มันเป็นคืนที่วิเศษณ์ที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัสมา รู้สึกว่านี่มันคือความรัก ความรักที่ผมเฝ้ารอมาตลอดเวลา ความอบอุ่นจากร่างกายของเขามันแผ่ซึมไปถึงหัวใจ มีความสุขมากจริงๆ มีความสุขไม่อยากให้วินาทีนี้ คืนนี้มันล่วงพ้นผ่านไปเลย แต่มีคนบอกว่าเวลาที่เรามีความสุขเวลามันมักจะเดินไปเร็วเสมอ ผมไม่เชื่อหรอกนะแต่ก็นะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะครับ พอตอนเช้าผมตื่นงัวเงียมาเห็นคนที่ผมรักนอนอยู่ข้างๆกายผมจ้องมองใบหน้าของเขาอยู่แบบนั้นไม่อยากไปไหนเลยจริงๆนะ ขนตาที่หนายาวปิดลูกตาสองข้างนั้นไว้ ใบหน้าที่หล่อเหลาจนผมแทบจะอดใจไว้ไม่ได้ ร่างกายแข็งแรงที่ยาวเหยียดอยู่ใต้ผ้าห่มนั้น ให้ตายเถอะไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อคืนผมนอนกอดเขาทั้งคืน แว้กก ไม่อยากจะลุกจากเตียงเลยจริงๆให้ตายเถอะ
“ทำไรกินอ่ะแม่” ผมรีบลุกจากเตียงหลังจากที่เพ่งพิจารณาทุกรูขุมขนบนใบหน้าของเขา อิอิ เข้าห้องน้ำแล้วลงมาหาแม่ที่ในครัว
“แกงจืดฟักหมูตำลึง ช่วยแม่ทำหน่อยสิ แล้วเพื่อนยังไม่ตื่นเหรอ” แม่ผมง่วนอยู่กับการปั้นหมูล่ะครับ ผมยิ้มขึ้นมาทันที เขินจัง ทำไมไม่พูดว่าลูกเขยยังไม่ตื่นเหรอ อะไรแบบนี้นะแม่อ่ะ
“ยังอ่ะแม่ เขาคงเหนื่อยเมื่วานแข่งบอล” ผมยังคงยิ้มอยู่อย่างมีความสุข ในใจมันเบิกบานร้องเพลงรักอยู่ดังลั่นเลยนะ อิอิ
“แล้วเราไม่เล่นอะไรกับเขาบ้างเหรอเห็นออกไปวิ่งทุกเข้า เล่นบ้างสิจะได้แข็งแรงช่วยแม่ทำนั่นทำนี่ ไม่ใช่วันๆขัดแต่ตัวทาหน้าขาว เป็นผู้ชายนะ นี่ฉันมีลูกสาวหรือไงเนี่ย” เอ่อ คุณนายแจ่มทำไมบ่นไปไกลแสนไกล
“แม่อ่ะมาเดี๋ยวฮิ้นท์หั่นฟักให้” ผมเขินล่ะครับเลยไปนั่งบนแคร่เอาฟักมาปอกเปลือก อ๊ะ ทำเป็นรูปหัวใจดีกว่าไหม อิอิ ว่าแล้วก็นั่งลงบรรจงหั่นฟักให้เป็นรูปหัวใจ ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้ออะไรเลยเพราะปกติเวลาช่วยแม่ทำกับข้าวผมจะขี้เกียจมากๆแต่วันนี้ทำไมมันแลดูเป็นสีชมพูไปหมดเลยนะเนี่ย อิอิ อิจฉาตัวเองจัง
“ไอ้ฮิ้นท์มาคุยกะกูหน่อยดิ กูมีเรื่องจะคุยด้วย” เอ่อ ไอ้ทักครับหน้านี่หงิกเข้ามาในครัวเชียวปกติมันจะมาช่วยทำกับข้าวนะ แต่วันนี้เหมือนมันไม่ได้นอนเลยนะเมื่อคืน เอาเถอะช่างหัวมันตอนนี้มองเห็นหน้ามันเป็นสีชมพูน่ารักจริง อิอิ
“มีไรเหรอ” ผมพูดออกไปครับยิ้มให้มันแบบไม่คิดอะไรแต่สีหน้ามันเอาจริงแฮะผมเลยเดินไปในวัดครับ
“เมื่อคืนไอ้ฮัทมานอนกับมึงเหรอ” มันทำเสียงเหมือนว่าผมเป็นแฟนมันแล้วผมมีชู้ประมาณนั้นเลยนะครับ
“อื้ม” “อื้มไร ทำไมมึงให้มันมานอนกับมึง กูเคยบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอ” มันขึ้นเสียงครับ แหมนะไอ้นี่ผมปรี๊ดเลย
“บอกไร กูก็บอกมึงแล้วเหมือนกันนี่ว่ากูกับมึงเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่แฟน” ผมตอกหน้ามันไปครับ
“แต่ มันก็ไม่ใช่แบบนี้ มึงจะให้คนอื่นมานอนกับมึงได้ยังไง มึงมีอะไรกันแล้วใช่ไหม เชี่ย”
“อ้าวด่ากูอีก ทำไม กูจะมีอะไรกับฮัทแล้วไง เกี่ยวไรกับมึง”
“มึงใจดำมากนะไอ้ฮิ้นท์ ถึงกูกับมึงจะเป็นเพื่อนกัน ได้แค่นั้นที่มึงให้กูได้ แต่ที่กูพูดเพราะกูห่วงมึงนะ มึงตกลงคบกับมันไปแล้วเหรอ พอแค่คบกันมึงก็ยอมให้มันเหรอ” มันโพล่งออกมาครับผมนี่หน้าเริ่มแดงโกรธแล้ว
“เกินไปไหมไอ้ทักมึงเป็นบ้าอะไรของมึง อัทเขาเหนื่อยมากกลับบ้านไม่ไหวกูก็เลยให้เขามานอนที่นี่ ในหัวมึงนี่คิดแต่เรื่องสกปรกเหรอ” ผมใส่คืนบ้างครับหนอยแน่ คิดว่ากูง่ายขนาดนั้นเลยรึไงวะ
“แล้วมึงไม่ให้มันไปนอนบ้านกู เมื่อคืนก็กลับก่อน”
“หยุด มึงนึกดูดีๆซิว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่หนีคนที่ทิ้งกูคือมึง ไม่ใช่กู มึงไปแดกเหล้ากับพี่ๆเขา หรือว่าเมาจนสมองมันตายเหรอ” ผมไม่ยอมครับ ขอหน่อยเถอะมันอ้าปากเหมือนจะแถแต่ผมชี้หน้ามัน
“ไม่รู้โว้ย กูไม่ยอมนะ กูจะไปบอกมันให้รีบกลับบ้าน” ไม่พูดเฉยๆนะครับมันวิ่งกลับไปทางบ้านผมแล้ววิ่งขึ้นบ้านไปเลย ตายๆ ฮัทยังนอนอยู่เลยนะ ผมวิ่งตามมันครับแต่ไม่ทันเราวิ่งขึ้นบ้านไป
“ไหนบอกไม่มีอะไร ทำไมมันนอนไม่ใส่เสื้อ นี่มึงกับมัน” มันโพล่งขึ้นครับ ผมนี่รีบปรี่เข้าไปขวางไว้เลยครับเผื่อมันบ้าขึ้นมาอีก
“ไม่มีอะไรนะฮัท มึงพูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม หรือมึงจะให้กูทำแบบที่มึงต้องการมึงถึงจะพอใจ” ผมกัดฟันพูดสายตามองมันอย่างที่พูดจริงๆ แหมนะโตๆกันแล้วคุยกันคิดว่ารู้เรื่องแล้วแต่นี่มันอะไรกันอีก ผมโมโหจริงๆนะ กว่าจะไล่มันกลับบ้านไปก่อนได้นี่ก็เล่นเอาแทบเหนื่อยฮัทยังดูงัวเงียอยู่เลยอ่ะเห็นแล้วสงสารจัง อิอิ ผมเลยให้ฮัทไปอาบน้ำผมก็ลงไปเตรียมสำรับไว้ให้อัทเขาล่ะครับ ส่วนไอ้ทักต้องไปจัดหนักมันหน่อย
“มึงมาคุยกันกับกูให้รู้เรื่องซิไอ้ทัก ตกลงมึงจะเอายังไง” ผมไปลากคอมันมาจากบ้านครับ ตอนแรกทำงอนโดนถีบไปครั้งหนึ่งเลยยอมเดินตามผมเข้ามาในสวน ผมเดินมาก่อนครับยืนหันหลังให้มันกำลังปั้นสีหน้าไม่พอใจให้มันเห็น ไม่กลัวมันถีบลงคลองเลยนะเนี่ย อิอิ
“ว่าไงเหรอ” ดูมันพูดครับทำเสียงกวนตีนผมอีกนะ ผมทำหน้าจริงจังใส่มัน
“เรื่องที่มึงโวยวายวันนี้น่ะ กูไม่ชอบบอกไว้ก่อนนะ คุยกันแล้วนะมึงอย่าทำแบบนี้อีก” ผมทำเสียงเข้มๆใส่มันครับหวังว่าการพูดกันคราวนี้มันคงจะจบเสียที
“กูรู้แล้ว กูแค่ทนไม่ได้ ทำใจไม่ได้แค่นั้นเอง”
“ทำใจไร มึงมีอะไรต้องทำใจ ฮัทเขามานอน กูบอกแล้วว่าทำไม แล้วมึงยังจะทำใจยังไง ทำใจอะไรอีก” ผมเริ่มโวยวายเสียงดังแล้วครับโมโหมันจริงๆแล้ว
“มึงไม่เข้าใจหรอกฮิ้นท์ มึงไม่มาเป็นกูมึงไม่มีวันเข้าใจหรอกนะ คนที่เรารักไม่ใช่มาบอกว่าให้เป็นเพื่อนเป็นนั่นเป็นนี่ เป็นน่ะเป็นได้ แต่ใจกูมันไม่ยอมเป็น แล้วมึงเข้าใจกูไหม เหมือนที่มึงชอบมันเกินเพื่อน ถ้ามันขอให้มึงเป็นเพื่อนมึงจะทำได้ไหม ปากมึงน่ะอาจจะบอกทำได้ แต่ใจมึงล่ะ มึงทำได้ไหม ถ้ามึงทำได้กูก็จะทำได้ แต่ถ้ามึงคิดว่ามึงจะทำไม่ได้ก็ให้เข้าใจกูด้วยว่าทำไมกูถึงทำแบบนี้” เอ่อ ผมอึ้งไปเลยครับอ้าปากค้าง พูดไม่ออกไม่ใช่ไม่มีอะไรจะพูดแต่เหมือนว่ามันไม่มีความรู้สึกใดจะโต้แย้งมัน มันพูดถูกทุกอย่างเลย ถูกจริงๆ ไอ้ทักมันหันหลังกลับบ้านไปแล้วครับ ผมยืนเอ๋ออยู่ก้าวขาไม่ออกแทงใจเหลือเกิน ผมไม่เคยคิดเลยนะ คิดค่าคุยกันแล้วทุกอย่างมันน่าจะโอเค แต่ผมลืมไปเสียสนิท
“พรุ่งนี้จะมาให้นายสอนดรออิ้งนะ” ฮัทบอกผมก่อนที่จะกลับบ้านไป ผมยิ้มส่งเขาจนลับตาไป จะว่าไปแล้วตอนนี้ผมมีความสุขมากจริงๆเลยนะ มีความรู้สึกว่าผมกำลังมีแฟน และแฟนของผมคือฮัท ให้ตายเถอะหัวใจเต้นแรงตลอดเงวลาเลยนะที่แค่คิดชื่อเขา คิดถึงเขา ผมรักเขาแล้วจริงๆ
“มึงๆ ทำไรอ่ะ” ผมรู้สึกว่าความสุขมันคับอกเหลือเกินครับหลังจากที่นั่งวาดรูปฮัทเสร็จแล้วผมก็กดโทรศัพท์ไปหาอีวิวครับ อยากจะระบายความสุขในใจเสียหน่อย รูปที่วาดก็เป็นรูปเต็มหน้าตอนที่เขาเตะฟุตบอลล่ะครับ มีเม็ดเหงื่อผุดออกมาข้างๆหน้าผาก ให้ตายเถอะผมวาดเขาหล่อมากๆ ลงแค่ดินสอดำไม่ลงสี พรุ่งนี้หลังจากที่สอนเขาร่างภาพเสร็จผมจะชวนเขาไปซื้อกรอบมาใส่ ผมจะให้เขาเป็นของขวัญปีใหม่ด้วยล่ะ อิอิ
“ทำไรล่ะก็นอนสิยะ มึงยังไม่นอนเหรอ โทรมาอะไรป่านนี้เนี่ย” มันแว้ดเสียงมาครับ ไม่โกรธไม่รู้สึกอะไรเพราะหัวใจมันเบิกบาน อิอิ
“ยังไม่นอนมึง ทำไมวันนี้มึงนอนเร็วจัง พรุ่งนี้ก็ไม่ได้ไปไหนนี่ จะรีบนอนไปไหนเนี่ย”
“มีอะไรว่ามาเลยอย่ามาทำเป็นอ้อมยมุนา คงคา” มันรู้ทันครับ แหมนะ
“ก็ไม่มีไรหรอกมึง แหมนะคิดถึงเพื่อนบ้างไม่ได้ไง”
“ตอแหล อย่างมึงเนี่ยนะจะคิดถึงกูตอนห้าทุ่ม ทำไมยะ ได้กันแล้วเหรอกับฮัทอ่ะ”
“บ้าเหรอ ก็ ก็ มึงอ่ะอีบ้า” ผมเขินครับ เว้ยอายบิดไปมาบนเตียงเอาหน้าดันหมอน บ้าไปแล้ว
“ว้ายตาย ได้กันเมื่อไหร่ปิดเงียบเลยนะมึง บอกมาเดี๋ยวนี้นะ โอป่ะฮัทอ่ะ อิอิ”
“บ้าเหรอมึง ก็โอ” “ว้าย ยังไงท่าไหน มึงบอกมาเร็วๆ กูอยากรู้เร็วๆเลย อย่ามามัวเขินเดี๋ยวกูบุกถึงบ้านเลยนี่” อีวิวมันกรี๊ดออกมาครับ ผมเองก็อยากจะกรี๊ดนะแต่เกรงใจพ่อตุ๋ยกับแม่แจ่มจัง เออลืมบอกอาทิตย์นี้พี่ชายผมมันไม่ได้กลับมานอนบ้านนะครับ บ้านเลยเงียบเป็นพิเศษเห็นบอกว่ามันโดนเลื่อนตำแหน่งแล้วต้องย้ายที่ไปต่างจังหวัดทำเรื่องอยู่ประมาณนี้ล่ะครับผมไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะตอนนี้มีเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่ามากๆ อิอิ เห็นแก่ตัวเนอะผมอ่ะ ผมก็เมาท์แตกแหลกราญอยู่กับอีวิวสักพักล่ะครับแล้วก็นอน แต่นอนไปไม่เท่าไหร่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก อะ ฮัทนี่ ใจเต้นโครมคราม เขาต้องโทรมาบอกว่าฝันดีแน่เลย แว้กก ใจสั่น จะพูดว่าไงดีนะ “ฝันดีนะตัวเอง” อ๊ะไม่เอาๆ “ฝันดีนะฮัท เราชอบนายนะ” แว้กก เปิดใจไปเลยดีไหมนะ อิอิ “อะแฮ่ม” นิดนึงครับก่อนรับสาย อิอิ
“เราเองนะฮิ้นท์ เอ่อ คือพรุ่งนี้โทษทีนะเราติดธุระอ่ะคงไปไม่ได้ งั้นเอาไว้วันหลังนะ” เขาพูดออกมาครับจากรอยยิ้มที่บานอยู่เต็มหน้า เริ่มหุบ หัวใจเต้นแรงกว่าเดิมแต่ไม่ใช่ในจังหวะเหมือนเมื่อครู่ มันเป็นจังหวะที่ตีบตัน ไม่รู้สิครับผมรู้สึกเหมือนคนกำลังหมดแรง แค่เขาไม่ว่างเอง เขาไม่ได้บอกเลิกจะคบกันซะหน่อยคิดอะไรมาก ผมวางสายจากเขาไปแล้ว วางโทรศัพท์ลงข้างๆตัวแต่หัวใจมันลอยหายไปไหนหมดแล้ว อะไรกันนะ เอาน่าคิดอะไรมากเขาไม่ว่างก็รอวันหลังก็ได้นี่นาทำไมต้อเงป็นพรุ่งนี้ ยิ้มๆ อย่าคิดมาก ผมพยายามปลอบใจตัวเองล่ะครับแล้งก็นอนหลับไป
“พากูไปซื้อกรอบรูปหน่อยสิมึง” ผมเดินไปหาไอ้ทักที่บ้านครับมันกำลังช่วยแม่สายยกของอยู่
“เอามาทำไร จารย์สั่งเหรอ” มันทำเสียงแข็งพร้อมกับผูกโบว์ที่คิ้วของมัน
“เอามาใส่รูปสิกรอบรูปน่ะ จะเอามาเลี้ยงปลาไง” ผมตอกกลับคืนมันหัวเราะออกมาครับ
“แหมๆ ถามหน่อยทำย้อน มาช่วยกูยกก่อนดิเสร็จแล้วจะพาไป” มันหัวเราะครับผมก็เลยช่วยมันยกกระสอบใส่ข้าวสารขึ้นเก็บที่ชั้น พอเสร็จมันก็เดินมาเอารถที่บ้านผมแล้วเราก็เข้าไปในตลาดร้านประจำที่ผมชอบไปซื้อ พอเสร็จไอ้ทักมันก็อยากจะกินไอติมผมก็เลยพามันไปกินล่ะครับ เอาเป็นว่าไม่มีอะไรมากมันก็กวนตีนเหมือนเคย ส่วนผมก็ไม่ได้คิดอะไร พอกลับมาถึงบ้านผมก็รีบเอารูปที่วาดเสร็จใส่กรอบไว้ จะรู้ไหมนะว่ามันคือทั้งหมดที่มีในหัวใจ ทุกจังหวะที่เต้นอยู่ของหัวใจมันคือเขาคนเดียว ตอนนี้ถ้ามาถามว่ารู้สึกอย่างไรกับเขา ผมบอกไม่ได้ครับ เพราะความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้มันมากกว่ารัก ไม่รู้สิผมว่าผมเป็นเอาเยอะเหมือนกันแต่ตอนนี้แค่ได้มองภาพวาดของเขาผมก็มีความสุขมากแล้ว พอใส่กรอบเสร็จผมก็ห่อกระดาษสีน้ำตาลเรียบๆอย่างดี เขียนการ์ดบอกความในใจ เป็นไงเป็นกันเก็บไว้ไม่ได้แล้ว มันเกินที่ใจผมจะรับไหว
“ฮัท...รูปนี้วาดให้ฮัทนะ ของขวัญปีใหม่
คนในรูปคือคนที่เรารัก... รักมานานแล้ว
แต่เราไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับเขา เพราะ...
เรากลัวว่าถ้าเขาไม่ได้คิดเหมือนเรา แล้วเรา....จะเสียเขาไป..
แค่อยากบอกความในใจ.....แค่อยากบอกมันออกไป.....
“ว่าเราชอบนายมากนะ”...................
“ฮิ้นท์”
นี่คือข้อความในการ์ดที่ผมทำเองด้วยมือคิดเองวาดเอง ทุกอย่างทำเองหมดเพราะมันทำด้วยใจของผม และผมได้แต่หวังว่าสิ่งที่ผมเห็นจากการกระทำของเขาจากเวลาที่ผ่านมาทั้งหมด ว่าเขาเองก็คงคิดเหมือนกันกับผม สาธุ
วันจันทร์มาถึงแล้วผมไปโรงเรียนตามปกติโดยมีอีวิวซ้อนท้ายไอ้ทักมันขับรถผมเหมือนเคย เราไปถึงตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงครึ่งเห็นอีแจงมันนั่งรออยู่แล้ว อีแจงมันเอารูปที่ถ่ายตอนแข่งกีฬาสีไปล้างล่ะครับ มันรีบกวักมือเรียกพวกเราเข้าไปนั่งที่ประจำทันที
“ว้ายแจ่มมากมึงรูปนี้อ่ะ เหมือนรูปแต่งงานของเจ้าเมืองลพบุรีเลยมึง กรี๊ด เข้ากรอบๆด่วนๆ” อีแจงมันกรี๊ดกร๊าดอยู่ครับ ผมก็เข้าไปดู อายเหมือนกันนะแต่ทำไมรู้สึกดีจังเลย รูปที่ผมกับฮัทถ่ายคู่กัน ทำไมมันเหมือนว่าเราสองคนเป็นคู่รักกันจัง แว้กก ชอบที่สุด เราดูรูปอยู่จนเวลาจะเข้าแถว เห็นฮัทเดินมาพอดีอีแจงมันเลยเรียกฮัทให้เข้ามาดู ผมเองยิ้มรอแล้วครับ ทันทีที่เขาหันมา เอ่อ ท่าทางเขาเหมือนว่าเจอผีหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้เขาถอดสีหน้าทันที ผมยิ้มค้างกลางอากาศ
“เอ้อเดี๋ยวเรามานะไปห้องน้ำก่อน” เขาพูดออกมาเหมือนคิดไม่ทันว่าควรจะพูดอะไรแล้วเขาก็หันหลังให้เราทันที ผมอึ้งอยู่ นี่ฮัทเป็นอะไรนะ
“เฮ้ย ฮัทเป็นไรวะเหมือนหนีหน้าใครเลย มีอะไรกันเหรอมึง” อีแจงมันหามาถามผมครับ ผมซึ่งอ้าปากค้างอยู่ ตอนนี้ใจเต้นแรงมาก ไม่สบายใจบอกไม่ถูก ผมได้ส่ายหน้าแล้วหันไปมองไอ้ทัก มันก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“มึงกินน้ำป่ะฮิ้นท์กูไปซื้อให้” อยู่ดีๆมันก็ถามขึ้นครับ เราสามคนมองหน้ากันทันทีเพราะปกติไอ้ทักมันจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ผมส่ายหน้าครับ
“กูเอา น้ำเขียวนะ” อีวิวมันพูดขึ้นครับ
“หาแดกเองดิวะ กูจะไปซื้อให้มันคนเดียว” ไอ้ทักมันสวนกลับครับ ทั้งอีวิวอีแจงและผมอึ้งตาค้างมองหน้ากัน
“เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ยมึง” ผมว่ามันออกไปครับ
“ก็ไม่ได้เป็นไรแค่อยากซื้อให้มึง ทำไมวะ” เอ่อ ผมส่ายหน้าครับอีแจงกับอีวิวก็มองหน้าผม มันจะอะไรของมันอีกเนี่ยทำไมมันดูแปลกๆไปนะ พอเข้าแถวเสร็จผมก็เดินเข้าห้องไปครับ พอหมดคาบเรียนผมก็ไปเข้าห้องน้ำเห็นฮัทเดินมากับเพื่อนผมนี่ดีใจที่สุดเลยนะอยากเจอเขามาทั้งวัน ผมยืนยิ้มรออยู่หน้าอาคาร
“ฮะ” ผมอ้าปากจะทักออกไปพอเจอหน้าผมเขากลับเปลี่ยนทางเดิน หันหน้าหนีไปเลย ผมยืนอึ้งอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น ตอนนี้ถามว่ารู้สึกยังไง ผมตอบไม่ได้เลยครับมันไม่มีอะไรจะพูด ไม่มีอะไรจะคิด มันจุกอยู่ในอกเขาเป็นอะไรกันนะทำไมเขาเหมือนว่าหลับหน้าผมเลย
“มึงเป็นไรวะฮิ้นท์ ทำไมทำหน้าเป็นหมาหงอยแบบนั้น” อีแจงมันถามครับหลังจากที่กลับมาจากห้องน้ำ
“ไม่รู้สิมึง เหมือนฮัทเขากำลังหลบหน้ากูอยู่เลยนะ” ผมระบายออกไปครับเพราะเพื่อนผมมันคงให้คำปรึกษาได้
“หลบหน้ามึงเหรอ ทำไมวะ” อีวิวมันโผล่เข้ามาครับไอ้ทักมันก็นั่งอยู่ไม่ไกลมากนักมันคอยมองเราอยู่
“กูรู้สึกได้” ผมครางออกไป
“รู้สึกไปเองหรือเปล่ามึง เขายุ่งหรือเปล่าล่ะ” อีแจงมันพยายามปลอบใจครับ แต่ทำไมผมไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาสักหน่อยเลยนะ
“หรือว่าเขารู้ตัวว่าเขาชอบมึง แล้วเขาก็กำลังสับสนหรือเปล่า”
“เออใช่ๆ เข้าท่าๆ อีวิวพูดก็มีเหตุผล”
“ทำไมวะ สับสนอะไร” ผมไม่เข้าใจครับมองหน้าอีวิวอย่างต้องการคำตอบ
“อ้าว ก็ฮัทเขาเป็นผู้ชายนี่มึงเขาไม่ได้เป็นอีแอบเหมือนมึงนี่” “อีวิว” ผมขัดขึ้นครับตาเขียวใส่มัน
“เออๆ นั่นล่ะ ก็เด็กผู้ฃายใฃ้ชีวิตปกติ อยู่ดีๆก็อาจจะมีความรู้สึกพิเศษเกินเพื่อนกับเพื่อนผู้ชายด้วยกันไง ทีนี้เขาอาจจะกำลังสับสน เหมือนเขากำลังคิดว่าตอนนี้เขาควรจะทำยังไงดีกับมึงไง” ผมมองหน้ามันทำหน้างงๆ ก็งงจริงๆนั่นล่ะครับ
“อะไร ก็แค่เขากำลังอยู่กับตัวเอง ว่าเขาควรจะทำยังไงต่อไปดี ควรจะเปิดเผยยอมรับความรู้สึกที่มีกับมึงหรือว่าควรจะถอยดี” เอ่อ ผมนี่หน้าซีดลงทันทีครับ
“อีวิวมึงก็เกินไป เอาน่าฮิ้นท์ มึงให้เวลาเขาหน่อยเถอะ ก็ฮัทเขาไม่ได้มีท่าทางว่าจะชอบผู้ชายด้วยกันตั้งแต่แรกนี่นะ อย่าคิดมากมึง” อีแจงมันช่วยปลอบครับ เออนั่นสินะ เขาปกติ เขาเป็นเด็กผู้ชายปกติ แต่ผมสิไม่ปกติแอบชอบเขาเองทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้เขาหันมามองผมบ้าง ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ใกล้ฃิดเขา แต่ลืมนึกไปว่าเขาก็มีชีวิตของเด็กผู้ชายตามปกติของเขา ถ้าหากว่าเขาชอบผมจริง ผมลืมนึกไปว่าเขาจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงในสังคมที่ยอมรับนับถือว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อและน่าใฝ่ปองที่สุดคนหนึ่ง ถ้าเขาเปิดตัวว่าเขาชอบผู้ชาย เขาจะใช้ชีวิตยังไง นั่นสินะ ผมเห็นแก่ตัวไปจริงๆ แต่ทำไมผมรู้สึกแย่จังเลย เหมือนว่าโลกนี้มันโหดร้ายกับผมจัง ผมแค่รักเขา ความรักนี่มันแบ่งแยกกันได้ขนาดนี้เชียวหรือ แค่ได้รัก แค่รักกันทำไมมันต้องสร้างอะไรมากมายมาขวางกั้นมันด้วยนะ ทำไม ผมไม่เข้าใจ กะอีแค่คนรักกัน ทำไมมันถึงได้ยุ่งยากแบบนี้
“มึงๆ ใกล้คริสต์มาสแล้วนะ ห้องเราแสดงอะไรดี เนี่ยจารย์พรพิมลโยนงานมาแล้วนะมึง” อีแจงมันมาตบบ่าผมที่นั่งเหม่ออยู่ครับ รู้ไหมจากวันนั้นถึงวันนี้กลางเดือนธันวาคมแล้วอีกอาทิตย์เดียวก็จะถึงปีใหม่ ฮัทเขาไม่เคยคุยกับผมเลย เงียบหายไปเลย ผมโทรหาเขาหลายรอบมากแต่เขาไม่เคยรับสายเคยเป็นไหมที่นอนกอดโทรศัพท์จนหลับ กดสายเดิมๆซ้ำๆไม่รู้กี่ร้อยรอบ ผมไม่เคยเป็นแต่ผมก็ทำอยู่ ความร้อนใจทรมานใจมันมาตกอยู่ที่ผมคนเดียว กลางคืนก็นอนร้องไห้ ยิ่งคิดยิ่งปวดใจ ยิ่งคิดยิ่งทรมานใจ ผมจะบ้าตายแล้วนะ
“อืม” ผมพยักหน้าไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับมันมากนะ
“ฮิ้นท์ มึงไหวป่าวเนี่ย มึงเปลี่ยนไปมากเลยนะ มึงไหวไหม” อีแจงมันนั่งลงข้างหน้าผมครับแล้วมันก็เขย่าตัวผม
“หือ กูดูแย่ขนาดนั้นเชียวเหรอวะ”
“ใช่สิ มึงไม่รู้ตัวเลยเหรอ มึงดูเหม่อลอยมากนะ กูเรียกตั้งหลายรอบ มึงไหวไหมมึง” อีแจงมันถามขึ้นครับผมเองเม้มปากแล้วส่ายหน้า
“ไม่ไหว กูไม่ไหว” พลันน้ำตาก็แตกออกมามันทรมานใจที่สุด มันปวดร้าวในใจ สิ่งที่ผมเคยมองไปข้างหน้าแสงที่เห็นสว่างนำทางนั้นมันมืดดับลงเสียสิ้น ผมมองไม่เห็นอะไร แสงนั้นมันหายไปไหนผมมองไม่เห็นแม้แต่ความริบหรี่ของแสงนั้น ผมเสียใจเหลือเกิน ผมอัดอั้นตันใจ ผมคิดอะไรไม่ได้ มองไม่เห็น
“ฮิ้นท์” อีแจงมันกอดผมไว้ครับผมสะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น มันอั้นไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาแบบว่าไม่เหลืออะไรในใจ มันปวดแปลบอย่างที่ผมไม่เคยเป็น นี่ผมอกหักจากเขาเหรอ นี่เขาไม่ใยดีผมแล้วเหรอ
“ไปพูดให้รู้เรื่องเลยมึง ถ้าจะจบก็ให้มันจบซะที กูก็ทนเห็นมึงเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ ไปพูดกับมันให้รู้เรื่องไปเลย”อีแจงมันดึงมือผมให้ลุกขึ้นล่ะครับผมเองค้ายเอาไว้ ไม่รู้เมหือนกันว่าทำไม
“มึงต้องพูดให้รู้เรื่อง ไม่งั้นมึงจะมาอยู่อย่างนี้เหรอ”
“มึงจะให้กูพูดอะไร” ผมแค่นเสียงออกไปครับ
“อ้าว ก็ถามเขาไงว่าจะเอายังไง บอกมาตรงๆเลย”
“จะไปถามทำไมในเมื่อสิ่งที่เขาทำมันก็แสดงออกชัดเจนแล้ว จะให้กูไปถามอะไร เขาไม่รับโทรศัพท์กูเลย เขาหลบหน้ากูตลอดเวลา แบบนี้ยังต้องไปถามอะไรอีกเหรอ แบบนี้ยังจะให้กูหน้าด้านไปถามอะไรเขาอีกเหรอ เขาไม่เอา เขาไม่ชอบแบบนี้มึงเข้าใจไหม มึงเข้าใจไหม เขาเป็นคนปกติ แต่กูมันผิดปกติ กูวิปริต มึงได้ยินไหม” ผมสะอื้นจนอีแจงมันตกใจ เพื่อนในห้องที่เริ่มเดินเข้ามาก็เริ่มหันมามองแล้วถามว่าเป็นอะไรอีแจงมันลากผมออกจากห้องไปครับ อีวิวมันคงอยู่ที่ห้องอาจารย์ อีแจงมันลากผมไปยังหลังตึกเรียน ผมสะอื้นออกมาสุดตัวไม่มีอะไรเหลือแล้ว หัวใจที่มันแตกสลายไปผมเพิ่งรู้ว่ามันเจ็บปวดทรมานมากมายแค่ไหน มันไม่ใช่แบบที่เขาต้องการ มันไม่ใช่ในสิ่งที่มันควรจะเป็น ทำใจเสียเถอะ ทำใจหรือ ให้ทำยังไง โอ๊ยย
“ไปมึง ยังไงก็ต้องคุยให้เขาบอกมาเลยดีกว่าว่าจะยังไง คิดเองเออเองมันไม่ดีนะ” อีแจงมันลากผมไปครับแต่ผมไม่ยอม ผมอายจังเลยเกิดมาจะอ้วนดำยังไงผมก็อายนะแต่ไม่เคยอายตัวเองเท่านี้มาก่อน อายที่ผมคิดว่าตัวเองจิตวิปริตไปรักชายด้วยกัน อายที่ผมมีใจให้เขาแล้วเขากำลังกลัว นี่ผมทำให้เขากลัวหรือ
“งั้นมึงรอกูอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวกูมา” อีแจงมันบอกครับแล้วมันก็วิ่งกลับขึ้นอาคารเรียนไป ผมนั่งอยู่คนเดียวกับความรู้สึกที่มันทับถมกันมากมายจนมองไม่เห็นอะไร
“เอ่อ ฮิ้นท์” ฮัทเขาเดินมาครับ มาคนเดียวเหมือนกับว่าเขาไม่อยากจะมา สายตาของเขามันไม่เหมือนเดิมเอาเสียเลย
“ฮัท” ผมครางออกไปแล้วยืนขึ้น
“ทำไมมานั่งตรงนี้ไม่เรียนเหรอ” เขาถามออกมาเมหือนไม่มีอะไรจะพูด ผมเม้มปาก
“ฮัทเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมพักนี้เหมือนฮัทหลบหน้าเราเลย โทรไปก็ไม่รับสาย มีอะไรเหรอ” ผมถามออกไปครับ
“อ้อ พอดีโทรศัพท์มันไม่ดีอ่ะ เราเอาไปซ่อม” เขาบอกออกมาผมก็จะทำยังไงได้เนอะก็คงต้องเชื่อแบบนั้นที่เขาบอก
“แล้วทำไมเวลาเจอเราต้องเหมือนหลบหน้าเราด้วย มีอะไรจะบอกเราไหมฮัท”
“ไม่มีอะไรน่า เรายุ่งเร่องเรียนเดี๋ยวก็สอบแล้ว อีกอย่างต้องเตรียมตัวไปคัดตัวสโมสรด้วย เรายุ่งมากๆเลย” ผมพยักหน้า แต่เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นครับ เขาหน้าซีดลงทันทีแล้วหันหลังให้ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ เขาคุยอยู่กับเพื่อนของเขาพักหนึ่งก็วางสาย แต่ผมสิตอนนี้รู้แล้วว่าทำไม
“ไหนบอกเอาไปซ่อม ทำไมเหรอฮัท มีอะไรไม่บอกเราตรงๆ อ้อ เราเข้าใจแล้ว เพราะแบบนี้ใช่ไหม เกลียดเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ ที่จริงฮัทไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้หรอกนะ แค่บอกเรามาคำเดียว เราจะยอมถอยเอง”
“เฮ้ย ไม่ใช่ๆ อย่าเข้าใจเราผิดนะ คือว่า เอ่อ โอ๊ยย” เขาเหมือนจนทางไปร้องออกมาผมเม้มปากแน่นจะร้องไห้ออกมา
“เราไม่เข้าใจนายผิดหรอกนะเราคิดว่าเราเข้าใจถูกแล้ว แต่เราแค่อยากรู้ว่าทำไม บอกเราไมได้เลยเหรอ” ผมพูดออกไปน้ำตาเริ่มไหล ไม่อยากให้เขาเห็นสภาพแบบนี้เลย ผมวิ่งหนีมาแล้ว มาพร้อมกับหัวใจที่บอบสลาย นานแค่ไหนกว่าที่ใจของคนเราจะเจอรัก และมันใช้เวลานานแค่ไหนที่หัวใจมันจะยอมรับการปฏิเสธของอีกฝ่าย ผมไม่รู้ แต่รู้ว่าตอนนี้มันติดอยู่ในใจ ภาพที่เขายิ้มให้ผม เรือนร่างของเขาที่นอนเหยียดยาวอยู่ข้างๆกายผมมันติดอยู่ในใจ มันลบเลือนไม่ได้เลย ผมเสียใจจังเลย ผมปวดหัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็น อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มรัก อกหักตั้งแต่คิด ผมคิดไปเองใช่ไหม
“ฮิ้นท์เดี๋ยวก่อนสิ” เขาวิ่งตามมาครับมาจับแขนผมไว้
“ปล่อย” ผมตวาดออกไป เขาผงะเพราะตอนนี้น้ำตามันนองเต็มหน้าผมไปหมดแล้ว
“เราไม่ได้ตั้งใจ เราขอโทษ”
“เราเข้าใจ มันเกินไปเรารู้ มันเกินกว่าที่นายจะให้เราได้ เราขอโทษ เราผิดเองล่ะที่เดินเข้ามา ที่คิดเยอะไปเอง เราผิดเอง ทุกอย่างมันเริ่มที่เราและมันคงจะต้องจบที่เราสินะ” ผมพูดออกไปแล้วสะบัดมือของเขาทิ้ง นางเอกเหลือเกินกู แต่มันไม่รู้สิครับ ผมทำได้แค่นี้ ทำได้เต็มที่แล้ว ผมมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดมิดของหัวใจที่เริ่มไล่หลังมา
To Be Continued