,,My Family : Hidden Secret ลับซ่อนรัก,,[ตอนพิเศษ ตึก2ต้องห้าม][P.6] /{02/03/62}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,My Family : Hidden Secret ลับซ่อนรัก,,[ตอนพิเศษ ตึก2ต้องห้าม][P.6] /{02/03/62}  (อ่าน 30772 ครั้ง)

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
อ้างถึง
พอมีความรัก มักจะทำให้เรามีคำคมมากขึ้น
เหรอกระวานเหรอ  :z1: :z1: :z1:
 
 :pig4: :pig4: :pig4: ขอบคุณนะคะ จะเป็นกำลังใจให้สำหรับนิยายเรื่องต่อ ๆ ไปค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดีนกับซันหรอ น่าสน ๆ  :z1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

จบไปอีกหนึ่งราย   เหลืออีกหนึ่งราย

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
กระวานจากที่เคยได้ยินเรื่องอย่างว่าในหัว ตอนนี้ก็ได้ปฏิบัติแล้ว  :pighaun:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

ตอนพิเศษ เขาคือดีน




(ดีน)

   ในชีวิตของผม เจอแต่เรื่องยุ่งยากมาตลอด พ่อส่งผมไปอยู่เมืองนอกกับญาติตัวเอง เพราะตัวเองไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูก ส่วนแม่ของผมก็หนีไปมีชีวิตใหม่ เพราะรับไม่ได้กับการทำงานของพ่อ ซึ่งผมก็ไม่เห็นว่ามันจะไม่ดีตรงไหน การลาออกจากตำรวจแล้วมาเป็นบอร์ดี้การ์ดให้กับผู้มีอิทธิพลเนี่ย แต่ช่วงเวลานั้น ผมรู้เรื่องเหล่านี้น้อยมาก ยิ่งพอถูกส่งไปอยู่ที่อื่น ผมก็เลิกสนใจ

   ผมไม่ค่อยชอบเรียนเท่าไหร่ ไปโรงเรียนทีก็เอาแต่เกเรเที่ยวเล่นกับพวกหัวทองหัวดำ จนวันหนึ่ง แม่ส่งโปสการ์ดไปหาผม บอกอยากให้ผมเรียนเก่งๆ และมีงานทำที่ดี ถ้าผมรู้ว่านั่นเป็นการติดต่อครั้งสุดท้าย ผมคงจะรีบตอบกลับไปหา

   แม่ผมเสียในวันที่การ์ดมาถึง

   จากที่ไม่คิดว่าจะเรียนได้ ผมขยันอ่านหนังสือ เรียกได้ว่า ห้องสมุดคือบ้านเลยก็ว่าได้ เรียนจบผมก็สอบเข้าเป็นตำรวจ ซึ่งทุกอย่างก็ดูเป็นไปได้อย่างสวยหรู การทำงานแม้จะเสี่ยงอันตรายแต่ผมกลับชอบ ตอนนั้นผมคุยกับสาวไทยคนหนึ่ง เธอทำงานร้านสะดวกซื้อที่นั่น จนผมคิดอยากจะแต่งงานด้วย

   แต่อนาคตความรักที่สวยหวานกลับต้องมาจบลง เมื่อเธอถูกพวกมาเฟียเจ้าถิ่นรุมข่มขืนและเธอทนไม่ได้ก็เลยฆ่าตัวตาย ผมโกรธแค้นจนแทบคลั่ง อยากบุกไปฆ่าพวกมันคืนซะเดี๋ยวนั้นหากก็ทำไม่ได้ เหตุการณ์นั้นทำให้ชีวิตผมเหมือนคนไร้ค่า ยิ่งผมได้รับโทรศัพท์จากประเทศบ้าน เขาบอกว่าพ่อผม...เสียชีวิต เท่านั้นโลกของผมก็แตกสลาย ผมเฝ้าถามตัวเองว่าทำไมเรื่องเลวร้ายแบบนี้ต้องเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ผมก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ผมเลยตัดสินลาออกจากการเป็นตำรวจ แล้วบินกลับเมืองไทยทันที

   ผมเดินเข้าไปในงานศพของพ่อที่จัดขึ้นอย่างสวยด้วยดอกไม้สด ซึ่งภายในศาลาวัดนั้น ไม่ได้มีเพียงโลงศพของพ่อผมเท่านั้น ที่ข้างๆ ยังมีอีกโลงตั้งอยู่ โดยที่ผมไม่ได้สนใจ และไม่ได้ใส่ใจเสียงสะอื้นร่ำไห้ของคนที่นั่งอยู่หน้าโลงนั้น สิ่งที่ผมสนคือรูปภาพในกรอบรูปที่พ่อผมสวมเครื่องแบบตำรวจที่พ่อรักและภูมิใจ ใบหน้าของท่านคล้ายกับกำลังส่งยิ้มมาให้ผม มันเป็นภาพรอยยิ้มแสนใจดีที่ผมเห็นจนชินตาสมัยยังเด็ก

   ผมพยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อกลั้นน้ำตาที่คอยจะไหล อยู่ๆ ก็มีซองสีขาวถูกยื่นมาตรงหน้า ผมมองไล่จากมือขาวนั่น จนเห็นคนที่เป็นคนยื่นให้ผม ใบหน้าแดงกล่ำกับดวงตาบวมช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักพยายามอย่างยิ่งที่จะกลั้นสะอื้น
 
   “พ่อคุณฝากไว้ให้” ผมมองซองนั้นด้วยความสงสัยแต่ก็รับมันมา ชายคนที่ยื่นให้ผมขยับกลับไปนั่งหน้าโลงศพอีกโลง มือขาวสองข้างกำแน่นอยู่บนตัก


   เขาก็เจ็บปวดไม่ต่างจากผมสินะ


   ซองจดหมายของพ่อ มีข้อความเขียนไว้ถึงผม แต่ลายมือกลับไม่ใช่ ผมค่อยๆ ไล่อ่านตัวหนังสือทุกตัวอักษร เนื้อหานั่น หลักๆ คือขอโทษที่ทำให้ผมลำบาก พ่อภูมิใจที่รู้ว่าผมตามรอยท่าน และท่านก็อยากให้ผมมีชีวิตที่ดี แน่นอนว่าพ่อไม่สามารถอยู่รอดูงานแต่งงานของผมได้อีก คงเพราะตอนนั้นผมติดต่อกลับมาว่าอยากจะแต่งงาน จากที่คิดว่าท่านไม่สนใจ ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าผมสำคัญกับพ่อเสมอ ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หากก่อนหน้านี้ ถ้าผมไม่เอาแต่มีความสุขอยู่กับหญิงสาวคนนั้นและเป็นบ้าหลังจากเธอตาย หากผมยอมกลับมาในวันที่พ่อโทรไปขอร้อง ผมก็คงไม่รู้สึกเสียใจมากขนาดนี้


   ผมเห็นความรักระหว่างชายหญิงสำคัญกว่าพ่อ ผมโคตรเลวจริงๆ


   แต่สิ่งที่ทำให้ผมสะดุด คือเนื้อหาจดหมายส่วนท้าย ที่มันทำให้ผมต้องรีบหันไปมองคนข้างๆ พ่อขอร้องให้ผมช่วยดูแลเด็กคนนี้ ปกป้องเขา อยู่ช่วยงานเขา เพราะเขาคือหลานชายของเจ้านายที่พ่อรักและเทิดทูนเท่าชีวิต ผมมองหน้าคนที่พ่อฝากไว้ด้วยความสับสน ทำไมพ่อถึงอยากให้ผมดูแล?

   ตลอดงานศพจนถึงเผา ชีวิตผมอยู่ที่วัดทุกวัน ทุกคืน มันทำให้ผมได้รู้จักคนที่พ่ออยากให้ดูแลมากขึ้น เพราะเขาก็นอนในศาลาเหมือนผม แต่กลับไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลย จนผ่านพ้นช่วงเวลาที่แสนโศกเศร้าไป ผมได้เจอเด็กนั่นอีกทีตอนที่เข้าไปเก็บของๆ พ่อที่คอนโดสูง เด็กคนนั้นดูเฉยชามาก เขานั่งมองผมเก็บของที่ห้องของพ่อ ก่อนจะเอ่ยถามประโยคที่ทำเอาผมตกใจ

   “คุณรู้ไหม ว่าพ่อคุณตายได้ยังไง”

   มันน่าตกใจมากใช่ไหม ที่คนอายุน้อยกว่าผม แต่กลับถามคำถามแบบนั้นออกมา

   “หมายความว่า คุณรู้?”

   ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมานอกจากซองเอกสารและสมุดบันทึก ผมรับมาแบบงงๆ พอจะถาม เด็กคนนั้นก็เดินออกห้องไปแล้ว ผมวางข้าวของทุกอย่างลงแล้วเปิดดูของที่ได้มา ซองเอกสารมีกระดาษเกี่ยวกับข้อมูลการตาย มีผลการชันสูตรร่างของพ่อผมอย่างละเอียด

   พ่อผมไม่ได้ถูกรถชนตายเหมือนที่คนอื่นว่า?

   จากเอกสาร ระบุว่าร่างของพ่อผมมีกระสุนฝังที่ร่างกายนับสิบนัด เจาะกะโหลกอีกหนึ่งนัด และที่น่าตกใจคือ รูปภาพจากกล้องวงจรปิดที่มาเป็นฉากๆ พ่อผมเอาตัวเองบังร่างใครสักคน ก่อนร่างจะทรุดลงไปจนเห็นอีกคน แต่ก็ไม่นาน ร่างคนที่พ่อผมปกป้องก็ล้มลงตาม เมื่อถูกกระสุนเจาะเข้าหน้าผาก

   นี่มันอะไรกัน มีการฆ่ากันตายอย่างง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ

   ผมเปิดสมุดบันทึกของพ่อ หน้าแรกเป็นตารางงานต่างๆ ของคุณอาณาจักร ซึ่งคาดว่าคงเป็นชื่อของเจ้านายของพ่อ และรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งการทำงานในแต่ละวันของคุณจักรพรรดิ อยากรู้จริงๆ ทำไมพ่อถึงต้องเอาชีวิตเข้าแลกด้วย แม้รู้ว่าเป็นคนที่น่าเทิดทูน แต่ต้องใช้ชีวิตตัวเองปกป้องขนาดนั้นเลยหรือไง ก่อนจะปิดสมุด ผมเห็นข้อความด้านหลัง พ่อเขียนว่าอยากให้ผมกลับมาทำงานที่ wonder land และนั่น ทำให้ผมตัดสินใจไปสมัครงานตามความต้องการของพ่อ

   เพียงแค่เหยียบเข้าที่นั่นวันแรก ผมก็ต้องเจอกับเรื่อง เมื่อด้านในกำลังถูกนักเลงยกพวกมาทำลายข้าวของจนเสียหาย ส่วนพนักงานของที่นี่ก็พากันวิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละทาง มีเพียงคนเดียวที่ต่อสู้ แม้ตัวเองจะเจ็บจนแทบลุกไม่ขึ้น แต่ก็ยังไม่คิดยอมแพ้ นั่นทำให้ผมแทบไม่ต้องคิดอะไรมากที่จะเข้าไปช่วย กว่าทุกอย่างจะสงบ ข้าวของชั้นนี้ก็เสียหายเกือบหมด

   “ไปโรงพยาบาลกัน” ผมประคองร่างเด็กที่เคยเจอที่งานศพ เด็กคนนั้นส่ายหน้า ดวงตามองไปรอบๆ บริเวณ “แต่คุณเจ็บ...”

   “เชี้ยเอ๊ย กล้าเข้ามาถึงในนี้ได้ยังไง” คำสบถนั่นมันทำให้ผมแปลกใจ แววตาดุดันกว่าคนที่ผมเคยเจอที่ห้องตอนเก็บของ ก่อนจะอ่อนลงมาเมื่อหันมามองผม “ขอบคุณที่ช่วย แต่ผมไม่เป็นอะไร” คนเจ็บสะบัดแขนออกจากการจับ ขายาวค่อยๆ จัดการเก็บของที่กระจัดกระจาย แม้ส่วนใหญ่จะใช้ไม่ได้แล้วก็ตาม

   “เดี๋ยวผมช่วยคุณเอง” ไม่มีคำตอบกลับใดๆ ตอบกลับมา แต่ผมก็เลือกที่จะช่วยเก็บของ ซึ่งไม่นานพนักงานคนอื่นๆ ก็รีบเข้ามาช่วย ผมลอบมองเสี้ยวหน้าคนเจ็บอย่างทึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้มแข็งได้ขนาดนี้ จากวันที่เจอครั้งแรก ยังร้องไห้ตาบวมบูดอยู่เลย

   แต่เพราะแววตาดุดันและไม่ยอมแพ้นั่น ทำให้ผมได้รู้ ว่าทำไมพ่อถึงอยากให้ผมช่วยคนๆ นี้ บริหารงานที่นี่ต่อ นั่นเพราะพ่อเฝ้าดูเขาทำงานมานาน จากบันทึกนั่น งานที่เด็กคนนี้ทำ ไม่ใช่งานบริหาร แต่เป็นงานสำหรับพนักงานทั่วไป แต่นั่น มันกลับสร้างให้เขาเข้มแข็งและสามารถยืนหยัดด้วยขาของตัวเอง

       พ่อครับ ผมจะทำตามความต้องการของพ่อ ผมจะดูแลหลานชายเจ้านายของพ่อเอง ไม่ต้องห่วง





***
   
   “หัวเราะอะไรดีน” เสียงเข้มกระชากใส่ หลังจากผมหลุดขำออกมา “พูดดีๆ นะ”

   “ก็แค่คิดว่า คุณหนึ่งยอมกระวานมากเกินไป” ผมพูดในสิ่งที่คิด กระวานที่ว่า คือหนุ่มปากดีที่ไม่รู้ทลายกำแพงหัวใจของนายจักรพรรดิเจ้าของ wonder land คนนี้ได้ยังไง

   “นั่นสิ ทำไมฉันถึงต้องยอม” พูดไม่ทันจบ ประตูห้องทำงานชั้นบนสุดของตึกก็เปิดออก พร้อมร่างอวบของคนที่เพิ่งพูดถึง “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ใครทำอะไรให้ไหนบอกพี่ซิ” เกือบหลุดขำอีกรอบ เมื่อเสียงขึงขังกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

   “ก็ไนท์ เด็กที่ร้านของพ่อส่งรูปข้าวมาให้ดู น่ากินมาก” ผมมองคนพูดถึงอาหารด้วยใบหน้าง้ำงอแล้วอยากขำ และเจ้านายของผมก็คงเหมือนกัน “กระวานขอไปที่ร้านได้ไหม”

   “ให้ดีนไปเอา” อยู่ๆ ก็ถูกโยนงานมาให้เฉย ผมกระพริบตาปริบๆ มองคนสั่ง เพียงเพราะไม่อยากให้คนรักห่างสายตาเกินชั่วโมง ถึงกับสั่งงานแบบนี้มาให้ มันใช่เรื่องของผมไหมเนี่ย “นายไปเอาข้าวที่ร้านกระวานนะ”

   “ขอบคุณนะดีน”

   ได้แต่ส่ายหน้าขำให้กับการถูกโยนงานแบบส่งๆ โดยที่ขัดอะไรไม่ได้ แต่ถึงจะขัดได้ ผมก็เลือกที่จะทำให้อยู่ดี ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ผมเพิ่งเคยเห็นเจ้านายดูมีความสุขก็วันนี้ แต่กว่าจะมาถึง ก็ทุลักทุเลพอควร

         ผมออกจากคลับไปร้านอาหารนั่นใช้เวลาประมาณสามสิบนาที เพราะการอยู่ชานเมืองแบบนี้รถเลยไม่ติด ร้านหิ้วปิ่นโต ชื่อร้านน่ารักสมกับการตกแต่ง ด้านหน้ามีปิ่นโตสีชมพูอันใหญ่ตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ ผมเปิดประตูลงจากรถ หางตาเหลือบไปเห็นผู้ชายรูปร่างผอมสูงกำลังก้มๆ เงยๆ กับของที่วางกองอยู่ที่พื้น ดูจากปริมาณจะมากกว่ามือซะแล้วมั้ง

   “ให้ผมช่วยไหมครับ” ทันทีที่เอ่ยถาม คนง่วนอยู่กับของก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตารีดูมีเสน่ห์ดึงดูดให้ผมเผลอจ้อง จนเจ้าของดวงตากระพริบลงผมถึงมีสติ “พอดีเห็นคุณถือไม่ไหว”

   “ขอบคุณครับ” ได้รับการขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม ผมรีบก้มเก็บของที่ยังอยู่ที่พื้นขึ้นมา เป็นกล่องโฟมที่หนักเอาการ “ตอนแรกก็ไม่อยากจะรบกวน แต่ผมคงถือเข้าไปพร้อมกันไม่ไหว”

   “แล้วทำไมคุณไม่ออกมาเอาทีหลังล่ะ” ถามเสร็จ คนเดินถือของนำหน้าก็หยุดก่อนจะหันมา “ครับ?”

   “นั่นสิ ผมนี่โง่อีกแล้ว”

   สุดท้ายก็ต้องหลุดขำให้กับท่าทางบ๊องๆ นั่น คนบอกว่าตัวเองโง่เดินนำลิ่วไปทางหลังร้าน พอเปิดประตูเข้าไป ด้านในมีแต่ของสด ของแห้ง รวมไปถึงวัตถุดิบต่างๆ ผมอยู่ช่วยเก็บของเข้าตู้แช่เสร็จกำลังจะออกไป หากไม่ถูกเรียกไว้ซะก่อน

   “คุณเป็นลูกน้องของแฟนพี่กระวานใช่ไหม ผมจำได้”

   “จำผมได้ด้วยเหรอครับ?”

   “ลางๆ” อยากจะขำให้กับความไม่มั่นใจนั่น แต่ก็ยังทายถูก ผมพยักหน้ารับช้าๆ เป็นคำตอบ “แล้วคุณมาทำไมเหรอครับ”

   “อ๋อ พอดีคุณกระวานให้ผมมาเอากับข้าว...”

   “อ่าว ก็ไนท์เอาไปส่งให้แล้วนี่ครับ หรือว่ายังไม่ถึง”

   “ถึงแล้วครับ แต่กับข้าวที่มาเอา ดูเหมือนจะเป็นอย่างอื่น”

   “อย่างอื่นที่ว่า คืออะไรเหรอ?”

   นั่นสิ ผมก็ลืมถามไป โดนใช้ให้มาเอาก็ออกมาเลย ไม่ได้ถามกลับด้วยว่าอาหารที่ว่าคืออะไร

   “เห็นว่าพนักงานที่นี่ส่งรูปไปให้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่ารูปอะไร”

   “พนักงานที่นี่? ใครกัน” ระหว่างที่กำลังเคร่งเครียด ประตูอีกด้านถูกเปิดออก ก่อนจะมีพนักงานอีกคนเดินเข้ามาพลางตกใจที่เห็นผมยืนอยู่ด้วย “กอล์ฟ มึงได้ส่งรูปอะไรไปให้พี่กระวานไหม”

   “รูป? รูปอะไร ไม่ได้ส่งนะ”

   “อ่าว แล้วใครส่งรูปไปให้ล่ะ หรือจะเป็นไอ้ไนท์?”

   “ก็มีมันอยู่คนเดียวนั่นล่ะ ที่ชอบยั่วพี่กระวานเขา แล้วนั่นใครเหรอซัน” กว่าผมจะอยู่ในการความสนใจก็นานหลายนาที คนชื่อซันที่ผมช่วยถือของมาก็ยิ้มกว้างแล้วเดินมายืนข้างผม

   “คนของแฟนพี่กระวานไง จำไม่ได้เหรอ”

   “อ๋า คุ้นๆ”

   นี่หน้าผมจำยากขนาดนั้นเลยเหรอ ออกจะหน้าตาดีจนใครๆ ก็จำได้ทั้งนั้น

   “ว่าแต่ เข้ามามีอะไร ลูกค้าไม่มีแล้วเหรอ”

   “ไม่มีน้อยสิ คนเยอะมากเลย ไอ้ไนท์ก็ยังไม่กลับ เถ้าแก่ให้มาเรียกไปช่วย”

   “ได้ๆ” พออีกคนออกไป ซันก็หันมายิ้มให้ผม “คงต้องรอให้ไนท์กลับมา ไม่งั้นคุณก็ต้องโทรไปถามพี่กระวานว่าอยากได้อาหารอะไร”

   “งั้นผมรอก็ได้” เพราะรู้ว่า เวลานี้คุณหนึ่งคงไม่อยากให้ใครรบกวน

   จังหวะที่ผมกับซันจะออกไปหน้าร้าน ประตูก็ถูกผลักเข้ามาซะก่อน คนเข้ามาตีหน้ายุ่ง มือก็รีบถอดผ้ากันเปื้อนออก

   “ซัน ช่วยทำอาหารแทนฉันด้วยนะ” พ่อของคุณกระวานดูรีบร้อน น้ำเสียงร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด

   “มีอะไรเหรอครับ”

   “โป๊ยกั๊กน่ะสิ ไปก่อเรื่องที่โรงเรียนอีกแล้ว”

   “ได้ครับ ผมจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด”

   “ขอบใจมาก...แล้วนี่”

   “สวัสดีครับ ผมดีนเป็นลูกน้องของคุณหนึ่ง” รีบแนะนำตัวก่อน

   “อ๋อ มีอะไรก็บอกซันได้เลยนะ เขาเป็นผู้ช่วยของผมเอง ฝากด้วยนะซัน” พูดเร็วๆ ก่อนพ่อของคุณกระวานจะออกไปทางประตูด้านหลัง

   “แล้วผม?”

   “คุณออกไปรอด้านนอกดีกว่า เผื่อไนท์มาจะได้ถามมันเลย”

   ผมมองตามหลังคนที่ออกประตูไปหน้าร้าน และเขาคงไม่เห็นผมเดินตามเลยชะโงกหน้ามากวักมือเรียก รอยยิ้มกว้างแบบนั้นดูน่ารักดี ผมถูกจัดให้นั่งโต๊ะด้านในสุด ตอนนี้ร้านคนแน่นคงเพราะเป็นเวลาเที่ยง มีพนักงานเสิร์ฟคนเดียวที่เดินไปเดินมาจนผมเวียนหัวแทน ส่วนคนที่ผมเดินตามออกมาก็กำลังง่วนอยู่กับการทำกับข้าว

   “เป็นเชฟเหรอ” พึมพำกับตัวเองก่อนจะละสายตาจากคนตั้งใจผัดของในกระทะ เมื่อมีเสียงตะโกนเรียกพนักงาน แต่คนถูกเรียกยังจดรายการอาหารอยู่อีกมุมร้าน ผมเลยตัดสินใจลุกขึ้นไปหาลูกค้าของร้านที่เริ่มนิ่วหน้าโมโห “สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ”
 
   “เอ่อ” พอเจอหน้าผมลูกค้าผู้หญิงทั้งโต๊ะต่างก็พากันอ้ำอึ้งจนผมต้องถามย้ำ เธอถึงชี้นิ้วสั่ง ด้วยความที่ผมไม่มีกระดาษแต่ก็ยังพอจำได้ “หล่อจังเลยค่ะ” กำลังจะหันหลังกลับ เสียงเอ่ยชมก็ดังขึ้น ผมหันไปโค้งเป็นการขอบคุณคำชม พวกเธอก็ยิ้มกว้างกัน

   ผละจากโต๊ะนั้นผมก็เดินมาที่โซนเคาน์เตอร์ทำครัว เห็นซันกำลังตกแต่งผัดไทกุ้งสดก่อนจะยื่นมาบนเคาน์เตอร์ ดวงตารีสวยดูตกใจที่เห็นผมยืนจังก้าอยู่

   “มีอะไรหรือครับ” คนทำอาหารยกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าผาก

   “พอดีลูกค้าสั่งกับข้าว.....” บอกรายการไป ซันก็พยักหน้ารับ “จำได้ไหมครับ หรือต้องจด”

   “จำได้ครับ รอสักครู่” ตอบรับพร้อมรอยยิ้มกว้าง ผมยืนนิ่งดูคนยืนหน้าเตาด้วยความทึ่ง ซันทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว หยิบจับอะไรก็ไม่ลังเล เหมือนรู้ปริมาณว่าเท่าไหร่ถึงจะพอดี รออยู่ไม่นาน จานอาหารก็ถูกนำมาวาง แต่มันไม่ใช่รายการอาหารที่ผมบอกไป ก่อนที่จะท้วง พนักงานอีกคนก็รีบปรี่เข้ามาหยิบไปเสิร์ฟ

   นี่จำได้ยังไงว่าใครสั่งอะไรไปบ้าง

   ยืนรออีกไม่นาน อาหารจานที่ผมบอกก็ถูกนำมาวาง สีสันของอาหารดูน่าตาน่ารับประทาน แถมมีการตกแต่งแม้ไม่ได้ประณีตมาก แต่ก็สวยพอที่จะสามารถถ่ายรูปอวดคนอื่นได้ตามโลกโซเชียล ผมกับพนักงานเสิร์ฟอีกคนพากันเดินวุ่นไปหมด กว่าลูกค้าจะค่อยๆ ทยอยหมด ก็เล่นเอาขาล้าไปเหมือนกัน นี่ขนาดว่าผมออกกำลังทุกวันแล้วนะ

   “เหนื่อยชะมัด” คนที่เดินชนกับผมอยู่หลายรอบนั่งลงที่เก้าอี้อย่างหมดแรง คงไม่ต่างจากผมที่ตอนนี้ก็นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา “ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ได้คุณช่วยละก็ ผมคงตายพอดี”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ ว่าแต่ว่า ร้านนี้คนเยอะแบบนี้ทุกวันเลยเหรอครับ” ชวนคุยเพื่อรอซันที่ยังทำอาหารหน้าเตา “ผมว่า น่าจะรับคนเพิ่ม”

   “ปกติแล้วจะมีพนักงานอีกคน แต่วันนี้มันไปส่งข้าวกล่องแล้วคงอู้ กลับมาเมื่อไหร่ สงสัยผมจะต้องสั่งสอนซะหน่อยแล้ว” หลุดขำกับท่าทางโมโหที่ดูทีเล่นทีจริง “ผมขอตัวไปล้างหน้าก่อนนะครับ”

   พอทั้งโต๊ะเหลือแค่ผม  เลยสะดวกในการมองร่างผอมที่เหมือนทำอะไรสักอย่าง ซันก้มๆ เงยๆ ทำอะไรหน้าเตา ทั้งที่ตอนนี้ไม่มีลูกค้าแล้วแท้ๆ ก่อนที่จะได้ถามอะไร ซันก็เดินออกมาพร้อมกับจานข้าว

   “บ่ายแล้วคุณคงหิว ทานข้าวก่อนนะครับ” ซันวางจานข้าวสองจานบนโต๊ะ จานหนึ่งถูกเลื่อนมาตรงหน้าของผม “ไม่รู้คุณจะทานได้ไหม”

   “ไข่ต้มผมก็ทานได้ครับ” ว่าให้ติดตลก “แล้วนี่?”

   “ข้าวไข่ข้นกุ้งสด ผมลองทำแล้วเชฟว่าอร่อย คุณลองชิมดูนะครับ”

   มองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่กำลังก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก รอยยิ้มติดมุมปากอยู่ตลอดทำให้ผมแทบไม่อาจละสายตาไปที่อื่น ซันดูมีความสุขทั้งที่ตอนทำกับข้าวจะเหนื่อยหรือร้อนมากแค่ไหน แต่ริมฝีปากก็ยังคงมีรอยยิ้มเสมอ

   “ไม่ทานเหรอครับ เดี๋ยวเย็นหมดนะ” มัวแต่จ้องเพลิน กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนนี้สบตากับดวงตารีคู่นั้นพอดี ผมรีบก้มหน้าตักข้าวไข่ข้นเข้าปาก รสชาติที่สัมผัสมันนุ่มนวลไม่เหมือนไข่ข้นร้านอื่นที่ผมเคยลอง “อร่อยไหม”

   “มาก” ยกนิ้วโป้งการันตีให้ไป ซันหัวเราะร่วนทันที ก่อนจะหยุดขำไปเมื่อหน้าร้านมีคนเดินเข้ามา ใบหน้าหวานดูบูดบึ้งจนผมสงสัยว่าเขาเป็นใคร

   “ไอ้ไนท์ มึงแอบไปอู้ไหนมา” เสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง คนที่ไปล้างหน้าชี้นิ้วตะโกนด่า “มาให้กูเตะตูดเลยมึง ทำให้กูเหนื่อย”

   “ผมไม่ได้อู้นะ ก็ไปส่งข้าวไง” คนอู้วิ่งรอบร้านหนีการถูกไล่ ซันส่ายหน้าพลางกินข้าวตัวเองต่อ “ซัน ข้าวกูล่ะ” พอเหนื่อยก็มานั่งอยู่ข้างซัน ผมย่นคิ้วเมื่อเห็นแบบนั้น ไม่ได้ไม่ชอบ แค่รู้สึกแปลกๆ กับความรู้สึกของตัวเองที่เกิดขึ้น

   “ไปหากินเอง มาช้า” ทำไมผมถึงรู้สึกอยากยิ้มให้กับคำตอบที่ซันพูดไป “เอ่อใช่ มึงถ่ายรูปอะไรส่งให้พี่กระวานวะ”

   “รูปอะไร?” คนส่งรูปตีหน้างง ก่อนจะร้องอ๋อออกมายืดยาว “ก็สปาเก็ตตี้มัสมั่นทะเลไง” พูดไม่ทันจบดีก็ถูกฝ่ามือตบเข้าเต็มศีรษะ ขนาดผมยังตกใจ “พี่กอล์ฟตบหัวผมทำไมเนี่ย”

   “ก็มึงเอาอาหารที่เพิ่งลองสูตรส่งไปได้ยังไง เถ้าแก่กลับมากูจะฟ้อง”

   “โธ่พี่ ผมก็แค่อยากแกล้งพี่กระวานเอง”

   “มึงจะแกล้งก็ต้องคิดด้วยว่า ใครจะเดือดร้อนบ้าง เมนูนั้นเถ้าแก่กำลังปรับปรุงสูตรอยู่” ซันโวยบ้าง ใบหน้าติดยิ้มเมื่อกี้บูดบึ้ง

   “ไม่เห็นจะมีใครเดือดร้อนเลย มึงก็พูดเกินไปไอ้ซัน”

   “นี่ไง เขาเป็นลูกน้องของแฟนพี่กระวาน เขาถูกใช้ให้มาเอาของที่มึงส่งไป” ซันพูดจบ คนส่งรูปก็หันมามองผมตาโต ก่อนจะรีบยกมือไหว้ขอโทษ “มึงทำให้เขาเสียเวลาเห็นไหม จำใส่สมองบ้าง”

   “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

   “ไม่เป็นไรครับ” บอกอย่างทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเวลานี้ เจ้านายก็คงไม่ต้องการผมอยู่แล้ว “แต่ต่อไปรบกวนคิดหน้าคิดหลังก่อนทำด้วยนะครับ”

   “เขาบอกให้มึงใช้สมองเยอะๆ”

   “พี่กอล์ฟผมเจ็บ”

   “ก็กูทำให้เจ็บ มึงจะได้จำ”

   ก่อนจะโดนมากกว่านี้ คนที่ชื่อไนท์รีบวิ่งไปห้องด้านหลังโดยมีคนวิ่งไล่ตาม

   “วุ่นวายดีนะครับ” ยิ้มเจื่อนๆ ส่งให้ ซึ่งซันก็ขำออกมา

   “ก็เป็นแบบนี้แหละครับ ว่าแต่ คุณไม่โทรบอกพี่กระวานเหรอ ว่าเมนูนั้นมันไม่มี พวกเขาจะได้ไม่รอ”

   พอถูกเตือนผมก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายไปใช้เวลานานก็ไม่มีคนรับ เลยกดวางแล้วสอดเก็บในกระเป๋ากางเกงเช่นเดิม

   “สงสัยคงไม่รอแล้วละมั้งครับ”

   “นั่นสิ บ่ายแล้วด้วย”

   “ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม” อยู่ๆ ก็นึกอยากถาม ซันพยักหน้ารับช้าๆ “คุณชอบทำอาหารเหรอครับ เห็นยิ้มตลอด”

   “ครับ ผมชอบ ตอนเด็กๆ ผมเคยดูละครที่พระเอกเป็นเชฟ ตอนนั้นเขาเท่มาก ผมเลยตั้งใจไว้ว่า โตมาจะต้องเป็นเชฟให้ได้” ผมจ้องหน้าคนย้อนความหลังที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอยู่ตลอด “ช่วงที่เรียนผมก็ไปทำงานเป็นผู้ช่วยร้านอาหาร จนได้เจอกับเถ้าแก่ ผมหมายถึงพ่อของพี่กระวาน ท่านชวนให้ผมมาช่วยงานที่ร้านดู พอได้มาทำที่นี่ ผมรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่มา”

   “ร้านนี้คงดีมากเลยนะครับ”

   “สำหรับผม ทุกร้านดีเหมือนกันหมด แต่ที่ผมชอบที่นี่ เพราะเถ้าแก่จะคอยสอนในเรื่องที่ผมไม่ถนัด รวมไปถึงคอยรับฟังเมนูที่ผมคิดขึ้นมาเอง และจะรอจนกว่าผมทำจนอร่อย” ซันสบตากับผม รอยยิ้มที่ส่งมากำลังเขย่าหัวใจของผมให้เต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ “เถ้าแก่บอกเสมอว่า อาหารทุกจานที่เราทำนั้น ให้คิดว่าเราทำให้คนที่เรารัก กับข้าวจานนั้นจะอร่อยเป็นพิเศษ ผมเลยยิ้มทุกครั้งที่ทำ”

   “คิดว่า ทำให้คนที่เรารัก?” อยู่ๆ ก็เหมือนดื่มน้ำอุ่นเข้าไป ความร้อนอ่อนๆ กำลังก่อตัวอยู่ในร่างกายของผม “ฟังแล้วอยากเป็นหนูทดลองอาหารของคุณเลย” หลังผมพูดจบ ซันก็หัวเราะออกมาอีกระลอก จนผมคิดว่าตัวเองอาจพูดอะไรผิดไป

   “ได้สิครับ ถ้าคุณไม่กลัวท้องเสียซะก่อน”

   “ผมเชื่อว่า ผมจะได้กินข้าวอร่อยๆ ทุกมื้อแน่นอน เพราะทำมาจากใจ อะไรก็อร่อย”

   เพิ่งรู้ว่าผมก็เป็นคนพูดอะไรแบบนี้ได้เหมือนกัน

   “กดดันเลย แต่ถ้าคุณ...”

   “ดีนครับ”

   “ครับคุณดีน ถ้าคุณมาเมื่อไหร่ ผมจะลองทำกับข้าวใหม่ๆ ให้ลอง คุณบอกจะเป็นหนูทดลองให้ผมแล้วนะ”

   ยิ่งกว่าหนูทดลองก็ย่อมได้

   “ผมจะลองเมนูใหม่คุณทุกจานเลย”

   “ท้องเสียผมไม่รับผิดชอบนะ”

   “ผมรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ต้องห่วง”

   เสียงหัวเราะของคนตรงหน้าสร้างรอยยิ้มของผมให้เกิดได้ง่ายๆ ผมว่า ผมเริ่มรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมคุณหนึ่งถึงดูเปลี่ยนไป จากคนที่ตีหน้านิ่งกลับยิ้มได้ทั้งวัน...ความรู้สึกแสนพิเศษแบบนั้น มันเป็นแบบนี้นี่เอง

   “ผมจะมาที่นี่ทุกวัน ซันเตรียมคิดเมนูได้เลย”

   “ครับ ผมจะรอ”



... END ...

เป็นตอนเดียวจบที่เหมือนไม่จบ (น้ำตาไหล)

ขอบคุณมากๆ ค่าาาาา ไว้เจอกันตอนพิเศษหน้าค่า


ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
อ้างถึง
  “คิดว่า ทำให้คนที่เรารัก?” 

เอ่อดีน ๆ ซันแค่เปรียบเปรยนะอย่าเพิ่งคิดไปไกล  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ   มีสเปพี่ดีนพี่ซันดัวะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แหน๊ ใจเย็นๆก่อนพี่ดีน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะมีส่วนของซันบางไหมนะ ว่ารู้สึกอย่างไงกับดีน  :hao4:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
ดีนนี้มีความมุ้งมิ้งกับเขาเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
กระวาน หนูไม่ได้แค่อวบมั้ง แต่ไม่เป็นไรเนาะ
บอสยังยกไหว อุ้มไหว ก็สบายใจได้ ว่าแค่อวบ
กระวานได้แต้ม คะแนนมามากค่ะ
แหมมม สมใจบอสเลยนะ พูดทีเอาซะไปต่อไม่เป็นเลย
บทจะหวานก็เชื่อมซะ ทีนี้ก็ได้ยิ้มแบบจริงใจสักทีเนาะ

ตลกคุณพ่อ ทำไมทำกับลูกแบบนี้
คือกระวานไม่สงสารคุณพ่อเลยอะ ขำซะงั้น 5555
คุณแม่แมนมากค่ะ สมควรได้คุณพ่อมาครอบครอง

ดีนคะ ซันแค่บอกว่า อาหารจะอร่อยก็คือทำมาจากใจ
ไม่ได้เรียกร้อง หรือไม่ได้ให้คิดไปไกล ให้ใจเต้นอะไรเลยนะ
ซันเอ้ยยย อยู่ดี ๆ ก็มีคนมาจองซะแล้วค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ เรื่องราวสนุกดี ลุ้นเป็นระยะ ๆ
และฟินมากตอนบอสแกล้งกระวาน 55555
เป็นกำลังใจให้นะคะ รอติดตามเรื่องอื่น ๆ จ้า




ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
ขอบคุณฮะ สนุกดี
 o13
 :L2:
 :pig4:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
น่ารักกกกกกก :katai2-1:

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 407
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ช่วงแรกดำเนินเรื่องได้สนุกดีค่ะอ่านเพลินแต่หลังๆช่วงที่แบบใกล้จบคือมันรวบรัดเกินไปหน่อยจนขาดอารมณ์ไปแบบยังอึนๆมึนๆงงไปโผล่ฉากว๊าบๆกันแล้วแต่โดยรวมสนุกดีค่ะอ่านได้เพลินๆไม่เครียด :pig4:

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านได้เพลินๆไม่เครียด  o13

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุก น่ารักมาก ๆ ครับ เป็นครอบครัวที่น่ารักจริง ๆ



ขอบคุณครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขอบคุณค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:

กระวานน่ารัก  :mew1: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
กลับมาอ่านซ้ำค่ะ​ เลิฟๆ​  :กอด1:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
ลับซ่อนรัก ตอนพิเศษ : ตึก 2 ต้องห้าม





        หากผมรู้ว่า งานดูแลคลับจะหนักและเหนื่อยขนาดนี้ ผมคงรีบปฏิเสธ หลังจากเจ๊พิมพ์ขอลาพักร้อนเพราะอยากไปอาบแดด ผมเลยถูกรับหน้าที่ของเจ๊แทน ตอนแรกคิดว่าจะง่าย แค่เดินดูงาน นั่งดูกล้องวงจรปิด ที่ไหนได้ แค่วันแรกก็จะตายอยู่แล้ว

   ปัญหาที่ผมต้องเจอมันจุกจิกจนปวดหัว ไม่ว่าจะเรื่องลิปสติกของหมอนวดหมด สิวขึ้นบ้างจะใช้ยาทาอะไรดี ครีมทาผิวยี่ห้อไหนทาแล้วขาว มันเป็นเรื่องที่ผมก็ไม่รู้แต่ก็ต้องหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตให้ ด้านพนักงานเชียร์แขกก็ไม่ต่างกัน ทั้งอ้วนขึ้นเสื้อคับ ซิปแตก กระดุมหลุด

   นี่มันคืองานอะไรกันแน่เนี่ย

   ยิ่งเจ้าของคลับอย่างพี่หนึ่งไม่อยู่ แถมยังพาดีนไปด้วย ผมเลยต้องรับภาระหนักอยู่คนเดียว หันไปหาใครก็ไม่ได้ ทำไมมันลำบากขนาดนี้ ว่าตอนเป็นผู้จัดการดาราปวดหัวแล้วนะ พอเจอตอนนี้ต้องเรียกว่า สมองจะระเบิด

   “กระวาน” เสียงเรียกจากหน้าประตู ใบหน้าเคร่งเครียดจนผมต้องเครียดตาม “ปัญหาจากตึกสอง”

   “ปัญหาอะไร ไม่เห็นมีใครโทรมาบอก” ผมมองไปที่โทรศัพท์ ก่อนจะเคาะหัวตัวเองที่วางหูไม่สนิท คงเพราะรำคาญเลยยกออกแน่ๆ “มีอะไรเหรอ”

   “ก็มีคนป่วยขาดงานไปตั้งสามคน”

   “สามคน” เบิกตาโตตกใจจนเกือบหงายหลังลงจากเก้าอี้ “ป่วยพร้อมกันเลยเหรอ”

   “อืม ตอนนี้ตึกนั้นกำลังวุ่นวายเพราะคนไม่พอ กระวานก็รู้ว่าตอนเย็นคนตึกนั้นจะเยอะ ยิ่งวันหยุดด้วยแล้ว” ใช่ วันหยุด ทำไมทุกคนต้องขาดวันหยุด “จะทำยังไงดี”

   ผมถอนหายใจพลางมองหน้าพนักงานเชียร์แขกของตึกหนึ่ง คนนี้สนิทกับผมตั้งแต่ตอนเข้ามาใหม่ๆ แม้จะไม่ได้สนิทมาก แต่ก็กล้าที่จะเข้ามาคุยกับผมต่อ ต่างจากคนอื่นที่ทำเพียงแค่ปรายตามอง ไม่ก็ส่งยิ้ม จะพูดจะคุยก็ดูเป็นทางการหมด

   แค่ผมคบกับพี่หนึ่งเอง ไม่ได้เป็นเจ้าของอาบอบนวดที่นี่สักหน่อย ทำไมต้องกลัวกันด้วย ไม่เข้าใจ

   “เดี๋ยวเราไปดูเอง” ตัดสินใจบอกออกมา

   “แล้วใครจะดูแลที่ตึกนี้ล่ะ เกิดมีเรื่อง...”

   “ไม่มีหรอก ใครจะกล้ามีเรื่อง เราแค่ไปดูเอง เดี๋ยวก็มาแล้ว”

   “งั้นก็ สู้ๆ นะ”

   ยิ้มรับกำลังใจที่ส่งมา ผมสูดเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินไปยังตึกสองที่เคยเข้าไปแล้ว และก็ถูกสั่งห้ามให้เข้าไปอีก แต่วันนี้ ผมกำลังจะย่างกรายเข้าไปอีกครั้ง หวังว่าพี่หนึ่งคงจะไม่กลับมาเร็วอย่างคราวที่แล้วหรอกนะ ไม่งั้น ผมโดนด่าเละแน่


   จากความใจกล้าฮึดสู้ พอมายืนอยู่หน้าประตูตึกสองใจก็เริ่มฝ่อ เอาวะ เข้าไปดู ไม่ได้เข้าไปทำงาน คงไม่มีอะไรหรอก ทันทีที่ผลักบานประตูเข้าไป เสียงเพลงเบาๆ คลอเค้าเสียงพูดคุย บ้างก็มีเสียงหัวเราะ บ้างก็มีเสียงออดอ้อน มันอาจจะดูแปลกจากตึกหนึ่ง เพราะที่นี่ส่วนใหญ่ เสียงออดอ้อนที่ได้ยินจะเป็นเสียงของผู้ชายหน้าตาน่ารักน่าจิ้ม

   และอันที่จริง ตึกนี้ก็มีคนดูแลเหมือนกัน แต่จะดูแลเฉพาะส่วนของงานบริการ พวกเครื่องดื่ม ของว่าง อาหารทุกอย่าง ห้อง โต๊ะ แต่สำหรับเรื่องพนักงาน จะเป็นเจ๊พิมพ์ที่เป็นคนคุม ซึ่งตอนนี้ผมต้องรับหน้าที่นี้แทน

   “คนเยอะนะครับวันนี้” เดินตัวลีบไปหาหัวหน้าที่ควบคุมการบริการ ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มบางๆ มาแทน “เดี๋ยวผมจะลองติดต่อพนักงานคนอื่นดู แต่ไม่รู้เขาจะมาหรือเปล่านะครับ”

   “ขอบคุณครับ วันนี้ผมก็แทบไม่ไหว เดินจนขาสั่นไปหมด” พูดไม่พอ ยังสั่นขาให้ผมดูอีก “ถ้าได้มาสักคนสองคนก็ยังดี”

   “แล้วที่ลาไป ป่วยเป็นอะไรเหรอครับ” หรือจะป่วยการเมืองวะ

   “เป็นหวัด”

   “หวัด? พร้อมกันทั้งสามเลยเหรอครับ น่าแปลก”

   “สามคนที่ป่วยทำงานแทบไม่ได้พักเลยครับ แต่ละคนก็มีปัญหาการเงิน ร่างกายคงทนไม่ไหว”

   “ทนเอาหน่อยนะครับ เห็นเจ๊พิมพ์บอกรอพนักงานมาสัมภาษณ์งานอยู่ น่าจะประมาณอาทิตย์หน้า” เพราะคนสัมภาษณ์ไปพักร้อนเลยต้องเลื่อนออกไป “งั้นเดี๋ยวผมไปหาพนักงานมาเพิ่มให้นะครับ” ถ้าไม่ได้ยังไง ผมจะจับพนักงานเชียร์แขกตึกหนึ่งมาทำ

   จังหวะที่ผมกำลังจะออกไป ประตูหน้าตึกก็เปิดออก ลูกค้าแต่งตัวภูมิฐานเดินเข้ามา ซึ่งหัวหน้าตึกนี้กระซิบบอกว่าเป็นลูกค้าวีไอพีกระเป๋าหนัก แต่เลือกคนยาก เพราะขี้เบื่อ ผมสังเกตมองคนเข้ามาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูแล้วก็เหมือนพวกลูกคนรวยธรรมดาๆ

   “ไม่ทราบว่าได้จองที่นั่งมาหรือเปล่าครับ” ผมเดินเข้าไปถามดู แว่นตาสีชาถูกมือเกี่ยวออกเผยให้เห็นดวงตาเรียวที่ตวัดมองผมคืน “ถ้าเกิดคุณลูกค้าไม่ได้จองโต๊ะ สะดวกจะนั่งโซนด้านล่างหรือ...”

   “ฉันมีโต๊ะประจำอยู่แล้ว” พูดจาแข็งกระด้างสุดๆ “แล้วนี่จะให้ลูกค้ายืนอยู่หน้าร้านแบบนี้ตลอดเลยเหรอ” กิริยามารยาทก็ทรามมาก

   “ขอโทษครับ งั้นเดี๋ยวผมจะพาไป” แทบกัดฟันพูด ผมยื่นหูไปฟังโต๊ะประจำจากหัวหน้าที่นี่ พอรู้ก็รีบเดินตาม ใช่ครับ เพราะลูกค้าคนนั้นเดินนำไปแล้ว ระหว่างที่เดินตามหลังไป ผมก็คอยมองว่ามีโฮสต์ที่นี่คนไหนว่างบ้าง จนไปสะดุดตาอยู่ที่เด็กหน้าตากระเดียดไปทางสวย

   “เมนูล่ะ” มัวแต่เลือกเลยลืมเมนูติดมือมา ผมรีบโค้งศีรษะขอโทษ “สะเพร่าจริงๆ”

   “ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ”

   รีบหันหลังเดินหนี ผมเดินเข้าไปหาคนที่ว่างเมื่อลูกค้าที่บริการเช็คบิลไปแล้ว แขนขาวยิ่งกว่าผู้หญิงถูกผมจับจนเจ้าตัวสะดุ้ง

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   “ว่างแล้วใช่ไหม ช่วยไปดูแขกวีไอพีให้หน่อย”

   “เอ่อ...”

   คนที่ผมบอกเอียงหน้าไปมองยังโต๊ะด้านบน ก่อนใบหน้าขาวจะรีบส่ายรัวๆ

   “ทำไมล่ะ”

   “ลูกค้าคนนั้น ปกติจะเรียกหาแต่พี่หอม พอพี่หอมออกไปก็ไม่เคยถูกใจใครอีกเลย คนเข้าไปดูแลอยู่ได้ไม่เกินนาทีหรอกครับ” ใบหน้าเข็ดขยาดของคนตรงหน้า ทำเอาผมต้องสะบัดคอหันไปมองคนต้นเรื่อง “ต่อให้คุณไปหาคนอื่น ก็ไม่มีใครยอมไปหรอก เชื่อผมสิ”

   “แล้วปกติใครเป็นคนดูแลเขาเหรอ?” ถามด้วยความไม่รู้ เผื่อรู้จะได้ไปตามหา เสาะหาคนๆ นั้นมา

   “ปกติแล้ว พวกเราจะให้เจ๊พิมพ์มาดูแลครับ” ความหวังที่มีแสงเรืองรองเมื่อกี้ ค่อยๆ ดับลง “แต่คุณก็น่าจะรู้ ว่าตอนนี้...”

   “ผมเข้าใจแล้ว” บอกอย่างยอมแพ้ให้ความซวย ต้องบอกว่าซวยถูกแล้ว ทุกอย่าง ทุกความยาก มันได้มารวมกันในวันนี้หมดแล้ว และจะบอกว่า ผมพยายามฟังเสียงความคิดของเขาแล้ว มันกลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา แบบนี้ผมจะไปหาสเปคถูกใจเขาได้จากที่ไหน

   “สู้ๆ นะครับ” ก่อนโฮสต์คนนั้นจะไป ยังยื่นมือขาวมาตบไหล่เพื่อเป็นกำลังใจให้ผม

   แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ผมลองไปตามโฮสต์คนอื่นๆ แต่ก็ไม่มีใครยอมมาด้วย จะมีก็แต่โฮสต์ที่ยกอาหารจานหรูไปเสิร์ฟแค่นั้น แล้วก็รีบลงมา

   ผมต้องไปเหรอ

   ในเมื่อไม่มีใครยอมไปนั่งด้วย ผมก็ต้องไป ตอนย่อตัวจะนั่งก็เจอสายตาโหดตวัดมามอง พร้อมคำถามว่า มาทำไม เอาซะไปไม่ถูก

   “ผมอยากกินเงียบๆ”

   “ไล่ผมทางอ้อมใช่ไหมเนี่ย” แกล้งพูดให้ติดตลก แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้านิ่ง

   “ไล่ตรงๆ นี่แหละ หรือฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง”

   ตรง ชัด และแรง หน้าชาไปเลยผม

   “ไอ้เข้าใจก็ใช่ แต่คุณมองไปรอบๆ สิ ทุกคนเขายิ้ม หัวเราะกัน แต่คุณหน้าบึ้งเหมือนไม่ได้ขี้...เอ่อ ถ่ายไม่ออกอย่างงั้นล่ะ” แล้วเสียงส้อมกับมีดกระทบจานก็ดังขึ้น ทำเอาผมรีบหลับตาปี๋กลัวมันจะกระเด็นมาทิ่มตา “มีอะไรเหรอครับ” พอหรี่ตาดู ก็เห็นดวงตาดุจ้องมอง

   “คุณไม่เห็นเหรอ ว่าผมกินข้าวอยู่” ปรายตามองอาหารในจานตรงหน้าของลูกค้า ผมก็แทบอุทานออกมาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

   มันบดวางอยู่ข้างสลัดผัก มีสเต็กชิ้นโตที่ถูกตัดไปหนึ่งคำ ดูแล้วก็เป็นอาหารธรรมดา ถ้าไม่มีฟักทองสีเหลืองอร่ามวางมาด้วย แถมคนสั่งยังใช้ส้อมบี้ซะเละหมดแล้ว มันก็เลยเหมือน...

   “ผมขอโทษ” ได้แต่ยกมือไหว้   

   “น่ารำคาญ” เสียงทุ้มบอกอย่างหัวเสีย สีหน้าและท่าทางทำเอาผมขมวดคิ้ว ปกติแล้วผมไม่ใช่คนทนกับอะไรมาก และผมก็ไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใคร ผมไม่ใช่กระโถน

   “คุณรำคาญแค่คนเดียวเหรอ ผมก็รำคาญคุณเหมือนกัน” บอกออกไปตรงๆ คนนั่งไขว้ห้างกอดอกถึงกับนิ่ง “คนอะไรโคตรเอาแต่ใจ ที่บ้านเลี้ยงตามใจแต่เด็กหรือเปล่า หรือว่าโดนขัดใจมาถึงมาลงกับคนอื่น ผมไม่ได้สอนคุณนะ แต่การที่คุณแสดงกิริยาแบบนี้กับคนอื่น มันทำให้คุณดูแย่ หน้าตาคุณก็หล่อ รูปร่างก็ดี การศึกษาก็มี แต่การกระทำแย่มาก ไม่เหมาะแก่การเป็นตัวอย่างของเด็ก”

   ใส่รัวๆ จนแทบลืมหายใจ พูดจบ คนตรงข้ามผมถึงกับอ้าปากค้าง กว่าจะมีสติก็กินเวลานานหลายวินาที แต่ไม่ใช่เขาคนเดียวที่มีสติ ผมด้วย พอได้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง ก็ต้องรีบยกมือไหว้ คำสอนของพ่อที่ว่าลูกค้าคือพระเจ้า มันตีวนกลับเข้ามาจนน้ำตาแทบไหล

   พ่อ กระวานลืมตัวไปอีกแล้ว

   “ผมขอโทษ พอดีปากไวกว่าสมองไปหน่อย” ยิ้มแห้งๆ รอรับผลกรรมที่ปากพร่อย แต่อีกฝ่ายทำแค่กระแอมเบาๆ แล้วขยับตัวนั่งตรง

   “ตรงดี”

   “อะไรตรงดีเหรอครับ”

   อยู่ๆ ก็พูดลอยๆ ออกมา ทำเอาไปต่อไม่ได้

   “คุณพูดตรงดี เหมือนหอมเลย” คงจะชอบหอมจริงๆ แน่ “เมื่อก่อนผมมาทีไร หอมก็จะชอบบ่นอาหารของผม บ่นยิ่งกว่าแม่อีก แถมชอบพูดอะไรที่จี้ใจดำผมสุดๆ ตั้งแต่เรื่องสีผม เสื้อผ้า รวมไปถึงรองเท้า”

   “หอมเขาคงหวังดีกับคุณ”

   “ใช่ เพราะพ่อกับแม่ผมก็ตามใจอย่างที่คุณบอก ผมเลยไม่รู้สึกว่าต้องแก้ตรงไหน”

   “แล้วทุกทีคุณก็ทำตัวแย่ๆ เอ่อ ทำตัวแบบนี้กับคนอื่นเหรอ” รีบตบปากตัวเองจนได้เห็นรอยยิ้มผุดที่มุมปากของคนตรงหน้า
 
   “มั้ง ไม่รู้สิ ไม่ได้สังเกต”

   “งั้นผมตอบแทนเลยว่าใช่ คุณรู้ไหม โฮสต์ของที่นี่ไม่มีใครอยากมาอยู่กับคุณสักคน เพราะเขากลัว”

   “กลัว? ผมเนี่ยนะ”

   “นี่คุณไม่รู้ตัวเลยเหรอ ว่าคุณน่ากลัว”

   “ผมน่ากลัวตรงไหน”

   “บอกไปหมดแล้วเมื่อกี้ ถ้าให้ผมพูดวนอีกรอบไม่ได้หรอกนะ จำไม่ได้แล้ว”

   คราวนี้เปลี่ยนจากยิ้มเป็นหัวเราะเสียงดัง ขนาดลูกค้าโต๊ะข้างๆ รวมทั้งโฮสต์ที่นั่งคุยยังหันมามอง

   “ตลกดี ทั้งตรง ทั้งตลก”

   “ถ้าชมว่าหล่อด้วยผมคงจะดีใจ”

   “ถ้าผอมว่านี้นะ”

   “เอามีดนั้นทิ่มพุงผมเลยเถอะ”

   แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะอีกรอบ มันดังกว่าเดิมมาก รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเลย จากที่คิดว่าจะถูกด่า ถูกเตะ ถูกต่อย ตอนนี้กลับโล่งพิลึก

   “ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณเลย หรือเพิ่งมา?”

   “ปกติแล้ว ผมทำงานอยู่อีกตึก” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่ตึกหนึ่ง “ถ้าคุณสนใจ เชิญได้นะครับ ตึกนั้นเรามีหมอนวดมือหนึ่งคอยบริการ ไม่ว่าเส้นหรือเอ็นจะจมหายลึกสักเพียงใด หมอนวดของเราก็จะช้อนมันขึ้นมาแล้วนวดๆ จนคุณหายเมื่อยเลย” ประโยคที่ผมพูดนับร้อยๆ ครั้งตอนทำงานถูกถ่ายทอดออกมาอย่างแม่นยำ

   “ตึกนี่ก็มี”

   “อ่าครับ ตึกนี่ก็มี”

   ลืมไปว่านึกนี้โฮสต์ทุกคนต้องนวดเป็น เจ๊พิมพ์เคยบอกแต่ดันลืม จนต้องให้ลูกค้าเตือน
 
   “คุณนวดเป็นไหมล่ะ” ว่าแล้วก็ขยับไหล่ไปมา แต่ผมก็รีบส่ายหัว ส่ายหน้ารัวๆ “ก็คุณทำงานตึกนั้น”

   “ผมเป็นแค่พนักงานบริการคอยเชียร์แขกเท่านั้น ไม่สามารถนวดให้ใครได้หรอกครับ”

   พูดไม่ทับจบดี ลูกค้าตรงหน้าก็ลุกพรวดจนผมต้องรีบลุกตามด้วยความตกใจ และก่อนที่จะได้ถามอะไรต่อ แบงค์สีเทาก็ถูกยื่นมาตรงหน้าห้าใบ

   “นี่ทิปของคุณ ไว้คุณเทรนนวดจนเก่ง ผมจะเรียกใช้บริการบ้าง”

   “ถ้าเป็นค่าอาหาร ใบหนึ่งก็คงพอ ส่วนที่เหลือ ผมคงไม่รับ ไว้มาคราวหน้า คุณค่อยเอามาให้ก็แล้วกัน” บอกอย่างสุภาพ พร้อมหยิบออกมาแค่ใบเดียว “กรุณารอสักครู่นะครับ” รีบเดินไปเช็คบิลค่าอาหาร แต่พอกลับมาอีกที ลูกค้าก็หายไปแล้ว พนักงานหน้าประตูบอกเพิ่งออกไปและยังฝากเงินไว้ให้ผม

   ดีเนอะ นั่งคุยเฉยๆ ก็ได้ห้าพัน

   มัวแต่เสียเวลากับเรื่องพวกนี้อยู่นาน จากที่คิดว่าจะมาดูเฉยๆ กลายเป็นว่า ตอนนี้ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมาก ไม่รู้ป่านนี้พี่หนึ่งจะกลับมาหรือยัง แต่คงยัง เพราะถ้ามาถึงแล้วรู้ว่าผมอยู่ตึกนี้ คงทำหน้าโหดมาตามแล้ว ค่อยหายใจโล่งหน่อย

   ผมเดินกลับตึกหนึ่งด้วยความสบายใจ เพราะลูกค้าตึกสองเริ่มลดลง อีกทั้งหัวหน้าตึกนั้นก็ติดต่อโฮสต์คนอื่นมาแทนได้แล้ว แต่ที่สบายใจกว่านั้นคือพี่หนึ่งยังไม่กลับมาถึงตึก...

   ซะเมื่อไหร่ ความฉิบหายกำลังมาเยือนเมื่อผมเปิดประตูเข้าตึกหนึ่ง เจอคนที่ออกไปทำธุระข้างนอกยืนทำหน้าเป็นยักษ์ พอเห็นผมก็เดินหนีจนต้องเดินตามด้วยสภาพคอตก

   พี่หนึ่งกลับไปห้องทำงานตัวเองโดยมีผมตามหลังเหมือนหมาตามเจ้าของ หูตก หางตกกันเลยทีเดียว ชวนคุยอะไรก็เอาแต่เงียบ ตอนขึ้นลิฟต์เมื่อกี้ยังคิดว่าขึ้นคนเดียว เข้าห้องทำงานมาประธานของคลับก็นั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ก่อนจะพูดเสียงกร้าวออกมาเล่นเอาผมเหงื่อแตกเลยทีเดียว

   “อย่าให้พี่เอารูปหน้ากระวานไปติดที่ประตูตึกสองพร้อมข้อความว่าห้ามเข้านะ” หน้าว่าดุแล้ว เสียงดุกว่าอีก “เคยเตือน เคยห้าม ฟังบ้างไหม”

   “กระวานก็ไม่ได้อยากไป แต่ปัญหามันมี พี่ก็รู้ว่าเจ๊พิมพ์ลาพักร้อน...”

   พูดถึงตรงนี้ อยู่ๆ พี่หนึ่งก็ยกหูโทรศัพท์แล้วกดเบอร์ใครสักคน ผมก็มองด้วยความอยากรู้นิดๆ หน่อยๆ จนคนโทรเริ่มพูดถึงรู้ว่าปลายสายคือใคร

   “กลับมาทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้ จดหมายลายกเลิก” พูดจบก็วาง ผมแทบถลาไปจับหูโทรศัพท์ แต่พี่หนึ่งดันวางสายแล้ว “ก็แค่นี้”

   “จะแค่นี้ได้ยังไง เจ๊พิมพ์เพิ่งลาพักร้อนสองวันเองนะ” รีบโวยวายแทน “พี่หนึ่งใช้งานหนักเกินไป แล้วเจ๊แกก็ลาออก”

   “ไม่ออกหรอก จะมีที่ไหนได้เงินเดือนเยอะแบบนี้”

   “นิสัยไม่ดี” เถียงไม่ได้ก็เริ่มเปลี่ยนหัวข้อ ผมยกแขนขึ้นกอดอก เอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ “นิสัยไม่ดีเอามากๆ”

   “แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่านิสัยดีล่ะ หรือต้องไปบวชก่อน”

   “ห้ามพูดแบบนั้น มันบาป” รีบชี้นิ้วบอก พี่หนึ่งหัวเราะออกมา จากความตึกเครียดในห้องค่อยๆ สลายไปทีละน้อย “คนนิสัยดีเขาจะมีเหตุผล”

   “คนดีคนไหนมีเหตุผล? กระวานเหรอ” ยักไหล่เมื่อรับกับคำพูดนั้น “เหรอ”

   “พี่หนึ่ง” ถลึงตาใส่คนหัวเราะเยาะ “แล้วพี่กินข้าวมาหรือยัง”

   “ยัง รอกินพร้อมกระวาน”

   “ไม่เห็นหน้ากระวานกินข้าวไม่ลงเหรอ”

   “ใช่” รู้สึกดีเหมือนได้เป็นคนสำคัญ หากไม่มีประโยคถัดมา “เพราะกระวานกินอะไรก็ดูอร่อย พี่แทบไม่กินข้าวก็อิ่มแล้ว” มันทะแม่งๆ กับคำชมนี้ แต่ก็ให้มันผ่านไป “ว่าแต่ ไปตึกสองมาเป็นยังไง ปัญหาเรียบร้อยดีใช่ไหม”

   “แน่นอน นี่กระวานนะ” ตบอกตัวเองเพื่ออวด ที่จริงตึกนั้นก็ดีนะครับ เพราะเสียงเพลงที่เปิดขับกล่อมนั่น มันทำให้เสียงความคิดหื่นๆ เหมือนเป็นคำร้องที่มีเมโลดี้ ก็แปลกดี

   “ตบอกตัวเองซะแรง ช้ำไหมนั่น” ว่าแล้วก็รีบเปิดดู พร้อมกับมีเสียงหัวเราะและเสียงหื่นๆ ลอยเข้ามาให้ได้ยิน “ช้ำหมดเลย”

   “ช้ำเพราะใครล่ะ” ทั้งท้อง ทั้งอกเป็นจ้ำม่วง จ้ำแดงไปหมด ถ้าถอดเสื้อโชว์ได้ ผมจะถอดให้ดูเลย ว่าตรงไหนบ้างที่ไม่ช้ำ คนทำก็ดูภูมิใจซะเหลือเกิน “สงสัยต้องกินน้ำใบบัวบก”

   “แก้ช้ำใน ไม่ได้แก้ช้ำนอก” ดีที่พี่หนึ่งตบมุก และทำให้เราสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน “งั้นคืนนี้เอาให้ช้ำนอก ช้ำในเลยดีไหม”

   “ไม่ดี และไม่เอาท่าพิสดารแล้ว หยุดคิดเดียวนี้” ชี้นิ้วสั่ง แต่มีเหรอที่จะฟังกัน “พี่หนึ่ง ห้ามคิดเรื่องหื่นกามตอนกระวานหิวข้าว”

   “ก็มันหยุดไม่ได้ ใครใช้ให้กระวานแอบฟังล่ะ นิสัยไม่ดี”

   “ไม่ได้แอบ มันได้ยินเอง”

   เถียงกันไปมาอยู่ไม่นาน ประตูห้องก็เปิดออก ดีนยิ้มแป้นแล้นเข้ามาพร้อมปิ่นโตสีชมพูจากร้านของผม ทุกวันนี้มื้อกลางวันของผมกับพี่หนึ่งจะสั่งต่างหาก และตอนนี้ร้านผมไม่มีพนักงานมาส่งที่คลับนี้แล้วนะครับ เพราะมีสารถีไปรับถึงที่ ไม่รู้ว่าเป็นบอร์ดี้การ์ดหรือพนักงานส่งอาหารก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือเต็มใจมาก

   พอดีนออกไป ผมก็เดินไปหยิบหูฟังที่วางไว้บนตู้หลังพี่หนึ่ง แค่เอื้อมไปก็ถูกดึงให้มานั่งบนตัก เอวถูกรัดจนกระดิกไม่ได้
 
   “พี่หนึ่ง นี่กลางวันแสกๆ นะ”

   “ใช่ว่าเราไม่เคย”

   พูดซะผมไปไม่ถูกทางเลย

   “หิวแล้ว” เหมือนท้องสั่งได้ พูดปุ๊บก็ส่งเสียงร้องทักทายเลย ไม่รู้ตอนนี้กี่โมงแล้ว แต่ท้องผมมันสามารถรับอาหารได้ทุกเวลา ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวจากอ้อมแขน แก้มสองข้างก็ถูกฟัดจนแทบช้ำ

   “หายหิวเมื่อไหร่ค่อยเจอกัน จะฟัดให้ช้ำเลยเคยดู” คำพูดชิดกับใบหู เล่นเอาขนลุกซู่ไปทั้งวัน

   ผมว่า พี่หนึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งในการเป็นเจ้าของและผู้บริหารของที่นี่ เพราะเพียบพร้อมด้วย ความรู้ ความสามารถ หน้าตา ท่าทาง บุคลิก ความคิด การตัดสินใจ และที่ขาดไม่ได้คือ ความหื่นที่ไม่แพ้ใครอย่างแน่นอน กระวานคนนี้คอนเฟิร์มเลย

 
   ต้องลองจะรู้ว่า...แซ่บพริกร้อยเม็ด


....

แซ่บไม่แซ่บ ก็ทำให้กระวานช้ำทั้งตัว หุหุ -..-

เข้าเรื่องเลยแล้วกัน...ขอฝากกระวานพร้อมครอบครัวพลังพิเศษด้วยนะคะ

ตอนนี้กำลังเปิดพรีออเดอร์อยู่ มีแบบเป็นชุด แยกเดี่ยว รวมไปถึง บ็อกเซ็ตสวยๆ สีทองระยิบระยับด้วย





หรือหากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่เฟซบุ๊ค สำนักพิมพ์ https://www.facebook.com/MazePublishing/

ขอฝากกระวานและพี่น้องไว้ด้วยนะคะ พาน้องๆ กลับบ้านด้วยน้าา (ทำตาละห้อย)

...

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ New_atcha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่หนึ่งใช้ความสามารถกระวานได้เป็นประโยชน์มาก 5555  :hao6:

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
สนุกมากค่ะ กระวานน่ารักที่สุด อวบๆ น่าเอ็นดู  :กอด1:

ออฟไลน์ clairon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกดีค่ะ  ชอบคุณหนึ่งจัง
ใจดีอ่า น้องกระวานนี้ทำบุญด้วยอะไรมา
ผู้หลงขนาดนี้ :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด