20.เป็นห่วง พูดแบบนี้!
“ข้าจ้าวเป็นสาวเจียงใหม่~”
เจนร้องเพลงเสียงหลงไปพลางมองหน้าพาโชคที่กำลังยุ่งไปพลาง
“ผิดสิ ข้าวจ้าวเป็นบ่าวเจียงใหม่ ก็บ่เท่าไดก็จะเป็นหนุ่มแล้ว”
นอกจากจะร้องเพี้ยนแล้วยังแต่งเนื้อร้องเองอีกต่างหาก
“กลับกี่โมงพัช”
คนที่ถูกถามเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะตอบ
“อีกสักพักก็กลับแล้วครับ”
พัชบอกพี่เจนที่กำลังเก็บของเข้ากระเป๋าเพื่อกลับบ้าน
“คนอื่นกลับไปหมดแล้วเหรอ”
เจนกวาดสายตามองห้องทำงานที่ตอนนี้เหลือแค่พาโชคกับเจนสองคนทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังเห็นพี่เอกกับหัวหน้านั่งทำงานอยู่เลย เงยหน้ามาอีกทีก็หายไปแล้ว
“พี่เอกกลับแล้วครับ ส่วนหัวหน้าไปดูดบุหรี่มั้ง”
เจนพยักหน้ารับก่อนจะโบกมือลาพาโชค
“งั้นเจ้กลับบ้านก่อนนะ”
พาโชคยกมือไหว้พี่เจนก่อนจะก้มหน้าก้มตาเคลียร์งานต่อ ไอ้เรื่องที่บอกว่าจะย้ายไปเชียงใหม่ไม่ใช่ว่าปุปปับจะได้ไปเลยเพราะงานเก่าก็ยังท่วมหัว ทางคุณเนมมีเวลาให้ทีมพี่ยูสองเดือนเพื่อเคลียร์งานและหาคนใหม่ เป็นเหตุให้ช่วงนี้ไอ้แว่นต้องอยู่ดึกเกือบทุกคืนเพื่อรับกรรมของตัวเอง
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”
หัวหน้าทีมเดินกลับมาพร้อมกับชามะนาวเย็นกระป๋องนึง เขาวางมันลงข้างหน้าพาโชคที่กำลังเพ่งจอคอมพิวเตอร์แบบเอาเป็นเอาตาย
“อือ ดู seo อยู่ครับ”
Seo ที่ว่าคือ Search Engine Optimization หรือพูดง่ายๆคือทำยังไงให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาของ search engine ซึ่งจำเป็นมากสำหรับเว็บขายของและเว็บข่าวสารต่างๆที่อยากได้ยอดวิวเยอะๆโดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา
“ติดอะไร”
พี่ยูถามคนที่กำลังนั่งเคาะแป้นพิมพ์ไม่มีทีท่าว่าจะลุกกลับบ้านแม้แต่น้อย
“ไม่ติด กำลังทำตาม step ไปเรื่อยๆ ยากตรงต้องย้าย structure ไฟล์เขา”
พาโชคตอบ เพราะเว็บไซต์เว็บนี้พาโชคไม่ได้เขียนเองเพราะฉะนั้น structure หรือแผนผัง directory ของเว็บไซต์ไม่ได้วางมาให้เหมาะกับการทำ seo ตั้งแต่แรก ไอ้พัชจึงต้องมานั่งแก้เอง การทำ seo มีอยู่หลายเทคนิค หลักๆก็คือเขียนไฟล์เพื่อให้ bots ของ search engine เข้ามาไล่ดูในเว็บไซต์ว่ามีอะไรบ้าง สิ่งที่สำคัญที่ต้องมีคือ keywords ของเว็บว่าเว็บนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง ขายอะไรอยู่ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการเขียนโปรแกรมและการวางโครงสร้างของเว็บไซต์ให้เป็นระเบียบ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา
“ต้องมานั่งเปลี่ยน path อีกสิ”
หัวหน้าถาม path ที่ว่าคือที่ตั้งของไฟล์ต่างๆในเว็บไซต์ พาโชคพยักหน้ารับแต่ก่อนที่จะได้ลงมือทำงานต่อพี่ยูก็จับหน้าให้หันมาหา
“ตาแดงเหรอ”
คนเป็นพี่ถามพร้อมกับมองตาของพาโชคที่แดงซึ่งน่าจะมาจากเจ้าตัวใช้สายตาเยอะเกินไป
“เหรอ?”
ไอ้พัชถามกลับพร้อมกับถอดแว่นออก ก่อนที่จะได้ขยี้ตาพี่ยูก็จับมือไว้ก่อน
“ไหน พี่ดูหน่อย”
เพราะว่าหัวหน้ายื่นหน้ามาใกล้เกินไป พาโชคถึงได้ดีดตัวออกทันที
“อย่ามาใกล้นะ”
คนเด็กกว่าว่าพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้ถอยอีก
“ผมหลอนคุณเนม”
พอพาโชคพูดจบลูกพี่ที่กำลังงงกับท่าทางของน้องก็ขำพรืด เพราะหลังจากคุณเนมเข้ามาเห็นช็อตเด็ดวันนั้นทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม เริ่มจากของฝากจากญี่ปุ่นที่ปกติจะเป็นขนมบ้างของใช้จุกจิกบ้าง ล่าสุดพี่ยูได้ถุงยางขนาดบางเฉียบมาเป็นของฝาก แถมช่วงนี้เวลาเข้ามาหาพาโชคก็ดูเกร็งๆผิดปกติ ของกินก็ไม่กล้าฉกไปเหมือนเดิม
“พอๆตาแดงหมดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ”
พาโชคหาวหวอดก่อนจะพยักหน้ารับเพราะวันนี้เหนื่อยมากแล้วจริงๆ พัชมองพี่ยูที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าพลางคิดถึงเมื่อก่อน ถ้าเป็นตอนก่อนหน้านี้พี่ยูคงจะชี้หน้าแล้วบ่นเป็นยักษ์ว่าถ้างานไม่เสร็จก็อย่าหวังจะได้กลับบ้าน เผลอๆโดนด่าว่า 'ไอ้ซวยเมื่อไหร่จะเสร็จ มึงแม่งไม่เคยทำอะไรเสร็จสักที!’
“มองอะไร”
ลูกพี่ถามลูกน้องที่มองมานิ่งแถมทำหน้าตากวนตีนอีก
“ป่าว"
“พรุ่งนี้พี่ลางานนะ ไปสน.”
พี่ยูบอกพาโชคที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าบ้าง บางคนอาจจะสงสัยว่าใช้คอมที่ทำงานก็แล้วทำไมคนทำงานสายนี้ยังจะต้องแบกแล็ปทอปไปมาอีก เหตุผลเดียวก็คือมันสามารถแก้บัคได้ทันท่วงที แก้บัคบนบีทีเอสพาโชคก็ทำมาแล้ว
“เป็นไงบ้าง ผมนึกว่าเรื่องเงียบไปแล้ว”
พัชถามลูกพี่ที่กำลังไล่ปิดไฟในห้องให้หมด
“ก็เกือบเงียบเพราะทางนั้นเขาเส้นใหญ่ แต่คดีนี้เพื่อนพ่อพี่เขาช่วยดูให้”
พาโชคพยักหน้ารับก่อนที่หัวหน้าจะพูดต่อ
“วุ่นวายอยู่นะ เพราะต้องใช้ตำรวจไอทีด้วย ต้องเอาหมายศาลมาขอตรวจสอบอีเมลภายในบ.เรา”
พี่ยูเล่าไปเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงเรียบๆ มีก็แต่พาโชคที่ยืนฟังแล้วหงุดหงิดแปลกๆ
“พี่ช่วยเล่าให้มันตื่นเต้นได้ไหม ปูเรื่องมาตั้งนาน”
พัชว่า พี่ยูหันมามองหน้าน้องก่อนจะดึงแขนออกจากห้องทำงาน ล็อคประตูให้เรียบร้อยแล้วเดินออกมาตามทางที่ฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำส่วนขวามือเป็นระเบียงกระจกทอดยาวออกไปยังลิฟท์ตรงกลางชั้น
“ต้องตื่นเต้นยังไง”
คนเป็นพี่ถาม
“แบบพี่จะจัดการแฮ็คมันเอง!!”
พี่ยูขำจนตัวโยนก่อนจะถามพาโชค
“ดูหนังมากไปเหรอพัช”
ด้วยอาจจะเป็นเพราะวัยทำให้หมดความตื่นเต้นแบบนั้นแล้ว เข้าทำนองว่ายิ่งแก่ก็ยิ่งนิ่ง นี่คงรอแค่ว่ากระบวนการกฏหมายจะเป็นยังไงต่อไป พาโชคทำหน้าตาไม่พอใจแต่ก็นึกได้ว่าถ้าตำรวจเข้ามาที่ทำงานคนอื่นก็คงรู้เรื่อง
“แต่ทีนี้พวกคุณเนมจะไม่ถามเหรอ มันจะมีผลกระทบกับพี่หรือเปล่า”
หัวหน้ายิ้มน้อยๆให้กับคนเป็นห่วง คงเพราะพวกพี่ยูกับคุณเนมคบกันมานานทั้งในฐานะเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน ทำให้เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
“เป็นห่วงพูดแบบนี้ บ่นอะไรยาวๆ”
พาโชคเบ้หน้า พี่ยูขำก่อนจะเล่าต่อ
“คุยกันแล้ว พวกคุณเนมเอะใจตั้งแต่ที่มันมีเมลสแปมแล้ว อย่างน้อยจะได้เช็คไปทีเดียว”
“เส้นใหญ่ก็ดีแบบนี้แหละเนอะ”
คนน้องประชด
“เหรอแว่นเหรอ”
พี่ยูหมั่นไส้เลยบีบปากเล็กๆนั่นที ก่อนจะก้าวออกจากลิฟท์พร้อมกับเล่าเรื่องอีกอย่างที่พึ่งนึกได้
“ส่วนเรื่องแพม สืบรู้แล้วนะ”
“หืม?”
พาโชคเลิกคิ้วมอง
“แพมเป็นแฟนพี่ชายของเนส เหมือนที่พัชบอกเลย”
หัวหน้าว่า เพราะก่อนหน้านี้ไม่นายเขากับพาโชคคุยกันเรื่องของแพมค่อนข้างจะเยอะ ซึ่งพาโชคเองค่อนข้างมั่นใจว่าแพมจะต้องเป็นคนในครอบครัวของเนส อาจจะเป็นญาติหรือแฟนของตำรวจคนนั้น
“แต่ผมงงตรงทำไมเขาถึงกล้าให้แฟนตัวเองมาทำแบบนี้”
พัชจำได้ว่าเริ่มรู้จักพี่แพมเพราะได้ยินที่เขาคุยกับเพื่อนเรื่องหัวหน้าตั้งแต่ในลิฟท์เมื่อเกือบปีที่แล้ว นั่นแสดงว่าพี่แพมก็ต้องรู้จักพี่ยูมาก่อนหน้านั้น แต่ที่พัชไม่ค่อยเข้าใจคือทำไมพี่แพมถึงได้ทำตัวโสดแล้วเข้าหาพี่ยูแบบเปิดเผย เพราะดูจากเพื่อนๆในแผนกพี่แพมทุกคนก็เข้าใจว่าพี่แพมกับพี่ยูเคยคุยกันมาก่อน
“ไม่รู้ว่ะ แค้นมั้ง”
คนเป็นพี่บอกพร้อมกับเดินนำไปที่ลานจอดรถ พาโชคขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามต่อ
“ถามจริง นอกจากเรื่องคลิปนั่นแล้วมีปัญหาอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า”
พี่ยูหันมาดึงมือให้คนที่มัวแต่ถามเดินเร็วๆก่อนจะตอบ
“จริงๆก็ไม่ถูกกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว”
“ยังไง”
“เหมือนอยู่คนละแกงค์แล้วก็เป็นอริกัน พี่จีบน้องสาวเขา แบบถ้าจีบได้ก็ชนะแล้วก็จีบได้จริง”
พัชมองลูกพี่มันนิ่งก่อนจะบอก
“เด็กหนอเด็ก”
“อือ ทำไมนิสัยเสียขนาดนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ในตอนนั้นเด็กชายศศินที่วันๆเอาแต่โดดเรียนและคบเพื่อนเกเรช่วยไม่ได้ที่จะพาตัวเองเข้าไปหาปัญหา เริ่มตั้งแต่บุหรี่ เหล้า มีเรื่องกับคนอื่นไปทั่ว ด้วยสังคมและสภาพแวดล้อมตอนนั้นการที่จะทำเรื่องไม่ดีนี่ไม่ใช่เรื่องยากเลย
“บอกสิว่าไม่ได้ถ่ายคลิปเพราะแค้นพี่ชายพี่เนส”
ในตอนนี้ศศินที่อายุสามสิบต้นๆพึ่งรู้ว่าปัญหาในอดีตมันส่งผลต่อตัวเองในปัจจุบันมากแค่ไหน
“สำนึกไม่ทันแล้วครับแว่น”
พาโชคถอนหายใจหนัก เพราะถึงจะบ่นอะไรไปยังไงก็กลับไปแก้อดีตไม่ได้อยู่ดี ดูจากโหงวเฮ้งก็รู้ว่าเมื่อก่อนลูกพี่น่าจะแสบแค่ไหน
“พี่พึ่งให้คนไปทำความสะอาดบ้านให้”
พี่ยูเปลี่ยนเรื่องเพราะถ้าเกิดคุยเรื่องปวดหัวนานมากกว่านี้พี่มันต้องโดนพาโชคทุบแน่นอน
“ที่เชียงใหม่?”
“อืม”
คนเป็นพี่ตอบพร้อมกับขับรถคันใหญ่ออกจากลานจอดรถใต้ตึก ในระหว่างที่คิดว่าจะกินข้าวที่ไหนดีหางตาก็เหลือบไปเห็นคนที่พึ่งพูดถึงยืนอยู่หน้าตึก
“พี่แพมเหรอ?”
พาโชคโพล่งขึ้นมาก่อนจะยกมือให้หัวหน้าชะลอรถบริเวณลานจอดหน้าบริษัทที่ตอนนี้แทบไม่มีรถอยู่แล้ว
“พัชจะทำอะไร”
พี่ยูถามพร้อมกับคว้าแขนคนที่กำลังจะเปิดประตูลงไป
“แป้ป ห้ามตามมา”
ไอ้แว่นบอกก่อนจะเปิดประตูรถที่จอดตรงลานจอดหน้าตึกยามดึกที่ไม่มีคนแล้ว พัชลงรถไปแล้วเดินไปทางแพม ยูริรีบหมุนพวงมาลัยเพื่อที่จะจอดรถดีๆเหลือบไปเห็นอีกทีไอ้แว่นก็เดินไปถึงตัวแพมแล้ว
***
“อ้าว eoc มานั่งทำอะไรตรงนี้”
พี่เอกผู้กำลังจะกลับบ้านเดินลงมายังลานจอดรถใต้ตึกก่อนจะพบว่าคุณเนมยืนดูดบุหรี่อยู่ใกล้ๆรถตัวเอง เท่าที่จำได้และรู้จักกันเขาไม่เคยเห็นคุณเนมดูดบุหรี่มาก่อน
“CEO”
หุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทบอกพร้อมกับดับบุหรี่ในมือ
“อ้าว ผิดเหรอครับท่าน โทษที”
พี่เอกว่าพร้อมกับยิ้มขำ
“เมื่อไหร่พี่เอกจะเลิกกวนตีน”
คุณเนมว่า เพราะนอกจากพี่เอกแล้วก็ไม่เคยมีใครกล้ากวนบอสใหญ่แบบนี้หรอก
“นี่คุณเนมคิดว่าตัวเองเป็น abc แล้วจะพูดอะไรก็ได้เหรอ”
คุณเนมถอนหายใจก่อนจะแก้ใหม่
“CEO”
“อ้าว ผมนี่ผิดซ้ำซากจริงๆ”
พี่เอกว่าพร้อมกับขำท่าทางเจ้านาย เห็นคุณเนมชอบแกล้งพาโชคก็จริงแต่พอโดนแกล้งเองกลับไม่ชอบใจ
“กลับบ้านไปเลยไป”
บอสใหญ่ว่าพร้อมกับโบกมือไล่ พี่เอกสังเกตุเห็นหูแดงๆของอีกคนถึงนึกได้ว่าน่าจะพึ่งกลับมาจากดื่มกับลูกค้า
“ตั้งแต่เป็น aec ก็ผลักไสไล่ส่งเก่ง เมาเก่ง”
พี่เอกว่าพร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงน้อยอกน้อยใจ เท่าที่คุณเนมจำได้แต่ก่อนพี่เอกก็ไม่ใช่คนขี้ประชดแบบนี้เหมือนกัน
“พี่เอก!”
แต่พอได้ยินเสียงดังของอีกคนก็ยกมือยอมแพ้ เพราะถ้าคุณเนมโกรธจริงๆหน้าที่การงานของพี่เอกอาจจะแย่ลงก็เป็นได้
“ทำอะไร มายืนดูดบุหรี่ที่รถคนอื่น”
คนที่โตกว่าแค่สองปีถามบอสที่อายุน้อยกว่า เมื่อคุณเนมเห็นว่าพี่เอกเลิกกวนแล้วถึงเริ่มพูด
“เนมถามจริง พี่เอกรู้เรื่องของยูริไหม”
คนเป็นพี่เลิกคิ้วก่อนจะถาม
“เรื่องอะไร”
“วันนี้ยูริมาคุยกับเนมเรื่องขอตรวจสอบอีเมลภายใน”
Ios ดีเวลอปเปอร์ส่ายหัว เพราะเรื่องนี้หัวหน้าทีมยังไม่ได้พูดอะไร
“ไม่รู้มันเกี่ยวกันไหม กับเรื่องพาโชคด้วย”
เขามองคุณเนมที่นั่งลงตรงขอบกระถางต้นไม้ตรงลานจอดรถก่อนจะนึกถึงพาโชคกับหัวหน้าที่ช่วงนี้แปลกๆไป
“ไม่น่าเกี่ยวหรอก”
คนแก่กว่าตอบบ้างก่อนจะเปิดประตูรถแล้วโยนกระเป๋าเข้าไปเก็บข้างใน ส่วนตัวเองเดินมานั่งข้างบอสใหญ่ ในตอนนั้นถึงได้รู้ว่าคุณเนมคงดื่มไปเยอะ เดาได้จากกลิ่นของไวน์ที่ค่อนข้างแรง ไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกันที่คุณเนมดื่มเก่งขนาดนี้ และที่คุณเนมยังอยู่ที่นี่หลังจากออกไปข้างนอกกับลูกค้าแล้วก็คงเพราะรู้ว่าเขากลับดึกถึงได้มาดักรอที่รถแบบนี้
“แสดงว่าพี่เอกรู้เรื่องพาโชคใช่ไหม”
พี่ใหญ่ของทีมหัวหน้าศศินมองเจ้านายใหญ่ เพราะไม่รู้จริงๆว่าถามถึงเรื่องอะไรและมีเจตนาแบบไหนถึงถามกลับ
“เรื่องอะไร เชียงใหม่เหรอ”
คุณเนมหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าก่อนจะจุดขึ้นพร้อมกับบ่น
“ถ้าเรื่องเชียงใหม่เนมจะถามทำไม”
พี่เอกยักไหล่ก่อนจะรับบุหรี่มวนเดียวกันจากอีกคนมาถือไว้ในมือแล้วสูดเข้าเต็มปอด
“ตั้งแต่เป็น ceo ก็อ้อมค้อมเก่ง”
พี่เอกว่าก่อนจะส่งบุหรี่คืนแต่คุณเนมส่ายหัวปฏิเสธ
“คุณเนมดูดบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ช่างผมเถอะ ที่เนมถามเรื่องพาโชคเพราะวีคที่แล้วเจอยูริกับพาโชคอยู่ด้วยกัน”
พี่เอกมองหน้าคนเปลี่ยนเรื่อง
“เนมเห็นยูริกับโชคจูบกัน”
พี่เอกขำแห้งเพราะเหมือนจะรู้แต่ก็ไม่เคยเห็นคาตาแบบนั้น
“ที่ไหน”
คนอายุเยอะกว่าถาม
“ในห้องทำงาน”
พอคุณเนมตอบมาพี่เอกก็ขำพรืด คิดว่าคืนนี้ต้องโทรหาเจนสักหน่อยเพื่ออัพเดทข่าวสาร แปลกดีเหมือนกันที่แต่ก่อนว่าเจนเป็นพวกขี้มโนแต่ตอนนี้กลับทีมเดียวกันกับเจนเสียอย่างนั้น
“ก็พอรู้”
พอได้ยินแบบนั้นบอสใหญ่ก็ฉวยบุหรี่จากมือพี่เอกไปดูดก่อนจะนั่งนิ่งๆเหมือนคนช็อค
“เนมควรทำไงดี”
พี่เอกมองคนที่ชื่อว่าเป็นเจ้าของบริษัทก่อนจะจุดบุหรี่อีกมวนขึ้น ก่อนจะตอบ
“ทำอะไร คุณเนมทำอะไรไม่ได้หรอก มันเป็นเรื่องของเขาสองคน”
หลังจากคำตอบนั้นต่างคนก็ต่างเงียบไปพักใหญ่ เมื่อสิบปีที่แล้วพวกเขาทำงานด้วยกันในฐานะเพื่อนร่วม งาน พี่เอก ธาม ยูริและคุณเนมสนิทกันมาก ในขณะที่ยูกับธามเป็นเพื่อนกันมาก่อน พี่เอกและคุณเนมก็รู้จักกันมาก่อนเหมือนกัน
“เนมไม่เคยทำอะไรได้เลยใช่ไหมเนี่ย”
คุณที่นั่งก้มหน้าถามอีกคน พี่เอกยิ้มก่อนจะพูดบ้าง
“ไม่ใช่ว่าเป็น ceo แล้วจะเมามาทำงานก็ได้นะ”
เขาล้อคนที่เป็นบอสเหมือนทุกทีแต่แทนที่จะโดนดุอีกคนกลับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เนมก็ไม่ได้อยากเป็น...คนที่ควรเป็นคือพี่เอกต่างหาก”
คนที่เป็นพี่ถอนหายใจบ้างก่อนจะบอกคนที่น่าจะพาลไปเรื่องอื่นแล้ว
“เรื่องนี้มันจบไปนานแล้วคุณเนม”
พี่เอกว่าพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นแล้วบิดขี้เกียจ
“เนมจบเพราะพี่อยากให้จบ"
นั่นไง...ในที่สุดก็ลากเรื่องเก่าๆมายำรวมกันไปหมดก่อนที่คุณเนมจะพูดอะไรมากกว่านี้ คนที่เป็นลูกน้องในทางพฤตินัยถึงปราม
“ผมไม่รู้นะว่าคุณเนมคิดอะไรอยู่แต่มันเป็นเรื่องของคนสองคนจริงๆ ถึงเราจะห่วงเขาแค่ไหนก็ทำได้แค่มองแหละ ผมว่าเราก็รู้จักยูริกับพาโชคดีทั้งคู่ หรือถ้าคุณเนมกลัวมันกระทบกับงานผมว่าการที่พาโชคไปเชียงใหม่ก็เป็นเรื่องดีนะ”
“ขับรถไหวไหม ตอนกลับมายังไง”
คนเป็นพี่ถามอีกครั้งเมื่อเห็น ceo นิ่งไป
“เนมนั่งแท็กซี่กลับมา”
“เมาขนาดนี้แทนที่จะกลับไปนอน”
เพราะรู้จักกันมานานถึงรู้ว่าตอนที่บอสใหญ่งอแงแบบนี้แหละคือตอนที่กำลังเมา
ในตอนที่เข้ามาทำงานตอนแรก พี่เอกอายุเยอะที่สุดในกลุ่มเพราะจบช้า เขาจบมาจากที่เดียวกันกับคุณเนมในคณะเดียวกัน สาขาเดียวกันและรุ่นเดียวกัน พวกเขาเข้ามาทำงานที่เดียวกันเพราะเหตุผลหลายๆอย่างและหนึ่งในเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนั้นคือในตอนนั้นพวกเขาไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมรุ่น
“เนมไม่อยากให้ยูริกับพาโชคเป็นเหมือนเรา”
เจ้านายบอกเสียงเบา พี่เอกถอนหายใจหนักเพราะไม่อยากคุยกันเรื่องเก่าๆ
“ไม่เหมือนหรอก คนละคนกัน”
พี่เอกบอกก่อนจะปลดล็อครถแล้วหันไปบอกอีกคน เขารู้ว่าเขากำลังตัดบท แต่ก็ดีกว่ามาคุยเรื่องสิบปีก่อนในลานจดรถมืดๆแบบนี้
“ขึ้นรถ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
คนอายุน้อยกว่าสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะบอกอีกคนที่ดูแล้วยังไงก็ไม่มีทางที่จะคุยเรื่องนี้กันดีๆสักที สิบปีมาแล้วพี่เอกก็ยังไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ดีๆเลย พี่เอกเอาแต่หนี
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเนมกลับเอง”
เจ้านายบอกพร้อมกับลุกขึ้นด้วยท่าทางหัวเสียแล้วเดินไปอีกทาง บางทีคงต้องออกไปข้างนอกเพื่อโบกแท็กซี่
“กลับเองยังไง คุณเนมเมา”
“เมื่อไหร่จะเลิกเรียกคุณเนมสักที!”
“ผมบอกให้ขึ้นรถ”
พี่เอกผู้ขึ้นชื่อว่าหนีมาตลอดสิบปีนี้เดินมาคว้าแขนคนที่เดินเซ คนอายุน้อยกว่าสะบัดมือออกก่อนจะตวาดเสียงดัง
“ไม่โว้ย!”
ในที่สุดเจ้านายที่ดูสุภาพเรียบร้อยก็กลายเป็นเนมคนเดิมที่เคยรู้จักเมื่อนานมากแล้ว
“อย่ามาเอาแต่ใจนะคุณเนม ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะทำเหมือนที่เคยทำได้”
จากที่ตอนแรกยังคุยกันอยู่ดีๆกลายเป็นว่าตอนนี้ต่างคนก็ต่างใช้อารมณ์เสียแล้ว
“สำหรับพี่เอกเนมก็แค่เอาแต่ใจนั่นแหละ จะกี่ปีเนมมันก็แค่เด็กเอาแต่ใจ”
คนเป็นพี่บีบแขนอีกคนแน่น
“กลับ!”
พี่เอกว่าก่อนจะดึงแล้วบังคับให้ขึ้นรถไปท่ามกลางเสียงโวยวายลั่นลานจอดรถเพราะคนแบบคุณเนมถ้ายังอารมณ์เสียแบบนี้ก็คงไม่พ้นไปกินเหล้าต่อ ไม่กลับบ้านแบบที่บอกหรอก
***
“ทำอะไร! ทำไมไม่บอกพี่ก่อน!”
พี่ยักษ์ที่เหมือนยักษ์กว่าทุกครั้งเสียงดังใส่เจ้าของบ้านที่นั่งหน้าหงอยอยู่หน้าทีวี หลังจากเหตุการณ์ระทึกที่พาโชคลงจากรถแล้วเดินตรงไปหาแพม ในตอนที่พี่ยูกำลังช้าเพราะกำลังจอดรถเข้าซองก็เหลือบไปเห็นไม่รู้คุยอะไรอยู่สองสามคำรถห้าประตูคันนึงก็มาจอดเทียบ เขาเห็นว่ารถคันนั้นลดกระจกฝั่งคนขับลงและแน่นอนว่าคนขับเป็นตำรวจและเป็นพี่ชายของเนสอย่างแน่นนอน เมื่อจอดรถได้พี่ยูรีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกในตอนที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางพาโชค ฝั่งแพมก็รีบขึ้นรถไปโดยเร็ว เหลือแต่คนก่อเรื่องที่โดนดึงแขนให้ขึ้นรถเพื่อกลับบ้านมานั่งหงอยอยู่แบบนี้
“ก่อนหน้านี้ เพื่อนพี่แพมกับพี่แพมเคยมาถามผมเรื่องพี่ยู”
คนที่หน้าเหมือนยักษ์มองที่อีกคนนิ่ง
“แต่ก็ไม่ได้คำตอบเพราะผมก็บอกผมไม่รู้”
“แล้ว?”
“วันก่อนพี่แพมแอดแอคเคาท์ที่บ.มาหาผม บอกมีเรื่องจะคุยด้วย เรื่องพี่”
“แล้วยังไง”
พี่ยูถามเด็กแว่นเสียงดังขึ้นกว่าเดิม ไอ้พัชที่ใจเสียอยุ่แล้วยิ่งหงอยเข้าไปใหญ่
“ผมเลยถามเขาไปว่าเขาใช่ไหมที่เป็นคนปล่อยคลิปแล้วซ่อนกล้อง”
พอได้ยินแบบนั้นหัวหน้าก็ปวดหัวหนัก
“แล้วพี่เขาก็เงียบไปเลย เหมือนบล็อคผมทิ้งแล้ว วันนี้เห็นก็เลยว่าจะลงไปถามต่อหน้า”
“ถ้าจัดการเองได้เรื่องมันจะมาถึงตอนนี้เหรอ พี่จะแจ้งตำรวจไปทำไม!”
พาโชคที่เคยโดนหัวหน้าอารมณ์เสียใส่บ่อยเรื่องงานรู้สึกเหมือนคราวนี้จะไม่เหมือนกัน พัชจำได้ชัดว่าตอนที่ถามพี่เขาลนจนเหมือนจะร้องไห้ พอมีรถขับมาจอดเทียบถึงเห็นว่าตำรวจคนนั้นมารับ พัชสบตากับตำรวจที่น่าจะวัยเดียวกันกับหัวหน้า เตำรวจคนนั้นจ้องมันเหมือนรู้จักกันก่อนที่พี่แพมจะรีบวิ่งขึ้นรถไป ในระหว่างที่กำลังจับต้นชนปลายพี่ยูก็มาดึงแขนเสียแล้ว
“ฟังนะพัช...”
พี่ยูพยายามใจเย็นแต่ก็ทำไม่ได้ดีนัก
“ถ้ามันยกปืนขึ้นมายิงจะทำยังไง”
พาโชคที่คิดว่าเรื่องที่ตัวเองรู้ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นได้แต่เงียบ ตากลมใต้กรอบแว่นจากที่แดงอยู่แล้วยิ่งเริ่มแสบ เจ้าตัวถอดแว่นพร้อมกับขยี้ตาตัวเอง คนเป็นพี่นั่งลงข้างกันก่อนจะดึงมือขาวๆนั่นออก
“คือที่พี่รู้มา ตำรวจก็สงสัยว่าคนที่เข้าไปติดกล้องที่ห้องพี่ก็คือทางพี่ชายของเนสนั่นแหละ แต่ก็ยังพูดอะไรไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐาน แล้วรู้ไหมทำไมพี่ต้องตามติดพัชอยู่แบบนี้ไม่กลับไปนอนบ้านตัวเอง”
พาโชคส่ายหัว
“เพราะพี่รู้ไงว่าทางนั้นเขาน่าจะรู้จักพัชจากคลิป แล้วรู้ไหมคนอย่างมันจะทำอะไรต่อ”
เจ้าของบ้านมองหน้าคนที่มองมาด้วยความกังวล พาโชคขยับตัวเข้าไปกอดคนเป็นพี่แล้วซบหน้าลงกับไหล่ผิดวิสัยเดิม
“หนีความผิดเหรอ...”
แต่ก็ได้ผลเมื่อคนที่ดูเหมือนกำลังโกรธมากเมื่อครู่น้ำเสียงอ่อนลง
“ถ้าเล่นงานพี่ไม่ได้มันก็จะเริ่มจากคนสนิท เพื่อนพี่สมัยมัธยมโดนระรานหมด ถ้าพี่ไม่ยอมมันก็จะเปลี่ยนไปเล่นงานเพื่อนพี่แทน เพราะรู้ไงว่าพี่ไม่กล้าบอกใคร”
“ผมไม่รู้”
เสียงอู้อี้ตรงไหล่บอก พี่ยูเอามือจับหัวทุยของอีกคนแล้วขยี้แรงๆ
“ไม่รู้ไม่ใช่ข้ออ้างนะแว่น”
สิ่งที่พี่ยูกับพาโชคแตกต่างกันนอกจากอายุแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องสังคม ในขณะที่หัวหน้าในตอนวัยรุ่นเคยใช้ชีวิตกับคนแทบทุกแบบ พาโชคกลับอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่าย พี่ยูเข้าใจดีว่าในขณะที่การแทงคนหรือชักปืนขึ้นมายิงเป็นเรื่องไกลตัวและเป็นไปไม่ได้ของพาโชค เขากลับเคยเห็นอยู่บ่อยครั้งในตอนที่คบเพื่อนไม่ดี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนอีกกลุ่มเห็นมันเป็นเรื่องปกติ
“ทีหลังมีอะไรก็บอกกัน อย่าทำให้พี่ปวดหัว ที่ไม่อยากให้ไปเชียงใหม่ก็เพราะแบบนี้แหละ”
พาโชคที่ปกติดื้อเงียบแต่วันนี้กลับเป็นหมาหงอย พยักหน้ากับไหล่อีกคนก่อนจะพูดด้วยเสียงอู้อี้
“เป็นห่วง พูดแบบนี้”
พี่ยูถอนหายใจหนักอีกรอบ เริ่มไม่แน่ใจว่ามีแฟนหรือลูก นี่คงเรียกว่า generation gap หรือช่องว่าระหว่างวัยแบบที่เจนมันบอกจริงๆ