บทเรียนที่ ๓๑
“พี่กอล์ฟ รถน้องเขายังจอดอยู่อีกเหรอ นี่มันตั้งสามวันแล้วนะ”ไอ่น้องต้นเอ่ยถามตอนที่เดินตามผมขึ้นมาที่หอ เพื่อเก็บเสื้อผ้าไปนอนที่คอนโดของไอ่น้องต้น
ตั้งแต่วันที่ผมไปส่งไอ่เด็กเกรียนที่บ้านแล้วบอกกับมันว่า “ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก” ผมก็ไม่เคยเห็นหน้ามันอีกเลย จะมีสะกิดใจบ้างก็ตอนที่เดินขึ้นหอแล้วเห็นรถมันนี่แหละ
“สงสัยน้องเขาคงยุ่งๆ เห็นว่าเปิดเทอมแล้วนี่”ไอ่น้องต้นยังพูดต่อ
“ต้น เงียบซักที พี่ไม่อยากได้ยิน”ผมบอก
“ก็ได้ แต่ต้นว่าอย่างน้อยพี่กอล์ฟน่าจะโทรบอกทางบ้านน้องเขาก็ยังดีนะ ให้มาเอารถ ขืนจอดทิ้งไว้อย่างนี้ ดีไม่ดีรถหายไปจะแย่เอานะ”ไอ่น้องต้นบอกผม
“ใครรับเอามาก็รับผิดชอบเองซิ”ผมพูดประชดออกไป
“ก็ได้ งั้นพี่กอล์ฟเก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วไปรับต้นที่บ้านน้องเขาด้วยนะครับ”พูดเสร็จไอ่น้องต้นก็หันหลังลงบันไดกลับไป ผมจะเรียกห้ามไว้ก็ไม่ทัน
หลังจากที่ผมเก็บเสื้อผ้าเสร็จ ก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาไอ่น้องต้นทันที
“ต้นอยู่ไหน”ผมกรอกเสียงไปตามสาย
“ที่บ้านน้องเขา พี่กอล์ฟรีบมาด่วนเลย มาดูผลงานที่ทำเอาไว้ซะ”ไอ่น้องต้นพูดตอบกลับมาทางโทรศัพท์เบาๆ
ผมวางสายโทรศัพท์แบบเซ็งๆ เพราะไม่คิดว่าไอ่น้องต้นมันจะเอามอไซค์ไปคืนที่บ้านไอ่เด็กเกรียนจริงๆ นึกว่าแค่แกล้งวิ่งกลับลงไปนั่งคอยผมที่รถ พอผมไปถึงบ้านไอ่เด็กเกรียน ก็เห็นไอ่น้องต้นนั่งคุยอยู่กับอาแหมะ พออาแหมะเห็นผมเท่านั้นแหละ แทบจะลุกขึ้นมาโผลกอดผมเลย
“หนูกอล์ฟ ตาหนูๆ ตาหนูของแหมะ เป็นอะไรไปไม่รู้ ตั้งแต่วันนั้นที่หนูกอล์ฟมาส่ง ก็ไม่ยอมพูดยอมจากับใคร เอาแต่นอนฟังเพลงอยู่เพลงเดียวซ้ำไปซ้ำมา ถามอะไรก็มีแต่ส่ายหัว พยักหน้า นี่เปิดเทอมมาสามวันแล้ว ยังไม่ไปโรงเรียนเลย ถึงเวลาอาหารก็ไม่ลงมาทานที่โต๊ะ จนแหมะต้องเอาขึ้นไปป้อนให้บนห้อง จนยอมทานแต่ก็ทานนิดเดียว เอาแต่นอนเหม่อลอยฟังเพลง พอไปปิดเพลงก็ลุกขึ้นมาเปิดใหม่แล้วก็ลงไปนอนที่เตียงเหมือนเดิม แหมะไม่รู้จะทำยังไงแล้ว อาป๊าก็ไปราชการต่างประเทศด้วย ตาหนูเป็นอะไรไป หนูกอล์ฟพอรู้ไหม”อาแหมะพร่ามยาวในสิ่งที่อัดอั้นตันใจออกมาในขณะที่กำลังกอดผมอยู่
“แหมะถามเพื่อนหนูกอล์ฟที่เอารถมาคืน เขาก็บอกไม่รู้ แหมะโทรถามเพื่อนตาหนูก็ไม่มีใครรู้ บอกว่าตลอดปิดเทอมไม่ได้เจอกันเลย แล้วที่ตาหนูออกไปทุกวี่ทุกวันแล้วบอกแหมะว่าไปหาเพื่อน มันก็ไม่จริงใช่ไหม แล้วตาหนูไปไหน ไปทำอะไรมาถึงเป็นแบบนี้ ตาหนูของแหมะ”แหมะพูดคราวนี้มีเสียงสะอื้นปนออกมาด้วย ผมฟังเสียงสะอื้นของแหมะแล้วใจหายวาบเลยทันที
“ตาหนูของแหมะคงไม่ไปเถลไถลจนคบเพื่อนไม่ดีแล้วพากันไปซ่องสุมที่ไหนใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นแหมะจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย”แหมะยังพร่ำไม่เลิก (นี่แหละน้า ความรักของคนเป็นแม่ ถึงไม่ใช่แม่แท้ๆก็เถอะ ถ้าได้เลี้ยงกันมาแล้วสายสัมพันธ์มันแน่นแฟ้นเลยทีเดียว)
“อาแหมะใจเย็นๆนะครับ กอล์ฟว่าลูกอาแหมะคงไม่ได้ไปติดยาอะไรที่ไหนหรอกครับ”ผมพยายามปลอบใจ
“ไม่ติดยาแล้วทำไมมีอาการนอนเพ้อเหมือนไม่รับรู้อะไร เอาแต่ฟังเพลงเดียวซ้ำไปซ้ำมา แหมะจะทำยังไงดีหนูกอล์ฟ”แหมะพูดแล้วก็ร้องไห้ขึ้นมาอีก (อาแหมะคิดไปโน่น ผมอ่ะตอนนั้นสงสารอาแหมะจับใจเลย)
ไอ่น้องต้นที่นั่งมองผมกับอาแหมะอยู่ ทำท่าพยักหน้าแล้วชี้ไปข้างบน ประมาณเหมือนจะบอกผมว่า”ให้ขึ้นไปดูหน่อย”
“หนูกอล์ฟรู้อะไรเกี่ยวกับตาหนูแล้วไม่บอกแหมะหรือเปล่า ถึงว่าวันนั้นหนูกอล์ฟถึงได้มาส่งตาหนู ยังไงๆ ตาหนูก็ลูกแหมะนะ บอกแหมะมาเถอะ แหมะรับได้ ถ้ารู้ตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังเยียวยารักษาทัน”แหมะมองหน้าผมเหมือนจะเค้นเอาความจริง (ถ้าบอกไปว่ามันติดกอล์ฟ แหมะจะรับได้ไหมนี่ หนักกว่าติดยาอีกนะอาแหมะ อิอิ ไอ่กอล์ฟก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้น อาแหมะถึงคิดว่ามันจะไปติดยาสำมะเลเทเมา ดูๆแล้วมันก็ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงอะไรเลย)
“อาแหมะครับ กอล์ฟว่าอาแหมะอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะครับ”ผมบอก ไอ่น้องต้นก็ยังพยายามส่งสัญญาณมือให้ผมขึ้นไปดูไอ่เด็กเกรียนมันหน่อย
“อาแหมะครับ งั้นกอล์ฟขอขึ้นไปดูหน่อยนะครับ เพื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”ผมบอกออกไปอย่างจำใจ ที่จริงสงสารอาแหมะมากกว่า
“ดีๆจ๊ะหนูกอล์ฟ ขึ้นไปเลยๆ เพื่อตาหนูจะยอมพูดอะไรกับหนูกอล์ฟบ้าง แหมะจะพาไปเอง”อาแหมะบอกแล้วรีบจูงแขนผมทันที
“เดี๋ยวครับอาแหมะ กอล์ฟว่ากอล์ฟขึ้นไปดูคนเดียวดีกว่าครับ ถ้าอาแหมะขึ้นไปด้วย กอล์ฟกลัวว่าเพื่อเขามีอะไรจะบอก จะไม่กล้าบอกเอาซะเปล่าครับ”ผมห้ามอาแหมะ เพราะกลัวว่าถ้าไอ่เด็กเกรียนเห็นผมแล้วมันจะพร่ำเพ้ออะไรออกมาอีกก็ไม่รู้ (กลัวแหมะรู้ แล้วรับความจริงไม่ได้ ว่าลูกชายสุดที่รักชอบอาจารย์ตัวเอง เดี๋ยวจะช๊อคเอาซะ ให้ผมขึ้นไปเคลียร์กับมันแบบตัวต่อตัวดีกว่า)
อาแหมะก็เชื่อผมนะครับ แล้วก็ลงไปนั่งกับไอ่น้องต้น ปล่อยให้ผมเดินขึ้นไปคนเดียว พอไปถึงหน้าห้องไอ่เด็กเกรียน ผมได้ยินเสียงเพลงแว่วมาเบาๆ (เพลงฮิตของพีชเมกเกอร์ในยุคนั้นซะด้วย เรื่องบนเตียงอ่ะครับ คงเคยฟังกันมั้งครับ) ผมหยุดยืนทำใจอยู่หน้าห้องมันอยู่นานพอตัวก่อนที่จะเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
ภาพที่ผมเห็นตรงหน้า คือห้องนอนที่ควรมีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาเพราะสายมากแล้ว กลับมืดทึบอับแสงด้วยผ้าม่านสีส้มอมเหลืองที่ปิดสนิทอยู่ที่หน้าต่างทุกบาน บนเตียงนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งนอนตะแคงข้างหันหลังให้อยู่ เสียงเพลงดังออกมาจากเครื่องเล่น
ผมหยุดยืนอยู่ที่ประตู ภาพเก่าๆมันก็หวนเข้ามาอีก ในห้องนี้ที่ผมเคยถูกทำร้ายร่างกาย ไม่เคยแม้แต่จะคิดมาเหยียบอีกซักครั้ง คิดได้แค่นั้น ผมก็มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวเองกำหมัดแน่นจนเจ็บ ผมพยายามหายใจเข้าออกยาวๆ เพราะรู้ว่าตอนนี้อารมณ์ความโกรธ ความแค้นมันกำลังสุมในใจผมเต็มที่ ผมพยายามนึกถึงอาแหมะที่ต้องร้องไห้เจ็บปวดเพราะมัน ไอ่คนที่นอนอยู่บนเตียง มันทำตัวไร้เหตุผลทำให้อาแหมะเป็นห่วง ผมจะต้องพูดกับมัน เพื่อให้อาแหมะสบายใจ
ผมยืนทำอารมณ์อยู่นานกว่าจะเดินไปนั่งลงเก้าอี้ที่วางไว้ข้างเตียงของมัน พอผมนั่งลงมันลืมตาขึ้นมามอง แล้วก็เหมือนตกใจมาก ถึงกับลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แล้วซักพักมันก็ล้มตัวลงไปนอนเหมือนเดิม แต่มันไม่หลับตา ตามันจ้องมองมาที่ผม ตัวผมเองก็จ้องตามันเหมือนกัน
ไอ่เด็กเกรียนตอนนั้นมันอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเป็นที่สุด ชุดมันยังเป็นชุดเก่าตั้งแต่วันที่ผมมาส่งมัน ผมจำได้ ใบหน้าที่เคยดูสดใสตอนนี้มันแห้งเหี่ยวซีด ดวงตาที่เคยเป็นประกายตอนนี้มันเศร้าสลดแดงกล่ำ มีรอยช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
ผมกับมันนั่งจ้องตากันอย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมา นานๆทีจะกระพริบตากันซักที เสียงเพลงก็ยังดังไปอย่างต่อเนื่อง เพลงเล่นอยู่เพลงเดียว วนไปวนมา
( ผมโก๋นะคั๊บ เพื่อเพิ่มอรรถรสเหมือนได้ไปอยู่ในเหตุการณ์จริง ผมขอเพิ่มเสียงเพลงกับเนื้อเพลงให้นะคับ เพลงนี้โดนใจผมสุดๆในตอนนั้น )
เรื่องบนเตียง
Peacemaker
เช้าแล้วยังอยู่บน..ที่นอน
เงียบ ๆ คนเดียวยังไม่อยากตื่นขึ้นพบ..ใคร
เพราะว่าใจก็ยัง..เสียดาย
ที่ฝันดีๆ กำลังจะจบและหายไป
ภาพที่ฉันได้เป็นดั่งคนที่เธอรัก
ช่างเป็นอะไรที่ประทับใจ
อยากซึมซับนานๆ
และเก็บไว้ ไม่ให้มันผ่านไป
อยากหลับตาอยู่อย่างนั้น
ทำอยู่อย่างนั้น ฝันถึงเธอเรื่อยไป
เพราะว่าความจริง ไม่มีทางใด
ทำให้เราได้รักกัน โว้..โว
ทำได้แค่นั้น ทำได้แค่นี้
ทำได้เพียงแค่ฝัน
ต้องหลอกตัวเอง ฝันไปวันๆ โฮ้..โฮ
ไม่มีทางที่ฝันมัน..เป็นจริง
เพราะไม่เคยอยู่ใน..สายตา
ไม่ว่าเวลาจะนานจะผ่านซักเท่าไร
ทุกค่ำคืนต้องทน..เหงาใจ
ไม่รู้จริงๆ ทำไมๆ ต้องรักเธอ
ผมนั่งมองหน้าจ้องตามันที่นอนอยู่บนเตียงอยู่นาน (เพลงเล่นกลับไปกลับมาจนจะร้องตามเลยได้แหละ) ผมนั่งกำมือแน่นจนเหงื่อในมือเริ่มออก เวลาผ่านไปอีกไม่รู้นานเท่าไหร่ จนผมเริ่มทนไม่ไหว ลุกขึ้นไปปิดเพลง แล้วกลับมานั่งที่เดิม มันก็ยังนอนเฉยมองหน้าจ้องตาผมอยู่อย่างนั้น (หน้าด้านชะมัด ชิชิ ไอ่เด็กเกรียนเอ๊ย)
“ถ้าเธอยังเห็นครูเป็นครูอยู่ เธอก็ควรเชื่อฟังในสิ่งที่ครูจะบอกกับเธอในสิ่งต่อไปนี้”ผมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนครูกำลังจะเอ่ยสอนลูกศิษย์ด้วยความเมตตาปราณี
“เธอกำลังทำให้อาแหมะเป็นห่วงมาก เลิกทำตัวแบบนี้ซะที”ผมหยุด มันก็ยังนอนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร
“ครูเคยคุยเธอหลายครั้งแล้ว เรื่องของเธอกับครู มันไม่มีทางเป็นไปได้ เธอเป็นลูกศิษย์ของครู เธอเพิ่งอายุ 17 ครู 22 ห่างกันตั้ง 6 ปี ไหนจะฐานะหน้าตาทางสังคมของเธอกับครูที่มันแตกต่างกัน ครูเป็นผู้ชายเธอก็เป็นผู้ชาย ครูยอมรับว่าครูเบี่ยงเบน แต่เธอยังไม่ใช่ เธอยังมีโอกาสกลับตัว ที่สำคัญครูมีแฟนแล้ว เธอก็เห็นนี่”พูดมาถึงตอนนี้ ไอ่เด็กเด็กเรียนเริ่มน้ำตาคลอเลยครับ
“เชื่อครูนะ ศุภวัฒน์ อนาคตของเธอยังอีกไกล แล้วที่ผ่านมาครูจะพยายามลืมทั้งหมดทุกเรื่อง ครูจะถือว่ามันเป็นความผิดพลาดด้วยความไม่รู้ตามช่วงวัยอายุของเธอ ครูให้อภัยเธอ เธอกลับไปตั้งใจเรียน ทำตัวเป็นลูกที่ดีของอาแหมะอาป๊านะ ครูมาเพื่อจะบอกเธอแค่นี้แหละ”ตอนนั้นไอ่กอล์ฟพยายามข่มอารมณ์ให้เย็นสุดๆ นึกถึงเรื่องที่จะต้องช่วยอาแหมะให้หายกลุ้มใจ แล้วเรื่องทุกอย่างมันก็น่าจะจบลงซักที ผมพูดแค่นั้นแล้วก็หยุด
มันทำท่าเหมือนจะเอามามือเอื้อมมาจับมือผมที่วางอยู่บนตัก แต่ผมชักมือหนี มันเลยวางมือไว้ที่ข้างเตียงแทน แล้วร้องไห้ออกมาแบบสะอึกสะอื้น
ภาพที่ผมเห็น ไอ่เด็กเกรียนที่เคยเป็นหัวโจกในห้อง ตอนนี้เป็นไอ่เด็กเกรียนที่ไร้พิษสง นอนร้องไห้หมดสภาพอย่างน่าสงสาร น้ำตามันไหลอาบแก้มแล้วไหลลงไปที่หมอน ใจผมเริ่มหวั่นๆแล้วครับในตอนนั้น
หวั่นเพราะสงสารมัน ที่จริงความผิดที่มันทำ มันสำนึกแล้ว แต่ทำไมที่ผ่านมาผมถึงไม่ยอมให้อภัยมันซักที ไหนๆก็จะให้มันจบแล้วก็ขอให้จบจากมันด้วยดีก็แล้ว คิดได้อย่างนั้นไอ่กอล์ฟก็ค่อยๆเอามือตัวเองไปวางทับมือมัน มันหันมามอง แล้วพูดขึ้นว่า
“ขอบคุณครับ ที่ให้อภัยผม”
OOO อ๊อด.........เสียงกริ่งหมดคาบเรียนในบทที่สามสิบเอ็ด...... OOO