สืบรัก彡คดีที่8
ร่างเปลือยเปล่าของรองหัวหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษหรือใบไธม์นั่งอยู่บนพื้นหน้าตรงหน้าผมด้วยใบหน้าตกใจยามหันมาเห็นผมเดินออกไปหา หลังจากจัดการถอดรหัสเข้าเครื่องผมก็ได้ข้อมูลไม่ว่าจะเป็นเหล่าลูกค้าหรือสถานที่เก็บอาวุธที่กระจายอยู่ในบางจังหวัดเพื่อให้ง่ายต่อการขนย้ายซึ่งเรื่องข้อมูลพวกนั้นจะยังไงก็ช่าง
ตอนนี้สิ่งที่ผมสนใจคือใบไธม์ต่างหาก
เสื้อผ้าที่กองอยู่ด้านข้างดูยังไงก็ไม่ใช่การถอดเพราะหากถอดคงไม่กองรวมซ้อนทับกันแบบนั้น อีกอย่างในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการถูกจับจะมีใครกล้ามาถอดเสื้อผ้า
ไม่ว่าจะดูยังไงก็ต้องมีบางอย่างกับอีกฝ่ายแน่ ปัญหาคือผมไม่รู้ว่าบางอย่างนั่นคืออะไร
ดวงตาสีน้ำตาลของใบไธม์ยังคงจับจ้องมายังผมคล้ายกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อไป ความกังวลและความสับสนสื่อออกมาจนสามารถรับรู้ได้
เขาไม่อยากเล่าหรือบอกผม
อ่า...ความรู้สึกหนักๆภายในอกนี่คืออะไร
น้อยใจเหรอ
หรือแค่ผิดหวัง
“รีบใส่เสื้อผ้าเถอะ”ผมบอกใบไธม์ก่อนจะหันหลังไปทางตอนไม้ ให้เวลาอีกฝ่ายได้แต่งตัว
“เบซิล...”ไม่กี่นาทีเสียงเรียกก็ดังขึ้น
“เราต้องรีบออกจากที่นี่”ผมไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรมากไปกว่านี้ พูดตรงๆว่าไม่อยากฟังคำว่าบอกไม่ได้หรือขอโทษ
ผมอยากรู้ทุกเรื่องของใบไธม์แต่ผมก็เข้าใจต่อให้อยากแค่ไหนความเป็นจริงมันไม่เหมือนจินตนาการ
จะให้บังคับให้บอกคงไม่ดีนักหรอก
อาจเพราะใบไธม์อ่านทางผมออกจึงเลือกที่จะเงียบแล้วกลับออกจากคฤหาสน์นี่ตรงกลับไปยังสำนักงานของหน่วยสืบสวนพิเศษ 7โมงเช้าคือเวลาที่พวกเรามาถึงซึ่งใช้เวลาในการเก็บข้อมูลนานถึง5ชั่วโมงแม้ในความเป็นจริงผมจะจัดการแฮ็กระบบนั่นในเวลาไม่นานทว่าการเข้าออกคฤหาสน์เป็นเรื่องยากโดยเฉพาะขาออกที่มีคนคอยคุ้มกันแน่นหนาขึ้น
ผมเดินตามใบไธม์เดินเข้าไปในห้องก่อนอีกฝ่ายจะลงมือเขียนรายงานด้วยใบหน้าจริงจังทว่าหากสังเกตมองดีๆจะเห็นว่าในความจริงจังนั่นแฝงไปด้วยความสับสนอยู่ไม่น้อย
คงไม่พ้นเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
โต๊ะส่วนตัวของผมอยู่ฝั่งตรงข้ามกับใบไธม์อย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าระยะห่างไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใดผมลากเก้าอีกมานั่งมองอีกฝ่ายเขียนรายงานเหมือนอย่างทุกครั้งแม้จะเห็นว่าครั้งนี้ใบหน้านิ่งๆนั่นเริ่มมีความกังวลแผ่ออกมา
กังวลว่าผมจะถามละมั้ง
ความจริงต่อให้เป็นคนอื่นแล้วเห็นเหตุการณ์นั้นร้อยทั้งร้อยเป็นต้องถามชัวๆ แต่การที่ผมไม่ถามไม่ใช่ว่าไม่อยากรู้แต่เพราะรู้ดีว่าต่อให้ถามไปก็อาจไม่ได้คำตอบ
สำหรับผมตัวตนของใบไธม์มันค่อนข้างชัดเจน เวลาอยู่ใกล้ๆผมรู้สึกว่าสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมายเพียงแค่ได้นั่งเงียบๆอยู่ข้างกันก็ทำให้ผมรู้สึกดีได้
นานมากแล้วที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้
ตอนอยู่กับแม่ผมเคยมีความรู้สึกแบบนี้ทว่าหลังจากแม่ไม่อยู่ผมก็ต้องทำหลายๆอย่างเพื่ออยู่รอดและหาความสนุกไปวันๆ การแฮ็กเข้าระบบของทางการหรือล่อลวกคนอื่นต่างเป็นหนึ่งในความสนุกของผม
ผมไม่สนหรอกว่าจะถูกจับหรือติดคุก
ยังไงชีวิตในตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ
แต่กับใบไธม์มันไม่ใช่ แค่ชื่อของเขาก็เรียกความสนใจจากผมได้แล้ว
ตั้งแต่เข้ามาอยู่ภายในหน่วยสืบสวนพิเศษได้เจอกับผู้คนแปลกๆหลายแบบ สิ่งหนึ่งที่พวกเขามักทำกันคือคุยเรื่องใบไธม์ในตอนที่เจ้าตัวไม่อยู่ ส่วนมากจะเป็นการพูดชมหรือไม่ก็อยากทำงานคู่ด้วย จากที่เคยถามหลายๆคนมาใบไธม์ถือเป็นผู้นำที่ทุกคนไว้ใจและอยากทำงานร่วมด้วยเพราะนอกจากจะไม่ใช้อารมณ์และยังมีสติในการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างแม่นยำ
คดีกว่าครึ่งที่ว่าเสี่ยงจนทางการยังต้องส่งมาให้หน่วยสืบสวนพิเศษทำกลับถูกรองหัวหน้าของหน่วยปิดได้ในเวลาอันสั้น โดยเฉพาะคดีสืบหาและจับกุมคนร้าย
ขนาดเบียร์ที่ว่าเก่งด้านการวางแผนยังบอกเลยว่าคดีพวกนั้นต่อให้เป็นตัวเขาเองยังไม่คิดว่าจะตามหาหรือจับคนร้ายได้ในระยะเวลาอันสั้น แถมทางการยังไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันมาให้อีก
ทุกคนจึงชื่นชมรองหัวหน้าหน่วยคนนี้มาก
ผมเองก็ชื่นชมในทักษะและความสามารถนี้เช่นกัน
พอเวลาเริ่มเข้าสู่ช่วงสายของวันคนในหน่วยก็เริ่มทยอยกันเข้ามาทำงาน มีหลายคนมาเพียงแค่รับคดีและพากันออกไป ส่วนใหญ่ใบไธม์จะเป็นคนมอบคดีให้กับแต่ละคนไปทำ แต่มีบ้างที่ทางหัวหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษจะมีคดีพิเศษหรือฉุกเฉินส่งมาให้โดยตรงซึ่งหากเป็นคดีแบบนั้นส่วนมากจะเป็นใบไธม์ออกไปจัดการ
“...เลิกจ้องได้ไหม”เสียงพึมพำจากใบไธม์ดังขึ้นเบาๆโดยสายตายังคงจับจ้องอยู่กับเอกสาร
“ผมก็จ้องแบบนี้ตลอดนี่”ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมนั้งจ้องอีกฝ่ายแบบนี้ แต่หลายครั้งผมจะใช้การพุบหัวกับแขนทั้งสองข้างแล้วอาศัยช่องว่างระหว่างแขนแอบมองใบไธม์เพราะรู้ดีว่าถ้าจ้องแบบนี้ตลอดคงได้ถูกรำคาญกันไปข้าง
“จ้องแบบนั้นผมคิดไม่ออกพอดี”
“คิดอะไร ให้ผมช่วยไหม”ผมรีบถามต่อ
“...ไม่มีอะไร”ดวงตาสีน้ำตาลหันมาสบดวงตาสีเขียวของผมเพียวเสี้ยววินาทีก่อนจะหันกลับมองเองสารตามเดิม
ดูยังไงก็มีเรื่องคิดมากอยู่ชัดๆ
“การสังเกตผมน่ะเก่งมากนะรู้รึเปล่า”
“...”คิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยคล้ายจะถามว่าแล้วไง
“แค่คุณโกหกผมจับได้อยู่แล้ว”ยิ่งกับใบไธม์ยิ่งดูง่ายเพราะผมคอยเฝ้ามองและสังเกตเขามาตลอดตั้งแต่ได้เจอกัน หากมีอะไรผิดปกติมันไม่อยากที่ผมจะจับได้
“มันเป็นเรื่องที่ผมต้องคิดและหาคำตอบด้วยตัวเอง”อีกฝ่ายตอบกลับด้วยเสียงเบาหวิว
“เรื่องตอนอยู่ที่คฤหาสน์สินะ”คำพูดผมทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อย เล็กน้อยจนหากไม่มองดีๆคงไม่เห็น แน่นอนว่าไม่สามารถตบตาผมได้
“...”และความเงียบก็เหมือนเป็นเครื่องยืนยัน
เป็นอย่างที่คิด
ตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ
“ใบไธม์...”
ตู้ม
ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคเสียงระเบิดดังกึกก้องก็มาพร้อมกับผนังตึกที่ถูกทำลายเพราะแรงปะทะ ใบไธม์ที่มีประสาทสัมผัสดีกว่าดึงผมให้หมอบต่ำลงกับพื้น หลายคนที่ยังอยู่ในห้องพากันส่งเสียงด้วยความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...
“ระเบิด? ใครมาเร่งงานเราถึงที่เนี่ย”
“ฝุ่นมันโดนหน้าฉันเต็มๆเลย ถ้าผิวเสียจะยังไงกัน”
“มันใช่เรื่องมาห่วงผิวไหมสกาย ตอนนี้ต้องเตรียมรับมือศัตรู ปืนอยู่ไหน”
ฟังจากเสียงทุกคนน่าจะปลอดภัยกันดี
“ใจเย็นๆกันก่อน ไม่มีศัตรูที่ไหนหรอก”เสียงตะโกนจากใบไธม์ทำให้เสียงตะโกนแข่งกันเงียบลง บรรยากาศโดยรอบเริ่มสงบเพียงแค่ประโยคเดียวที่ใบไธม์พูด
“ระเบิดมาจากด้านในตึก”ผมพึมพำพลางขยับเข้าไปใกล้ใบไธม์
ดูจากแรงระเบิดแล้วไม่ใช่จากด้านนอกแต่เป็นในตัวตึกด้านข้างห้องทำงานนี่
“อืม คนข้างนอกเข้ามาในนี้ไม่ได้ง่ายๆหรอกยิ่งมีคุณเข้ามาอยู่ในหน่วยยิ่งแล้วใหญ่”เป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูด ภายนอกอาจดูเหมือนตึกชั้นเดียวที่ระบบรักษาความปลอดภัยไม่มีแต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ตั้งแต่ประตูหน้ามีการล๊อคด้วยรหัสและกุญแจต่อให้แงะกุญแจได้แต่ถ้าไม่มีรหัสก็จบเหตุ แถมเมื่อผมเข้ามาอยู่นี่รหัสง่ายๆอย่าง1234ถูผมรันรหัสให้แต่ละวันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งรหัสที่เปลี่ยนจะส่งให้ทุกคนในหน่วยผ่านแอพพิเศษที่ผมสร้างขึ้น
ดังนั้นคนนอกไม่มีทางรู้รหัสผ่านแน่
“เป็นฝีมือคนใน”ผมสรุป
“ใช่ มีคนเดียวเท่านั้นแหละที่ทำอะไรแบบนี้”ใบไธม์พูดก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปยังกลุ่มควันที่กำลังคลุ้ง แรงระเบิดเมื่อครู่ไม่ได้ทำลายแค่ผนังเชื่อมระหว่างห้องแตะยาวไปจนถึงผนังด้านข้างทำให้เมื่อหันไปทางซ้ายมือจะเห็นสวนหย่อมอยู่ตรงหน้าโดยไม่มีอะไรคั่นกลางเหมือนเคย
“ผมคงต้องขอคำอธิบายด้วย...จูน”เมื่อควันเริ่มจางร่างของสาวห้าวในชุดเสื้อผ้าและใบหน้าดำเขลอะก็เดินกระเพกมาตรงหน้าใบไธม์
จูน...สาวห้าวประหน่วย ผู้มีความเชี่ยวชาญในการสร้างระเบิดและเก็บกู้ระเบิด ห้องทดลองประกอบและแยกส่วนระเบิดของเธออยู่ข้างๆห้องนอนผม
พูดง่ายๆคือในตึกนี้มีห้องหลักๆอยู่4ห้องคือห้องทำงานรวม ห้องทำงานของหัวหน้า ห้องนอนผมและห้องทดลองระเบิดของจูนตามลำดับ การที่แรงระเบิดมาไกลถึงห้องแรงหมายความว่าห้องก่อนหน้านี้คงเละไม่เหลือแน่นอน
ยังดีที่จูนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่สภาพก็ดูไม่ค่อยได้เท่าไหร่
“...ฉันอยากรู้ว่าถ้าเราใส่ดินปืนร่วมกับการจุดชนวนด้วยเทคโนโลยีล่าสุดจะเป็นยังไง ไม่คิดว่าแรงระเบิดจะรุนแรงกว่าปกติและกระจายเป็นวงกว้างแบบนี้...ขอโทษค่ะท่านรอง”จูนก้มหน้ามองพื้นระหว่างอธิบายทุกอย่างด้วยท่าทางสำนึกผิด
“เฮ้อ ดีแล้วที่ไม่เป็นไร”ใบไธม์ถอนหายใจยาวพร้อมแตะไหล่จูนเบาๆ
“ครั้งหน้าจะลองลดดินปืนดูละกันเนอะ”
“ผมว่ามันไม่ใช่ทางแก้ที่ดีเท่าไหร่”
“งั้นจะเพิ่มความแม่นยำเข้าไปด้วย”
ผมแอบเห็นใบไธม์เริ่มทำหน้าเหนื่อยใจพลางส่ายหน้าปลงๆก่อนสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ จูนโดนเพื่อนในหน่วยบ่นไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วตามด้วยถูกหัวหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษที่มาถึงในช่วงบ่ายตามรายงานทางโทรศัพท์ของใบไธม์บ่นยาวไปอีกหลายชั่วโมง
เนื้อหาแบบสรุปคือต้องการให้เพิ่มความปลอดภัยและไม่อนุญาตให้ทำการทดลองระเบิดถ้าไม่มีการป้องกันที่มากพอ เหมือนห้องที่ใช้ทดลองเองก็ถูกสร้างมาเพื่อรับมือกกับการระเบิดแต่เพราะระเบิดนี่มีความรุนแรงกว่าปกติส่งผลผนังห้องไม่สามารถต้านทานได้ พอจูนได้ยินก็ทำหน้าซีดคล้ายชีวิตใกล้จะจบลงแต่พอหัวหน้าบอกว่าให้ย้ายไปทดลองยังตึกของทางการซึ่งเป็นห้องเดี่ยวไม่มีใครมากวนเธอก็ยิ้มกว้างจนแก้มปริ
“ขอบคุณมากค่ะหัวหน้า ถ้ารู้ว่าจะได้ห้องใหม่ฉันจะคงจะรีบระเบิดที่นี่ โอ๊ะ ไม่ใช่”จูนถึงกับรีบใช้มือตะครุบปากตัวเองเมื่อเผลอหลุดปากออกมา
“ฉันให้ห้องเธอทดลองก็จริงแต่ค่าเสียหายและซ่อมอาคารใหม่จะหักออกจากเงินเดือน20%ทุกเดือน”หัวหน้าไพลสันต์บอกด้วยใบหน้าจริงจัง
“...ค่ะ”จูนทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้ารับคำ
ถ้าเป็นผมทำคงเรียกเก็บค่าเสียหายอะไรไม่ได้หรอก
ก็ผมไม่ได้มีเงินเดือนเหมือนคนอื่นๆนี่นา
“พวกช่างซ่อมจะรีบมาจัดการซ่อมให้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่สภาพแบบนี้คงมาทำงานกันไม่ได้”ระหว่างพูดสายตาคมๆไล่มองรอบห้องซึ่งเต็มไปด้วยข้าวของถูกแรงปะทะจนละเนระนาดเกลื่อนเต็มพื้น นี่ยังไม่รวมแสงแดดที่ส่องจ้าลงมาจากบริเวณที่เปิดโล่ง
“แปลว่าพวกเราจะได้หยุดยาว?”แม็กรีบเอ่ยถามด้วยแววตาเป็นประกาย
“แบบนี้ต้องรีบบอกคนอื่น”จิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกระจายข่าวให้ทุกคนในหน่วยได้รู้
“หัวหน้ายังไม่ได้บอกว่าจะให้หยุดสักหน่อย”คำพูดของใบไธม์เรียกให้บรรยากาศรื่นเริงชะงักค้าง
อย่างที่ว่า...ผมยังไม่ได้ยินสักคำว่าจะให้หยุด
“ตามที่ไธม์บอก ฉันไม่ได้บอกว่าจะให้หยุดนะ”
“แต่พวกเราก็มาทำงานนี่ไม่ได้นี่ครับ”ซันรีบถามต่อด้วยใบหน้าเปี่ยมหวัง
“ยุคนี้การสื่อสารมันกว้างมาก ต่อให้ไม่ได้มารวมกันที่นี่แต่ก็สามารถแจกจ่ายงานได้ ใช่ไหมไธม์”หัวหน้าหันไปถามใบไธม์ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง
“ครับ ผมจะเป็นคนกระจายงานให้พวกเขาเอง ข้อมูลจะส่งให้ทางออนไลน์ถ้าจัดการคดีเสร็จก็ติดต่อมาแล้วอย่าลืมเขียนรายงานด้วยล่ะ”ใบไธม์ออธิบายให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน
“...ได้”ทุกคนขานรับด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจนัก
คงอยากหยุดยาวกันละมั้ง
ผมไม่เห็นจะอยากหยุดเลย
ถ้าหยุดก็ไม่เจอใบไธม์น่ะสิ
“ปัญหาเรื่องงานถือว่าจบ ที่เหลือคือปัญหาหลัก”หัวหน้าหน่วยพูดต่อ ดวงตาคมๆไล่มองตั้งแต่แม็กและมาหยุดอยู่ยังผมแล้วไม่ขยับออกไปไหนอีก
“ผมสินะ”จะบอกว่าปัญหาหลักคือผมก็คงใช่
ไม่แปลกใจเลย หากการทำงานไม่สามารถอยู่ในตัวตึกหรืออาคารแล้วนักโทษอย่างผมจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ
คำตอบนั้นแทบไม่ต้องถามกลับคำตอบก็สามารถเดาได้ไม่อยาก
คงไม่พ้นให้ผมกลับไปอยู่ในเรือนพิเศษที่3จนกว่าการซ่อมแซมจะเสร็จสิ้น ถ้าหากให้ลองประมาณการคงไม่ใช่ในอาทิตย์สองอาทิตย์หรอก นั่นหมายถึงผมจะต้องอยู่ในห้องขังไปเกือบเดือน
ผมไม่กลัวการกลับไปอยู่ในห้องขัง
ที่กลัวน่ะคืออการไม่ได้เจอใบไธม์ต่างหาก
ตอนนี้ผมมีเวลาประมาณ8ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นตามแต่ละวันที่ได้อยู่กับอีกฝ่าย แต่ถ้าอยู่ในห้องขังคงกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนคือประมาณ2อาทิตย์จะได้เจอครั้ง แถมยังไม่นานด้วย
ให้ตายสิ...ผมจะไม่ไหวเพราะแบบนี้แหละ
ให้ผมช่วยกลุ่มช่างซ่อมผนังกับอาคารได้ไหมจะได้เสร็จเร็ว
“ไธม์ เธอคิดว่ายังไงดี”
“ถ้าเป็นทางการต้องให้เขากลับไปอยู่เรือนจำก่อน”ใบไธม์ตอบหัวหน้า
“แต่พวกเราไม่ใช่ทางการ”รอยยิ้มมุมปากนั่นคล้ายกำลังจะมีความคิดบางอย่างอยู่ในหัว
สำหรับผมคิดว่าคนคนนี้อ่านยากอยู่ไม่น้อย เหมือนจะเผยทุกอย่างออกมาแต่ความจริงแล้วไม่ใช่ซึ่งทำให้ผมเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่
“หัวหน้าต้องการให้ทำยังไงครับ”ดูเหมือนใบไธม์เองยังไม่สามารถอ่านความต้องการของหัวหน้าออกจึงต้องถามต่อเพื่อขอคำอธิบาย
“อืม...นั่นสินะ ลองถามเจ้าตัวดูดีกว่า อยากให้ทำยังไงล่ะเมเกอร์”เขาไม่ยอมตอบคำถามแต่เปลี่ยนมาถามผมแทน
“...ผมมีสิทธิ์เลือกได้?”นี่ไม่ใช่คำกวนแต่อย่างใด ใครๆก็รู้กันว่าไม่มีที่ไหนให้นักโทษออกความคิดหรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องแบบนี้หรอก
สั่งมายังไงก็ต้องทำตาม
“แน่นอน หน่วยสืบสวนพิเศษไม่เหมือนหน่วยงานอื่น เมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยไมว่าจะเป็นใครก็มีสิทธิ์ออกความเห็นได้ทั้งนั้น”คำพูดเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ดีซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน
ความเท่าเทียม
ต่อให้เป็นนักโทษอย่างผมก็ตามงั้นเหรอ
ถ้าอยากรู้ว่าผมต้องการให้ทำยังไงก็จะบอกให้
“จะอยู่ที่นี่”ความหมายคือผมจะไม่กลับไป
ในเมื่อคำตอบของผมเป็นแบบนี้อยากรู้ว่าจะทำยังไงต่อ
“ได้ เพียงแค่ต้องมีคนคอยตามประกบไม่ก็ดูแล ในเมื่อห้องพักพังคงต้องให้ไปอยู่กับสักคนในหน่วยล่ะนะ ซันดีไหม...มีบ้านเป็นของตัวเองนี่”คำถามนั่นทำเอาผู้ถูกเอ่ยถึงอย่างซันถึงกับสะดุ้ง
“ไม่ๆ ไม่ไหวหรอก...เอ่อ ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้มาอยู่ด้วยหรอกนะ หัวหน้าก็รู้ว่าบ้านผมมีกันตั้ง8คน ถ้ามีมาเพิ่มอีกคงต้องให้นอนหน้าประตู”ซันรีบอธิบายพร้อมส่งสายตาขอโทษมาให้
ความจริงผมไม่ได้คิดมากอยู่แล้ว ใบไธม์เคยเล่าให้ฟังว่าบ้านซันเป็นครอบครัวใหญ่แต่ด้วยราคาบ้านที่พุ่งขึ้นสูงทำให้สามารถซื้อได้เพียงหน้าเดี่ยวสองชั้นขนาดไม่ใหญ่มาก นอกจากจะมีภรรยาและลูกอีก3คนยังมีแม่ของภรรยาและพ่อแม่ของตนเองมาอยู่ด้วย
ขืนมีผมเพิ่มเข้าไปคงต้องนอนหน้าประตูอย่างที่บอก
“งั้นแม็ก...ไม่ดีกว่า สกายเธอว่าไง”หัวหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษข้ามชื่อแม็กไปเพราะเป็นที่รู้กันดีว่าแต่ละคืนเขาจะไปค้างกับคนไม่ซ้ำหน้า
ไม่รู้ว่าเพราะต้องหาข้อมูลหรือไม่มีที่อยู่กันแน่
“ฉันเหรอคะ ความจริงก็ได้อยู่...ที่บ้านมีห้องว่างอยู่แต่มันคงดูไม่ดีเท่าไหร่”สกายตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดูเหมือนเธอจะเขินเอามากๆ
“หัวหน้าก็ให้เจ้าตัวเลือกเองเลยว่าอยากอยู่กับใคร เนอะ”จิวเสนอความเห็นขึ้นมา
“เป็นความคิดที่ดี ให้เธอเลือกเลยจะมาอยู่กับฉันก็ได้นะ”ทั้งคำพูดและใบหน้าของเขาที่อ่านยากตอนนี้กลับอ่านง่ายขึ้นมาทันตา สายตาคมๆกำลังทอประกายคล้ายดูละครตลก
แค่ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายเดาคำตอบผมได้อยู่แล้วแต่ยังมาแกล้งถาม
ไม่สิ ไม่ใช่แค่หัวหน้าแต่ทุกคนในหน่วยเองกำลังอมยิ้มพลางใช้สายตากรุ้มกริ้มมองมาทางผมแทนการสื่อความหมายว่า
พวกเรารู้นะว่านายจะเลือกไปอยู่กับใคร
ดูเหมือนทุกคนจะรู้ถึงความรู้สึกของผมที่มีต่อใบไธม์
ทุกคนรู้แต่ทำไมเจ้าตัวถึงไม่รู้เลยล่ะ
พอลองจีบด้วยคำหวานก็เอาแต่ทำหน้าเอือมใส่จนความมั่นใจผมติดลบแล้วเนี่ย
“ใบไธม์”
“อะไร”คนถูกเรียกหันกลับมาถาม
“ไม่ได้เรียกแต่เป็นคำตอบต่างหาก”คิ้วสองข้างที่ขมวดเข้าหากันแน่นราวกับกำลังประมวลคำพูดผมนั่นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา
“จะมาอยู่กับผม?”ใบไธม์ถึงกับทำตาโตเมื่อเข้าใจว่าผมต้องการจะสื่ออะไร
“อืม”ผมพยักหน้าตอบ
ทำไมถึงได้ทำหน้าตกใจราวกับคาดไม่ถึงแบบนั้นนะ
ดูหน้าของคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวสิ ทำหน้าเหมือนถูกหวยกันเป็นแถว
“...ห้องผมมีแค่เตียงเดียว ถ้าไปอยู่ด้วยมันจะอึดอัดพอดู”ยิ่งพูดแบบนั้นยิ่งทำให้อยากอยู่ด้วยเข้าไปใหญ่
“ไม่เป็นไรผมอยู่ได้”
“ต้องนอนพื้นนะ”
“ได้ไม่มีปัญหา คุณเป็นคนดูแลผมนะ ต้องให้ผมอยู่ในสายตาตลอดสิ”ผมพูดต่ออีกหน่อย
“สรุปก็ให้เบซิลไปอยู่กับเธอนะไธม์”หัวหน้าสรุปให้อีกรอบ
“...ครับ”ใบไธม์ขานรับด้วยน้ำเสียงปลงๆ
จากนั้นแต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านหรือห้องของตัวเอง ส่วนผมซ้อนท้ายใบไธม์มาถึงคอนโนกลางเมือง กะคร่าวๆสูงประมาณ7ชั้น เป็นคอนโดธรรมดาไม่ได้หรูหราหรือเก่าจนเกินไป เจ้าของห้องพาผมขึ้นมายังชั้น5และเปิดประตูห้องทางด้านในสุดของชั้น
ห้องขนาดกลางสามารถมองเห็นห้องครัวอยู่ด้านหน้าริมสุดในห้อง พอมองไปทางซ้ายมีตู้หนังสือกับเก้าอี้ตัวเล็กๆและตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่ ถัดไปคือเตียงขนาด5ฟุตอยู่ชิดริมผนังโดยอีกฝากมีระเบียงประตูกระจก ดูจากตรงนี้เห็นกระถางและต้นไม้พุ่มเขียวปลูกเรียวรายไว้อย่างเป็นระเบียบ เมื่อหน้าไปมองทางขวามีประตูอยู่ประตูนึงซึ่งถ้าให้เดาคงเป็นห้องน้ำ
ห้องของใบไธม์บ่งบอกได้ถึงการใช้ชีวิตอันเรียบง่ายเพราะไม่ได้มีอุปกรณ์หรือเครื่องมืออะไรมากมาย เฟอร์นิเจอร์เองก็มีน้อย คอมพิวเตอร์กับโทรทัศน์ผมยังไม่เห็นเลย ส่วนที่น่าสุดใจมากสุดในห้องคงไม่พ้นห้องครัวที่มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ เคาน์เตอร์สีเงินแลดูสะอาดสะอ้านเข้าชุดกับตู้เย็นและบาร์เล็กๆสำหรับนั่งกินข้าวได้อย่างดี
“ไม่มีเบาะรองด้วย ผ้านวมปูไปก่อนได้ไหม เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะออกไปซื้อเบาะให้”ใบไธม์พูดพลางเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเอาผ้านวลสีเขียวอ่อนออกมาปูข้างเตียง
“ให้ผมนอนบนเตียงกับคุณก็ได้นะ”ผมพูดติดตลก
“ผมไม่ให้นอนหน้าห้องน้ำก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“คุณไม่ให้ผมนอนหน้าห้องน้ำหรอก”ทำงานอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายเดือนทำไมผมจะไม่รู้นิสัยของอีกฝ่าย คำพูด น้ำเสียงที่แสดงว่าไม่ห่วงหรือไม่ใส่ใจแต่ท่าทางกลับแสดงออกคนละแบบ หลายครั้งที่ท่าทางกับคำพูดจะสลับกัน
ผมรู้ชัดๆเลยว่าเป็นคนใจดีและชอบเอาใจใส่
ปกติมีใครต้องมาหาอะไรอำนวยความสะดวกให้กับนักโทษที่ต้องมาคอยดูแลบ้างล่ะ ต่อให้ต้องนอนพื้นผมยังไม่มีสิทธิ์บ่นด้วยซ้ำ
“...ผมมีหมอนสองใบจะแบ่งให้อันนึง คุณติดหมอข้างไหม”ใบไธม์เบือนหน้าหนีเดินไปหยิบหมอนบนเตียงวางลงบนผ้านวมที่พึ่งปูเสร็จ
“ถ้าหมอนข้างเป็นใบไธม์ผมก็คงติด”
“ถือว่าผมไม่เคยพูดละกัน”
ถ้อยคำที่พยายามจีบหยอดดูเหมือนจะไม่ได้ผลอย่างที่คิด
ถ้าเป็นคนอื่นอย่างน้อยต้องแสดงท่าทางเขิน อายหรืออะไรก็ได้ไม่ใช่ทำหน้าเอือมปนระอาส่งมาแบบนี้
ทั้งจีบ ทั้งหยอดจนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว
หรือต้องพูดไปตรงๆว่าชอบถึงจะได้ผล
“ใบไธม์...”
“ในตู้มีแค่เต้าหู้กับผักบุ้ง ข้าวต้มกุ้ยกับผัดผักบุ้งโอเคไหม”ใบไธม์เปลี่ยนไปเปิดปตู้เย็นพร้อมหยิบของด้านในออกมา
“มีนมด้วย”ผมพึมพำเมื่อชะโงกหน้าเข้ามองภายในตู้เย็น ภายในนอกจากน้ำเปล่าแล้วยังมีนมบรรจุในขวดแก้ววางเรียงอยู่เป็นสิบขวด ชั้นล่างมีผักบุ้งวางอยู่หนึ่งกำ
พูดกันตรงๆคือค่อนข้างโล่งทีเดียวแถมไม่มีเนื้อสัตว์อะไรเลย
จะว่าไปเขาก็กินได้แค่พวกผักนี่นะ
“ผมกินได้หมด”
“ดีมาก งั้นล้างผักบุ้งให้หน่อย”ไม่พูดเปล่าผักบุ้งทั้งกำถูกยิ่นมาให้ตรงหน้า ผมไม่มีทางเลือกนอกจากรับแล้วเดินไปล้างยังซิ้งค์ข้างๆ
มื้อเย็นของพวกเราจึงเป็นอาหารง่ายๆอย่างข้าวต้มกุ้ยกับผัดผักบุ้งไฟแดงก่อนผมจะถูกผลักเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำด้านข้าง เสื้อผ้าผมกระจายไปกับระเบิดเลยจำต้องยืมเจ้าของห้องอย่างใบไธม์ใส่ชั่วคราว แม้จะใส่ได้แต่คับเล็กน้อย
(มีต่อค่ะ)