━╃ ♥ ☞ ★ ค น ใ น ใ จ ★ ☜ ♥ ╄━บทที่ 16 20/12/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ━╃ ♥ ☞ ★ ค น ใ น ใ จ ★ ☜ ♥ ╄━บทที่ 16 20/12/18  (อ่าน 10160 ครั้ง)

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 6

คนดี มิตรดี



ในช่วงเช้าใกล้สิ้นเดือนเป็นเช้าที่หม่นหมองสำหรับเขมทิวา เขาเหม่อมองเพดานห้องที่เริ่มเปลี่ยนสีด้วยความรู้สึกว่างเปล่า

ร่างโปร่งลุกไปหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาดูเงินที่เหลืออยู่แล้วถอนหายใจ มันก็เพียงพอที่จะจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าจิปาถะได้อยู่...

รวมถึงค่าเรียนพิเศษของเบ็ตตี้ด้วย

กลายเป็นว่าเดือนนี้เขาไม่มีเงินเก็บเลยสักบาท มันน่าอนาถใจซะจริง

เขมพับกระเป๋าตังค์ปิดแล้วยัดใส่เป้ตามเดิม ดวงตาที่หม่นหมองนั้นเมื่อเหลือบเห็นของที่วางกองอยู่ข้างโต๊ะแล้วก็เปร่งประกายสดใสขึ้นมา

ใช่แล้ว วันนี้แซนนัดจะพาน้องตะวันมาให้เขา!

น้องตะวันคือสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนสีขาวโอโม่ที่เพื่อนสาวสัญญาว่าจะให้ตอนนั้น เมื่อเธอไลน์มานัดสัดส่งตัว เขมก็ตื่นเต้นมาก มากถึงมากที่สุด

ถามว่ามากขนาดไหน...

ก็มากพอที่จะลากเทนนิสกับทัศน์ไปช่วยเลือกของสำหรับน้องตะวันเลยทันทีในเย็นวันนั้น ทั้งที่มีเงินติดกระเป๋าไม่ถึงห้าร้อยนั่นล่ะ ตอนนั้นเขมถึงขั้นจะไปเบิกเงินเก็บที่แบ่งเอาไว้ในแต่ละเดือนออกมาเลยถ้าทัศน์ไม่ห้ามเอาไว้แล้วหยิบแบงค์เทามาจ่ายให้ ซึ่งแน่นอนว่าคนขี้เกรงใจย่อมปฏิเสธแต่ก็โดนดักคออยู่ดี

มันเลยไปจบตรงที่เขมต้องไปทำหมูกะทะให้กับเพื่อนอีกสองคนกินแบบราชาในวันถัดมา... กินแบบราชาคือต้องทำให้ทุกอย่างตั้งแต่ไปซื้อของ (ซึ่งเป็นเงินของเทนนิส) ล้าง หั่น หมัก ทำน้ำจิ้ม และย่าง... พวกคือมีหน้าที่กินอย่างเดียว

สบายเยี่ยงราชาในหนังโบราณ

รอยยิ้มขบขันฉาบทับใบหน้ามนเมื่อนึกถึงภาพตอนที่เพื่อนทั้งสองเถียงกันเรื่องเบาะนอนของน้องตะวัน คนนึงจะเอาฟ้า คนนึงจะเอาแดง สุดท้ายเขาเลยเจอกันครึ่งทางซื้อสีม่วงมา

เขมออกจากห้องมาเดินทอดน่องไปมหาลัยเหมือนปกติ แวะซื้อของกินติดมือสักหน่อยแล้วพาตัวเองไปยังห้อวเรียบอันกว้างใหญ่ซึ่งมีกระดาษใบนึงแปะอยู่หน้าประตู

ยกคลาส...

คำสั้น ๆ ที่เจ็บปวดสำหรับนิสิตนักศึกษาที่แต่วตัวมาเตรียมเรียนแล้ว เขมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอพพริเคชั่นสื่อสารสีเขียวยอดฮิต ไช่ดํข้อความของกลุ่มคณะตั้งแม่วานซืนจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ไม่พบข้อความที่บอกว่าอาจารย์จะไม่มาสอนวันนี้

ความรู้สึกโดนเท... เป็นอย่างนี้นี่เอง

เขมยิ้มแห้ง ก่อนจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปป้ายติดประกาศหน้าห้องส่งเข้าไปในไลน์ ก่อนเปลี่ยนมาอัพสเตตัสในเฟสบุ๊ค



Kemtiwa Pitiakkarasin

ก็แค่คนโดนเทเดินเซมาทางนี้

ก็แค่คนโดนดี ก็แค่คนเสียใจ

ผมโดนทิ้งให้เวิ้งว้างอยู่หน้าห้องล่ะครับ #คนในใจ มาปลอบผมหน่อยสิครับ (TvT)/



(แนบรูปห้องที่ว่างเปล่า ปิดไฟ)



อัพเสร็จเขมก็เดินลากขาคอตกออกจากห้องที่แสนจะวังเวงมายืนโง่ ๆ อยู่แถวทางเดินพักใหญ่

“เขม”ทัศน์ที่อยู่ในชุดไปรเวทสาวเท้าเข้ามาหาเพื่อนที่ยังยืนมึนอยู่กลางทางเดิน “ไป กลับห้องไปเปลี่ยนชุด”

“เปลี่ยนชุด...”เขมทวนคำเพื่อนสนิทด้วยสมองว่างเปล่า ยังรู้สึกช็อคกับการโดนเทไม่หาย

“ไปรับน้องตะวันไง”คำว่าน้องตะวันดึงสติที่ล่องลอยไปไกลให้กลับเข้าร่างได้ในเสี้ยววินาที ทั้งยังเรียกรอยยิ้มสดใสให้ฉาบทับใบหน้ามนอีกด้วย

“น้องตะวัน?”เสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยคำถามดังขึ้นจากด้านข้าง ก่อนที่ร่างสูงโปรงของใครอีกคนจะเดินมา “น้องตะวันคืออะไรครับ”

“น้องปอมของผม”น้ำเสียงของเขมทิวาแฝงความโอ้อวดไว้เล็กน้อยอย่างน่าเอ็นดู “ผมจะไปรับน้องเข้าห้องวันนี้ล่ะ”

“งั้นเหรอ...”ต่ายหรี่ตามองคนที่มีท่าทีตื่นเต้น ดูจะมีความสุขออกนอกหน้าแล้วคลี่ยิ้มบาง “งั้นพี่ไปรับเป็นเพื่อน”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปกับเพื่อนก็ได้ พี่ไม่ต้องไปหรอก”เขมรีบปฏิเสธทันทีแบบไม่คิด แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเจื่อนลงของคนในใจ เขาก็หน้าซีดทันที เหมือนจะเผลอพูดจาตัดรอนความหวังดีของพี่เขาไปซะแล้ว “คือ ผมไม่อยากรบกวนน่ะครับ เผื่อพี่มีธุระที่ไหน”

“พี่ไม่ได้มีธุระหรอกครับ”เสียงที่ฟังดูหม่น ๆ ทำให้คนที่หลุดปากพูดจามะนาวไม่มีน้ำไปยิ่งรู้สึกผิด “พี่ตั้งใจจะมาชวนน้องเขมไปข้างนอกนิดหน่อย... แต่ถ้ามีธุระก็ไม่เป็นไร”

“มึงไปกับพี่เขาเหอะ”ทัศน์ตัดสินใจให้เอง เขายกยิ้มให้เพื่อนที่หันมามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “จริง ๆ กูแต่จะมารับมึงไปส่งที่บ้านแซนแล้วไปทำธุระต่อ ส่วนไปนิสไปกับสาวแล้ว”

“อา...”เขมกระพริบตาปริบ ๆ มองเพื่อนที่กำลังจะเทเขา นี่เขากำลังโดนเทรอบสองของวันใช่ไหม... “งั้นผมต้องขอรบกวนพี่ต่ายหน่อยนะครับ”

อันที่จริงจะให้เขาขึ้นรถเมล์ไปหาแซนก็ได้ แต่เขาไม่อยากที่จะพาน้องปอมในฝันของเขาขึ้นรถสาธารณะเลยสักนิด

เขากลัวน้องโดนฝุ่นแล้วจะไม่สบาย...

”เดี๋ยวพี่พาน้องเขมไปเปลี่ยนชุดก่อน แล้วเราค่อยไปกันนะครับ”สีหน้าหงอย ๆ ของคนที่โดนปฏิเสธหายวับไปในเวลาไม่ถึงสิบวินาที ราวกับว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวไม่ได้ทำหน้าเซื่องซึมมาก่อนเลย

“ครับ”เขมส่งยิ้มหวานให้กับสารถีประจำวันนี้ เขายื่นมือไปวางบนมือที่ยื่นมาตรงหน้าเขาอย่างเต็มใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะก้าวเดินออกไปพร้อมกัน

ทัศน์มองภาพหวานไล่หลังไปด้วยสายตาว่างเปล่า หูแดง ๆ ของเพื่อนสนิทนั่นมันทำให้เขาพอจะคาดเดาอะไรออกมาได้นิดหน่อย

ความรู้สึกขมในอกพลันตีพุ่งขึ้นมาเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ข้อนั้น หยุด อย่าตีโพยตีพาย เขาไม่ได้รังเกียจถ้าเพื่อนจะรักขอบเพศเดียวกัน

แต่!!

อนาคตการเป็นไม้กันหมานี่ มันดูจะไม่สนุกเอาซะเลย

ทัศน์ขอยา!!!



รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นคันไม่ใหญ่แต่ภายในกว้างขวางจอดอยู่ในบริเวณที่จอดรถของมหาลัย เขมจับจ้องเจ้ารถสีดำคันเงาวับตาเขม็ง

ถ้าดูเผิน ๆ ก็เป็นรถราคาไม่กี่แสนที่วิ่งบนท้องถนนธรรมดาคันนึงที่ได้รับการเอาใจใส่จากเจ้าของเป็นอย่างดี แต่ไอ้ป้ายทะเบียนรถกับแม๊กล้อทั้งสี่นี่สิ

“มองอะไรขนาดนั้นครับ”มือร้อนแปะเอาที่หัวทุยพร้อมออกแรงขยี้เส้นผมนุ่ม ๆ นั่นอย่างมันส์มือ “ขึ้นรถเร็ว”

เขมเปิดประตูรถเข้าไปนั่งโดยดี ตาเหลือบมองคนขับรถที่ดูจะอารมณ์ดีไม่ยอก

“คราวก่อนไม่ใช่รถคันนี้นี่ครับ”เขมยิ้มขำส่งให้รุ่นพี่ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ป้ายทะเบียนก็ไม่ใช่ด้วย”

“จะแซวรถพี่ก็ไม่ต้องมาอ้อมโลกเลย”รณกฤตปล่อยมือข้างนึงจากพวงมาลัยมาผลักหัวน้องร่วมมหาลัยที่กำลังหัวเราะจนตาหยี “คันนั้นเขาให้มาใช้แทนตอนพี่เอาคันนี้เข้าศูนย์เหอะ”

“อ้อออออออ”เสียงที่ลากยาวทำให้คนฟังหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “งั้นเหรอครับ”

“...”ต่ายเหล่มองคนที่นั่งยิ้มไม่พอ ยังแกว่งเท้าเล่นอย่างสนุกสนานเหมือนเด็ก ๆ ด้วย

เขมทิวาหันมามองใบหน้าคมที่เบือนมามองเขา เลิกคิ้วเชิงถามข้างนึงซึ่งดูไปแล้วอาจจะกำลังกวนคนตรงหน้าอยู่ก็ได้ ต่ายกระตุกยิ้มมุมปากส่งให้ใจเขากระตุกวูบ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกจู่โจมซะก่อน

มืออุ่นคว้ามือของเขมมาวางไว้บนเกียร์ และวางมือของตนเองกุมเอาไว้ด้านบนโดยไม่พูดอะไร

ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างมองคนที่ดึงมือเขาไปยึดเอาไว้เฉยเลย แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะดึงมือออก

ก็... มือของพี่ต่ายมันอุ่นดี

แก้มใสแดงเรื่อ เขมหันหน้าไปมองทางกระจกไม่กล้ามันไปมองหน้าอีกฝ่าย และอีกอย่างก็ไม่อยากให้รุ่นพี่เห็นด้วยว่าเขากำลังเขิน...

แต่เขาลืมคิดไปว่า นอกจากแก้มจะแดงแล้ว หูเขาก็แดงด้วยเหมือนกัน...

ดวงตาคมสีเขมเหลือบมองคนที่เงียบไปยิ้ม ๆ เขาเองก็ไม่คิดจะเอ่ยแซวอะไรให้บรรยากาศดี ๆ ตอนนี้เสียไป

ขับรถไม่นานก็มาถึงหอพักขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่เขมทิวาเช่าอยู่ รณกฤตมองความมีอายุของตึกแห่งนี้ที่บ่งบอกด้วยสีกำแพงยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไรออกมา และเขาเลือกที่จะนั่งรอรุ่นน้องที่กำลังสับขาหลอกไปเปลี่ยนชุดอยู่บนรถ ไม่ลงไปด้วย

ไม่ใช่ว่ารังเกียจ แต่เขาไม่อยากรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของน้อง โดยเฉพาะตอนนี้

แล้วอีกอย่าง... เขามีเรื่องที่จะต้องทำด้วย

ต่ายหยิบมือถือขึ้นมาส่งไลน์ออกไปรัวหลายข้อความ ก่อนจะรีบเก็บลงกระเป๋า เขานั่งเคาะพวงมาลัยรอคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่พักนึง

หลาย ๆเรื่องที่เขาได้เห็น ได้รับรู้ มันทำให้เขารู้สึกว่าโลกนี้ยังมีความยุติธรรมไม่พอเหมือนกันนะ

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะกระจกดังขึ้นดึงสติที่หลุดเข้าไปในภวังค์ให้กลับเข้าร่าง ต่ายหันไปมองคนเคาะแล้วกดเปิดล็อกประตูรถให้คนที่เขารออยู่ขึ้นมานั่งคาดเข็มขัดก่อนออกตัว

“มีเหม่อนะครับ”เขมหันไปหยอกคนขับรถส่วนตัวขำ ๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แค่คำแซวที่พูดไปนั้นก็ทำให้อีกคนดึงมือเขาไปกุมไว้แล้ว

ทำไมรู้สึกเหมือนถูกจับได้เลยว่าจุดอ่อนของเขาคืออะไร ไม่สิ ไม่ได้เรียกว่าจุดอ่อน... มันต้องเรียกว่า...

จุดเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย

เขมปล่อยให้ต่ายกุมมืออยู่แบบนั้น เขาหันเหความสนใจมาอยู่ที่การชี้บอกทางไปบ้านเพื่อนสาวเพื่อไม่ให้ตัวเองออกอาการเขินมากนักซึ่งมันก็พอจะได้ผลอยู่

ถ้าพี่ต่ายไม่เอานิ้วมาเขี่ยหลังมือเขาเล่น!!!

สัมผัสอุ่น ๆ ที่แผ่วเขานี่ทำให้ความร้อนในร่างกายเขาเหมือนจะค่อย ๆ มากองรวมกันที่ช่วงท้องก่อนจะแตกกระจายราวกับลมปรานที่แผ่นซ่าน

ในจุดนี้เขมได้แต่ภาวนาในใจว่า ได้โปรดอย่าขยายขึ้นมาให้ขายหน้าเลยนะเด็กดี

ระยะทางจากมหาลัยไปยังบ้านของแซนนั้นไม่ถือว่าใกล้ แต่ก็ไม่ถึงกับไกล ประกอบกับจำนวนรถที่ไม่หนาแน่นเท่าไหร่นักมันก็ทำให้ไปถุงจุดหมายได้ในไม่ช้า

แค่เกือบสองชั่วโมง... สาธุ การจราจรในเมืองเถอะ

“อ้าว มาไวจัง”สาวสวยในชุดสบาย ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะสบายมากไปสักหน่อยเดินออกมาเปิดประตูให้เพื่อน “ไม่ได้มากับทีศน์หรอกเหรอเนี่ย”

“ทัศน์มีธุระ พี่เขาเลยพามาแทนน่ะ”เขมส่งยิ้มในเพื่อน แต่สายตาสอดส่องมองหาเจ้าตัวเล็กที่จะไปอยู่กับเขา

“อยู่ในบ้าน ไม่ต้องมามองหาเลย”แซนส่ายหน้าให้กับความตื่นเต้นเป็นเด็กของใครบางคน ก่อนจะส่งยิ้มรับอขกให้คนคุ้นหน้าแต่ไม่คุ้นเคย “ตามมาทางนี้นะคะ”

บ้านของแซนเป็นบ้านสองชั้นขนาดกลางที่มีพื้นหญ้าให้เด็ก ๆ ที่รักได้วิ่งเล่น ข้างในด็จะติดโล่ง ๆ ให้น้องหมาได้วิ่งเล่นเช่นกัน

“อะ เด็กคนนี้ของนาย”ลูกปอมสีขาวสำลีถูกส่งให้เจ้าของใหม่ได้อุ้ม “ตั้งชื่อน้องเอาไว้หรือยังล่ะ”

“ตั้งแล้ว”เขมยิ้มหวานให้กับก้อนขนนุ่มในอ้อมแขนที่กำลังขยับหัวเล็ก ๆ ของมันไแตามมือของต่าย “น้องตะวัน”

“น้องตะวัน??”แซนทวนชื่อของเจ้าหมาน้อยอีกครั้งด้วยความสงสัย

“ ใช่ น้องตะวันเพราะน้องจะมาเป็นแสงตะวันส่องสว่างให้กับเรา”คำตอบที่ได้รับนั้นคลายข้อกังขาในใจของเพื่อนไปจนหมด “ขอบคุณนะ”

“อื้อ”สาวสวยคนเดียวในห้องยิ้มรับ มือเรียวเล็กยื่นมาลูบหัวเจ้าตัวน้อยเบา ๆ “ไปอยู่บ้านใหม่แล้ว ไม่ดื้อนะคะ น้องตะวัน”

เขมกับแซนคุยกันอยู่พักใหญ่ ส่วนคนที่โตกว่านั้นก็ไปนั่งเล่นกับเจ้าก้อนขนตัวอื่น ๆ ที่ดูจะชื่นชอบเขาไม่น้อยเลย

กว่าที่สองเพื่อนซี้จะคุยกันจบ ตักของรณกฤตก็มีก้อนขนสีขาวดำยึดครองไปเรียบร้อยแล้ว

“ดูท่าแฟนนายจะเป็นที่รักของสัตว์นะ”เสียงหวานกระซิบเบา ๆ แต่ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในหัวใจเพื่อนอย่างมาก “ต้องเป็นคนอบอุ่นแน่ ๆ”

“ไม่ใช่แฟนสักหน่อย...”อนาคตก็แอบหวังอยู่ เป็นคำต่อท้ายที่ไม่กล้าพูดออกมา “แต่เป็นคนอบอุ่นจริง ๆ นั่นแหละ”

“หึหึ”แซนหัวเราะอย่างมีเลศนัย แต่ไม่พูดอะไรต่อ รอดูไปดีกว่า “ไป ๆ กลับไปได้แล้ว ก่อนที่รุ่นพี่เขาจะเอาเด็ก ๆ เรากลับไปหมด”

“พี่ไม่ขโมยน้อง ๆ ไปหรอกครับ”ต่ายที่ไร้บทบาทมาพักใหญ่เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่พาใจละลาย “แต่ถ้าน้อง ๆ ตะไปกับพี่เอง อันนี้ไม่รู้ด้วยนะ”

“รีบพารุ่นพี่นายกลับไปทางที่มาเลย เขมมิวา!”แซนผู้เกิดอาการหวงน้องหมาและห่วงสวัสดิภาพของหัวตัวเองขึ้นมารีบไล่เพื่อนไป ขืนเด็ก ๆ หายไปเกินกว่าที่บอกไว้ เธอได้โดนเหล่าผู้ปกครองของเจ้าพวกนี้ทุบหัวแบะดับอนาถแน่

“โอเค ๆ ไปละ ไว้เจอกันนะ”เขมค่อย ๆ ลุกขึ้นพร้อมอุ้มน้องตะวันไว้แนบอก “ไปกันเถอะครับ พี่ต่าย”

“ไปแล้วนะครับเด็ก ๆ”ต่ายอุ้มน้อมหมาขึ้นมาหอมที่หัวทีละตัวก่อนจะลุกขึ้นเดินนำไปยังรถที่จอดขวางประตูบ้านไว้ “ไปก่อนนะครับน้องแซน”

“บ๊ายบายค่ะ”แซนรีบปิดประตูบ้านทันทีที่สองหนุ่มก้าวออกไป ก่อนที่พวกแรดตาใสจะวิ่งโดยกันไปขึ้นรถด้วย “ไป เข้าบ้าน พวกนี้นิทรยศกันได้ไง”

ต่ายกับเขมมองหญิงสาวที่ต้องหมาเข้าบ้านยิ้ม ๆ ก่อนจะเคลื่อนตัวจากไปพร้อมสมาชิกใหม่ตัวพองขน

“แล้วนี่จะพาตะวันไปอยู่หอก่อนค่อยออกมาทำงานเหรอ”เมื่อขับรถมาได้ครึ่งทาง ต่ายก็เอ่ยปากถามขึ้น

“คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”ถึงจะไม่อยากปล่อยเจ้าตัวน้อยไว้เพียงลำพัง แต่เขาก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงมันก่อน ทำไงได้

“ให้พี่พากลับไปคอนโดพี่ก่อนไหม น้องเขมเลิกงานแล้วเดี๋ยวพี่พาตะวันมาส่งพร้อมรับน้องไปส่งหอเลย”ต่ายเสนอตัวที่จะดูแลหมาน้อยให้อย่างไม่รังเกียจ

“มันจะเป็นการรบกวนพี่น่ะสิครับ”แต่เขมทิวายังคงเป็นเขมทิวา เขาเกรงใจที่จะรบกวนคนในใจเขาอย่างมาก “แล้วพรุ่งนี้พี่ก็มีเรียนด้วย”

“พี่เรียนบ่าย เรื่องแค่นี้สบายมาก”คนเป็นพี่ยิ้มบางออกมา ก่อนจะพูดต่อ “ห้องพี่ก็เลี้ยงกระต่ายไว้ตัว ตะวันจะได้มีเพื่อนไง”

“น้องกระต่ายเหรอครับ”ดวงตาคู่นั้นเปร่งประกายระยับเมื่อได้รู้ข้อมูลใหม่ “น้องชื่ออะไรครับ”

“คุณมณี มาจากเพชรมณี”เจ้าของกระต่ายตอบอย่างอารมณ์ดี “ถ้าอยากเจอ เอาไว้พี่จะพาไปเจอที่ห้องนะ”

“สัญญาแล้วนะครับ”มือเรียวยื่นไปจับมือที่กุมเกียร์รถไว้ ลืมความเขินยามจับมือของคนในใจไปสนิท

“ครับ พี่สัญญา”เสียงทุ้มที่แทรกเข้ามาในใจของคนเป็นน้องให้ความรู้สึดราวกับว่าคำนั้นไม่ใช่คำตอบของประโยคที่เขาพูดก่อนหน้า “และพี่จะไม่ผิดสัญญา”

รณกฤตพลิกมือขึ้นมากุมมือเย็บเอาไว้แทน ทำให้เขมได้รู้สึกตัวว่าเขาเป็นคนจับมือของอีกฝ่ายก่อน... ทำเอาหน้าเขาเห่อร้อยขึ้นมาอีดครั้ง

คราวนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมา เขมทิวาเลยหันความสนใจมายังลูกหมาตัวน้อยที่นอนอยู่บนตักเขาแทน

การขับรถกลับมายังแถวมหาลัยใช้เวลานานกว่าขาไปไม่น้อย เพราะจำนวนรถที่มากขึ้นทำให้การจราตรที่ไม่ค่อยจะคล่องตัวอยู่แล้ว ติดหนักกว่าเดิม แต่ก็มาถึงทันก่อนเวลาเปิดร้านข้าวต้มของเจ๊สวยล่ะ

“ผมฝากน้องตะวันด้วยนะครับ”เขมอุ้มก้อนขนสีขาวส่งให้กับรุ่นพี่ที่สนิทขึ้นมาเรื่อย ๆ จะทำให้เขาแอบหวังในใจในบางเรื่องอยู่อย่างอดไม่ได้ “เป็นเด็กดีนะคะ น้องตะวันพี่ไปทำงานก่อนนะ”

เขมเปิดประตูรถออกกำลังจะก้าวขาลงไป ยังไม่ทันที่จะได้ขยับตัวออกจากรถไปยืนดี เงาสีดำก็ขยับเข้ามาบังแสงที่ส่องมาซะก่อน

“พี่เขม!!!!”




@@@@@@@@@



มาต่อแล้วค้าาา

ต้องเดาคนที่มายืนจังก้าหน้าน้องเขมไหมคะเนี่ย 555



พี่ต่ายน่ารักใช่ม้าา ตอนนี้(ถึงจะสู้น้องเขมไม่ได้ก็เหอะ)



ฝาก #คนในใจ ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ



รักกกก

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
น้องสาวมาเอาเงินแล้วซิ

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
คุณน้องสาวอย่ามาทำให้เรารำคาญนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 7
แสงสว่างของเขมทิวา

”พี่เขม!!!”เสียงแหลมร้องเรียกคนที่เปิดรถลงมาลั่น ดวงตาหวานด้วยคอนแทคเลนส์สีอ่อนถลึงมองคนเป็นพี่ด้วยความโกรธ “ทำไมพี่โกหกหนู”

“เบ็ตตี้...”เขมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนเห็นน้องสาวต่างแม่มายืนเท้าเอวขึ้นเสียงในเขาตรงหน้า “เบ็ตตี้มีอะไรครับ”

“พี่สัญญาว่าสิ้นเดือนจะโอนเงินให้หนู”ใบหน้าที่มอง ๆ ดูก็น่ารักดีนั้นบูดบึ้ง เสียงที่พูดออกมาก็กังลั่นอย่างไม่เกรงใจใคร “สิ้นเดือนแล้วพี่ก็ไม่โอนให้ คนขี้โกหก”

ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองสาวน้อยที่กำลังโวยวายใส่ตนด้วยสายตาเรียบเฉย  เขาเหนื่อยใจมากเกินพอที่จะพูดอะไรออกไปกับคนที่ไม่คิดจะฟัง

บางทีเขาอาจจะตามใจน้องสาวคนนี้มากเกินไป

“พี่เคยไม่ให้อะไรเบ็ตตี้ด้วยเหรอครับ”เขมเอ่ยขึ้นหลังจากสาวเจ้าเงียบเสียงลงไปพักหนึ่ง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่มองน้องสาวที่เขารักด้วยความผิดหวัง “ตั้งแต่เล็กจนโต อะไรที่เบ็ตตี้อยากได้ เคยไม่ได้ด้วยเหรอครับ”

“มีตั้งหลายอย่างที่พี่ได้ไป แต่หนูได้แค่มองมัน”เบ็ตตี้เถียงกลับเสียงแข็ง เธอได้ทุกอย่างจากผู้เป็นแม่ก็จริง แต่กับทั้งคุณย่าและคุณพ่อ พี่ชายงี่เง่าน่ารังเกียจของเธอกลับได้อะไรจากพวกเขาไปมากมาย โดยเฉพาะช่วงผลสอบออก “หนูไม่อยากโดนเปรียบเทียบกับพี่ เรื่องแค่นี้พี่ก็ให้หนูไม่ได้”

เขมขยับตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปิดประตูรถไป ใจของเขาเริ่มแกว่งเมื่อสายตาคนโดยรอยเริ่มมองมาที่เขากับน้องสาว

“เบ็ตตี้ พี่ว่าเราไปหาที่คุยกันดีกว่าครับ”เขมแย้มรอยยิ้มบางเบาก่อนจะยื่นมือไปหาสาวน้อยที่ยังคงสีหน้าบึ้งตึงตรงหน้า

“หนูไม่ไป”เด็กสาวปัดมือที่ยื่นมาหาเธอออกไปอย่างไม่ใยดี “ทำไม พี่อายเหรอไง คนขี้โกหกอย่างพี่อายเป็นด้วยหรือไง”

เขมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่อยากให้คนมองน้องสาวเขาไม่ดี ไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าเป็นเด็กก้าวร้าวเอาแต่ใจ แต่เหมือนน้องสาวคนดีนั้นไม่คิดที่จะเข้าใจเขาเลย ไม่แม้แต่จะทำความเข้าใจสักนิด

“ไปครับ เบ็ตตี้ เราไปคุยกันที่อื่น”เขมยังคงคำพูดเดิมไม่เปลี่ยน เขาพยายามส่งสายตาให้คนเป็นน้องมองรอบข้างที่เริ่มหันความสนใจมาที่พวกเขากันเรื่อย ๆ

“หนูบอกว่าไม่ไปไง”เจ้าหล่อนตวาดกลับเสียงลั่น “หนูไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมหนูต้องหาที่คุยลับตาคนด้วย”

“เบ็ตตี้ พี่บอกว่าไปคุยที่อื่น”เสียงที่นุ่มนวลกระด้างขึ้นเมื่อสาวน้อยตรงหน้ายังไม่คิดจะเอะใจฟังคำของเขา

“ไม่!!”เธอยังคงตอบกลับพี่ชายคำเดิมด้วยเสียงที่ดังขึ้นไปอีก

“พี่ว่าไม่ต้องพูดอะไรแล้วดีกว่าครับน้องเขม”ต่ายที่ลงมาจากรถเมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยขัดขึ้น ดวงตาสีดำคู่นั้นมองเด็กสาวที่ดูจะมั่นใจในความคิดตัวเองซะเหลือเกินด้วยแววตาว่างเปล่า “เห็นอยู่ว่าเขาไม่ฟังน้องหรอก”

เบ็ตตี้ตวัดสายตามองคนที่เข้ามาสอดเรื่องระหว่างเธอกับพี่ชาย ดวงตาคู่เรียวสวยนั้นหรี่มองคนที่เดินเข้ามาใกล้แล้วกระตุกยิ้มหยัน

“เหอะ”สาวเจ้าแค่นเสียงขึ้นจมูกแล้วเชิดหน้ามองคนที่มาเจ๋อเรื่องของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต “พี่ก็หน้าตาดีนะคะ แต่ไม่น่าตา... มาเลือกคนของพี่เขมเป็นแฟนเลย จะเป็นเกย์ทั้งทียังจะเป็นเกย์เสียชาติเกิดอีก”

“พี่คิดว่าการที่พี่สนใจใคร รักใคร ชอบใคร จะเป็นแฟนกับใคร มันก็เป็นเรื่องของพี่นะครับ”เสียงทุ้มชวนฝันเอ่ยออกมานิ่ม ๆ พร้อมรอยยิ้มบาง “ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมาขอความเห็นของน้อง จริงไหม”

มันแปลง่าย ๆ ว่าอย่าเสือก เจ้าชายก็พูดซะยาวเลย

ใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางยี่ห้อดังบิดเบี้ยวไม่น่าดู เจ้าหล่อนถลึงตามองคนที่ฉีกหน้าเธอด้วยความโกรธเกรี้ยว

“พวกเกย์สกปรก เข้าข้างกันไปสิ”คำพูดที่พ่นออกมาจากเรียวปากบางนั้นทำให้คนจำนวนไม่น้อยหันมาให้ความสนใจมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็ทำให้สีหน้าของพี่ชายต่างแม่ของเธอเปลี่ยนสีได้ “น่าขยะแขยง”

“พอแล้ว เบ็ตตี้”น้ำเสียงของเขมทิวาแฝงความเครียดขึงเช่นเดียวกับแววตา เขาไม่รู้ว่าเบ็ตตี้ได้รับการฝังหัวมาจากใคร แต่เพศทางเลือกไม่ใช่สิ่งที่ผิด และไม่ได้น่ารังเกียจ

ยังไม่ทันที่เบ็ตตี้จะโต้อะไรกลับมาอีก เสียงหม้อกระทบพื้นก็ดังขึ้น โดยที่เจ้าหม้อนั่นกระดอนอยู่ที่พื้นตรงหน้านี่เอง

“นี่ แม่เพชรน้ำหนึ่ง”คนสวยประจำร้านข้าวต้มเท้าเอวเอาทัพพีชี้หน้าสาวแท้ที่หน้าเริ่มซีดลง “หล่อนจะมารีดไถคนดี ๆ หน้าร้านฉันเพื่อ?? หน้าไม่อาย”

“รีดไถอะไร”เบ็ตตี้รวบรวมความกล้าโต้เถียงกลับไป “มันสัญญาว่าจะให้เอง แต่ก็เป็นไง โกหกไง คนกลับกลอกแบบนี้เรียกคนดีหรือไง”

“โอ้ยยย แม่หนูคนงาม แม่นางฟ้านางสวรรค์ หล่อนมาจี้ขอเงินพี่ชายที่เช้าต้องเรียน บ่ายทำกิจกรรม เย็นมาทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ค่าหอ ค่ากินอยู่ ค่าไฟ ค่าข้าวก็ต้องจ่ายเอง ไม่เรียกว่ารีดไถจะให้เรียกอะไรยะ”นะ ลูกชายใจสาวของเจ้สวยก้าวฉับ ๆ มายืนจังก้าอยู่ข้าง ๆ สาวน้อยที่เขาหมั่นไส้อย่างแรงกล้า “อ้อ ต้องเรียกว่ามาขอส่วนบุญสินะ”

“แก!!!”เด็กน้อยที่ถูกเลี้ยงดูมาราวกับไข่ในหินมีหรือจะสู้ลูกแม่ค้าที่ถูกเลี้ยงมาด้วยลำแข้งได้ “ไอ้กระเทยโรคจิต”

“ต๊าย ด่าได้แค่นี้หรือยะหล่อน นี่ แม่เพชรน้ำหนึ่ง พ่อแม่หล่อนไม่ให้เงินค่าขนมหรือไงยะ ถึงแบกหีเหม็นเน่านี่มาขอพี่ชายถึงนี่น่ะ”ดวงตาเรียวที่กรีดอายไลน์เนอร์เสียจนคมกริบหลุบมองกระโปรงนักเรียนสีกรมที่ถูกพับจนสั้นเกินงามแล้วถอนหายใจเฮือก
“เสียแรงที่เรียนโรงเรียนดี ๆ ซะจริง”

“พี่นะ พอเถอะครับ”เขมที่ทนเห็นน้องสาวถูกด่าว่าไปมากกว่านี้ไม่ได้ก้าวเข้าโอบน้องเอาไว้ในอ้อมแขน “เบ็ตตี้ยังเด็ก อาจจะไม่เข้าใจอะไรหลายอย่างไปบ้าง แต่เขาไม่ใช่เด็กที่เลวร้ายนะครับ”

เมื่อมีที่พึ่ง เด็กน้อยที่ทำตัวอวดเก่งก็ซุกตัวไปในอ้อมแขนของพี่ชายหลบหน้าซุกเข้าหาที่กำบังอันยิ่งใหญ่ของเธอ แม้ว่าก่อนหน้านี่เธอจะด่าว่าคน ๆ นี้เสีย ๆ หาย ๆ มาไม่น้อย

”พี่กดเงินมาเตรียมไว้ให้เบ็ตตี้แล้วนะคะ”เขมเอ่ยกับน้องสาวที่ขอบตาแดงเรื่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “รีบกลับบ้านนะคะ เดี๋ยวมืดมากแล้วคุณน้าจะเป็นห่วงเอา”

เขมทิวาส่งเงินที่หยิบออกมาให้น้องด้วยรอยยิ้ม เบ็ตตี้เองก็รู้แล้วว่าพี่ชายของเธอหายเคืองแล้ว ถึงกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่เขาพูดกับเธอเสมอ

“ค่ะ...”มือเล็กรับเงินมาแล้วกอดคนเป็นพี่แน่น ๆ ไปอีกที “ขอบคุณนะคะพี่”

“เบ็ตตี้ครับ”เสียงของคนที่ยืนเงียบมาพักใหญ่เอ่ยขึ้นแหวกความเงียบ เขามองพี่น้องที่ยืนกอดกันกลมด้วยความเฉยชา “น้องรู้ไหมว่าทำไมพี่ชายของน้องถึงห้ามไม่ให้น้องพูด ให้ไปคุยกันที่อื่น”

“...”ความเงียบคือคำตอบที่รณกฤตคาดเอาไว้แล้ว และไม่แปลกใจที่จะได้รับมันมา

“เพราะพี่ชายของน้องต้องการปกป้องน้องไงครับ อยากให้น้องเป็นเด็กที่น่ารักในสายตาทุกคน ไม่อยากให้ใครมาว่า มาคิดลบกับน้อง แต่น้องไม่เคยเห็นค่าของมัน”น้ำเสียงที่สั่งสอนเด็กสาวนั้นถึงจะเรียบเฉย แต่ก็นุ่มนวลไม่แฝงแววตำหนิเอาไว้ “เก็บไปคิดนะครับว่าคำพูดที่น้องสาดออกมามันดีแล้วใช่ไหม แต่พี่ของบอกไว้เลย การพูดกล่าวหาคนอื่นในที่สาธารณะไม่ได้ทำให้น้องดูเท่ ดูน่านับถือหรอกนะครับ”

เบ็ตตี้เหลือบตามองเขมที่ยังคงยิ้มให้เธออย่างอบอุ่นไม่เปลี่ยน ก่อนจะผละออกไปซ้อนมอ’ไซค์ของเพื่อนที่จอดรออยู่ไม่ห่าง

“กลับดี ๆ นะคะ เบ็ตตี้”เขมทิวามองตามหลังน้องสาวไปจนลับสายตาก่อนจะหลังมาก้มหัวลงขอโทษทุกคน “ต้องขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ”

“เขม”เสียงของหญิงวัยกลางคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือเขาดังขึ้นจากหน้าร้าน “เลิกงานวันนี้ เจ้ว่าเราคงต้องคุยกัน”

“ครับ”เขมตอบรับเสียงเบา ก่อนจะหันไปหารุ่นพี่ที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่งอยู่ไม่ไกล “ฝากน้องตะวันด้วยนะครับ”

“เดี๋ยวห้าทุ่มครึ่งพี่มารับ”ต่ายส่งยิ้มมุมปากให้คนที่ทำหน้าจ๋อย สายตามองคาดโทษเอาไว้ แต่เขาจะยังไม่พูดอะไร
ให้ผู้ใหญ่พูดน่าจะดีกว่า

“หนุ่มมาตอนห้าทุ่ม”ยังไม่ทันที่รณกฤตจะเปิดประตูกลับขึ้นรถ เสียงของเจ้สวยก็แทรกขึ้นมาก่อน “วันนี้เจ้จะปิดร้านเร็ว อบรมเด็กโง่สักหน่อย”

คำว่า ‘โง่’ กระแทกเต็มหน้าเขมทิวาที่ยิ้มแห้งพูดอะไรไม่ออกอยู่ตรงกลาง

“ได้ครับ ผมจะมาให้ตรงเวลา”รอยยิ้มเย็นถูกส่งให้ก่อนร่างสูงจะพาตัวขึ้นรถแล้วขับออกไปพร้อมลูกหมาน้อย

ต่ายมองข้าวหลังผ่านกระจกหน้า เมื่อเขาพาตัวเองมาห่างจากระยะสายตาของเขมที่มองตรงมาไม่ขาดแล้วก็ตบไฟเลี้ยวจอดข้างทาง มือขวาควานหามือถือที่หย่อนเอาไว้ในกระเป๋าเพื่อนโทรหาใครคนหนึ่ง ส่วนมือซ้ายกันเอื้อมไปเกาหัวเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบนอนเป็นพิเศษ

“คุณน้าครับ...”รณกฤตบอกเล่าเรื่องราวบางอ่านผ่านสายโทรศัพท์ไปให้คนปลายสายได้ฟังหลังจากที่คน ๆ นั้นขานรับในสาย “จะปล่อยไว้อย่างนี้จริง ๆ เหรอครับ”

“มันคงใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ...”เสียงจากปลายสายตอบรับมาแผ่วเขา น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแฝงอารมณ์หลากหลายจะยากจะกล่าว “ขอบใจนะ ต่าย”

“ครับ”


การทำงานภายใต้การคาดโทษของคนในใจและผู้มีพระคุณนั้นทำให้รอยยิ้มที่เจิดจ้าของเจ้าตัวหม่นลงไปบ้าง แต่ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่รู้...

“น้องเขมเครียดอะไรเหรอคะ”สาวสวยขาประจำเอ่ยทักขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มเอาข้างต้มร้อน ๆ มาเสิร์ฟ “วันนี้ดูหน้าเศร้า ๆ นะคะ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”เขายกยิ้มให้กว้างขึ้น หมายมั่นจะกลบความรู้สึกในใจให้ได้

“ยิ้มแต่ปาก ตาไม่ยิ้มเลย แบบนี้จะทำให้หลาย ๆ คนเป็นห่วงเอานะคะ”คำที่ได้รับกลับมาทำเอาเขมตัวแข็งทื่อ เขาลืมคิดไปเลยว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้มีแค่ที่ริมฝีปาก...

“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ขอบคุณนะครับ”แววตาที่เริ่มมีรอยยิ้มทำให้สาวเจ้าส่งยิ้มกลับมาให้ ก่อนจะหันมาสนใจอาหารมื้อเย็นของเธอ

เขมสูดลมหายใจลึก ทิ้งความไม่สบายใจ ความกังวลใจที่มีไว้ข้างหลังแล้วลุยงานตรงหน้าอย่างเต็มที่

วันนี้เจ้สวยปิดร้านเร็วอย่างที่ลั่นไว้ เพียงสี่ทุ่มกว่าก็เริ่มเก็บของเข้าหลังร้านแล้ว ลูกค้าจะมาซื้อก็ได้แต่ใส่ถุงกลับบ้านไปและซื้อได้ถึงแต่ก่อนที่อาร์ตจะมายกหม้อไปล้าง

ทุกอย่างเสร็จสิ้นตอนสี่ทุ่มห้าสิบ เก้าอี้ทั้งหมดถูกยกขึ้นวางคว่ำบนโต๊ะ พื้นถูกขัดถูจนสะอาดเรียบร้อย

“กลับก่อนนะครับเจ้”อาร์ตยกมือไหว้เจ้านายคนสวยของเขา “ไปก่อนนะพี่นะ เขม”

“ครับ”เขมส่งยิ้มให้กับรุ่นพี่ทั้งสองที่พากันกลับไป เพียงแค่สีหน้าของทั้งคู่ดูก็พอจะรู้ว่าดีใจไม่น้อยที่วันนี้ได้เลิกเร็ว
ผิดกับเขา... แน่สิ ก็เขากำลังจะขึ้นเขียนโดนคนที่เขานับถือคนนึงเชือด

“เฮ้อ คิดถึงน้องตะวันจัง”คิดถึงแสงสว่างดวงน้อยที่มาสาดส่องให้กับชีวิตที่ค่อนข้างจะมืดมนไปสักหน่อยของเขา

“ไม่ต้องถอนหายใจ มานั่งนี่เลย”เขียงเชือดเขมทิวาในวันนี้คือโต๊ะในสุดของร้านที่มีพัดลมจ่ออยู่ “เดินมา”

เขมเดินไปนั่งจุ้มปุ๊กคอตกตรงหน้าเจ้านายที่เตรียมจะเทศน์เต็มที่

“หยู๊ดดดด”นะถลามากลางวงก่อนที่คุณแม่ของเขาจะเริ่มเอ่ยปาก “รออาหารตาสุดแซ่บของหนูก่อนค่ะ หม่อมแม่ขาาา”

“ขาไก่หรือขาหมู ห๊ะ อิลูก”เจ้สวยยกมือขึ้นผลักหัวฟีบ ๆ ของลูกชายใจสาวน้อยวัยใสด้วยแรงที่ไม่เบา “มึงไม่ต้องมาแรด นั่นผัวน้องมึง”

“ขอหนูเก็บไปฝันหน่อยก็ไม่ได้”นะทำท่าสะบัดสะบิ้งหน้างอ แต่กับผู้ชายวัยเบญจเพสสูงร้อยแปดสิบมันก็คงไม่ได้น่าดูมากนัก... “ขอยืมหน้าไปพ่นน้ำนิสสสสเดียวเอง ไม่เห็นเป็นไรเลย เนอะ น้องเขม”

“อ เอ่อ... พี่เขาไม่ใช่แฟนผมนะครับ”แล้วก็ไม่ได้เป็นผัวด้วย...

“โอ้ย อายอะไร น่า บอกพี่หน่อย ใหญ่ป่ะ ๆ”คำถามที่ทำเอาเขมหน้าแดงก่ำ เขาจะไปรู้ได้ยังไงกันบ่ะว่าอะไรใหญ่แค่ไหน “บอกหน่อยซี่~”

“ผมใช้ไซส์ 56 ครับ”เสียงนุ่มทุ้มตอบคำถามดังมาจากข้างหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะมานั่งอยู่ข้างรุ่นน้องร่วมสถาบัน “ผมไม่ได้มาสายใช่ไหมครับ”

ทุกคนหันไปมองนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้เลข 11 เข็มยาวและเข็มวินาทีชี้ที่เลข 12

ตรงเวลาเป๊ะ ไม่ขาด ไม่เกิน...

“พ่อรูปหล่อในฝันเอ็งมาแล้ว อย่ามาเสือกขัดข้าอีกล่ะ ไอ้ลูกหมี”หญิงแท้คนเดียวในวงสนทนาหันไปดักคนลูกชายเอาไว้ แล้วจึงหันกลับมาจ้องหน้าคนที่เธอมองเหมือนลูกอีกคน “รู้ใช่ไหมว่าที่ทำวันนี้มันผิด”

“ครับ”เขมรับคำโดยดี เขาผิดที่ตามใจน้องมากเกินไป

“เจ้รู้ว่าเธอรักน้องสาวเธอมาก”เสียงของเจ้สวยนั้นแฝงความเข้าใจเอาไว้เต็มเปี่ยม “การตามใจกันจนเกินความพอดี มันจะทำให้เด็กคนนั้นเสียคนเอา”

เธอมองเด็กหนุ่มที่ก้มหน้าลงเล็กน้อย มองเข้าไปในดวงตาที่ฉายแววสับสนนั่นแล้วยิ้มบางออกมา

“รู้ไหม ความรักน่ะมันไม่ได้หมายถึงการให้ในสิ่งที่มีกับคนที่ตัวเองรักเสมอไปหรอกนะ”ดวงตาที่มีริ้วรอยแห่งวัยเหลือบไปมองลูกที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตน “แต่ความรักน่ะ มันคือการทำให้คนที่เธอรักเป็นคนดีมาจากข้างใน ถ้าเขาเป็นคนดี เธอก็ไม่จำเป็นต้องไปกางปีกปกป้องเขา ไม่จำเป็นต้องฝืนบังคับตัวเองเพื่อให้กับเขา เพราะเขาจะมีความเข้าใจ มีความเห็นใจผู้อื่นอยู่ภายในใจ และเขาจะรู้จักคำว่าพอ”

“ตอนเด็ก ๆ เบ็ตตี้เขาเป็นเด็กที่น่ารักมากนะครับ... แต่นับวันเขาก็ยิ่งเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ผมทำอะไรไม่ได้เลย”น้ำเสียงของเขมฟังดูเศร้าหมอง ยิ่งคิดถึงวันวานที่ผ่านมา ก็ยิ่งรู้สึกเศร้า...

วันนี้เขาได้รู้แล้ว ว่าเด็กผู้หญิงที่เอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมาล้างแผลให้เขาคนนั้น ได้เปลี่ยนไปไม่เหมือนวันวานแล้ว

“มันยังไม่สายที่เธอจะดึงเด็กคนนั้นให้กลับมาเข้าร่องเข้ารอยไม่ใช่เหรอ”เจ้สวยยื่นมือมาตบหลังมือของเขมเบา ๆ “การที่เธอเติบโตมาเป็นเด็กดีแบบนี้ได้ แสดงว่าพื้นฐานครอบครัวของเธอคงไม่แย่นัก เด็กคนนั้นก็แค่มีแต่คนตามใจ ไม่มีคนรั้งหลังเอาไว้จนยั้งตัวเองไม่อยู่เท่านั้นเอง”

“ค่อย ๆ ล้อมกรอบเขาให้กลับมาอยู่ในลู่ทางที่สมควรก็พอจะเป็นไปได้อยู่”ต่ายเอ่ยเสริมขึ้นมาหลังจากนั่งฟังเงียบ ๆ มาพักใหญ่ “การให้เงินไปแบบนั้น โดยที่เขาไม่ต้องพยายามอะไรเลย มันไม่สมควร รู้ใช่ไหม”

“ครับ...”

“ยื่นมือมา”คำสั่งเด็ดขาดจากเจ้าของร้านข้าวต้มสั่งลูกจ้างของเธอ ก่อนที่เธอจะตีฝ่ามือขาว ๆ ไปเพี๊ยะใหญ่ “อย่าทำแบบนี้อีก ถ้าไม่อยากให้เด็กนั่นดูแย่ในสายตาคนอื่นไปมากกว่านี้ เธออย่าไปทำร้ายเขาอีก”

ฝ่ามือนุ่มขึ้นสีแดงจากการถูกตี แต่คนโดนตีก็ไม่คิดจะโต้เถียงอะไร สิ่งที่หญิงตรงหน้าพูดนั้นถูกแล้ว

เขากำลังทำร้ายเบ็ตตี้...

“เจ้รู้ว่าเธอเป็นเด็กเชื่อฟัง เลยพูดให้ได้คิด”มือสากจากการตรากตรำทำงานมานานยื่นมาจับมือเล็กที่ยังเรียบเนียนไม่มีรอยด้านเอาไว้ “เก็บไปคิดล่ะ วันนี้ไปพักผ่อนเถอะ”

“ขอบคุณนะครับ เจ้สวย”คำขอบคุณที่ออกมาจากใจนั้น ผู้รับย่อมยินดีรับเอาไว้

“ดึงประตูลงให้ด้วยล่ะ”เจ้สวยยิ้มให้กับสองหนุ่มที่กำลังลุกขึ้น “พ่อหนุ่มก็ดูแลน้องดี ๆ เป็นแฟนกันก็เตือน ๆ กันบ้าง”

“ตอนนี้ยังไม่ใช่แฟนหรอกครับ”แต่อนาคตไม่แน่เหมือนกัน “แต่ผมจะคอยเตือนน้องแน่นอน ขอบคุณ”

ต่ายจูงมือเขมไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“น้องตะวันล่ะครับ”เขมถามหาเจ้าตัวน้อยที่เขาคิดถึง เมื่อมองหาทั่วรถแล้วไม่เห็นมัน

“อยู่ที่ห้องพี่”ต่ายตอบกลับมาเรียบ ๆ “ตะวันเล่นจนหลับไปแล้ว วันนี้เขมก็ไปนอนห้องพี่แล้วกัน”

“...”ริมฝีปากสีซีดอ้า หุบ อ้า หุบ พูดอะไรไม่ออก


ไปนอนห้องพี่ต่าย!!!


ใจเอย จงเต้นเบาลงที



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

อะไรน้าาา น้องเขทจะไปนอนห้องพี่ต่ายเหรอคะะะ

หม่ำเลยยยยยย

อุ๊ // มุดลงใต้เตียง

 :hao7:

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
 

บทที่ 8

เขาคือรณกฤต

 

ระยะทางระหว่างร้านข้ามต้มเจ้สวยมาถึงคอนโดที่พักอาศัยของรณกฤตนั้น ไม่ถือว่าใกล้ แต่ก็ไม่ได้ไกลอะไรมากมาย ตึกสูงกว่าสามสิบชั้นที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตนเองเหมือนมด...

แต่ก็มีความคิดขำ ๆ มาอีกว่า ถ้ามดมายืนหน้าตึกสูงแบบนี้ มันจะรู้สึกยังไง จะบอกว่าตัวเองเหมือนอะมีบาเลยไหมนะ

อันที่จริงแล้วคอนโดมิเนียมแห่งนี้มีลานจอดรถส่วนตัวที่ล็อคที่ไว้สำหรับผู้พักอาศัยแต่ละห้องอยู่ แต่การที่เขมกับต่ายมายืนอยู่วัดความสูงหน้าคอนโดนี่ก็เพราะเพื่อนร่วมคณะของต่ายนั้นมาขอยืมเอารถไปใช้รับพวกขี้เมากลับหลุม

“ไม่เมาแน่ใช่ไหม ก้อง”เจ้าชายเศรษฐศาสตร์เอ่ยถามเพื่อนที่ดูหน้าแดง ๆ แต่ยังเดินตรงอยู่ “มึงไหวแน่นะ”

“ไหวดิ กูกินเบียร์ไปแก้วเดียว แต่กลิ่นเหล้ามันแรงหน้ากูเลยแดงเนี่ย”น้ำเสียงของก้องยังไม่ยานคาน ตาก็ไม่ได้เยิ้ม มันก็พอที่จะทำให้เจ้าของรถวางใจได้ระดับนึง “รับรอง ๆ ต่อให้เจอด่านกูก็เป่าแอลกอฮอล์ผ่านแน่นอน”

“เออ”ต่ายยื่นกุญแจรถส่งให้เพื่อน โดนมีสายตาของคนที่อยู่นอกบทสนทนามองตามไป

แล้ว... เขาจะกลับยังไงล่ะเนี่ย

“อึ๊บเบา ๆ นะเว้ย เดี๋ยวคุณหนูก้นฉีก”ก้องหย่อนระเบิดลงลูกใหญ่ก่อนที่จะมุดเข้ารถแล้วซิ่งออกไปบนท้องถนนอย่างรวดเร็ว

เร็วเกินกว่าที่จะด่าทัน...

“ไปกันเถอะ”ต่ายเลื่อนมือไปแตะเอวคนที่ยืนอ้าปากค้างหน้าแดงก่ำอยู่ ร่างผอมนั้นสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสอุ่น “ไม่ต้องไปฟังคำพูดก้องมันล่ะ พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก”

”ครับ”เขมรับคำเบา ๆ แล้วก้มหน้าลง เขาก็เผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปได้...

“แต่ถ้าเรายอม พี่ก็ทำนะ”คำพูดลอย ๆ ที่ใครอีกคนเอ่ยออกมานี่เป็นการวางระเบิดลูกใหญ่ลงในหัวใจดวงน้อยของเขาเลย

เจ้าชายเศรษฐศาสตร์หัวเราะเบา ๆ กับหน้าปลาทองขาดน้ำของรุ่นน้อง เขาอาศัยจังหวะที่สติของเจ้าตัวหลุดลอย ลากพาร่างโปร่งให้ตามเขาไป

รู้ตัวอีกที... ก็อยู่หน้าประตูห้องซะแล้ว

คุณหนูอักษรที่ช็อตดาวน์สมองตัวเองตั้งแต่อยู่หน้าคอนโด และเพิ่งรีสตาร์ทเปิดเครื่องได้ใหม่หน้าห้องของคนในใจทำหน้าเหวอหนักกว่าเก่า

นี่เขาเอ๋อขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย...

“จะยืนอยู่หน้าห้องพี่ทั้งคืนหรือไงครับ คุณหนู”เสียงที่ลอดเข้ามาในโสตประสาททำให้เขารู้สึกตัว นี่เขาเหม่อในเหม่อเหรอ...

ลาก่อน สมอง

“อ่ะ เอ่อ...”มายืนถึงหน้าประตูห้องแล้ว จะวิ่งแจ้นกลับออกไปก็น่าเกลียด... ละอีกอย่างเขาจะกลับยังไง นี่เขายังคิดไม่ออกเลย “ขอรบกวนหน่อยนะครับ”

เขมเดินเข้าไปในห้องของคนที่เมื่อก่อนเขาได้แต่แอบมองห่าง ๆ ใครจะไปเชื่อกันล่ะว่า วันนี้เข้าพัฒนามาจนเดินเข้าห้องของคน ๆ นี้ได้แล้ว

มันเป็นความก้าวหน้า... ที่ทำให้เขาเข้าข้างตัวเองมากขึ้นทุกที มากซะจนไม่อยากคิดถึงวันที่จะต้องถูกกระชากให้กลับสู่ความเป็นจริง

ไม่รู้... ว่ามันจะเจ็บสักเท่าไหร่ เมื่อถึงวันนั้น

ห้องของรณกฤตนั้นเป็นห้องสูทขนาดใหญ่ที่แบ่งสัดส่วนเป็นห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว และห้องนอน แต่ละห้องแยกออกจากกันอย่างชัดเจน พื้นที่ใช้สอยในห้องค่อนข้างกว้าง ซ้ำไม่มีอะไรวางไว้มากมาย ขนาดในห้องนั่งเล่นก็มีเพียงโซฟาเบดสีเข้ม โต๊ะกระจกกลมขนาดไม่เกินสองฟุตครึ่ง และตู้ไม้ขนาดกลางที่วางทีวีสามสิบสองนิ้วเอาไว้

เขมกวาดตามองอีกนิด ก็เห็นบ้านไม้โปร่งสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นของกระต่ายที่เจ้าของห้องเคยพูดถึง

แล้ว... น้องตะวันอยู่ไหนกันนะ

“มองหาเจ้าตัวเล็กล่ะสิ”เหมือนต่ายจะอ่านใจของเขาได้ ใบหน้าหล่อเหลาในทักมุมมองกระตุกยิ้มบาง ก่อนจะชี้ไปทางบ้านกระต่าย “มองต่ำหน่อยนะ”

เขมหันไปมองบ้านไม้อีกครั้งแล้วยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นภาพน่ารัก ๆ ของเจ้าขนปุยทั้งสอง

“น้องหลับแล้วนี่ครับ”ร่างโปร่งย่องเข้าไปดูเจ้าตัวน้อยที่นอนขดอยู่บนเบาะนุ่มใกล้ ๆ “น่ารักจัง”

ภาพที่เห็นตรงหน้า คือภาพของกระต่ายขนฟูสีขาวแต้มดำกำลังหลับอยู่โดยมีหมาปอมตัวเล็กนอนเบียดซุกอยู่ที่ช่วงท้องจนแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน

“ปล่อยให้เด็ก ๆ นอนเถอะ”เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว ๆ ดังที่ข้างใบหูสะอาด “เรายังมีเรื่องต้องคุยกันนะครับ น้องเขม”

คนที่เพิ่งจะหูชามาจากการโดนเทศน์สะดุ้งเฮือก เขาหันไปยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับคนที่ส่งยิ้มหวานมาให้ แต่สายตาคมกริบ

“พี่ต่ายจะดุผมเหรอครับ”คำถามโง่ ๆ ที่เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ นั้นเล่นเอาหัวใจใครอีกคนอ่อนยวบ แต่ก็ยังเก๊กหน้าเอาไว้ได้

“เราต้องคุยกันครับ”ถึงจะใจอ่อนลงไปกว่าครึ่งแล้ว แต่ต่ายก็ยังยืนยันคำเดิม “ส่วนดุไม่ดุนั้น... คงขึ้นกับใจคิดของน้องนะครับ”

ร่างสูงเดินนำแขกที่บังคับเชิญเข้าไปในห้องนอน แต่กลับไม่นั่งลงอย่างที่ควร กลับเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่แล้วหยิบของข้างในนั้นออกมาแทน

“เอาล่ะ ไปอาบน้ำก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกัน”ผ้าเช็ดตัวผืนสะอาด พร้อมด้วยชุดนอนสีฟ้าอ่อนและอันเดอร์แวร์ตัวในใหม่เอี่ยมถูกยื่นให้กับคนที่ยืนทำตาปริบ ๆ มองมาอย่างงุนงง

“เดี๋ยวผมกลับไปอาบที่หอก็ได้ครับ”เขมไม่รับของที่ถูกยืนมา ด้วยว่าเดี๋ยวเขาก็จะกลับหลังจากคุยกันจบแล้ว จะมาอาบน้ำห้องคนอื่นแล้วใส่เสื้อผ้าเขาขึ้นแท็กซี่กลับไปนอนที่หอก็ยังไง ๆ อยู่

“ใครบอกว่าจะให้กลับครับ น้องเขม”ดวงตาสีเข้มมองตรงมายังรุ่นน้องที่เริ่มทำหน้าเหวออีกครั้ง เขาคลี่รอยยิ้มอบอุ่นส่งให้ด้วยความเอ็นดู “ดึกแล้ว วันนี้นอนกับพี่ที่นี่แหละ เตียงพี่กว้างพอ”

นอน กับ พี่!!!

ใจความสั้น ๆ ที่ทำคนบางคนใจสั่นรัว เลือกทั้งการสูบฉีดจนพุ่งมารวมกันที่ใบหน้า มือขาวคว้าเอาเสื้อผ้าที่ถูกยื่นมา ก้มหน้างุด ๆ เดินฉับ ๆ เข้าห้องน้ำไป

ทำงานหนักไปแล้วนะหัวใจ!!!

เมื่อได้มาอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพัง ความคิดที่ถูกกดลงไปก็ปะทุขึ้นมาให้ฟุ้งซ่านอีกครั้ง คำพูดที่เจ้สวยเตือนสติดังก้องอยู่ในหัววนซ้ำไปซ้ำมา

การกระทำของเขาทำให้น้องสาวเขาติดนิสัยไม่ดี... ทั้ง ๆ ที่เขารู้ก็ยังจะทำมันลงไป คนที่แย่กว่าน้องมันก็ต้องเป็นตัวเขาเอง

ทำไม ทำไมเขาถึงไม่คิดอะไรให้มันดีกว่านี้นะ

สายน้ำเย็นฉ่ำชะเอาความไม่สบายใจบางส่วนให้ไหลออกไป แม้จะเป็นแค่เพียงเสี้ยวเล็ก ๆ แต่มันก็ทำให้สมองที่ตึงเครียดนั้นผ่อนคลายไปได้บาง

อะไรที่มันผ่านไปแล้ว ก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป ให้อดีตพวกนั้นเป็นเครื่องเตือนใจว่าวันข้างหน้าจะต้องไม่ผิดซ้ำอีก

เขมเช็ดตัวแล้วหยิบชุดนอนที่ต่ายยื่นมาให้สวมลงบนกาย เขาหันไปมองกระจกบานกว้างแล้วถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมา

เสื้อที่ได้ใส่นั้นแม้จะตัวใหญ่กว่าขนาดตัวเขา แต่มันก็ไม่ได้หลวมโพรกจนเกินไปนัก ก็นะ เขาไม่ใช่หนุ่มน้อยที่บอบบางน่าทะนุถนอมอะไร

แต่ดันไปชอบผู้ชายด้วยกัน...

เขมทิวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขามองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ก่อนจะก้าวออกจากห้องน้ำไปเผชิญความจริงที่รออยู่

“พี่...”

“ให้พี่อาบน้ำก่อน”ชายหนุ่มอีกคนสวนกลับมาก่อนที่รุ่นน้องจะเอ่ยอะไร “เราได้คุยกันแน่ ไม่ต้องห่วงครับ น้องเขม”

ร่างสูงก้าวฉับ ๆ ผ่านคุณหนูอักษรเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งเวลาให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรเลยแม้เพียงครึ่งคำ

เขมทิวาหลุบตามองลงพื้น แล้วถอนหายใจอีกครั้ง ในใจรู้สึกว่างเปล่า การตัดสินใจผิดพลาดไป ถึงแม้จะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่มันก็กระทบเป็นวงกว้างไม่น้อย

ดวงตาสีเข้มเหลือบมองไปรอบ ๆ แล้วตัดสินใจทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้กลมที่วางอยู่ข้างเตียง จะให้เขาไปนั่งเล่นบนเตียง มันก็ยังไงอยู่นะ

ระหว่างที่รอใครอีกคนอาบน้ำให้เสร็จ เขมก็ลองเอาปากกามาควงเล่น ลองหมุนข้อมือและโยนรับอย่างตั้งอกตั้งใจ

ส่วนนึงก็เพราะไม่อยากนั่งกังวลไปเปล่า ๆ อีกส่วนก็เพราะเขาตอบรับการเป็น คฑากร แล้ว มันก็ต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ถ้าหมุนข้อมือเร็วไป มันจะทำให้ปวด และเมื่อยเร็ว”เจ้าของห้องที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำก้าวเข้ามาหารุ่นน้องที่กำลังตั้งอกตั้งใจฝึกการควงปากกาอยู่เงียบ ๆ “ไม้จริงมีน้ำหนักมากกว่าปากกานี่เยอะ ถ้าไม่หัดใช้แรงให้พอดี ช่วงหลังแรงจะแผ่วลงจนทำไม้หลุดมือเอาได้”

“ผมคงต้องหัดอีกนานเลยล่ะครับ”รอยยิ้มหม่น ๆ ที่เผลอยกขึ้นมานั้นชวนให้คนที่ได้เห็นรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ “แต่มันคงไม่ยากเกินความสามารถของผมหรอก”

“น้องเขมเก่งอยู่แล้ว หัดไม่กี่ครั้งก็เป็นครับ”มือที่ยังชื้นจากหยดน้ำที่พราวบนกายื่นมาขยี้ผมนุ่มลื่นของคนที่นั่งอยู่อย่างเอ็นดู “ไม่ต้องห่วงไป เดี๋ยวพี่ช่วยสอนให้อีกแรง”

“ขอบคุณครับ”ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังคงแฝงความกังวลใจเอาไว้อยู่เต็มเปี่ยม “พี่จะพูดอะไรกับผมเหรอครับ”

“อันที่จริงก็ไม่มีอะไร”ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงบนเตียงทั้งชุดคลุมอาบน้ำที่ยังชื้น ๆ อยู่ “เจ๊สวยพูดสิ่งที่พี่อยากจะพูดออกไปหมดแล้วล่ะ”

“แล้วทำไม...”ถึงพาเขามาที่นี่ มันคำถามที่เขมอยากรู้ แต่มันก็ยากที่จะเอ่ยถามมันออกไปตรง ๆ เพราะคำตอบของมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่หลังก็ได้

“อยากระบายอะไรให้พี่ฟังไหมครับ”คำถามที่ส่งผ่านมากับเสียงนุ่มมาพร้อมกับแววตาที่ฉายชัดถึงความเป็นห่วง “พี่ก็อยากดุน้องเพิ่มอยู่หรอกนะครับ แต่มันก็คงไม่ได้ทำให้เราไปเปลี่ยนอดีตได้ คงมีแต่จะทำให้น้องเสียใจมากขึ้น คิดมากยิ่งกว่าเดิม”

คำพูดที่แทงใจดำนั้นทำให้คนฟังก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้าอีก

“พี่ไม่อยากให้น้องต้องคิดอยู่คนเดียว”นิ้วเรียวเชยคางของคนที่หลบตาเขาให้เงยขึ้นมามองตากัน “พี่ยังคงยืนยันนะครับ ว่าน้องไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”

“ครับ...”เขมตอบรับแผ่วเบา ดวงตาของเขาสั่นไหวเมื่อรับรู้ถึงความอบอุ่นและห่วงใยจากคนในใจของตน “ผม...”

อยากจะพูด แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน...

รณกฤตมองคนที่มีท่าทีอึกอักด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไรออกไป เขาจะรอ รอให้เด็กตรงหน้าระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเอง

เขารอเก่งพอที่จะรอ

“ผมรู้... ว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ใช่เรื่องที่ดี ผมเอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้งไปทำร้ายน้องของผม”น้ำเสียงเศร้า ๆ และแววตาที่หม่นแสงลงดูน่าสงสาร “พ่อกับแม่ของผมแยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็ก แม่เลือกที่จะทิ้งผมให้อยู่กับพ่อ แล้วเดินออกจากบ้านไปไม่หันกลับมามองผมเลย หลังจากนั้นพ่อก็แต่งงานกับคุณน้า แล้วเบ็ตตี้ก็เกิดมาหลังจากนั้นไม่ถึงปี”

อดีตที่ไม่อยากพูดถึงส่งผ่านออกมาจากริมฝีปากซีด สองมือที่วางอยู่บนตักตัวเองนั้นกำแน่นจนขึ้นข้อขาว

“ผมเห็นหนูเบ็ตมาตั้งแต่เล็ก ยังคอยจูงมือน้องไปเดินเล่น ไปซื้อขนม ไปโรงเรียน รอยยิ้มมีความสุขของหนูเบ็ตทำให้ผมที่ในตอนนั้นว่างเปล่าไปหมดกลับมายิ้มได้ มันเลยทำให้ผมตามใจเขาไปซะทุกเรื่องโดยไม่สนใจอะไร”รอยยิ้มบางเต็มไปด้วยความรู้สึกเอ็นดูยามพูดถึงน้องสาว เช่นเดียวกับดวงตาที่ทอประกายอ่อนโยน ก่อนจะกลับเป็นเซร้าหมอง “ตอนเด็ก ๆ หนูเบ็ตติดผมมาก เราสนิทกันจนพูดคุยกันได้มุกเรื่อง แต่พอหนูเบ็ตโตขึ้นก็เริ่มเปลี่ยนไป จากน้องสาวที่ว่าง่าย ก็เริ่มเอาแต่ใจ จากคนที่สนิทกัน น้องก็เริ่มตีตัวออกห่าง...”

เขมทิวายอมรับว่าในช่วงแรกที่น้องสาวของเขาตีตัวออกห่างไป เขาทั้งเศร้าใจ และเหงามาก แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้ว่าทำไมน้องถึงไม่ยอมคุยกับเขาเหมือนอย่างเคย

ต่ายยันตัวลุกขึ้นจากเตียง แล้วดึงคนที่กำลังแสดงความโดดเดี่ยวและว้าเหว่เข้ามาในอ้อมแขน โอบศีรษะทุยเข้ามาชิดกายให้ใบหน้ามนนั้นซบลงมาตรงที่แผ่นท้องที่มีกล้ามเนื้อเป็นรอนแข็งแรงของเขา

“พี่ต่าย...”ความอบอุ่นที่โอบล้อมตัวของเขมทิวา ทำให้ใจที่วูบโหวงนั้นรู้สึกถึงความเติมเต็ม คนในใจของเขายังคงอ่อนโยนเหมือนอย่างที่เขาเคยได้เห็นไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เขมยกแขนทั้งสองขึ้นกอดเอวหนาเอาไว้ เขาเลือกที่จะซุกตัวลงหาไออุ่นที่ตนไม่ได้รับจากใครมานานปี อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกห่วงใยนี้ มันช่วยเยียวยาหัวใจที่ถูกทิ้งร้างของเขาให้กลับมาเต้นอย่างมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง

“ตอนแรกก็แค่ห่างกันไปแต่หนูเบ็ตก็ไม่เคยมีปัญหากับผม จนช่วงที่ผมอยู่ม.ปลาย เพราะคุณพ่อทำอะไรก็ผิดพลาดล้มเหลวจนแทบไม่เหลืออะไร ที่อยู่ได้ก็ด้วยเงินที่คุณน้าหามา คุณน้าก็เลยเป็นคนคุมเงินของบ้าน มันยิ่งทำให้หนูเบ็ตเอาแต่ใจมากขึ้น คงเพราะทุกคนต้องเกรงใจแม่ของเธอ”เสียงที่ติดแหบนิด ๆ เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเองต่อ “คุณน้าเขาก็ไม่ได้ใจร้าย ตัดเงินผมกรอกนะครับ ก็ยังให้เงินผมไปโรงเรียนอยู่ แต่ในส่วนค่ากิจกรรม หรืออะไรที่นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายประจำแล้ว ที่เหลือผมก็ต้องเก็บเงินเอาเอง ซึ่งมันก็โอเค ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

ผมรู้ว่าการจะสอบเข้ามหาลัยดี ๆ สักที่ต้องใช้เงินเยอะ ก็เลยไปหางานพิเศษทำ แรก ๆ ก็เป็นสอนพิเศษน้อง ๆ ประถมตอนเย็น แต่ก็สอนได้ไม่นานเท่าไหร่ ผู้ปกครองของน้อง ๆ เขาไม่ไว้ใจเด็กม.ปลายอย่างผม เลยยอมเสียเงินเพิ่มส่งลูกเขาไปเรียนกับติวเตอร์ที่มีชื่อเสียง หรือได้รับเกียรตินิยมจากมหาลัยดัง ๆ กัน”

ต่ายหลุบตาลงมองคนที่อายุน้อยกว่าตน แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ กลับผ่านอะไรมาไม่น้อยเลย นับแล้วอาจจะมากกว่าคนที่อายุเท่ากัน ในครอบครัวฐานะปานกลางเหมือนกันด้วยซ้ำ

“การสอนพิเศษทำเงินได้ไม่พอใช้ ตอนนั้นผมรู้สึกเคว้งคว้างไม่รู้จะทำยังไงจนอดคิดน้อยใจไม่ได้ว่าทำไมแม่ถึงทิ้งผม ทำไมพ่อถึงไม่คิดจะช่วยอะไรผม ทำไมผมมีแต่คุณย่าที่คอยถามไถ่ ในหัวมีแต่คำว่าทำไม ทำไม และทำไมเต็มไปหมด จนแซนชวนผมไปขายไอติมผัดแทนคนงานที่ลาไปดูแลลูกที่เพิ่งคลอด เมื่อก่อนมันยังหากินได้ยาก ขายดีมากเลยล่ะครับ”ฟังจากน้ำเสียงที่สดใสนั่นแล้ว นี่มันคงเป็นความทรงจำที่ดีของรุ่นน้องคนนี้ “แต่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะครับ เย็นก็เย็น ของบางอย่างก็แข็งต้องออกแรงกดให้มันแตกเพื่อที่จะคลุกเช้ากับนมให้ได้ ผมได้ทิปจากคนมาซื้อเยอะเลย แซนก็ให้ผมจ่ายแค่ค่าอุปกรณ์ ผมเลยได้เงินเก็บจากตรงนั้นเยอะเลย

มันก็คงไม่มีอะไร ถ้าหนูเบ็ตกับเพื่อน ๆ ไม่มาที่ร้านแล้วผมเผลอทักหนูเบ็ตไป ทำให้เพื่อน ๆ เขารู้ว่าหนูเบ็ตมีพี่ชายขายของร้านริมทางน่ะครับ”

ไม่ต้องให้เขมทิวาเล่าต่อ รณกฤตก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไร เด็กที่นิสัยเสียจากการคบเพื่อนมีฐานะมีให้เห็นอยู่ประจำ

และหนึ่งในนั้นคือน้องสาวที่คุณหนูอักษรรักและตามใจนักหนาด้วย

“เสียใจไหม”คำถามโง่ ๆ ที่มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วลอดออกมาจากริมฝีปากหยักที่กำลังยกยิ้มบาง

“ในตอนนั้นมันก็เสียใจล่ะครับ แต่ที่มากกว่านั้นคือความไม่เข้าใจ ผมทำผิดอะไร ทำไมน้องถึงโกรธผมขนาดนั้น”เขมหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างขมขื่น “หนูเบ็ตบอกว่าผมทำให้เขาต้องกลายเป็นตัวตลกของเพื่อน ๆ วันนั้น ผมเลยได้รู้จักว่าความแตกต่างของฐานะมันเป็นยังไง”

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ทำให้เขมเสียใจ แต่มันทิ้งปมในใจไว้ให้กับเขาด้วย

“ในโลกนี้มีคนเป็นล้านคน ทุกคนย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง”ต่ายเอ่ยขึ้นหลังจากที่เป็นผู้ฟังมานาน “ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความคิดที่เหมือนกัน เพื่อนของเขม ก็ไม่เหมือนเพื่อนของน้องสาวเขม บางเรื่องมันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไป พี่ดีใจนะครับที่เขมไม่เก็บเอาคำของน้องเบ็ตตี้มาคิดมาก ไม่เปลี่ยนไปจากที่เคยเป็น”

เขมทิวาเงยหน้ามองคนที่กำลังมองลงมา ดวงตาสองคู่สบประสานส่งผ่านความรู้สึกที่หลากหลายให้แก่กัน

“เป็นอย่างที่เขมเป็น ดีที่สุดแล้วล่ะครับ”มืออุ่นที่ลูบไล้เส้นผมลื่นเลื่อนมาจับแก้มใสที่เริ่มมีสีเลือดฝาด “ไม่ต้องคิดอะไรแล้วนะ เขมเหนื่อยเกินไปแล้ว ได้เวลานอนพักสักทีนะครับ”

สัมผัสที่อ่อนโยนและน้ำเสียงที่นุ่มละมุน ทำให้เขมทิวาขยับตัวไปตามแรงของใครอีกคนไปโดยไม่รู้ตัว ต่ายกดตัวคนที่ยังคงสบตาอยู่กับเขาให้นอนลงบนเตียงนุ่ม ห่มผ้าห่มผืนหนาให้ด้วยความเอาใจใส่ ก่อนจะทาบริมฝีปากทับลงกลางหน้าผากเนียนแผ่วเบา

“ฝันดีนะครับ”ดวงตาสีน้ำตาลสวยคู่นั้นปิดลง ในขณะที่ดวงตาสีดำของใครอีกคนยังจับจ้องอยู่ไม่ห่าง

ความสบายใจและความอบอุ่นใจที่ได้สัมผัส พาให้เด็กหนุ่มเข้าสู่ห้วงฝันอันแสนหวานหลังจากหลับตาลงไม่นาน

ต่ายทรุดตัวลงนอนข้าง ๆ รุ่นน้องที่เขาพามานอนด้วย ทั้งที่ปกติแล้ว ห้องนี้เขาแทบจะไม่ให้ใครก้าวเข้ามาเลย แม้แต่เพื่อนสนิทของเขาก็ตาม

แต่เมื่อเห็นแววตาที่หม่นหมองของคนบางคนแล้ว ทั้งสมองและหัวใจของเขามันก็สั่งให้พาคน ๆ นั้นกลับมาดูแล

สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่เอี่ยมถูกยกขึ้นมาถ่ายรูปคนที่นอนหลับตาพริ้ม ก่อนจะสั่งการด้วยมือถือเครื่องเดิมนั้นให้ไฟที่ส่องสว่างปิดลง

“ตื่นมาพร้อมรอยยิ้มนะครับ คนดีของพี่”

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

มาต่อแล้วค้าาาา เราสายหวาน เราไม่ดราม่า เราจะอบอุ่นนน

อยากได้คนส่งเข้านอนบ้างจังเลยยย

#คนในใจ

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
เอาใจช่วยให้เขมผ่านเรื่องเหล่านี้ไปให้ได้

ส่วนต่ายเป็นผู้ชายอบอุ่นจัง อยากเจอแบบนี้บ้าง ฮ่าๆๆ
แต่ก็เหมือนต่ายจะมีความลับบางอย่างนะ เดาว่าต้องรู้จักแม่เขมแน่เลย

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่ต่ายโทรหาใคร

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อยากได้อย่างพี่ต่ายซักคน ขอให้น้องเขมผ่านเรื่องราวต่างๆไปได้ด้วยดีนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
พี่ต่ายคนดี อบอุ่นมากเลยยย
กวนๆ ขี้เล่นด้วย พี่เจ้าชายของน้องงง  :o8:
ส่วนน้องเขมหนูน่ารักน่าเอ็นดูมาก
เรื่องเบ็ตตี้ก็สู้น้า หนูจัดการได้อยู่แล้ว  :yeb:

คนที่พี่ต่ายติดต่อจะเป็นแม่น้องเขมไหมนะ ???
รอคนแต่งมาต่อนะคะ

 :pig4:

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 9

ใครคนนั้น



แสงแดดยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านที่ปิดไม่สนิทส่องสว่างมายังเตียงนอนกว้าง ราวกับว่าต้องกสรปลุกให้คนที่ยังจมดิ่งในห้วงฝันนั้นลืมตาขึ้นมากลับสู่ความเป็นจริง

แต่แสงนั้นก็ได้สาดส่องเข้ามาเพียงไม่นาน ม่านที่แง้มเปิดอยู่นั้นก็พลันถูกปิดลง

ชายหนุ่มเจ้าของห้องทอดสายตามองคนที่นอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยรอยยิ้ม

เขาตัดสินใจที่จะไม่ปลุกแขกผู้อาศัยให้ตื่นขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้ ปล่อยให้ได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มต่อไป

วันหยุดทั้งที จะให้เขาใจร้ายฉุดคนที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ให้ฝืนตื่นขึ้นมาได้ยังไงกัน

ต่ายยืนมองคนที่ขยับตัวมาคว้าหมอนข้างไปกอดเอาไว้อยู่อีกพักนึง ก่อนจะย่างเท้าเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ หลังจากเก็บภาพด้านหลังของคนที่ยังหลับปุ๋ยเอาในเมมโมรี่มือถือเรียบร้อยแล้ว

เขาเดินไปแช่อาหารเม็ดให้นิ่มสำหรับเจ้าตัวเล็ก และคว้าตัวคุณมณีใส่กรงให้กินอาหารและหญ้าของตัวเอง จะให้กินรวมกันไม่ได้ เพราะตะวันยังเล็กเกินไป ไม่รู้เรื่องอะไร เดี๋ยวจะไปหม่ำเอาข้าวของคุณมณีเอาได้

หลังจากจัดการเหล่าสัตว์เลี้ยงเสร็จ ต่ายก็หันมาจัดการส่วนของเจ้าของบ้าง

“เอ...”รณกฤตเปิดดูตู้เย็นที่พอจะมีของสดเหลืออยู่บ้าง อาหารมื้อเช้าที่มีแววจะควบเที่ยงไปด้วย มันก็ควรจะหนักท้องสักหน่อย และไม่รสจัดจนเกินไป

สุดท้ายเขาก็เลยเลือกทำเมนูง่าย ๆ อย่างข้าวผัดรวมมิตร ที่เอาของสดในตู้ทั้งหมดมาผัดรวมกันในกระทะ

มอง ๆ ดูแล้วมันเหมือนผัดขี้เมามากกว่าข้าวผัดยังไงก็ไม่รู้เหมือนกันนะ

เจ้าชายเศรษฐศาสตร์เกาหัวแกรก ๆ หลังจากตักข้าวผัดขึ้นและจัดจานจนเสร็จ

“เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็รสชาติใช่ได้อยู่”ถึงหน้าตามันจะดูมั่ว ๆ ไปสักหน่อยก็เถอะนะ

อาหารน่ะ แค่กินได้ก็พอแล้ว!

“พี่ต่าย...”เขมที่ตื่นมาแล้วนั่งเอ๋ออยู่พักนึง ถึงคิดได้ว่าเขาไม่ได้นอนอยู่ห้องตัวเอง และเจ้าของห้องก็ไม่อยู่ เลยเดินออกตามหาที่ที่ตาคู่นั้นยังเปิดไม่เต็มดวง “ผมตื่นสาย...”

“วันหยุด จะตื่นสายสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไรนี่”รอยยิ้มหยอกล้อถูกแย้มส่งให้ ในขณะที่มือหยิบเอาน้ำส้มคั้นในตู้เย็นมาเทใส่แก้ว “กินข้าวสักหน่อยแล้วไปนอนต่ออีกสักพักก็ได้ พี่ทำไว้ให้แล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับไปนอนที่ห้องก็ได้”สิ้นคำว่าได้ เจ้าตัวคนที่จะกลับห้องก็หาวออกมาคำโต “อา... ผัดขี้เมาน่ากินจังเลยครับ”

“พี่ทำข้าวผัดน่ะ”

“...”

ความเงียบเข้าครอบคลุมระหว่างคนทั้งสอง พวกเขาสบตากันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงหัวเราะของทั้งคู่จะดังประสานกันออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“พี่ต่าย... มีพรสวรรค์นะครับ”เขมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีจริง ๆ นอกจากคำ ๆ นี้ “แต่ก็ดูน่าอร่อยอยู่นะครับเนี่ย”

“อร่อย ไม่อร่อย ก็ต้องลองชิมดูนะครับ”ต่ายยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่ยืนยิ้มตาหยีแล้วเป่าลมใส่จมูกรั้นไปทีนึง “แต่ก่อนหน้านั้น ไปล้างตาแปรงฟันก่อนเลย พี่เตรียมของไว้ให้แล้วครับ”

“... ครับ”เขมรับคำอย่างว่าง่าย เขากระพริบตาปริบ ๆ มองคนที่พิงซิงค์ล้างจานที่กำลังอมยิ้มส่งมาให้อยู่พักนึง ก่อนจะลากขาไปล้างหน้าแปรงฟันตามคำสั่งของเจ้าของห้อง

แปรงสีฟันที่มียาสีฟันบีบเตรียมเอาไว้แล้ววางอยู่ข้างอ่างล้างหน้า พร้อมด้วยแก้วเปล่าหนึ่งใบสำหรับใส่น้ำไว้บ้วนปาก ไม่เพียงแต่นั้น ยังมีน้ำยาบ้วนปากวางเตรียมไว้ให้ รวมไปถึงที่โกนหนวดที่เขมทิวาไม่ค่อยจะได้ใช้สักเท่าไหร่ก็มีเตรียมไว้เช่นเดียวกัน

“เอาใจใส่จังเลยน้า~”คุณหนูอักษรมองของทุกอย่างที่ถูกวางเตรียมเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม และแก้มที่แดงระเรื่อ

ทำแบบนี้ มันเหมือนเป็นแฟนกันเลย

เนี่ยพอดู ๆ แล้วนี่ขาดแค่ตอนนี้น่าจะมอร์นิ่งคิสอย่างเดียวแล้วล่ะมั้ง

เขาควรจะโกรธคนในใจสักหน่อยไหมนะ ที่ทำให้เขาอดที่จะคิดเพ้อฝันเกินเลยไม่ได้

เขมมองหน้าแดง ๆ ของตัวเองในกระจกแล้วส่ายหน้า ถ้าพี่ต่ายเห็นหน้าเขาแดงแบบนี้ จะไม่เอะใจมันก็เกินไปแล้วล่ะ

ด้วยความที่เป็นแขกในห้องคนอื่นเขา เขมทิวาเลยไม่กล้าที่จะทำตัวเป็นสล็อตค่อย ๆ คลานเหมือนตอนอยู่ในห้องตัวเองเวลาว่างคงไม่ดี

“ทำไข่คนเพิ่มด้วยเหรอครับ”จานข้าวที่ตอนแรกมีเพียงข้าวผัดแต่งด้วยแตงกวา ตอนนี้มีไข่คนสีเหลืองสวยเพิ่มขึ้นมา “พี่ต่ายคงชอบทำอาหารสินะครับ”

เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนตรงหน้าสามารถทำอาหารได้ด้วย ก็เจ้าตัวเล่นไม่เคยลงรูปห้องครัวในโซเชียลเลยนี่น่า

“ได้แค่นิดหน่อยน่ะ”คำพูดที่เหมือนจะถ่อมตัว แต่มันคือความจริง ถ้าไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรกินเองขึ้นมา ต่ายเองก็ไม่เคยลุกขึ้นมาทำครัวเหมือนกัน “ปกติพี่ก็ออกไปกินที่ร้านข้าวตามสั่งแถวนี้เอา ไม่ค่อยได้ทำหรอก”

“ผมทำให้พี่ลำบากหรือเปล่าครับ”ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระคนอื่นเขาเริ่มชัดในความรู้สึกมากขึ้น มาค้างห้องเขา นอนตื่นสาย ให้เขาทำข้าวให้กินอีก

นี่มันโคตรตัวภาระเลยนี่น่า...

“ไม่หรอก น้องเขมทำให้พี่ขยันขึ้นต่างหาก”นิ้วเรียวชี้ให้คนที่ไม่ยอมนั่งลงสักทีนั่งลงได้แล้ว “ถ้าเกรงใจพี่ ก็กินให้หมดนะครับ”

“ครับผม”เขมทิวายืนตรงตะเบ๊ะมือให้คนที่นั่งยิ้มขำ ๆ ก่อนจะนั่งลงกินมื้อเช้าควบเที่ยงกับคนในใจ

ข้าวผัดที่ได้รสออกไปทางผัดขี้เมาทำให้คนที่ค่อนข้างจะชอบของรสจัดอย่างคุณหนูอักษรเจริญอาหารได้ไม่ยาก อีกทั้งยังเป็นฝีมือของคนที่ตนแอบมอง ยิ่งทำให้เจ้าตัวกินเข้าไปอย่างมีความสุขขึ้นไปอีกหลายเท่า

หลังจากกินข้าวกันจรหมด เขมก็อาสาที่จะเป็นคนล้างชามเอง แน่นอนว่าต่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้รุ่นน้องจัดการไปตามที่เจ้าตัวอยากจะทำ ส่วนตัวเขาก็ไปเปิดทีวีดูข่าวกับคุณมณีแทน

เขมที่ล้างจานเสร็จตามมาทีหลักก็ไม่น้อยหน้า ลงไปนั่งกับพื้นเล่นกับน้องตะวันของเขาด้วยรอยยิ้มสดใส เจ้าปอมน้อยตัวขาวก็ขี้อ้อนเหลือใจ เข้ามาซุกมาไซร้เจ้าของอย่างรู้งาน

ต่างจากเพชรมณีที่ดูจะชื่อชอบให้เจ้านายเป็นทาส คอยเอาอกเอาใจด้วยการลูบหัวลูบตัวลูบหาง ตบท้ายด้วยของกินเล่นอย่างผลไม้แห้งสักชิ้นมากกว่าการขยับตัวไปเล่นด้วย

“เจ้ากระต่ายอ้วน ไม่คิดจะเดินเล่นบ้างเหรอ”ต่ายจิ้มพุงนิ่ม ๆ ของสัตว์เลี้ยงประจำห้องที่นับวันจะยิ่งขี้เกียจขึ้นเรื่อย ๆ “พุงนำขนแล้วนะเราน่ะ”

เด็กหนุ่มที่ได้ยินรุ่นพี่ของตนคุยกับกระต่ายนั้นก็อดที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่ได้ ก็คุณมณีเล่นหันก้นใส่เจ้าของหลังจากพูดจบเลยนี่น่า

“น้องตะวันหิวยังคับ”เขมหันมาถามเจ้าตัวเล็กที่ปีนตักเขาเล่นอยู่ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข

“พี่ให้กินไปหน่อยแล้ว ถ้าจะให้อีกก็อย่าเยอะล่ะ”รณกฤตปล่อยให้เจ้าอ้วนจอมขี้เกียจนอนแอ้งแม้งอยู่ในเบาะบนโซฟาลุกขึ้นมาลูบหัวปอมน้อยเบา ๆ “เด็กดี แข็งแรง ๆ นะครับ”

แต่... ใช่หัวปอมจริงเหรอ

“พี่ต่าย นี่หัวผม”เขมทำปากยู่ใส่คนที่มาแกล้งเขา แสดงออกถึงความไม่พอใจ ที่ดูจะ... น่ารักเกินไปหน่อย

แชะ

ต่ายเลยต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้สักนิด เล่นเอาคนโดนถ่ายทำหน้าเหวอสนิท

“พี่ต่าย!!”มือขาวยื่นออกไปหมายจะเอามือถือเครื่องแพงนั้นมาลบรูปตัวเองออก แต่ก็คว้าเอามาไม่ได้ “ลบเลยนะครับ”

“ไม่”คำตอบสั้น ๆ มาพร้อมการลอยหน้าลอยตาของคนที่ทำเนียน เอามือถือเก็บลงกระเป๋ากางเกงไปเรียบร้อย “ไม่น่าเกลียดหรอกน่า ไม่ต้องห่วงไปนะครับ คุณหนู”

“พี่เป็นเจ้าชายก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ทุกอย่างนะครับ”เขมแยกเขี้ยวใส่คนขี้แกล้ง ทำไมเขาถึงไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าคนตรงหน้าเขาขี้แกล้งขนาดนี้น่ะ

“ถ้าพี่เป็นเจ้าชาย พี่ก็สั่งสามัญชนอย่างคุณหนูได้สินะครับ”ดวงตาของคนที่ได้ฉายาว่าเป็นเจ้าชายพราวระยับด้วยความถูกใจที่ได้รังแกคนที่อายุน้อยกว่า “ไหน ทำปากจู๋สิ”

คุณหนูผู้เป็นสามัญชนหรี่ตามองคนที่ยังไม่เลิกแกล้งเขา ริมฝีปากสีอ่อนยกขึ้นเป็นสามเหลี่ยม ก่อนจะยู่เข้าหากันช้า ๆ

ก็ไปเล่นกับเขา...

ต่ายโฉบหน้าลงมาจุ๊บปากที่ยื่นขึ้นมาเบา ๆ ทีนึงเล่นเอาคนโดนแต๊ะอั๋งสะดุ้งเฮือก หน้าแดงก่ำ

“พี่ต่าย!!!”เขมยกเอามือปิดปากพร้อมกับผลักคนที่ชักจะแกล้งเขาหนักเกินไปแล้วให้ห่างออกไป “ไม่เล่นแบบนี้นะครับ”

“โกรธเหรอครับ”ต่ายส่งยิ้มบางเบาให้คนที่ทำเสียงเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมาฉายแววที่หลากหลายปนเป “ว่ายังไงครับ เด็กดี”

“พี่น้องกันไม่ทำแบบนี้หรอกนะครับ”เด็กหนุ่มหลุบตาลงมองน้องหมาน้อยของตน

“นั่นสินะ พี่น้องเขาไม่ทำแบบนี้หรอก”รอยยิ้มยั่วเย้ายังคงฉาบทับใบหน้าหล่อเหลาของใครอีกคน

เสียงสนทนาในห้องก็พลันเงียบลง มีเพียงเลียงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ที่ดังเคล้าเสียงพัดลมที่เปิดไว้

บรรยากาศที่เงียบงันนั้นชวนให้คนที่ทำงานหนักในทุก ๆ วันรู้สึกง่วงงุนจนผล่อยหลับไป

รณกฤตมองคนที่นั่งพิงโซฟาหลับไปทั้งที่บนตักมีเจ้าตัวน้อยซุกตัวอยู่

หลับทั้งเจ้านายทั้งสัตว์เลี้ยง

ต่ายลุกไปหยิบเอาผ้าห่มผื่นบางมาคลุมตัวคนที่หลับปุ๋ยไปแล้ว ส่วนน้องตะวันนั้นก็ลุกขึ้นเดินเตาะแตะไปซุกพุงของคุณมณีเป็นที่เรียบร้อย

“ต่อหน้าพี่อ่อนแอให้มาก ๆ หน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนะ เด็กดื้อ”มือเย็นเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากของคนที่อยู่ในห้วงนิทราแผ่วเบา “ให้พี่ได้ดูแลน้องต่อไปนะครับ”



เพราะความติดพุงกระต่ายของเจ้าหมาเด็ก ทำให้คนเป็นเจ้าของต้องกลุ้มใจ พอแยกพากลับไปนอนที่ห้องตะวันก็ร้องซะจนน่าสงสาร จำต้องพากลับมาหากระต่ายพี่เลี้ยงอยู่คุณเพชรมณี

พอเจ้าตัวดีได้ไปซุกพุงนุ่ม ๆ เท่านั้นแหละ หลับปุ๋ย

“ติดคุณมณีน่าดูเลยนะเนี่ย”ต่ายมองเจ้าลูกหมาที่น่าจะคิดว่ากระต่ายตัวผู้ของเขาเป็นแม่มันไปแล้ว “แล้วคนนี้ล่ะ เอาเสื้อผ้ามานอนติดพี่ไหมครับ”

“ผมจะนอนโซฟา”เขมแยกเขี้ยวใส่คนช่างยั่วที่นับวันยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ

เยอะกว่านี้เขาจะคิดจริงจังแล้วนะ!

“ไปอาบน้ำเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นไปเข้าเรียนคลาสเช้านี่”มืออุ่นดันหลังรุ่นน้องให้ไปจัดการตัวเอง “เดี๋ยวพี่นอนรอที่เตียงนะครับ น้องเขม”

“ผมจะนอนโซฟา!”เขมทิวาย้ำอีกรอบก่อนจะเดินลิ่ว ๆ เข้าห้องน้ำไป

แล้วออกมาหยิบเสื้อผ้า...

รณกฤตหัวเราะให้กับความปึงปังบูดบึ้งของอีกฝ่ายที่น่ารักในสายตาเขา แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาชอบแกล้งได้ยังไงกัน

ชายหนุ่มเหล่มองโซฟาตัวกว้างที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะหันไปยกเอาของมาวางกอง ๆ เอาไว้ให้ดูรก ๆ

“เรียบร้อย”เขายืนชื่นชมผลงานของตัวเองอยู่อึดใจนึง ก่อนจะเดินผิวปากไปนอนอย่างอารมณ์ดี

ก็... ไม่อยากบังคับใคร แต่อยากให้นอนด้วยกันนี่

ต่ายเว้นที่ข้างนึงเอาไว้รอคนที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จมานอน หรี่ไฟที่สว่างจ้าลงให้สลัว ๆ พอมองเห็นทางและนอนได้ ก่อนจะมุดลงผ้าห่มรอเหยื่อมาติดกับ

เสียงปิดประตูห้องน้ำที่แว่วเข้ามาในหูชวนให้คนเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่มนับถอยหลังในใจรอใครบางคนเดินเข้ามาในห้อง

3

2

1...

ผ้าห่มที่ต่ายใช้มุดตัวถูกดึงออกไปพร้อมกับหมอนข้างและหมอนหนุนอีกใบ ของทั้งหมดถูกหอบออกไปข้างนอกทิ้งให้เจ้าของห้องนอนหนาวอยู่หลังประตูที่ถูกปิดดังปัง

“...”ต่ายลุกขึ้นมานั่งมองประตูห้องที่ถูกปิดสนิทด้วยสายตาว่างเปล่า “เล่นกันแบบนี้เลยนะ เด็กดื้อ”

คนเป็นพี่อย่างเขาจะยอมให้น้องแกล้งสำเร็จได้ยังไง ต่ายทิ้งเวลาสักพักให้เจ้าลูกหมาวางใจก่อนจะคว้าหมอน ปิดแอร์ เดินไปหยิบผ้าห่มอีกผืนแล้วเดินออกนอกห้องไปบ้าง

แน่นอนว่าคราวนี้รณกฤตไม่ปล่อยให้เหยื่อที่หมายตาหลุดลอดออกไปแน่ ทันทีที่ร่างโปร่งที่นอนอยู่บนพื้นรู้ตัว เขาก็โถมเข้าไปกอดคน ๆ นั้นไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

“ชวนนอนเตียงดี ๆ ไม่ชอบ ชอบนอนพื้นนะครับ”เสียงกระซิบที่ข้างหูพาไรขนอ่อนลุกชัน “งั้นเราก็นอนด้วยกันบนพื้นที่แหละ”

“พี่ต่ายก็ไปนอนเตียงดี ๆ สิครับ”เขมที่รู้อยู่แล้วว่าดิ้นไปก็มามีประโยชน์เอี้ยวคอมาพูดกับคนที่มาทำรุ่มร่ามกับเขา “ผมจะนอนกับน้องตะวัน”

“พี่ก็จะนอนกับน้องเขมไงครับ”ผ้าห่มครึ่งผืนที่คลุมตัวของเขมทิวาอยู่ถูกดึงออกมาให้ร่างสูงได้ลงนอน ก่อนที่กายของทั่งคู่จะถูกผ้าผืนนุ่มอีกผืนคลุมทับไว้ “ราตรีสวัสดิ์ครับ น้องเขม”

“...”

แล้วสุดท้ายเขาก็ไม่สามารถเอาชนะความเอาแต่ใจของเจ้าของห้องได้



นี่เป็นอีกวันที่คุณหนูอักษรติดรถเจ้าชายเศรษฐศาสตร์มาลงที่หน้าคณะ สายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่าเพื่อนผู้ใส่ใจมองมายังร่างโปร่งเป็นตาเดียว

อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรมาก... คนหน้าตาดีมีไว้ให้มอง เพราะอย่างนั้นก็ขอมองสักหน่อย ว่าแต่... พวกเขาเป็นอะไรกันน่ะ มาด้วยกันด้วย คนละคณะไม่ใช่เหรอ หรือเป็นทางผ่าน

เสียงซุบซิบของเหล่าผู้ที่ให้ความสนใจในความหน้าตาดีของมนุษย์ดังแว่วมาให้ได้ยิน แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่เพิ่งถูกแกล้งมาหันเหไปสนใจได้

นับวันยิ่งแกล้งหนักข้อขึ้น ไม่คิดถึงใจที่ทำงานหนักทุกวันกันบ้างเลย

“เฮ้อ”หรือเขาควรจะรวบรวมปูนมาโบกหน้าเข้าไปถามให้รู้กันไปเลยว่าที่แกล้งเขาแบบนี้เพราะอะไร

หยุด ๆ เขมทิวา อย่าฟุ้งซ่าน

เขาสั่นหน้าแรง ๆ เรียกสติตัวเองที่ชักจะลอยไปกลับมา แต่เมื่อหันไปมองรอบ ๆ แล้ว... ชักอยากจะเหม่อใหม่แล้วสิ

“นี่ คุณหนู มากับเจ้าชายอีกวันแล้วน้าาา”คนสวยเจ้าประจำอย่างแอนเดรียเข้ามากระแซะถามไถ่เพื่อนร่วมคณะด้วยความอยากรู้ “สรุปคบกันยังจ๊ะ”

“เปล่านี่”เขมยังคงตอบเพื่อนด้วยเสียงนุ่มนวล “ไม่ได้เป็นอะไรกันนะ”

“ชิ เล่นตัวล่ะสิ”ดวงตาภายใต้คอนแทคเลนส์สีซีดกรอกไปมา ก่อนจะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็ดี เป็นสาวเป็นนางจะง่าย ๆ ได้ยังไง”

ริมฝีปากบางอ้าหมายจะปฏิเสธ แต่เสียงโทรศัพท์ดันดังขึ้นซะก่อนพร้อมแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว

“เดี๋ยวเจอกันในคลาสละ”คุณหนูอักษรไม่ลืมที่จะหันไปบอกคู่สนทนาก่อนจะปลีกตัวไปรับสายคนที่กำลังรอสายอยู่ด้วยรอยยิ้มบางเบา “ครับ คุณย่า”

“เขมลูก เย็นนี้หนูว่างไหม”น้ำเสียงที่ลอดออกมาแฝงความกังวลจาง ๆ ให้คนฟังพอสัมผัสได้

“ผมมีทำงานพิเศษ... แต่ก็พอจะขอลาได้อยู่ครับ”เขมตอบกลับไปนิ่ง ๆ แต่ในใจเริ่มรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก “คุณย่ามีอะไรหรือเปล่าครับ”

“เอาไว้มาคุยกันตอนเย็นนะลูก”แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป ทิ้งให้คนฟังเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพัง

เกิดอะไรขึ้นกันนะ...






@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

มาแล้วค้าาาา เอาโน้ตบุ๊คไปวางทิ้งบริษัทนาน ไม่ได้อัพเลยยย ฮืออออ

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
พี่ต่ายรีบขอน้องเป็นแฟนเร็ว
รออะไรอยู่

 :pig4:


ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
มาต่ออีกกกกกกกกกกก  :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 10

คนเป็นแม่



หลังเลิกเรียน เขมทิวานั้นมุ่งหน้าไปขอลางานกับเจ้านายของตนที่ร้านทันที ซึ่งเจ้สวยนั้นก็ให้ลูกจ้างคนขยันของเธอลาอย่างไม่อิดออด ทั้งยังถามกลับว่าวันต่อไปจะหยุดด้วยไหม ไม่หยุดก็ต้องหยุดเพราะเจ้สวยจะไปดูหนังรอบปฐมทัศน์กับลูกนะของเธอ

และแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะบอกกับคนที่ช่วงนี้ตัวติดกันไม่น้อยอย่างคนในใจของเขา แน่นอนว่าต่ายก็อาสามาเป็นเพื่อนด้วย

ดวงตาสีน้ำตาลสวยมองไปยังใบหน้าที่ละม้ายคล้ายตนด้วยความสับสน เขาจับจ้องหญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่าภายในใจ

ผู้หญิงคนนี้... คือแม่ของเขา

มันคงพูดยากถ้าจะบอกว่าเขาไม่รู้สึกอะไร ในขณะเดียวกันก็พูดยากยิ่งกว่า ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไง

มันทั้งจุกแน่นและดีใจ ดีใจที่ได้พบกับคนที่เขาเฝ้ามองหามาอยู่ตลอด แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึกหวาดกลัวมันก็แทรกซึมเข้ามาในจิตใจ

แม่... ที่หายหน้าไปกว่าสิบปีกลับมาอยู่ในบ้านที่เขาเติบโตมา มันจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันนะ

“เขม นั่งลงสิ”คุณย่าที่สูงวัยของเขาเอยขึ้นท่ามกลางความอึดอัด “ไม่ต้องบอก เขมก็คงจำราตรีได้สินะ”

“ครับ”เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ถึงจะไม่ได้พบหน้ามาเนิ่นนาน แต่เขาก็ยังไม่ลืมคนที่ให้กำเนิดเขามาคนนี้ ไม่มีทางลืม...

ตัวเขากับแม่หน้าตาเหมือนกันพิมพ์เดียวกันขนาดนี้... ถึงอยากลืมแค่ไหนก็ไม่มีทางได้ลืมลง

“เขม... โตขึ้นมากนะลูก”น้ำเสียงหวาน ๆ ที่ยังคงอ่อนโยนเหมือนในความทรงจำชวนให้น้ำตาของเด็กที่เติบโตมาด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวน้ำตารื่น “แม่คิดถึงลูกมากนะ”

น้ำเสียงที่แสนคะนึงหาพาลให้น้ำตารื่นไหล มือหยาบที่บอกถึงการทำงานหนักของหญิงตรงหน้ายื่นมาจับแก้มเขาเอาไว้ ส่งผ่านความอบอุ่นอันแสนอ่อนโยนที่เขาเรียกร้องอยู่ภายในใจมาให้

สัมผัสของแม่... ความอบอุ่นที่เขาไม่คิดว่าจะได้รับมันอีกครั้ง

“แม่...”เสียงของเขมทิวาสั่นเครือ ในสถานการณ์แบบนี้ตัวเขาควรจะทำยังไง โผเข้าไปกอดแม่เอาไว้ หรือตีตัวออกห่างดี... “กลับมาแล้วเหรอครับ”

“เปล่าลูก”ราตรีเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นไหวไม่แพ้บุตรชาย เธอลูบไว้แก้มนุ่มของเด็กหนุ่มด้วยความรัก “แม่กลับมาที่นี่ไม่ได้แล้ว มันไม่ใช่ที่ของแม่”

“แล้วทำไม...”ถึงเข้ามานั่งตรงนี้ มาให้เขาดีใจทำไม คำถามนั้นดังก้องในหัว จุกอยู่ในคอ

แต่มันก็พูดไม่ออก...

“แม่จะมารับเขมไปอยู่กับแม่”คำกล่าวที่ผ่าลงมากลางใจของเด็กหนุ่ม เขามองคนที่ให้กำเนิดเขามาอย่างไม่เชื่อสายตา “ไปอยู่กับแม่นะลูก”

แม่มารับเขาไปอยู่ด้วยกัน

แม่มารับเขา...

“ทำไมล่ะครับ...”คำที่เขมทิวาเอ่ยออกมาได้ตอนนี้เป็นคำเดียวกับที่หมุนวนอยู่ในหัวของเขา

ทำไม... ทำไม และทำไม

มันไม่ใช่เวลาแค่ปี สองปี สามปี แค่มันเป็นนับสิบปีที่แม่ทิ้งเขาไป แต่วันนี้กลับบอกว่าจะมารับเขาไปอยู่ด้วย

ทำไมล่ะ

ทำไม่ถึงมา... ทำไมถึงเพิ่งมาหาเขาเอาวันนี้

ทำไมกัน

“ไม่ร้องไห้นะลูก”ปลายนิ้วสากปาดน้ำตาที่เอ่อล้นของลูกชายออก “ถึงที่ผ่านมา แม่ไม่ได้อยู่กับเขม แต่แม่ก็ไม่ได้ทิ้งเขมนะลูก”

“ที่ผ่านมา...“เขาต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะก้าวผ่านแต่ละวันที่เหมือนกับว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวมาได้

แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าทิ้งอย่างนั้นเหรอ...

“ฟังแม่นะเขม”มือที่อบอุ่นนั้นเลื่อนมาจับกุมมือของลูกชายที่เย็นเฉียบ เธอส่งยิ้มให้กับคนเป็นลูกอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเล่าในสิ่งที่เธอได้ทำลงไปออกมา “ลูกคงคิดว่าแม่ทิ้งลูกไป ไม่รักลูกคนนี้แล้ว...”

ถ้อยคำที่กระแทกใจคนฟังนั้นทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังฝืนตัวเองน้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง

“มันไม่ใช่เลยลูก แต่แม่ต้องไป ไปเพื่อลูกของแม่”คำอธิบายเรื่องราวที่ผ่านมาพรั่งพรูออกมาจากหญิงวัยทำงาน “เขมคงรู้อยู่แล้วว่าแม่มีเขมในวันที่ไม่พร้อม ครอบครัวแม่ไม่มีใครพร้อมที่จะเลี้ยงดูลูกในตอนนั้น

ตอนแรกแม่คิดว่าเราคงสามารถเลี้ยงดูลูกได้... แต่มันไม่ใช่ แม่ที่ยังเรียนไม่จบกับพ่อที่เพิ่งจบ เราหาเงินได้ไม่พอ และที่สำคัญเราไม่ได้รักกัน พ่อของลูกรักคุณบิวมาแต่แรกแล้ว พ่อของลูกกับแม่เราทะเลาะกันบ่อยมาก เคยแม้แต่เถียงกันต่อหน้าเขมแต่ลูกคงจำไม่ได้แล้ว และสุดท้ายเราก็ต้องแยกทางกันไป แม่ออกมาทำงานหาเงินส่งให้ลูกใช้โดยผ่านคุณย่าของลูก”

ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้คนที่ได้ฟังนิ่งค้างไป ดวงตาสีน้ำตาลที่ได้รับจากมารดาตวัดไปมองคนที่คอยเลี้ยงดูเขาอยู่ห่าง ๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“ราตรีไม่ได้โกหก...”หญิงชราเอ่ยออกมาเสียงเบา เธอเบือนหน้าหลบสายตาของหลานชายที่กำลังมองเธอด้วยแววตาสั่นไหว มันทำให้เธอรู้สึกผิดกับบางอย่างในใจ

“ตอนแรก ๆ แม่ยังไม่มีงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แม่ส่งเงินมาให้ลูกใช้ได้เดือนนึงไม่กี่พัน จนแม่ตั้งตัวได้ แม่ก็ส่งเงินมาให้ลูกใช้หมื่นนึงตลอด...”ราตรีเหลือบมองคนที่เธอนับถือในบ้านหลังนี้ด้วยแววตาที่หม่นลง “แต่แม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม... ลูกถึงยังต้องลำบากทำงานพิเศษพวกนั้นอีก”

“แม่รู้ได้ยังไงครับ”เขมถามกลับไปทันที เรื่องการทำงานพิเศษของเขาไม่ได้ปิดบังคนในครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงแค่เบ็ตตี้กับคุณย่าที่รู้ “คุณย่าบอกเหรอครับ...”

“ไม่ใช่หรอก...”เสียงที่นุ่มนวลนั้นแข็งกระด้างขึ้น “แม่ไม่ได้อยู่กับลูก ไม่ได้หมายความว่าแม่จะไม่คอยดูแลลูกนะ เขม”

ผู้สูงวัยที่สุดในที่นี้หลุบสายตาลงไม่กล้าสบตากับใครอีก ความละอายแก่ใจในสิ่งที่เธอได้กระทำลงไปตลอดหลายปีที่ผ่านมากดทับหัวใจของเธอจนหนักอึ้ง

“”เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ...”ราตรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอจะให้อดีตแม่สามีของเธอมาขอโทษลูกชายได้ยังไง... ถึงเธอต้องการ แต่ลูกชายของเธอไม่มีทางยินยอมแน่ “แต่ต่อจากนี้ไป แม่จะดูแลลูกเอง”

นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสน สิ่งที่เขาเคยคิด กับสิ่งที่ได้รับรู้มันไปคนละทางกัน แม่ยังรักเขา ต้องการให้เขาไปอยู่ด้วย...

เขมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับครอบครัวใหม่ของพ่อ ถึงแม้จะไม่ได้สนิทอะไรกับแม่เลี้ยง แต่เขาก็รักน้องสาวต่างแม่ของเขามาก กับพ่อก็ไม่ได้ชิดเชื้อกันมากนัก

ส่วนคุณย่า... เขมทิวาทั้งรักและเคารพทั้งผูกพัน และอยากดูแล อยากตอบแทนที่ท่านคอยเลี้ยงดูเขามา

แต่เสี้ยวนึงในหัวใจของเขา เขาก็อยากไปอยู่กับแม่ และเสี้ยวนั้นมันก็ขยายขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างห้ามไม่ได้

“ผม...”ยังให้คำตอบไม่ได้...

“ให้น้องกลับไปตัดสินใจก่อนเถอะครับ คุณน้า”รณกฤตเดินที่รอเขมอยู่เดินเข้ามาจับบ่าคนที่เขาคอยดูแลอยู่ “ผมคิดว่าน้องต้องการเวลา”

“จ๊ะ... แม่รอลูกได้เสมอนะ เขม”มือที่ลูบผมของเขมนั้นยังคงอ่อนโยนเหมือนในวันวาน ยิ่งทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหว

“เขม... ไม่ต้องห่วงย่า เลือกในสิ่งที่เขมต้องการนะลูก”หญิงชรามองหลานชายที่เธอรักด้วยความเอ็นดูไม่เสื่อม แต่ในดวงตาที่ทอดมองมานั้นยังแฝงความรู้สึกผิดไว้ไม่สร่าง “เขมก็รู้ย่ามีทุกคนอยู่ข้าง ๆ เสมอ รวมถึงหลานชายคนนี้ของย่าด้วย”

“ครับ คุณย่า”เขมทิวาลุกขึ้นไปกอดคนที่เขาเคารพรักไว้แน่น ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหน เขาก็จะยังรักคน ๆ นี้ไม่มีวันเปลี่ยน

ต่ายพาเขมกลับไปนอนที่คอนโดของตน ชายหนุ่มทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันตลอดทาง กระทั่งเข้านอน พวกเขาก็ไม่ได้พูดกัน

ถึงแม้ว่าตัวของต่ายเองนั้นจะอยู่ข้างราตรีผู้เป็นแม่ของเขม แต่เขาก็ไม่ได้

เขาอยากให้น้องตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นยังไง เขาก็จะอยู่ข้าง ๆ น้องเสมอ



ร่างโปร่งก้าวลงจากรถสีดำคันประจำที่มาส่งเขาบ่อยขึ้นจนชินตาของเพื่อนร่วมคณะ จากตอนแรกที่มีเสียงถามไถ่อย่างใส่ใจจนตอนนี้เสียงเหล่านั้นเงียบไป

แต่การที่เจ้าชายเศรษฐศาสตร์ขยันมาส่งคุณหนูอักษรในแทบทุกเช้านั้น ทำให้สมาคนนิยมคนหล่อเป็นอาหารตาพากันมานั่นเม้าส์มันส์บันเทิงกันแต่เช้า อาจารย์ที่มาสอนก็ดูจะพอใจที่นักศึกษามานั่งเรียนในช่วงเช้ากันเยอะขึ้นจนแทบอยากจะเอาโล่รางวัลมาให้ทั้งสองคน

อืม... แต่วันนี้มันก็ดูจะไม่ต่างจากทุกวันเท่าไหร่ ไม่สิ ดูจะแตกต่างอยู่นิดหน่อยเหมือนกันล่ะมั้ง

ก็สีหน้าของเขมทิวาดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลยนี่... ถึงปากจะแย้มยิ้ม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับทอประกายหม่นเสียจนทำให้รอยยิ้มที่แย้มออกมาดูเศร้าจนน่าเป็นห่วง

ทัศน์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงที่ประจำเหลือบมองเพื่อนที่ช่วงนี้หายหน้าหายตาหลังเลิกเรียนบ่อย ๆ แล้วมองเลยไปยังคนที่เปิดกระจกรถมองตามหลังเพื่อนเขามา

“นิส โทรตามแซนกับเจมส์มารวมตัวกันเย็นนี้ด้วย”เสียงทุ้มต่ำส่งมาสั่งคนที่มองเพื่อนซี้ตาค้าง เขาปิดหนังสือในมือลงยัดใส่กระเป๋าไป “ไม่สิ เราเลิกเรียนเที่ยง นัดบ่ายที่ห้องฉันเลย”

เทนนิสมองหน้าทัศน์อย่างงง ๆ แต่ก็หันไปโทรหาเพื่อนซี้อีกสองคนโดยดี แต่ยังไม่ทันจะโทรเสร็จก็โดนเพื่อนเด็กเรียนลากเข้าห้องตามคุณหนูไปซะก่อน

เดินไปโทรไปก็ได้วะ

เขมเดินเข้าไปนั่งในห้องเรียนโดยไม่แวะไปหาเพื่อนก่อนเหมือนอย่างเคย เขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะเลคเชอร์ตัวเล็ก ตอนนี้ตัวเขาไม่อยากพูดคุยอะไรกับใครทั้งนั้น

แต่เขาก็ไม่ลืมเก็บใบโคลเวอร์ไว้ซื้อของให้กบเดินทางนะ...

ที่ในเวลานี้เขายังไม่อยากคุยกับใครเพราะเขากำลังรู้สึกสับสน บางอย่างที่คิด ที่จดจำจนฝังหัวกลับไม่เป็นอย่างที่เคยรู้มาก่อน มันทำให้สมองที่ค่อนข้างจะฉลาดของเขมทืวาตื้อจนคิดอะไรไม่ออก

ไปอยู่กับแม่...

แม้ว่าตอนนี้มันเริ่มจะชินชาที่จะไม่มีมือคู่นั้นคอยประคองแล้ว แต่มันคือสิ่งที่เขาปรารถนามาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน

ดูแลคุณย่า...

ยังไงเขาก็ควรที่จะอยู่ตอบแทนพระคุณคนที่คอยเลี้ยงดูเขามาใช่ไหม

เลือกทางไหนดี...

ท่าทีเซื่องซึมสลับครุ่นคิดของคุณหนูอักษรพาให้เพื่อน ๆ ที่แอบมองอยู่รู้สึกกังวลใจตาม ๆ กันไป อีกทั้งยังทำให้ต่อมเผือกของเหล่าคนอักษรทำงานอัตโนมัติ ปิดเครื่องก็ไม่ลง

อยากรู้ อยากรู้ที่สุด!!!!

เผือก อยากเผือกมาก ทำไงดี

ความอยากรู้อยากเห็นผุดขึ้นมาในจิตใต้สำนึกของเพื่อนร่วมคลาสทุกคน แต่ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้าไปถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่สองเกลอของชายหนุ่มมานั่งส่งสายตาฟาดฟันชาวเผือกมันด้วยแล้ว

ฮึ่ย ทำให้คนอยากรู้อย่างแรงแล้วจากไปทันบาป ไม่รู้หรือไงกัน

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่อาจารย์ผู้สอนคณะอักษรศาสตร์นั้นรู้สึกปลื้มปลิ่มใจที่เหล่านักศึกษานั้นต่างตั้งใจเรียน ไม่คุยเล่นกันเหมือนปกติ พร้อมรับความรู้กันอย่างเต็มที่ซะจนอยากอัดวีดีโอไว้เป็นที่ระลึก

เด็กน้อยของพวกเราโตขึ้นแล้วสินะ

ก็... โตขึ้นคงถูกแล้ว ความอยากรู้เรื่องของคนอื่นน่ะนะที่โตขึ้นเสียจนทำให้ไลน์กลุ่มแทบระเบิด แต่! ก็ยังไม่ได้มีข่าวความคืบหน้าอะไรให้ได้รู้กันเลย

มีแต่ เหม่อ จด เหม่อ จด

จะช่วยเป็น

เหม่อ พูด เหม่อ พูด สักหน่อยไม่ได้หรือยังไงกัน!!!

ความอัดอั้นในอกของเหล่าผู้ใส่ใจรอเวลาปะทุออกมากันกลับต้องมอดลงด้วยตัวเอง เพราะทันทีที่เลิกคลาส เป้าหมายของพวกเขาก็ถูกเหล่าเพื่อน ๆ ในกลุ่มตัวเองมาหามออกไปอย่างรวดเร็ว

เห็นแก่ตัวที่สุด!!!!!



เขมทิวาจมอยู่ในความคิดของตัวเองจนไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อน ๆ ของเขาหิ้วตัวเขามาดร็อปไว้กลางห้องพักแล้ว กว่าจะรู้ตัวเขมก็ถูกล้อมไปด้วยพลพรรคทั้งสี่ที่จ้องตาเขม็งกันอยู่รอบตัว

รู้สึกเหมือนจะโดนบูชายันต์ยังไงไม่รู้...

“มีอะไรเหรอ...”เขมเอ่ยถามเพื่อน ๆ ที่นั่งล้อมเขาสี่ทิศเสียงอ่อย

“เล่ามา!”เจ้าแม่แซนโพล่งขึ้นทะลุปล้องแบบไม่มีความคิดจะอ้อมค้อมใด ๆ

“เล่า...”อะไร

“อย่ามาทำไก๋ เขมทิวา เล่ามาซะดี ๆ ว่าทำไมนายถึงเป็นแบบนี้”แซนทำหน้ามุ่ยเมื่อเพื่อนทำทำตาเบลอ ๆ ใส่ไม่เลิก “เล่ามา นายไปเจออะไรมาถึงทำตัวเหี่ยวเฉาเป็นหมาขาดน้ำแบบนี้”

“เราทำพวกนายเป็นห่วงเหรอ...”คนที่เพิ่งรู้ตัวแย้มยิ้มแหย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เมื่อวานเราไปเจอแม่มา แม่จะมารับเราไปอยู่ด้วย”

เด็กหนุ่มเรียบเรียงเรื่องที่เกิดขึ้นในหัว ก่อนจะค่อย ๆ เล่าออกมาให้เพื่อนสนิททั้งสี่ของตนฟัง กับเพื่อนที่คบกันมานานจนแทบจะสิงรวมกันเป็นร่างเดียวแล้ว เขมไม่คิดจะปิดบังอะไร

พูดให้ถูก... คือปิดไปเดี๋ยวพวกนี้ก็ไปหาทางกินเผือกได้อยู่ดี

เรื่องราวที่เหมือนหนังคนละม้วนกับที่เคยได้เห็นทยอยหลุดออกมาจากปากซีด ความลำบากใจที่แฝงมากับน้ำเสียงมันชัดเจนเสียจนทุกคนสัมผัสได้

“แล้วนายจะเอายังไง คิดไว้หรือยัง”ทัศน์เอ่ยถามเมื่อเพื่อนเล่าจบ เขาสบตากับคนที่ยังคงสับสนนิ่ง “นายลองถามใจของนายดูว่านายต้องการอะไร”

มันเป็นคำถามที่เขาถามตัวเองมาทั้งคืน ลากยาวมาถึงเช้า แต่ก็ยังไม่สามารถฟันธงเลือกทางใดทางนึงได้

“ตัดตรรกะบ้าบอคอแตกมี่เต็มสมองนายออกให้หมดแล้วเลือกสิ่งที่ต้องการออกมา เก็บความคิดจำพวกคนดีที่โลกรอ หมอXYZ ลงโอ่งไปให้หมดด้วย”แซนดักความคิดของคุณหนูอักษรอีกครั้ง “มีโอกาสให้เลือก ก็เลือกซะ อย่าจิ๊จ๊ะให้มาก”

“จะทางไหนยังไงนายก็มีพวกเราอยู่นะ”เจมส์ไม่คิดจะกดดันอะไรเพื่อนเพิ่ม เขาเลือกที่จะแสดงจุดยืนของตัวเองให้เพื่อนวางใจ

ให้เขมทิวาไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

“ว่าแต่... ไอ้นิสมันเงียบไปเลยนะ”สายตาสี่คู่หันไปหาคนพูดมากที่ตอนนี้กลับไม่ส่งเสียงอะไรเลยจนน่าประหลาดใจ

การนั่งนิ่ง ๆ พยักหน้าเป็นจังหวะที่ไม่สม่ำเสมอของเทนนิสพาให้เพื่อน ๆ หลุดขำออกมาอย่างสุดจะกลั้น เรื่องดราม่ากับคนอย่างหมอนี่มันก็ไม่ถูกกันจริง ๆ นั่นล่ะ

พวกเขาทั้งห้าเป็นเพื่อนกันมานานเกินกว่าที่จะเก็บเรื่องพวกนี้มาถือสา ทุกคนรู้ดีกว่าไม่ใช่เทนนิสจะไม่ห่วงเพื่อน แต่เทนนิสจะไม่ยุ่งกับปัญหาที่ต้องใช้ความคิดใด ๆ ทั้งนั้น

ถ้าเป็นเรื่องกำลังล่ะ... ขอให้บอก นิสพร้อมลุย

“ปล่อยมันเข้าฌานไปเหอะ ยังไงมันก็ไม่เสนอความเห็นเรื่องพวกนี้อยู่ละ”สาวน้อยคนเดียวในยกลุ่มแยกเขี้ยวใส่ไอ้คนที่นั่งหลับอย่างหน้าไม่อาย อันที่จริงเธอก็อยากจะเขกกบาลเทนนิสสักที่เหมือนกัน แต่มันก็ไร้ประโยชน์ไง

ไร้ประโยชน์ซะจริง ๆ

“แล้วนายได้คุยกับพี่คนนั้นยัง”เจมส์ถามถึงบุคคลที่สามที่ช่วงนี้ดูจะตัวติดกับเพื่อนของเขาไม่น้อย “เห็นว่าไปค้างห้องเขาบ่อยนี่”

“ได้กันยัง!”เรื่องดราม่าถูกปัดทิ้งลงเหวไป เรื่องใต้สะดือเข้ามาแทนที่ ดูทรงแล้วน่าจะได้รับความสนใจมากกว่าประเด็นหลักที่คุยกันอยู่ซะอีก

“บ้า เรากับพี่เขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”เขมผลักหน้าของเพื่อนสาวออก ก่อนจะหันไปตอบคำถามของเพื่อนอีกคน “ยังเลย เมื่อคืนกลับห้องไปก็ไม่ได้คุยอะไรกัน...”

“แน่ะ ๆ อยู่ห้องเดียวกันด้วย”สาวเจ้าพุ่งเข้ามาหาเพื่อนหนุ่มอีกรอบ ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายระยับด้วยความถูกอกถูกใจอะไรบางอย่าง “เอาKY ไหม หรือเอาพวกวาสลีนดี เดี๋ยวฉันเป็นผู้สนับสนุนหลักให้เอง รับรองของมีคุณภาพ”

“เดี๋ยวดิ เขมกับพี่ต่ายยังไม่ได้คบกันเลยนะเว้ย”พอหมดประเด็นที่ต้องใช้สมองคิด เทนนิสก็ตื่นขึ้นมาร่วมวงหน้าตาเฉย ราวกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แอบงีบไปอยู่ “เอาที่จำเป็น ๆ ก่อนดิ อย่างพวกถุงยาง หรือยาคุมอะไรแบบนี้”

“เดี๋ยว ๆ เพื่อนเราเป็นผู้ชาย เอายาคุมไปเพื่อ?”เจมส์ส่ายหน้าให้กับความคิดฟุ้งซ่านที่ไม่เข้ากับความเป็นจริงของไอ้ตัวขี้เสาประจำกลุ่ม “มันต้องเป็นชุดวันเกิดดิถึงจะเจ๋ง”

“นี่เราจะสนับสนุนให้เพื่อนได้ชายกันใช่ไหม?”ทัศน์เลิกคิ้วมองคนสามคนที่เถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แล้วหันไปมองคนที่นั่งทำหน้าเอ๋อ ๆ แก้มแดง ๆ อยู่กลางวง “ฉันว่าป่านนี้ของพวกนั้น พี่เขาคงเตรียมไว้หมดแล้วนั่นล่ะ ก็นะ ถ้าเป็นพี่ต่ายฉันก็ไฟเขียวให้เหมือนกัน”

“พวกนายไม่คิดว่าเราจะกอดพี่เขาบ้างเหรอ...”ขอทางเขมเรียกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายคืนมาหน่อยนะ

แต่คำถามนี้เพื่อน ๆ ขอตอบมันด้วยสายตามองบนก็แล้วกันนะ คุณเขมทิวา



ฝันอะไรอยู่!!




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

บทที่ 10 มาแล้วค้า หลังจากนี้จะพยายามมาต่ออย่างน้อยสับปาด์ละครั้งนะคะ กำลังใจกลับมาเต็มเปี่ยมแล้ววว

ฝากพี่ต่ายกับน้องเขมด้วยน้าาา

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องเขม  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
 หายไปนาน ต้องกลับไปอ่านทวนอีกรอบ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
กลับมาแว้ววววว   :katai3: :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้กำลังใจคนเขียนครับ o13

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แม่ให้คุณย่ามาเดือนละหมื่นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของเขม  แต่คุณย่าก็คงเอาไปจุนเจือครอบครัวลูกชายด้วยส่วนนึงคือ 3 ใน 4  ส่วนเขมก็ได้มาเพียง 1 ใน 4 ด้วยภาพที่ออกมาว่าเขมได้เงินนั้นจากคุณน้า  เขมเลยยังต้องทำงานแลกเงินเหมือนเดิม

ชีวิตช่างรันทดจริง ๆ

ป.ล. พี่ต่ายรู้จักคุณแม่ของน้องเขมได้ยังไง?   สงสัยฮีแกเป็นนักสืบแน่ ๆ เลย

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 11

ทางเลือกที่ไม่ได้เดินเพียงลำพัง



เขมทิวาใช้เวลาอยู่กับตัวเองอีกหลายวัน ก่อนจะติดต่อไปหารุ่นพี่คนสนิทหลังจากตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้ว

และนี่เป็นอีกครั้งที่เขมทิวากลับมาบ้านของตนพร้อมกับรณกฤตที่อาสาเป็นสารถีให้กับเขาตามเคย

ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ เขมเหลือบมองคนข้างตัวอยู่บ่อยครั้งจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถามออกมาว่าเขามีอะไรที่ต้องการจะถามหรือเปล่า

“พี่เขมรู้จักกับแม่ของผมมาก่อนใช่ไหมครับ”คำถามที่อยู่ภายในใจถูกส่งออกมาหาคำตอบ

“ครับ”ต่ายตอบกลับรุ่นน้องเสียงนุ่ม เขาไม่ได้จะปิดบังอะไรกับน้องเขมอยู่แล้ว

และมันก็ถึงเวลาที่จะพูดได้แล้วด้วย

“ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”คำถามต่อไปถูกส่งมาทันที

“น้าราตรีเคยมาทำงานแม่บ้านที่บ้านพี่น่ะ”คำตอบง่าย ๆ ที่ไม่มีความน่าตื่นเต้นตอบกลับมาในทันทีเช่นกัน “ทำอยู่พักนึงจนลาออกไปขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด ก่อนจะมาเปิดแบรนด์ของตัวเองเมื่อสามปีก่อนนั่นล่ะ”

“เหรอครับ...”มันดูเรียบง่ายจนไม่มีอะไรเลยไปไหมนะ

“น้าราตรีเขาพูดถึงลูกชายเขาบ่อยมาก พอรู้ว่าพี่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับลูกชายเขา เขาก็ฝากให้ดูแลใหญ่เลย”น้ำเสียงที่เอ่ยแฝงความขบขันเอาไว้จาง ๆ “พี่ก็ดูแลห่าง ๆ มาตลอดนะ จนปีนี้นี่แหละที่พี่ตัดสินใจขยับเข้าใกล้เด็กคนนั้นน่ะ”

“...”เด็กคนนั้นก็ได้แต่นั่งก้มหน้าซ่อนแก้มแดง ๆ ไว้หลังเส้นผมที่ดูจะปิดไม่มิดเอาซะเลย

น้ำเสียงอบอุ่นแฝงความเอ็นดูไว้เต็ม ๆ ตอนท้ายประโยคนั่นคืออะไรกัน หยอดแบบนี้เขาก็แย่น่ะสิ

ใช้เวลาไม่นานนักรณกฤตก็สามารถฝ่ารถติดพาเขมทิวามาถึงบ้านจนได้

ไม่นานที่ว่า... คือไม่นานเท่าปกติ แต่ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ เหมือนกันกับวันศุกร์แห่งชาติ

คุณหนูอักษรเดินนำคนขับรถของตนเข้าไปในบ้าน หัวคิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นจำนวนรองเท้าที่วางอยู่เรียงราย

อย่าบอกนะว่า...

เขมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเดิมมาถึงห้องนั่งเล่น มันเป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ ด้วย วันนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า

พร้อมหน้าจริง ๆ ทั้งคุณย่า แม่ พ่อ น้าบิว และเบ็ตตี้ ทุกคนมารวมอยู่กันครบเลยในตอนนี้

“มาแล้วเหรอลูก”คนแรกที่เอ่ยทักเด็กหนุ่มคือแม่บังเกิดเกล้าของเขา เธอลุกขึ้นมาจูงมือลูกชายคนเดียวมานั่งข้าง ๆ เธอ ส่วนต่ายที่มาเป็นเพื่อนนั้น ก็ขอตัวไปนั่งในห้องครัวเหมือนเดิม

“แกสบายดีใช่ไหม”คำถามแรกจากคนที่ไม่ได้พบหน้ากันมาพักหนึ่งถูกส่งมาหลังจากที่ร่างสูงโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้

“ผมสบายดีครับ พ่อ”เขมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “พ่อก็คงสบายดีใช่ไหมครับ”

“ได้ข่าวว่าไปทำงานพิเศษ”โขมพัตถ์ปลายตามองผู้หญิงในบ้านที่นั่งเรียงกันอยู่ “เงินไม่พอใช้เหรอ”

คำถามนี้เขมทิวาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มไม่เอ่ยคำพูดอะไร เขาเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นพ่อของเขาย่อมรู้อยู่แล้ว แต่ได้ทำอะไรสักอย่างมาก่อนไหม อันนี้เขาก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ และเขาก็ไม่อยากไปพูดถึงมันให้เกิดปัญหาขึ้นมา

ผ่านแล้วก็ผ่านไป...

“ไม่อยากตอบก็ช่างเถอะ”นิสัยของลูกชายใช่ว่าเขาจะไม่รู้ แต่ในบางครั้งเขาก็อยากให้ลูกพูดอะไรออกมาบ้าง แต่นะ ไม่พูดก็ไม่พูดฝืนไปก็เท่านั้น “แม่บอกว่าราตรีจะมาพาแกไปอยู่ด้วย?”

“ใช่”คำถามนี้ไม่ต้องรอให้เขมเป็นคนตอบ ราตรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นั้นตอบขึ้นมาเองก่อนเรียบร้อย “ฉันจะพาเขมไปอยู่กับฉัน”

ราตรีอยากจะตอกกลับอดีตสามีเจ็บ ๆ แต่ก็ไม่อยากให้ลูกรู้สึกแย่ เธอเลยได้แต่กลืนคำพูดกระแนะกระแหนเก็บไว้ก่อน

ไว้พูดทีหลังก็คงไม่สาย!

“แล้วเขมจะล่ะ อยากไปไหม”ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวถามความต้องการของลูกชายที่ตนไม่ค่อยได้ดูแล เขามองตรงเข้าไปในดวงตาของลูกที่เหมือนจะได้มาจากฝ่ายแม่ อันที่จริงคงมีเพียงรูปปากที่เด็กคนนี้ได้ไปจากเขา... “แต่ถ้าถามฉัน ฉันอยากให้แกไปมากกว่าอยู่”

ทั้งราตรี บิว และเบ็ตตี้ต่างหันขวับไปมองผู้พูดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อปนตกใจ ณ ที่นี้มีเพียงหญิงชราที่ระบายยิ้มออกมาบางเบาด้วยความเข้าใจในลูกชายของเธอดี และเธอเองก็เห็นดีด้วยเช่นกัน

“พี่ขม!”บิวเอ่ยชื่อสามีเธอเสียงเขียว ถึงเธอจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกเลี้ยงคนนี้นัก แต่เธอก็รู้แก่ใจว่าเงินทองที่เธอใช้อยู่มาจากแม่ของเด็กคนนี้ส่วนนึง และอีกส่วนคือลูกสาวเธอติดพี่ชายคนละแม่ไม่น้อย ถึงจะไม่พูดและทำตัวไม่ดีใส่เจ้าตัวบ่อย ๆ ก็เถอะ

“ให้ลูกชายพี่ไปอยู่กับแม่แท้ ๆ ของเขาที่พร้อมจะดูแลเอาใจใส่มันไม่ดีตรงไหน บิว ในเมื่อไอ้เขมมันอยู่ที่นี่ก็แทบจะไม่มีใครดูแลมัน”ความจริงที่เขาไม่อยากพูด แต่สุดท้ายก็พูดออกมาบาดลึกเข้าไปในใจคนฟัง “ที่ผ่านมาเขมมันคอยดูแลย่า ดูแลน้อง แล้วใครดูแลมัน? พี่ไม่มีเวลา บิวก็ต้องคอยดูเบ็ตตี้ แม่ก็ต้องดูแลบ้าน ตั้งแต่ไอ้เขมมันเริ่มโตขึ้นก็ไม่มีใครยื่นมือไปดูแลมัน ใช่มันเป็นพี่ มันเป็นลูกผู้ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่อยากได้การดูแลที่เต็มที่จากใครสักคน ซึ่งพี่ให้มันไม่ได้ ทุกคนที่นี่ให้มันไม่ได้ แต่ตอนนี้แม่มันพร้อมจะดูแล พร้อมจะให้ทุกอย่างกับมันเต็มที่แล้ว จะให้พี่รั้งไว้ได้ยังไงกัน จะให้พี่ไปตัดอนาคตของลูกตัวเองเพราะอยากให้มีคนมาคอยดูแลคนอื่นในบ้านได้ยังไง พี่ทำไม่ได้”

ไม่มีใครเถียงประโยคนี้ของโขมพัตถ์ออก เพราะมันคือความจริง เด็กชายเขมทิวาในวันวานหรือนายเขมทิวาในวันนี้ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป สองมือยังคงประคองคนที่ตัวเองรักเอาไว้แม้ว่าตนจะต้องลำบากไปบ้างก็ไม่บ่น

 เป็นคนที่เติบโตขึ้นมาอย่างน่าภาคภูมิให้ทุกคนได้ชื่นใจ

“เขมโตพอจะเลือกเองได้แล้ว ให้เขมเลือกด้วยตัวเองเถอะ”คุณย่าที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นบ้าง เธอส่งยิ้มให้กับหลายชายอย่างรักใคร่จริงใจ “ย่าอยากให้เขมเลือกทางของเขมเอง และย่าก็เชื่อว่าเขมจะต้องเลือกทางที่ดีที่สุดของตัวเองได้แน่ ๆ”

“ครับ คุณย่า”เขมทิวายิ้มรับคำของหญิงชรา เขาเบือนหน้ามองทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ตั้งแต่วันที่แม่บอกว่าจะมารับผมไปอยู่ด้วย ผมก็เก็บทุกอย่างไปคิดมาตลอดว่าผมควรจะทำยังไง ใจนึงผมก็อยากไปอยู่กับแม่ ชดเชยเวลาที่พวกเราต้องห่างกัน อีกใจผมก็ห่วงคุณย่ากับเบ็ตตี้...

แต่พอผมได้มองอีกมุมนึง ที่นี่มีพ่อ น้าบิว มีเบ็ตตี้ คอยอยู่เป็นเพื่อนคุณย่า แต่แม่ไม่มีใคร”

ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยหลุบลงมองมือของตัวเอง ก่อนจะระบายยิ้มออกมา

“ผมขอทำตามใจตัวเอง ไปดูแลแม่นะครับ”คำตอบที่คาดเอาไว้แล้วในใจใครหลายคนถูกส่งออกมายืนยันความคิด

“พี่เขมทิ้งเบ็ตตี้”เสียงใสที่เอ่ยออกมานั้นสั่นเครือ สาวน้อยมองพี่ชายที่คยอยู่กับตัวเองมาตลอดด้วยแววตาผิดหวัง “พี่เขมไม่รักเบ็ตตี้แล้ว ฮึก”

“ถ้าหนูเบ็ตคิดถึงพี่ หนูเบ็ตโทรมาหาพี่ก็ได้ พี่จะออกมาหาหนู้เบ็ตเอง”เขมลุกขึ้นเดินไปกอดน้องสาวตัวน้อยที่แสนเอาแต่ใจของตัวเองไว้ “หรือหนูเบ็ตไปหาพี่ที่บ้านแม่ก็ได้”

มือที่อบอุ่นยังคงกอดเธอไว้ด้วยความรักเหมือนเคย เบ็ตตี้ปล่อยโฮออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่พี่ชายมีให้กับเธอ

เขมทิวากอดปลอบน้องสาวที่รักอยู่พักใหญ่ ว่าเจ้าตัวจะสงบลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นพี่ไม่ยอมปล่อย

“ตาบวมหมดแล้วนะ หนูเบ็ต”เขมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบน้ำตาให้กับเบ็ตตี้เบา ๆ “เดี๋ยวไม่สวยนะครับ”

“ไม่สวยก็ไม่สวยสิ เบ็ตตี้ไม่แคร์”สาวน้อยซบหน้าลงกับอกพี่ชายอีกครั้ง “พี่เขมต้องมาหาเบ็ตตี้บ่อย ๆ นะ”

“ครับ เบ็ตตี้ก็ต้องเป็นเด็กดีนะ”เขมรับปากน้องสาวหนักแน่น

“สัญญา”เบ็ตตี้ชูนิ้วก้อยขึ้นมาให้พี่ชายของเธอเกี่ยวก้อยสัญญา ถึงมันจะเป็นการกระทำที่ดูเด็ก ๆ แต่มันก็เป็นการย้ำเตือนถึงคำมั่นที่ให้แก่กันไว้ “อย่าผิดสัญญากับหนูนะ”

ตอนนี้เบ็ตตี้รู้แล้วว่า ถึงเธอจะร้องไห้ดื้อดึงยังไง พี่ชายคนนี้ของเธอก็เลือกที่จะไปแล้วยังไงก็ไม่สามารถรั้งพี่เอาไว้ได้

“ไม่ผิดสัญญาครับ”รอยยิ้มที่อ่อนโยนยังส่งไปให้น้องสาวที่รักเหมือนอย่างเคย เป็นสัญญาว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไป

แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน...

“ตัดสินใจแล้วก็เป็นไปตามนั้น ข้าวของแกที่นี่จะมาย้ายไปเมื่อไหร่ก็ตามใจ หรือว่าจะเอาไว้ที่นี่ก็ได้”โขมพัตถ์ที่นั่งมองฉากความรักระหว่างพี่น้องด้วยความรู้สึกอิ่มใจเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก “ห้องนั้นพ่อจะเก็บเอาไว้ให้แก จนกว่าแกจะไม่ต้องการแล้วกัน”

โขมพัตถ์เป็นคนพูดห้วน ๆ เหมือนมะนาวไร้น้ำ แต่ถ้าฟังความดี ๆ แล้ว จะเห็นได้ถึงความรู้สึกของเจ้าตัวที่ส่งผ่านออกมา แม้คำพูดที่เอ่ยอาจจะดูไม่มีแยแสแต่ก็ยังมีเยื่อใยให้กับลูกชายไม่ขาด

“ขอบคุณครับ”เขมเองก็ตอบรับความปรารถนาดีนั้นด้วยความยินดี

“พ่อภูมิใจนะ ที่เขมโตขึ้นมาเป็นสุภาพบุรุษแบบนี้”คำพูดที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของคนเป็นพ่อถูกเอ่ยออกมา ทำให้เขมรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ “ขอบคุณสำหรับหลาย ๆ อย่างที่เขมให้กับครอบครัวของพ่อ ต่อไปนี้เขมก็ดูแลแม่เขาให้ดีเหมือนที่เคยดูแลครอบครัวพ่อล่ะ”

ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา ครอบครัวนั้นจะไม่ได้อบอุ่น ไม่ได้เต็มไปด้วยความรักใคร่สมานฉันท์ มีทะเลาะ มีความไม่เข้าใจกัน แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังมีความผูกพันระหว่างกันและกัน



หลังจากที่พูดคุยกันจบ เขมก็ขอตัวออกจากบ้านมาพร้อมกับรณกฤต โดยมีราตรีเดินตามหลังออกมาด้วย ไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันตามคำชวน เขาไม่อยากให้บรรยากาศมื้อเย็นที่จะได้กินข้าวพร้อมหน้าทั้งครอบครัวหม่นหมองเพราะตัวเขา

“เรื่องงานพิเศษ... ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทำแล้วนะเขม”ราตรีเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวพ้นออกมาจากบ้าน “เอาเวลาไปเรียน ไปเที่ยวเล่นบ้างนะลูก”

“แต่ว่า...”น้ำเสียงของเขมทิวาแฝงความลังเลเอาไว้ไม่น้อย เขาเพิ่งทำงานร้านเจ้สวยได้ไม่เท่าไหร่เอง จะให้ออกมาตอนนี้แล้วคนที่ร้านจะพอไหม...

“ได้ข่าวว่าเป็นคฑากรไม่ใช่เหรอ ถ้าเอาเวลาไปทำงานแล้วจะเอาเวลาไหนไปซ้อมละ”แม้แต่เรื่องนี้แม่ของเขาก็รู้ด้วย... “ลองคุยกับเจ้าของร้านดูนะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แม่มีพอสำหรับลูกแน่นอนจ๊ะ”

“...ครับ”เด็กหนุ่มตกปากรับคำไป ใจนึงเขาก็ไม่ได้อยากทำงานไปเรียนไปขนาดนั้น เขาอยากทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนและกิจกรรมของทางมหาลัยมากกว่า

คนขยันไม่ใช่ว่าขี้เกียจไม่เป็น...

“ฝากดูน้องด้วยนะต่าย”ราตรีหันไปพูดกับคนที่ยืนยิ้มพิงรถอยู่ด้านหลัง “แล้วเจอกัน”

“ครับ แล้วเจอกัน”ต่ายผงกหัวให้กับคุณน้า ก่อนจะเข้าไปนั่งรออีกคนในรถ

“ผมไปก่อนนะครับ”เขมเข้าไปกอดแม่ ก่อนจะก้าวขึ้นรถไปอีกคน

ราตรีมองรถสีเข้มที่ขับออกไปด้วยความโล่งใจ ก่อนจะขึ้นรถของตนขับออกไปบ้าง

ต้องไปเตรียมที่ทางให้เรียบร้อยกว่านี้แล้ว



เป็นอีกครั้งที่ในห้องโดยสารรถยนต์นี่เงียบสนิท มีเพียงเสียงลมจากแอร์กระทบเบาะจนเกิดเสียงจาง ๆ

แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือคราวนี้ไม่มีบรรยากาศอึดอัดเหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว

“ผมตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมครับพี่ต่าย”คำถามที่เอ่ยลอย ๆ ขึ้นมาด้วยเสียงที่ผ่อนคลายฟังดูไม่จริงจังนัก

“เรื่องนี้พี่ว่ามันไม่มีถูกหรือผิดหรอกนะ”ต่ายขยับมือข้างที่ว่างอยู่ไปกุมมือนุ่ม ๆ ของคนข้างกายเอาไว้ “ไม่ว่าเขมจะเลือกทางไหน มันก็คือทางที่เขมได้เลือกด้วยตัวเองแล้ว ถ้าถามพี่ว่าเขมตัดสินใจถูกไหม พี่ก็คงต้องถามกลับก่อนว่าตอนนี้ เขมเสียใจไหม”

“ไม่ครับ”กลับกัน เขารู้สึกสบายใจที่ได้ก้าวออกมามากกว่า การที่ไม่มีเขาในบ้านหลังนั้น มันอาจจะทำให้ครอบครัวของพ่ออบอุ่นมากขึ้น ทุกคนหันมาดูแลกันและกันมากขึ้นก็ได้

อาจจะเพราะเขาดูแลทุกคนมากเกินไปจนทำให้เกิดความคิดว่าเพียงพอแล้วก็ได้...

“สำหรับพี่ทางที่เขมเลือกแล้วไม่มาเสียใจทีหลังนั่นคือทางที่ถูก... เขมบอกพี่ว่าไม่เสียใจ เพราะอย่างนั้นพี่ก็ตอบได้ว่าเขมตัดสินใจถูกแล้ว”น้ำเสียงของต่ายเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวของรุ่นน้องคนสนิท “แต่ถึงวันนี้เขมจะตัดสินใจเลือกอีกทาง พี่ก็จะยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนนะครับ”

“ครับ”เขมทิวาตอบรับเสียงนุ่ม ความรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้รับจากอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกดีจนบอกไม่ถูก เขาเชื่อทุกคำที่ต่ายพูด เชื่อว่ามันออกมาจากใจจริง “ผมเชื่อ... ว่าพี่จะไม่ทิ้งให้ผมเดินลำพัง”

“ครับ พี่จะไม่มีวันปล่อยให้เขมเดินเพียงลำพัง”คำสัญญากลาย ๆ พาให้คนได้รับมันเขินจนตัวแดง

มองยังไงมันก็เกินกว่ารุ่นพี่จะมีให้รุ่นน้องแล้ว... เขาไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม ว่าคนในใจของเขา ก็มีเขาเป็นคนในใจเหมือนกัน

“ผม... อยากไปร้านเจ้สวย”เขมลองบอกความต้องการของตัวเองไปเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะพาเขาไปทั้งทีฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว

จริง ๆ แล้วเขมไม่ได้รีบอยากจะไปคุยกับนายจ้างอะไรขนาดนั้น แต่เขาแค่แอบอยากรู้ว่าพี่ต่ายจะตอบยังไงถ้าเขาพูดเอาแต่ใจออกมา

“ได้สิ”คำตอบรับมาในทันที ไม่มีช่องว่างในการคิดที่จะปฏิเสธเลยสักวินาทีเดียว

“แต่...”

“มันมืดแล้ว พี่รู้”รอยยิ้มรู้ทันกระตุกขึ้นที่มุมปากหยัก “น้องเขมไม่ต้องลองใจพี่หรอก ยังไงพี่ก็ตามใจเราอยู่แล้ว”

“...”โดนรู้ทันอีกจนได้

เมื่อก่อนเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่า รณกฤตตามใจเขามาก ทั้งการเลี้ยงน้องตะวัน ที่เจ้าตัวยื่นมือมาช่วยเลี้ยง ทั้งคอยขับรถพาไปไหนมาไหน และคอยรับส่งทุกเช้าแม้ว่าตนเองจะไม่ได้มีเรียนก็ตามที

ถึงบางเวลาจะขี้แกล้งไปหน่อยก็ตามที

เขมทิวาปล่อยให้คนในใจของตัวเองกุมมือของตนไปจนตลอดทางโดยไม่ซักถามอะไรด้วยความเต็มใจ เช่นเดียวกับคนที่ทำเนียนกุมมือนุ่ม ๆ นั้นไว้ไม่ยอมปล่อย

ต่างคนต่างพอใจที่จะเป็นอย่างนี้... แล้วจะต้องพูดอะไรกัน



เจ้สวยมองรถที่เริ่มคุ้มตาซึ่งกำลังเทียบท่าจอดใกล้ ๆ หน้าร้านข้างต้มของตนด้วยความประหลาดใจ เธอจำได้ว่าวันนี้พนักงานน้องเล็กของร้านขอลาหยุดนี่น่า

หรือลาไปโดยไม่บอกแฟนตัวเองกัน? เอ๊ย รุ่นพี่สิ เจ้าตัวยังไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนนี่น่า แก่แล้ว ขี้หลงขี้ลืมจริง ๆ

“สวัสดีครับ เจ้สวย”เขมยกมือไหว้นายจ้างของตัวเองเหมือนทุกครั้ง แต่รอยยิ้มที่แย้มออกมานั้นแฝงความเกรงใจเอาไว้ไม่น้อย

“มีเรื่องจะพูดใช่ไหม”เจ้สวยถามกลับไปทันที ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะมาทำงานกับเธอได้ไม่กี่เดือน แต่ใช่ว่าเธอจะมองสีหน้าของเจ้าตัวไม่ออกนี่ “ใกล้จะปิดร้านแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกัน เอาอะไรไหม”

“ขอข้าวต้มปลาสองชามแล้วกันครับ”เป็นต่ายที่รีเควสเมนูออกมาแทนคนที่กำลังก้มหน้างุด “ไม่เอาข่าป่นนะครับ”

“ได้ ไปนั่งก่อนสิ”เจ้สวยพยักเพยิดให้เข้าไปนั่งในร้านที่คนเริ่มซา เพราะเธอประกาศไว้แต่แรกแล้วว่าวันนี้ปิดไว ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ เจ้าของร้านจะไปนับเลขกับเพื่อนน่ะ ความสุขของคนค้าขาย แล้วใครจะทำไม?

ข้ามต้มร้านเจ้สวยนั่นมีดีที่รสชาติและความหอมสมุนไพร ทำให้ลูกค้าติดใจและกับมาซื้อกินอีกไม่ยาก ถึงคนจะไม่ได้หนาแน่นเหมือนร้านดังมีชื่อ แต่ก็วนเวียนกันมาทุกวันไม่ขาด โดยเฉพาะเด็กมหาลัยและคนโรงงานที่มาเป็นขาประจำของเธอกันเยอะ ส่วนนึงมาจากรสชาติ อีกส่วนที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็มาจากราคาที่ไม่แพงแถมยังสะอาด ขนาดต่ายที่นาน ๆ ครั้งถึงจะออกมากินร้านข้างทางที่ไม่มีประตูปิดกันควันรถเข้าร้านยังติดใจ

“เอ้า มีอะไรจะพูดก็ว่ามา”ชามข้าวต้มสองชามมาเสิร์ฟ พร้อมกับที่เจ้าของร้านทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามทั้งสองคน

“ปิดร้านแล้วเหรอครับ...”เขมถามมึน ๆ ถึงลูกค้าจะไม่ค่อยมีแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเก็บของนี่น่า

“ให้ไอ้นะมันเก็บไป ฉันมาคุยกับแกนี่ไง ว่ามา ๆ”เจ้สวยคนสวยยักคิ้วให้กวน ๆ ดวงตาเรียวตามฉบับคนไทยเชื้อสายจีนหรี่ลงมองท่าทีอึกอักของลูกจ้างที่เธอเอ็นดูอย่างจับผิด “จะมาลาออกใช่ไหม”

“เอ่อ... นี่เจ้เป็นเจ้าของร้านข้าวต้มหรือว่าหมอดูกันแน่ครับเนี่ย”เขมยกยิ้มแหย ๆ หัวเราะแห้ง ๆ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

“ดูสีหน้าแกฉันก็รู้แล้ว”เจ้าของร้านข้าวต้มคนเก่งเชิดหน้าขึ้นทำท่าเย่อหยิ่ง “ร้านเจ้รับเด็กเข้าทำงานพิเศษเพราะอยากให้เด็กมีงานทำ มีรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ อยากจะออกตอนไหนเจ้ก็ไม่ได้ว่า ไม่ต้องมาทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมแบบนั้นเลย”

ต่ายที่ทำเงียบตาตลอดหลุดหัวเราะออกมาจนสำลักข้าวต้ม เลยได้สายตาเขียว ๆ จากคนข้างตัวเป็นการตอบแทนไปหนึ่งที

“เขมก็เห็นว่าร้านเจ้ไม่ได้ขาดคน ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า”มันก็จริงอย่างที่เจ้สวยพูด ร้านเจ้สวยถึงจะมีแต่เจ้กับลูกชายก็ทำกันต่อไปได้ แค่อาจจะเหนื่อยหน่อย ยิ่งตอนนี้ยังมีอาร์ตกับไวท์อยู่ด้วย หายไปสักคนก็ไม่ได้ส่งผลอะไร “ถ้ารู้สึกไม่ดีก็มาเป็นลูกค้าเจ้แล้วกัน”

“ครับ ผมจะมาเป็นลูกค้าประจำของเจ้เลย”เขมรับคำหนักแน่น ของอร่อยขนาดนี้ ต่อให้ไม่เรียกคำสัญญาเขาก็จะมากินเองอยู่ดี

“แต่เงินเดือนเดือนนี้ อดนะจ๊ะ หนูเขม”อดีตเจ้านายขยิบตาส่งวิ้งให้ทีนึงแล้วเดินผิวปากไปอย่างแมน ๆ



แค่ก! เจ้สวย!!! ใจร้ายยยย




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตอนใหม่มาแล้วค้า คงคอนเซปความหวาน หวาน หวานนน อย่าลืมฉีดยาไล่มดกันนะคะ

ฝาก #คนในใจ #พี่ต่ายน้องเขม ด้วยน้าา ใครเล่นทวิตเตอร์ไปอ่านโมเม้นน่ารัก ๆ ของทั่งคู่ในหัวข้อต่าง ๆ ของ #novelber2018 กันได้นะคะ

ปล. ขอถามกันหน่อยนะคะ ว่าสำหรับหนังสือนี่ ชอบตัวอักษร cordia ขนาด 14 หรือ 16 มากกว่ากันคะ

ปล.2 ใครที่ชอบเรื่องนี้ หยอดกระปุกเผื่อๆกันไว้บ้างน้า จัดเต็มยิ่งกว่า indis ในราคาไม่เกิน 400 แน่นอนค่ะ >

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

กะแล้วเชียวว่าครอบครัวนั้นต้องเม้มเงินที่แม่เขมให้ไว้  ชิส์

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่เขาซัพพอร์ตน้องดีจังเลย  :hao5:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ SeLoFENa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
งุ้ยยยย ติดตามๆๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด