11
Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน
น้ำเหนือ พาร์ท“จะกลับแล้วหรอไอ้เหนือ”
“..อืม”
เมื่อคืนกว่างานจะเสร็จก็ตีสองตีสาม ได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้ากะจะกลับบ้านไปนอนต่อซักชั่วโมงสองชั่วโมงคอยกลับมารับข้าวไปเที่ยวด้วยกัน
“แล้วนี่มึงจะขาดเรียนไปเดทกันเนี้ยนะ?”
“อืม”
“ชั่วจริงๆ”
“ฝากเช็คชื่อด้วยแล้วกัน”
“สัส!”
ผมไม่ได้สนใจอะไรในคำด่าขอไอ้ฮาร์ทหรอก วันนี้ก็เป็นวันธรรมดาแต่มีเรียนแค่ครึ่งวันวิชาก็ไม่ใช่วิชาเอกเลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าไรถ้าจะโดด ผมเดินนั่งลงข้างๆเตียงของคนที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียง
“ข้าว” ผมเรียกเจ้าของชื่อเบาๆ
“...z Z”
“..ข้าว” ผมเรียกอีกครั้ง
“อื้มม” ข้าวขานรับทั้งๆที่หลับตาอยู่
“เหนือจะกลับบ้านแล้วนะ” ผมกระซิบบอกข้างหูคนหลับ
“อือๆ” ข้าวพยักหน้าบอกส่งๆ ผมได้แต่ส่ายหน้ากับท่าทางเด็กๆของอีกคน ผมลูบหัวข้าวเบาๆ จูบซับบนหน้าผากเนียนก่อนจะผละออก
“ให้มันน้อยๆหน่อยเหอะ”
“อะไร?” ผมเลิกคิ้วถามเมื่อไอ้คินมันเบ้ปากใส่ผม
“เห็นแล้วมันหมั่นไส้”
“แล้ว..ยังไง?” ผมยังกวนมันต่อ
“โว๊ยยไอ้ห่า! เกลียดคนมีคู่เว้ย!” ไอ้คินมันโวยขึ้น
“มึงก็หาสิไอ้คิน โวยวายไปก็ไม่มีคู่อย่างไอ้เหนือหรอก” ไอ้ฮาร์ทพูดขึ้น ไอ้คินถึงกับหันไปจ้องเขม็ง ส่วนไอ้ฮาร์ทก็ทำหน้าเชิงถามว่า ทำไม มึงจะทำไม หรือจะเอา?
“เบาหน่อยเดี๋ยวข้าวตื่น” ผมแทรกขึ้น
“หึ อะไรมันจะเป็นห่วงกันขนาดน๊านนนน” ไอ้ฮาร์ทมันลากเสียงยาวล้อเลียน
“ยุ่ง!” ผมว่ามัน มันหัวเราะหึออกมา
“เออพอได้กันก็แม่งมาทำหวานต่อหน้าเพื่อน หัดเกรงใจนึกถึงบุญคุณกูหน่อย”
“บุญคุณ?”
“เออถ้าไม่ได้กูมึงคงไม่ได้คบกับไอ้ข้าว มึงต้องขอบพระคุณกูซะ!” ไอ้คินมันว่าพร้อมกับตบที่ตัวตัวเอง ผมส่ายหน้าขี้เกียจต่อสนทนากับมัน จริงๆพวกมันก็ช่วยผมไว้ถึงจะไม่มากแต่ก็ทำให้ผมกับข้าวได้พูดความในใจตรงๆต่อกัน เพราะถ้าไม่ได้พวกมันผมเองก็คงไม่มีวันได้บอกว่าชอบข้าวออกไปแน่ๆ
“อืม ขอบใจ”
“ไอ้ห่า!/ไอ้ห่า!”
“อะไรอีก” ผมกอดอกมองหน้าเพื่อนสองคนที่ด่าผมออกมาพร้อมๆกัน
“มึงขอบใจจากใจจริงไหมห้ะ !” ไอ้คินว่า แล้วผมขอบใจมันไม่จากใจตรงไหนว่ะ
“ไม่ต้องมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเชี้ยเหนือ”
“...” ผมถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ต้องการอะไรกันแน่
“ไม่ต้องมาทำหน้าเซ็ง สำนึกอ่ะสำนึก”
“ต้องการอะไร?” ผมถามเสียงนิ่ง
“ก็แบบ..มันมีเกมส์ตัวล่าสุดอออกมาเว้ย” ไอ้ฮาร์ทเป็นฝ่ายพูดขึ้น เพราะไอ้คินมันโยนให้ไอ้ฮาร์ทพูด
“แล้ว?”
“ก็แบบราคามันสูงงงงงง” มันลากเสียงสูงยาวๆ
“อืม”
“อย่ามาอืมดิว่ะไอ้เหนือ” ไอ้คินแทรกขึ้นมาอีก นี่ผมอืมแล้วผิดหรอวะ
“เออ”
“อย่าเออด้วย!”
“เอ้า!”
“ไม่องไม่เอ้า!”
“เหอะ !” สองคำสั้นๆครับ กวน-ตีน !
“พอไอ้คิน มึงออย่าไปกวนตีนมันนักดิว่ะ เดี๋ยวกูพูดเอง”
“เอองั้นกูไปนอนต่อแล้วนะ” ไอ้คินมันเดินออกไปปล่อยผมกับไอ้ฮาร์ทคุยกันสองคน
“ว่ามา ..”
“ก็อย่างที่บอก”
“เรื่องเกมส์?”
“อืมๆ นะมึง ครึ่งราคา” ไม่คิดเลยว่าเพื่อนตัวเองจะทำเพื่อหวังผล สรุปผมต้องยอมช่วยมันครึ่งราคาของค่าเกมส์อะไรของมันใช่ไหม กูพอรู้หรอกว่าไอ้ฮาร์ทมันเป็นพวกติดเกมส์ตัวไหนออกมาล่าสุดเป็นต้องคว้ามาครองให้ได้ จะอดตายมันก็ไม่สน ราคาจะแพงแค่ไหนมันพร้อมเปย์
“เออก็ได้”
“เย้ ! ไอ้เหนือกูรักมึงที่สุดเลย มึงนี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูจริงๆ กูยกไอ้ข้าวให้ฟรีเลย จะเอามันไปปู้ยี่ปู้ยำอะไรก็ช่างมึงเลย กูยกห้ายยยย”
“เวอร์!” ผมส่ายหน้าให้กับความคิดบ้าบอของมัน
“ย๊า !!”
ตุบ !
“โอ๊ยยยยยยเชี้ย!!”
เสียงร้องโอดโอยดังลั่นห้อง ผมหันไปมองยังที่มาของเสียงที่อยู่อีกด้าน เห็นไอ้คินไปนอนแหมะอยู่ข้างเตียง มันทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ส่วนอีกคนยืนทำหน้ายักษ์อยู่บนเตียงตัวเองมองไอ้คินไม่วางตา เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆนะครับ เหมือนตอนนั้นที่ผมลงไปนอนแหมะอยู่บนพื้น
“เหี้ย! ไฟไหม้ๆๆ”
“ห้ะ ! ไฟไหม้หรอ!! หนีเร็วว” ผมหันไปมองไอ้เพื่อนสองคนที่ร้อนรนจะหนีจากไฟไหม้? เห็นขนข้าวขนของเตรียมวิ่งหนีไฟ ซึ่งของที่มันขนออกไปก็เป็นของไอ้ฮาร์ทที่ยืนมองทำหน้าหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“ไฟไหม้พ่องดิ! ไอ้จิมเกมส์กูวางลง!!” ไอ้ฮาร์ท
“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจออกมากับสิ่งที่เห็น เพื่อนแต่ละคนนี่มันเกินบรรยาย
“มึงผลักกูทำไมห้ะไอ้ข้าว!”
“กูไม่ได้ผลัก!”
“มึงผลัก!”
“กูไม่ได้ผลักไงไอ้เหี้ย!”
“ถ้ามึงไม่ได้ผลักแล้วกูจะลงมานอนตรงนี้ได้ไงห้ะ!”
“กูถีบไงไอ้โง่! แล้วใครให้มึงมานอนบนเตียงกูห้ะ!!”
“ก็กูง่วง..”
“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนที่อื่นมานอนบนเตียงกูทำไม”
“อยาก!”
“ไอ้..!!” ข้าวกระโจนใส่ไอ้คินที่ต่อล้อต่อเถียงด้วย ผมจึงต้องรีบไปห้ามเอาไว้ไม่งั้นมีนองเลือดเช้าๆแน่
“ข้าวพอๆ” ผมจับตัวข้าวแยกออกจากไอ้คินที่นอนร้องโอดโอยอีกรอบเพราะโดนข้าวทั้งทึ่งทั้งตบใส่
“หึ่ย!”
“พอแล้วๆๆ” ผมจับขาฝั่งที่ข้าวใช้ถีบไอ้คินออก ทำไมแรงเยอะแบบนี้ว่ะ ข้าวสบัดตัวออกแล้วเดินปึงปังไปหาพวกไอ้ฮาร์ทแทน
“เจ็บชิบหาย !”
“สมน้ำหน้า” ผมกอดอกมองเพื่อนนิ่งๆ
“กูเพื่อนมึงนะไอ้เหนือ ช่วยเห็นใจเพื่อนหน่อย”
“ใช่เรื่อง” ผมว่าแล้วเดินออกมาจากมันไปหาคนที่นั่งหน้ามุ้ยอยู่บนโซฟาปล่อยให้ไอ้คินมันเห่าของมันไปเถอะ ทำตัวเองก็สมควรแล้วละนะ
“เป็นอะไร หื้ม?” ผมถามเมื่อนั่งลงข้างๆอีกคน
“เปล่า!” ห้วนได้อีก
“เอาน่า อย่าไปสนใจไอ้คินมันเลยนะ”
“ไม่สนได้ไงก็มันกวนข้าวอ่ะ”
“ ครับๆแล้วจะนอนต่อไหม?” ผมถามพร้อมกับลูบหัวคนที่ทำหน้างออยู่ ข้าวเพียงแค่ส่ายหน้า
“ไม่แล้ว”
“ครับ งั้นเหนือกลับบ้านก่อนนะ” ผมบอก
“อ่าโอเค”
“อืม ไว้เจอกัน” ผมบอกพร้อมกับลุกขึ้น
“ไม่ได้ลงไปส่งนะ” ข้าวบอกพร้อมกับโบกมือให้น้อยๆ ผมพยักหน้ารับแล้วยิ้มบางให้
“พวกมึงกูกลับก่อนนะ” ผมบอกลาเพื่อนๆ พวกมันก็เออออกันแล้วก็หันไปสนใจเรื่องตัวเอง ผมเดินผิวปากลงมา วันนี้เป็นวันดีที่สุดสำหรับผม
“หึ” ไม่อยากจะคิดว่าสิ่งที่ผมที่ฝันไว้ว่าซักวันจะได้คบกัน มันกลับเป็นจริง
“...เป็นแฟนกันนะข้าว”
“อ..อืม”
แค่ได้คิดถึงเรื่องเมื่อคืนใจผมก็เต้นรัว สีหน้า รอยยิ้ม หรือแม้แต่คำพูดของอีกคนมันทำให้ผมรู้สึกดีใจ ข้าวไม่ปฎิเสธคำขอของผม ถึงการขอเป็นแฟนมันอาจจะสุดวิสัยเกินไป แต่สุดท้ายมันก็ออกมาดี เอาเป็นว่าผมขอแก้ตัวทีหลังแล้วกัน
.
.
.
“แม่...” เดินเข้าไปกอดท่านจากข้างหลัง เมื่อมาถึงผมเห็นรถแม่จอดอยู่ วันนี้ท่านคงไม่ได้ทำงานเพราะปกติแม่จะออกไปทำงานตั้งแต่เช้า แต่นี่สายแล้วยังเห็นแม่ทำอาหารอยู่ในครัวและชุดที่ใส่ก็เป็นชุดอยู่บ้านธรรมดา
“กลับมาแล้วหรอพ่อลูกชาย” แม่หันมาลูบหัวลูบแก้มผม ผมจึงเข้าไปกอดท่าน
“แม่เหนือมีอะไรจะบอก”
“หืม มีอไรละ?” ผมผละออกมองหน้าแม่ ท่านยิ้มอ่อนโยนให้ผม
“ก็..วันนี้แม่ไม่ได้ทำงานใช่ไหมครับ”
“ใช่จ้ะ แล้วนี่มีอะไรละ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
“ผมยิ้มหรอแม่?” ผมถาม ผมยังไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่
“ใช้จ้ะ”
“...”
“เหนือ.. แม่ไม่เคยเห็นเหนือดูมีความสุขเหมือนกับวันนี้เลยนะ ลูกไม่เคยยิ้มได้อย่างวันนี้นานแล้วนะ แค่แม่เห็นลูกมีความสุขแม่ก็ดีใจแล้วละ” แม่บอกพร้อมรอยยิ้มที่ท่านมักยิ้มให้ผมเสมอ
“...”
“ว่าแต่มีเรื่องอะไรละถึงทำให้คุณชายน้ำแข็งของแม่คนนี้ยิ้มได้ หื้ม?”
“ก็...เดี๋ยวเย็นนี้พาลูกสะใภ้มาหานะแม่”
“สะใภ้?”
“ครับ วันนี้แม่ช่วยทำอาหารอร่อยๆต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้ได้ไหม” ผมบอก ท่านทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับยิ้มขำกับท่าทีของผมเสียมากกว่า
“จริงจัง?”
“จริงจังดิแม่”
“โอเค จริงจังก็จริงจัง ชักอยากจะเห็นว่าที่ลูกสะใภ้แล้วสิ” แม่ว่าขำๆ
“แม่เคยเจอแล้วครับ งั้นผมไปนอนก่อนนะง่วงมากก” ผมบอกแม่ ไม่อยากจะต่อบทสนทนาก่อน อยากให้ท่านทราบเองว่าใครกันที่จะมาเป็นลูกอีกคน เดี๋ยวตอนเย็นท่านคงทราบเองว่าใคร
“อ๋อแม่ครับ คนนี้บอกเลยแม่ปลื้มมากแน่ๆ”
13 : 00 น. “ฮัลโหลข้าวเหนือรออยู่ด้านล่างนะ” ผมโทรหาข้าวเมื่อมาถึงหอที่ข้าวพักอยู่
ก๊อก ๆ เสียงเคาะกระจกรถอีก ผมปลดล็อกประตูรถให้ข้าวเปิดเข้ามานั่งได้
“รอนานไหม” ข้าวถาม
“ไม่นานหรอก ไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม”
“อืม เอาสิข้าวยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวมากๆๆๆ” ข้าวลูบท้องตัวเองทำท่าประกอบให้ดู
“โอเคครับ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกันจริงๆจังๆซักที่ เพราะครั้งก่อนก็กะจะไปแค่สองแต่ก็ดันพ่วงเพื่อนๆไปด้วย แต่ครั้งนี้ไม่มารอย่างพวกมันมาผจญแล้ว ค่อยสบายขึ้นมาหน่อย ผมแวะร้านอาหารไทยเพราะคนข้างๆบ่นว่าอยากกิน
“แล้วเราจะไปไหนหรอเหนือ” ระหว่างรออาหารมาเสริฟข้าวก็ถามขึ้นมา นั่นสิจะไปไหนดี
“แล้วข้าวอยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า” ผมถาม
“อืม...ไปสวนสนุกไหม?” ข้าวทำท่านึกคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ สวนสนุกหรอ ก็ดีนะผมเองก็ไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกัน นี่ก็เป็นเดทแรกของผมกับข้าวด้วย วันนี้เป็นวันธรรมดาคนคงไม่เยอะเท่าวันหยุด อากาศก็ไม่ร้อนมากเท่าไรไปก็ได้
“ตามใจข้าวเลย” เราคุยกันไปสองสามคำอาหารก็มาเสริฟ เราสองคนลงมือทานกันไปเงียบๆโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรกัน โดยที่ผมเป็นคนพูดน้อยนิดๆ หรือเปล่า เออนั่นละ ผมเองก็ชวนคุยไม่เก่งด้วย ถึงจะรู้ว่าข้าวเป็นคนร่าเริง พูดคุยด้วยได้ตลอด แต่เวลาแบบนี้ข้าวมักจะเงียบและพูดน้อยหน่อยเมื่อเวลาอยู่กับผมแค่สองคน
“ว้าววว..ไม่ได้มาสวนสนุกนานแล้วนะเนี้ย” ข้าวพูดขึ้นเมื่อเราสองคนเดินเข้ามาในสวนสนุกแล้ว อย่างที่คิดไว้จริงๆวันนี้คนไม่ค่อยเยอะเพราะเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุด
“ข้าว” ผมเรียกข้าวให้หันมามองทางผม พอข้าวหันมาผมก็กดถ่ายภาพอีกคนเอาไว้
แชะ ! ข้าวทำหน้าเอ๋อใส่ ผมชูรูปที่ถ่ายให้ข้าวดู
“โห้ ! ลบได้ไหมอ่ะเหนือ น่าเกลียดมากก” ข้าวบอกพร้อมกับมองหน้าผม ผมส่ายหน้า ผมว่าน่ารักออก เคยได้ยินไหมครับ รูปที่เผลอๆมักจะดูดี ผมคิดแบบนั้นนะ ผมว่ารูปนี้ข้าวน่ารักมาก ดูเอ๋อๆดีผมชอบ
“น่ารักออก”
“ดูส่วนไหนน่ารักเนี้ย” ข้าวชี้ให้ผมดูภาพ
“ก็ส่วนนี้ไง” ผมบอกพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ข้าว ผมเห็นหน้าข้าวแดงขึ้นด้วย ข้าวเสมองไปทางอื่นแทน ผมเองก็ทำตัวไม่ถูกไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำแบบนี้เหมือนกัน
“ไอ้บ้า!” ข้าวว่าแล้วเดินนำลิ่วไปก่อน
“อ่า...ข้าวรอด้วยดิ!” ผมรีบตามข้าวไป เพราะรู้สึกว่าอีกคนจะไม่รอผมเลย
“ชักช้า”
“อ้าว...” สรุปผมผิดสินะ ผมจึงคว้าเอามือข้าวมาจับไว้ ข้าวชะงักหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผมและมองลงมาที่มือ ผมเลิกคิ้วสงสัยว่าทำไม
“เอ่อ..นี่อ่ะ” ข้าวชูมือที่ผมจับไว้ขึ้นมา
“ทำไม?”
“ไม่อายคนอื่นหรอ คนมองเต็มเลย” ข้าวบอกพร้อมกับมองรอบข้างที่มีผู้คนมองมาที่เราอยู่
“ไม่ หรือข้าวอาย” ผมถามกลับเพราะเกรงว่าอีกคนจะเกิดอายขึ้นมา ผมเข้าใจครับผู้ชายกับผู้ชายเดินจับมือถือแขนกันในที่สาธารณะแบบนี้มันก็ต้องมีคนมอง สำหรับผม ผมไม่ถือหรอกใครจะมองยังไงก็ช่างแต่กับข้าว...ผมจะยอมถ้าข้าวบอกว่าอาย
“เปล่า..ก็แค่มันไม่ชิน” ข้าวก้มหน้าพูดไม่ยอมสบสายตากับผมที่จ้องมองอยู่ ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแล้วกระซิบบอก
“งั้นก็จับไว้แบบนี้ตลอดจะได้ชิน”
“อือ” ข้าวพยักหน้ารับทั้งๆที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมเลย
“ไปเล่นเครื่องเล่นกันเถอะ”
“...อือ”
ผมเดินจูงมือข้าวพาไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆ โดยที่ผมให้ข้าวเป็นคนเลือกว่าอยากเล่นเครื่องเล่นไหน พอข้าวบอกอยากเล่นอันนี้ผมก็ตามใจ แต่พอผมบอกว่า..
“ข้าวบ้านผีสิงไหม?”
“ไม่!!” ข้าวตอบเสียงดังฟังชัดทันที ไอ้เราก็อยากจะแกล้งอีกคนแต่ไม่เอาดีกว่ากลัวข้าวโกรธจึงยอมละถอยจากการไปบ้านผีสิง เราเล่นเครื่องเล่นต่อกันอีกสักพักก็มานั่งหยุดพักกัน
“ไหวไหมข้าว” ผมถามเมื่ออีกคนกำลังทำหน้าพะอืดพะอม หน้าก็ซีดเผือดจนเห็นได้ชัด
“ วะ ไหวๆ อ้วกก” จะไหวได้ไงละเนี้ย แต่ละอย่างที่เล่นก็มีแต่ทำให้ท้องไส้ป่นป่วนทั้งนั้น เฮ้ออ ยาดมก็ไม่มี ผมได้แต่ใช้กระดาษแผนที่สวนสนุกพัดให้อีกคน
“ข้าวอยู่ตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวเหนือจะไปหาน้ำกับยาดก่อน” ผมบอก ข้าวพยักหน้ารับ ทำมือโอเค ผมจึงลุกขึ้นไปเดินหาร้านน้ำที่แถวนี้น่าจะมีอยู่ ผมไม่อยากปล่อยให้ข้าวอยู่คนเดียวทั้งสภาพแบบนั้นจึงเดินมาเรื่อยๆก็เห็นร้านน้ำขาย ไกลจากที่พวกผมนั่งพักกันอีกนะ ผมซื้อน้ำสองขวดยาดมอีกหนึ่ง พอกำลังเดินกลับก็ผ่านร้านเครื่องเล่นน่ารักๆ หน้าร้านจะมีเครื่องคีบตุ๊กตาอยู่ ผมจึงแวะเข้าไปดู มีเครื่องคีบตุ๊กตาหลายเครื่อง ทั้งเครื่องเล็กและเครื่องใหญ่ มีตู้หนึ่งที่สะดุดตาผมมาก เป็นตู้ตุ๊กตาหมาน่ารักๆ เห็นแล้วนึกถึงคนที่นั่งหน้าซีดรอผมอยู่เลย ผมวางของที่ซื้อมาลงข้างตัวแล้วแลกเหรียญกับเจ้าของร้านเพื่อมาหยอดตู้ตุ๊กตานี้ ผมเล่นอยู่หลายรอบก็ไม่ได้ซักที
“ทำไมมันยากงี้วะ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่ยอมละความพยายาม ทั้งๆที่ผมจะไปหาซื้อเอาเลยง่ายกว่ามายืนหมุนปรับทิศทางอะไรแบบนี้ให้ยุ่งยาก แต่ว่าอะไรที่ได้มาง่ายๆมันมักไม่มีค่าไม่ใช่หรอครับ ผมจึงต้องพยายามเอาไอ้หมาตัวเล็กๆนี่ให้ได้ ผมอยากให้ข้าวเก็บไว้และอยากให้ข้าวรู้ว่ากว่าผมจะได้มามันยากแค่ไหน
“เยส ! ได้แล้ว!!”
เฮ้ออ กว่าจะได้เล่นเอาไปหมดหลายบาทเลยนะเนี้ย ผมยิ้มให้กับตุ๊กตาที่ตัวเองคีบมาด้วยความพยายาม อยากเห็นหน้าข้าวตอนรับจริงๆ ผมมองดูเวลาปรากฏว่าผมสิงสถิตอยู่ร้านคีบตุ๊กตาตั้งครึ่งชั่วโมง ป่านนี้ข้าวจะเป็นยังไงบ้างน่ะ อ่า..ผมเนี้ยจริงๆเลย คิดได้ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปยังที่ข้าวนั่งพักอยู่
“...ข้าว” ผมเรียกหาอีกคนเมื่อมาถึง ข้าวหายไปไหน? ผมมองสำรวจรอบข้างก็ไม่มี
“ข้าว!” ผมตะโกนเรียกอีกครั้งพร้อมกับมองหา
“หรือจะไปห้องน้ำ?” ผมคิดแบบนั้น จึงนั่งรอตรงเก้าอี้ที่เดิมที่เคยนั่งก่อนหน้านี้ ผมมองดูนาฬิกาข้อมือนี่ก็สิบนาทีเข้าไปแล้วข้าวก็ยังไม่มา จะเป็นอะไรไปรึเปล่านะ ผมหยิบโทรศัพท์กดโทรหาก็ไม่รับสาย
“หายไปไหนนะ ทำไมไม่รับสายข้าว” ผมใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้ โทรไปก็ไม่รับบางครั้งสายก็ถูกตัดไปซะดื้อๆ ผมลุกขึ้นเคตรียมจะเดินออกไปหาที่ห้องน้ำถ้ามามัวรออยู่แบบนี้มีหวังไม่เจอแน่ แต่พอลุกขึ้นเดินได้ไม่กี่ก้าวก็มีตัวมาสคอตแมวตัวหนึ่งเดินเข้ามาขวางหน้าผมไว้ พอผมเดินไปซ้ายมันก็ซ้าย ผมหลีกไปทางขวามันก็มาขวา พอผมหยุดมันก็หยุดตาม จะเอายังไงกับกูวะเนี้ย คนยิ่งรีบๆอยู่
“ขอโทษนะครับ ผมกำลังรีบ” ผมบอกแล้วจะเดินหนีไปอีกทาง แต่มาสคอตนั้นก็ตามผมมาอีก ผมหยุดและจ้องมองมาสคอตแมวนิ่งๆ
“...”
“ผมรีบ ไม่มีเวลามาเล่นด้วยครับ” ผมบอกอีกครั้ง แต่ตัวมาสคอตก็ยังตามและครั้งนี้ก็ดึงรั้งผมเอาไว้ด้วย
“..อ่ะ” ผมหันไปเลิกคิ้วมองตัวมาสคอตที่ยื่นเป็นกระดาษสีขาวที่พับอยู่มาให้ผม
“..อะไร?” ผมถามอย่างสงสัย แต่เจ้าตัวมาสคอตก็ไม่ตอบกลับดึงให้ผมเดินไปที่เก้าอี้เดิมที่ผมนั่งเมื่อครู่ มันดันผมให้นั่งลงผมจะเปิดกระดาษออกมาดูก็มีเจ้าตัวมาสคอตมาห้ามไว้ เจ้าตัวมาสคอตแยกตัวออกไปกดโทรศัพท์แล้วสอดใส่ในถุงกระเป๋าตัวเอง เสียงดนตรีคลอขึ้นเป็นเพลงจังหวะสนุกๆล้วเจ้าตัวมาสคอตก็เริ่มโยกไปตามจังหวะของเพลง...
“อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้คนนี้เป็นแฟนก็ดี
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี” พอถึงท่อนฮุคของเพลงเจ้าตัวมาสคอตก็เต้นๆแล้วชี้มาที่ผม มันทำให้ผมอยากรู้ว่าใครกันที่อยู่ในชุดมาสคอตนี่ ... พอเพลงจบเจ้าตัวมาสคอตก็หยุดเต้นแล้วชี้บอกห้ผมเปิดกระดาษที่อยู่ในมือ
“เปิดได้แล้วใช่ไหม?” ผมถาม เจ้าตัวมาสคอตพยักหน้า ผมจึงเปิดกระดาษสีขาวออกก็พบกับประโยคที่เรียงกัน
“เป็นแฟนกันนะ.. ^^” ผมเงยหน้ามองเจ้าตัวมาสคอตตรงหน้าที่ตอนนี้มานั่งคุกเข่ายื่นดอกกุหลาบสีแดงสดหน้าหนึ่งดอกต่อหน้าผม นี่มันอะไรกันว่ะ อยู่ๆก็มีเจ้าตัวมาสคอตแมวมาสารภาพรักหรอว่ะ
“รับไปสิ! เมื่อยแล้วนะ!” เสียงคุ้นๆว่ะ ผมจึงถอนหัวมาสคอตแมวนั้นออก
“ข้าว!!” ผมถึงกับอึ้ง ข้าวมีสีหน้าแดงระเรื่อจนเห็นได้ชัด
“ก็เออไง รับไหมเนี้ย เมื่อยแล้วร้อนด้วย!” ข้าวบอกทั้งๆที่ยังนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม ผมจึงรับดอกกุหลาบนั้นไว้แล้วหันมามองคนที่ใส่ชุดมาสคอตค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆ ทำไมถึงมาใส่ชุดนี้ได้ แล้วไหนจะเมื่อกี้นี้...มันอะไรกันว่ะ?
“สรุปจะเป็นไม่เป็น?” ข้าวดึงแผ่นกระดาษที่ผมเปิดอ่านเมื่อครู่ขึ้นมาชูต่อหน้า
“นี่อะไรกันข้าว” ผมถาม
“ก็ตามที่เห็นอ่ะ จะเป็นไหมห้ะ!”
“แล้วตอนนี้เราไม่ได้เป็นแฟนกันหรอ” ผมถาม
“ก็...เป็นไง” ข้าวตอบแล้วมองไปทางอื่น “แต่ว่า...”
“แต่ว่า?” ผมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“ข้าวอาจจะเป็นแฟนเหนือ แต่เหนือยังไม่เป็นแฟนข้าวไง”
“ยังไง?” ผม งง ทั้งๆที่ข้าวเองก็ตอบตกลงว่าจะเป็นแฟนกับผม หรือว่าข้าวจะเข้าใจอะไรผิด หรือจริงๆผมเข้าใจผิดไปเอง
“ก็ตอนนั้นเหนือขอข้าวเป็นแฟน ตอนนี้ข้าวเลยมาขอเหนือบ้างก็แค่นั้น”
“เอ่อ..”
“เป็นแฟนกันนะเหนือ..” แบบนี้ผมจะปฎิเสธลงหรือไง
“อืม เป็นสิ”
“เย้ !” ข้าวกระโดดยิ้มดีใจ ผมจึงหยิบตุ๊กตาที่ดั้นด้นเล่นมาได้เดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้าอีกคน ข้าวก้มมองผมตาโต ผมยื่นตุ๊กตาหมาที่เล่นมาได้ตรงหน้าข้าว
“แก้ตัวใหม่นะข้าว”
“อ ..อะไร”
“เหนือชอบข้าว เป็นแฟนกันนะครับ”
“อือตกลง..” ข้าวยื่นมือมารับตุ๊กตาผม พร้อมกับยิ้มเขินส่งมา ผมเองก็เขินไม่ต่างกัน ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยทั้งชีวิต เพราะเป็นข้าวผมถึงกล้าทำ
“...ข้าว” ข้าวเอาแต่ก้มหน้าลูบหัวตุ๊กตาเล่นโดยไม่ยอมหันมาสนใจผมเลย นี่ผมโดนเมินทั้งๆที่เพิ่งขอเป็นแฟนหรอเนี้ย ผมจึงเรียกข้าวให้หันมาหาผม พอข้าวหันมาผมก็...
จุ๊บ !
ผมจุ๊บเข้าที่ปากบางของอีกคน ข้าวผงะเล็กน้อยหน้าเริ่มขึ้นสีแดงด้วยอาการเขิน ผมยิ้มออกมากับท่าทีเขินอายของอีกคน เวลาแบบนี้ก็ยิ่งน่ารักกว่าทุกครั้ง
“เขินหรอทำไมหน้าแดง” ผมแกล้งแซวข้าว
“ใครเขิน ร้อนต่างหากดูชุดสิ!” ข้าวเชิดหน้าขึ้นแล้วตบเข้าที่ชุดตัวเองที่ใส่ ฮ่าๆๆ
“เป็นแฟนกันสมบูรณ์แล้วนะข้าว” ไม่สมบูรณ์คงไม่ได้แล้วครับ เพราะทั้งสองฝ่ายตกลงเห็นชอบปลงใจไปในทางเดียวกัน ฮ่ะๆ รู้สึกดีเป็นบ้าเลย
“อืม...ตุ๊กตาตัวนี้น่ารักเนอะ” ข้าวชูมันให้ดู เห็นข้าวชอบผมก็ดีใจ
“กุหลาบดอกนี้ก็สวยหมือนกัน”
นี่อาจจะเป็นเดทครั้งแรกที่ผมไม่อยากให้มันจบลงเลย อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ที่มีแค่ผมกับข้าว...แค่สองคน
(ตุ๊กตาที่เหนือให้ข้าว) writer
อัพช้าไปนิดไม่โกรธเคืองเค้าน๊าาตัวเองง
หวังว่าจะชอบนะตอนนี้ ฮ่าๆๆ คอมเม้นกันมาเยอะๆนะจ้ะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง อย่าลืมไลค์ให้เค้าด้วยน๊าาา
แจ้งเรื่องซักนิด : คือว่าจะถามนักอ่านทั้งหลายว่าจะใช้ชื่อเรื่องเดิมหรือว่าจะเปลี่ยนดี
ชื่อเดิมBoyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน
ถ้าเปลี่ยน Boyfriend เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นแฟน
ยังไงก็บอกมานะคะ