บทที่ 11 ห่าง (2)
"อยากรู้จัง สินอวยพรว่าอะไรเหรอ?"
รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้า ท้าวคางมอง
สิน สาริน ที่เพิ่งเป่าเทียนที่ปักอยู่บนคัพเค้กดับสนิท
วันนี้ เป็นวันเกิดครบรอบอายุ 23 ปีของสาริน ทั้งสองนั่งดื่มที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง โดยอินทัชรบกวนพี่ชายช่วยเลี้ยงลูกเพื่อนให้สักวันก่อน
"ฉันขอให้นายรักฉัน""หืมม? มันใช่คำอวยพรจริงๆเหรอ?" อินทัชย้ำถาม ลึกๆแล้วใจเต้นตึกตักเพราะไม่คาดคิดว่าสารินจะตอบแบบนี้ เขานั่งกัดปาก และเปลี่ยนท่านั่งเป็นเอนตัวพิงพนักเก้าอี้
"ใช่ ฉันรักนาย อินทัช"
คำนี้ ถูกเปล่งออกมาจากปากของสารินที่เริ่มเมากรึ่มนิดหน่อย
"บ้าน่า" พูดจบก็ขำ เพราะนึกว่าเพื่อนพูดทีเล่นทีจริง
"ฉันพูดจริง ฉันรักนายมานานแล้ว"
"ตะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"ตั้งแต่เราสองคนเพิ่งขึ้นมอปลาย"
อินทัชช็อกและอึ้ง เมื่อเห็นว่าเพื่อนตอบแบบซีเรียส ถ้ามานับดูก็เกือบเจ็ดปีเห็นจะได้ เขาเพิ่งรู้ความจริง ว่าสารินชอบเขานานแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ สินไม่เคยแสดงออกอะไรให้เห็น พอสารินไม่แสดงออก อินทัชที่มีใจให้ก็ไม่กล้าบอก จึงเก็บมันไว้เป็นความลับ จนกระทั่ง เรื่องที่สารินมีลูกโผล่ขึ้นมา อินทัชจึงหนีหน้า หวังไปทำใจ แต่มันก็ไม่เคยได้ผล
แต่ระยะเวลาที่สินชอบอินทัช มันคาบเกี่ยวกับช่วงที่เจ้าตัวมีลูก อย่างไรก็ตาม อินทัชยังไม่เชื่อเต็มร้อย จึงถามกลับ
"แต่ตอนนั้น สินมีลูกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วนะ"
"ใช่ แต่ฉันไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น เรามีอะไรกันตอนเมา แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าเรื่องมันจะเลยเถิดถึงขนาดนี้ มันเป็นความผิดพลาด"
"สินห้ามพูดให้คายัคได้ยินนะ เขาจะเสียใจมากที่มันออกมาจากปากพ่อ"
"ฉันรู้หรอกน่ะ ถึงแม้ว่า จุดเริ่มต้นมันจะเกิดจากความผิดพลาดก็จริง แต่ตอนนี้ ฉันรักคายัคมาก นายก็รู้ว่า ฉันยอมไม่เรียนต่อ และเลี้ยงคายัคมาคนเดียวตั้งแต่เกิด ผู้หญิงคนนั้นเหลียวแหลซะที่ไหน?"
"รู้ครับรู้ เพราะฉะนั้น เรื่องของเรา...มันจะเป็นไปได้...เ ห ร..."
"ฉันทนดูไม่ได้อีกแล้วที่ต้องเห็นนายคบกับคนอื่น"
กึก!
เงยหน้าสบตาสาริน ก่อนจะเบนหน้าหนีไปทางอื่น อินทัชเม้มปากแน่น ใจสั่น ในตอนนั้นที่ อินทัชรู้ว่าสารินทำผู้หญิงท้อง เขาหลบไปเสียใจคนเดียว และพยายามเลิกรักสารินให้ได้ โดยใช้วิธีผิดๆ หากมีใครเข้ามาจีบ อินทัชตกลงคบเป็นแฟนในทันที อินทัชคบมาหลายคน จนมาคนสุดท้ายที่อินทัชคบเป็นแฟน ก็ตอนที่อินทัชอายุยี่สิบปี ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่มหาฯลัย แต่คบได้ไม่นานก็เลิกกันไป เพราะอินทัชรู้ดีว่า ตราบใดที่ยังตัดขาดจากสารินได้ไม่สนิทดี เขาไม่ควรคบใคร เพราะมันไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย
"ฉันขอถาม นายรู้สึกยังไงกับฉัน?"
อยู่ดีๆสินดึงมืออินทัชมาวางลงบนแก้มสากของเจ้าตัว
"บอกออกไปตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร?"
"มีสิ"
อินทัชกัดริมฝีปากล่าง ก้มหน้า
"ก็ชอบ...เหมือนกัน"
"ถ้างั้น เราคบกันไหม?" สินบีบกระชับมืออินทัชแน่นกว่าเก่า
"แล้วถ้าคายัคโตกว่านี้จะรับได้เหรอ?"
"เราไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าคายัคโตแล้วบอกด้วยเหตุผล ฉันว่าลูกจะเข้าใจ แต่ไม่เป็นไร ฉันให้เวลานายคิด"
อินทัชเงียบ เขาไม่รู้หรอกว่าควรตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ตอนที่สินจับมือ บอกเลยว่า รู้สึกดีจนหัวใจพองโต
ทั้งสองเปลี่ยนเรื่องคุยไปตั้งนานแล้ว จนกระทั่ง ใกล้เวลาปิดร้าน สารินและอินทัชเดินออกจากร้านเหล้าด้วยสภาพมึนเล็กน้อย ทั้งคู่ยืนรอเรียกรถแท็กซี่ริมถนน
ตอนที่สารินบอกปลายทางคือ โรงแรมม่านรูด อินทัชหันขวับทันที
"สินจะทำอะไร ทำไมไม่กลับบ้าน?"
"วันนี้วันเกิดฉัน ฉันขออยู่กับนายให้นานกว่านี้ได้ไหม?" "......."
"นะครับ อินทัช"
"อะอื้ม....ได้"
เมื่อถึงที่หมายแล้ว สารินจ่ายเงินค่าห้อง ปิดประตูลงไม่ทันไร สารินสวมกอดอินทัชจากด้านหลังและเอาแต่พร่ำบอกว่ารักอินทัชอยู่อย่างนั้น
ยืนนิ่งฟังคนเผยความในใจ อินทัชมาตระหนักได้ว่าเมื่อใจตรงกัน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธอีก อินทัชจึงเสนอตัวให้กับสารินในคืนนั้น และทั้งสองก็ร่วมรักกันอย่างมีความสุข
นับว่าเป็น เซ็กซ์ที่ไม่ได้รุนแรง ป่าเถื่อน ทว่า เนิบนาบ นุ่มนวล ชวนฝัน แหละหลังจากจบกิจกรรมแห่งรักที่ต่างฝ่ายต่างประทับใจ สารินดึงตัวอินทัชไปกอดจนร่างเล็กกว่าแทบจมอก
การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่อินทัชเองก็รับรู้ได้ถึงความรัก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจคบกับสารินในคืนนั้น
"ขอบคุณที่ยอมคบกันนะ ฉันรักนายมากจริงๆ"
"เหมือนกัน"
"ถ้าเกิดฉันเป็นอะไรไป นายรับคายัคไปเลี้ยงได้ไหม?"
"ได้สิ สัญญา"
"เลี้ยงและรักให้เหมือนเป็นลูกของเราเลยนะ"
"แน่นอน เราจะรักคายัคให้มากกว่าที่สินรักอีก คอยดู"
"อย่าเผลอรักคายัคมากกว่าลูกล่ะ"
"ฮ่าๆ...จะบ้าเหรอสิน มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ๆ"
"โอเค ฉันจะคอยดู"
จบคำมั่นสัญญา ทั้งสองนอนกอดกันกลมจนถึงเช้า สารินเดินทางไปบ้านอินทัชเพื่อรับคายัคกลับบ้านของตนเอง แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์อันน่าสลด เมื่อผ่านวันเกิดของสารินได้ไม่ถึงสัปดาห์ ชายหนุ่มก็มาเสียชีวิต...
อินทัชเสียใจอย่างหนัก เพราะทั้งสองเพิ่งตกลงปลงใจเป็นแฟนกันได้ไม่นาน สินก็ด่วนจากกันไปเสียก่อน
แหละนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อินทัชไม่คบใครอีกเลย เขาเอาแต่ทุ่มเทกายและใจไปกับการเลี้ยงคายัคเพียงอย่างเดียว
แต่ก็ไม่คิดหรอกว่า เมื่อคายัคเติบโตขึ้นมา อินทัชจะกลายเป็นคนกลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อรู้ใจตัวเองว่าดันเผลอรักคายัคมากกว่าลูกเข้าให้แล้ว
พยายามหักห้ามใจก็ยากเกินเยียวยา
รอยยิ้มอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ยิ้มกรุ้มกริ่ม ยิ้มหวานเชื่อม หรือยิ้มร้ายกาจ ไหนจะการสัมผัส แตะต้องทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงการใกล้ชิด ยิ่งทำให้อินทัชหลงรักคายัคจนถอนตัวไม่ขึ้น
การที่อินทัชนั่งนึกถึงอดีต ไม่ใช่เพราะยังโหยหาหรือรักสารินแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะคนที่เขารักมีเลือดเนื้อเชื้อไขจากสารินอยู่เหมือนกัน อินทัชได้แต่ภาวนา ถ้าสารินรับรู้ ได้โปรดช่วยหาทางให้เขาได้เจอะคายัคสักครั้ง
ที่มานั่งเครียด ฟุ้งซ่าน และโหยหาคายัคเป็นพิเศษ เพราะเดือนนี้ คือ เดือนเกิดของเราสองคน ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ คือ วันเกิดของเขา
30 ธันวาคม
วันนี้ของทุกๆปี จะมีเด็กหนุ่มมาอ้อน มากอด มาอวยพรพร้อมเสียงร้องเพลงแฮปปี้ เบิร์ทเดย์ที่มาพร้อมขนมเค้กหนึ่งชิ้น...แหละหลังจากนั้นหนึ่งวัน คายัคและอินทัชจะนอนเคาท์ดาวน์รับวันปีใหม่ด้วยกัน มันเป็นอย่างนี้เสมอๆ
แต่นั่นมันก็เป็นเพียงอดีต เพราะความเป็นจริงตอนนี้ ไม่มีแม้แต่เงา...
ขณะที่หวนรำลึกความหลัง
จุ๊บ จุ๊บ...
ริมฝีปากอุ่นๆกดจูบตรงซอกคอ อินทัชผงะ ผละออกห่าง
"ภูมิทำอะไร?"
"เรียกสติอินไง? สุขสันต์วันเกิดครับ อินทัช"
ภูภูมิหอมแก้มก่อนอวยพรและยื่นถุงขนาดกระทัดรัดให้ เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินไปยังกระเป๋าตัวเองคว้าถุงที่อุตส่าห์แอบเอาไว้ไม่ให้อินทัชเห็นตั้งแต่มาถึงบ้าน พอสบโอกาส ภูมิหยิบมาหวังจะเซอร์ไพร์ส แต่พอเรียกชื่ออีกฝ่ายหลายครั้งไม่ขานรับเพราะนั่งเหม่อลอย ภูภูมิจึงต้องจูบเรียกสติให้หันมาสนใจกัน
ภูมิมองหน้าอินทัชที่ดูเซื่องซึม ทั้งๆที่วันนี้คือวันเกิดของตัวเองแท้ๆ
"ขอบคุณครับ"
"เปิดดูสิ"
"เดี๋ยวค่อยเปิดได้ไหม?"
"ก็ได้ครับอิน ผมขอให้คุณมีความสุขกับทุกสิ่งในตอนนี้นะครับ"
"ขอบคุณครับ"
"วันนี้วันเกิดคุณ อยากให้ผมทำอะไรเป็นพิเศษไหม?"
"ไม่อยากครับ"
"แล้วถ้าคืนนี้ ผมจะขอ...."
"ภูมิ ผมเหนื่อย ขอหลับก่อนนะ"
ภูภูมิหน้าเสีย แต่ก็พยายามฝืนยิ้ม ยกมือลูบหน้าอินทัช แค่ได้สัมผัสภายนอกก็ยังดี
"อืมโอเค...ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่คุณบอกผมนะ"
"ครับ"
อินทัชฟุบตัวลงนอนตะแคงข้างแล้วกอดตัวเองแน่น
จำเป็นต้องห่าง ทั้งๆที่รัก...
ถึงตัวจะห่าง แต่ความรักและความทรงจำของอินทัชไม่จางหาย ตอนนี้สิ่งที่แนบติดอยู่กับหัวใจ ไม่มีใคร นอกจาก คายัคเพียงผู้เดียวเท่านั้น
แม้วันเกิดอินทัชปีนี้ จะไร้คำอวยพรจากคายัคก็ไม่เป็นไร แต่เขาได้อธิษฐานให้ตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถ้าเป็นคู่กันจริงๆ... ขอให้คายัคกลับมาและได้มีโอกาสรักกันอีกครั้ง..
......................
"มันจะดีใช่ไหมอิน? ที่พาผมมาด้วย"
ย้ำให้แน่ชัด หลังจากที่อินทัชชวนภูภูมิมาทานข้าวที่บ้าน แต่ก่อนไป ภูมิต้องมาเป็นเพื่อนอินทัชคุยกับผู้หญิงที่ทางบ้านจัดหาให้เสียก่อน
"ดีครับ" สุดท้าย อินทัชจำใจต้องทำตามผู้ใหญ่กับค่านิยมเดิมๆ สำหรับเรื่องการแต่งงาน เพื่อมีลูกหลานไว้สืบสกุล
ห้าวันก่อนวันนัดทานข้าวกับครอบครัว พี่นพได้ส่งเบอร์โทรของหญิงสาวที่พี่ชายอ้างว่าเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่ที่มารดาของอินทัชเคยเห็นหน้า ค่าตาและถูกใจผู้หญิงคนนี้จนอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ เพราะไตร่ตรองแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้เหมาะสมกับอินทัชที่สุด
ได้เบอร์มา อินทัชโทรแนะนำตัวคร่าวๆกับหญิงสาว พร้อมกันนั้น เขาได้นัดวัน เวลาเพื่อเจอเธอเรียบร้อย
แหละวันนัดก็มาถึง เมื่ออินทัชนั่งรออยู่ในร้านกาแฟระดับพรีเมียม
"คุณโกรธผมเหรอ?" อินทัชมองหน้าภูมิ
"เปล่า แต่ผมรู้สึกแปลกๆ"
"แปลกยังไงครับ?"
"กลัวเราเลิกกัน"
"เลิกก็เลิก"
"ทำไมอินพูดง่ายจัง" ภูมิเผลอขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ ที่อินทัชพูดไม่ไตร่ตรองสักนิด
"ผมพูดความจริง แต่ถ้าภูมิจะลองสู้เพื่อความสัมพันธ์ของเรา ผมก็โอเค"
"ผมต้องสู้สิครับ อินคิดว่าผมเล่นๆเหรอ?"
อินทัชส่ายหน้าพลางยิ้มพอใจ จนกระทั่ง...
"ขอโทษนะคะ คุณอินทัชใช่ไหมคะ?"
หญิงสาวตากลมโต ผมหน้าม้า ยาวประบ่า มีใบหน้าน่ารัก คล้ายสาวญี่ปุ่นส่งเสียงทักอย่างไม่แน่ใจ
"ใช่ครับ"
ผู้หญิงมองหน้าภูมิสลับกับอินทัช ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้อยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่
"สวัสดีค่ะ วาว นะคะ" อินทัชยิ้มรับ พร้อมกับแนะนำภูภูมิให้รู้จักโดยยังไม่ได้บอกสถานะ
"ดื่มอะไรก่อนไหมครับ?"
"ไม่เป็นไรค่ะ วาวต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า เราไปกันเลยไหมคะ?"
"เดี๋ยวครับ พอดีผมอยากรู้จักคุณวาวมากกว่านี้น่ะครับ คือ น่ารักๆอย่างคุณวาว ยังไม่มีแฟนจริงๆหรือครับ?"
"....."
วาวชะงัก หลุบตาลงต่ำพลางก้มหน้างุด จนอินทัชสังเกตอาการพิรุธ เลยลองถามต่อ
"ที่บ้านคุณวาวนัดให้ดูตัวกี่คนแล้วครับ?"
"คุณอินทัชเป็นคนที่สามค่ะ"
จ้องมองเข้าไปยังแววตาเศร้าคู่นั้นก็สัมผัสถึงความรู้สึกลึกๆของวาวได้ เจ้าตัวก็คงไม่ชอบการจับคลุมถุงชนเช่นกัน
"คุณวาวครับ ที่ผมนัดเจอคุณก่อนจะไปบ้าน เพราะผมมีความจริงจะบอก ผมมีแฟนแล้วครับ"
"อย่าบอกนะคะว่า...." วาวตาโต ชี้นิ้วไปทางภูภูมิ
"ใช่ครับ"
อินทัชมองวาวที่ถอนหายใจยาวพร้อมทำหน้าโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก
"ดูคุณวาวดีใจ"
ฟากวาวเองดีใจจริงๆ เธอไม่คิดว่าจะเจอคนพูดจาตรงไป ตรงมาแบบนี้ เมื่ออีกฝ่ายเปิดใจ จึงทำให้เธอกล้าเปิดอกคุยมากขึ้น
"เรียกวาวเฉยๆเถอะค่ะพี่ทัช แม่บอกว่าวาวอายุน้อยกว่าพี่ทัช วาวดีใจจังเลยค่ะ ที่การดูตัวครั้งนี้เป็นพี่ทัช เพราะความจริง วาวก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน แต่ต้องปิดบัง เพราะแฟนวาวเป็นทอมค่ะ"
อึ้งไปนิด ก่อนจะผุดรอยยิ้มตามคนน่ารัก
"แม่วาวไม่ชอบหรือครับ?"
"ใช่ค่ะ แม่วาวเกลียดทอม หัวอกเดียวกันแบบนี้ เราควรจะแลกเบอร์กันไว้เพื่อสานสัมพันธ์ต่อก็ดีนะคะ"
"ดีเลยครับ อ้อ...ส่วนเรื่องทานข้าวมื้อเย็นที่บ้านพี่ วาวไม่ต้องไปก็ได้นะครับ พี่ไม่อยากให้วาวต้องมารับแรงกระแทก ถ้าเกิดอะไรขึ้น พี่รับไว้เองคงดีกว่า"
"ให้วาวไปช่วยเล่นละครได้นะคะ" วาวยิ้ม
"ไม่เป็นไรครับ เพราะพี่จะไปกับภูมิด้วย"
วาวยิ้มกว้างดีใจที่การดูตัวคราวนี้ เป็นพี่อินทัช เธอสัมผัสได้ว่าเราสองคนเคมีตรงกัน
ครู่หนึ่ง เธอหันไปหาภูภูมิ
"พี่สองคนดูเหมาะสมกันดีนะคะ"
คำชมเชยนั้น ทำให้ภูภูมิยกยิ้มอย่างภาคภูมิ ผิดกับอินทัชที่นั่งนิ่งเงียบจนวาวหรี่ตามองอย่างแปลกใจ
คุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนสักพักก็ถึงเวลาสมควรที่ต้องแยกย้ายไปทำภารกิจส่วนตัว ขณะที่ทั้งสามเดินออกมาจากร้านกาแฟ วาวแตะข้อศอกอินทัชให้เจ้าตัวหันมาและหยุด
"พี่ภูมิคะ วาวขอยืมตัวพี่ทัชสักครู่นะคะ"
"ได้สิครับ"
พอทั้งสองเดินห่างภูภูมิมาได้ไกล วาวถามออกไปตรงๆ
"อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ พี่ภูมิเป็นแฟนพี่ทัชจริงๆหรือคะ?"
"ทำไมวาวถามแบบนั้นล่ะครับ"
"ก็ตอนที่วาวบอกว่า ดูเหมาะกัน พี่ทัชดูไม่ดีใจ เหมือนพี่ทัช..ไม่ได้ รั..."
"เก่งจังครับ วาว"
"ฮ่าๆ นั่นไงว่าแล้วเชียว ...เซนส์ผู้หญิงนี่แม่นเหมือนกันแฮะ เอ้...แล้วถ้าพี่ทัชไม่รัก พี่ทัชคบเขาทำไมคะ?"
"พี่ขอไม่ตอบนะ"
"ขอโทษค่ะ วาวเข้าใจ มันเป็นเรื่องส่วนตัวเนอะ แต่ถ้าพี่ทัชเครียดวาวยินดีให้คำปรึกษาและพร้อมช่วยทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตังค์นะคะ"
"ถ้าจะตัดบทกันขนาดนี้ พี่คงไม่ติดต่อไปแล้วแหละครับ"
"ฮ่าๆ พี่ทัชอะ...เป็นคนตลกเหมือนกันนะคะเนี่ย"
อินทัชยิ้มอย่างคนสบายใจ
"พี่ต้องไปแล้วครับวาว โชคดีนะ"
"วาวต่างหากที่ต้องอวยพรให้พี่โชคดี แล้วเดี๋ยวค่ำๆวาวจะโทรไปถามความคืบหน้านะคะ"
"ได้ครับ"
"อ้อ พี่ทัชคะ วาวขอให้พี่ทัชเจอคนที่ใช่เร็วๆนะคะ"
มองคนโบกมือบ๊าย บายด้วยท่าทางสดใสก็อดยิ้มตามไม่ได้ เขาพ่นลมหายใจออกมา นึกว่าจะมีแต่เรื่องเข้ามาซะอีก แต่พอเจอวาว คนหัวอกเดียวกัน จึงทำให้อินทัชลดระดับความเครียดลงได้บ้าง
แม้หญิงสาวจะเดินหายไปจากลานสายตา แต่คำอวยพรของวาวยังติดค้างอยู่ในหัว อินทัชยิ้มบางเบากับตัวเองแล้วพูดขึ้นมาลอยๆราวกับว่า การพูดออกไปมันจะปลดเปลื้องความอึดอัดใจของเขาได้ในเวลานี้
"พี่เจอแล้วครับ แต่เป็นพี่เองแหละที่ทำมันพังไม่มีชิ้นดี"
.........................................
ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ ดีใจมากค่ะ.
.
1. มีหลายๆคนรำคาญภูมิและบอกภูมิทำไมต้องยุ่งวุ่นวายเรื่องของอาทัชกับคายัคด้วย เก่งมากเลยค่ะที่รู้สึกแบบนั้น เพราะภูมิเค้าตั้งใจค่ะ เพราะอะไรรู้ไหมคะ
เพราะลึกๆแล้ว ภูมิเองก็ไม่มั่นใจกับรักครั้งนี้ค่ะ ไม่มั่นใจว่าอินทัชจะรักเค้าจริงหรือเปล่า? เขาเลยต้องพยายามพูดถึงคายัค ในทางเสียๆหายๆ ใส่สีตีไข่ เพื่อโน้มน้าวให้อินทัชคล้อยตามค่ะ
อันที่จริง ภูมิก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่พอรักใครแล้วก็หวง อยากจะเป็นเจ้าข้าว เจ้าของไว้คนเดียว พอเห็นอินทัชดูอาลัยอาวรณ์คายัคจนเกินเหตุ เขาเลยกลัวว่าอินทัชจะเผลอไปรัก (เพราะแน่นอนว่า ภูมิรู้แก่ใจดีว่าตอนที่จีบอินทัช คายัคก็ชอบอินทัชเช่นเดียวกัน) ภูมิเลยต้องพยายามรักษาของรักด้วยการเป่าหูนั่นแหละค่ะ 5555+
. .
2. ส่วนที่คุณ naruxiah --- สงสัยว่า การที่น้องทำตัวแบบนี้ มันคือ พัฒนาการของตัวละครหรอ? ขอตอบว่าใช่ค่ะ มันคือพัฒนาการของน้อง แต่มันเป็นพัฒนาการการเติบโตผิดที่ผิดทางไปหน่อย น้องเจอปัญหามาเยอะ เลยไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง น้องจึงคิดว่าการสร้างกลไกปกป้องตัวเองด้วยการทำตัวแบบนี้น่าจะดีและสตรองที่สุดค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ