ตอนที่ 13 (The end)จิ๊กซอว์กล่องสุดท้ายได้มาครอบครองแล้ว...แต่ไอ้กวิ้นกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด ปกติมันจะต้องรีบเร่งต่อให้เสร็จเพื่อถ่ายรูปอวดในโลกโซเซียลหรือส่งรูปอวดในกลุ่มคนรักจิ๊กซอว์ที่มันเข้าร่วมด้วย มาถึงกล่องนี้...มันได้มาก็วางทิ้งไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือและไม่สนใจใยดีจะหยิบขึ้นมากระทำการใดๆ คงเป็นเพราะคนให้มานั้น ทำร้ายจิตใจมันมากเหลือเกิน
Only Summer: ไอ้กวิ้น แดกชาบูกัน
ไอ้เหมอกับไอ้นะในช่วงนี้ชีวิตรักของพวกมันก็ลุ่มๆ ดอนๆ นอกเหนือจากปัญหาครอบครัว พวกมันก็มีปัญหาส่วนตัวที่คู่รักทุกคู่พึงมี ไอ้กวิ้นนั้นรู้ดี แม้ไอ้เหมอมันจะไม่ใช่พวกชอบคุยเรื่องดราม่าของตัวเองให้คนอื่นฟัง แต่เห็นหน้าตาหล่อๆ ของไอ้นะไม่ผ่องใส ก็พอจะเข้าใจได้
Only Summer: ไอ้นกโง่ มึงอ่านแล้วเสือกไม่ตอบเหรอ เดี๋ยวโดนพี่เหมอบ้องหู
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: โง่บ้านมึง
Only Summer: โง่ดิ นกห่าไรบินไม่ได้
ไอ้กวิ้นแทบอยากทะลุผ่านหน้าจอไปบีบคอไอ้เหมอ นอกจากหมั่นไส้ส่วนตัวแล้วยังมีเรื่องที่พาลมาจากพี่ชายของมันด้วย
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: เดี๋ยวกูจะเปลี่ยนชื่อเฟซเดี๋ยวนี้แหละไอ้สัด
Only Summer: ต่อให้เปลี่ยนชื่อเฟซ มึงก็ทำให้นกเพนกวินบนโลกนี้บินไม่ได้ขึ้นมาหรอก เตรียมตัวเลย จะไปรับ แดกชาบูกัน
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: เออๆ
ไอ้กวิ้นจิ๊ปากใส่หน้าจอไอแม็คก่อนมันจะจัดการเปลี่ยนชื่อเฟซเพราะคิดไว้นานแล้วว่า...ชื่อโง่ๆ นี้คงทำให้มันยังคงโง่ยิ่งกว่าเดิม...เพราะมันตั้งตามที่พี่ชายไอ้เหมอชอบแขวะ มันทำตัวเป็นนกบินไม่ได้ด้วยหวังว่าเขาคนนั้นจะพาบิน แต่ตอนนี้...รู้แล้วว่า... เขาพามันบินไปไม่ได้ตลอด สุดท้าย...พอพามันบินขึ้นสูง ก็ปล่อยให้มันตกลงมาสู่พื้นอยู่ดี
Only Summer: ลงมาเลย มัวแต่เปลี่ยนชื่อเฟซไร้สาระไอ้ห่า
กวิ้นกวิ้นอยากบินก็บินได้: ครีเอตไหมมึง
Only Summer: ชื่อเดิมก็ดีอยู่แล้วนี่หว่า น่าเอ็นดูน่าถีบดี
กวิ้นกวิ้นอยากบินก็บินได้: ชื่อนี้อ่ะ
Only Summer: น่าหมั่นไส้
กวิ้นกวิ้นอยากบินก็บินได้: จิ๊ กูชอบชื่อนี้ รู้สึกทรงพลัง
Only Summer: เอาที่มึงสบายใจ สบายใจแล้วก็รีบๆ ลงมา พี่หล่อกูจะงับหัวละเนี่ย มันหิวข้าว เร็วๆ เลย
ไอ้กวิ้นจึงต้องละความสนใจจากหน้าจอไอแม็คมาคว้ากระเป๋าตังค์และโทรศัพท์มือถือ เดินลงบันไดมาชั้นล่าง แวะเข้าครัวบอกพี่แต้วว่าจะออกไปกินชาบูกับไอ้เหมอ จากนั้นก็เร่งรีบออกจากบ้าน
“ช้าจริงวุ้ย” ไอ้เหมอบ่น มันยื่นมือหมายจะตบหัว แต่ไอ้กวิ้นโยกหลบทัน
“มึงมาเร็วต่างหาก” ไอ้กวิ้นเถียงเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นนั่งเบาะหลังแล้วนั่งเงียบไปตลอดทาง เพราะไม่มีอะไรจะคุยและไม่มีอารมณ์อยากคุย จึงได้แต่ฟังไอ้นะกับไอ้เหมอมันเกี้ยวกันไปจีบกันมาราวกับคู่รักที่เพิ่งได้เสียกันใหม่ๆ
ไอ้กวิ้นจมอยู่ในธารน้ำอ้อยได้ไม่นานก็มาถึงร้านชาบูร้านประจำ มันเดินดุ่มเข้าไปในร้าน บอกจำนวนคนให้กับพนักงานแล้วก็เดินตามไปที่โต๊ะ
“รับเป็นน้ำข้นหรือน้ำใสดีคะ” พนักงานเอ่ยเสียงหวานกับไอ้นะ แต่ไอ้เหมอกลับรีบเสนอหน้าตอบ
“น้ำใสครับ นะ อะไรติดผมเนี่ย ไปเล่นซนที่ไหนมา เดี๋ยวเหมออเอาออกให้นะ” ไอ้เกรียนกระตุกยิ้มเล็กน้อยพลางทำทีหยิบอะไรบางอย่างออกจากศีรษะของไอ้นะ ทั้งๆ ที่ไอ้กวิ้นเห็นแล้วว่ามันหยิบอากาศออกมา แต่ก็ขี้คร้านจะแขวะ ปล่อยไอ้เหมอมันประกาศอาณาเขตของมันไป เพราะอย่างน้อย...คนที่มันกำลังหวงก็คือแฟนของมัน มันมีสิทธิ์จะหึงจะหวงได้เต็มที่ ต่างจากไอ้กวิ้น...ที่ไม่เคยได้สิทธิ์นั้นจากพี่ชายของไอ้เหมอเลย
นั่งกินกันไปได้สักพัก ไอ้กวิ้นก็วางตะเกียบและมามองสองเพื่อนซี้กินต่อ
“เป็นไรของมึงไอ้กวิ้น บอกกูมาตรงๆ ดิ๊” ไอ้เหมอพูดโพล่งขึ้นมาจนไอ้กวิ้นที่กำลังนั่งมองน้ำในหม้อเดือดถึงกับชะงัก
“ห้ะ? กู? เป็นไรวะ” ไอ้นกบื้อทำหน้างง มองหน้าเพื่อนรูปหล่อข้างกายไอ้เหมออย่างขอคำอธิบายเพิ่มเติม แต่ไอ้หล่อมันไม่พูด มันกินอย่างเดียวจนไอ้กวิ้นที่เลี่ยงจะสบตาไอ้เหมอถึงกับถอนหายใจเฮือก “กูจะเป็นไรวะไอ้ห่า”
“เอาดีๆ ไม่อยากให้กูคว่ำหม้อชาบูมึงก็ตอบมา” ไอ้เหมอสวมวิญญาณเสือ กับแฟนไม่เคยโหดได้ขนาดนี้ แต่กับไอ้กวิ้น ไอ้เหมอเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร
“อันธพาล ป่าเถื่อน” ไอ้กวิ้นเบะปากใส่
“กูจะถามมึงครั้งสุดท้ายนะว่ามึงเป็นอะไร ถ้าไม่คิดว่ากูเป็นเพื่อน ก็ไม่ต้องตอบ” ไอ้เหมอทำหน้าจริงจัง คราวนี้ไอ้กวิ้นถึงกับหน้าเสีย เพราะมันรู้ว่าเพื่อนเหมอกำลังไม่สบอารมณ์จริงๆ ไอ้เหมอเด็กเทวดา คือฉายาที่ไอ้กวิ้นตั้งให้มันตั้งแต่มันอยู่มอต้น แต่ความเทวดาของมันไม่ค่อยแผลงฤทธิ์มากนัก แต่ถ้าแผลงฤทธิ์ทีไร เป็นต้องยอมมันเสียทุกที
“ไอ้เหมอ...กู” ไอ้กวิ้นรู้ตัวแล้วว่ามันเลี่ยงไม่ได้ แต่น้ำก็ยังท่วมปาก มันไม่กล้าบอกไอ้เหมอในตอนนี้
“โอเค ชนะ ไปจ่ายเงิน แล้วเรากลับกันเลย เอาค่าแท็กซี่ให้ไอ้ห่านี่ด้วย ให้มันกลับเอง”
ไอ้เหมอตัดบท ทั้งๆ ที่ยังกินกันไม่อิ่ม แต่ไอ้เสือมันลุกขึ้นแล้ว ชนะที่เหวอตามไอ้กวิ้นก็รีบทำตามคำสั่งสุดที่รัก ในขณะที่ไอ้นกบื้อมันเหวอหนักตาเหลือก ใจหนึ่งอยากถีบไอ้เพื่อนหัวเกรียนตัวล่ำแต่ก็กลัวจะสู้มันเมื่อถูกถีบกลับไม่ได้ ส่วนอีกใจก็อยากจะวิ่งหนี เพราะมันไม่รู้...ว่าไอ้เหมอจะมีฟีดแบ็กอย่างไรกับเรื่องของไอ้กวิ้นและพี่ชายของมัน
“ไอ้เหมอ...เดี๋ยวดิมึง” ไอ้กวิ้นร้องเรียก แต่ไอ้เหมอมันเดินออกจากร้านไปแล้ว ชนะที่เอาบิลไปจ่ายที่เคาท์เตอร์จึงเดินเข้ามาหาไอ้กวิ้น
“อ่ะมึง ค่าแท็กซี่ ห้าร้อยพอป่ะ” ไอ้หล่อมันก็ตามใจเมียมันจนไอ้กวิ้นแยกเขี้ยวขู่ จากนกกลายร่างเป็นหมาทันที
“เมียมึงเป็นห่าไรเนี่ย คนไม่บอกก็คือยังไม่พร้อมป่ะวะ” ไอ้กวิ้นหงุดหงิดใส่ไอ้หล่อเพื่อนซี้ แต่ชนะไม่เข้าข้างใครนอกจากไอ้เหมอจึงแค่ยักไหล่ ไม่ออกความเห็นให้ขัดแย้งกันขึ้นมา
“มึงพูดไรบ้างดิ”
“ถ้าให้กูพูด กูก็จะบอกว่ามึงควรคุยกับเหมอ เหมอเป็นห่วงมึง”
“แต่...” ไอ้กวิ้นยังคงลังเล คิ้วของมันขมวดมุ่นจนถูกชนะผลักหน้าผากไปสองที
“บอกเหมือนที่มึงบอกกับกู ตัดเรื่องที่เหมอเป็นน้องพี่หมัยออกไปเถอะ เพราะที่เหมอถาม ไม่ได้ถามในฐานะน้องพี่หมัย แต่ถาม...ในฐานะเพื่อนที่รักมึงมาก ไอ้กวิ้น ไปซะ อย่าทำให้แฟนกูคิดมาก ไม่งั้นมึงจะไม่โดนแค่เหมอ จะโดนกูด้วย”
ไอ้กวิ้นมองค้อน “คู่ผัวเมียซาดิสม์ชอบรังแกกู”
“รู้ก็ดี ไม่อยากโดนรังแกก็ไป”
ไอ้กวิ้นถอนหายใจ ชนะตบไหล่มันสองสามที ไอ้นกเอ๋อจึงเดินตามไอ้เหมอไปนอกร้าน ส่วนชนะเดินออกจากร้านแยกไปอีกทาง ตรงดิ่งเข้า KFC เพื่อสั่งไก่ทอดหนึ่งถังกลับบ้าน กินชาบูไม่อิ่มก็ขอไปฟินกับไก่ทอดก็แล้วกัน
ไอ้เหมอยืนพิงรถคันหรูรอคอยคนรูปหล่อของมัน แต่ที่เห็นเดินตรงมาหาก็คือไอ้นกตัวสูงโย่งที่หน้าตามันยุ่งเหยิงราวกับในใจกำลังต่อสู้ขัดแย้งหลักเหตุผลกันตลอดเวลา
“ไอ้เหมอ” ไอ้กวิ้นหยุดยืนตรงหน้าไอ้หัวเกรียน มันเลี่ยงสายตาหลบกับตาดุๆ ของไอ้เสือที่จ้องมอง แต่ไม่นานมันก็ทำใจกล้ามองสบตาเพื่อนซี้
“แฟนกูล่ะ”
“กูเห็นมันไปที่ KFC” ไอ้กวิ้นตอบเบาๆ ไอ้เหมอพยักหน้า กอดอกมองไอ้กวิ้นราวกับคุณครูกำลังจ้องมองเด็กที่กำลังทำผิด
“คือ...มึง”
“แถวนี้ไม่มีแท็กซี่ให้มึงเรียก”
“ไอ้เหมอ ฟังกูก่อนนะเว้ย มันเป็นเรื่องที่กูไม่อยากพูดถึง”
“งั้นมึงมายืนทำห่าไรตรงนี้”
“ก็มึง...” ไอ้กวิ้นตีอกชกหัวตัวเอง ก่อนมันจะถอนหายใจ “เออๆ กูกำลังอกหัก กำลังเฮิร์ต เพราะพี่หมัยของมึง”
ไอ้เหมอคิ้วกระตุก มันแทบหลุดทำสีหน้าเหวอแทนที่จะเก๊กโหดหน้านิ่งใส่ไอ้กวิ้น แทบอยากจะเข้าไปเขย่าคอถามไอ้กวิ้นเพื่อนโง่ว่าทำไมถึงเป็นเพราะพี่ชายสุดที่รักของมัน แต่ไอ้เสือมันยังคงความขรึมไว้ได้ดีจนน่าส่งเข้าชิงรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม
ในขณะที่ไอ้กวิ้นนั้นใจแป้วเมื่อเห็นไอ้เหมอไม่มีปฏิกิริยาอื่นใดนอกจากความเงียบขรึม
“มึงพูดอะไรสักอย่างดิวะ” ไอ้กวิ้นเบะปาก ทำหน้าจะร้องไห้ ไอ้เหมอจึงกวักมือเรียกให้มันเข้ามาใกล้ ไอ้นกเอ๋อมันก็เผลอก้าวเข้าหาแต่โดยดี ก่อนจะ...
ผลัวะ!
“โอ้ย! มึงตบหัวกูทำ...” ไอ้กวิ้นยังพูดไม่ทันจบ ไอ้เหมอก็ดึงมันเข้าสู่อ้อมแขน จากที่ตั้งใจจะร้องโวยวาย ไอ้กวิ้นกลับเงียบเสียงแล้วกอดไอ้เหมอไว้แน่น “เหมอ...”
“มึงรักพี่กูตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นะ...นานแล้ว” ไอ้กวิ้นตอบเสียงอู้อี้ “กูโดนปฏิเสธแล้วด้วย”
รักมาตลอด รักมาหลายปี...อาจจะไม่ใช่แรกเจอ แต่ก็รักมานานกว่าผู้หญิงที่กำลังเคียงข้างพี่สมัยอยู่ในตอนนี้ แต่รักมานานแค่ไหน...ก็ไม่มีประโยชน์อะไร...ในเมื่อหัวใจไม่ได้ถูกเลือก
ไอ้เหมอกดศีรษะไอ้กวิ้นไม่ให้มันขืนตัวออก “กูขอโทษที่ไม่รู้อะไรเลยไอ้กวิ้น และกูก็ต้องขอโทษ เพราะถึงแม้กูจะรู้เร็วกว่านี้ กูก็ช่วยอะไรมึงไม่ได้”
ไอ้กวิ้นเข้าใจไอ้เหมอดี... ถึงคำที่มันพูด เพราะในเรื่องความรัก แม้ไอ้เหมอจะสนิทกับไอ้กวิ้นมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถยัดเยียดไอ้กวิ้นให้กับพี่ชายของมันแค่เพราะไอ้กวิ้นคือเพื่อนสนิทได้
“อะ...อืม” เสียงไอ้กวิ้นเครือจนไอ้เหมอต้องยกมือขึ้นลูบหัวไอ้กวิ้นเพื่อนโง่ของมันที่ตอนนี้น้ำตากำลังไหลลงมาเงียบๆ
“มึงช่วยกูมาตลอด แต่กับความรักของมึง กูทำอะไรให้ไม่ได้เลย”
“มึง...มึงไม่โกรธกูเหรอ ที่กูไม่บอกมึง”
“มันเป็นสิทธิ์ของมึงที่จะไม่บอกกู”
“แล้วมึงทำโกรธกูเพื่ออะไรวะไอ้ห่า”
“ที่กูโกรธเพราะมีเรื่องทุกข์ใจแล้วไม่บอกกูต่างหาก ไม่ได้โกรธที่มึงไม่บอกกูว่ามึงรักพี่หมัย”
“ก็...มันเรื่องเดียวกันปะวะ”
“อย่าเถียงกูไอ้กวิ้น มึงมันแค่นกโง่ แต่กูคือเสือเหมอที่โคตรฉลาด”
“เออๆ”
ไอ้กวิ้นปล่อยให้ไอ้เหมอมันกอดปลอบ รู้สึกโล่งอกโล่งใจยิ่งกว่าเมื่อหลายวันที่ผ่านมา ราวกับมันได้ยกภูเขาออกจากอก ได้คุยเรื่องความรู้สึกที่มันมีให้กับใครบางคนที่มันเก็บเอาไว้เป็นความลับมานาน เพราะพอมันได้บอกกับไอ้เหมอ...มันกลับได้ไหล่แข็งแรงเป็นที่พักพิงให้
...คุโด้ ชินอิจิก็ไม่ได้กอดปลอบโมริ รันยามที่ร้องไห้ แต่เป็นโซโนโกะต่างหากที่อยู่กับรันร้องไห้ไปกับรันทุกครั้ง แต่จะให้ไอ้เหมอหัวเกรียนเป็นโซโนโกะ...แค่ไอ้กวิ้นมันคิดก็หัวเราะก๊ากในใจแล้ว**************************************
ไอ้เหมอเด็กเทวดา...ก็สมฉายาของมันจริงๆ เพราะมันเป็นเทวดาที่ช่วยรักษาใจของไอ้กวิ้นให้เข้มแข็ง แม้ความรักของไอ้เหมอกับไอ้นะในช่วงหลังมานี้จะอยู่ในช่วงร่อแร่ แต่ไอ้เสือเกรียนก็ยังคงไม่สิ้นลาย มันกวนตีนไอ้กวิ้นได้ไม่หยุดหย่อน จนไอ้นกบื้อมันไม่ว่างจะเศร้าซึม อยู่กับไอ้เหมอเป็นต้องโกรธต้องความดันขึ้นอยู่ร่ำไป
“เหี้ยกวิ้น”
“ไรวะ”
ไอ้กวิ้นแข็งแรงมากพอในการมาบ้านไอ้เหมอโดยที่พี่ชายของมันก็ยังอยู่ที่บ้าน แค่มองเมินราวกับอีกฝ่ายเป็นอากาศไปเสีย เท่านั้นโลกของมันก็สว่างสดใส เคยคิดว่าถ้ายังตัดใจไม่ได้มันจะไม่มาเหยียบบ้านไอ้เหมออีก แต่ความคิดนั้นก็เป็นอันตกไปเมื่อไอ้เสือเพื่อนรักอาการทางใจนั้น...หนักไม่แพ้นกบื้อเลย
ไอ้เหมอเลิกกับไอ้นะได้หลายวันแล้ว วันนี้มันกลับจากโรงเรียนตามปกติ ไอ้กวิ้นจึงรีบเร่งมาหา
“มึงเอาแหวนคืนนะรึยัง” ไอ้เหมอถอดแหวนวงสำคัญที่ไอ้นะให้แล้วฝากไอ้กวิ้นไปคืน แต่ไอ้นกบื้อมันยังไม่มีโอกาสจะคืนให้ เพราะดูจากอาการของไอ้นะแล้ว...ขืนโดนคืนแหวน คงยิ่งโคม่า
“ยัง แต่มึงไม่ต้องห่วง กูจะหาโอกาสคืนให้ แล้วมึงกินข้าวบ้างยังเนี่ย คุณหญิงแม่ของมึงบอกว่ามึงกินเท่าแมวดม”
“แมวยักษ์อะดิ กูแดกข้าวมันไก่ไปสามจาน”
ไอ้เหมอเป็นมนุษย์เหนือมนุษย์ เพราะจริงดังว่าที่มันเฮิร์ตแต่มันก็ยังกินได้ นอนหลับ ต่างจากไอ้กวิ้นที่ช่วงเฮิร์ตหนักแรกๆ แทบไม่อยากอาหาร
“เออ ดีว่ะ แดกเยอะ แต่ระวังอ้วน”
“พูดมาก แล้วนี่มึงหอบเสื้อผ้ามาทำไม”
“คิดว่ามึงอยากให้กูอยู่เป็นเพื่อน”
ไอ้เหมอหัวเราะก๊าก ก่อนจะตบหัวไอ้กวิ้นเบาๆ สองสามที “ก็ดีว่ะ กูเพิ่งเลิกกับแฟน อยากลองมีเมียดูบ้าง ไปอาบน้ำแล้วมาปรนนิบัติพี่เหมอนะจ้ะ”
“บ้านมึงดิ” ไอ้กวิ้นรีบถอยห่าง เพราะขนาดตัวของไอ้เหมอนั้นไม่ได้แตกต่างจากพี่ชายของมันมากนัก อาจจะสูงไม่เท่า แต่ความกำยำก็ไม่น้อยหน้ากันเสียเท่าไหร่ ไอ้กวิ้นยังเคยแปลกใจที่พี่ชายของมันอุ้ม ‘น้องน้อย’ ร่อนไปร่อนมาได้โดยไม่บ่นปวดหลัง
“มามะน้องกวิ้น ยอมเป็นของพี่เหมอเสียดีๆ”
ไอ้เหมอคงอกหักจนกลายเป็นบ้าไปแล้ว ถึงได้สวมบทพิศาลลากไอ้กวิ้นเพื่อนโง่ของมันขึ้นเตียง
“เฮ้ยย มึง ตั้งสติดิวะ”
“หึหึ” ไอ้เหมอหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย มือสองข้างตรึงสองแขนไอ้กวิ้นแนบกับฟูกนอน “เป็นเมียกูปะ ไม่ได้พี่ เอาน้องก็ดีนะมึง กูเอามันส์”
“บ้านมึ้งงงงงงงงงงงงงงงงงง”
“เออ นี่บ้านกู อย่าเสียงดังดิวะ เดี๋ยวมีใครได้ยิน”
ไอ้กวิ้นเริ่มดิ้นเมื่อไอ้เหมอกำลังโน้มหน้าลงมาใกล้ มันหลับตาปี๋ หายใจหอบเพราะการขัดขืน กระดุมเสื้อหลุดจนเผยให้เห็นอกขาว ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าแดงก่ำอย่างน่ามอง
“กวิ้น” ไอ้เหมอกระซิบข้างหูเสียงเบา “มึงอยากรู้ปะว่าพี่หมัยคิดยังไงกับมึง”
คำถามของไอ้เหมอทำเอาไอ้กวิ้นชะงัก มันลืมตาช้าๆ ก่อนจะบอกเบาๆ ว่า “กูไม่อยากรู้”
“แต่กูอยากรู้” ไอ้เหมอบอกกลับ ใบหน้ามันยังคงวนเวียนใกล้ๆ ลมหายใจเป่ารดต้นคอไอ้กวิ้นจนไอ้นกบื้อร้อนผ่าวไปทั้งตัว “มึงรู้ไหมว่าพี่หมัยเหมือนคนอกหัก”
“ไอ้เหมอ กูไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น พี่มึงจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับกูแล้ว กูตัดใจแล้ว อย่ามาทำให้กูเขว”
“กูว่ามึงคงรู้อยู่แล้วว่าพี่หมัยรู้สึกยังไง จริงไหม”
ไอ้กวิ้นพยักหน้าเบาๆ “รู้ แต่ยังไงเขาก็ไม่เลือกกู ...มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลือกกูไอ้เหมอ”
รู้ดี แต่พี่ชายไอ้เหมอก็เลือกจะทิ้งไอ้กวิ้นไว้ ตอนนี้มันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้นความรู้สึกที่ส่งไปไม่ถึงขึ้นมาอีก... ไอ้กวิ้นไม่อยากต้องหวังลมๆ แล้งๆ ไม่อยากต้องเจ็บซ้ำๆ ซากๆ อีกแล้ว
“นั่นเพราะกูไง ตอนนี้กูเลิกกับนะแล้ว...” น้ำเสียงของไอ้เหมอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนมือที่ถูกปล่อยเป็นอิสระของไอ้กวิ้นต้องยกขึ้นกอดมันไว้ “มึงรู้ว่าครอบครัวกูเป็นแบบไหน พ่อกูไม่ใช่คนจะยอมรับได้ง่ายๆ ว่าลูกจะมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ตอนนี้ ถ้ากูทำตามความหวังของพ่อได้...มึงกับพี่หมัยก็ยังพอมีหวัง”
“ไอ้เหมอ... มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอก มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น” ไอ้กวิ้นบอกเสียงเบา “อีกอย่าง...คนอยากทำนม อยากสวยอย่างมึง จะมีเมียได้ไงวะ”
“มีได้ มึงเป็นตัวทดลองไง”
“ไอ้บ้า”
ไอ้เหมอหัวเราะเบาๆ ก่อนเสื้อยืดที่มันสวมจะถูกถอดออก ไอ้กวิ้นตาโตกับซิคแพ็คและมัดกล้ามของนักเรียนนายร้อยเพื่อนซี้
“มึงอย่าคิดทำอะไรบ้าๆ นะ” ไอ้กวิ้นบอกอย่างหวั่นใจ
“ไม่บ้าไม่ใช่กู”
“เชี่ย ตรรกะอะไรของมึงงงง อื้อออ” ไอ้กวิ้นถูกมือของไอ้เสือเหมอปิดปาก แต่ก่อนที่ริมฝีปากของไอ้เสือโหยจะละเลงลงบนผิวเนื้อของนก ร่างกำยำของไอ้เกรียนก็ปลิวออกจากไอ้นกบื้อด้วยฝีมือพี่ชายของมัน
“นี่คิดจะทำอะไร!” เสียงของร้อยเอกสมัยเข้มจัดอย่างที่ไม่เคยใช้พูดกับน้องชายสุดที่รักมาก่อน “เป็นบ้าไปแล้วรึไง!”
ไอ้เหมอหน้าเหวอหนักเพราะไม่เคยถูกพี่ชายดุมาก่อน มันมองพี่สมัยอย่างกวนๆ แต่ในใจยักยิ้ม “พี่หมัยกล้าว่าเหมอเหรอ”
เจอคำถามจากน้องชายสุดที่รักเข้าไป สมัยก็เหมือนกับได้สติ “พี่...”
“พี่หมัยเข้ามาในห้องของเหมอทำไม เหมอบอกแล้วไงว่าจะคุยกับไอ้กวิ้นสองคน”
“นี่เรียกว่าคุยรึไง”
“ก็คุย...แต่อยากคุยด้วยภาษากายกัน ทำไมอ่ะ พี่หมัยมีปัญหาตรงไหนเหรอ”
สมัยมองหน้าน้องชายตัวเองด้วยสายตาดุจัด “น้องเหมอมีแฟนอยู่แล้ว ถ้าไอ้นะรู้เข้าคงเสียใจ”
“พี่หมัยก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเหมอโสดอ่ะตอนนี้ เหมอ...จะทำกับใครก็ได้ ไอ้กวิ้นมันก็เต็มใจ”
“มันไม่เต็มใจ!”
น้ำเสียงของพี่ชายตวัดฉับ แต่คนเป็นน้องกลับยักคิ้วกวน “พี่หมัยคิดจริงๆ เหรอว่ามันไม่เต็มใจ คนไม่เต็มใจ...ไม่อยู่ในสภาพนี้หรอก”
“น้องเหมอ!”
“พี่หมัยออกไปจากห้องของเหมอดีกว่า อย่าให้โมโห”
แต่สมัยไม่สนใจคำพูดของไอ้เหมอเลยแม้แต่น้อย เดินไปหยิบกระเป๋าไอ้กวิ้นแล้วกลับมาคว้าแขนเจ้าของกระเป๋าให้ลุกขึ้น “กลับบ้านได้แล้วไอ้นกบื้อ กูจะไปส่ง”
ไอ้กวิ้นสะบัดแขนออกทันที “ไม่ไป วันนี้จะค้างกับไอ้เหมอ”
“กวิ้น”
“พี่หมัย พี่เป็นบ้าเหรอตอนนี้” ไอ้เหมอถามเสียงกลั้วหัวเราะ “คนจะมีความสุขกันพี่มาขัดทำไมอ่ะ มันไม่ใช่เรื่องของพี่ซะหน่อย”
ราวกับเป็นศึกสายเลือดระหว่างบราค่อนตัวพ่อกับน้องน้อยเด็กเทวดา ในขณะที่รางวัลคือไอ้นกบื้อที่นั่งมองแต่ละฝ่ายด้วยตาปริบๆ
“มันเรื่องของพี่”
“ไม่ใช่ว่ะพี่หมัย มันไม่มีเรื่องไหนที่เป็นของพี่เลย นี่มันเรื่องของเหมอกับไอ้กวิ้น อยากจะเอากันท่าไหนก็เรื่องของพวกเรา”
“น้องเหมอ!” สมัยถึงขีดความอดทน “ใครสั่งใครสอนให้เป็นคนแบบนี้”
“ไม่มีใครสอน เหมอเป็นของเหมอเอง” ไอ้เหมอไม่ลดความกวน “พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับไอ้กวิ้น ทำไมต้องเดือดร้อน ทำตัวอย่างกะหมาหวงก้าง ตัวเองไม่กิน พอคนอื่นจะกินก็เห่าเสียงดัง”
มือใหญ่ของสมัยเงื้อขึ้นสูง แต่ไอ้เหมอแค่หัวเราะ เป็นไอ้กวิ้นเสียเองที่มายืนขวางตรงหน้าเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายต่อยเพื่อนรักของมันได้ “ไอ้เหมอมันพูดถูก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ เราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันเลย แล้วพี่จะมาหวงทำไม”
ไอ้เหมอได้ที สอดแขนเข้ากอดไอ้กวิ้นจากทางข้างหลัง ก่อนริมฝีปากของมันจะฝังลงบนซอกคอขาว ดูดงับจนขึ้นรอย “มึงหวานไปทั้งตัวจริงๆ เสียดายแทน...คนที่มัวทำตัวเป็นพระเอก เลยไม่ได้แดก”
สมัยโยนกระเป๋าของไอ้กวิ้นลงบนเตียงแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป พร้อมกับปิดประตูให้ แต่สีหน้าที่เจ็บปวดนั้น...กลับไม่ทำให้น้องชายอย่างไอ้เหมอและคนให้ความร่วมมืออย่างไอ้กวิ้น...สะใจเลยสักนิด
“กูทำเกินไปปะวะ” ไอ้เหมอถามเบาๆ
“เกินไปดิไอ้ห่า กับกูเนี่ย ทำเกินไป คอเป็นรอยหมดไอ้สัด”
“ฮ่าๆๆ” ไอ้เหมอหัวเราะเสียงแห้ง “เหี้ยแม่ง ปากกูมีมลทินแล้ว”
“ไอ้ห่าเหมอ กูต่างหากที่ควรพูด”
“ทำไม ได้เป็นเมียนายร้อยมันโก้นะเว้ย”
“นายร้อยหน้าตาอย่างมึงกูไม่เอา”
“อยากเอาอย่างพี่หมัยว่างั้นเหอะ”
“เหี้ยเหมอ!”
ไอ้กวิ้นแทบจะงับหัวไอ้เพื่อนซี้ แต่มันก็ปลงตกเมื่อเห็นไอ้หัวเกรียนมันหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ผ่านคืนนี้ไป พี่หมัยคงคิดว่ามึงเป็นเมียกูไปแล้วแน่ๆ”
“ก็...ปล่อยเขาคิดไปดิวะ”
“แน่ใจนะว่ามึงจะไม่วิ่งหน้าตั้งไปแก้ความเข้าใจผิด”
“เออดิ ใครจะทำอย่างนั้น ไร้สาระ” ไอ้กวิ้นบอกเสียงแข็ง แต่พอโดนไอ้เหมอจ้องหน้า มันก็เบนสายตาหลบแล้วเฉไฉไปอีกเรื่อง “กูนอนแล้วนะเว้ย”
ไอ้กวิ้นคลานขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงหนีไอ้เสือเพื่อนยากที่คว้ารีโมทมาปรับอุณหภูมิให้ไอ้นกบื้อที่ชอบนอนเปิดแอร์เย็นๆ ก่อนจะตามมานอนข้างๆ
“กวิ้น”
“ไรวะ”
“มาทำกันจริงๆ มะ กูอยากว่ะ คิดถึงนะ”
“บ้านมึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!”
คืนนั้นของไอ้กวิ้นจึงจบลงด้วยเสียงหัวเราะกวนตีนของไอ้เหมอและสงครามหมอนที่พวกมันฟาดฟันกันไปจนเกือบเช้า