ตอน8 โสเภณีเช่นข้า สหายเก่า
“เจ้าไปบอกคุณชายเว่ย อีกครู่ข้าจะลงไป”
“ไม่ต้อง!.. เจ้าไปบอกคุณชายเว่ยว่าวันนี้เจ้าเรือนของเจ้าอยู่กับแขกคนสำคัญ ไม่ว่างพอต้อนรับเขา”
“อ่ะ-เอ่อ” บ่าวรับใช้ข้าได้แต่นิ่งงัน พลันหันมองมายังข้า เมื่อได้ฟังเสียงที่เน้นหนักของเขา
“ไปสิ!”
บ่าวรับใช้ข้าลนลานหันมองข้าอีกคราหนึ่ง ข้าจึงพยักหน้า เช่นนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะข้าเองก็ยังไม่อยากเจอหน้าคุณชายเว่ยในเวลานี้ เมื่อบ่าวรับใช้จากไป เขาก็มาฉุดข้าให้นั่งลง
“นี่ท่าน!” ข้ายังคงยืนขัดขืน
“หึ ทำไม?... ท่านเจ้าเรือนอย่าเพิ่งเสียใจไป เว่ยกวงนั้นคงมาที่นี่ประจำ วันนี้ท่านก็อยู่ปรนนิบัติข้าสักวันเถอะ”
คนผู้นี้ข้าหลงคิดว่าเป็นบุรุษผู้ชาญฉลาด ทว่าพอขาดสติกลับมีกริยาโง่งมสิ้นดี แต่ก็ดีเหมือนกันหากเว่ยกวงพบข้าในตอนนี้ อาจยิ่งนำพาปัญหามาสู่ข้าอีกก็เป็นได้
…
“คุณชายท่านเข้าไปไม่ได้นะขอรับ” เสียงจากด้านนอกดังแว่วมา
“เจ้าหลีกไป ข้าจะขอเข้าไปดูเสียหน่อย”
“ไม่ได้ขอรับคุณชาย...คุณชาย!” จนในที่สุดเขาก็เข้ามาด้านในจนได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้านึกว่าแขกสำคัญที่ไหนกัน ที่แท้ก็เป็นพี่ห้าวฉายนี่เอง ขออภัย ขออภัย เพียงแต่ว่า..ข้านึกไม่ถึงว่าท่านก็ชื่นชอบสถานที่แบบนี้เช่นกัน...”
ตัวปัญหาได้เข้ามาเพิ่มอีกแล้ว พักนี้ข้าคงดวงไม่ดีจริงๆ มักพบเจออะไรที่เป็นอุปสรรคและขวากหนามอยู่เสมอ คงต้องหายันต์กันภัยมาพกติดตัวไว้เสียแล้ว
บรรยากาศตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก เขาทั้งสองยืนจ้องกันครู่หนึ่ง ข้าก็มิอยากหันไปเผชิญหน้ากับคุณชายเว่ยในตอนนี้เลย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรจะวางตัวเช่นไร มันชวนกระอักกระอ่วนใจนัก พลันร่างของเว่ยกวงก็มายืนตรงหน้าข้าเสียแล้ว เขากระพริบตาถี่มองข้าแล้วนิ่งงัน ลมหายใจเขาดูแผ่วเบายิ่ง
“น่ะ-นี่เจ้า...คือ?”
ข้าคงต้องรีบเปลี่ยนบรรยากาศตรงนี้เสียแล้ว “ท่านพี่เว่ย เชิญ ... ข้าคงต้องขออภัยแล้วที่ไม่อาจลงไปต้อนรับท่าน”
ข้าประคองร่างสูงของเขาหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ทว่าสายตาที่จ้องมองข้าของคนทั้งสองนั้นช่างต่างกันเสียจริง ‘อึดอัดจริงเชียว!’สายตาสองคู่นี้ทำให้ข้าวางกริยาลำบากนัก
“เจ้าคือ เจ้าของหอคณิกาที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
ข้ายกป้านสุรารินลงจอก พี่เว่ยกระซิบถามข้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ข้าทำได้เพียงพยักหน้าตอบไป ทว่าถังห้าวฉายที่จ้องมองข้าทั้งสอง บนใบหน้ามีคิ้วที่ขมวดราวกับมีความไม่พอใจอยู่มากพอควร ข้าทำเพียงแต่เมินเขามิได้สนใจ จนคุณชายเว่ยสังเกตเห็นจึงเอ่ยขึ้น
“ข้ามารบกวนความสุขของพี่ห้าวฉายแล้ว ขออภัยด้วย ขออภัยจริงๆ”
เขาไม่ได้เอ่ยตอบวาจาใด แต่กลับเดินมาแล้วหย่อนกายลงนั่ง ข้าได้แต่เตือนตนเองว่าอย่าได้ตื่นตระหนกไป เหตุการณ์แบบนี้ เกิดช้าเกิดเร็วอย่างไรเสียมันก็ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ว่ามันเร็วไปหรือเปล่า...เร็วจนข้าตั้งตัวไม่ทัน เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็อย่าไปวิตกให้มากนัก ถังห้าวฉายเขาจ้องมองมา ข้าจึงยกป้านสุรารินให้เขา
“เชิญท่านทั้งสองดื่มกินกันตามสบาย ในฐานะเจ้าเรือนแห่งนี้ สุราอาหารบนโต๊ะนี้ข้าขอเป็นเจ้ามือเอง”
เมื่อข้าหันไปมองคุณชายถังเขายังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆ พลันคุณชายเว่ยก็มองมายังข้ากับพี่ห้าวฉายแล้วส่งยิ้มมายังข้า พลันมุมปากของถังห้าวฉายก็กระตุกขึ้นน้อยๆ ข้าเห็นจึงคิดเอ่ยเพื่อเข้าเรื่องการสนทนา
“โบราณว่าไว้ คนเราตายช้าย่อมเกิดช้า ตายเร็วก็ย่อมเกิดเร็ว หากเมื่อยังมีชีวิตอยู่เราควรมีช่วงเวลาที่สุขสำราญเร่งรีบใฝ่หาเสีย มิให้ต้องรู้สึกว่าเกิดมาเสียชาติเกิด ท่านพี่ทั้งสองว่าจริงหรือไม่?”
“นั่นสินะ อาเซียนเจ้าพูดถูก พี่ห้าวฉายท่านก็อย่าเคร่งเครียดนักเลย ดูสิอาเซียนเขาดูกังวลเป็นห่วงท่านอยู่นะ รู้หรือไม่” ข้าได้ฟังวาจาของเว่ยกวงเอ่ยออกมานี้ กลับยิ่งทำให้ข้าหนักใจแล้ว พลันเว่ยกวงก็เอ่ยขึ้นอีก
“เอาอย่างนี้ดีไหม? เรื่องอดีตของพวกเรามันก็ผ่านไปแล้ว พูดมากไปก็ไม่เกิดประโยชน์ มิสู้เราทั้งสามมาสนทนาเรื่องใหม่ๆ พร้อมกับหาความสุขสำราญกันไม่ดีกว่าหรือ จริงไหม? อาเซียน พี่ห้าวฉาย..มาดื่มให้กับมิตรภาพที่จะเกิดขึ้นใหม่ของพวกเรากันเถอะ เชิญ!” เว่ยกวงยกสุรากรอกเข้าปากพร้อมกับยิ้มกริ่ม
“อาเซียน เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าที่ผ่านมา เจ้าไปอยู่ที่ใดมา หรือว่าเจ้าอยู่ในเรือนคณิกานี่ตลอดเลยงั้นรึ?” ข้าพลันส่ายศีรษะ
“เปล่าหรอกพี่ท่าน ข้าเพิ่งกลับมาเมืองนี้ได้ไม่นาน”
“มิน่าล่ะ ข้าสืบหาข่าวของเจ้าไปจนทั่วกลับไม่พบร่องรอยเลย” ข้าฟังจึงได้แต่ยิ้มแล้วเอ่ยสนทนากับเขา “พี่เว่ยท่านล้อข้าเล่นแล้ว ตัวข้ามิได้มีความสำคัญขนาดนั้นหรอก”
“ข้าจะล้อเจ้าเล่นทำไมกัน มันคือเรื่องจริง ว่าแต่ที่ผ่านมาเจ้าไปอยู่ที่ใดมาอย่างนั้นหรือ”
“หลังจากท่านแม่ข้าเสีย ข้าก็อยากท่องเที่ยวไปให้ทั่ว พอนึกถึงบ้านเกิดข้าจึงได้คิดกลับมา”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” ข้ายกสุรารินให้เว่ยกวงอีกคราพร้อมเอ่ยสนทนาต่อ
“วันนี้มีสหายเก่ามาเยี่ยมเยียน พวกท่านดื่มกินกันให้เต็มที่ อย่าได้เกรงใจ” ข้ายิ้มพร้อมยกสุราขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย
“พี่ห้าวฉาย ท่านจะไม่กล่าวอะไรกับพวกเราสักหน่อยหรือ?” เสียงของเว่ยกวงหันไปถาม ทว่าคุณชายถังผู้นี้กลับไม่ตอบ พลันลุกขึ้นแล้วลากข้าออกไป
“นี่ท่านจะทำอะไร?”
“พี่ห้าวฉาย...พวกท่านจะไปที่ไหนกัน?” เว่ยกวงเอ่ยขึ้น
“พี่เว่ย...ช่ะ-เชิญตามสบายเถอะนะ...โอ๊ะ!” ข้ายังไม่ทันกล่าวอะไรมากนัก ถังห้าวฉายก็ลากข้าลงมายังชั้นล่างเสียแล้ว
“ท่านจะพาข้าไปไหน?”
ใบหน้าที่เรียบเฉยของเขาไม่กล่าวคำพูดใดๆ ทำเพียงฉุดรั้งร่างข้าให้เดินตามไปจนโป๋ซีวิ่งเข้ามาขวางทางไว้ “ท่านจะไปที่ใดกัน”
“หลีกไป!” โป๋ซีมองข้าครู่หนึ่ง ข้าจึงพยักหน้าสั่งให้เขาหลีกทางจนโป๋ซียอมหลีกทางให้
“อาหนิว รถม้า”
“ขอรับคุณชาย”
ครู่เดียวร่างของข้าก็ถูกเขาพาขึ้นมาบนรถม้า
“เราจะไปที่ไหนกันหรือขอรับคุณชาย”
“เรือนหลังเขา”