" ตอนที่ 8"
ทันทีที่ผมเข้าบ้านไป พ่อกับแม่ผมก็เข้ามาทักทายและไถ่ถามอาการของคุณลุงกับผม
ผมได้เล่าเกี่ยวกับอาการของคุณลุงให้ฟังสักครู่นึง ผมก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำนอน
“เออ โย เมื่อสักครู่นี้ ก่อนที่โยจะมา มีคนโทรมาหาลูกน่ะจ๊ะ แม่ถามชื่อก็ไม่ยอมบอก”แม่บอกผมขณะที่ผมกำลังจะก้าวขึ้นบันได
“ใครครับแม่ ใช่เพื่อนผมหรือเปล่า”ผมถามไปด้วยความสงสัยพลางนึกว่าเป็นพี่วิทย์ แต่มาคิดอีกทีพี่วิทย์ไม่รู้เบอร์บ้านผมนิ
“ไม่รู้สิจ๊ะ เสียงไม่คุ้นเลยเป็นผู้ชายน่ะ”แม่ตอบกลับมา
“หมู่นี้มีโทรศัพท์ลึกลับมาหาเราบ่อยเลยนะ ไปแอบแย่งแฟนใครหรือเปล่า”แม่ถามยิ้ม ๆ
“จะมีใครที่ไหนมาสนใจผมครับแม่ ผมขึ้นไปอาบน้ำดีกว่า”ผมตอบเลี่ยง ๆ แล้วเดินขึ้นไปบนห้อง
พอเข้าไปในห้องนอน ผมก็วางสัมภาระทุกอย่างลง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไปหาบูม เพื่อบอกว่าผมเดินทางมาถึงแล้ว
“ฮัลโหล บูมหรอ เราเองนะ”ผมพูด
“ทำไมหรอ โยมีอะไรรึเปล่า”บูมพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ชอบกลจนผมชะงัก
“เออ เออ เปล่า พอดีเรามาถึงกรุงเทพฯแล้วน่ะ เราเลยโทรมาบอกนาย”ผมพูดตะกุกตะกักนิดหน่อย
“มาบอกเราทำไม มีอะไรอีกหรือเปล่า เรากำลังยุ่งอยู่”บูมตอบ
“เออ (เริ่มไปไม่เป็นซะแล้วสิเรา โกรธเราเรื่องอะไรก็ไม่รู้) เอ่อ คือ เรามีของมาฝากด้วยนะพรุ่งนี้จะเอาไปให้”ผมตอบแบบไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี
“ไม่ต้องหรอก ขอบใจ แค่นี้นะ”บูมพูดแล้ววางสายลงไป
งงสิครับท่าน ผมวางหูลงไปอย่าง งง ๆ ว่าตกลงมันเกิดอะไรกันขึ้น เมื่อวานยังดี ๆ กันอยู่เลย
ทำไมมาวันนี้บูมแปลกไปนะ ผมคิดพลางเสียงมือถือเตือนว่ามีข้อความก็ดังขึ้น
ถึงบ้านหรือยังครับน้องโย วันนี้พี่มีความสุขมาก ๆ เลย ที่ได้ทานข้าวกับน้องโย หลับฝันดีนะครับ.....พี่วิทย์
หลังจากอ่านข้อความจบ ผมก็อดนึกไม่ได้ว่า ทำไมการที่เรารักใครสักคนโดยที่เค้าไม่รักเราตอบมันช่างทรมานแบบนี้
เจ็บแบบซ้ำ ๆ เงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครรู้ หรือว่าการที่ถูกรักจะดีกว่านะ อย่างน้อยเค้าก็ไม่ทำให้เราต้องมาเจ็บแบบนี้
ผมคิดอยู่นาน แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังคงสลัด บูม ออกจากหัวใจของผมไม่ได้อยู่ดี
ทำไมมันช่างเป็นความรักที่รุนแรงแบบนี้ ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจ ผมคิดพลางเดินเข้าไปอาบน้ำอย่างเซ็ง ๆ แล้วก็ล้มตัวลงนอน....
ภาพชายหนุ่มสองคน ปรากฏขึ้นในความฝันของผม
ฝ่ายหนึ่งคือบูมชายหนุ่มคนที่ผมหลงรัก กำลังตะโกนอยู่ตรงหน้าผมว่า โทรมาทำไม มีอะไรไหม เรายุ่งอยู่ ด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร
กับอีกชายหนึ่งเป็นพี่วิทย์คนที่เค้ามาหลงรักผม กำลังยิ้ม ๆ พลางยื่นดอกไม้มาให้ผมแล้วพูดว่า พี่มีความสุขมากจริง ๆ นะ ที่ได้อยู่กับโย
มันเป็นภาพที่หลอนจิตใจผมอยู่ไม่ใช่น้อยจนทำให้ผมต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาในกลางดึกคืนนั้น
โห คิดมาจนหลอนเลยหรอวะ ท่าจะเป็นเอามาแฮะ ผมคิดแล้วล้มตัวลงนอนอีกทีพลางคิดในใจ ตกลงจะเอายังไงดี
เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาด้วยความไม่สดชื่น ในใจมีแต่คำถามตลอดเวลา
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะไม่คิดมากแบบนี้ แต่ยิ่งนับวันที่ผมอยู่กับพี่วิทย์นานเข้า
ความดีที่พี่วิทย์ทำมันก็เริ่มที่จะรุกล้ำพื้นที่ว่างในใจผมเข้ามาได้ทุกที
อาจจะเป็นเพราะผมเองยังไม่แน่ใจในตัวบูมด้วยว่าเค้าจะมีใจให้ผมหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ คือพี่วิทย์เค้าคอยเอาใจใส่ดูแลผมทุกอย่าง จนผมไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำขอของพี่เค้าเลย
ผมแต่งตัวออกจากบ้านไปด้วยความเซ็ง ๆ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเอาของที่ซื้อมาฝากไปให้กับเพื่อน ๆ รวมถึงบูมด้วย
ผมมองของฝากที่ผมซื้อให้บูมพลางคิดย้อนไปถึงตำนานของของฝากชิ้นนี้
เอ หรือว่ามันจะเป็นคำสาปนะ ผมคิดแล้วเดินไปขึ้นรถเพื่อไปมหาวิทยาลัย
ผมมาถึงมหาวิทยาลัย และเดินเข้าไปหาเพื่อน ๆ ที่ซุ้มหน้าตึกเรียน พลางยื่นของฝากให้กับ เพื่อน ๆ ทุกคน
“ไปเชียงใหม่ไม่มีชวนกันเลยนะ จะโดดก็โดด”ไอ้โบเริ่มกัดผมแล้วครับ
“เออใช่ ว่าจะไปแอ๋วดอยเจียงใหม่สักหน่อย เลยบ่ได้ไปเลย”ออฟจีบปากจีบคอสนับสนุน
“แล้วตกลงพวกแกจะเอาของฝากหรือเปล่าวะ พูดมาก”ผมพูดพลางทำท่าจะหยิบของฝากคืน
“ได้ไงวะ ให้มาแล้วไม่ให้คืนว้อยยยยย”กายพูดพลางทำท่าตลก
“เออ เออ เออ ล้อเล่น”ผมยิ้ม ขำ ๆท่าทีของไอ้กาย
“แล้วนี่อะไรเนี่ย ไหนดูสิ”โบเหลือบไปเห็นของฝากที่ผมซื้อให้บูมพลางจะหยิบออกมา
“เฮ้ย ไม่มีอะไร ไปเข้าเรียนกันเหอะ”ผมรีบปัดมือมันแล้วเดินนำไปที่ห้องเรียน
ส่วนพวกเพื่อนผมก็งง ๆ แต่ไม่คิดอะไรมาก นอกจากไอ้ตัวปัญหา (ก็ไอ้โบนั่นแหละครับ)
ผมเดินเข้าไปในห้องเรียนพลางส่งสายตามองหาบูม ซึ่งตอนนี้ผมเห็นว่าบูมเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะเรียนแถวหน้าห้อง
ผมรู้สึกแปลกใจมาก เพราะปกติกลุ่มของบูมจะนั่งท้าย ๆ หรือแค่มากก็ไม่เกินกลาง ๆ ห้องแต่ไหงวันนี้กลุ่มเค้าไปนั่งแถวหน้าสุดเลย
ผมเดินมาหยุด อยู่ตรงโต๊ะแถวกลาง ๆ ห้อง ถัดจากแถวที่บูมนั่งประมาณ 6 แถว ซึ่งเวลานั่งลงแล้ว มองไปข้างหน้าจะสามารถสังเกตพฤติกรรมของบูมได้
ผมเลือกที่นั่งด้านหลังบูมพอดี หลังจากนั้นเพื่อน ๆ ผม ก็ทยอย ๆ เข้ามานั่งตามผมอีกที
ตลอดระยะเวลาที่อาจารย์สอนผมสังเกตเห็นว่าวันนี้ทำไมบูมไม่ค่อยพูดไม่ค่อยคุยกับเพื่อน ๆ เลย ได้แต่นั่งยิ้ม เจือน ๆ ตลอดเวลา
ผมเอาแต่คิดว่าตกลงเค้าเป็นอะไรกันแน่นะ แพทหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ จนเลิกเรียนคาบเช้า
ผมกับกลุ่มเพื่อนก็เดินไปหาอะไรทานที่โรงอาหารเพื่อรอเรียนคาบบ่ายอีกที แต่แล้ว.....
“น้องโยยยยยยยยยยยย น้องโยยยยยยยยยยยยย”เสียงใครคนหนึ่งเรียกผมไว้ทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง
เฮ้ยนั่นมัน พี่วิทย์นี่หว่า มาทำอะไรที่มหาวิทยาลัยผมเนี่ย
“หวัดดีครับน้องโย โชคดีจังที่วันนี้มาไม่เสียเที่ยวได้เจอน้องโยด้วย”พี่วิทย์เอ่ยทักหลังจากผมปล่อยให้เพื่อนผมแยกไปทานข้าวล่วงหน้ากันก่อน
“แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่ล่ะครับ อย่าบอกนะว่ามาทำธุระที่นี่”ผมถามพลางพาพี่วิทย์ไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งระหว่างทางเดินไปโรงอาหาร
“อ๋อออ แหะ แหะ พี่ก็ มาหา..... เออมาหาเพื่อนพี่ไง ที่ชื่อโน้ตน่ะ”พี่วิทย์หัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อน
“แล้วพี่เจอเพื่อนพี่หรือยังครับ”ผมถาม
“ยังเลยเนี่ย พอดีมาเจอน้องโยซะก่อนไงเลยรีบวิ่งมาทัก เดี๋ยวน้องโยกจะหายไปซะก่อน”พี่วิทย์ตอบพลางยิ้ม ๆ เขิน ๆ
แต่แล้วก็เหมือนฟ้าไม่เป็นใจ กลุ่มของบูมดันเดินมาทางที่ผมกับพี่วิทย์กำลังนั่งคุยกันอยู่พอดี....
ผมเห็นบูมจ้องมายังผมกับพี่วิทย์ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบจนหน้ากลัว แล้วเดินจากไป
แต่ผมในตอนนี้สิ เสียวสันหลัง ขนลุกไปหมดเลย ไม่รู้จะทำยังไงดีเพราะไม่สามารถหลบไปไหนได้ ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้ามองเค้า
“น้องโย น้องโยครับ เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าซีด ๆ พี่พาไปห้องพยาบาลไหม
หรือว่าหิวข้าว พี่นี่ก็แย่จริงตอนนี้มันพักเที่ยงนิ”พี่วิทย์พูดขึ้นหลังจากเห็นผมนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูด เอาแต่ก้มหน้า
“เปล่าครับพี่ ผมขอตัวไปทานข้าวกับเพื่อนก่อนนะครับ บายครับ”ผมตอบด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก แต่ที่แน่ใจตอนนี้หัวใจผมเริ่มเต้นช้า ลง ๆ ไปทุกที
“เดี๋ยวสิครับ วันนี้เลิกเรียนไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่ได้ไหม พี่จะได้แนะนำเพื่อนพี่ให้รู้จัก เผื่อเรามีอะไรไม่เข้าใจจะได้ถามไง”พี่วิทย์เสนอ
“ไม่ดีกว่าครับพี่ วันนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลยอ่ะครับ คิดว่าจะรีบกลับ”ผมตอบพี่วิทย์ พลางมองไปยังกลุ่มบูมที่ตอนนี้เดินเข้าโรงอาหารไปแล้ว
“ถ้างั้นก็ได้ครับ กลับถึงบ้านอย่าลืมทานยานะ แล้วดึก ๆ พี่จะโทรหา”พี่วิทย์พูดอย่างห่วงใย
หลังจากนั้นผมก็ขอตัวเดินออกมา และเข้าไปในโรงอาหารเพื่อไปนั่งทานข้าวกับเพื่อน ๆ ผม
“เฮ้ย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จเรากับกายจะไปทำธุระที่ห้างฟิวเจอร์นะ แล้วเจอกันในห้องเลยนะจองที่ให้ด้วย”โบบอกขณะที่พวกเรากำลังทานอาหารกันอยู่
“อืมมม ๆ ๆ ฉันก็ว่าจะไปเช็คเมล์ซะหน่อย คอมที่บ้านเสียยังไม่ได้เอาไปซ่อมเลย โยจะไปด้วยกันหรือเปล่า”ออฟถามผม
“เราขอตัวนะ ไม่ค่อยสบายว่ะ เราไปรอในห้องเรียนเลยแล้วกันนะ จะได้จองที่ไว้ให้ด้วย”ผมตอบกลับไปด้วยความรู้สึกที่แย่เอามาก ๆ ในตอนนี้
“เออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราเช็คเมล์เสร็จแล้ว จะรีบตามไปนะ”ออฟบอกขณะมองเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของผม
“แล้วผู้ชายเมื่อตะกี้นี้ใครวะ โย น่ารักชิบเป๋งเลย”ไอ้โบถาม
“ใช่ ๆ ๆ รู้จักคนหน้าตาน่ารักแบบนี้แล้วปิดบังเพื่อนเลยนะ”ออฟสนับสนุน
“ไม่มีอะไรหรอก ลูกชายเพื่อนป้าเราเองที่อยู่เชียงใหม่น่ะเค้ามาทำธุระที่กรุงเทพ
พอดีเจอกันเลยทักทายกันตามปกติ”ผมอธิบายเหตุผลแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนเชื่อนะ
“จริงหรอ แค่ทักกันแค่นี้เองหรอ”โบกระแซะถามอีก
“เออ จริง ทำไมวะ หรือแกสนใจ ถ้าแกสนใจเราจะได้โทรไปฟ้อง....”แค่ผมเอ่ยแค่นี้ไอ้โบก็โบกไม้โบกมือแสดงความกลัวแฟนมันออกมาแล้วครับ
“55555 ไอ้ขี้ขลาด”ผมหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กับพวกเพื่อน ๆ ผม
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไป มีผมกับออฟเดินไปทางตึกเรียน
แต่ออฟก็แยกออกไปทางห้องอินเตอร์เนต หลังจากที่ผมเดินแยกกับโบและกายไม่เท่าไหร่ ผมจึงเดินเข้าห้องไปคนเดียว
ผมเดินไปหาที่นั่งหลังห้องซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครมาเลยเพราะยังไม่ถึงเวลาเรียน
แต่ผมขี้เกียจออกไปข้างนอกเลยมานั่งรอเงียบ ๆ คนเดียวดีกว่า
“เป็นไง มีคนมาคอยรับคอยส่ง แถมมาเอาอกเอาใจกันอย่างงี้ ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง”เสียงชายหนุ่มดังขึ้นด้านหลังผมขณะที่ผมฟุบตัวลงนอนกับโต๊ะ
“ดูท่าเมื่อคืนจะเพลียมากนะ วันนี้เลยไม่มีเรี่ยวแรงเลยนิ วันนี้นัดกันไปไหนต่อล่ะ ระวังจะเพลียมากจนมามหาลัยไม่ได้นะ”
ผมเริ่มหันไปมองบูมซึ่งบัดนี้ดูจากสายตาที่เย็นชาแล้วทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเค้าไปโกรธผมเรื่องอะไร
“นายพูดถึงใครน่ะ”ผมเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็จะใครซะอีกล่ะ เมื่อวานแกล้งทำเป็นบอกว่าเลื่อนเที่ยวบิน แต่ที่ไหนได้ แอบไปจู๋จี๋กับผู้ชายที่สนามบิน”บูมพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ
“เออ คือ เราอธิบายได้”ผมตอบกลับแต่ดูเหมือนบูมจะไม่ฟังผมเลยเอาแต่ถากถางผมสารพัด
“ไม่ต้องมาอธิบายหรอก เราเข้าใจว่านายเป็นคนยังไง ไม่ต้องมาแก้ตัวหรอก พฤติกรรมมันฟ้อง”บูมต่อว่าผม
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าเราเป็นคนแบบไหน แล้วนายรู้ได้ไงว่าเรากลับมากับคนอีกคนนึง”ผมเอ่ยถามอย่างสุดจะกลั้น
“เรารู้ก็แล้วกันแหละ ต่อไปนี้นายไม่ต้องโทรมาหาเราอีกนะ
เราไม่อยากคบกับคนสำส่อนอย่างนาย เราไม่อยากมีพ่อสื่อแบบนายหรอก”บูมตอบโต้ออกมาด้วยเสียงที่รุนรงกว่าเดิม
“ได้เราจะไม่โทรไปหานายอีก ถ้าเรารู้ว่านายเป็นคนแบบนี้เราจะไม่......”ผมตวาดกับไปพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลออกมาอย่างมากมายในเวลานี้
“จะไม่อะไร จะไม่ทำไม นายมันก็สำส่อนไปเรื่อยไม่ต้องมาแก้ตัวหรอก”บูมยังคงถากถางผมอยู่แต่สีหน้าเค้ากลับแสดงความตกใจนิด ๆ เมื่อเห็นผมร้องไห้
“เราจะได้ไม่แอบรักนายอีกต่อไปไง........ทำไมนะ ความรักที่เรามีให้นาย ไม่เคยส่งผ่านไปถึงนาย ให้นายได้รับรู้เลยหรอว่า ตลอดเวลาหัวใจเรามีแต่นายคนเดียว แม้ว่านายจะให้เราเป็นพ่อสื่อระหว่างนายกับแพทแล้วเราก็ต้องมานั่งเจ็บปวด
แต่เราก็ยังเลือกที่จะรักนายต่อไป แม้ว่าเราจะต้องทนทุกข์มากแค่ไหนก็ตาม.....”ผมพูดออกมาอย่างไม่อายเพราะมันสุดที่จะทนแล้วครับ
น้ำตาที่ไหลออกมามากอยู่แล้วยิ่งไหลออกมามากขึ้นพร้อม ๆ กับร่างผมที่ค่อย ๆ ทรุดตัวลงอย่างช้า ๆ
“…………………” บูมอึ้งเลยครับ
“แต่จากนี้ไป ความรักที่เรามีให้นายมันได้ขาดสะบั้นลงพร้อม ๆ กับสัญญาที่เราเคยมีให้ไว้กับนาย”ผมพูดพร้อม ๆ กับลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
ดูเหมือนว่าความทุกข์ที่ผมได้รับมันคงจะกลายเป็นพลังให้ผมกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง
“เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”บูมเอ่ยขึ้นหลังจากอึ้งไปนาน
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่การที่นายมาว่าเรา ว่าสำส่อน มักมากเนี่ยนะ”ผมตอบด้วยเสียงราบเรียบพลางเช็ดน้ำตา
“คือเรา เรา”บูมอึกอัก
“นายทำไม นายทำไมอีก”ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดันในที
“เราก็ชอบนายเหมือนกัน ตลอดเวลาที่เราคุยกับนายเราพยายามที่จะบอกแล้วว่าเราชอบนาย แต่ปากมันสั่นไม่กล้าบอก”บูมพูดขึ้นมา
“อะไรนะ นายว่ายังไงนะ”ผมอึ้ง พูดไม่ถูกกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“บูมเก่งนะที่ทำให้เราแทบจะเป็นบ้าได้เมื่อสักครู่นี้แล้วจู่ ๆ ก็มาทำให้เราสับสน นี่ตกลงนายกำลังทำอะไรของนายอยู่ แล้วแพทล่ะ แพทจะว่าไง
เราเห็นนายเดินจู๋จี๋กับแพทตอนวันที่นายนัดเราไปทานข้าว นายจะเอาแพทไปไว้ไหน”ผมพูดขำ ๆรู้สึกสมเพชตัวเอง
“เราขอโทษที่โกหกนาย จริง ๆ แล้ว เรากับแพทเป็นญาติกัน
เราไม่รู้ว่าจะเข้ามาทำความรู้จักนายได้ยังไง เราเลยต้องเอาเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง
แต่จริง ๆ แล้วเราชอบโยตั้งแต่แรกเห็นแล้วตอนปีหนึ่ง แต่เราไม่กล้าบอก
เพราะไม่แน่ใจว่านายจะเป็นเกย์หรือเปล่า จนมาตอนนี้เรามั่นใจแล้วเราเลยบอกให้นายรู้”บูมพูดพลางเอามือมาโอบไหล่ผมทั้งสองข้าง
“นายยกโทษให้เราได้ไหม”บูมถามผม
“...............................”ไม่มีเสียงตอบใด ๆ จากผม
เพราะตอนนี้ปากของผมกับบูมได้ผสานกันจนเหมือนกับเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
“นายยังไม่บอกเลยนะ ว่านายจะยกโทษให้เราได้ไหม ได้ไหมครับ นะ นะ นะ นะ นะครับคนดีของบูม”เอาอีกแล้วครับ เจอลูกอ้อนทีไรผมใจอ่อนทุกทีเลย
“ไม่มีวันหรอก”ผมตอบยิ้ม ๆ
“โหหหหห ไรวะ ใจร้ายจัง โยใจร้ายอ่ะ”บูมทำหน้าเบ้
“ไม่มีวันหรอก นอกจากบูมจะยอมมาเป็นแฟนกับเราก่อน”ผมตอบยิ้ม ๆ
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เย้ ๆ”บูมตะโกนอย่างดีใจ พลางจูบผมอีกครั้งหนึ่ง
“นี่เป็นคำสัญญาที่เราจะให้ไว้ว่าเราจะไม่มีวันรักใครอื่นนอกจากโยคนเดียว”บูมพูดได้ซึ้งมาก ๆๆๆๆๆๆๆ
“..........................”เขินสิครับ
“แล้วโยล่ะ ไม่ให้สัญญาเราบ้างหรอ”บูมเอ่ยทวงอย่างเด็ก ๆ
“เราไม่ต้องสัญญาหรอกเพราะตอนนี้หัวใจเราทั้งหมดมันได้กลายเป็นของบูมไปตั้งนานแล้ว”ผมพูดเขิน ๆ
“เราจะรักษาหัวใจของโยเอาไว้ด้วยหัวใจของเรา”บูมตอบพลางหมอที่แก้มผมหนึ่งที
“สัญญานะ”ผมเอ่ยถามเขิน ๆ
“ครับ สัญญา”บูมตอบด้วยความมั่นใจ
หลังจากที่เราสองคนสารภาพความในใจของกันและกันแล้ว
บูมก็เสนอความคิดที่จะพาผมออกไปเที่ยวข้างนอกเหมือนกับเป็นการไปเที่ยวครั้งแรกของเราในฐานะแฟน
ผมและบูมจึงโทรไปบอกเพื่อน ๆ ของพวกเราว่าติดธุระต้องรีบไป
จากนั้นเราสองคนก็เดินไปขึ้นรถของบูมและพากันออกมาจากมหาวิทยาลัย โดยมีสายตาเศร้า ๆ คู่นึงคอยมองตารถเราที่แล่นออกไป
จบตอนที่ 8 ขอบคุณครับที่ติดตาม หวังว่าตอนนี้คงทำให้ใครหลาย ๆ คนที่ตามเชียร์มีความสุขนะครับ
*************************************************************
][GobGab][ มีเขาหรือมีหนอเอาให้แน่น้องถุง
มูมู่น้อย อย่าเพิ่งรมณ์เสียมูมู่ ต้องตามต่อไปครับ
pim พวกปากไม่ตรงกะใจอะครับ
b|ueB[o ] YhUb บางทีพูดตรงไปก้มีปัญหาได้นะหนูบลู
meemewkewkaw ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ ค่อยๆ อ่านไปเรื่อยๆ นะครับ
ผมจะพยามลงวันละตอนแล้วกันครับ จะได้ตามกันทัน