ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE
เรื่อง Breaking way
[ CE : Civil Engineering วิศวกรรมโยธา ]
เขียนโดย Blue-Legend
CH 01
กินเด็ก
ถ้านี่เป็นฉากหนึ่งในนิยาย ผมก็หวังให้ตัวเองเป็นตัวเอก เสียแต่ว่าตัวเอกอีกคนที่ผมหวังไว้มัน...
ตูดแบน...
อกแฟ่บ...
และหัวเกรียน!!!
ตูดแบนอกแฟ่บอาจเป็นเรื่องปกติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สองของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยชื่อดังซึ่งยังไม่ผ่านวัยเจริญพันธุ์ แต่เรื่องหัวเกรียนคงไม่มีนักเรียนหญิงคนใดกล้าไถสกินเฮดมาโรงเรียนแน่ ที่สำคัญกว่านั้นคือคนที่ผมแอบเฝ้ามองด้วยชมชอบไม่ใช่รุ่นเดียวกับผม
แต่เป็นรุ่นพี่มอหก!
เขาอยู่ในวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ร่างกายบึกบึนสูงใหญ่เฉียดร้อยแปดสิบเซนติเมตร ต่างจากผมเกือบหนึ่งไม้บรรทัดทั้งที่อายุเราห่างกันเพียงไม่กี่ปี เทียบในรุ่นเดียวกันคงมีน้อยคนจะสูงเท่า ควรต้องเอาไปเทียบกับเปรตวัดสุทัศน์น่าจะเหมาะกว่า ยิ่งเทียบกับตัวกระเปี๊ยกอย่างผมยิ่งไม่ต่างจากเสาไฟฟ้ากับตอม่อ
ด้วยเหตุนี้ผมจึงพยายามอัดทั้งแคลเซียม โปรตีน วิตามิน กลูต้า แคโรธีน เฮโรอีน บอแร็กซ์ และเกือบคว้าน้ำยาล้างห้องน้ำมาแดก ถ้าไม่ติดว่ากลัวม่องเท่งซี้แหงแก๋ในสภาพเอน็จอนาถจนอาจพลาดโอกาสได้ใกล้ชิดกับรุ่นพี่คนนั้น
ความแตกต่างห่างไกลไม่ได้หยุดเพียงส่วนสูง ผมเป็นไอ้เด็กตัวกระเปี๊ยกที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ในขณะที่เขาเจิดจ้าฉายแสงอยู่กลางทุ่งดอกลาเวนเดอร์ เพอร์เฟกต์ดีพร้อมทุกระเบียดนิ้ว ให้ความรู้สึกคล้ายตัวเองเป็นเพียงตั๊กแตนตำข้าวที่เฝ้ามองนกฟลามิงโกโบยบินบนท้องฟ้า แต่ก็เคลิบเคลิ้มหลงใหล ขนาดลำไส้ยังบิดเป็นเกลียวระริกระรี้ด้วยความเขินขวย
บ้านป้ามึงสิ! แค่เห็นเป็นไอดอลโว้ย!
เด็กวัยเจริญพันธุ์แบบผมถึงแม้จะเฮี้ยว แสบ ทะโมน และแอบหื่นบ้างเป็นบางเวลา แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กที่ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก วันๆ คิดถึงแต่หน้ากากไรเดอร์ เบนเทน ถ้าสมัยโบราณหน่อยก็คงเป็นขบวนการห้าสีหรืออุลตร้าแมน ชีวิตจมอยู่ในโลกแห่งความฝันและแฟนตาซี โดยเห็นผู้พิทักษ์ความรักและความยุติธรรมเป็นแบบอย่างแห่งความเท่ห์ หล่อสมบูรณ์แบบ
และรุ่นพี่คนนั้นก็เข้าขั้นใกล้เคียงซุเปเปอร์ฮีโร่ที่ผมปลื้ม!
ผมตั้งปณิธานไว้ ในวันหนึ่งผมจะเป็นอย่างเขาให้ได้ เพื่อให้เขาและผมเป็นสองตัวเอกในนิยาย ร่วมผจญภัยปราบเหล่าร้ายเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน...
ทว่าสิ่งที่ผมเฝ้าหวังกลับสั่นคลอน เพราะการกระทำของคนที่ผมปลื้ม...
“พี่เจี๋ย นัดออกมาทำไมวะ หรือจะพาไปจับแมงกุดจี่ในป่าไผ่ เจ๋งเป้ง!”
“ไปปั่นจักรยานเล่นกัน” เป็นเสียงเปรยที่ทุ้มนวลอบอุ่น
ปั่นจักรยานเล่นในมหาวิทยาลัยตอนเกือบเที่ยงคืน!
ไอ้พี่เจี๋ยก็ตบเบาะเร่งยิกๆ ราวกับปวดขี้จนทนไม่ไหวต้องรีบไปถ่ายด่วนซะเดี๋ยวนั้น ผมจึงจำต้องลากขาอย่างงงงวยไปหย่อนก้นแหมะลงเบาะหลัง แม้ในใจจะนึกสงสัย แต่เพราะแอบปลื้มชื่นชมจึงคล้อยตามอย่างว่าง่าย ต่อให้พี่เจี๋ยจะลากไปไถนา ผมก็คงยอมเป็นควายเพื่อได้ใกล้ชิด
เพื่อความปลอดภัยผมไม่ลืมที่กระหวัดมือรอบเอวพี่เขาไว้หลวมๆ เกิดผี สตีฟ จ็อบส์ ออกจากร่างกลายเป็นผีคนขับรถเมล์ ขสมก. เข้าสิงปั่นตีนนรกผมก็ตายโหงสิครับ
“น้องป่าน รู้จักตำนานรัก Loving way ไหม”
ป่าน... ป่านนี่ใช่ชื่อกูไหม?
โอเค ตื่นเต้นจนเกือบลืมชื่อตัวเอง
พี่เจี๋ยเอ่ยถามท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกบนเส้นทางที่ขนาบด้วยทิวสนสูงใหญ่เรียงรายเป็นระเบียบ โดยที่รถจักรยานคันเล็กที่มีผู้โดยสารตัวใหญ่หนึ่งตัวกระเปี๊ยกหนึ่งเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วรอบปั่นที่เชื่องช้า แม้จะเป็นยามดึกสงัด แต่เพราะมีพระจันทร์ดวงโตฉายแสงนำทาง ทำให้เรายังปลอดภัยจากการปั่นตกคลองข้างทาง
ผมก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง... เที่ยงคืนพอดีเป๊ะ
“ตำนานบอกว่าหากคู่รักที่มีใจตรงกัน ปั่นจักรยานผ่าน Loving way ในเวลาเที่ยงคืน จะได้เป็นแฟนกัน” ผมชะงัก ในขณะที่พี่เจี๋ยหยุดรถจักรยานกึก คล้ายได้ปั่นมาถึงปลายทางแล้ว “น้องป่าน คบกับพี่เจี๋ยนะ”
อ้าว เดี๋ยวนะ... แล้วผมต้องตกใจไหมวะ กับการที่รุ่นพี่ที่แอบปลื้มมาสารภาพรัก!
เป็นการสารภาพความรู้สึกด้วยเสียงนุ่มนวลชวนเคลิ้ม เหมือนอย่างนิสัยของพี่เจี๋ยที่ผมเห็นมาตลอด เขาเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นเสมอ ไม่เฉพาะแค่ผม แต่ทุกคนรอบข้างมักถูกพี่เจี๋ยดูแล หากจะมีใครสักคนหลงใหลย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้นที่ผ่านมาผมจึงมองไม่เห็นความพิเศษที่พี่เจี๋ยปฏิบัติต่อผมว่ามันเหนือกว่าคนอื่น ความรู้สึกของผมจึงยังเป็นเพียงความปลาบปลื้ม
จนกระทั่งพี่เจี๋ยจอดรถและหันกลับมา ใบหน้าคมโน้มเข้าใกล้ มีเพียงแสงจันทร์สาดกระทบให้เห็นเสี้ยวหน้าเลือนลาง ผมตาค้างจนแทบลืมหายใจ สังเกตได้ทุกรายละเอียดบนใบหน้าที่ค่อยๆ เลื่อนเข้ามา ดวงตาดำเข้ม ขนตายาว คิ้วโก่งหนา ริมฝีปากเป็นกระจับ ทุกสัดส่วนสอดรับกับโครงหน้าและประกอบกันอย่างสวยงาม กระทั่งลมหายใจอุ่นร้อนกระทบปลายจมูก ใจผมพลันเต้นเป็นจังหวะกลองโปงลาง เพียงชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่งที่เผลอเคลิ้ม จึงได้รับรสความอ่อนนุ่มบริเวณริมฝีปาก
เป็นความพิเศษเดียวที่แตกต่าง และกระจ่างแจ้งแจ่มชัดยิ่งกว่ากล้องจุลทรรศน์กำลังขยายพันเท่า ใจดวงน้อยของผมเต้นระรัวแรง จนแทบทะลักล้นออกมาจากอก ผมใจง่ายไปไหมวะ เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่รู้สึกอะไรอยู่เลย
สำส่อน!
รู้สึกนิยายแฟนตาซีที่วาดฝันไว้กำลังกลายเป็นนิยายรัก... สายเหลือง!
“พี่เจี๋ย คุกๆๆ”
“คุกอะไรครับ”
“ป่านเพิ่งอายุสิบสี่ ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ”
“พี่ก็ยัง”
เออว่ะ ลืมไป งั้นเอาใหม่
“พี่เจี๋ยชอบป่านเหรอ”
พี่เจี๋ยพนักหน้ารับ แม้ใบหน้าจะลางเลือนในความมืด แต่กลับรับรู้ได้ถึงความตระหนกปนหวาดหวั่น รังสีกดดันจากความกลัวแผ่ซ่านกระทบเปรี้ยงแทบหน้าหงาย คล้ายว่าถ้าผมปฏิเสธไปพี่มันจะกระโดดคลองน้ำเน่าข้างทางตายไปเดี๋ยวนั้น สถานภาพของเรากลับกัน ผมกลายเป็นนกฟลามิงโกบินสง่าเฉิดฉายบนฟ้า ในขณะที่พี่เจี๋ยกลายเป็นตั๊กแตนตำข้าว ดวงตาละห้อยรอคอยคำตอบอย่างน่าสงสาร
แต่ผมไม่ง่าย!
“ป่านรู้จักตำนานรัก Loving way” ผมเปรย
อายุเพียงสิบสี่ ไม่เคยสนใจเรื่องความรัก ไม่รู้แม้กระทั่งความรักคืออะไร ความรู้สึกแบบไหนที่เรียกว่ารัก ใช่อาการใจเต้นไม่เป็นส่ำ ใบหน้าวูบวาบร้อนฉ่า มีความสุขล้น ดีใจยิ้มแก้มแตกแบบนี้ไหม
แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมมั่นใจ!
“ทางที่พี่เจี๋ยพาผมผ่านมามันสวนทางกันนี่ ถ้าปั่นย้อนเขาเรียก Breaking way”
ความฉิบหายเริ่มมาเยือน ผมรู้สึกได้อย่างนั้น สังเกตเห็นตาขาวๆเบิกโพลงในความมืด
“ถ้าคู่รักที่ใจตรงกันปั่นผ่าน จะต้องเลิกกัน!”
ง่าวเอ๊ย!!!
ผมหัวเลาะลั่นขำน้ำตาเล็ด อุตส่าห์สร้างบรรยากาศมาซะดิบดี กลับล่มสลายลงในพริบตาเพราะความโง่เง่าของตัวเอง ยิ่งเห็นท่าทางซึมกระทือหางลู่หูตกหัวห้อยอย่างผิดหวังจนแทบอยากร้องไห้ ผมยิ่งฮาท้องคัดท้องแข็ง
ไม่ใช่อะไร เพราะมันยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูมากในสายตาผม แม้แต่การสารภาพรักยังตระเตรียมการเสียโรแมนติก อ้างอิงตำนานรักและคาดหวังให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่างเชื่องช้า ค่อยเป็นค่อยไป ทั้งอบอุ่น นุ่มนวล พูดจาไพเราะ และโรแมนติก จะไปหาผู้ชายเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ได้จากไหน ตลาดนัดคลองถมก็ไม่มีขาย ยิ่งละลายทรัพย์ไม่ต้องพูดถึง
“จบกันชีวิตไอ้เจี๋ย”
เอ่ยเสียงนุ่มตัดพ้องึมงำเศร้าสร้อยอย่างน่ารันทด ราวกับทุกอย่างจบสิ้น แม้แต่นรกแตก แผ่นดินแยก ฟ้าถล่มก็อาจเทียบไม่ได้กับความรู้สึกพี่เจี๋ยตอนนี้ ผมพยายามกลั้นขำยกมือปาดน้ำตาที่มันเล็ดจากการทำงานหนักของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ในใจอยากบอกว่า ผมยังไม่ได้ให้คำตอบพี่เลยนะ ฮ่าๆ
“ใครบอกว่าจบ ป่านว่านี่เป็นการเริ่มต้นต่างหาก”
พูดไปขำไป แต่กลับดูเรียกความสนใจของอีกฝ่ายได้ดี เพราะดวงตาขาวๆที่เหมือนจะจ้องมองมาด้วยความสงสัยจนผมแทบพรุนไปทั้งร่าง ก่อนจะเริ่มเบิกกว้างขึ้นคล้ายพี่เจี๋ยเข้าใจในความหมายแฝงของผม
“ก็เรายังไม่ได้คบกัน แล้วจะเลิกได้ยังไง”
แม้ผมจะอายุเพียงสิบสี่ ยังไม่รู้จักความรัก แต่คิดว่าผมพร้อมแล้วสำหรับการเรียนรู้และเริ่มต้น
“ดูแลป่านให้ดีด้วยนะ”
และนี่ก็เป็นตำนานรัก Breaking way บทใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน ซึ่งป่านและพี่เจี๋ยจะบรรจงสร้างขึ้นในแบบฉบับของเรา จนกลายเป็นตำนานเล่าขานประจำมหาวิทยาลัยจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นตำนานรักบทใหม่ที่ Loving way สู้ไม่ได้จนต้องล่าถอย
แค่เริ่มต้นยังโรแมนติกขนาดนี้ หากนิยายเรื่องนี้ดำเนินต่อไป มันจะหวานชุ่มฉ่ำหัวใจขนาดไหน...
แม้ความปรารถนาแรกเริ่มในตัวพี่เจี๋ยจะเหมือนนิยายผจญภัยแฟนตาซี หากสุดท้ายได้คลาดเคลื่อนกลายเป็นนิยายรัก แต่สิ่งที่คงเดิมคือตัวเอกทั้งสองเป็นผู้ชาย บทสรุปที่ดำเนินมาถึงบทสุดท้ายถือเป็นตอนจบที่สมบูรณ์ครบถ้วน แม้อาจยังไม่เห็นบทบาทรักกันหวานชื่น ทว่าเหลือพื้นที่ว่างให้นักอ่านได้จินตนาการต่อไปถึงเรื่องราวหลังจากนี้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าได้ถูกปูทางให้เรื่องดำเนินไปด้วยความสุขความสมหวัง แม้จะถูกจำกัดความว่าเป็นนิยาย ‘ปลายเปิด’ ก็ตาม
แม้การจบแบบนี้จะโดนครหานินทา
บ้างว่า... จบเหี้ยไร! ไม่เข้าใจ! มีปัญญาจบได้แค่นี้เรอะ! กาก! ในฐานะของคนสร้างสรรค์นิยายบางครั้งอยากโต้เถียงกลับไปว่าอุตส่าห์ปูทางมาให้สวยงามขนาดนี้ ลองใช้สมองคิดเอาเองบ้าง แต่คงโดนรุมประณามโทษฐานด่าคนอ่านโง่จนอาจกลายเป็นดราม่าซับซ้อน
บ้างว่า... กูคนอ่านไม่ใช่คนเขียน หน้าที่คือเสพงาน นักเขียนเองต่างหากที่ต้องใช้สมองสร้างสรรค์ผลงานให้ดีเป็นที่พอใจ กลายเป็นมหากาพย์ย้อนแย้งไม่จบไม่สิ้น
ไม่ว่าความคิดเห็นจะเป็นไปในทิศทางใด แต่ฐานะของนักเขียนมันเป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบในตัวมันแล้ว
เพราะสุดท้าย... เจ้าชายและเจ้าหญิงก็ได้ครองรักคู่กันนิรันดร
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่เป็นที่พอใจของนักอ่านส่วนใหญ่อยู่ดี เพราะมันไม่อิ่มเอม ยังรู้สึกค้างคา อยากสอดรู้สอดเห็นเรื่องราวความรักระหว่างผมกับพี่เจี๋ย คล้ายว่าเรื่องราวยังดำเนินไปไม่สุดปลายทางอย่างที่หวัง แม้จะแอบตะหงิดใจว่าเห็นเขากำลังเริ่มต้นสานต่อถักทอความรักมันไม่เพียงพอเหรอ ในวาระพิเศษเนื่องด้วยนี่เป็นนิยายรัก Breaking way ฉบับใหม่ ผมจึงอยากแหกทุกกฎเกณฑ์ที่นิยายรักพึงมี เสิร์ฟความหวานสานต่อความฟินให้อ้วกแตกกันไปข้างจากตอนจบปลายเปิดอย่างสวยงามในภาคที่แล้ว คืนกำไรให้แก่ผู้ที่ติดตามเรื่องราวความรักระหว่างผมกับพี่เจี๋ย
ขอเตือนให้เตรียมหมอนไว้หลายๆ ใบ!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ไอ้ป่าน ไปไกลๆ ส้นตีน อย่ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้ รำคาญเหี้ย!”
++++ตัดจบก่อนนะ++++
คุยกับ Blue-Legend
เย้ๆๆๆๆๆ จุดพลุฉลองเปิดเรื่องลำดับที่ 2 ของซีรีย์ชุดอินทาเนียร์ ไชโยโห่ฮิ้วววววว
ชื่อเรื่องน่ากลัวมาก ฮ่าๆ เขียนเองยังกลัวใจตัวเองเลยว่าจะลากไปจบท่าไหน แต่จบท่านี้แล้วดูหวานละมุนลิ้นไหมล่า กิ๊วๆ แอบแซะคนอ่านเล็กๆน้อยๆ ไม่โกรธกันน้า รักกันๆ อิอิ
น้องป่านดูซื่อใสไร้เดียงสา พี่เจี๋ยก็ดูเป็นสุภาพบุรุษ รักทั้งสองคนเลย จุ๊บๆ
เอ้ออออ สุดท้ายยยย นักอ่านที่น่ารักจ๋า อ่านแล้วชอบ เค้าฝากไลค์ฝากแชร์ ฝากบอกต่อด้วยน้า ใครทำตามนี้จะสุ่มผู้โชคดีแจกรถสปอร์ตหนึ่งคัน
และฝาก แฮชแท็ก #ชาเย็น #อินทาเนีย #ป่านเจี๋ย ด้วยเน้อ อยากเพ้ออยากบ้าไร ถ้าไรท์ไปส่องเห็นแล้วจะไปเสือก ฮ่าๆ
ปล ด้านล่างมีทอล์กกับนักอ่านอีกเน้อ จะแยกไว้อีกโพสต์นึง เพราะไรท์ฝอยเก่ง และขี้เหงามาก ใครอยากคุยกับไรท์เลื่อนลงไปเลย ใครมาเม้นให้ตอนที่แล้ว ไรท์ตอบหมด ไรท์หล่อ สปอร์ต ใจดี น่ารัก ไม่หยิ่ง ไม่ถือตัว มีเวลาให้ ใครรำคาญก็ข้ามๆไป อ่านแค่นิยายก็พอเนอะ
ส่วนใครอยากมาจ้อกับเค้านอกเวลา โปรดไถทวิตเอาเอง ฮาาาา ส่วนใครอยากคุยกับน้องบู ก็ไปตามเพจเฟซบุ๊คที่แปะไว้หน้าลิงค์เลยน้า