บทที่ 39
ลีลาวดีกลีบสุดท้ายถูกสีขาวนวลแต่งแต้มจนกลายเป็นดอกที่สมบูรณ์ในที่สุด รุ่งภพวางไม้จิ้มลงแล้วมองภาพบนกระจกด้วยรอยยิ้มหม่น เขาใช้เวลาทั้งวันทำทิชชู่อาร์ตแผ่นสุดท้ายจนสำเร็จ พรุ่งนี้คงได้รวบรวมไปให้กับผู้ว่าจ้าง เขาจะไม่คิดเงินอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ว่าตรัยจะยินดีหรือไม่ก็ตาม
หากอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกกับเขาเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว อย่างน้อย..นี่ก็จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาทำให้ได้เพื่อตอบแทนความทรงจำดีๆ ที่มีให้กัน
หนุ่มใต้ลูบรอยนูนของกลีบดอกและใบไม้สีเขียวที่แซมสลับอยู่ในภาพ นึกใจลอยไปถึงลายผ้าบาติกที่อีกฝ่ายเคยชมว่าน่ามองยามอยู่บนร่างเขา
ในสายตาตรัย คงไม่ใช่เขาคนเดียวที่น่ามอง หากเป็นผู้หญิงใส่ ยังไงก็ต้องน่ามองกว่าอยู่แล้ว
เสียงเคาะประตูบ้านทำให้เขาหลุดจากภวังค์ รุ่งภพหันไปมองคนเคาะโดยไม่ได้ขยับลุกไปไหน เขายังไม่ได้ปิดประตูบ้านแม้จะมืดมากแล้วก็ตาม
“ขอเข้าไปได้ไหม”
คนในความคิดยืนอยู่หน้าประตูบ้านแล้วเอ่ยปากขออนุญาตเขา รุ่งภพแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง หากตังเกไม่กระโจนเข้าไปหาเขาคงนึกว่าอีกฝ่ายคือภาพลวง
“ถ้ากัดจะไม่ให้กินขนม” ตรัยชูถุงขนมล่อ มันนั่งจ๋องทันทีแล้วยกขาหวัดดีอย่างรู้งาน “ถ้าหลีกทางให้จะยกให้ทั้งถุงเลย”
เขาเดินอ้อมตัวมันเข้าไปในบ้าน เจ้าหมาตะกละนั่งนิ่งจ้องถุงขนมน้ำลายยืด เขาหัวเราะเบาๆ แล้วหยิบกระดูกอัดแท่งให้มันไปแทะเล่น พอได้ขนมก็วิ่งตัวปลิวออกไปนอกบ้าน ตรัยระบายลมหายใจยาวกับความใจง่ายของมัน ถ้าโจรเข้าบ้านคงโดนยกเค้าไปหมดไม่เหลือแม้แต่ตอ
“เธอผอมลงอีกแล้วนะ”
รุ่งภพหลุบตาลงมองข้อต่อของกระดูกที่เห็นชัดบนหลังมือของตัวเอง ความคิดถึงหลั่งไหลจนท่วมท้นเมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย อยากจะเอ่ยขอโทษแต่ดันพูดไม่ออกเพราะก้อนแข็งๆ มันจุกอยู่ที่ลำคอ
“ขอโทษนะ”
“...?” รุ่งภพเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสายตาตั้งคำถาม คนที่ควรจะขอโทษคือเขาไม่ใช่เหรอที่ทำตัวงี่เง่าใส่อีกฝ่าย ทำไมถึงกลับกลายเป็นตรัยที่เอ่ยปากขอโทษแทน
“ขอโทษที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี ขอโทษที่ทำให้เธอเสียใจ”
“มะ..ไม่ ผมต้องหากที่ต้องขอโทษ ผมทำตัวงี่เง่า ทำให้คุณหงุดหงิด”
ตรัยกอบกุมมือของชายหนุ่ม รู้สึกใจหายกับความผ่ายผอมในชั่วระยะเวลาไม่ถึงเดือน “ฉันต่างหากที่ไม่เข้าใจเธอ..เธอไม่พอใจที่เห็นฉันสนิทกับปัดใช่ไหม?”
“ผมคิดว่าคุณชอบเธอ”
“เผื่อเธอยังไม่รู้ ฉันเป็นคนรักเดียวใจเดียวนะ” ตรัยจูบอุ้งมือของชายหนุ่ม “ถ้าฉันจะชอบปัด คงชอบตั้งแต่รู้จักกันตอนอยู่มหา’ ลัยแล้ว”
“รู้จักกันมาก่อนเหรอครับ ผมนึกว่าเพิ่งรู้จักกันตอนทำงาน”
“เขาเป็นรุ่นน้องของเพื่อนฉัน เราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน” ตรัยรั้งตัวของชายหนุ่มมากอดไว้ให้คลายความคิดถึง “พวกเธอต่างหากที่รู้จักกันมาก่อน รู้จักกันก่อนฉันอีก”
“คุณโกรธผมเรื่องแม่หรือเปล่าครับ?”
ตรัยโยกตัวของชายหนุ่มแล้วกดจูบลงบนไหล่แคบ “ไม่ได้โกรธที่เธอทำกับแม่แบบนั้น แต่โกรธที่เธอไม่เคยเล่าให้ฟังมากกว่า”
“ผมไม่กล้าเล่า..กลัวคุณจะเกลียดผม เพราะผมทำไม่ดีกับแม่”
“ฉันเชื่อว่าสิ่งที่เธอทำลงไปมันมีเหตุผล รุ่งภพที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนใจร้ายแบบนั้น”
ขอบตาของชายหนุ่มร้อนผ่าว อ้อมกอดที่ได้รับอบอุ่นจนใจละลาย “พ่อกับแม่ผมเลิกกันเพราะพ่อไม่มีเวลาให้ อย่างที่ผมเคยบอก..สมัยก่อนพ่อต้องออกเรือไปไกลมากเพราะบริษัทที่จ้างงานเขาทำประมงนอกน่านน้ำ บางทีก็ไปไต้หวัน บางทีก็ไปอินโด ไปทีก็ไปกันหลายเดือน นานๆ ถึงจะกลับมาสักครั้ง ตอนนั้นผมเองก็ติดเกมส์ ติดเพื่อน..” ชายหนุ่มหยุดเล่าไปครู่หนึ่งเพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลหยด “แม่คงเหงา..สุดท้ายก็เลิกกันแล้วย้ายไปอยู่กับ..แฟนใหม่”
ตรัยกอดกระชับชายหนุ่ม ครอบครัวของเขาก็แตกแยกไม่ต่างกันแต่จบสวยด้วยเหตุผลที่เข้ากันไม่ได้ ซึ่งยังมีความรู้สึกดีๆ หลงเหลือให้กันอยู่
“พอเลิกกันพ่อก็ลาออกจากงาน เอาเงินเก็บมาซื้อเรือแล้วออกไปวางอวนใกล้ๆ บ้าน..เป็นครั้งแรกที่ผมได้อยู่กับพ่อทุกวัน เรากินข้าวพร้อมกันทุกมื้อ พอกลับจากวิท’ลัย ผมก็ไปช่วยพ่อวางอวนตอนใกล้มืด ตอนเช้าก็ไปกู้อวนก่อนไปเรียน ถ้าแม่ยังอยู่เราก็คงได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างที่แม่หวังเอาไว้..แต่มันสายไปแล้วเพราะแม่ไม่เคยกลับมา”
“ไม่ต้องเล่าแล้วล่ะ ฉันไม่อยากรู้แล้ว” ตรัยเช็ดน้ำตาให้ชายหนุ่ม พอเห็นรุ่งภพสะอื้นหนักเขาก็ไม่อยากฟังอีกต่อไปแล้ว
รุ่งภพส่ายหน้า เขาไม่อยากมีความลับกับตรัยจึงเล่าต่อด้วยน้ำเสียงติดสะอื้น “พอพ่อเสีย..แม่บอกว่าจะพาผมไปอยู่ด้วย ตอนนั้นผมดีใจมากที่ได้เจอแม่..แต่ครอบครัวใหม่ของแม่เขาไม่ต้องการผม แม่เองก็ดูเหมือนจะลำบากใจ ผม..ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เลยบอกว่าไม่อยากไปอยู่กับแม่..ไม่มีใครเลี้ยงก็ช่าง ต่อให้ต้องอดตายผมก็จะอยู่ที่นี่..ดีกว่าไปเป็นส่วนเกินในครอบครัวของคนอื่น ส่วนเกินที่ไม่มีใครอยากได้”
“ชู่ว พอแล้ว ไม่ร้องนะ” ตรัยกดจูบลงบนเส้นผมของชายหนุ่ม ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่สงสัยเรื่องในอดีตของชายหนุ่มเลย
“ผมพูดไม่ดีกับแม่”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าเก็บมาคิดมากอีกเลยนะ” ตรัยหมุนตัวของชายหนุ่มให้หันมาสบตา “ต่อไปนี้ก็คุยกับแม่ดีๆ ถ้าไม่อยากไปหาเขาที่สุราษฎ์ก็นัดมาเจอกันที่อื่นก็ได้นี่ จริงไหม?”
“ผมกลัวแม่ไม่มา”
“ยังไม่ทันจะนัดเลย รู้ได้ไงว่าไม่มา”
“คุณไปกับผมนะ”
“ฉันต้องไปกับเธออยู่แล้ว ไปเจอแม่ยายไง” รุ่งภพหยุดร้องแล้วหลุดยิ้มออกมา “ฉันจะเป็นครอบครัวให้เธอเอง ไม่โดดเดี่ยวอีกแล้วนะ”
“ขอบคุณนะครับ..ขอบคุณ” รุ่งภพโอบกอดชายหนุ่ม แนบจูบลงไปกลางอกตรงตำแหน่งของหัวใจ “ผมรักคุณนะ”
“ฉันก็รักเธอ”
ตรัยดึงชายหนุ่มขึ้นมาจูบตอบ สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน
แค่จูบผะแผ่ว ไม่ได้ล่วงเกินไปมากกว่านั้น
เราสบตากันนิ่งนานหลังจากถอนจูบออก ตรัยดันตัวของชายหนุ่มลงจากตักหากแต่อีกฝ่ายไม่ยินยอม ตวัดแขนคล้องคอเขาเอาไว้แน่นแล้วแนบจูบลงมาอีกครั้ง
ตรัยครางแผ่วเมื่อริมฝีปากอิ่มขบย้ำเพื่อหาทางแทรกปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากเขา มือผอมปัดป่ายไปทั่วไหล่กว้าง พยายามแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้วถอดออกไปให้พ้นตัว
“รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขายึดข้อมือซุกซน รุ่งภพพยักหน้าช้าๆ ริมฝีปากอิ่มฉ่ำวาวจากรสจูบเมื่อครู่นี้ “หยุดตอนนี้ยังทันนะ”
หนุ่มใต้บิดข้อมือออกแล้วโถมตัวเข้ามาในอกเขา “คืนนี้คุณอยู่กับผมนะ”
ตรัยโอบกอดชายหนุ่ม ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเรื่อยไปจนถึงสะโพกเล็ก คนบนตักขมวดเกร็งเล็กน้อยตอนเขาบีบขย้ำเนินเนื้อกลมทั้งสองข้าง หนุ่มใต้กดสะโพกหนีฝ่ามือเขา เบียดลงตรงเป้ากางเกงที่แข็งขืนเต็มที
“อือ..”
ตรัยสบถออกมาไม่เป็นคำเมื่อเห็นใบหน้าแดงเรื่อ ดวงตาหลับพริ้มของคนบนตัก เขาช้อนก้นของชายหนุ่มขึ้นแล้วกระเตงเข้าห้องไปทั้งอย่างนั้น พอวางชายหนุ่มลงบนฟูกนอนก็จัดการลอกคราบออกไปจนหมด ไล่จูบตั้งแต่กรอบหน้าเรื่อยไปจนถึงทรวงอก สัมผัสทุกตารางนิ้วให้สมกับที่เฝ้าอดทนมานาน สูดดมกลิ่นกายของชายหนุ่มเหมือนคนบ้า อยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว
“อ๊ะ..คุณ!”
สุ้มเสียงน่ารักเปล่งออกมาเมื่อถูกกัดตรงยอดอก มันรู้สึกเจ็บแปลบในตอนแรกแล้วเปลี่ยนเป็นเสียววาบเมื่อถูกครอบครองด้วยการดูดดุน
รุ่งภพระบายอารมณ์ด้วยการขยุ้มกลุ่มผมที่ระอยู่ตรงแผ่นอก ตรัยปลดตะขอแล้วรูดซิปกางเกงลง ดันขอบเข็มขัดลงไปจนพ้นท่อนขาเผยให้เห็นชั้นในสีดำเข้มห่อหุ้มส่วนกลางกายที่แข็งชันจนเป็นรูปร่าง
หนุ่มใต้เบือนสายตาหนีช่วงล่างที่ตึงแน่นของอีกฝ่าย ตรัยหัวเราะเบาๆ กับอาการเขินอายนั้น เขาลดตัวลงก้มจูบชายหนุ่ม ขบย้ำบนต้นคอและแผงอกขณะถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกาย
“อื้ม..”
รุ่งภพเปล่งเสียงครางหน้าเชิด โคนขาถูกอ้ากว้างเพื่อต้อนรับส่วนหนึ่งของอีกคน
“คุณตรัย..”
“หยุดไม่ได้แล้วนะ” ซองถุงยางถูกกัดฉีกแล้วสวมใส่เพื่อป้องกัน ตรัยค้นหาซองเจลหล่อลื่นในกระเป๋าสตางค์แล้วบีบราดลงบนปลายนิ้ว รุ่งภพเกร็งตัวต่อต้านเมื่อถูกป้ายวนช่องทางคับแคบของตัวเอง ชายหนุ่มกลั้นหายใจรับปลายนิ้วอุ่น ลมหายใจแปรปรวนกับความอึดอัดที่สอดแทรกเข้ามา
“เจ็บหรือเปล่า”
หนุ่มใต้ส่ายหน้า พยายามผ่อนลมหายใจช้าๆ เพื่อดูดกลืนปลายนิ้วเข้าไปจนสุดโคน
“อื้ม..อะ..”
ชายหนุ่มเปล่งเสียงครางเมื่อปลายนิ้วถูกดึงออก มันกลับเข้ามาใหม่อีกครั้งแล้วสอดเข้าสอดออกจนรู้สึกเสียดเสียว รุ่งภพหุบขาแล้วบิดตัวเร่า หน้าท้องเกร็งกระตุกเมื่อนิ้วที่สองสอดเข้ามา
ตรัยแตะจูบลงบนสะดือเล็ก ถอนปลายนิ้วออกแล้วถูไถแก่นกายอวบใหญ่เสียดสีกับร่องสะโพกเหนียวเหนอะ เสียงทุ้มคำรามต่ำเมื่อคนใต้ร่างอ้าขากว้าง ริมฝีปากอิ่มเผยออ้าขณะที่เขาดันกายเข้าไปเสาะหาความอบอุ่น
“อะ..มันแน่น ยะ..อย่าเพิ่ง”
ตรัยกดจูบลงบนหัวเข่าของชายหนุ่มแล้วดันสะโพกเข้าไปจนสุดโดยไม่ฟังห้าม รุ่งภพกรีดร้องเสียงแหลม ลมหายใจหอบถี่ หยดเหงื่อผุดพราย
“ฮึก จะ..เจ็บ”
“ขอโทษนะครับคนดี”
คนดีของตรัยกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง ใบหูแดงก่ำกับคำเรียกขานละลายใจ “เราเป็นคนๆ เดียวกันแล้วนะ”
“อื้ม..”
ตรัยกระชับบั้นท้ายเล็กแล้วขยับสะโพกเข้าหาเบาๆ อย่างลองเชิง คนใต้ร่างเปล่งเสียงครางเหมือนอึดอัด พยายามเกี่ยวขารั้งสะโพกเขาให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม
“คุณตรัย”
“ครับ”
“ระ เร็วอีก..”
ตรัยหลุดยิ้มกับเสียงสั่งบางเบาจนแทบไม่ได้ยิน อดใจกับความน่ารักไม่ไหวจนต้องโน้มตัวลงไปจูบอีกหลายครั้ง รุ่งภพครางอย่างสุขสมเมื่อเขาหยัดสะโพกฝังกายเข้าไปจนลึก ฝ่ามือทั้งสองข้างกุมกระชับรอบเอวผอม กระทั้นกายเข้าหาอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจากคลื่นที่สาดกระทบบนหาดทราย
“อื้ม..ผะ ผมรักคุณ ระ..รัก”
“พูดอีกสิ”
“ผมรักคุณ รักคุณ ระ..รักคุณ”
คำสารภาพที่ได้ยินไม่บ่อยนักทำหัวใจของคนฟังเต้นแรงจนเจ็บอก ตรัยถอนสะโพกแล้วกดลึกเข้าไปจนสุด ฝากฝังตัวตนเอาไว้ในช่องทางอุ่นแคบที่บีบรัดถี่รัวเพราะความสุขสม
“อ่า..” ตรัยคำรามในลำคอขณะเหยียดกายขึ้นแล้วเกร็งกระตุกเหนือร่างเล็ก “ฉันก็รักเธอ..เด็กดี”
รุ่งภพปิดเปลือกตาลงเมื่อถูกประทับจูบ ไม่นานก็สัมผัสได้ถึงโลหะบางอย่างที่สวมใส่ลงมาบนนิ้วนางข้างซ้าย “อื้อ..อะไร?”
“แหวนของเรา”
“หัวแหวนมัน..”
“มันเป็นหินปะการังจากสร้อยข้อมือเธอ..โกรธหรือเปล่าที่ฉันเอามาเป็นแหวนคู่”
รุ่งภพส่ายหน้า กดจูบลงไปบนเรือนแหวน “ผมนึกว่าทำหายไปในทะเลแล้ว พ่อผมรักหินก้อนนี้มาก ไม่เคยให้ห่างตัวเลย”
“ตอนนั้นเธอกำมันแน่นมาก ฉันแงะตั้งนานกว่าจะออก” ตรัยส่งแหวนอีกวงให้กับชายหนุ่ม “สวมให้ฉันบ้างสิ”
เจ้าของหินสวมแหวนให้คนสั่งอย่างว่าง่าย ปิดท้ายด้วยการจุมพิตเนิ่นนานบนหลังมือ
“อ๊ะ..คุณ!”
“ครับ?”
“อื้อ..”
รุ่งภพร้องเสียงหลงเมื่อถูกกระแทกโดยไม่ทันตั้งตัว ขาของเขาถูกจับแยกเพื่อรองรับความต้องการที่คุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งเหมือนคนไม่รู้จักพอของชายหนุ่ม ริมฝีปากเห่อช้ำถูกดูดดุนเพื่อหยุดเสียงห้าม คนโดนเอาเปรียบอย่างเขาจึงทำได้เพียงทุบกำปั้นลงบนไหล่เปลือยของอีกฝ่าย แม้จะหยุดไม่ได้แต่ก็ขอให้ได้ประท้วงก็ยังดี
ตรัยกระซิบข้างหูของคนโดนรังแกแล้วเอ่ยคำรักซ้ำๆ จนชายหนุ่มใจอ่อน ตอกย้ำตัวตนเข้าไปจนลึกเพื่อย้ำเตือนคนใต้ร่างว่าเป็นของเขาโดยสมบูรณ์
รุ่งภพคือคนรัก..
คือคู่ชีวิต..
คือคนที่เขาอยากจะอยู่ด้วยจนวันตาย
TBC
ตอนหน้าจบแล้วน้าาาาาาา