ตอนที่ 42 : STALKER กับตอนสุดท้าย “ยิ้มอะไรข้าวเจ้า” ส้มหันมาจ้องหน้าเพื่อนด้วยความสงสัยเมื่อเห็นข้าวเจ้าเอาแต่ยิ้มอ่อนๆ แต่ไม่พูดไม่จา
“หือ?”
“ถามว่ายิ้มอะไร”
“อ๋อ แค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ”
“คิดอะไร” ขบวนการยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่ได้มีเฉพาะส้มหรือเดซี่ครับ ผมอาจยุ่งไม่เยอะแต่ก็ไม่น้อย
“คิดว่าเร็วดีนะ ปีนี้เป็นปีที่เวลาผ่านไปเร็วมากและมีอะไรเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน”
“นั่นสิ” ผมเห็นด้วยกับข้าวเจ้า ทุกอย่างผ่านเข้ามาเร็วมากแต่อย่างน้อยพวกเราก็ตั้งรับมันทัน
“เฮ้อ ปีก่อนมึงยังตามพี่เหนือต้อยๆ เดซี่ยังเป็นชะนีปลอมร้องหาผัว ส่วนข้าวเจ้ากูก็นึกว่าชาตินี้มึงคงโสดแน่ๆ
และกูผู้เคยโดดเด่นเป็นดาวอยู่คนเดียว หนึ่งปีผ่านไปอะไรก็กลับตาลปัตรหมด โดยเฉพาะกู” ส้มถึงกับถอดถอนใจกับ
ความลำเอียงของโลกใบนี้
“ปีก่อนกูยังได้แค่แอบมองพี่เหนือกับตัวจิ๋วอยู่เลย ปีนี้กูได้นั่งตัวจิ๋วจนเบื่อ” ผมผู้ไม่เคยทับถมเพื่อน(น้อย) เอ่ยออกมาด้วย
ความภาคภูมิใจ เมื่อพูดถึงรถสปอร์ตหรูสีดำคันที่เคยได้แต่มองและอิจฉาคนที่มีวาสนาได้นั่ง
“ค่ะ ไม่ค่อยอวดเลยนะคะมึง”
“มึงต้องเข้าใจนะเดซี่ กูล้มลุกคลุกคลานมาไม่ใช่น้อย จะมางุบงิบทำเหนียมอายทำไมให้เสียเวลา คนมันปลื้มปริ่มมันก็ต้องอวด”
“ถ้ากูเป็นแฟนคลับพี่เหนือ กูจะดักตบมันข้อหาทำตัวน่าหมั่นไส้ ระรื่นเกิน”
“กูเห็นด้วย” ผมพยักหน้าให้กับส้ม ไม่ขัดมันสักคำ
“เป็นกูกูก็ดักเตะ คนอะไรน่าอิจฉาฉิบหาย กูยังอิจฉาตัวเองเลย” ผมภูมิใจนำเสนอมากครับกับความโชคดีที่ได้รับ
“คุณได้สมปารถนาเดี๋ยวนี้”
โครม!!
ไม่ต้องให้ผมบอกก็คงรู้นะครับว่าใครเป็นคนถีบผมตกเก้าอี้
“พวกมึงนี่ก็เล่นกันเป็นเด็กๆ” เดซี่ส่ายหัวทำหน้าเป็นครูประจำชั้นมองลูกศิษย์เล่นซนกัน
“กูไม่ได้เล่น กูถีบมันจริงๆ”
“กูก็ไม่ได้เล่น กูไม่ได้อยากให้มันถีบ”
“พอๆ ไอ้เจ้ามันอุตส่าห์พูดเรื่องดีๆ ให้ได้ซึ้งกัน พวกมึงพาลงเหวหมด”
“เออวะ” ส้มกับผมเพิ่งสำนึกได้ว่าพาทั้งกลุ่มหลงทางไปไกลแค่ไหน
“กูเสนอว่าเรามาทำเรื่องดีๆ ฉลองครบรอบปีกว่าๆ นี้กันเถอะ” เดซี่ยกมือเสนอความคิดเห็น ราวกับกำลังนั่งประชุมกัน
อย่างเป็นทางการ
“ทำอะไร เก็บขยะ กวาดลานวัด เลี้ยงอาหารเด็ก ไปสร้างโรงเรียน”
“ค่ะ คิดได้นะคะน้องส้ม แล้วให้บอกว่ายังไงคะ มาเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กเนื่องในโอกาสหาผัวเป็นตัวเป็นตนได้เหรอคะ”
“ขอโทษค่ะน้องเดซี่ ก็กูไม่รู้นี่คะว่ามึงจะฉลองโอกาสนั้น พอดีกูยังไม่มีผัวเลยนึกไม่ถึง”
เฮ้อ!! เสียงถอนใจยาวที่ตั้งใจให้ดังกว่าปกติของเจ้า ยุติการแสดงออกถึงความรักล้านปีแสงของคู่เพื่อนสนิทได้เป็นอย่างดี
“มันเริ่มก่อน” “มันเริ่มก่อน”
“ยังไม่หยุดกันอีก” เจ้าตวาดแหว เล่นเอาชะงักกันหมด ถ้าเจ้าขึ้นเมื่อไหร่เป็นอันรู้ว่าอย่างเดียวที่ควรทำคือเงียบให้มากที่สุด
“โต๊ะเห็นด้วยนะ เรามาทำอะไรเป็นที่ระลึกกันเถอะ” ผมคิดว่าไอเดียของเดซี่ก็ไม่เลว ความจริงผมก็คิดๆ อยู่
“ทำอะไรวะ”
“มาแสดงออกถึงความรู้สึกต่อหนึ่งปีที่ผ่านมากันเถอะ”
“กูยังไม่เก็ท” ส้มมองหน้าผมเหมือนต้องการคำอธิบายเพิ่ม
“ก็หนึ่งปีที่ผ่านมาอะไรที่ทำให้มึงมีความสุข อะไรที่มึงอยากขอบคุณ มึงก็ทำซะ อย่ารอไปทำในวันที่ไม่มีโอกาส”
“เจ้ามีนะ” เจ้าตาสว่างวาบขึ้นมาราวกับคิดอะไรบางอย่างออก
“กูก็มี” “กูด้วย”
“เห็นไหมเรามีกันทุกคน มีคนที่ต้องขอบคุณ ไม่ต้องทำอะไรใหญ่โตแค่แสดงมันออกมาก็พอ”
“หึหึ กูคิดอะไรดีๆ ออกแล้ว” “กูก็คิดออก” ผมก็ด้วยครับคิดออกแล้วว่าอยากทำอะไร แต่เห็นหน้าทุกคนแล้วผมชักหวั่นใจ
ว่ามันจะออกมาดีหรือออกมาน่ากลัว เสียงหัวเราะแต่ละคน(เว้นข้าวเจ้า)ฟังสะท้านทรวงมาก ไม่เว้นแม้กระทั่งผม
“ทำอะไร” ผมเงยหน้าขึ้นมองเดซี่ หยิบสิ่งที่เขียนอยู่ส่งให้ดู
“จดหมาย กูเขียนให้พ่อกับแม่แล้วก็ให้เก้า(อี้)ด้วย กูว่าเวลาพูดกูชอบเผลอเล่นตลก วิธีนี้กูจะเขียนอะไรที่อยากบอก
ได้เยอะแยะกว่า อีกอย่างเซอร์ไพรส์ดีด้วย ตอนแม่กูได้รับจดหมายต้องน้ำตาแตกแน่”
“ตกลงมึงอยากบอกรักแม่หรือมึงอยากเห็นแม่ตัวเองร้องไห้”
ผมไม่ตอบแต่ดึงกระดาษจากมือเดซี่มาเขียนต่อ เดี๋ยวอารมณ์หายหมด
“กูซื้อของขวัญให้ป๊ากับม้าแต่กูว่าปีนี้ของขวัญที่ดีที่สุดที่กูให้ สงสัยจะเป็นพี่ทัชว่ะ ปลื้มจนจะยกห้องกูให้พี่ทัช
แล้วถีบหัวกูไปรวมกับน้องแล้ว” นี่เป็นเรื่องจริงครับ เพราะเดซี่ชอบแสดงออกว่าก๋ากั๋น เลยทำป๊ากับม้ามันปวดหัวมาตลอด
พอพี่ทัชเข้ามา มีคนคอยช่วยปราม ป๊าม้าเลยชอบใจใหญ่ และด้วยบุคลิกของพี่ทัชก็ทำให้คนรักได้ไม่ยาก
“แล้วมึงจะให้อะไรพี่ทัชไหมวะ”
“ให้”
“ให้อะไร”
“เรื่องของกู แล้วมึงล่ะให้อะไรพี่เหนือไหม”
“หึหึ ให้สิ แต่รับรองว่าคราวนี้ไม่ใช่เรื่องของกู แต่เป็นเรื่องของพวกมึงด้วย” ผมมองเดซี่ด้วยความคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
รับรองว่าไม่มีใครคิดออกว่าผมจะทำอะไร
“โว้ สวยมากเลยข้าวเจ้า” ผมมองกรอบรูปไม้สีขาวที่ข้าวเจ้าหยิบออกมาจากถุงกระดาษ ข้างในเป็นรูปพี่สกายในความมืด
ท่านกลางประกายไฟของไฟเย็น ใบหน้าก้มต่ำรอยยิ้มอ่อนโยน ทำให้ภาพนี้ดูอบอุ่นและน่าหลงใหล
“นี่ภาพเซ็ตเดียวกับที่เจ้าส่งประกวดดั่งดาวใช่ไหม”
“อืม” ในตอนนั้นเจ้าเลือกส่งรูปที่มองเห็นแค่มือกับประกายไฟ โดยไม่ยอมส่งภาพนี้เข้าประกวด เหตุผลเพราะอยากเก็บ
เอาไว้ไม่อยากให้ใครเห็น
“You are my star. With you I'm always HOME” ผมอ่านข้อความสีขาวบนท้องฟ้าสีดำทางมุมขวาของรูป
“กูว่าพี่สกายไม่ตายวันนี้ก็ไม่รู้จะตายวันไหนแล้ว หวานสุดยอดมากข้าวเจ้า” ผมชมเพื่อนจากใจจริง มันอาจเป็นแค่รูปภาพ
หนึ่งใบ แต่ผมเชื่อว่าพี่สกายจะรับรู้ความรู้สึกทั้งหมดที่ข้าวเจ้าบอกผ่านภาพนี้ไปให้
“ดูอะไรกันอยู่” เดซี่กับส้มเดินเข้ามาสมทบ วันนี้เรามีเรียนกันคนละวิชา จึงไม่ได้ออกมาพร้อมกัน
“ว้าว” เดซี่อุทานเสียงดังก่อนจะส่งต่อให้ส้มดู
“ถ้ามึงจะหวานขนาดนี้บอกกูก่อนนะกูจะได้ไม่เล่นด้วย ทำเอาของกูกระจอกไปเลย” ส้มบ่น ทำหน้าเซ็งๆ ก่อนยื่นกรอบรูป
คืนให้กับข้าวเจ้า
“มึงทำให้ใครคะ พ่อกับแม่มึงซื้อของขวัญให้แล้วนี่ แฟนก็ยังไม่มี หรือให้กู”
“ไปนอนฝันง่ายกว่ามึง กูก็ต้องให้พี่ต่อสิวะ กูถือว่ามันเป็นขั้นตอนการจีบอย่างนึง”
“แล้วมึงจีบยังไงวะ” ผมชักสนใจอยากรู้ว่าส้มจะให้อะไรพี่ต่อ
“นี่ไง แถ่นแทนแท้น” ส้มหยิบการ์ดแข็งใบนึงออกมาจากกระเป๋าสตางค์ยื่นมาให้พวกผมดูตรงหน้า
“กิ๊ฟการ์ดสำหรับดูหนังสิบที่ ในข้อแม้ว่าต้องดูกับกูเท่านั้น”
“พี่ต่อคะ ขอบคุณสำหรับหนึ่งปีที่ผ่านมาค่ะ ส้มให้พี่แทนคำขอบคุณ เราไปดูหนังกันเถอะ” ส้มยื่นการ์ดให้เดซี่พร้อมกับ
พูดประโยคที่เตรียมมาอย่างดี
“ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับส้ม แต่พี่มีคนไปดูด้วยแล้ว” เดซี่เก๊กเสียงหล่อให้ใกล้เคียงกับพี่ต่อที่สุด
“งั้นก็เอาคืนมาเลยค่ะพี่ เสียดายของ” ส้มคว้าการ์ดคืนจากมือเดซี่ ชัดเจนมากครับไม่ไปด้วยกัน ไม่ให้
“ว่าแต่มึงเหอะเดซี่ เมื่อไหร่จะเฉลยว่าจะให้อะไรพี่ทัช ของเจ้าของโต๊ะกูก็รู้หมดแล้ว”
“กูจะให้...”
“มันจะถวายตัว” ผมรีบแทรกขึ้นก่อน หัวมันเพิ่งคิดได้เมื่อกี้นี้เองจากอาการหน้าแดงของเดซี่
“เหี้ยโต๊ะ!!”
“จริงเหรอวะ โอ้โห รางวัลใหญ่นะมึงว่าแต่พี่มันจะอยากได้เหรอวะ อะ..อะ.มึงไม่ต้องด่ากูเหี้ย กูเจ๋งกว่าเหี้ยเยอะ”
ส้มรีบดักคอก่อนที่เดซี่จะทันได้พูดอะไร
“พอๆ จริงเหรอเดซี่” แม้แต่คนที่สงบนิ่งไม่ค่อยอยากรู้เรื่องชาวบ้านที่สุดอย่างเจ้ายังอดสงสัยไม่ได้
“จะบ้าเหรอใครจะทำ”
“มึงไงทำ” ผมมั่นใจเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ยิ่งเห็นเดซี่ดอกสวยลุกลี้ลุกลนเท่าไหร่ ผมยิ่งมั่นใจเท่านั้น
“กูจะให้ไอ้นี่ต่างหาก” เดซี่เปิดกระเป๋าหยิบของบางอย่างมาวางบนโต๊ะ พวกผมสุมหัวกันก้มลงไปดู ก่อนจะพากันหัวเราะ
งอหายให้กับแรดปลอมๆ อย่างเดซี่
“มึงจะให้กระดาษแผ่นนี้จริงเหรอวะ”
“เรื่องของกู”
“ไอ้เหี้ย กูลุ้นซะเยอะเลย” ผมหัวเราะให้กับแผ่นกระดาษที่เดซี่รีบพับเก็บลงกระเป๋า มันมีข้อความสั้นๆ เขียนเอาไว้ว่า “I LOVE YOU”
“เด็กว่ะ” ส้มถึงกับส่ายหัว สงสัยจะคาดหวังกับของที่เดซี่จะให้ไว้มาก
“เรื่องของกู ก็กูยังไม่เคยบอกพี่ทัชว่ากูรู้สึกยังไง กูเคยแต่พูดอ้อมไปอ้อมมา กูเลยคิดว่านี่คือสิ่งที่กูจะตอบแทนพี่ทัชได้”
“เดซี่อย่าไปฟังพวกนั้นแค่แซวเล่นตามประสา เจ้าเห็นด้วย มันดีมากๆ แต่อย่าลืมบอกด้วยตัวเองนะ พูดมันออกมาเลย”
“อืม จะพูด” หน้าเดซี่แดงลามลงไปถึงคอแล้วครับ ถ้าเป็นพวกผมอายขนาดนี้คงหมายถึงเรื่องอย่างว่า
โถนี่แค่บอกรัก ถ้าถึงตอนนั้นสงสัยจะมุดอยู่ใต้กระโปรงเลยมั้ง(ถ้าเดซี่ใส่นะ)
“เอาเป็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว แต่อย่าลืมมาช่วยกูเพราะของกูยังไม่พร้อม ฤกษ์งามยามดีอีกสองวัน”
“ไม่ลืมค่ะ กูพร้อมมาก” “เจ้าก็พร้อม” “กูไม่อยากพร้อมแต่พร้อมแล้ว”
“ขอบใจมาก” อีกสองวันผมจะแสดงให้พี่เหนือเห็นเช่นกัน ว่าผมรู้สึกขอบคุณแค่ไหนที่วันนี้ผมมีพี่เหนืออยู่เคียงข้าง
มันอาจไม่ใช่ของใหญ่โตอะไรแต่มันมาจากทั้งใจของผม
“อะโต๊ะ เจ้าจัดการให้แล้ว” เจ้าส่งของบางอย่างให้ผม
“อะ กูกับส้มทำให้แล้ว มึงรีบจัดการเลย”
“อืม” ผมรีบลงมือทำตามแผนที่วางไว้ ขั้นตอนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีจนถึงขั้นตอนสุดท้าย
แต่ผมยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำ
“ส้ม เจ้า เดซี่ กูมีของจะให้พวกมึง” ผมหยิบจดหมายสามฉบับออกมาจากกระเป๋า ส่งให้เพื่อนๆ คนละฉบับ
“ขอบคุณที่เป็นเพื่อนที่ดีของกูมาโดยตลอด ถึงกูไม่บอกพวกมึง พวกมึงก็คงรู้ว่ากูรักพวกมึงมาก”
“เหี้ยโต๊ะ!!" เดซี่อุทานชื่อผมขึ้นมาเบาๆ ก่อนเอื้อมมือมารับจดหมาย ผมเดาว่าเดซี่คงซึ้งมาก
“กูอยากจะซึ้งนะ ถ้าไม่เป็นเพราะกูเห็นมึงเขียนจดหมายหาแม่แล้วกูเอามาเลียนแบบเสียก่อน ซ้ำเลยกู”
เดซี่หยิบจดหมายของตัวเองออกมาส่งให้พวกผมบ้าง
“อะไรที่กูไม่เคยพูดไม่เคยบอกก็อยู่ในนี้แหละพวกมึงไปอ่านกันเอาเองนะ กูรักมึง มึง มึง ทุกตัว” เดซี่เข้ามากอดทีละคน
แน่นอนว่าได้รับกอดที่แน่นพอๆ กันกลับคืน
“กูว่าจะให้พรุ่งนี้แต่ไหนๆ แล้วก็ให้มันตอนนี้ละกัน” ส้มส่งสร้อยเงินที่มีสัญลักษณ์อินฟินิตี้อยู่ตรงกลางให้พวกผมทั้งสามคน
“สร้อยเหมือนกัน กูซื้อมาให้สำหรับขอบคุณพวกมึงทุกคน”
“แย่จริงเหลือแค่เจ้าสินะ เจ้าไม่มีอะไรให้ทำยังไงดี” เจ้าทำหน้าเศร้าจนผมต้องรีบปลอบใจ
“มึงไม่ต้องมีอะไรมาให้หรอก เพราะทุกวันนี้ที่มึงทำให้มันก็มากพอแล้ว พวกกูรู้ดีว่ามึงดีกับพวกกูแค่ไหน”
"ใช่ๆ" "ใช่มึงไม่ต้องคิดมาก"
“อ้าวเหรอ งั้นบ้านพักติดทะเลที่หัวหินที่เจ้าจองไว้ว่าจะพาไปเที่ยวเป็นการขอบคุณก็ไม่ต้องสินะ ดีเลยจะได้ประหยัด”
“ไอ้เจ้าาาาาา” สามคนหกแขนแทบจะเข้าไปกอดแข้งกอดขาข้าวเจ้าไว้ บ้านพักติดทะเลนะครับใครจะไม่อยากไป
“เดี๋ยวๆ หยุดซึ้ง เป้าหมายมาแล้ว” เจ้ารีบร้องบอก เมื่อเห็นพี่เหนือเดินเข้ามา ผมหยุดการกระทำทุกอย่าง
ได้แต่จ้องมองพี่เหนือ ใจเต้นตูมตามเหมือนย้อนเวลากลับไปสมัยเป็นSTALKER ใหม่ๆ
ผมเห็นพี่เหนือมองสิ่งที่อยู่ในมือ ท่าเอียงคอนิดๆ คล้ายกำลังแปลกใจ ก่อนหันขวับมองตรงมาที่พวกผมยืนอยู่
พี่เหนือเดินเข้ามาหาช้าๆ ทุกก้าวประสานเข้ากับเสียงหัวใจของผม มันเอาแต่เต้นตึกตัก ตึกตัก
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่า...” พี่เหนือกวาดสายตามองหน้าพวกผมทีละคน
“ของนี่เป็นของน้องหรือเปล่า”
“ของคนนี้ค่ะพี่ เพื่อนเดซี่เองชื่อโต๊ะ มันแอบชอบพี่อยู่” เดซี่ส่งยิ้มหวานให้พี่เหนือก่อนชี้นิ้วมาทางผม
ผมยกมือขึ้นลูบต้นคอ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย ก่อนพูดออกไปด้วยเสียงโคตรเบาทั้งที่อยากให้มันดังๆ
“ผมซื้อมาให้พี่ครับ ผมชื่อโต๊ะ แอบชอบพี่เหนือมาตั้งแต่ก่อนขึ้นปีสอง ตามติดชีวิตพี่เกือบทุกวัน ถ่ายรูปไปก็ไม่ใช่น้อย
มีความสุขที่ได้เก็บของทุกอย่างของพี่ ผมเป็นSTALKER อ่อนหัดที่ริชอบซุปตาร์ของมหาลัย ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
แต่ผมชอบพี่ครับ” ผมเงยหน้าสบตากับพี่เหนือ ตาคมเข้มจ้องผมนิ่ง ก่อนรอยยิ้มน้อยๆ จะปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“สวัสดีครับน้องโต๊ะ ขอบคุณมากที่ชอบพี่ แล้วก็ขอบคุณสำหรับของฝากนี่ด้วย” พี่เหนือยกของในมือขึ้น
“ผม..ผมชอบตัวจิ๋วรถของพี่ด้วยครับ ถ้าไม่รังเกียจขอผมติดรถกลับบ้านด้วยคนได้ไหมครับ”
“ฮ่าๆๆๆ ได้สิ จะไปกันเลยไหม”
“ไปครับ” ผมส่งยิ้มกว้างให้พี่เหนือ ก่อนหันไปหาผู้ร่วมขบวนการทั้งสามคน
“ขอบคุณพวกมึงมาก ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
“ไปเถอะ” “เจอกันพรุ่งนี้” “บาย”
ผมอดใจไม่ไหวพุ่งเข้าไปกอดเพื่อนทั้งสามคน ความรักมันมีมากกว่าหนึ่งรูปแบบ และนี่เป็นความรักรูปแบบที่มี
ความหมายกับผมมาก มันเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ความรักใดๆ ในโลกใบนี้
“หึหึ”
“อย่าขำสิครับ”
“น่ารัก”
“พี่เหนืออออ” ทำเองอายเองครับ ประโยคที่พูดใช่ว่าจะพูดได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่ ยิ่งพูดต่อหน้าเพื่อนๆ ด้วย
“Stalkerเหรอ พี่ชอบคำนี้นะฟังดูรักรุนแรงดี”
“ห้ามแซวครับ” ผมทำหน้าขึงขัง ไม่อยากถูกแซวอีก
“ไหนเอาของมาดูสิ” พี่เหนือหยิบของมาวางบนตัก ดึงผมให้ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ
“ดอกรักสีม่วง” พี่เหนือยกดอกไม้ขึ้นแตะจมูก
“ผมเก็บมาจากด้านหลังลานจอดรถครับ มันมีอยู่สองสามต้น”
“หึหึ ทิชชู่” พี่เหนือหยิบซองทิชชู่ที่ผ่านการเปิดใช้งานแล้วออกมา
“ก็เผื่อยางดอกรักมันโดนมือ อันนี้เดซี่คิด” ผมรีบโยนความผิดให้เพื่อน ก็มันความคิดของเดซี่จริงๆ นี่นา
“ส้มสายน้ำผึ้ง”
“อยากให้พี่เหนือสุขภาพดี กินวิตามินซีเยอะๆ ครับ แต่ความจริงคือตอนนั้นเจ้ามันหาซื้ออะไรไม่ได้แล้ว ผมต้องวิ่งไป
เก็บดอกไม้เลยฝากเจ้าจัดการให้”
“ดูแลตัวเองด้วยนะ เป็นห่วง” พี่เหนือหยิบกระดาษสีฟ้ารูปหัวใจขึ้นมาอ่านเป็นอย่างสุดท้าย
“อ่า.อันนี้ผมเขียนตามสถานการณ์ครับ เห็นมันเป็นส้มเลยคิดอย่างอื่นไม่ออก ที่จริงไม่กล้าเขียนอย่างอื่นด้วย”
ผมอธิบายให้พี่เหนือฟัง ทุกอย่างในถุงก๊อบแก๊บแบบตลาดสดได้ถูกเตรียมขึ้นมาอีกครั้ง สี่ชีวิตยืนรอหลังต้นไม้ต้นเดิม
หลังจากผมออกอุบายให้พี่เหนือมาจอดตัวจิ๋วที่คณะผมได้เหมือนในวันนั้น
ความในใจที่ผมควรพูดออกไปนานแล้ว เพื่อให้พี่เหนือได้รับรู้ว่าไอ้โต๊ะคนนี้แอบรักและปลื้มพี่เหนือมากแค่ไหน ได้ถูกพูด
ออกไปทั้งหมดแล้วในวันนี้
ผมไม่คิดว่าทุกอย่างจะช้าเกินไป ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน ไม่มีวันสายเกินกว่าจะบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้“ขอโทษที่วันนั้นพี่เอาไปโยนทิ้ง พี่แค่อยากรู้ว่าใช่ของโต๊ะไหมแต่ไม่อยากเดินเข้าไปถามให้หน้าแตก”
“ตกลงวันนั้นพี่เหนือรู้เหรอครับว่าเป็นผม”
“คิดว่ารู้ แต่มั่นใจตอนเห็นสีหน้าเหวอๆ ของโต๊ะนั่นแหละ”
“พี่เหนือรู้ไม่หมดหรอก มีอีกความลับที่พี่เหนือยังไม่รู้” แน่ล่ะครับ พี่เหนือยังรื้อของผมไม่หมดทุกกล่องเลย
“อะไร” คนถูกสบประมาทสนอกสนใจขึ้นมาทันที
“ก็วันนั้น ผมให้เพื่อนเก็บถุงที่พี่เหนือทิ้งไป เอากลับมาเป็นของที่ระลึกด้วย ผมไม่โกรธที่พี่เหนือทิ้งแค่พี่เหนือจับมันก็ดีใจแล้ว”
“ไอ้เด็กบ๊องเอ๊ย” พี่เหนือหัวเราะถูกใจในความบ้าของผม ถึงกับจับหัวไปฟัดเล่นจนพอใจ
“ขอบคุณนะครับที่พี่เหนือเลือกผม รักผม และอยู่กับผม”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ต้องขอบคุณเหมือนกัน ที่โต๊ะสนใจพี่ ชอบพี่ ลุกขึ้นมาติดตามพี่ เข้ามาให้พี่ได้รู้จัก”
พี่เหนือดึงผมเอาไปกอดเอวไว้กระชับ ก่อนซบหน้าลงมาบนไหล่
“พี่ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่เคยคิดว่าจะชอบคนหน้าตาท่าทางแบบนี้ แต่สิ่งที่พี่รู้มาตลอดคือ
พี่ชอบคนนิสัยแบบนี้ ความคิดแบบนี้ มีมุมมองแบบนี้ นั่นเป็นสิ่งที่พี่รู้ตัวดีว่าพี่ชอบและมันจะไม่มีวันเปลี่ยนไป”
“พี่ชอบโต๊ะเพราะสิ่งที่โต๊ะเป็น พี่รักโต๊ะเพราะโต๊ะคือสิ่งมีชีวิตที่น่า”
รัก”ที่สุดสำหรับพี่ รู้ไหมครับ”
ผมพยักหน้าตอบรับ ซึ้งใจกับคำพูดของพี่เหนือจนต้องสรรหาคำพูดซึ้งๆ มาโต้ตอบบ้าง
“รู้ครับ ผมก็ไม่เคยคิดว่าวันนึงผมจะชอบผู้ชายเหมือนกัน แต่ผมชอบพี่เหนือ เพราะพี่เหนือหล่อ พี่เหนือโดดเด่น และพี่
เหนือก็หุ่นดีสุดๆ ไปเลย”
“โต๊ะ!!” พี่เหนือซาบซึ้งตรึงใจกับคำพูดของผมจนต้องอุทานชื่อออกมา
“ก็พี่เหนือไม่ได้นิสัยดีติดอันดับท๊อปเทนนี่ครับ นอกจากหน้าตาแล้วพี่เหนือมีดีอีกแค่อย่างเดียว”
“อะไรครับ”
“พี่เหนือรักผม แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว"
“ถูกต้องที่สุด พี่รักโต๊ะ นอกจากพ่อแม่ของโต๊ะแล้วพี่คือคนที่รักโต๊ะมากที่สุด พี่ไม่สาบานเพราะพี่รู้ว่านี่คือความจริง”
“ผมก็ไม่สาบานครับว่าผมจะรักพี่เหนือไปตลอดชีวิต มันอาจไม่ใช่”
“หือ?” คนเอาแต่ใจอยากถูกรักไปทั้งชีวิตทำหน้าบึ้งขึ้นมาทันที
“เพราะผมอาจจะรักพี่เหนือไปถึงชาติหน้าก็ได้นะครับ”
“ฮ่าๆๆๆ"
พี่เหนือกลับมาเป็นหนุ่มอารมณ์ดีอีกครั้งเมื่อได้รับคำตอบที่ถูกใจ มือใหญ่จับผมหมุนตัวหันหน้าเข้าหาก่อนประคองศีรษะผมไว้
ด้วยมือทั้งสองข้าง
“พี่รักโต๊ะครับ”
“ผมก็รักพี่เหนือครับ”
ริมฝีปากร้อนประทับลงมาแผ่วเบาราวกับผีเสื้อบิน ความอบอุ่นอ่อนโยนที่ได้รับ แสดงออกถึงความรักที่อีกฝ่ายมีให้ผม
ได้เป็นอย่างดี
เรารักกัน มันอาจไม่เพียงพอสำหรับคนอื่นที่มองเข้ามา แต่สำหรับผมมันคือทั้งหมดที่ช่วยประคับประคองให้ทุกเรื่องราว
ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ผมรู้ว่าความรักไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ความรักสร้างหลายอย่างขึ้นมา
อย่างน้อยสำหรับผมวันนี้ความรักได้สร้างคำๆ นึงขึ้น ไม่ใช่คำว่าผม ไม่ใช่คำว่าพี่เหนือ แต่เป็นคำว่า
“เรา” เราสองคน จากวันนี้และตราบเท่าที่เรายังรักกัน (ซึ่งผมเชื่อว่ามันคือตลอดไป)
......................................HAPPY ENDING..........................................
ปล. หึหึ นอกจากไม่ต้องกินแห้วแล้ว ต่อไปผมกับส้มผลกลมๆ จะไม่มีปัญหากันอีกต่อไป เราสงบศึกและจบกันได้ด้วยดี
เดินทางมาถึงตอนจบแล้ว ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้นจนจบ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกการกดบวก ทุกคะแนนชื่นชม ทุกยอดview
มันมีความหมายมากๆ เลยค่ะ ทำให้มีแรงปั่น มีแรงผลักดันให้เขียน รู้สึกว่ามีคนรอ
ขอบคุณทุกคำติชม จะพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งๆ ขึ้นนะคะ ถ้าตอนไหนไม่ถูกใจ อ่านแล้วไม่สนุกก็ต้องขอโทษด้วย
สุดท้ายอยากบอกว่าคนเขียนมีความสุขมากๆ ค่ะ หวังว่าคนอ่านจะมีความสุขเช่นกัน
ขอบคุณอีกครั้งจากใจจริง^^
ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ลงตอนที่1 แล้วค่ะ^^
► Someone LOVES You ◄ ปล.อีกนิด สำหรับส้ม เดซี่และข้าวเจ้า เดี๋ยวมีตอนพิเศษพอกรุบกริบให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับการแสดงความขอบคุณครั้งนี้นะคะ
Darin ♥ FANPAGE