20
ละเมอเพ้อกอด
ผมกำลังวุ่น กับการเตรียมงานโอเพ่นเฮ้าส์ของมหา’ลัย ที่ใกล้เข้ามาถึงในอีก สามวันข้างหน้า
งานปีนี้จัดไม่ต่างกับปีก่อนๆ ที่ผ่านมา จัดทั้งหมด 5 วัน โดยภายในงานยังคงแบ่งออกเป็น 11 โซนหลัก เช่น ร้านค้า กิจกรรมทางวิชาการ กิจกรรมความบันเทิง และ สินค้าอุปโภคบริโภค และ ซุ้มเกมส์กิจกรรมต่างๆ นักศึกษาทุกชั้นปีของแต่ละคณะ รวมถึงสาขาย่อยจะได้รับหน้าที่ต่างกัน
ก่อนหน้านี้ พี่แองจี้ประธานสโมสรคณะได้แบ่งงานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดยคณะของผม รับผิดชอบซุ้มวิชาการ 1 ซุ้ม และ ซุ้มเกมส์ 1 ซุ้ม โดยเกมส์ที่ตกลงเลือกกันคือ ‘ หนุ่มน้อยตกน้ำ ’ โดยจะนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดสมทบทุนออกค่ายอาสาที่จะไปเชียงรายในปิดเทอมที่จะถึงนี้
วันนี้พี่แองจี้จึง นัดประชุมรวมใหญ่เพื่อคุยกันครั้งสุดท้าย ก่อนจะเริ่มลงมือเตรียมงานในวันพรุ่งนี้ ให้งานออกมาอยู่ในมาตรฐานที่วางเอาไว้ นักศึกษาทุกชั้นปีของคณะมนุษยศาสตร์จึงมารวมตัวกันที่ห้องประชุมใหญ่ของคณะ โดยพี่ปีสี่แม่งานปีนี้ จะเป็นคนคอยดูแลความเรียบร้อยของงานทั้งหมด
ส่วนผมนอกจากจะต้องทำหน้าที่ดูแลซุ้มเกมส์แล้ว ยังมีหน้าที่หลักคือ อยู่ซุ้มหลักของทางมหาวิทยาลัย เพื่อต้อนรับน้องๆ นักเรียนที่เข้ามาขอข้อมูลการเรียนต่อ แจกเอกสารแนะนำมหา’ลัย รวมถึงแผนที่ภายในงาน คล้ายกับแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ คู่กับ ดาว รองดาว และ เดือนมหาวิทยาลัยปีนี้
นั่นแปลว่าผม .. ต้องทำงานคู่กับนำทัพ !!
“ วันนี้พอแค่นี้นะคะ ขอให้ทุกคนสู้ๆ มีอะไรก็มาปรึกษาพี่ๆ ค่ะ “
พี่แองจี้กล่าวจบการประชุมที่ยาวนานกว่า 3 ชม.ลง ผมนั่งจนตะคริวกินขาไปหมดแล้วเนี่ย พวกไอ้ห่ามก็บ่นอุบ
เสียงของนักศึกษาที่หันมาพูดคุยกันหลังจากประธานคณะพูดจบ แปลเปลี่ยนเป็นเสียงฮือฮา ซุบซิบ สะกิดกันเรียกให้มองไปตรงประตู ไม่เว้นแม้แต่พวกพี่ปีสี่ที่ยืนคุยงานกันอยู่
ผมมองตามด้วยอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ...
เห้ย !! ไอ้เดือนมหา’ลัย มายืนอยู่ตรงประตูห้องประชุมตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“ อ้าวน้องทัพ มาทำอะไรถึงคณะพี่หรอ”
พี่แองจี้ พูดออกไมโครโฟนที่ถืออยู่ในมือ หันหน้าไปยังเดือนมหา'ลัยที่ยืนส่งยิ้มหวานอยู่หน้าประตู ใครก็ได้ช่วยปิดสวิตไมค์พี่แองจี้ให้ผมหน่อย จากเดิมที่คนมองทางนั้นกันอยู่แล้ว มองหนักเข้าไปอีก
“ มารับโซลครับ ”
เสียงของคนที่นั่งแถวหน้าหวีดร้อง ซุบซิบกันดังไปทั่ว บ้างหันกลับมามองที่ผม แต่เหมือนว่าพี่แองจี้จะยังไม่สะใจกับความเขินอายของผมเท่าไหร่ จึงพยายามจัดชุดใหญ่ให้ผมเพิ่ม
“ พูดอะไร เบามาก พี่ไม่ได้ยิน พูดดังๆ มาทำอะไรที่ตึกคณะพี่คะ”
“ มา รับ โซล กลับ บ้าน ครับ ”
เสียงนั้นเน้น ทุกคำ ชัดเจน และ โคตรจะดัง ในห้องประชุมส่งเสียงกรี๊ดลั่นดังไปทั่วให้กับการกระทำนั้น นำทัพโบกมือทักทายมาให้ผม พร้อมยิ้มกว้าง กลายเป็นคนกล้าแสดงออกแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทุกสายตาหันกลับมาจับจ้องที่ผมคนเดียว ผมรีบยกมือขึ้นปิดหน้าของตัวเองเอาไว้ ไม่อยากให้ใครเห็น ว่ามันแดงขนาดไหน
“ น้องโซล มีผู้ปกครองมารับกลับบ้านแล้วจ้า ”
ใครก็ได้ ช่วยพาผมออกจากตรงนี้ที... ผมอายยยยยย
ผมกับนำทัพเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกัน หลังจากรอให้เพื่อนและรุ่นพี่ภายในห้องออกไปเกือบจะหมดแล้ว ไม่ได้อาย แค่อยากออกเป็นคนท้ายๆ ก็เท่านั้นเอง นำทัพรับหน้าที่ถือกระเป๋าให้ผมเหมือนเดิม ตั้งแต่มีเขาช่วงนี้กระเป๋าใบนั้นก็แทบจะไม่ได้ถือเอง คนที่เดินข้างๆ ต้องดึงไปถือไว้ให้ตลอด เราเดินตามทางมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าตึกคณะ โดยมีไอ้พวกห่ามและพลอยที่มาสมทบ เดินเล่นกัน ส่งเสียงดังตามมาอยู่ข้างหลัง
“ เหงื่อออกเต็มหน้าแล้วมึง ”
เมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังเล่นกัน คงไม่สนใจ ผมจึงชิงลงมือหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเอง เช็ดไปที่เหงื่อทั่วหน้าผาก และ บริเวณขมับของนำทัพ เขาคงยืนรอผมนานพอสมควร อากาศวันนี้ก็ร้อน เหงื่อถึงได้ออกเยอะขนาดนั้น
“ น่ารักจัง ”
เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วยกมือหนาขึ้นลูบใต้ตาช้ำของผมเบาๆ
“ เมื่อคืน นอนดึกใช่ไหม ตาช้ำหมดแล้ว ”
ช่วงนี้ผมทำกิจกรรมเยอะ กว่าจะถึงห้องก็ดึกไหนจะทำรายงาน เตรียมสอบย่อย และ คุยโทรศัพท์กับคนที่ยืนลูบใต้ตาของผมอีก ผมกลับดึกทุกวันจนแทบจะไม่มีเวลาให้เขา ไม่ได้ไปนอนค้างด้วยหลายวันตามที่ตกลงกันจนนำทัพเริ่มบ่น
“ ก็นิดนึงอะ”
“ สงสัยเป็นเพราะไม่ได้ซบอกอุ่นๆ ถึงนอนไม่หลับละมั้ง ”
“ ไม่ใช่แล้ว ”
“ คืนนี้ไปนอนคอนโดกูนะ ”
ผมพยักหน้ารับคำ ถึงเขาไม่ขอก็ตั้งใจจะไปค้างด้วยอยู่แล้ว ตั้งแต่กลับมานอนคอนโดตัวเอง ผมก็นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าทำไมหรือเพราะชินกับการมีเขานอนกอดจนหลับไปอยู่หลายคืน
หวานกันได้แค่แปบเดียวก็มีมารมากวน ....
“ น้ำหวาน มึงดูตากูหน่อย เป็นไรปะวะ ”
ไอ้แม็กซ์ แกล้งกระพริบตาถี่ๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปหาน้ำหวานที่เตรียมพร้อมจะรับมุกเพื่อน
“ จะเป็นอะไรได้อีกละมึง นอกจาก ความรักเข้าตาไง ”
เสียงเฮชอบใจของไอ้สามตัวกับแพทที่รู้เห็นไปกับพวกมันด้วยดังลั่นหน้าตึกเรียน แอบทำขนาดนี้แล้ว พวกมันก็ยังจะเสือกเห็นอีก นี่เพื่อนหรือกล้องวงจรปิดเคลื่อนที่กันแน่วะ
“ ไม่ต้องกินละมั้ง ข้าวเย็น ”
“ เออหวะ กูลืมไปเลย ”
นึกขึ้นได้ว่านัดกับพวกมันไว้ ว่าหลังประชุมเสร็จจะไปกินข้าวด้วย แต่ลืมไลน์บอกนำทัพว่าไม่ได้กินข้าวเย็นด้วย ครั้นจะชวนไปกินกับผมก็คงจะยาก คนละแนวเลยเพราะขานั้นกินยากมาก
“ ปลาทองสัส ๆ ”
ขอร้อง อย่าตอกย้ำกูไอ้ทีม !! กูรู้แล้ว ลืมนิด ลืมหน่อย ทำเป็นว่า
“ มึงกูต้องไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ลืมบอกหวะ มึงกินข้าวเย็นคนเดียวได้นะวันนี้”
หันมาบอกเจ้าตัวก่อน เดี๋ยวจะงอน เพราะต้องกลับไปกินข้าวคนเดียว คงต้องให้เขากลับก่อน ส่วนผมจะแยกไปกินข้า แล้วค่อยนั่งแท็กซี่ตามไปที่คอนโด
“ มึงก็พามันไปด้วยสิ ”
“ ไม่ได้ ทัพกินไม่เป็น ”
“ จะไปกินอะไรกันหรอ ทำไมถึงไม่ให้กูไปด้วย”
รับบทดราม่าอีกแล้ว หน้านั้นหงอยๆ เหมือนเด็กถูกทิ้งให้กลับไปกินข้าวคนเดียว เพราะเพื่อนไม่ยอมให้ไปด้วย ก็อยากพาไป ไม่ใช่ว่าไม่อยากพาไป แต่กลัวไปแล้วกินอะไรไม่ได้เลยต่างหาก
“ ส้มตำ ลาบ จิ้มจุ่ม อาหารอีสาน มึงเคยกินมั้ยไอ้เดือน ”
ไอ้แม็กซ์มองหน้านำทัพ ที่ส่ายหัวเบาๆ ก็บอกแล้วไงว่าคนละแนว เขาไม่เคยกินอาหารแบบนี้ ปกติกินแต่อาหารที่แม่บ้านจัดให้หรือทำเอง น้อยครั้งที่นำทัพจะออกมากินข้างนอก เพราะเขาไม่ชอบอากาศร้อน ที่สำคัญกินยากมาก อะไรที่ไม่เคยกิน จะไม่กินเด็ดขาด
“ มึงอยากไปมั้ย ”
“ อยากลองกินดู วันหลังเผื่อมึงไปกับเพื่อน กูจะได้ไปด้วย ”
พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตกลง พวกผมเป็นคนติดดิน กินง่ายๆ หมูกระทะ ชาบู ส้มตำ เป็นอาหารหลักที่พวกเราต้องนัดกันไปกินบ่อยๆ ชอบบรรยากาศเวลานั่งกิน นั่งคุย มันอบอุ่น เหมือนได้กินข้าวกับครอบครัว
“ เจอกันที่ร้านนะ ยืนจ้องตาเป็นปลากัดเลยพวกมึง ไว้กินเสร็จ ค่อยไปกินต่อที่ห้องก็ได้มั้ง ”
“ ไอ้สัสเอ๊ย ”
พวกมันเดินเผ่น หนีเท้าผมที่กำลังจะยกขึ้นถีบ เลยได้แต่ถีบลม ส่ายหัวให้กับความกวนประสาทของพวกมัน แล้วชวนนำทัพออกเดิน เพื่อไปยังรถของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกล
* * * * * * * * * * * * * * * * * *
“ มึงไม่ไหวก็พอนะ เดี๋ยวท้องเสีย กินปีกไก่ทอดนี่ดีกว่า”
ส่งปีกไก่ทอดให้คนที่นั่งเผ็ดจนหน้าแดง กินน้ำอัดลมไปจนนับแก้วไม่ทัน เหงื่อออกไปทั่วหน้า ตัวเปียกชื้นไปหมด นำทัพไม่เคยทานส้มตำ มันสิ่งแปลกใหม่สำหรับเขา ผมรู้ว่าอยากลอง อยากตามใจผม อยากอยู่ใกล้ๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบผม แต่มันไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น
คนเรามีวิธีการเรียนรู้ กัน และ กัน ตั้งหลายอย่าง
ไอ้พวกห่ามที่มาถึงก่อนผมกับนำทัพ สั่งอาหารชุดคอมโบเตรียมไว้เรียบร้อย ทั้งส้มตำปูปลาร้า ตำลาว คอหมูย่าง น้ำตก พล่าเนื้อ จิ้มจุ่ม และ อาหารรสจัดอีกเต็มโต๊ะ ไลน์บอกพวกมันแล้ว ว่าอย่าสั่งเผ็ดมาก เพราะนำทัพกินเผ็ดไม่ค่อยได้ แต่เหมือนว่าพวกมันจะแกล้ง สั่งเผ็ดหนักเข้าไปใหญ่
นำทัพจึงนั่งกินไป เช็ดเหงื่อไป น้ำหูน้ำตาไหล ปากแดง หน้าแดงแบบนี้
“ นี่ขอโปรดไอ้โซลเลยนะโว้ย ไอ้ทัพ มึงลองชิมดู จะได้รู้ว่าไอ้โซลชอบกินอะไร”
ไอ้ตัวดี มึงอีกแล้วนะไอ้ห่าแม็กซ์ ตั้งแต่มานั่ง ก็ตักอาหารเกือบจะทั้งโต๊ะส่งให้นำทัพลองชิม อ้างว่าเป็นของโปรดผม ส่วนนำทัพ ก็ยอมรับมากินแต่โดยดี กินอาหารไป กินน้ำไป เช็ดเหงื่อไป โคตรจะน่าสงสาร
“ มึงพอได้แล้วไอ้แม็กซ์ เลิกแกล้งมัน เดี๋ยวกูจะถีบมึง ”
“ อะไรวะ กูรักนะเนี่ย กูถึงยอมบอกว่ามึงชอบอะไรไม่ชอบอะไร ”
“ หยุดเลย หุบปากแล้วแดกไป เดี๋ยวกูดูแลมันเอง ”
ผมชี้หน้าให้ไอ้ตัวดีหยุดแกล้งนำทัพได้แล้ว หันกลับไปมองคนที่ตักส้มตำหอยดองที่ไอ้แม็กซ์เพิ่งตักให้ในจานเข้าปาก ห้ามเขาไม่ทันอีกแล้ว สีหน้าของนำทัพบ่งบอกว่าเผ็ดมาก ผมจึงรีบยกแก้วน้ำให้ดื่ม
จะไหวไหมนั่น...
มื้อเย็นของผมกับเพื่อนๆ ดำเนินไปต่อ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไอ้แม็กซ์ตัวป่วนประจำกลุ่มชวนเพื่อน คุยหัวเราะลั่นจนเกรงใจโต๊ะข้างๆ ส่วนนำทัพที่เลิกโดนไอ้แม็กซ์แกล้ง เปลี่ยนมากินไก่ทอดกับหมูแดดเดียวทอดที่ผมสั่งไว้ให้แทน เขาไม่แสดงท่าทีไม่พอใจหรือบ่นที่โดนเพื่อนผมแกล้ง ในทางกลับกันนำทัพเข้ากันได้ดีกับกลุ่มเพื่อนของผม คุยกันถูกคอ เพราะต่างฝ่าย ต่างกวนตีน
“ ไอ้ทัพ มึงไปค่ายที่เชียงรายด้วยใช่ปะ ”
” ไปดิ ทีมดาวเดือนของมหา’ลัย ต้องไปอยู่แล้ว ทำกิจกรรมของสโมสร ถ่ายภาพประชาสัมพันธ์”
ค่ายเชียงรายที่ไอ้ทีมหมายถึง คือค่ายอาสาประจำปีของมหา’ลัย แต่ละปีจะออกค่ายไปตามต่างจังหวัด เพื่อนำเงินที่ได้จากการจัดงานแฟร์มหา’ลัย ออกไปช่วยเหลือสังคม ปีนี้จัดที่เชียงราย ตามที่เขาบอก ทีมเดือนดาวต้องไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย ส่วนคนอื่นก็แล้วแต่ลงชื่อสมัครใจไป รับไม่เกิน 50 คน โดยจะออกค่ายกันในช่วงปิดเทอมแรกนี้
“ พวกกูไปด้วยยังไม่เคยไปเชียงรายเลย อยากไปเที่ยว ไปออกค่ายบ้าง”
“เอาดิ อาทิตย์หน้าคงเปิดให้ลงชื่อ พวกมึงก็รีบลงแล้วกัน เดี๋ยวเต็มจะอดไป”
นำทัพรับแก้วน้ำที่ผมเติมให้ พลางบอกเงื่อนไขของค่ายให้กลุ่มเพื่อนผมฟัง ไปกันหลายๆ คนน่าสนุกดี ผมยังไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนเลย
“ เยี่ยมไปเลย กูจะนอนกับไอ้โซล เนาะมึงเนาะ”
พยักหัวกวนตีน ให้ผมเห็นด้วย มันไม่ได้อยากจะนอนกับผมตามที่พูดหรอก แค่จะกวนตีนเท่านั้น
“ ไม่ได้ โซลต้องนอนกับกู”
“ แต่กูเป็นเพื่อนมัน”
“ แต่มัน ... เป็นของกู“
คนขี้หวง โอบเอวผมเข้าไปหาตัวเองในทันทีที่ไอ้แม็กซ์พูดจบ ผมตีขาเขาเบาๆ เพื่อให้รู้ว่าไอ้นั่นมันแหย่เล่นอย่าไปหลงกล แต่ก็ไม่เป็นผล พอเป็นเรื่องผมเขาก็ดูจะจริงจังไปซะหมด
“ เชดดด ออกตัวแรงชิบ เออๆ กูยอม นอนกันตามสบายเลย ”
ผมพวกแยกกันหลังออกจากร้าน พวกมันกลับด้วยกัน ส่วนผมกลับกับนำทัพ ตามเคย คืนนี้ผมต้องไปค้างห้องเขาตามที่ตกลงไว้ ผมกลายเป็นแขกประจำของคนโดหรูไปแล้ว เพราะหลังจากวันที่เจอกระเป๋าที่โดนจี้ ผมก็ยังคงแวะเวียนไปค้างที่นั่นบ้างในวันที่สะดวก
ซึ่งคือแทบจะทุกวัน ..
เจ้าของห้องไม่ยอมให้ผมกลับคอนโดตัวเองเลย ผมจึงขนเสื้อผ้าบางส่วนไปไว้ที่ห้องเขา จะได้สะดวกเวลาไปเรียน ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าที่เขาซื้อไว้ให้บ้างแล้วก็ตาม ระหว่างเรายังไม่มีคำเรียกสถานะ คำนิยามใช่ว่าจะสำคัญไปกว่าความรู้สึกดีดีที่มีให้กัน มานานแสนนานเกินกว่าที่ใครจะมารู้เท่ากับเราสองคน
เวลามีใครถาม ผมมักจะตอบไปว่า ... “ ผมกำลังตามจีบเขาอยู่ ” เท่านั้น
“ ทำไมถึงได้หวงรถขนาดนี้วะ ไม่ยอมให้ใครนั่งเลยหรอ ”
มองออกไปตามทางก็นึกได้ว่าลืมถามเรื่องที่คาใจอยู่นาน เกี่ยวกับเขา และ ความหวงรถที่เกินปกติ
“ อยากรู้หรอ ”
“ อื้อๆ อยากรู้”
พยักหน้าหงึกรัวๆ ตอบสนองในทันที ว่าอยากรู้มาก
“ ขอหอมทีนึง แล้วจะบอก ”
“ ไม่รู้แล้วก็ได้”
“ ฮ่าๆ หอมหลังมือก็ได้ นิดหน่อยก็เอา ”
ผมยื่นสุดแขนเพื่อให้หลังมือไปอยู่แถวๆ จมูกของคนเจ้าเล่ห์ สัมผัสนุ่มจากปลายจมูกและริมฝีปาก แตะที่หลังมือเบาๆ ผมยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจจะดึงมือกลับแต่คงช้าไป เมื่อมือผมถูกรวบไว้กับมือหนาของเขา ก่อนจะวางไว้บนหน้าขาแกร่งนั้นแทน
“ ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนะ จับมือเนี่ย”
ไม่ได้คำตอบออกจากปาก แต่เป็นไหล่กว้างที่ยกขึ้นแทนคำตอบ สายตาที่มองตาไปตามทางดูมีชีวิตชีวาเมื่อได้กวนประสาทผมอย่างที่ชอบทำ
“ รถคันนี้แม่กูซื้อให้เป็นของขวัญ”
“ แม่ ?”
เขาไม่เคยพูดถึงแม่สักครั้งเดียวตั้งแต่รู้จักกัน ได้ยินแค่ชื่อของคุณพ่อเขาที่เป็นนักธุรกิจใหญ่เท่านั้น ส่วนเรื่องของคุณแม่ นำทัพไม่เคยพูดหรือเอ่ยให้ฟัง ก็อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รอให้เขาพร้อมที่จะเล่าเองดีกว่า ผมอยากจะเคารพในพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่าย ถึงอยากรู้มากแค่ไหนก็ตาม
“ อื้อ แม่ ... ”
สายตาทีมีชีวิตชีวาเมื่อครู่ ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเศร้าเมื่อ ต้องพูดถึงเรื่องของแม่
“ มันเป็นของขวัญจากคนที่กูรักมากที่สุดในชีวิต ดังนั้นคนที่จะมาใช้ของชิ้นนี้ร่วมกับกู ไม่ใช่ใครก็ได้แต่ต้องเป็น...”
“ ///// ”
“ คนที่กูรักมากที่สุดเช่นกัน ”
รถเคลื่อนตัวไปบนถนนท่ามกลางไฟแสงสียามคำคืนของเมืองหลวง บทเพลงรักในวิทยุคลื่นดังที่ชอบเปิดฟังเริ่มต้นขึ้น ผมยังคงยิ้มให้กับคำพูดที่ไม่ได้หวาน ไม่ได้เพราะจากคนที่ กุมมือของผมไว้ ทว่าคำพูดนั้นมันมาจากความจริงใจ ซื่อตรงต่อความรู้สึก จึงสื่อมาถึงหัวใจคนฟังได้อย่างจับใจ
ผมคือคนพิเศษที่เขาหมายถึง อย่างนั้นหรอ...
หลังจากเอายาลดกรดให้นำทัพกิน จนอาการหายปวดท้องของเขาดีขึ้นแล้ว ผมจึงปิดไฟและกลับมาที่เตียงนอน นำทัพปวดท้องเพราะกินของเผ็ดมากจนเกินไป จนทำให้มีแต่กรดในกระเพราะ โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก ถึงกระนั้นก็ยังแกล้งสำออย ทำหน้าอ้อนให้สงสารอยู่ดี
ผมทิ้งตัวลงที่นอนประจำก่อนจะหลับตาลง กลิ่นหอมของเครื่องพ่นปรับอากาศที่ผมเป็นคนเลือกกลิ่นเองชวนให้บรรยากาศในห้องน่านอนมากยิ่งขึ้น เตรียมจะหลับตาลงพยายามอย่างหนักที่จะข่มเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงเอาไว้ ไม่ใช่ว่าครั้งก่อนมันไม่เต้นแบบนี้ แต่คราวนี้มันเต้นแรงกว่าเดิม เมื่อคิดถึงคำพูดในรถของเขา
คนนอนนิ่งข้างๆ เปลี่ยนเป็นขยับตัวเข้ามากอดผมไว้จากด้านข้าง หน้าของเขาซุกเข้ามาใกล้ตรงบริเวณต้นคอ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ตามจังหวะหายใจ ของตัวต้นเหตุ
“ ทัพ มึงใกล้กูมากเกินไปแล้วนะเว้ย ”
เบี่ยงคอหลบ ไออุ่นที่รดต้นคอจนทำให้รู้สึกแปลก มันเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่ใบหน้านั้นจะขยับเข้ามาใกล้แล้ว พรมจูบเข้าที่ซอกคอของผมอยู่หายที
“ มึงฉวยโอกาสกับกูอีกแล้วนะ ”
พยายามจะหนีจากสัมผัสนั้น แต่ไร้ประโยชน์ มือปลาหมึกรัดแน่นหนักมากขึ้นกว่าเดิม เพิ่มเติมคือ จูบนั้นเปลี่ยนจากซอกคอขึ้นมาบริเวณใบหูของผมแทน
เสียวซ่าน ..จนขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว
“ ไอ้ทัพ มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ”
“ /// ”
ไร้การตอบสนองด้วยคำพูดใดๆ นอกจากสัมผัสที่หนักหน่วงที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
“ ไอ้ทัพ มึงแกล้งกูอีกแล้วนะโว้ยยยย”
“ ไม่รู้....กูละเมอ ”
ละเมอส้นตีนไร มึงยังยิ้มอยู่เลย เกลียดตัวเองที่หลวมตัวมานอนกับเขา
พรุ่งนี้เช้าผมจะรีบเก็บข้าว เก็บของแล้วย้ายกลับห้องตัวเอง
มาค้างที่คอนโดนี้ไม่ถึงเดือน ผมโคตรจะเปลืองตัว
โดนนำทัพละเมอลวนลามทุกคืนเลย ...-------------------
Talk : สมยอมแหละดูออก … ละเมอแทบจะทุกคืนแล้วยังไม่หนีกลับห้องตัวเองอีก // เดินทางมาถึงครึ่งเรื่องแล้วนะครับ … ฝากติดตามต่อจนจบด้วยนะ
: อ่านแล้วเมนท์ทักทาย - ส่งสติ๊กเกอร์ / พูดคุยกันได้นะทุกคน ขอบคุณครับ