เธอมีชู้
บทที่ 13
ผมยืนอยู่หน้าห้องด้วยความแปลกใจ มันไม่เหบือความคุ้นตาอะไรเลย ใช่ว่าเละเทะจากเหตุการณ์นั้น แต่มันเหมือนถูกเปลี่ยนใหม่หมดยกห้องเลยมากกว่า ไม่มีอะไรที่เป็นของเดิมเลยนอกจากของสำคัญจิกจุก หรือของตกแต่งน่ารักเล็กๆ ซึ่งมีไม่กี่ชิ้น นอกนั้น โซฟา โต๊ะเล็ก ทีวีหรือแม้กระทั่งวอลเปเปอร์ในห้องก็ถูกเปลี่ยนหมด
“กูไม่อยากให้เหลืออะไรที่ทำให้นึกถึงวันนั้น” มันแก้ข้อสงสัยของผมพร้อมรอยยิ้ม
แมทจูงมือผมไปนั่งโซฟาสีน้ำตาลเปลือกไม้ ตำแหน่งถูกเปลี่ยน ไม่ใช่กลางห้องเหมอนเช่นเคย แต่มันก็ลงตัวดี ผมกวาดตามองไปรอบๆ สำรวจห้องที่เหมือนห้องใหม่ของตัวเอง จะว่าไปมันก็ดีเนอะ ไม่ต้องเห็นอะไรที่ทำให้นึกเรื่องวันนั้นแบบชัดเจน
“มึงลืมเปลี่ยนของสำคัญไปอย่าง” ผมเอ่ยลอยๆ
“อะไร”
“มึงไง...มึงนั่นแหละคือสิ่งของที่ทำให้นคกถึงเหตุการณ์นั้นได้ดีที่สุดเลย” จ้องหน้าด้วยสายตาจริงจัง แมทหน้าสลด สองมือเอื้อมมาคว้าตัวช้ำๆ ของผมไปกอด
“เปลี่ยนคนคงไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องนิสัยอ่ะ กูเปลี่ยนแล้ว”
“อ่อหรอ” ทำเป็นขานรับแบบไม่เชื่อ
“อื้อ” แล้วมันก็กอดผมแน่น ซุกหน้าลงกับลาดไหล่ที่บางกว่า ทำเป็นอ้อนนะเวลาอย่างนี้น่ะ ถ้าไม่ทำผิดหรืออยากก็ไม่ทำหรอก
ถึงผมจะเลือกกลับมาอยู่กับมัน มันก็ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิมไปซะทีเดียวหรอกนะ สิ่งที่เกิดขึ้นมันสร้างรอยแตกร้าวในจิตใจไปแล้ว ถึงจะเอามาประกอบจนเป็นรูปร่างเดิมแต่ไม่ได้ทำให้รอยร้าวนั้นหายไป ก็เหมือนแก้วที่ตกแตกนั่นแหละ ไม่ได้แตกต่างกันเลยสักนิดเดียว
“กูขอไปอาบน้ำหน่อย” ปล่อยให้แมทกอดมาสักพักผมก็บอกมันเสียงเรียบ แมทยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระแต่โดยดี
แววตาที่มองมายังผมนั้นกรุ่นไปด้วยความเศร้าหมอง มันเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว เหมือนตอนที่มันทำกับผม เย็นชาใส่ผมแถมยังพูดจาถากถางผสารพัด ผมเจ๋บมากเลยละในตอนนั้นน่ะ แต่คราวนี้เป็นตามัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะรู้สึกแบบผมไหม และจะรู้สึกไปได้นานเท่าไหร่
ผมเดินเข้าห้องนอนเพื่อเอาเสื้อผ้า ในนี้ก็มีสภาพเหมือนห้องนั่งเล่น คือเฟอร์นิเจอถูกเปลี่ยนใหม่ยกชุด ผมยืนมองสำรวจอยู่นิ่งพักหนึ่ง จากนั้นก็ไปเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ หาชุดของตัวเองที่ใส่สบายๆ มาหนึ่งชุด ปิดประตูแล้วเดินเข้าไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำ
ทันทีที่เปลื้องผ้าออกจากกายผมก็พบตราประทับมากมายตรงลำคอและเนื้อตัว ตอนที่แมทสร้างรอยเอาไว้ผมไม่ทันได้สังเกต อารมณ์ ณ ตอนนั้นทุกอย่างมันขาวโพลนไปหมด นัยน์ตาโฟกัสเพียงใบหน้าฉ่ำอารมณ์ของแมท หูได้ยินเพียงเสียงหายใจของเราสองคนสอดประสาน จวบจนเสรจสิ้นทุกอย่าง และกลับมา สมองผมยังเบลออยู่เลย ผมแทบจำอะไรระหว่างทางไม่ได้สักอย่างเดียว
ก๊อกๆ
“บอม...มึงเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง หันไปมองตรงประตูห้องน้ำก่อนจะตอบออกไป
“ไม่ กูไม่เป็นไร”
“อ่อ กูนึกว่ามึงเป็นไรเห็นเข้าไปนานแล้ว กูรออยู่ข้างนอกนนะ”
“อืม” ขานตอบแค่นั้นแบ้วอาบน้ำต่อ
ผมไม่ได้รีบเร่งอะไร ค่อยๆ อาบ ค่อยๆ ถูเนื้อถูตัวไปอย่างเชื่องช้า ไม่ใช่ว่ากลัวผิวจะเสียหากขัดตัวแรง แค่อยากคิดอะไรคนเดียวให้นานกว่านี้สักหน่อย ตอนนี้ผมลังเลในความสัมพันธ์ของเรา มันจะเป็นเหมือนเดิมได้หรอ จะกลับมารักกันสนิทใจได้จริงๆ ไหม ผมไม่ได้ตั้งคำถามพวกนั้นให้ตัวเองหรอกเพราะนัวเองย่อมรู้ดีที่สุด แต่คนที่ผมตั้งคำถามนี้ด้วยคือคนที่บอกจะรออยู่ด้านนอกนั่นแหละ
ความไว้เนื้อเชื่อใจเมื่อสํญเสียมันไปแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างใหม่ให้กับมาเป็นอย่างเดิม หากต้องอยู่ด้วยกันอย่างหวาดระแวงกันตลอดเวลา เราจะอยู่กันได้ไหม ผมคิดว่าผมคงลำบากใจมากๆ วันๆ หนึ่งต้องคอยห่วงว่าตอนนี้มันจะทำอะไร ที่ไหน จะโกหกผมอีกหรือเปล่า จะแอบไปหากิ๊กของมันไหม ถ้าอาการหนักขึ้นผมอาจจะประสาทเสียได้ ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยมาคิดอะไรอย่างนี้ ทว่าตอนนี้กลับต้องมาคิดหนักเสียด้วย การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ง่ายเลยที่จะทำใจยอมรับมัน
“นานจัง ทำอะไรอยู่” พอออกมาแมทก็ดิ่งเข้ามาหาทันที มันดึงเอาผ้าขนหนูบนบ่าผมไปถือ จูงมือที่วางไว้ข้างตัว ลากไปนั่งบนเตียงนอนสีเข้มก่อนจะเช็ดผมให้กับผม
“คิดอะไรนิดหน่อย” บอกไปตามตรง
“บอกได้ไหมว่าคิดอะไรอยู่” แมทถาม
“คืดเรื่องของเรา” ดูเหมือนว่าเราจะถามตอบกันเพียงสั้นๆ เพราะอารมณ์ในตอนนี้ยังไม่กลับมาเป็นปกติ เหมือนกับสถานะของเรานั่นแหละ
“บอกได้ไหมว่ามึงคิดยังไง”
“กูคิดว่า...เราจะกลับไปเป็นเดิมได้จริงๆ หรอ มึงก็รู้ครั้งนี้กูสูญเสียอะไรไปหลายอย่าง...การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้กูกังวลใจ” เงยหน้าสบตากับคนถาม แมทระบายยิ้มมาบางๆ ร่างใหญ่กว่าตรงหน้าค่อยๆ ย่อนั่งยองเพื่อให้ใบหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน
“มันคงยากละมั้ง เหมือนครั้งที่กูจับได้ว่ามึงพาหญิงเข้าโรงแรมไง กูก็เครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น หวาดกลัว กังวลว่ามึงจะมีใครอีก ถึงคอยถามตลอดว่าไปไหน ทำอะไร กับใคร เช็คทุกอย่างเท่าที่กูจะเช็คได้ มันเหนื่อยมากเลยมึงรู้ไหมกับการต้องอยระแวงคนที่เรารัก แต่ในเมื่อมันโดนหักหลังมาแล้ว...สูญเสียความเชื่อใจไปแล้ว มันก็ต้องทำ เพราะรักถึงเป็นแบบนั้น ตอนนี้กูเข้าใจมึงดี มึงก็เหมือนกับกูในช่วงเวลานั้น และกูก็เข้าใจมึงดีอีกเช่นกันเมื่อตกต้องอยู่ในสถานะนี้...สถานะที่ไม่ต่างจากนักโทษคดีร้ายแรง” แมทอธิบายยาวเหยียด เป็นคำอธิบายที่เข้าใจได้
“ในเมื่อมันเหนื่อยขนาดนี้ เราจะทนกันทำไมวะ” คำถามจากปากของผมทำให้อีกคนคิ้วขมวด
“คำถมของมึงทำให้กูเจ็บปวดจริงๆ มึงพูดเหมือนมึงไม่อยากทน มึงทนไม่ได้ ถ้าหากทนกันไม่ได้อย่างที่มึงรู้สึก ทางเลือกเดียวที่มีก็คือการเลิกรากันไป มึงต้องการแบบนั้นหรอ กูไม่ต้องการอย่างนั้นเลย...กูทำใจไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีมึง มึงรู้ไหม ช่วงเวลาที่มึงหนีกูไป กูพยายามแล้วที่จะตัดใจจากมึง กูคิดว่าก็มีดิวแล้วไงไม่เห็นต้องแคร์มึงก็ได้ แต่กูก็หลอกตัวเองได้แค่ไม่กี่วัน...ข้างกายกูไม่มีมึงไม่ได้จริงๆ” แววตาคมคู่นั้นมองมาเหมือนกำลังขอร้องอย่าให้ผมทิ้งมันไปเลย
ผมเองก็ใอยากการเลิกกันมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกหรอก เพียงแต่ถ้ามันทรมานแล้วเราจะทนกันได้ยังไง อยู่ด้วยกันแล้วระแวงกันตลอด มันเหนื่อยมากๆ จนผมไม่คิดว่าผมคนนี้จะทนได้ แต่ถ้าถามว่าระหว่างจบกันไปหรืออยู่ด้วยกันแบบนี้ผมเลือกอย่างไหน คำตอบนั้นง่ายดาย เบือกที่นะอยู่กัยมันไง แม้ว่าจะต้องทรมานกับความหวาดระแวง แต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีมันคอยอยู่ด้วยกัน
“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจ หนทางข้างหน้าคาดเดาได้ยากจริงๆ ผมก็ไม่เคยคิดวางแผนหรอกเวลาคบกับมันน่ะ ไม่เคยคิดว่าเราคบกันต้องเป็นอย่างนี้อย่างนั้น เพียงแต่ครั้วนี้มันทำให้อดคิดถึงอนาคตของเราไม่ได้
ช่างแม่งละกัน....
ในเมื่อตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก มองอนาคตไม่เห็น ฝืนต่อไปก็รังแต่จะทำให้ปวดหัวอยู่ดี คงต้องปล่อยมันไปแล้วค่อยดูกันอีกทีเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ ผมคิดว่าทางของปัญหามักจะมาเองเมื่อถึงเวลาของมัน สิ่งที่ผมทำได้คือรอและปล่อยวาง ในเมื่อเลือกที่จะกละบมาก็ต้องทำใจกับสิ่งที่จะตามมาด้วย ผมเองห็รู้ดีไม่ใช่ไม่รู้ว่าต้องเจออะไร แต่ก็กลับมาอยู่ในจุดนี้แล้ว มันข่วยไม่ได้จริงๆ
“เล่าเรื่องมึงกับมันให้กูฟังหน่อยสิ” ผมถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าการถามไปแบบนี้จะดีไหม แค่อยากรู้เท่านั้นเอง
“ดิวหรอ...”
“หรือมึงมีหลายคน” พอตอบอึกอักมาแบบนี้ผมเลยถาม มันทำหน้านึกแล้วพยักหน้า
เพี้ย!
ผมฟาดมือใส่หน้าแมทเต็มแรงเมื่อได้ยินคำตอบ ในฐานะผู้ชายก็น่ายกย่องแหละที่กล้ายอมรับความจริง แต่ในฐานะแฟนผมรับไม่ได้เว้ย จะปล่อยผ่าน ยิ้มรับหน้าบานเชี่ยไร ไม่! ถึงตอนนี้มันผ่านจุดนั้นมาแล้วแต่ก็ต้องเอาคืนบ้างอยู่ดี
“เล่าต่อสิ” แมทพยักหน้า มันปล่อยมือจากแก้มผมแล้วนั่นคุกเข่าที่พื้นตรงหน้าผม
“กูเจอดิวตอนต่นเทอม ช่วงรับน้องแรกๆ”
“เลว!” ด่าออกไปเบาๆ เพราะเดาได้เลยว่ามันต้องอ่อยเหยื่อตั้งแต่ตอนนั้น แล้วนั่นมันหลายเดือนมาแล้ว เท่ากับหลอกลวงผมมาโคตรนาน
แต่ผม...ก็ไม่ต่างกันป่ะวะ
เออๆ ข่างแม่ง เอาความผิดของไอ้เวรนี่ก่อน ของผมปล่อยผ่านไปซะเพราะตอนนี้ผมไม่ใช่คนผิด ถึงผมจะมีเรื่องชู้สาวตั้งแต่ช่วงปิดเทอมมอหก แต่ก็ไม่ได้คบใครยาวๆ แบบมัน ฟันแล้วก็ทิ้ง ไม่สานต่อ ไม่สร้างความสัมพันธ์ให้ยืดเยื้อ ขนดชาดพี่พู่ที่ผมปรนเปรอเธอนั่นคบแค่เดือนเดียวเอง ต่างจากแมทเห็นๆ ไอ้นี่เล่นคบยาวนานไม่ต่างจากตัวจริงเลย
“กูถูกใจเด็กคนนี้เพราะตรงสเป็กกูทุกอย่าง กูเลยแกล้งเป็นลมตอนเขาเดินมาที่แถวกู ดิวตรงเข้ามารับร่างกูไว้ก่อนรุ่นพี่ พอเขาพากูไปห้องพยายามดิวก็อยู่เฝ้สดูแบกู กูก็เลยขอคบวันนั้นเลย”
“ส่ำส่อน” แมทเงยหน้ามองอ้อน มันจับมือทั้งสองข้างผม กุมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย สงสัยกลัวโดนตบหน้าอีก นี่ถ้าไม่เห็นแก่มันจะต่อยให้ ถ้าผมเยินไปหมดเพราะล้ม แต่มันยังใสอยู่เลย สมควรยับเยินแบบผมบ้างนะ
“กูมารู้ระหว่างกลับว่าดิวมันเป็นรุ่นของพัน เพื่อนกู ตอนแรกกูกะจะไม่ให้ดิวบอกไอพัน แต่ไม่ทัน พอไอพันมันแซว ดิวก็ยอมรับไปว่าคบกับกูแล้ว”
“เพื่อนมึงรู้ด้วยหรอนี่...แสดงว่ามึงไม่เคยบอกใครเลยสินะว่ามึงกับกูคบกัน” แมทพยักหน้ารับอย่างง่าย
เพี้ยะ!
ผมดึงออกมาอย่างแรงแล้วฟาดใส่หน้ามันเต็มๆ ซ้ำที่เดิม ริมฝีปากได้รูปแตกมุมจนเลือดซึมออกมา ผมยิ้มบางอย่างสะใจ ไม่สนหรอกว่ามันจะเจ็บไหม มันทำตัวเองทั้งนั้น ถ้าเบมากนักก็ต้องโทษตัวเองไป
“กูเจ็บ...” มันส่งเสียงโอดโอย
“แล้วกูไม่เจ็บหรือไง เล่าต่อ” ผมเสียงแข็งใส่ แมทจำต้องยอม
“อืม หลังจากนั้นกูก็คบกับดิว เวลามีคาบว่างช่วงเย็นๆ กูก็จะไปหาดิวตลอด ยิ่งดิวเองมาที่คณะกูบ่อยๆ ก็ยิ่งง่ายที่จะหาเวลาอยู่ด้วยกัน” แมทจับมือผมแน่นมาก ทั้งที่ผม ยากจะต่อยมันสักหมัด แต่ไม่เป็นไร รวบยอดตอนแม่งเล่าจบ
“แล้วไปได้กันตอนไหน” ถามไปเสียงก็สั่นไป โกรธแค่ไหนถามใจดู
“ก็...วันแรกที่คบกันเลย” ได้ยินแค่นั้นแหละ จากที่คิดว่าจะอดทนให้มันเล่าจบทีเดียวก็เป็นอันต้องทิ้งไปทันที ผมสะบัดมืออย่างแรงแล้วปล่อยหมัดใส่ตรงมุมปากที่แตกของแมททันที ร่างใหญ่แทบล้มไปด้านหลังดีที่ยันตัวเองเอาไว้ได้ ผมคิดทันในเสี้ยวนาทีเลยว่าถ้ามันล้มผมจะซ้ำมัน เสียดายจริงๆ!
“เล่าอีกสิ!” ผมนั่งกำหมัด ข่มอารมณ์แล้วสั่งให้แม่เล่าต่อ ทั้งที่สถานะการณ์ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้น
ไม่ได้หรอก จะมาให้มันหยุดเล่าตอนนี้ได้ยังไง เรื่องราวเลวๆ ของมันผมต้องรู้ให้หมดให้ได้ มันปกปิดเรื่องไอ้เด็กเวรนี่มาตลอด ลอบคบกันจิงจังจนน่าฆ่าแม่งให้ตายทั้งคู่ ขนาดผมว่าเจ้าชู้แล้ว มีคนแล้ว เจอมันนี่ผมชิดซ้ายเลยจริงๆ แค่หลอกลวงมันไปวันๆ หาโอกาสไปนอนกับหญิงบ้างยังยาก แต่มันเล่นทำเป็นกิจลักษณะ
“หยุดทำร้ายกูก่อนสิ ให้กูเล่าให้จบก่อนได้ไหม...มึงเองก็มีเรื่องที่ต้องเล่าเหมือนกันนะ” แมทไม่ได้พูดออกด้วยความโกรธ แต่เป็นเพียงคำพูดราบเรียบเหมือนเป็นปกติที่ร้องพูด
“ถึงกูจะเอากับสาว แต่กูก็ไม่เคบใครจนเหมือนแฟนแบบมึงหรอก” ผมสวน อารมณ์ยังคงคุกรุ่น พร้อมเดือดใส่ได้ทุกเมื่อ
“แต่ก็มีใช่ป่ะละ”
“กูไม่เถียง เล่าของมึงมา”
“ก็นั่นแหละ กูคบกับดิวมาเรื่อยๆ เพราะดิวเป็นเด็กง่ายๆ กูพูดไรก็เชื่อ มันเคยอยากมาที่ห้องกูบ้าง แต่กูบอกว่าไม่ได้เพราะน้องชายกูเขาไม่ชอบเกย์” อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงถ้าไม่กลัวว่าทำแบบนั้นจะหมดหล่อ
“ซึ่งน้องมึงคนนั้นก็คือกู ช่างสรรหาคำโกหกนะมึง”
“หลังจากนั้นดิวก็ใม่เร้าหรืออยากมาห้องกูอีก เวลากูจะทำกัน กูก็ไปทำที่บ้านดิว เพราะมันใกล้มหาลัยแล้วพ่อแม่น้องเขาไม่ค่อยอยู่บ้านนัก นอกนั้นก็พาไปเที่ยวบ้างปกติ กูมักจะบอกกับมึงว่ากูไปทำรายงาน กลับดึก” ไม่ต้องสารภาพก็เดาได้ เพราะตั้งแต่เรียนมหาลัยแมทก็ชอบบอกว่าไปทำรายงานบ้านเพื่อนตลอด ผมไม่ใช่คนขี้สงสัยอะไรนัก เลยซักถามเหมือนมันว่าเพื่อนคนไหน กี่คน มีใครบ้างบลาๆ
“แต่ล่าสุดกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชวนดิวมาที่ห้องตอนมึงไปเข้าค่าย กูก็แค่คึก อยากลองจัดหนักทีเดียวสามวันรวด” อยากจะกระทืบมันให้ตายคาตีนจริงๆ คิดมาได้นะ อยากจัดหนักสามวันรวด
“ในหัวสมองมึงไม่เคยมีกูอยู่เลยสินะ”
“ไม่ใช่ กูแค่สนุก” มันหน้าสลดลงเล็กน้อย คงเข้าใจดีว่าการกระทำของตัวเองนั้นร้ายกาจขนาดไหน
“แล้วกูก็มาเจอแจ็คพ๊อต มึงสองคนเยอกันมันไปเลยนะ แถมยังปกป้องกันออกนอกหน้าอีก...”
“กูจำเป็นต้องทำ!” แมทรีบค้านขึ้นมา
“อะไรคือความจำเป็นของมึง” หัวชักร้อนแล้ว เดี๋ยวได้มีลงไม่ลงมืออีกแน่ๆ
“ก็ดิวมันยังเด็ก เกิดพ่อแม่มันรู้จะทำไง กูซวยกูไม่ซีเรียตหรอก เพราะยังไงดิวต้องปกป้องกูแน่ มันรักกู แต่ถ้ามันซวยมาถึงมึงละ...กูจะทำไง” เหตุผลช่างดูดีเหลือเกินนะ
“จริงๆ คนจะตอแหลอะ...มันก็แถได้หมดละ”
“กูพูดจริง กูต้องอยายอร้องดิวว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ น้องเขาเสียใจมากแต่สัญญาว่าจะไม่บอก เป็นสิ่งสุดท้ายที่มันจะมอบให้กูก่อนเลิกกัน”
“ว่าวเลิกกันแล้ว กูดีใจมาก” ผมประชด
ผมรู้ว่ามันก็คงไม่อยากเลิกกับเด็กคนนี้นักหรอก ไม่งั้นจะเลี้ยงดูปูเสื่อมาขนาดนี้ทำไม แต่เพราะผมอีกนั่นแหละ ถ้าไม่เลิกการให้ผมกลับมาคบกับมีลันอีกคงเป็นไปไม่ได้ ผมไม่ยอมแน่นอน ถึงกลับมาก็ไม่วายตามราวีไอ้เด็กนั่นจนกว่าสักวันหนึ่งผมจะทนไม่ได้และเดินจากพวกมันสองตัวไปเอง
แมทเราจบแล้วก็นั่งเงียบๆ สายตาคมจับจ้องผมที่ยังขบคิดเรื่องดิวอย่างแค้นใจ ถ้าดิวเป็นเพียงเด็กที่มันคบเล่นๆ มาในระยะเวลาสั้นๆ ผมยังไม่โกรธเท่านี้เลย แต่นี่มันกินเวลาหลายเดือนนับตั้งแต่เริ่มอยู่ด้วยกันได้ไม่ถึงสองเดือนดีด้วยซ้ำ ทำกันได้ลงคจริงๆ แค่สนุกงั้นเหรอ...เอากันทุกวัน แทบตลอดตอนผมไปเข้าค่าย แล้วยังเอากันแทบทุกวันมาตั้งนานแล้ว เพราะผมจำได้ดี อะไรแมทก็ต้องไปทำรายงานที่บ้านเพื่อน
“มึงเล่าบ้างสิบอม” แมทเอ่ยหลังจากเราเงียบกันไปครู่ใหญ่ๆ
“คนที่มึงไปเจอวันนั้นในโรงแรมชื่อพู่กัน เป๋นรุ่นพี่ต่างคณะ บังเอิญเจอในเฟซ กูจีบเขาและเขาก็เล่นกับกูด้วย เราคบกันได้เกือบเดือนแต่ไม่ได้เจอกันบ่อยนัก ถ้ากูว่างจริงๆ จากตารางสอนหรืออาจารย์ยกเลิกคลาสกูก็จะไปเที่ยวกับเธอ กูหาโอกาสฟันอย่างเดียว ล่าสุดกูเจอกับบัวที่มึงเคยเจอนั่นแหละ กูก็กะเลิกกับพี่เขาแล้วไปล่อบัวต่อ ก๊แค่นั้น ก่อนหน้ามีฟันสาวบ้างเล็กๆ น้อยๆ ส่วนใหญ่ก็แค่แซวเล่นไปตามประสากูนั่นแหละ กูไม่เลวอย่างมึงหรอกแมท ที่คบคนเดียวจนแทบเหมือเป็นตัวจริงแล้วเก็บกูไว้เป็นตัวสำรอง” ผมเล่ายาวทีเดียวจบ แต่ไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดที่ผมทำ
เรื่องไรจะต้องเล่าหมดเปลือกละ...แบบนั้นผมก็เลวเหมือนกันสิ
สีหน้าแมทดูเหมือนยังมีความคราแครงใจ มันก็คงรู้ทันผมอยู่บ้างแหละว่าที่ผมเล่านั้นเป็นการเล่าข้ามๆ ส่วนสำคัญไปมาก ไม่เหมือนที่ค่อนข้างจะละเอียดและตรงจุด แต่มันก็ไม่ได้แย้งอะไร ซึ่งนั่นแหละดีแล้ว ถึงแย้งมาผมก็สวนกลับ ตอนนี้เราต่างก็มีประวัติไม่ต่างกัน
“ทำไมมึงยังต้องการผู้หญิงวะ” มันถาม
“เป็นธรรมดาเปล่าวะที่กูยังคงมีความต้องการกับเพศตรงข้าม”
“ทั้งที่มึงมีกูอยู่แล้ว...”
“ใช่ เหมือนมึงไง ที่มีกูอยู่แล้วแต่ไม่รู้จักพอ การเป็นฝ่ายรับให้มึงมันก็รู้สึกดี กูชอบที่ถูกมึงกอด แต่บางครั้งกูก็ยังต้องการกอดผู้หญิง มึงก็เคยกับผู้หญิงมึงน่าจะเข้าใจว่ามันแตกต่างกัน กูไม่ได้มีชู้เพื่อหาสิ่งที่ดีกว่าแบบมึง...” ความต่างระหว่างการนอกใจของมันกับผมคือตรงนี้ และมันเจ็บปวดมากกว่าก็ตรงนี้อีกเช่นกัน ถ้ามันไปหาผู้หญิง เอาผู้หญิงผมยังคงพอเข้าใจได้
“การทีมึงแอบคบกับดิวมันทำให้กูรู้สึกว่า...กูไม่เคยดีพอสำหรับมึง” ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แมทไม่ได้เงยหน้ามองแต่ก้มต่ำมองพื้นเบื้องหน้า
มีต่อจ้า