให้เธอได้สัมผัส กับความห่วงใยที่มีให้เธอ
ได้ยินเสียงของพระจันทร์ที่กล่อมเธอฝันดี ให้เธอได้รู้ตลอดไป
ว่าทุกเวลา ที่เราห่างกันแสนไกล ยังมีอีกคำในหัวใจ
ที่จะบอกเธอ ให้เธอได้รู้และเข้าใจ
ว่าคิดถึงเธอ เมื่อเราห่างกันแสนไกล มีคำหนึ่งคำจะพูดไป. . .
ให้เธอได้รู้ จะแทนความหมายความห่วงใย ฉันคิดถึงเธอ
ก็ฉันมีเพียงเธอ. . .
คิดถึง. . . by พีซเมกเกอร์
Cr. Siamzone.com
TBC.