ตอนที่ 12
นอนไม่หลับ อาจเพราะไม่ชินกับเตียงไม้แข็งๆ หรือเสียงแมลงกลางคืนที่ดังผ่านหน้าต่างเข้ามา ลมเย็นๆมีเงาต้นไม้โยกไปมาทำให้ขนลุกแปลกๆ บ้านเรือนไทยหลังเก่า ล้อมรอบไปด้วยต้นตะเคียนและสารพัดสิ่งปลุกเสกที่วันนี้เจ้าตูบมันพาทัวร์บ้านมัน ขนาดไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ยังอดขนลุกไม่ได้
“ลุงงงง ปวดหลังป่าว”
ไอ้ตูบชะโงกหน้าออกมาจากผ้านวมผืนใหญ่มาเท้าคางจ้องผม
“ปวด”
“ลุงนอนแต่ฟูกนิ่มๆนี่หว่า เคยเรียน รด. ปะเนี่ย นักศึกษาวิชาทหาร! ต้องอดทนนะลุง”
“ไม่เคย เคยแต่จับใบดำใบแดง”
“เฮ้ยเคยเป็นทหารหรอลุง ?”
มันเป่าปากวีดวิ้วเบิ่งตาโต
“เปล่าได้ใบดำ หึหึ”
มันเบ้ปากผิดหวังทันที อะไรวะ ก็คนมันไม่มีดวงได้รับใช้ชาติในสนามรบเลยได้มารับใช้ประชาชนในโรงพยาบาลแทนก็แค่นี้เอง
“ไม่จ๊าบเลย สมัยผมนี่เรียด รด ทรหดมาก ได้ถือปืนด้วยนะ กระดื้บๆไปกับพื้น ป้ายหน้าเป็นดำๆด่างๆกลับมาสิวขึ้นไปหาหมอแทบไม่ทัน หน้ากับแขนลอกด้วยลุง แดดแม่งกัด เจอแม่เอาสมุนไพรพอกหอมฉุยไปทั้งตัวอยู่เป็นอาทิตย์”
มันเล่าไปก็ออกแอคติ้งประสาหมาพูดมาก ทำหน้าทำตาซะผมซุกหน้าขำกับหมอน
“เฮ้ยขำไรลุง ซีเรียสนะเนี่ย! เรื่องใหญ่”
“หึหึ … ใหญ่มาก มากมากกกกก”
“แต่พอดีผมหล่อ เลยกลับมาหล่อเฟี้ยวฟ้าวเหมือนเดิม”
“เพ้อเจ้อ นอนได้แล้ว ซุกผ้าห่มไปนู่น”
“โหยลุง คุยกันก่อนเด้”
ผมพลิกตัวหนีมันก็ยังพยายามเขย่าๆให้ผมหันหน้าไปคุยกับมันต่อ ง่วงโว้ย
“นอน”
“ม่ายยยย คุยกันก่อน”
ปล่อยมันตะแง้วไปสักพักมันก็บ่นอุบอิบกลับไปนอนที่เดิม โคมไฟที่มุมห้องทำให้ห้องเป็นแสงสลัวสีส้มจางๆ ผมเริ่มสะลึมสะลือใกล้จะเคลิ้มหลับจนกระทั่งได้ยินเหมือนใครเดินผ่านหน้าห้องพร้อมบางสิ่งกระทบพื้นดัง ตึก ตึก ตึก
สงสัยจะมีพวกแม่บ้านหรือใครออกมาหาอะไรกิน ผมคิดแค่นั้นแต่ไอ้เจ้าตูบข้างๆมันดันเขยิบมาซะชิด จนหน้ามันซุกมากับหลังผม สองมือขยำเสื้อผมแน่น
“หือ”
“ชู่ววววว เดี๋ยวเขาได้ยิน นอนๆ”
มันกระซิบเสียงสั่น เสียงข้างนอกก็เริ่มดังรัวขึ้น ตึก ตึก ตึก ตึก เหมือนคนข้างนอกเร่งฝีเท้าเดินกลับไปกลับมา ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา เที่ยงคืนสี่สิบสี่ … สักพักหมาก็เริ่มหอน หอนต่อกันเป็นทอดๆไปเรื่อยๆ ไอ้ตูบตัวเบิ้มสุดข้างหลังผมตัวสั่นระริกเปลี่ยนจากแค่ขยุ้มเสื้อมากอดเอวผมแน่น
“เบียร์ ..”
“ชู่ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว”
ผมกลอกตาไปมา หรือนี่จะมาเจอผีในบ้านเก่า? แล้วไอ้เจ้าของบ้านมหาไสยศาสตร์ดันกลัวเองส่วนผมรู้สึกเฉยๆ จะเดินก็เดินไปเหอะอย่าเข้ามาก็พอ ห้องก็ล็อคนะผีมันคงเข้ามาไม่ได้มั้ง?
ผมพลิกตัวไปหาดึงมันเข้ามากอดในอ้อมแขนแทน ยกมือลูบหัวปลอบมันเบาๆ มันก็ซุกอกผมตัวสั่นระริกเป็นลูกหมาขี้กลัว ส่วนผมง่วงแต่นอนไม่ได้
“ We take a chance from time to time
And put our necks out on the line
And you have broken every promise that we made
And I have loved you anyway
Took a fine time to leave me hangin' out to dry
Understand now I'm greivin'
So don't you waste my time
Cause you have taken
All the wind out from my sails
And I have loved you just the same“
“ร้องเพลงเป็นด้วยหรอ”
“เพราะมั้ยล่ะ”
“ฟังไม่ออกอ่ะ ฟังออกประโยคเดียว”
“ประโยคไหน?”
“And I have loved you anyway”
หูมันดี! เพลงแนวตัดพ้อความรักมันยังอุตส่าห์ฟังเป็นแค่ท่อนบอกรัก หึหึ …
“อืม .. แล้วรู้มั้ยแปลว่าอะไร”
“ถึงยังไงก็ตามก็ยังรักคุณ ใช่ปะ?”
“ฮ้าววว ..”
“ลุงถูกเปล่าอ่ะ ฮึ่ยหลับแล้วหรอ ชิ .. พรุ่งนี้เปิดกูเกิ้ลเอาก็ได้”
มันบ่นจบก็ซุกหน้าเข้ากับอกผมเหมือนเดิม ถ้าไม่กลัวติดเฝือกมันคงยกตัวมันขึ้นมาเกยบนตัวกอดแน่นๆให้หนำใจ คนอะไรน่ากอดชะมัด
“ม๊าเมื่อคืนมีผีมาเดินหน้าห้องเบียร์ ไม่รู้ใช่กุมารทองม๊าหรือเปล่า”
มันกระซิบบอกแม่มันเบาๆตอนมื้อเช้า ส่วนผมยังบิดตัวไปมากินไม่ถนัดเพราะปวดหลังสุดๆ
“เอ๊ะ ม๊าบอกแล้วแท้ๆว่าไม่ให้เดินเล่นคืนนี้ สงสัยอยากเล่นกับคุณหมอ พวกกุมารทองมักจะตื่นเต้นกับแขกที่มาพักน่ะค่ะ พวกแกวิ่งซนจนคุณหมอนอนไม่ได้หรือเปล่าคะ”
“อืม… ผมว่าไม่น่าใช่กุมารทองนะครับ เพราะเหมือนคนแก่ใช้ไม้เท่าเดินไปมามากกว่า”
เคร๊ง …
เสียงช้อนจากเบสกระทบจานดังชัด ก่อนเจ้าตัวจะเงยหน้าเบิกตามองผม ส่วนคุณแม่ยังสาวก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ
“คุณหมอเจอคุณปู่หรอคะเมื่อคืน”
“พี่หมอเจอปู่จริงอ่ะ ?”
“ห้ะ มีผีปู่อยู่ในบ้านด้วยหรอ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ไอ้ตูบเบียร์ขยี้หัวตัวเองไปมา หน้าตาซีดขาวหวาดผวาเต็มที่ ไอ้นี่มันจะกลัวทำไมวะแค่ผีปู่บ้านเอ็งรวมสิ่งน่ากลัวกว่าผีปู่ไว้ตั้งเยอะ
“อุ้ยคุณหมอคะ ถ้ายังไงวันนี้ไปวัดด้วยกันนะคะ”
“ได้ครับ อยากเที่ยววัดเก่าอยุธยาสักครั้งเหมือนกัน”
เหมือนผมจะคิดผิดว่าจะได้มาเที่ยววัดเก่า เพราะนอกจากไอ้ตูบที่เดินช้าข้างผมแล้วอีกสองคนพากันจ้ำอ้าวเดินผ่านวัดดังของจังหวัดไปทันที กลับเลี้ยวเข้าซอยเก่าๆหลังวัดแทน รู้สึกเหมือนเรื่องมันชักแปลกๆแต่ผมก็ได้แต่เดินตามไปจนกระทั่งมาถึงกระท่อมเก่าๆจะพังแหล่ไม่พังแหล่มีบรรดาสาธารณะชนนั่งรอกันเป็นสิบ
“ดวงดาวค่ะ จองคิวไว้สิบเอ็ดโมง”
แม่ไอ้ตูบจัดการบอกคิวเรียบร้อยพนักงาน(?)ก็พาเดินขึ้นบันไดผุๆพังๆขึ้นไปทันที เบสมันก็รีบกวักมือเรียกผมให้ตามไป รวมถึงพยายามพยุงไอ้ตูบขึ้นมาด้วยจนมานั่งเบียดกันสีคนบนห้องแคบๆเต็มไปด้วยบรรดาเครื่องลางของขลังยิ่งกว่าที่บ้านไอ้ตูบ แถมมีตาแก่ๆในชุดพราหมณ์นั่งนับลูกประคำท่ามกลางกลิ่นธูปหอมฟุ้งจนฉุนจัด
“ท่านโหรคะนี่ค่ะ คุณหมอคนนี้ที่ทำให้ผีปู่บ้านดิฉันออกมาเดินทั้งคืน แถมยังหน้าห้องที่สองคนนี้นอนด้วยกันด้วยนะคะ อย่างนี้ต้องผูกดวงใช่มั้ยคะ !”
“หืม ไหนขอชื่อ วันเดือนปีเกิดหน่อยสิคุณหมอ เป็นหมอเกี่ยวกับกระดูกใช่มั้ยดูมือแข็งแรงดีนะ หน่วยก้านดีๆ”
“เอ่อครับ ชื่อทินกร เศวษวิกุล เกิดวันที่ ……..”
“อืม … บวกลบกับของลูกคุณนายแล้ว … ”
พราหมณ์แก่เงียบไปสักพัก คิ้วขมวดทำหน้าจริงจัง ส่วนผมก็เริ่มเอะใจว่าคงพามาดูดวง
“ผูกเลย วันนี้แหละ ! มาๆ เขยิบเข้ามา ไอ้ขาเดี้ยงนั่นด้วย ผูกช้ากว่านี้อาทิตย์หน้าเอ็งเข้าไอซียูแน่ เจ้ากรรมนายเวรอาฆาตพวกเอ็งเลยก่อน คนพี่รอดไปแล้วได้ดวงลูกชายช่วย คนนี้คงได้ดวงของคุณหมอนี่แหละช่วยไว้ ขาเดี้ยงนั่นก็ช่วยกันมาใช่มั้ย”
“อะไรนะครับ ?”
ผมถามขึ้นมา ผูกอะไร ใครผูก ผมหรอ ?
“ผูกดวงไงคุณหมอ ดวงแข็งแบบนี้ช่วยลูกชายคุณนายเขาหน่อย ไหนๆก็สมพงศ์กันมาไม่ใช่รึ ตอนเด็กๆก็เคยช่วยกันมาก่อนแล้วนี่”
“หือ ผมไม่เคยเจอลุงหมอมาก่อนนะ”
“นั่นสิครับ ผมก็ไม่เคยเจอ”
“จำกันไม่ได้ล่ะสิ หึหึ เอาน่ะจะผูกไม่ผูก ?”
“ผูกค่ะผูก ช่วยลูกชายดิฉันด้วยนะคะ นะคะคุณหมอช่วยไอ้เบียร์มันหน่อยนะคะ”
“ม๊า ! มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ ไปบังคับลุงหมอเขาได้ยังไง แล้วผมก็ผูกกับไอ้บู้ไปแล้วนี่”
“ไอ้บู้มันช่วยได้ทั้งหมดที่ไหนล่ะ เห็นมั้ยขาหักมาแล้วเนี่ย”
“อันนี้เบียร์ซนเองหรอก !”
ผมละสายตาจากกระเถียงกันไปสบตาเบสที่พยักหน้าเครียดให้ผมแทนเป็นการย้ำว่าเรื่องผูกดวงที่มันพูดถึงวันก่อนนั่นแหละ
“ผมขอตัดสินใจไม่ผูกครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
ผมพูดขึ้นมาทำให้แม่ไอ้ตูบกับไอ้ตูบเลิกเถียงกัน หน้าไอ้ตูบมันตกใจเสียใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นเหมือนเข้าใจ ผมคิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้ว
“คุณหมอคะ …”
“ผมตัดสินใจดีแล้วครับ”
“ถ้าพี่หมอเขาตัดสินใจแล้วก็สิทธิ์ของเขานะม๊า”
“งั้นมานี่มา ถึงผูกดวงไม่ได้เดี๋ยวผูกสายสิญจน์ไว้แล้วกันนะคุณหมอ”
ผมยื่นข้อมือให้อีกฝ่ายผูกให้เรียบร้อยก่อนทั้งหมดจะกลับลงมา แม่ไอ้ตูบดูหน้าเศร้าไปเลยถ้าเป็นแม่ผมก็คงไม่ต่างกัน ลูกถูกทักว่าจะเจอเรื่องร้ายแรงแม่ที่ไหนจะทำใจได้ แต่จะให้ผมไปผูกดวงกับไอ้ตูบนี่ไม่ได้จริงๆ
ผูกดวง… มันสำหรับคนใช้ชีวิตร่วมกัน … ผมยังไม่แน่ใจเลยสักนิดว่าไอ้ตูบมันจะอยากใช้ชีวิตร่วมกับผมหรือเปล่า แล้วผมจะทำเพื่อมันได้ตลอดหรือเปล่า เพราะเรายังเจอกันไม่นานเลย…
- --------------------------------------------------------------------------------- -
คิดถึงทุกคนนะคะ ^^