รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน ทำไมต้องเกลียดพวกผมวะ
เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว
ภายในโรงงานไม่มีใครอยู่แล้ว ที่เหลืออยู่ก็คงมีแค่หัวหน้าแผนกขายที่ยังไม่ยอมกลับบ้าน และวิโรจน์ที่รอคอยอยู่นานก็เริ่มหงุดหงิด เมื่อก้มมองที่นาฬิกาข้อมืออีกหน แต่ก็ยังไม่เห็นหัวหน้าแผนกขายลงมาซักที
“ทำห่าอะไรนักหนาวะ”
บ่นเสียงพึมพำเบา ๆ คนเดียว และในเวลาไม่นาน คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายก็เดินลงมา และวิโรจน์ก็ฉวยจังหวะนั้นเดินเข้าไปหาทันที
“เรื่องเมื่อเช้าผมยังไม่เคลียร์ คุณกฤษดามีอะไรก็พูดมาเลยตรงๆ ดีกว่า คุณกฤษดาเป็นอะไรนักหนาถึงไม่ชอบแผนกพวกผม ผมอยากรู้ เอาตรง ๆ เคลียร์ ๆ ลูกผู้ชาย”
วิโรจน์ไม่ชอบสุงสิงกับใคร มีหน้าที่ทำงานก็คือทำงาน หน้าที่ของวิโรจน์คือตรวจสอบสินค้าที่นำเข้ามาในบริษัท ไม่ค่อยมีโอกาสได้ขึ้นรถมากนัก แต่วิโรจน์ก็ชอบงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำอยู่ในเวลานี้ เพราะเป็นงานที่ต้องรับผิดชอบตัวเอง โดยไม่ต้องประสานงานกับใครให้วุ่นวาย วิโรจน์ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายด้วย แต่ครั้งนี้มันสุดจะทน หลายครั้งแล้วที่แผนกขนส่งถูกคุกคามจากไอ้หัวหน้าแผนกขายที่นึกว่าตัวเองเก่งนักเก่งหนา เหยียบอยู่บนหัวผู้อื่น
แม่งเป็นห่าอะไรนักหนา จ้องแต่จะแดกหัวแผนกพวกกู วันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นเพราะอะไร
“ผมไม่ได้ไม่ชอบแผนกพวกคุณ พวกคุณคิดกันไปเองมากกว่า ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่ต้องไม่ชอบพวกคุณไม่ใช่เหรอ คุณพนักงานขับรถ.........ว่าแต่ชื่ออะไรนะ ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อน”
มึงไม่เคยเห็นหน้าใครทั้งนั้นแหละไอ้กฤษดา เพราะเวลามึงเดินมึงเงยหน้ามองฟ้าตลอดไม่เคยก้มหัวลงมามองคนอื่น
วิเศษมาจากไหนวะ ก็แค่...........ไอ้ตี๋แว่นหน้าจืด มอง ๆ ดูแล้ว ไม่รู้ว่าขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกขายได้ยังไง นึกว่าพวกขายประกัน หรือไม่ก็พวกมาเดินเร่ขายเครื่องกรองน้ำตามบ้าน
“คุณกฤษดาไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อผมหรอก เพราะรู้ไปคุณกฤษดาก็ไม่คิดจะจำอยู่แล้ว”
ก็ถูก รู้ตัวก็ดี ผมไม่คิดจะจำ ไม่เคยคิดจะจดจำคนอย่างพวกคุณ
“ก็รู้ตัวกันดีไม่ใช่เหรอ”
พูดจาหมาไม่แดกแบบนี้ มันน่าเอากำปั้นยัดปากซักทีจะได้หายซ่า
“ตกลงว่าไงคุณกฤษดา ลูกผู้ชายก็พูดมา ผมคนตรง ๆ อยู่แล้วไม่เคยระรานใคร ขออย่างเดียวตรง ๆ กับผมก็พอ”
ตรงบ้าตรงบออะไรวะ ไม่มีอะไรจะตรงทั้งนั้นแหละ
คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขาย ผู้มีมิตรไมตรีต่อลูกค้าสุด ๆ แต่ก็ไร้มนุษย์สัมพันธ์กับคนในโรงงานสุด ๆ กำลังยืนมองหน้าของพนักงานแผนกขนส่งตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเบะหน้า และใช้ไหล่กระแทกให้คนที่ยืนขวางอยู่พ้นทาง
“หลีก ผมจะรีบกลับ ถ้าไม่มีอะไรอีกก็หลีกไป อย่ามายืนเกะกะขวางทาง”
คุณกฤษดาพยายามจะผลักไหล่ของพนักงานแผนกขนส่งที่มายืนขวาง และคนที่ยืนขวางก็ไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้าน
ถือว่าตัวใหญ่กว่ากูหรือไงวะ ถึงกล้ามายืนขวางแบบนี้
“ถ้าคุณไม่หลีก ผมจะเรียก รปภ. มาจัดการคุณ”
เป็นคำขู่ที่วิโรจน์รู้สึกว่ามันช่างตลกสิ้นดี นี่แม่งไม่มีปัญญาจัดการอะไรเลยหรือไงวะ ถึงขนาดต้องพึ่งรปภ. ตกลงมึงเป็นหัวหน้าแผนกขาย หรือมึงเป็นง่อยกันแน่วะ ไอ้คุณกฤษดา
“เอาจริง ๆ ผมคาใจมานานแล้ว ผมก็ไม่อยากอยู่อย่างคาใจแบบนี้ไปเรื่อยๆ หรอก แต่ไม่รู้ทำไม คุณกฤษดาชอบทำให้ผมคาใจทุกที”
มึงจะคาใจอะไรนักหนา กูจะรีบกลับบ้าน น่ารำคาญไอ้พวกแผนกขนส่งชะมัด เซ้าซี้ไม่พอ แถมพวกมันยังโคตรไร้มารยาท คนจะกลับบ้านจะมายืนขวางทำห่าอะไร
“ผมเตือนแล้วนะ ถ้าคุณไม่หลีกผมจะเรียก รปภ. ตอนนี้เลย”
ก็เรียกสิวะ ใครไปห้ามเอาไว้ล่ะ
วิโรจน์ยืนกอดอกมองคนที่ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่าทางไม่เดือดร้อน และกลายเป็นคุณกฤษดาที่เริ่มโมโหขึ้นมาเอง
“หลีก”
วิโรจน์ยังคงยืนนิ่ง
ถ้าผมไม่หลีกแล้วคุณจะทำไมล่ะคุณกฤษดา
“บอกให้หลีกไงวะ”
คุณกฤษดาเงยหน้าขึ้นมองพนักงานขับรถที่ยืนทำหน้าเฉย และไม่มีทีท่าว่าจะสนใจคำพูดคุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายซักนิด
“ไอ้กุ๊ย หลีกไปซักทีสิวะ หรือจะให้กูเรียก รปภ.มาลากคอมึงออกไป”
โอ้โห ปากดีนี่หว่า คือผมก็ไม่ได้อยากจะอะไรกับคุณกฤษดาหรอกนะ แต่พูดจาแบบนี้มันก็เกินไป
“ปากจัดจังนะคุณกฤษดา ปากแบบนี้ระวังจะเจอดีเข้าซักวัน”
เจอดีห่าอะไร ถ้ากูจะเจอดีกูเจอไปนานแล้วไม่จำเป็นต้องมาเจอตอนนี้หรอก
“แล้วทำไมมึงไม่เสือกหลีกล่ะ มายืนขวางทางอยู่ทำไม ไอ้กุ๊ย ไอ้พวกกุ๊ย ไอ้พวกแผนกกุ๊ย หัวหน้าก็กุ๊ย กุ๊ยไปยันลูกน้อง พวกมึงมันกุ๊ยทั้งแผนกนั่นแหละ เวรเอ้ยยย”
ก็ไม่ได้อยากจะโกรธหรอกนะ แต่สันดานแบบนี้ แม่งสมควรตาย
“อย่ามาพูดจาหมาไม่แดกแถวนี้ หัวหน้าแผนกขายแล้วไง หัวหน้าแผนกขายวิเศษมากนักจนคิดจะเหยียบย่ำแล้วกดหัวคนอื่นได้หรือไง ไอ้คุณกฤษดา”
ไม่ใช่แค่ยื่นหน้ามาใกล้ แต่วิโรจน์ยังใช้มือบีบไปที่ปลายคางของหัวหน้าแผนกขายอย่างแรง
“โอ้ยยยยยยยยยย ไอ้พวกกุ๊ย มึงปล่อยกูนะ ไอ้สัด ไอ้พวกชาติหมา หมาลอบกัดนี่หว่า”
ปากแบบนี้ไง ถึงมีแต่คนเกลียด สันดานเสียแบบนี้ต้องสั่งสอนซะบ้างจะได้รู้จักสำนึก
วิโรจน์มองไปทางซ้ายและขวาและยิ้มออกมาเมื่อมองไปที่ประตูห้องเก็บของข้างโรงจอดรถ ที่เปิดอ้าอยู่
ลากแขนของไอ้ตี๋แว่นหน้าจืดให้เดินตาม และคุณกฤษดาก็ทั้งดิ้นทั้งด่าวิโรจน์ไม่ยอมหยุด
“ปล่อยกู ปล่อยกูสิโว้ย ถ้ามึงกล้าทำอะไรกูแม้แต่ปลายเล็บนะ กูไม่เอาพวกมึงไว้แน่ ไอ้พวกกุ๊ย ไอ้พวกแผนกกุ๊ย”
ร้องไปก็เท่านั้น เพราะเรี่ยวแรงของวิโรจน์และคุณกฤษดาต่างกันมหาศาล ถึงอยากลงไม้ลงมือกัน แต่ดูยังไงคนที่เสียเปรียบก็เป็นคุณกฤษดาอยู่ดี
“ปากดีนักนะมึง ปากดี ๆ แบบนี้ขอเอากำปั้นยัดปากซักทีสิวะ จะได้หายซ่า”
วิโรจน์กำหมัดแน่น ตั้งใจว่าจะซัดให้จอดซักเปรี้ยง แต่คุณกฤษดาที่ยกมือขึ้นป้องใบหน้า และเบี่ยงหน้าหนีพร้อมกับหลับแต่แน่นเพราะกลัวโดนต่อย มันทำให้วิโรจน์ชะงักนิ่งค้าง เผลอมองอย่างไม่ตั้งใจ
ก็ไม่ได้หน้าตาแย่อะไรนี่หว่า
แล้วทำไม่ชอบแต่งตัวซะเหมือนคนอายุสี่สิบ
เคยได้ยินมาคร่าวๆ ว่าคุณกฤษดาอายุเพิ่ง 26 หน่อย ๆ แต่ไฟแรงมาก ผลงานเยอะจนใช้เวลาไม่นานก็ไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกขายได้ชนิดที่หายใจรดต้นคอหัวหน้าคนเก่า และก็สามารถเขี่ยหัวหน้าคนเก่าทิ้งได้ในเวลาไม่นาน
แล้วไอ้เด็กหน้าอ่อน ที่พยายามทำตัวเกินอายุ ที่อยู่ตรงหน้านี่มันใคร
“หันหน้ามาซิ”
ไม่หัน กูไม่หันหรอกโว้ย ไอ้พวกกุ๊ย สั่งให้ตายกูก็ไม่มีทางหันหรอก
คุณกฤษดายังคงหลับตาแน่น และต้องรีบหันกลับมาแทบไม่ทัน เมื่อแว่นสายตาที่สวมอยู่ถูกดึงออกไปและคนที่ดึงแว่นออกก็กำลังพิจารณาไปที่แว่นสายตาที่คุณกฤษดาใส่มาตลอด
“เหี้ยยยยยยย ไอ้พวกเหี้ย แว่นกู เอาแว่นกูคืนมา”
สภาพเหมือนคนตาบอด ภาพตรงหน้าเบลอไปหมด และคุณกฤษดาก็พยายามขมวดคิ้วเพ่งมองใบหน้าของพนักงานขับรถที่ในเวลานี้ผละมายืนห่าง ๆ และนึกขำที่ไอ้คุณกฤษดา เดินเซเหมือนเป็ดหลงทาง
“เอาแว่นกูคืนมาสิวะ”
ถ้าไม่ให้แล้วจะทำไมวะ
วิโรจน์แกล้งถอยออกห่างไปอีกเล็กน้อย และคุณกฤษดาก็พยายามจะเดินเข้าไปใกล้ เพื่อแย่งแว่นสายตาคืนมาให้ได้
ภาพตรงหน้าดูเลือนลาง และหัวหน้าแผนกขายก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีอะไรขวางทางเดิน
สะดุดหน้าคว่ำหัวคะมำ และล้มลงไปกระแทกกับพื้น สภาพอนาถมากจนไม่เหลือเค้าของหัวหน้าแผนกขายให้วิโรจน์เห็นเลย
“โอ้ยยยยย”
เสียงร้องของคุณกฤษดา ทำให้วิโรจน์ที่นึกกระหยิ่มใจที่ได้เห็นสภาพตลก ๆ ต้องรีบเดินเข้าไปใกล้
ย่อเข่าลงนั่งยอง ๆ และมองหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้า ที่ในเวลานี้ขมวดคิ้วมุ่น เพื่อพยายามเพ่งมองหน้าของวิโรจน์ให้ชัด ๆ
“เอาแว่นกูคืนมาสิวะ ไอ้กุ๊ย”
ใครจะไปคืนวะ ไอ้ตี๋น้อย ถ้าพูดดี ๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องเอา
“บอกว่าขอแว่นคืนหน่อยครับ พูดเป็นมั้ย”
พูดเป็น แต่ไม่พูด มีอะไรมั้ย
“กูไม่พูด”
"ไม่พูดก็ไม่ต้องเอา"
“เอาแว่นกูคืนมานะ”
อีกครั้งที่คุณกฤษดาพยายามไขว่คว้าจะเอาแว่นคืนให้ได้ และวิโรจน์ก็ชูสิ่งที่คุณกฤษดาต้องการเอาไว้เหนือหัว ยื่นไปจนสุดแขน
“โธ่โว้ย ไอ้กุ๊ยยยยยยยย”
เสียงตะโกนลั่นของคุณกฤษดาทำให้วิโรจน์ชอบใจเข้าไปใหญ่ พยายามจะถอยออกห่าง และคุณกฤษดาก็อาศัยจังหวะที่วิโรจน์เผลอ กระโจนเข้าใส่
แย่งแว่นกันชุลมุน ดึงกันไปดึงกันมาหลายตลบ สุดท้ายมาจบที่วิโรจน์กำลังคร่อมทับคุณกฤษดาอยู่ และคุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายก็เบะหน้าด้วยความขัดใจ
“ไอ้กุ๊ย เอาแว่นกูคืนมาซักที”
ไม่ใช่ไม่อยากคืนหรอกนะ แต่ว่า.............ใบหน้าของคนที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นและริมฝีปากแดง ๆ ที่ขบเม้มแน่นเข้าหากันอย่างขัดใจที่วิโรจน์ได้เห็นมันน่าสนใจกว่า
เส้นผมสีดำสนิท ปรก ระอยู่ที่หน้าผาก แก้มขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อ
เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นที่ใบหน้าของคนที่อยู่ใต้ร่าง วิโรจน์ไม่เคยคิดว่าหัวหน้าแผนกขายที่เป็นอริกับแผนกขนส่งมานาน จะมีใบหน้าน่ามองได้ขนาดนี้ เผลอมองค้างอยู่นาน และฝ่ามือที่ยันแผ่นอกของวิโรจน์เอาไว้ก็ยิ่งพยายามผลักให้วิโรจน์ออกห่างให้ได้
“ปล่อยสิวะ มึงเป็นโรคจิตหรือไง ปล่อยกูซะที ทับอยู่ได้”
แม้คุณกฤษดาจะพูดยังไงวิโรจน์ก็ไม่สน ที่สนใจตอนนี้คือใบหน้าขาว ๆ ที่ขึ้นสีแดงเรื่อ เพราะความเหนื่อยจากการแย่งของมากกว่า อะไรก็ไม่น่ามองเท่าริมฝีปากอิ่มคู่นั้น ที่ยังคงขบเม้มเข้าหากันด้วยความโกรธ
แต่สำหรับวิโรจน์โคตรเย้ายวนใจ
ไม่คิดว่าจะทำอะไรโง่ ๆ ไม่คิดว่าจะทำอะไรบ้า ๆ โดยไม่รู้ตัววิโรจน์ก็ทำเรื่องที่ไม่คิดจะทำด้วยการโน้มใบหน้าลงมาหาคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างลืมตัว
ประกบริมฝีปากแรง ๆ เข้ากับริมฝีปากแดงที่ยังคงขบเม้มแน่น
คุณกฤษดาถึงกับเบิ่งตากว้าง และพยายามผลักไสให้วิโรจน์ออกห่าง แต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งผลักยิ่งถูกคุกคาม ยิ่งสะบัดหน้าหนียิ่งถูกรุกไล่ สิ่งสุดท้ายที่คุณกฤษดาทำได้คือตะโกนออกไปจนสุดเสียง ทั้งที่ยังถูกประกบปากเอาไว้ไม่ยอมให้พูด
“อื้อออ ไอ้.....อื้ออ”
..................ไอ้พวกกุ๊ย พวกมึงมันพวกกุ๊ย ไอ้กุ๊ย ปล่อยกูนะโว้ยยยยยยยยยยย..............
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++