★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ)
บทที่ 24 Love me, Love my cat
“ขยับเด้”
เขาบอกไอ้คนที่นั่งเอกเขนกเต็มโซฟาบ้านคนอื่นหน้าตาเฉยด้วยเสียงห้วนสั้น ไอ้คนที่เคยผมยาวจนต้องไปจิ๊กกิ๊ฟติดผมน่ารักๆ จากน้องสาวมาใช้เป็นประจำตอนนี้มันไปตัดผมมาแล้ว
ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนบอกมันให้ไปตัดผมเอง ทำไมถึงได้หงุดหงิดเองก็ไม่รู้
ชิ!
ก็ถ้ารู้ว่าตัดผมแล้วออร่ามันจะเด้งออกมาอย่างนี้ จะให้มันไว้ผมซกมกอย่างเดิมแหละดีแล้ว
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่เจ้าซีและเจ้าหวานเรียกว่า ‘วันครอบครัวสุขสันต์’
เหอะ! ไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นสักนิด อย่างน้อยก็วันนี้แหละ
สองสาวหายเข้าไปในห้องเช่นเคย ทิ้งเขาไว้กับน้ำสองคน
‘ไอ้พี่น้ำจืด’ มาถึงก็อุ้มเหมียวเล็กไว้บนตัก คุยกันเสียงหงุงหงิง ไม่สนเจ้าของบ้านที่ยืนเคว้งอยู่กลางบ้านสักนิด
แค่จะพูดด้วยสักคำยังไม่มีเล้ยยยย
ไม่สุขสันต์เว้ย!!
ไอ้พี่น้ำจืดเหลือบตามองเขาไม่ถึงวินาที ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองกันเต็มตาด้วยซ้ำ ก่อนจะขยับไปอยู่อีกด้านของโซฟา
“วันก่อนปะป๊าไปเจอปลอกคอแมวมาด้วย น่ารักมากเลย เหมียวเล็กอยากได้ไหมครับ”
นั่น เหมียวเล็กอย่าไปอ้อนมัน ลุกออกมาจากตักมันเดี๋ยวนี้
ส่งสายตาพิฆาตไปแล้วไม่ได้ผล เหมียวเล็กเอียงคออ้อนมืออุ่นๆ ของไอ้จืดต่อไป
“อื้อ เหมียวเล็ก ทานอะไรหรือยัง ปะป๊าพาไปกินอาหารเม็ดดีกว่าเนอะ” พยักหน้าหงึกหงักกับแมวแล้วน้ำจึงอุ้มเหมียวเล็กไปหลังบ้าน
อย่า! อย่านะเหมียวเล็ก อย่าเห็นแก่กินนะเว้ย
“เหมียวเล็กค่อยๆ กินช้าๆ ก็ได้ ชอบรสนี้หรอ เดี๋ยวจะซื้อมาฝากบ่อยๆ นะ”
คนอะไรคุยกับแมวก็ได้ เจ้าของแมวนั่งอยู่ตรงนี้แท้ๆ ไม่พูดด้วย
หงุดหงิดชะมัด!!!
เขาเร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้นอีกด้วยต้องการจะกลบเสียงที่ทำให้ตนเองหงุดหงิด
ไม่สนก็ไม่สนสิ
อยู่กับแมวไปเลย ไอ้จืดเอ้ยยยยยยยยยย !!
ทางด้านสองสาวที่หายขึ้นไปชั้นบน ทั้งคู่แอบมองเหตุการณ์ด้านล่างอยู่บนระเบียงชั้นสอง ซีหัวเราะกับท่าทางของพี่ชายตนเองคิกคัก ผิดกับหวานที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ซี พี่ดีจะโกรธเฮียไหม” หวานถามอย่างเป็นห่วงพี่ชาย
“โอ้ย ไม่หรอกน่า คนนิสัยไม่ดีอย่างนั้น ให้พี่น้ำดัดนิสัยซะบ้างก็ดี” ซีดึงหวานเดินเข้ามาในห้องปิดประตู ปล่อยให้พี่น้ำจัดการต่อไป
“แต่ว่ามันจะทำให้พี่ดีคิดมาก แล้วจะ...ไม่สบายอีกหรือเปล่า”
ซียิ้มกว้าง รับรู้ความเป็นห่วงของเพื่อน “ไม่หรอก พวกเราไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“ก็เราเป็นห่วงพี่ดี ตั้งแต่เจอหน้ากันพี่น้ำยังไม่คุยกับพี่ดีสักคำเลยนะ”
“ก็ใครใช้ให้ทำเป็น ‘ซึน’ อยู่นั่นเล่า สมควรแล้ว”
หลายครั้ง หวานได้แต่สงสัยว่า ตกลงแล้วใครเป็นพี่น้องกับใครกันแน่ บางที ซีอาจเป็นน้องของน้ำที่คอยแกล้งพี่ชายของตนเองตลอดเวลา และเธออาจเป็นน้องของดีที่คอยแต่จะเป็นห่วงพี่ชายอยู่ร่ำไปก็ได้
“เถอะน่า ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงที่ทำไปก็เพราะ ‘รัก’ พี่ดีนั่นแหละ ถึงเจ้าตัวจะงี่เง่าอยู่ก็เถอะนะ”
“ไปว่าพี่ดีอีกแล้ว...”
“ก็จริง ถ้าเราเป็นพี่น้ำนะ ไม่มาใจเย็นอย่างนี้หรอก จับแม่งปล้ำไปนานล่ะ”
“จุ๊ๆ ซีพูดเบาๆ ดิ”
“เอ้า..ก็จริงอะ พี่ดีดื้อจะตาย”
“พูดยังกับตัวเองไม่ดื้อนะ”
ซีรู้ว่าเถียงไม่ได้จึงจี้เอวเพื่อนสาว หวานจึงจี้เอวคืนบ้าง เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลงมาถึงชั้นล่าง ซึ่งนั่นทำให้ดีหัวเสียยิ่งกว่าเดิม
สุขสันต์กันจริงๆ นะ ให้ตายสิ !!
แม้ว่าสองตาจะยังคงจ้องโทรทัศน์ แต่สองหูกลับจดจ่ออยู่กับเสียงคุยหงุงหงิงของคนตัวโตกับแมว นั่น เดินกลับมากันแล้ว
“เหมียวเล็กกินข้าวพุงป่องเลยนะ” ไอ้พี่น้ำจืดเดินผ่านไป สองมืออุ้มเหมียวเล็กที่ตอนนี้พุงป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัด “สงสัยพ่อเขางอนปะป๊าเลยพาลให้เหมียวเล็กอดข้าวแน่เลย”
อะไร ไหน ใครงอน ไม่มีเฟ้ย!!
เขาได้แต่ตะโกนตอบเสียงดังในใจ ไม่ได้ ไอ้น้ำจืดไม่พูดกับเขาก่อน อย่าหวังเลยว่าเขาจะทำ เสียฟอร์มแย่สิ
ไอ้จืดจับเหมียวเล็กพาดบ่า ตบตูดเบาๆ “ดูสิ นั่งทำหน้างอนอยู่นั่น”
ใครงอนไม่มีอะ ดูทีวีอยู่ไม่เห็นหรอ
จี้จัง น่ารักที่สุด
“ทำคนอื่นงอนแล้วไม่ง้อ ยังไปงอนเขาอีกเนี่ย นิสัยไม่ดีเลยนะครับ เหมียวเล็กอย่าทำอย่างพ่อนะรู้ป่าว”
แล้วเส้นความอดทนเขาของขาดผึงเหมือนเส้นด้ายที่ถูกกระชากสุดแรง
เขาตะโกนออกไปก่อนจะทันรู้ตัวอย่างเสียงดังว่า
“เออ ก็นิสัยไม่ดีไง ไม่ชอบก็ไปเลยไป” สิ้นเสียงพูดของเขา ความเงียบก็เข้ามาปกคลุมห้องนั่งเล่น น่าแปลกที่แม้แต่เสียงโทรทัศน์ก็เงียบไป คนเล่นแมววางเหมียวเล็กลง แล้วหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ แววตาสุกใสเปล่งประกายขี้เล่นหายไป เหลือเพียงดวงตาสีดำสนิทราบเรียบราวกับผิวน้ำยามค่ำคืน
“ที่พูดออกมานี่ คิดดีแล้วหรือยัง”
เสียงทุ้มห้วนที่เจ้าตัวเปล่งอออกมาทำเอาคนฟังกัดริมฝีปาก เสียงจะแข็งไปไหน สายตาสองคู่ประสานกันอย่างไม่มีใครยอมอ่อนข้อ คนที่รู้ตัวว่าผิดก็ยอมเอ่ยปากแต่ก็ยังไว้เชิง
“ก็ใครบอกให้กวนก่อนล่ะ”
เขารู้ว่าน้ำเป็นคนใส่ใจในทุกเรื่องเสมอ พวก ‘คิดแล้วพูด’ ไม่ใช่พวก ‘พูดไม่คิด’ แบบเขา แต่ก่อนน้ำอาจไม่สนใจกับคำพูดสารพัดของเขา แต่ตอนนี้สถานะมันเปลี่ยนไปแล้ว
“พี่กวนตรงไหน”
น้ำยกมือขึ้นกอดอก พิงสะโพกตรงขอบโซฟา มองคู่สนทนาด้วยสายตานิ่งเรียบ น้ำอดทนกับคำพูดที่ไม่คิดอะไรของคนรักหลายหนแล้วและครั้งนี้เขาคิดว่าตัวเองจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้อีกฝ่ายปรับปรุงนิสัยแย่ๆ นี้เสียที
“...คุยกับเหมียวเล็ก”
น้ำเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแปลกใจในเหตุผลของดี “คุยกับเหมียวเล็กแล้วยังไง”
คนที่เอาแต่กัดปากยิ่งหงุดหงิด นี่ยังไม่เข้าใจอีกนะ ต้องให้บอกให้ได้เลยใช่ไหม ไอ้พี่น้ำ
“ก็ไม่คุยกับนี่อะ!!” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองตอนพูดว่า 'นี่'
มีรอยยิ้มในแววตาของน้ำ พร้อมกับริมฝีปากที่ยกขึ้นบางๆ มันปรากฏเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะหายไป ดีที่กำลังโมโหสุดๆ ไม่สังเกตเห็น
“ทีดียังไม่เห็นทักพี่สักคำ...พี่ก็ต้องคุยกับเหมียวเล็กสิ”
เจ้าของแมวหลายคนบอกว่าการเลี้ยงแมวต้องใช้ความอดทนมาก แต่พอได้เลี้ยงจริงๆ แล้ว น้ำไม่เห็นด้วยเลยเพราะ ‘พ่อแมว’ น่ะ เลี้ยงยากว่าตั้งเยอะ
“ไม่ได้!!” ดีโต้กลับเสียงดัง เขาไม่ชอบ ไม่ชอบเอามากๆ เลยด้วย
“ทำไมละ” น้ำยังคงถามหน้าตาเฉยแม้ว่าในใจจะเต้นเร่าเพราะนึกเหตุผลของอีกฝ่ายออกแล้ว
ยิ่งเห็นหน้าเฉยๆ เหมือนไม่รู้อะไรแล้ว เขายิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
“ไอ้พี่น้ำ!!”
“ครับ” ขานรับเสียงดังฟังชัด แม้รู้ว่าจะทำให้อีกคนโกรธมากขึ้นก็ตาม
“เป็นแฟนดี ดีก็ต้องสำคัญที่สุดสิ!!” ใช่แล้ว เขาต้องสำคัญที่สุด ไม่ชอบเลยที่โดนเมิน ไม่สนใจกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สนใจ ใส่ใจเรามาตลอด อย่างไอ้พี่น้ำคนนี้
“แล้วพี่สำคัญกับดีที่สุดหรือเปล่า”
“อ้าว ก็ต้องสำคัญสิ แฟนดีทั้งคนนะ...เฮ้ย”
เขาร้องออกมาด้วยความตกใจ ยังพูดไม่ทันจบก็โดนคว้าไปกอดหมับ นี่เข้ามาอยู่ใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สองมือโดนรวบจนแทบขยับไม่ได้ ใบหน้าของน้ำโน้มลงมาใกล้จนนับเส้นขนตาได้ ดวงตาพราวระยับทอประกายอ่อนหวาน
นี่เขาโดนอำอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย !!!
พอรู้ตัวสะบัดหยุกหยิกคนขี้แกล้งจึงลงโทษ
ฟอด! แก้มซ้ายโดนหอม
ฟอด! แก้มขวาโดนหอม
“อื้อ...”
ปิดท้ายด้วยจุ๊บที่ปากหนักๆ
แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าว
หัวใจเต้นตึกตักเป็นจังหวะร้อค
เขิน
เขินโคตรๆ
เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ขอมุดกับอกกว้างๆ ของไอ้คนตัวโตนี่ก่อนละกัน
“ไม่น่าเชื่อว่าปากอย่างนี้ก็หวานเนอะ”
โอ้ยยย จะพูดให้เขินใช่ไหม นี่เขินจนไม่รู้จะเขินยังไงแล้วเนี่ย
ขอสักหมัดแก้เขินได้ไหม
“คนเป็นแฟนกัน ไม่จำเป็นต้องมีฟอร์มหรอกนะดี คิดอย่างไรก็พูดก็บอกกันได้ ถ้าพี่งอนแล้วต้องคอยให้ดีง้อตลอดดีจะชอบไหม”
เขาสั่นหัว ซบอยู่กับบ่าของน้ำอยู่อย่างนั้น ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา แม้น้ำจะย้ายตัวลงนั่งมาบนโซฟาคลายแขนสองข้างที่เมื่อครู่กกกอดเขาให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วก็ตาม
“พี่ก็เหมือนกัน ถ้าดีชอบหรือไม่ชอบอะไรก็บอกนะ” พยักหน้า เอียงแก้มแนบกับซอกคอของเก้าอี้พิเศษ
"แล้วระวังคำพูดด้วย อย่าพูดในสิ่งที่ตัวเองจะเสียใจทีหลังออกมา ไหนบอกสิว่างอนพี่เรื่องอะไร เราถึงไม่คุยกับพี่เนี่ย”
มือของน้ำลูบหลังคนตัวเล็กเบาๆ พร้อมทั้งโยกตัวราวปลอบประโลม หน้าของดียังคงแดงระเรื่อแก้มอุ่นแนบอยู่กับต้นคอ เจ้าตัวเม้มปาก ยังคงไม่ยอมพูด
“นับสาม ยังไม่พูดจะจัดอีกชุดนะ”
น้ำขู่เร่ง อีกชุดที่ว่าคือ แก้มซ้าย แก้มขวาและปากแดงๆ นี่ละ กระชับแขนโอบเอวเมื่อเห็นว่าคนนอนนิ่งจะขยับหนี
“หนึ่ง”
“..ก็..กะ”
“สอง”
น้ำขยับเข้ามาใกล้
“สะ..”
“วันศุกร์ พี่ไปคุยกับพี่แนน”
“อ๋ออออ” จำเลยจำเป็นร้องออกมาเสียงยาว
ดีเขม่น ยังมีหน้ามาร้อง อ๋ออออ
วันศุกร์ที่ผ่านมานี้เอง เขาไปรอไอ้พี่น้ำตามปกติ ...เออ ก็ตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกัน เราก็กลับบ้านพร้อมกันไง อย่ามายิ้มนะ คนเป็นแฟนกันมันก็ต้องทำอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ ยัยซีกับยัยหวานยังเลิกแซวแล้วเลย
แต่วันศุกร์ที่แล้วไอ้พี่น้ำมาช้า ทั้งที่ปกติมีน้อยครั้งมากที่จะมาช้ากว่า แล้วปล่อยให้รอ เขาเลยลองเดินไปรอที่คณะบ้าง
นั่งรอใต้ม้าหินอ่อนสักพักเห็นน้ำกำลังเดินออกมา แล้วอยู่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงวิ่งมาคว้าแขนยื้อยุดกันอย่างสนิทสนม พูดกันอยู่สักพัก ไอ้พี่น้ำล้วงกระเป๋าแล้วยื่นบางอย่างให้ ผู้หญิงคนนั้นชื่อ พี่แนน เขารู้จักนะ
พี่แนนดีใจยิ้มกว้างจนตาเป็นขีด ไอ้พี่น้ำก็หัวเราะยิ้มกันสองคนดูมีความสุขมาก
แล้วไงต่อเหรอ มันก็เดินออกมาเจอกัน แล้วเราก็กลับบ้านตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือจากวันนั้นจนมาเจอกันวันนี้ เขาไม่พูดกับมัน มันก็หาว่าเขางอนอยู่นั่นแหละ บอกเลยนะว่าไม่ได้งอน
อะไรนะ
เขาไม่ได้งอน ใช่แล้วไง
แต่ เขา ฮะ! ตลกน่า
เขาเนี่ยนะ หึง
ผม หึง หรอ
ไม่ใช่หรอก
แค่หมั่นไส้ คนที่ปล่อยให้เขารอเฉยๆ
ปล่อยให้คนอื่นรอที่แท้ตัวเองก็ไปยิ้มกับสาว
มันใช่ไหมเล่า
“ชิ!”
“มีงานกลุ่ม ไอ้แนนมันมาทวงเงิน” น้ำอธิบายแล้วก็ส่งยิ้มกว้าง
“แน่นะ” พ่อแมวหรี่ตามอง พยายามทำหน้าดุเพื่อคาดคั้น
“แน่ครับ” เสียงหนักแน่นกับรอยยิ้มอบอุ่น ไม่รู้ว่าน้ำจะรู้ไหมว่าเขาชอบรอยยิ้มแบบนี้และน้ำเสียงอย่างนี้ที่สุด
จุ๊บ!
ยื่นหน้าเข้าไปจูบปลายคางไอ้พี่น้ำแล้วผละออกมาอย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นขยับตัวลงจากตักอุ่นคว้ารีโมทเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อย แก้มร้อนจนต้องยกมือขึ้นมาพัด
คนโดนขโมยจุ๊บยังคงไม่ทันรู้ตัวได้แต่นั่งกะพริบตาปริบกับคนตัวเล็ก พอเริ่มดึงสติกลับมาได้ก็มีเสียงขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
“เมี้ยววววว”
เหมียวเล็กนั่นเอง เจ้าแมวตัวอ้วนเดินมาอ้อนพันแข้งขา น้ำกำลังจะก้มตัวลงไปหมายจะอุ้มเหมียวเล็กขึ้นนั่งตัก ก็โดนมือผอมๆ แย่งอุ้มไปเสียก่อน
“เหมียวเล็กมาอยู่กับพ่อดีกว่า”
น้ำอมยิ้มกับท่าทางเอาแต่ใจนั้น เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงหูแดงก็ไม่คิดจะเอ่ยแซวอะไรอีก พอเอื้อมมือไปเกาคอให้แมวอ้วนที่นอนบนตักเจ้าของอย่างสบายอารมณ์ก็โดนบัดออก ได้แต่เลิกคิ้วมองคนขี้หวง
“ไม่ให้เล่นเหมียวเล็กแล้ว เดี๋ยวจะรักมากกว่าดี”
น้ำหัวเราะออกมากับเหตุผลที่ช่างจะไม่มีเหตุผลของคนรักเอาเสียเลย แต่กลับทำให้คนฟังยิ้มกว้างหัวใจพองโต เมื่อไม่ให้อุ้มเหมียวเล็ก ก็อุ้มขออุ้มพ่อเหมียวเล็กแทนละกัน ว่าแล้วก็คว้าเอวหมับ ลากขึ้นนั่งตัก
“เฮ้ย” คนไม่ทันตั้งตัวตกใจอุทานเสียงดัง
“น่า อย่าดิ้น เดี๋ยวเหมียวเล็กตกนะ”
ริมฝีปากของน้ำคลอเคลียกับพวงแก้มสีระเรื่อ
“อื้อ...”
“ไม่ต้องกลัวไม่รักหรอกนะ เด็กดื้อ” กระซิบข้างขมับแล้วกดจมูกหนักๆ ลงแก้มซ้ายของคนที่พยายามดิ้นดุ๊กดิ๊ก
“แมวกับคน ก็ต้องรักแมวมากกว่าอยู่และ..โอ้ย”
ดีทุบลงบ่าคนที่ตัวเองนั่งตักอยู่อย่างแรง เขารู้อยู่เต็มอกว่าถูกแกล้งแต่ก็ไม่ชอบใจอยู่ดี แล้วตัวเองก็เป็นฝ่ายแนบริมฝีปากลงไปบริเวณกิ่งปากกึ่งจมูกกดแช่ค้างไว้ สองมือกุมใบหน้าของน้ำ
“ไม่ได้นะ” กระซิบงึมงำใกล้ริมฝีปาก
“ทำไมครับ”
ดีขยับใบหน้าออกห่าง
ยิ้มใส่ตาคนตัวโต
ยิ้มอย่างที่น้ำเคยบอกว่า เห็นแล้วก็ตกหลุมรัก
รอยยิ้มพิฆาต“เพราะว่า...ดีกว่านี้ ไม่มีแล้วล่ะ” ยิ้มหวานๆ อีกครั้ง
น้ำยิ้มกว้าง ก่อนริมฝีปากของทั้งคู่จะกลืนกินกันและกัน
เหมียวเล็กขยับตัวกระโดดลงจากตัก ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเงยหน้ามองเจ้านายสองคนบนโซฟา คนหนึ่งไล่เรื่อยริมฝีปากเข้าหาอีกคน คนหนึ่งก็พยายามเอี้ยวตัวหนีอย่างขลุกขลักเพราะโดนกักตัวไว้บนตักกว้าง เหมียวเล็กสงสัยเหลือเกินว่าเจ้านายตัวผอมจะหนีทำไม เพราะไม่นานปากเล็กก็ถูกยึดครองวนเวียนอย่างนี้จนสุดท้ายแมวอ้วนก็เป็นฝ่ายจากมา
เพราะเจ้านายทั้งสองคนนั้นไม่สนใจมันเลย
…The End…
[1/12/58]
จะยังมีตอนพิเศษอีกแปดตอนตามมาค่ะ
คุณ B52 มาคอยอยู่เป็นเพื่อนตลอดเลย ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
Lavender's blue