“โทรมาตอนไหนละ ถ้าช่วงดึกหน่อย กูคงหลับแล้ว..” สิ่งที่ผมนึกก่อนที่จะกดรับสานมันคือ รีบพูดในสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจให้
หมดๆ ไป . .แต่พอเอาเข้าจริงๆ ดันทำอะไรไม่ๆได้เลย. . .แต่แต่จะพูดกับกายผมยัง ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฝืนใจตัวเองฝืนใจ ในที่นี้ของผมคือ การ ใจดีเข้าสู้ . . .. ผมจะไม่ยอมให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเด็ดขาด. .แม้การกระทำเมื่อวานของผมอาจจะสื่อไปทางแนวนั้น แต่ถ้านั้นทำให้ผมกับมันยังคุยดีๆ กันได้ ก็ถือว่า ผลลัพธ์ที่ออกมา ดีที่สุดแล้ว . . .
“เหรอ แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหนอยู่กับใครทำอะไรอยู่ ”
“อยู่บ้าน (แต่ผมไม่ได้บอกว่าบ้านหลังไหน)อยู่กับเพื่อนพึ่งตื่นตอนมึงโทรมาเนี้ย”
“แล้วมีเรียนกี่โมงให้กูไปรับมั้ย ?”ถ้าเลือกได้ตอนนี้ผมยังอยากจะขอเวลานอกสักหน่อย ถ้าต้องเจอหน้ากับมันตอนนี้จริงๆ ผมคงได้วีนแตกแน่ๆ. .
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูหาไปทางไปเองได้. . มึงละไม่มีเรียนเช้าเหรอ . .” ผมพยายามถามมันด้วยน้ำเสียง ขำปนยิ้ม. .กลบเกื่อน
“มีสายๆกำลังแต่งตัวอยู่เลย เออ แล้วเมื่อวานได้กินข้าวรึป่าว มึงคงไม่ได้รอกูใช่มั้ย?. .. ” มาถึงจุดนี้ผมควรจะพูความจริง หรือควรเก็บมันไว้ต่อไปดี. .ผมนั่งถามตัวเองอยู่หลายครั้ง สุดท้าย ความปอดก็ครอบงำจิตใจผม . .
“ที่แรกก็รอ ครึ่งชั่วโมงเอง กูหิวจัดเลย ขี้เกลียดรอ เลยแดกก่อนเลย . .”
“เออดีแล้ว นึกว่ามึงจะรู้กูอยู่ซะอีก” ใช่กูรอมึง . . .แต่มึงก็ไม่มา . . .
“กูไม่ได้ความอดทนสูงขนาดที่จะต้องมานั่งรอใครหลายๆ ชั่วโมงหรอกนะ ” เว้นแต่มึง . . .
“เอองั้นเดี๋ยวกูไปเรียนก่อนนะ คิดถึงนะครับ ไว้เย็นจะแวะไปรับหาอะไรกินกัน” มันจะเป็นการรอที่เสียเวลาอีกครั้งรึเปล่า ? ผมตอบด้วยท่าทีที่ลังเล
“ไม่แน่ใจเหมือนกันวะ. .ไม่อยากรับปาก. . ไว้เดี๋ยวกูบอกอีกทีละกันนะ”
“คร้าบ โอเคคร้าบ รัก นะ ครับ จุ้บก่อนๆ”
“จุ้บตีนกูเถอะไปเรียนเถอะไป. .” ผมกดตัดสายทันทีโดยที่ไม่รอฟังคำตอบของปลายสาย. . . ขืนผมฟังมันพูดอะไรมากกว่านี้ คง จะเก็บความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ไม่ไหวแน่ๆ . . .
ผมพึ่งสงเกตุว่าอะตอมยังไม่ไปไหน มันยังนั่งเสนอหน้า มามองจิกผม เหมือนผม ทำอะไรผิด. . .
“กูไปขโมยของอะไรมึงรึไง. . มองกูซะตาไม่กระพริบเลย. ..”
“ใช่มึงขโมย. .” หือ. .ผมหันข้างไปมองหน้ามันด้วยความสงสัย. .
“กูไปขโมยของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ห้ะ. . .”มันยังทำทีท่าจะกวนตีนผมอยู่ผมก็อยากเล่นกับมันนะ แต่ตอนนี้อารมณ์ของผมเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ
“เมื่อกี้เอง. . ก็มึงขโมย.. . . .”มันทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด - -* จนผมชักรำคาณการทำตัวของมันเต็มที. .
“พอกูไม่อยากรู้ละ มึง ก็รีบๆ ไปเรียนได้ละ เบื่อขี้หน้าจะตายชัก. .”มันลุกขึ้นเอามือมาขยี้หัวผม ก่อนจะเดินยิ้มๆ ออกไปที่หน้าประตูพร้อมกับกระเป๋าสะพายคู่ใจของมัน
“เจ!!! ”ตัวของมันอยู่ข้างนอกแล้วครับแต่หัวของมันยักเสือกอยู่ข้างใน. .
“ห้ะ. . ”ไอรอยยิ้มกวนตีนนั้นหมายความว่าไง. .กัน
“ช่วงที่กูไม่อยู่. . .มึง. .. อย่าคิดถึงกูนะ. . ” โถ่ๆ จะไปแล้วยังไม่วายจะหันมาหยอดกูอีกเน้อมึง - -*
“ครับแน่นอนครับ ! ไปเรียนเถอะครับไปๆ ชิ่วๆ ”
“โอเคๆ งั้น ไปละนะ ถ้ามีอะไร กดเลขหนึ่ง ค้างไว้นะ กูจะรีบมาหามึงเลย . .” มันกำลังสื่อถึงอะไรกันแน่ผมเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ. .แต่ตอนนี้มันไป ที่ชอบๆ ของมันแล้วละครับ. . เหลือ ไว้แต่ผม ที่มีความคิด ฟุ้งซ้านอยู่เต็มหัวไปหมด. . .ใครก็ได้ช่วยผมที. . .. . ช่วยผมคิดทีว่าควรทำยังไงต่อไป
. . . . .....
ช่วงบ่ายๆ ผมนอนอ่านนิตยสารที่วางอยู่ข้าง โซฟา เล่มเดิมซ้ำไปซ้ำมาจนแทบจะจำคำพูด ที่เขียนไว้ได้ทุกหน้าแล้ว เห้อ เบื่อๆ ช่วงนี้ผมทำอะไรมันก็รู้สึกเบื่อไปหมด จะไปตีแอลแก้เคีรยดก็ไม่ได้ เพราะมือยังเดี้ยงอยู่. .ผมวางนิตยสาร จากมือ แล้วค่อยเอนหลังพักผ่อน หวังเพื่อที่จะหลับจะได้ไม่ต้องคิดอะไร. . . ขอแค่ ผ่านช่วงนี้ไปขอเวลาที่ผมกล้าพอที่จะพูดความรู้สึกที่อยู่ในใจทั้งหมดออกไปให้มันฟัง ได้ ก็คงจะดี. .
. . . . . . .
Tr….. เสียงโทรไอโฟนแพดเสียงดังอยู่ที่หน้าอกของผมว่าอยู่ทำไม่รู้สึกใจสั่นแปลกๆ - *- ผมกดรับโดยที่ไม่ได้มองรายชื่อที่โทรเข้ามา
“ครับ” ใครก็ไม่รู้แหละ แต่ผม ไม่ค่อยจะอยากคุยกับใครเลยในตอนนี้
“แหม่พูดสะเพราะเชียวทำไรอยู่กินข้าวรึยังน้ำเสียงฟังดูไม่คุ้นแหะ. .” .ใครกันวะ. .
“นั้นใครครับ ”
“ให้เดา ถายสิใครเอ่ยย ?”
“งั้นกูวางละ” ผมกำลังจะตัดสายวางไปแต่เหมือนได้ยินเสียงปลายสายตะโกนออกมาซะก่อน
“โห่เดี๋ยวดิแค่ แซวเล่นๆ เลย เจ แม้ง ”
“แล้วมึงใคร. . จะบอกกูรึยัง ไม่บอกกูวาง 1 2 .. ”
“อะๆ กูบอกก็ได้ อะตอมไง มึงจำเสียงกูไม่ได้จริงๆอ่อวะ” ..ไอที่มันโทรมาหน่ะผมไม่แปลกใจหรอก แต่ที่มันมีเบอร์ผมนั้นแหละที่แปลกกว่า . . .
“แล้วมึงได้เบอร์กูมาจากไหนวะ อย่าบอกนะว่า พ่อมึงเป็นโมริจริงๆ ห่ากูชักกลัวแล้วนะเนี้ย. . ”
“หาแค่นี้ไม่ต้องใช้นักสืบหรอก. แค่ลองกดดูมัวๆ ก็เข้าพาสเวิด มึงได้ละ ตั้ง ห่าอะไรได้เด็กมากอ่ะชิบหาย ”
“ก็ไม่เด็กนะ แค่ 1 2 3 4 เด็กตรงไหนวะ . . .”
“หลานกูอยู่ ป.1 รหัสเครื่องมันยัง ใช้รหัสที่ยากกว่านี้เลย ” ห่านี้มันกล้าเอาหลานมาเปรียบเทียบกับผมเลยเหรอเนี้ย . .
“เออกูโง่ สมองกูช้าพอใจรึยัง. แล้วโทรมาทำห่าอะไรเนี้ย คนจะหลับจะนอนวุ๊.”
“ก็แค่จะโทรมาถามว่า ตอนเย็นๆอยากกินอะไรมั้ย เดี๋ยวซื้อเข้าไปฝาก. . ?”
“ตังมึงเยอะขนาดนั้นเชียว ไม่ต้องมาทำตัวป๋ากับกูหรอกกูไม่หิว อยากกินอะไรมึงก็ซื้อมากินเองดิ่. .”
“ไม่หิวก็ต้องกิน เดี๋ยวมาตายในห้องกูๆทำใช้คืนพ่อแม่มึงไม่ได้นะเว้ย” มันยังคะบั้นคะยอ จะซื้อ มากินกับผมจนได้จนผมชักรำคาณเลยตอบส่งๆ ไป
“เออ อะไรก็ได้ซื้อมาเหอะ กูแดกได้หมดแหละ. . ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวกูไปเรียนก่อนนะ อย่าลืมนะเว้ย ถ้าเกิดปัญหาอะไรกดเลขหนึ่งข้างไว้นะเข้าใจป่าว ?”
“คร้าบๆ พ่อคุณ ไปเรียนเถอะมึงหน่ะไป . . ” ผมกดวางสายจากเบอร์ของ มันก็เกิดความสงสัยตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ว่าไอเลข 1 ของมันที่ว่า มันคอะไร ผมลองกด 1 ค้างตามที่มันบอก ก็โชวเบอร์โทรออกฉุกเฉิน . . อะตอมคุง อ่อ ที่แท้มันก็เม็ม ชื่อ เบอร์ของมันนี้เอง . . นึกว่าแอบเมมเบอร์คุณตันไว้ให้ผมซะอีก. .. .!! . . ผมละสายตาจากไอโฟน และ ค่อยๆเดินย่องเข้าไปที่ห้องน้ำ ว่าแต่ห้องน้ำมันอยู่ส่วนไหนของ ภายในห้องนี้กันละ. . ผมมองซ้ายมองขวา สายตาก็ไปหยุดอยู่ ที่ ประตูบานไม้ที่เปิดเข้าออก บ่อยที่สุดห้อง ไออะตอมครับ. . ผมเดินตรงเข้าไปสำรวจดู อืม จะว่าไปห้องมันก็มีหลายๆ อย่างคล้ายกับห้องผมอยู่นะทั้ง หนังสือสมุดกาตูน ที่เก็บสะสม มุมคอมพิวเตอร์ ฟอรนิเจอร์สีโทนทึบ . . เลิกสงัเกตุตามห้องและรีบวิ่งตรงเข้าห้องนำทันทีเพราะเริ่มรู้สึกว่าข้าสึกเริ่ม เข้ามาบุกยึดพื้นที่แล้ว. . . พอปลดทุกข์เสร็จผมก็รีบเดินออกมาจากห้องมันโดยไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้ผิดสังเกตุ. .
. . . . .
ตกเย็นกายโทรมาหาผมนักกันไปเจอ ที่ร้าน กาแฟของพี่โชน ที่ผมเคยทำงานอยู่ ใจจริงผมก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่หรอก . .ถ้า มันไม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับผมจริงๆ . .. . และก็คงเป็นผมเองที่ยอมบ้า จี้มาตาม ที่มันโทรนัดไว้. . . ก่อนออกมาผมก็ไม่ลืมที่จะหาเสื้อแขนยาวและก็บังเอิญไปเจอเสื้อฮู้ดสีดำแขนยาวที่อยู่ในห้องของอะตอมยืมมาใส่เพื่อ ปิดบัง รอยบวมช้ำๆ ที่แขนของผมไว้.และรีบออกไปตามสถานที่ที่ได้นัดกันไว้. . .
. . .
ผมมาถึงก่อนเวลา ที่นัดกันไว้ครึ่งชั่วโมง เพราะไม่อยากให้มันรอ ผม แต่ในทางกลับกันกายมันมาถึง ที่ร้าน เร็ว กว่าผมอีก ผม รีบเดิน เปิดประตู เข้าไปในร้าน ก็เห็นพี่ๆ ภายในร้านส่งร้อยยิ้มมาให้ผม ผมก็ไม่ลืมที่จะกล่าวคำทักทายพี่ที่ร้าน และเดินเดินตรงไปที่เค้าเตอร์
“อ้าวน้องเจ กลับมาแล้วเหรอ พร้อมเริ่มงานวันไหนดีละ ^ ^” เป็นเสียงของพี่ออมแคชเชียร์หน้าสวยที่ยิ้ม จนตาปิดหันมาถามผม . ”
“อ่อยังหรอกครับพี่ออม พอดีผมนัดเพื่อนไว้ ที่ร้าน อะครับ ”ผมยิ้มแบบพอเป็นพิธี ส่งให้ที่พี่ออมๆก็ดูเหมือนจะดูออกว่าผมคงมีธุระเลยไม่ๆได้ถามอะไรต่อและปล่อยให้ผม เดินตรง เข้า ไปนั่ง เก้าอี้ตรงข้าม กับบุคคลที่ นั่งรอผม อยู่ก่อนแล้ว. . .
“ไงมึง. .”ผมทักกายด้ยน้ำเสียงที่คิดว่าปกติที่สุด.
“ทำไมมึงมาเร็วละ. . นี้ยังไม่ถึงเวลานัดเลยนะ” มันหันมาตอบผม โดยที่ใบหน้าของมันดูหมองๆ มันป่วยรึเปล่าน่ะ.
“ว่าแต่กูตัวมึงเหอะมาก่อนกูกี่ชั่วโมงแล้วละ รอนานรึเปล่า . . ”
“เปล่าพึ่งมาเหมือนกัน. . แล้วนี้มึงกินอะไรมารึยัง อยากกินอะไรรึเปล่าสั่งได้เลยนะ พี่ครับ !. .”กายมันยกมือขึ้นจะขอเมนูแต่ผม ขัดจังหว่ะ การพูดของมันไว้ซะก่อน. .
“กูไม่ค่อยหิว ไม่เป็นไร ว่าแต่มึงเถอะเรื่อง สำคัญที่ว่า จะคุยกับกู . .. คือเรื่องอะไร . .”จากบรรยากาศเสียงเพลงภายในร้านที่เปิดคลอกับเสียงพูดคุยของ คนภายในร้านกลับถูกเปลี่ยนเป็นความเงียบแบบเฉียบ พลัน. . ทุกสิ่งทุกอย่าง ยัง เดินไปตามปกติ เพียงแต่ผมโฟกัส จุดสำคัญไปที่ กาย แค่คนเดียว. . . ท่าทางกายดูกุกกักมันพยายามยกน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม เพื่อดับความกังวนในใจของมันเอง. . จนเมื่อมัน เริ่มพูดขึ้น. .
“เจ กูขถามอะไรตรงๆเลยนะ เมื่อวาน.... มึง. . .ได้รอกูรึเปล่า ?” กายถามผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆเหมือนกำลังกลัวคำตอบ. . ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว โกหกมันต่อไปจะได้อะไรขึ้นมา. . ผมเลยตัดสินใจที่จะพูดความจริงออกไป. .
“อืม. .” ตอนคุยกับมันหน้าผมนิ่งไม่แสดงอาการอะไรทั้งสิ้น
“นานมั้ย?”
“3 เกือบ 4ชั่ว โมง”หน้ามันดูเสียไป . . แต่ก็ยังถามผมต่อ
“แล้วตอนที่มึงโทรหากู มึงได้คุยกับแยมมั้ย ?” แยมคงหมายถึงเมียของมันสินะ ถ้าใช่. . ก็
“อืม ได้คุย แล้วยังไง อยากจะอวดเสียงเมียกับลูกมึงมากรึไง ?”จากสายตามันที่เอาแต่หลบๆ หน้าผม ก็รีบ เงยขึ้นมามองหน้าผมแทบจะทันที. .
“เมีย ใครเมียกู ?” เรื่องแค่นี้มันยังต้องให้ผมอธิบายเพิ่มเติมอีกเหรอ. .
“อย่าแกล้งโง่เลยกาย ก็คนที่กูคุยด้วย ตอนที่โทรไปหามึงนั้นไง ?” ผมเริ่มมีน้ำโหนิดๆ แล้ว
“เดี๋ยวๆ นะเจ มันชักจะไปกันใหญ่แล้วกูกับ แยม เรา สองคนเป็นแค่เพื่อน กัน”
“เพื่อนห่าอะไรมีลูกด้วยกัน แบบไหนที่เขาเรียกว่าเพื่อนกันวะ!!” เหมือนผมคงจะใส่น้ำเสียงมากไป จนคนในร้านต่างหันมามองที่โต๊ะผมกับกายกันให้ควับ
“เจ . . .ฟังกูนะ กูกับ แยม เราสองคนไม่ได้มีอะไร กัน แล้วอีกอย่าง พ่อของลูกแยมคือเพื่อน กู ไม่เชื่อก็ดูนี้. .”มันพูดพร้อมกับยื่นไอโฟนที่มีรูปของ ผู้หญิงสวยๆคนนึง อุ้มลูกพร้อมกับผู้ชายที่ นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ. . . และมีแคปชั่น แยม&แจ็ค และลูกของเรา. . . หลังจากที่อ่านข้อความในไอโฟนของมันเสร็จผมก็กลับ มาคิดประมวลผลต่างๆตามภาพที่ได้เห็น แล้วสรุปเรื่องเมื่อวานที่ ผมนั่งคิดไปเองอยู่คนเดียวนี้มันคืออะไรกัน . .แล้วถ้าเมื่อวาน ผม ไม่ได้อะตอมช่วยผมไว้ ผมจะได้มานั่งฟังความจริง ที่มันอธิบายให้ผมฟัง ในวันนี้มั้ย? ผมนั่งถามตัวเองในใจพร้อมกับ ความ รู้สึกจุกอยู่ที่อกจนยากที่จะหักห้าม ไม่ให้มันไหล ออกมา. .ผมนั่งก้มหน้า สะอื้นเบาๆ . .โดยไม่กล้าที่แม้จะสบตามัน
“เจ กูไม่เป็นไรไม่ต้องร้อง. . ถ้าเป็นกูๆก็คงคิดมากไม่ต่างจากมึงหรอก เพราะชะนั้นไม่ต้องร้อง . .กูไม่ได้โกรธ มึง หยุดร้องได้แล้ว. .”ให้กายมันดูมันด่าผมแบบเมื่อก่อน ยังจะดีซะกว่า ยิ่งกายมันพูดปลอบโยนผมมากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก..
“กาย. .. . ” เสียงของผมยังคงสั่นสะอื้น. .เพียงแต่ไม่กล้าที่จะขึ้นมาสบตามองคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“หืม. .. . ” เสียงของกายยังดูใจดีจนผมแทบอยากจะลงไปกอดขาขอโทษมัน. .
“กูขอโทษ. . . ” มีพียงคำเดียวที่ผมสามารถพูด มันออกมาได้ในตอนนี้ . .คือคำว่า ขอโทษ ขอโทษ และขอโทษ. .
“ขอโทษ ทำไม บอกแล้ว ว่าไม่ได้โกรธ . .” กายพูดพร้อมกับเขยิบเข้ามานั่ง ข้าง เก้าอี้ตัวยาวข้างผมพร้อมกับตัวผมให้ไปซบที่ไหล่ของมัน. . พลางลูบหัวผมอย่างเอ็นดู. .โดยที่มันไม่แคร์ถึงสายตาของคนอื่นๆ ในร้านที่กำลังจองมอง มันอยู่เลย
“กูขอโทษนะกาย ที่ด่วนสรุปคิดไปเอง ขอโทษ นะที่กูไม่ยอมฟังเหตุผลมึงก่อน กู ขอโทษ นะกาย ที่กู ไม่ไว้ใจมึง. กูขอโทษ ขอโทษ ขอ. ...”
“ไม่เป็นไรเจ. .กูยกโทษให้ กู รู้ดีว่าความรู้สึกของมึงตอนนั้นมันเป็นยังไง . . มันคงเหมือนการที่เราถูกคนที่เรารักหักหลัง ถ้าถามว่าทำไม กูถึงรู้ เพราะกู เคยผ่านมันมาแล้วไง มึงยังจำตอนที่กูกับพี่ริวกลับมาคุยใหม่ๆได้มั้ย.. ถ้าไม่ใช่เพราะมึงที่คอยช่วยในวันนั้น กูก็คงจะเข้าใจผิดๆไปอีกนาน และถ้าไม่ใช่เพราะมึง กูกับพี่ริวเราก็คงไม่ได้กลับมาเป็นพี่น้องกันอย่างทุกวันนี้หรอก. เพราะชะนั้นเลิกร้อง ไหเถอะ. .กูไม่ชอบที่เห็นน้ำตาของมึงเลยเจ มึงรู้ตัวมั้ย ตอนมึง ร้องไหนี้โคตร อุบาตส์ เลย เหมือนพวกลิง ชิมแปนซี เวลามันอ้าปากอ่ะ มึงว่าป่ะ. ฮ่าๆ ” กายมันไม่ได้โกรธผมเลยแม้แต่น้อยแถมยัง คอยปลอบโยน ผมในแบบ ของมันอีก . เห้อ ผมไม่อยากคิดเลย ว่าถ้าตัวเอง ไม่มีโอกาส ที่จะมานั่งข้างๆ ฟัง คำตอบของมันในวันนี้ ผมคงจะต้องตายไปพร้อม กับความเข้าใจผิด แน่ๆ เลย . . .
“หน้ากูอุบาตส์แล้วมึงรักมั้ยหล่ะ ?” ผมยิ้มขำๆ ตอบมันไปทั้งน้ำตา แห่งความสุข. .
”รักมั้ยหรอ กูคงบอกตอนนี้ไม่ได้หรอก แต่ถ้าจะถามความคิดกู... ลิงอุบาตส์แบบมึงนี้ คงหาใหม่ได้ยากวะ ฮ่าๆ ” ผมเกือบจะซึ่งอยู่แล้วเชียวถ้ามันไม่เปรียบผมๆ เป็นอะไรแย่ๆ ตามที่มันคิดออก ผมก็คงจะรู้สึกดีมากกว่านี้อีก ฮ่าๆ . .แอบขำตาม
. . .. ท้ายนี้ผมได้แต่พูดพร้อมกับบอกตัวเองอยู่ภายในใจ
ขอโทษนะกาย ขอโทษที่ดูถูกความรู้สึกมึง ขอโทษที่กู. .กลัวมัวแต่มองสิ่งที่เห็นจนลืมมองสิ่งที่เป็นควมจริงไป . . .กุสัญญานะ ว่าต่อจากนี้ไป กู จะ พยายามเข้าใจมึง และถึงแม้ มันจะเป็นคนที่เข้าใจยากมากแค่ไหน. .ผมก็ยังอยากที่จะลอง . . . ลองที่จะได้เข้าใจ. . และต้องพยายาม ให้มากกว่าเดิม. .
.สัญญา. . จาก ♥ (∩_∩)
เจ...
TBC. ⊙ω⊙
ขอขอบคุณทุกคอมเม้น ที่ยังคอยติดตามกันอยู่นะครับ (รู้สึกมีกำลังใจ)
{KIM}