- ๑ ๔ –
รวี
สวัสดีครับท่านผู้ชมขอต้อนรับสู่ Island
ในดินแดนที่เรียกที่นี่ว่าเกาะช้าง
ใช่ครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ที่มีชื่อเรียกนามว่าเกาะช้าง และแถมที่พักของผมมีชื่อความหมายเดียวกับชื่อเกาะแห่งนี้อีกด้วย แต่ด้วยความที่ผมขับรถพาลูกทัวร์อย่างพบมาด้วย วันนี้ผมนั้นทั้งพาเค้านั่งรถลงเรือ กว่าจะมาถึงที่เกาะแห่งนี้ก็เล่นเอาบ่ายแก่ๆ จนแก่อีกนิดเรียกกว่ามืดค่ำก็ได้
ผมเคยมาที่นี่กับครอบครัวครั้งนึงแล้วและรู้สึกประทับใจที่แห่งนี้เป็นอย่างมากก็เลย ผมก็เลยอยากจะพาคนสำคัญของผมมาเที่ยวด้วย และผมก็คิดว่าพบก็น่าจะประทับใจมากๆแน่นอน
ห้องที่เราพักก็ไม่หรูหราหมาเห่าอะไร ก็แค่ห้องพักธรรมดา ที่สสะอาดและสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ด้วยไอ้เราก็มนุษย์เงินเดือนคนนึง ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังอะไร ผมรู้ว่าพบต้องคิดว่า แค่มากกันกับผมสองคน เค้าก็ต้องคิดว่ามันพิเศษมากมายอยู่แล้ว แต่ก็นะ ผมก็อยากให้เค้าสบายเลยเลือกที่พักเป็นโรงแรม แทนที่จะเป็นเกสเฮ้าส์ ถ้าไม่พูดเอาหล่อก็คือผมอยากอยู่กับพบสองคนจบนะ แต่ตอนเนีย....
ที่น่าสงสัยในตอนนี้คือพบ.....
เพราะตั้งแต่เดินเข้าห้องมาผมก็เห็นพบนั้นเห็นเดินสำรวจนู้นนี้นั่นในห้องนี้ไปทั่วทุกมุม จนสุดท้ายก็จบที่นั่งมองออกไปทางหน้าต่างอยู่นานสองนาน ก็ไม่เห็นจะละสายตากลับออกมาจากหน้าต่างนั้นเลย ผมว่ามันผิดปกติแล้ว มันต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วตอนนี้ผมก็รู้สึกตะหงิดๆ และกำลังจะหัวร้อน ผมบอกเลยว่าหัวผมเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ เราอยู่กันสองคนแต่ทำไมถึงไม่สนใจผมละ ต้องสนใจผมสิ
"พบมองอะไรอยู่ แถวนั้นมีอะไรน่าสนใจ"
"อยาก......เดอร์...."
ฮ่ะ! อะไรนะพูดไรงึมงำอยู่คนเดียว ตกลงเมื่อกี้พบได้ตอบผมรึป่าวว่ะ หรือคุยกับตัวเอง ไม่ได้การแล้ววิวห้องผมคือมองออกไปจะเห็นสระน้ำของโรงแรม แล้วยิ่งวิวห้องของผมมองออกไปเเล้วเจอสระว่ายน้ำด้วย หรือว่าพบกำลังส่องสาวหมวย สาวฝรั่ง สาวแขก หรือสาวไทย....ที่....ไหว้น้ำอยู่ล่ะ.....ไม่ได้นะ มองได้แต่ แต่แต่แค่อย่าสนใจมากมายขนาดนี้สิ ถ้าอยากมองคนเล่นน้ำก็บอกสิ จะเล่นโชว์ให้พบมองซ้ายแลขวาจะยอดําผุดดําว่ายจนตัวเปื่อยเลย....ก็ยอม
"พบมองอะไร”
“นั่นไง”
“ไหน....มะ....ไม่เห็นมีใครเค้าว่ายน้ำเลย" ก็แน่สิตอนนี้มันเลยเวลาที่เค้าเปิดสระน้ำแล้วนี่
"นั่นไง"
นั่นไง นั่นไง อะไรพบผมไม่เห็นมีใครเลย หรอว่า....ละหรอว่าพบเห็นอะไรในสิ่งที่ผมมองไม่เห็นกันนะ
เฮ้ย !
อย่านะ ผมไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่....แต่ก็ไม่ได้อยากเจอ
"สไลเดอร์สีขาวนั่นไง"
"อ่อแล้วมันทำไม" อ่อ อ่อ อ่อ อ่อ โล่งออกไปหนึ่งเรื่องไม่ใช่เรื่องลี้ลับที่มองไม่เห็น ผมก็สบายใจแล้ว ไม่ได้กลัวนะแค่ไม่อยากเจอ
"อยากเล่น"
ฮ่ะ นั่นมันของเด็กไม่ใช่รึไง ป้ายก็ติดอยู่โทนโท่
"พบนั่นมันของเด็ก"
"ไม่เป็นไรหรอกน่า ใหญ่ขนาดนั้นรับน้ำหนักเราไหวน่า....เชื่อสิ"
โอ้ย ผมละปวดหัว ใครมาบอกว่าเล่นได้ เค้าก็บอกอยู่แถมยังเขียนอยู่ว่าสำหรับเด็กเท่านั้น
ย่ำหนึ่ง
ย่ำสอง
ย่ำสามว่า....ของเด็ก
"พบไปเล่นบนเตียงก็ได้ผมมีม้าโยกนะ พร้อมให้พบเล่นทั้งคืนเลยนะ" ทึกทนต่อแรงกระทก พร้อมพาให้คุณนั้นหรรษา
"หยุด!! เก็บสายตาหื่นกามไปเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้หื่น!!"
"ฮ่าๆ โอเค โอเค งันไปหาอะไรกินกันดีกว่าหิวแล้ว"
"อืม"
ต่อให้ปากจะตอบ อืม แต่สายตาก็ยังไม่ละไปจากสไลเดอร์สีขาวสำหรับเด็กนั่นอยู่ดี อะไรจะอยากเล่นขนาดนั้นกัน
“ไปเร็วผมหิวแล้วจริงๆนะ ถ้าอยากเล่นเดี๋ยวคราวหน้าผมพาไปเล่นที่สวนน้ำที่ไหนสักที่แล้วกันนะ แต่ตอนนี้เราไปหาอะไรกินกันเถอะ....นะ....นะครับ”
พบตะวัน
เช้านี้ช่างหนาวซะเหลือเกินนี่ผมอยู่ที่ไหนประเทศไทยหรือขั้วโลกเหนือกันนะ หรือว่าผมเป็นหมีขาวไม่ใช่มนุษย์กัน
อือ....หนาว หนาวจนปวดฉี่ไปหมดแล้ว ปวดจนทนนอนต่อไม่ไหวจะต้องยอมออกจากผ้าห่มแล้วฝ่าอากาศเยือกเย็นในห้องนี้ไปทำภาระกิจในห้องน้ำ หลังจากเสร็จธุระปล่อยน้ำออกจากตัวผมว่าผมต้องไปดูสักหน่อยแล้วไอ้ต้นตอความเหน็บหนาวของเช้านี้มันคืออะไร
16....องศา
โอ....โอ้....ใครมันปรับไปหนาวขนาดนั้นว่ะ ทั้งห้องนี้มีกันอยู่แค่สองชีวิตและมันก็ต้องไม่ใช่ผมแล้วหนึ่งและมันยังเหลืออีกหนึ่งคน ไอ้หมาวี นี่มึงกะแช่แข็งกันเลยรึไง ดีนะที่นี่ยังเป็นที่โรงแรมถ้าเป็นที่ห้องผมผมจะเก็บค่าไฟไอ้หมาวีคูณสองจากมันเลยคอยดู นอนหนาวขนาดนี้ถ้าเกินนอนดิ้นออกจากผ้าห่มขึ้นมาได้ป่วยกันแน่ๆ แล้ววีมันยิ่งนอนดิ้นๆอยู่ได้ป่วยกันพอดี อย่าให้ได้พูดถึงการนอนดิ้นของวีมันวีระกรรมเยอะเหลือหลายมากมาย ถึงมันจะไม่ได้ดิ้นเยอะดิ้นหนักทุกวันแต่การนอนด้วยกันแทบทุกคืนมันทำให้ผมเจ็บมาเยอะ แล้วยิ่งวันนี้เราสองคนมีแพลนจะไปดำน้ำด้วย
"วีตื่นเร็วรีบตื่นไปกินอาหารเช้ากันเดี๋ยวไม่ทันรถมารับนะ" อาหารเช้าสำคัญนะเพราะวันนี้เราต้องใช้พลังงานเยอะมากจากการที่ผมนั้นเคยดำน้ำมาก่อนหน้านี่แล้ว ท้องอิ่มดีกว่าหิวโหยนะ
"อืม"
"รถมาเก้าโมงนะนี้แปดแล้วเร็ว" เรียกก็แล้วพยายามดึงออกจากที่นอนก็แล้วก็ยังได้คำตอยเดิมว่า
"อืม"
"อืมไม่ต้องไปอยู่มันนี่แหละ"
อืมๆอยู่นั้นแหละ ไม่คอยแล้วตื่นก็ตามมาเองเเล้วกัน ว่าจะไม่หัวร้อนแล้วนะ ถ้าไม่ทันก็ไม่ต้องไปเดี๋ยวไปคนเดียวก็ได้ ถึงจะหงุดหงิดก็ตามแต่ผมก็ยังไปปรับแอร์ให้อุณหภูมิสูงขึ้นถึงจะมีเรื่องให้หงุดหงิดแต่เช้าแต่ก็เป็นห่วงจะแข็งตายไปซะก่อนผมไม่อยากจะหาแฟนใหม่นะ
ห้องอาหารที่นี่ก็จะอยู่ไกลจากที่ผมพักนิดหน่อยต้องเดินข้ามถนนไปอีกฝัง จะมีอะไรให้กินมั้ยน่า....ไม่สิมันต้องมีแต่จะอร่อยถูกปากมั้ยนะ
ห้องอาหารของที่นี่นั้นอยู่ติดริมทะเลส่วนเรื่องรสชาติก็จัดว่ากลางแต่มีให้เลือกหลากหลายแล้วแต่ชอบแต่บรรยายกาศริมทะเลในตอนเช้าๆก็ดีไม่หยอก มีแต่ฝรั่งเต็มไปหมดเลยหาคนไทยไม่เจอ ไม่เหมือนอยู่ในประเทศตัวเองเลย
ในขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับอาหารพร้อมเสียงคลื่นซัดสาดในตอนเข้าก็มีเด็กหน้ามุ่ยมานั่งจองหน้าผมไม่วางตา ชอบละสิถึงมองไม่ว่างตาเลย ยังไงซิ
"ทำไมไม่คอย"
"ไปตักอาหารมากินไป ใกล้ได้เวลารถมารับแล้ว"
ยังอีก ยังมานั่งจ้องหน้ากันอีก ไปตักอาหารมากินได้แล้ว
"เร็วสิไหนบอกจะพามาเที่ยวด้วยกันสองคนไง ทำไมยังมาทำหน้าเป็นตูดแบบนี้อีก....ไปสิ"
"ครับ ครับ ครับ"
กว่าวีมันจะกินอิ่มก็ได้เวลารถมาพอดี ดีหน่อยที่เราสองคนเปลี่ยนเสื้อพร้อมแล้ว ของก็พกมาพร้อมเหมือนกัน แค่เดินกลับมานั่งรอที่รอบบี้โรงแรม โซฟายังไม่หายเย็นจากแอร์รถที่จะมารับก็มาทันทีตรงเวลาสุดๆ
แต่ความสุดไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นรถที่เค้าใช้มารับคือรถกระบะที่มีหลังคานั่งได้ประมาณแปดคนแล้วเค้ามารับพวกผมเป็นสองคนสุดท้าย ทำให้พวกผมสองคนหน้าหลังสุด และที่สุดคือเล่นทางที่ไปยังท่าเรือนั่นด้วยความว่าที่นี่เป็นเกาะ เส้นทางเลยไม่ได้ตรงเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแต่เหมือนยกถนนเส้นที่มุ่นหน้าสู่ปายมาไว้ที่เกาะแห่งนี้
ไอ้เราก็ไม่อะไรหรอกเพราะผมไม่ใช่คนเมารถเมาเรืออะไรแต่ก็มักจะเมาน้ำน้ำที่สีเหลืองๆส้มๆน้ำตาลๆซะมากกว่า แถมตลอดทางมีทั้งต้นไม้ใหญ่เล็กให้มองให้สนใจแถมยังมีลิงให้มองหาตามข้างทางอีกด้วย แต่ผมรู้สึกว่าคนที่นั่งข้างๆผมนั้นไม่ค่อยจอยกับผมเท่าไรเพราะวีมันเริ่มเอามือมาจับมือผมไปจับไว้ไม่ปล่อย สักพักก็เอาศรีษะมาพิงที่ไหลของผม ผมว่าอาการมันไมม่โอเคแล้ว
"เป็นอะไร"
"เหมือนจะเมารถเลย"
ผมว่าไม่เหมือนจะเเล้วล่ะ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยต้องดึงวีมาซบที่อกให้หลับตาพยายามไม่มองขางทางอีกแขนก็ต้องโอบกันตกไว้เพราะพี่คนขับเค้าคงกำลังสนุกกับการขับขี่ของพี่เค้าเพราะพี่เค้าเล่นใส่เต็มทุกโค้งเลย ส่วนในคนที่เหลือในรถเค้าก็ไม่ได้สนใจผมสองคนเท่าไรเพราะเค้าก็พยายามตั้งหน้าตั้งตาพยายามหาที่เกาะของตัวเองกันอยู่ แถมเป็นชาวต่างชาติด้วยเค้าก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้เท่าไรอยู่แล้ว
สุดท้ายรถก็มาจอดที่ท่ารถได้อย่างปลอดภัยพร้อมทั้งวีที่ไปขย้อนสิ่งที่กินเมื่อเช้าทั้งหมดออกมาอย่างน่าสงสาร ไม่ต้องเสียใจไปนะ มีคนที่นั่งมาด้วยกันอาเจียนเป็นเพื่อนอีกสองคนสบายใจได้ ไม่ต้องอายไปนะ
"ไหวป่าว....ปวดหัวมั้ย"
"อืม"
"งันรอนี่ก่อนเดียวไปซื้อยาซื้อน้ำมาให้"
น่าสงสารจริงๆเด็กน้อยของผมนอกจากซื้อยาซื้อน้ำแล้วผมก็เลยซื้อขนมติดไปด้วย เด็กน้อยน่าสงสารของผมก็ยังนั่งข้างถังขยะเพื่อนรักของเค้าอยู่เหมือนเดิม
"ไหวมั้ยวี ถ้าไม่ไหวกลับไปนอนพักที่โรงแรมกัน"
"ไม่เอา ตั้งใจพามาแล้ว"
"โอเคงันล้างหน้าล้างตาแล้วกินยาก่อน"
และดูเหมือนยาจะออกฤทธิ์ดีรึวีนั้นไม่ได้เมาคลื่นทะเลก็ไม่รู้เพราะดูไม่ได้มีอาการเวียนหัวเหมือนตอนที่นั่งรถมา ในคณะที่เรือกำลังออกก็มีลูกเรือออกมาพูดถึงทริปดำน้ำของเราในครั้งนี้ว่าเราจะไปกันทั้งหมด 4 เกาะ พร้อมทั้งย่ำเรื่องความปรอดภัยและสิ่งที่ต้องระวังทั้งอยู่บนเรือและตอนอยู่ในท้องทะเล
เราต้องนั่งเรือออกมาจากเกาะประมาณหนึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงเกาะแรกที่จะลงไปดำน้ำกันแล้ว น้ำใสมาก
“ไหวมั้ยวี” ดูจากหน้าตาที่สดใสเหมือนไม่เคยผ่านการเป็นเพื่อนกับถังขยะมาก่อน เห็นหน้าตาสดใสแบบนี้ก็สบายใจหน่อย
“ไหวสิ ป่ะลงไปกันเถอะ”
“อืม”
สิ่งแรกที่รู้สึกคือน้ำเย็นมาก ฮ่าๆ แม้วันนี้คลื่นอาจจะแรกไปสักนิดแต่ก็ยังไหว้ไหวอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าทะเลอ่าวไทยนั้นก็สวยไม่แพ้ทะเลฝั่งอันดามันเลย มีทั้งปลาน้อยใหญ่หลากสี แถมยังมีประการังสีม่วงสีน้ำเงินที่เรามักไม่ค่อยได้เห็นมันสวยมากจริงๆ แต่ในความสวยงงามนั้นยังมีสิ่งที่อันตรายนั้นคือหอยเม่น ซึ่งเยอะมากๆฮ่าๆ แล้วไหนจะต้องระวังไม่ให้คลื่นซัดไปกระแทกกับโขดหินที่แหลมคมแต่ก็ถือว่าคุ้มกับความสวยงานที่ได้มา
แต่ละเกาะก็มีความสวยและปะการังที่ต่างกัน เลยทำให้รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ไปจอดที่เกาะใหม่เพราะจะลุ้นว่าเกาะนี้จะเป็นยังไงนะจะเจอปลาแบบไหนบ้าง นี่แหละนะคือเสน่ห์ของท้องทะเล
ตอนนี้เรามากินอาหารเย็นในร้านแห่งนึงในเกาะนี้วิวที่ได้มองเห็นวิวทำเลแต่เป็นทำแลปากแม่น้ำที่น้ำจืดจากในเกาะไหลลงสู่พื้นท้องทะเลแห่งนี้
“ดูVanilla Skyนั้นสิ”
“ดูหนังมากไปป่ะ”
“โถ่ ช่วยอินหน่อยสิ”
“อ่ะๆ เอาใหม่”
“พบดูVanilla Skyนั้นสิ”
“จีบได้แฟนตายแล้ว”
“เฮ้ย!! ไม่ใช่แบบนี้ดิโถ่”
“ก็เคยดูแต่โฆษณานี่นิ”
“ช่วยมีอารมณ์โรแมนติกให้กันหน่อยสิคุณพบ”
“แค่อยู่ด้วยกันสองคนในทุกๆวันเราจนถึงตอนนี้ยังไม่โรแมนติกอีกหรอ” เงียบเลยผมไม่รู่ว่าคนที่นั่งตรงข้ามผมนั้นหน้าแดงเพราะแสงอาทิตในยามเย็นหรือเขินกับสิ่งที่ผมได้พูดมันออกไป แต่ผมว่าผมน่าจะเดาได้ไม่อยากกับได้เด็กขี้เขินตรงหน้าผม
อาหารเย็นของพวกเรานั้นเต็มโตจนคิดว่ากินกันแค่สองคนจะหมดหรือไม่ถ้าเหลือก็เสียดาย อาหารก็หน้าตาดีแถ่ร่อยเหมือนหน้าตาไหนจะยังบรรยายกาศดีๆริมทะเลที่ผมสายลมพัดผ่านไปเอื่อยๆให้เย็นสบาย
“พบไม่มีไอ้น้ำเขียวๆ เอาน้ำฝรั่งไปแทนก็ได้เนอะ”
“อืม....ขอบคุณ”
“อร่อยมั้ย”
“อร่อยดี แต่สั่งมาเยอะเกินไปป่าวว่ะ”
“อร่อยก็กินไปเถอะ กินไปเยอะๆ แต่เอาแค่ที่ไหวนะอย่ายัดเกินเดี๋ยวจะปวดท้องเอา”
“ครับ ครับ ทราบแล้วครับ”
“เออเดี๋ยวกินอาหารอิ่มแล้วค่อยไปนั่งดูหิ่งห้อยกัน”
ใช่ครับคุณฟังไม่ผิดเรามันโปรแกรมที่จะไปต่อหลังจากกินอาหารอิ่มคือการไปร่องเรือชมหิ่งห้อย ใช่ครับเรามาดูหิ่งห้อยบ่นเกาะช้างกัน ผมก็พึ่งรู้เหมือนกันว่าบนเกาะแห่งนี้มีหิ่งห้อยให้ชม เป็นบริการของทางร้านอาหราเค้า แต่วีบอกว่าต้องแจ้งกับที่ร้านก่อนว่าจะต้องการไปชมหิ่งห้อยเพราเค้าจำกัดคนที่จะขึ้นเรือในแต่ระรอบ มันก็ดูน่าตื่นเต้นดีใครจะไปคิดว่าจะได้ชมหิ่งห้อยบนเกาะแบบนี้ ผมก็นึกว่าอยากจะดูหิ่งห้องก็ต้องไปที่อัมพวา
“ป่ะ อิ่มยัง”
“อิ่มแล้วอิ่มมากด้วย”
หลังจากกินอาหารกันจนอิ่มหนำกันวีก็ไปแจ้งกับพนักงานว่าพร้อมแล้ว ก็เดินไปยังท่าน้ำของทางร้านเพื่อไปลงเรือ ดูจากขนาดเรือแล้วนั่งได้ประมาณ 10 ชีวิต แล้วเรือรอบที่ผมนั่งนั้นมีกันแค่หกคน มีผมสองคนแล้วที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ
หลังจับจองพื้นที่บนเรือเสร็จก็มีคนขับเรือพาเรือที่พวกเรานั่งนั้นแล่นสอนทางน้ำเข้าไปในป่าโกงกาง ค่อยๆห่างจากชุมชนขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับแสงสว่างที่ค่อยๆจางหายไปแทนที่ด้วยความมืด แต่ก็ไม่ได้มือจนมืออะไรไม่เห็นเพราะยังมีแสงจันที่ค่อยช่วยน้ำทาง บรรยายกาศรอบๆตัวเงียบงันได้ยิ่งแต่เสียงเครื่องยนต์
“พบๆ”
“ฮือ”
“กลัวมั้ย”
“ไม่”
“ฮู้เก่งจังเลย”
“นั่งเงียบๆไปเลย” ผมไม่รู้ว่าทำไมวีถึงถามผมแบบนั้นว่ากลัวมั้ยแต่ผมเข้าใจแล้วจากที่ผมสั่งให้นั่งเงียบๆเค้าก็เอามือผมไปจับไว้ไม่ยอมปล่อย ฮึ ใครกันนะที่กลัว
“วันนี้ไม่ค่อยมีหิ่งห้อยหน่อยนะครับ”
“อ่อครับ” ครับผมก็ได้แค่ตอบรับพี่คนขับเรือไป
“วันนี้มันเป็นข้างขึ้นก็เลยจะไม่ค่อยเจอ”
“เออครับ”
“ใช่ครับผมเจอนับได้แค่ห้าตัวเอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ครับใช่ครับวันนี้การร่องเรือของพวกเราเจอหิ่งห้อยไปห้าตัว คิดซะว่าเรามาในจังหวะที่ไม่ดีเอง แต่มันก็น่าตื่นเต้นดีนะครับแต่ถ้าได้เจอเยอะว่านี้มันคงจะสวยมากแน่ๆเลย แต่ก็ถือว่าเรายังได้เจอดีกว่าไม่ได้เจอเลย หลังจากชื่นชมความสวยงามของหิ่งห้อยเสร็จพวกผมก็ตรงกับมายังที่พักเพื่อพักผ่อนเพราะวันนี้ทั้งวันเราให้พลังงานกันไปเยอะมา ทำเราร่างกายผมนั้นล้าไปเลย ส่วนค่ำคืนนี้พวกผมสองคนขอลาไปพักผ่อนกันก่อน เพื่อจะได้ตื่นมาพบกับเช้าที่สดใสในวันพรุ่งนี้
จากที่คิดไว้ว่าจะตื่นเช้ามารับลมเย็นริมทะเลแต่ความเป็นจริงพวกเราสองคนตื่นกันสายจนไม่ทันกินอาหารเช้าของทางโรงแรมที่เตรียมไว้ให้
ผมตื่นขึ้นมาถือว่านอนเต็มอิ่มแต่มีอาการปวดเนื้อปวดตัวนิดหน่อย แถมวันนี้ผมถามเจ้าของทริปบอกว่าวันนี้ไม่มีโปรแกรมที่จะไปไหน ผมเลยอยากที่จะนอนโง่ๆอยู่ที่ห้องที่ให้สมกับเป็นวันหยุดที่พักผ่อนจริงๆ การพักผ่อนคือการอยู่เฉยๆ ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรแบบจริงจัง
“อยากไปทำอะไรมั้ยวันนี้”
“....ยังไม่รู้แต่ตอนนี้ขอนอนก่อนได้มั้ย”
“ได้สิ”
ผมงัวเงียตอบไปเพราะยังรู้สึกไม่สบายตัว ข้าวเช้าข้าวกลางวันขอพักไว้ก่อนผมขอนอนเอาแรงก่อนจริงๆ
“พบ....พบตื่นเร็ว”
“อือ....”ปล่อยผมผมจะนอน....อย่า....กวน....ผม....
“พบตื่น.....”
“อือ....ตื่นแล้ว” ตื่นแล้วตื่นแล้วนี่ไง
“ตื่นก็ลืมตาสิ....เร็วตื่นมากินข้าวเร็วนี่บ่ายแล้วนะคุณ เดี๋ยวก็ปวดท้องเอาเร็วตื่น....”
“เออ....ตื่นนี่ไงตื่นไง”
“จะกินที่เตียงหรือกินที่โซฟา”
“โซฟาดีกว่า....ออกไปซื้อมาเองหรอ”
“ใช่ กลัวคนแถวนี้จะหิวใส้กิวซะก่อน”
“จ้า”
“ไม่ใช่วีก็ไม่มีใครเข้าใจพบเท่ากับผมอีกแล้ว....”
“....ขอบคุณนะ”
จุ๊บ!!
ท้องทะเลยามเย็น แสงอ่อนสาดซ่องทอดผ่านกายของคนสองคนที่เดินทอดน่องอยู่ที่ริมหาดที่เงียบสงบ
“ไม่อยากกลับไปทำงานเลย”
“ไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนกิน”
“ให้พบเลี้ยงไง เลี้ยงผมหน่อยสิครับ”
“ขอโทษนะครับผมไม่นิยมเลี้ยงต้อย”
“แต่ได้ข่าวว่ากินเด็กนิ”
“ใครบอกเลิกไปแล้ว ว่าจะหาใหม่อยู่”
“ไม่ได้ พบอ่ะ”
“อะไร”
“ไม่เอาไม่คุยเรื่องนี้แล้ว”
“แล้วใครเป็นคนเริ่ม”
“แม่บอกให้ไปหาที่บ้านก่อนค่อยกลับห้อง”
“อืม”
ท้องทะเลในยามเย็นมันชั่งอบอุ่นเสียเหลือเกิน ไม่ได้อบอุ่นจนร้อน แต่เป็นความอบอุ่นที่สบายใจ อาจจะเพราะบรรยายกาศหรือว่าอะไรแต่ที่แน่นอนในความรู้สึกคือวีที่กุมมือผมเดินอยู่ตอนนี้
เค้าคือว่าสบายใจ ไม่ว่าจะอยุ่ในเหตุการณ์แบบไหน หรือบรรยายกาศแบบใดเค้าก็คือความสบายใจของผมเสมอ
ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันมา เราผ่านเรื่องราวมากมายไม่ว่าจะสุขจนล้นใจ หรือเจ็บเจียนตาย พวกเราสองคนก็เจอมันมาหนดแล้ว แล้วพวกเราก็ผ่านมันมาแล้ว เรื่องราวเล่านั้นคงได้แค่ทิ้งมันไว้เพียงอดีต ที่คอยย่ำเตือนว่าช่วงเวลานั้นมันสุขหรือเศร้าขนาดไหนจะได้ไม่กลับไปพบเจอมันอีก แต่ถ้าสิ่งใดดีก็พยายามรักษามันไว้
“พบ.....”
“.....”
“รักนะ!!!”
โดยตะโกนทำไมตกใจหมด ไม่อายบ้างรึไง แต่มันก็เขินเหมือนกันนะที่ทำอะไรบ้าๆบอๆแบบนั้น
จุ๊บ
“รักเหมือนกันครับ”
ไปครับแยกย้ายกันกลับไปพักผ่าน แล้วกลับไปทำงานที่รักกัน เพราะความสุขส่วนใหญ่ก็มักมีเรื่องๆเงินๆทองๆเข้ามาเอี่ยวด้วยเสมอ
ขอให้มีความสุขกับคนที่เป็นความสบายใจของคุณนะครับ
THE
END
ปล.
- สวัสดีแล้วก็ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน
- ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่านกัน ถึงจะเกเรหางหายจากการลงนิยายไปบ่อยครั้ง ทำให้มันอ่าจไม่ต่อเนื่อง ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาเจอเรื่องใหญ่ๆเข้ามาเยอะพบสมควร แต่ไม่ต้องห่วง ตามที่หลายๆคนมักบอกว่าฟ้าหลังฝนย่อมดีเสอม เราก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
- ขอบคุณนะ แล้วพบกันใหม่นะ