♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 39 ✦ เสียงเพลงจากวันวาน
ทิวมาถึงบ้านของบูมก็ประมาณเกือบเที่ยง กดออดอยู่สักพักก็มีคนรับใช้มาเปิดให้ พอบอกว่าชื่อทิว ต้องการพบบูม ทิวก็สามารถเข้ามาในบ้านได้อย่างไม่ยากนักเพราะคุณทิพย์นภาสั่งไว้แล้ว ในบ้านนี้ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งเธอหรอกเพราะรู้ว่าเธอดุแค่ไหน
ทิวไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้นานมากทีเดียว ครั้งสุดท้ายก็คืองานวันเกิดบูมเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังพอจำหน้าตามันได้บ้างเพราะตอนสมัยเรียนทิวเคยมาค้างที่บ้านบูม แม้จะไม่ค่อยบ่อยก็ตาม มีแต่บูมที่ไปค้างที่บ้านบูมบ่อยๆ จนสนิทกับแม่ของทิวเป็นอย่างดี
เมื่อคนรับใช้พาทิวเข้ามาในบ้านก็เจอกับแพรวที่กำลังเล่นกับน้องพีมอยู่พอดี พอเห็นทิวแล้วแพรวก็พอจำได้ เธอยิ้มและร้องทักอย่างดีใจ
"ทิว...ไม่ได้เจอกันซะนานเลย สบายดีไหม"
ทิวยิ้มและเดินเข้าไปหาแพรวที่มุมโซฟาของบ้าน เห็นน้องพีมแล้วทิวก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นลูกสาวของแพรวกับพี่บีม น้อมพีมหน้าตาน่ารักเหมือนพ่อกับแม่เลย
"สบายดีครับ แพรวคงสบายดีนะ นี่ลูกสาวเหรอครับ น่ารักเชียว ชื่ออะไรครับ" ทิวหันไปยิ้มกับเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
"สบายดีจ้ะ นี่น้องพีมนะ อายุจะสองขวบอีกไม่กี่เดือนนี้แล้วล่ะ ทิวนั่งก่อนสิ แพรวจะเล่าอะไรให้ฟังนิดหน่อย"
แพรวพูดพลางอุ้มลูกสาวขึ้นมานั่งตักด้วย ทิวนั่งลงบนโซฟาที่ติดกับที่แพรวนั่งอยู่ มองไปรอบๆ บ้านก็ไม่เห็นบูม เหมือนแพรวจะเดาได้ว่าทิวกำลังมองหาใครอยู่ก็เลยชวนคุยเรื่องของบูมเสียเลย
"บูมเขาอยู่ในห้องนอน ดูท่าทางจะเสียใจมากอยู่เหมือนกัน ทิวมาก็ดีแล้วล่ะ ช่วยบูมหน่อยเถอะ รู้ไหมว่าที่บ้านของเราเป็นห่วงบูมกันมากเลย"
แพรวพูดไปพลางเล่นกันลูกสาวไปพลาง
"มีอะไรหรือแพรว" ทิวสงสัย
"ก็บูมน่ะสิ จะเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว เขาเก็บตัว ไม่ค่อยเข้าสังคมตั้งแต่ที่ไปเรียนโทแล้วล่ะ พอกลับมาทำงานที่เมืองไทย เขาก็ไม่ออกไปพบปะสังสรรค์กับใครเลย เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน เศร้าๆ ซึมๆ อยู่แบบนี้มาสามปีแล้ว แพรวว่าบูมน่าจะเป็นโรคซึมเศร้าหน่อยๆ แล้วล่ะ"
"จริงเหรอแพรว"
ทิ้งร้องครางอย่างเห็นใจ คิดไม่ถึงว่าบูมจะยอมทำเพื่อความรักถึงขนาดนี้ คนหน้าตาดีๆ อย่างบูมหาแฟนได้ไม่ยากหรอก แต่บูมก็อุตส่าห์ยอมทนเหงาอยู่อย่างนี้เพื่อรอคอยความรักที่หล่นหายไป
"เขาคงอยากพิสูจน์ให้คุณแม่เห็นว่าเขารักทิวมากแค่ไหนไง ก็เลยตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย วันๆ ก็อยู่แต่ในห้องแล้วก็ทำแต่งาน แฟนเฟินก็ไม่ยอมมี เขารอทิวคนเดียวเลยนะ"
ทิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าบูมจะยอมทำเพื่อความรักมากขนาดนี้ มิน่าล่ะบูมถึงได้เสียใจมากที่แต๋งบอกว่าเป็นแฟนกับทิว สามปีที่ผ่านมาบูมรอมาตลอดและยอมที่จะทรมานตัวเองถึงขนาดนี้เพื่อความรัก ถ้าชีวิตนี้ทิวไม่รักผู้ชายคนนี้แล้วจะให้ไปรักผู้ชายคนไหนในโลกนี้อีก
"ตอนนี้บูมก็คงนอนซึมอยู่บนห้องนั่นแหละ ทิวขึ้นไปหาบูมเลยก็ได้ แพรวก็มัวแต่ชวนคุย ช่วยเขาหน่อยละกันนะทิว"
"ครับ" ทิวรับคำแล้วก็มองขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน
"ทิวจำห้องบูมได้ใช่ไหม เห็นพี่บีมบอกว่าทิวเคยมาค้างที่นี่เหมือนกันสมัยเรียนมัธยม"
ทิวพยักหน้า แม้จะนานแล้วแต่ทิวก็พอจำได้ อะไรที่เกี่ยวกับบูมทิวจำได้ทั้งนั้นแหละ
"ไปเหอะทิว บูมคงรอทิวอยู่" แพรวบอกพลางยิ้มให้กำลังใจ
ทิวพยักหน้าพร้อมกับยิ้มจางๆ "เราไปหาบูมก่อนนะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน"
ทิวบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน หันไปยิ้มเล่นกับน้องพีมสักพักแล้วก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง ใจของทิวเต้นไม่เป็นส่ำเลยเมื่อรู้ว่าจะได้เจอกับบูมแล้ว แต่คงไม่ใช่ใจเต้นเพราะจะได้เจอกันเท่านั้นหรอก ใจเต้นเพราะประหม่านั่นเอง ทิวไม่เคยง้อบูมเลย ไม่รู้ว่าง้อแล้วจะหายโกรธหรือเปล่าน่ะสิ
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
ไม่นานนักทิวก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของบูม คิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจเคาะประตูห้อง รออยู่ไม่นานนักบูมก็เดินมาเปิดประตูให้ บูมอยู่ชุดนอนและมีสภาพอิดโรยพอสมควร พอบูมเห็นทิวแล้วก็ทำสีหน้าที่แสนจะเข้าใจได้ยาก จะว่าดีใจก็ไม่เชิง จะว่าเฉยๆ ก็ไม่ใช่ จะว่าโกรธก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น
บูมหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องตามเดิม ทิวรีบปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไปกอดบูมจากทางด้านหลังไว้ ทิวรักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ยิ่งรู้ว่าบูมเสียใจก็ยิ่งเป็นห่วง อยากมาหา อยากมาขอโทษและอธิบายสิ่งต่างๆ ให้ฟังเพื่อให้ทิวกับบูมกลับมารักกันเหมือนเดิม ไม่สามารถจะทนรอให้เป็นอย่างนี้ได้อีกแม้เพียงวันเดียว วันนี้ทิวจึงยอมลาป่วยกะทันหันเพื่อมาหาคนที่รัก
"เรารักบูมนะ เราไม่เคยรักใครคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเรานอนไม่หลับ เป็นห่วงบูมทั้งคืนแล้วก็พยายามโทรหาตลอดเลย พอเช้าก็รีบมา เราคิดถึงบูมนะ เป็นห่วงมากด้วยรู้หรือเปล่า"
ถ้าทิวยืนอยู่ตรงหน้าบูมก็คงเห็นคนเจ้าเล่ห์แอบยิ้มแล้วล่ะ แต่บูมก็ยังคงทำเป็นเงียบอยู่ แกะมือทิวออกแล้วก็เดินกลับไปนอนบนเตียง หันหน้าไปอีกทางในลักษณะนอนตะแคง ไม่ยอมพูดยอมจาแม้แต่คำเดียว
ทิวยืนงงอยู่สักพักก็เดินตามไป ไม่รู้ว่าควรจะขึ้นไปบนเตียงกับบูมดีหรือเปล่าเพราะถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว ทิวยืนหันรีหันขวางอยู่สักพักก็ตัดสินใจขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วย เอาเถอะ เป็นไงก็เป็นกัน มาถึงขั้นนี้แล้วนี่นา
"เรานอนด้วยได้หรือเปล่า" ทิวถามเป็นเชิงขออนุญาต
"......"
เงียบอีกแล้ว แต่พอเห็นบูมไม่ว่าอะไรทิวก็เลยนอนลงข้างๆ แล้วก็กอดบูมไว้จากทางด้านหลังเสียเลย คนถูกกอดก็ยังพยายามใจแข็งไม่หันมามอง
"ขอบคุณบูมมากนะที่นายทำเพื่อความรักของเรา นายเป็นผู้ชายที่เรารักที่สุดในโลกเลยรู้หรือเปล่า"
"......"
บูมยังคงเงียบ ทิวก็เลยเงียบบ้างแต่ก็ยังคงกอดบูมไว้ คราวนี้เหมือนบูมคงจะเริ่มทนไม่ไหวก็เลยยอมเปิดปากพูดบ้าง
"ไม่กลับไปอยู่กับแฟนล่ะ ชอบมีแฟนเด็กไม่ใช่เหรอ"
ทิวแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ทีเดียว เป็นครั้งแรกที่เห็นบูมงอนเหมือนเด็กๆ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ
"ใครบอกว่าเราชอบมีแฟนเด็กล่ะ เราชอบมีแฟนเป็นผู้ใหญ่มากกว่า อบอุ่นดี กอดแล้วก็อุ่นดีด้วย"
ทิวพูดพลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและซบหน้าบนไหล่ของบูมอย่างรักใคร่ บูมแอบยิ้มแต่ก็ยังทำเป็นเฉยๆ ทิวไม่เคยง้อบูมอย่างนี้เลย นึกไปนึกมาก็สนุกดีเหมือนกัน
"เราไม่ใช่ผู้ใหญ่ซะหน่อย อายุก็เท่ากัน"
ในที่สุดทิวก็อดขำไม่ได้ แต่ก็ต้องหัวเราะเบาๆ เพราะเดี๋ยวจะทำให้บูมงอนอีก
"ไม่เห็นเป็นไรเลย เราก็ชอบคนอายุเท่าๆ กันด้วย โดยเฉพาะคนที่เรากอดอยู่ตอนนี้ เรารักที่สุดในโลกเลยรู้เปล่า"
บูมแค่นเสียง "รักจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอเราไม่อยู่ก็แอบไปมีแฟนเด็ก"
เอาล่ะสิ แล้วทิวจะทำไงต่อดี ทำไมบูมงอนไม่เลิกเลยล่ะ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยง้อผู้ชายถึงขนาดนี้นี่แหละ
"เราไม่เคยมีแฟนเด็กซะหน่อย เราไม่ได้ชอบเขาเลยนะ เขามาชอบเราเองต่างหาก เรารอแต่แฟนผู้ใหญ่...เอ๊ยไม่ใช่ๆ...แฟนอายุเท่าๆ กันคนนี้เท่านั้นแหละ รอตั้งหลายปีแน่ะ กว่าจะได้เจอก็ตั้งนาน คิดถึงจนใจแทบขาด แต่พอเจอกันนะ แฟนคนอายุเท่าๆ กันก็แกล้งเราใหญ่เลย เราน่ะใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยรู้เปล่า แต่ไม่เป็นไรหรอก เรารักแฟนคนที่อายุเท่าๆ กันมาก ยอมให้แกล้งได้ ให้แกล้งอีกหลายๆ ครั้งก็ยังได้เลย"
ตัวของบูมสั่นๆ เพราะพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ แม้จะพยายามกลั้นไว้แค่ไหนแต่ก็มีเสียงเล็ดรอดออกมาจนได้
"แต่นายก็ทุบเราจนเจ็บเลยนะ" บูมพูดแล้วก็พลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับทิว
"จริงเหรอ ไหนขอดูหน่อยสิ"
ทิวพูดแล้วก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับลิกเสื้อยืดสีขาวที่บุมใส่นอนขึ้นเพื่อดูว่าหน้าอกของบูมมีรอยทุบจริงหรือเปล่า ทิวใช้มือลูบไล้ไปมาบนหน้าอกของบูมแล้วก็ทำหน้าล้อเลียน
"ไม่เห็นมีรอยทุบเลย เราน่ะทุบแค่เบาๆ เอง เรารักของเราขนาดนี้ ใครจะกล้าทำแฟนคนอายุเท่าๆ กันเจ็บได้ล่ะ"
นี่คงจะเป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่บูมเกิดความรู้สึกปั่นป่วนกับการถูกปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ บูมกุมมือทิวไว้ตรงหน้าอกของตัวเองพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่ม ทิวเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กันเพราะห่างหายจากเรื่องอย่างนี้ไปนานแล้ว
"หายโกรธเราแล้วใช่ไหมบูม อย่าโกรธเราอีกเลยนะ นายเป็นที่พึ่งคนเดียวในโลกนี้ที่เรามีอยู่รู้หรือเปล่า ถ้านายโกรธเรา...เราก็จะไม่เหลือใครอีกเลยนะ"
ทิวพูดพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มมาคลอที่เบ้าตา บูมใช้มือโอบไหล่และดึงทิวให้โน้มต่ำลงจนใบหน้าเกือบจะชิดกัน
"ตอนแรกก็โกรธแหละ แต่ตอนนี้หายแล้ว แถมยังมีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างด้วย"
"อะไร" ทิวพาซื่อ
"ก็นาย...ยั่วเราซะขนาดนี้ จะให้เรารู้สึกยังไงล่ะ"
บูมยังคงยิ้มกรุ้มกริ่ม สายตาเป็นประกายนั้นบ่งบอกความรู้สึกปั่นป่วนที่ซ่อนอยู่ข้างในได้เป็นอย่างดี
"เดี๋ยวจะยั่วให้มากกว่านี้อีก"
พูดจบทิวก็ประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของบูม บูมดูตกใจเล็กน้อยที่ทิวเป็นฝ่ายรุกก่อน แต่แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย สงสัยคราวนี้...บูมคงจะต้องยอมทิวบ้างแล้วล่ะ ก็ดีเหมือนกันเผื่อจะได้เปลี่ยนรสชาติบ้าง
พอทิวถอนปากออก ต่างคนต่างก็หายใจหอบด้วยความตื่นเต้นวาบหวิว เพราะต่างก็ห่างหายจากเรื่องนี้ไปนานหลายปี แม้สัมผัสเพียงเล็กน้อยก็สร้างความรู้สึกเสียวกระสันรัญจวนใจได้มากแล้ว
"บูม...วันนี้เราผลัดกันบ้างนะ ได้หรือเปล่า" ทิวถามเสียงหอบ
บูมทำหน้าตกใจ สุดท้ายก็มาถึงวันนี้จนได้ วันที่บูมคงจะต้องยอมเป็นของทิวบ้างแล้ว
"เรารักนายขนาดนี้...ขออะไรก็ให้ได้ทั้งนั้นแหละ"
ทิวยิ้มดีใจแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตกับบูมเบาๆ
"ที่รักของทิว"
บูมหัวเราะชอบใจใหญ่ "ครับ...คนดีของบูม อย่ามัวแต่ชักช้าล่ะ เดี๋ยวเราเปลี่ยนใจนะ"
ทิวจึงต้องรีบถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างรีบร้อน เหลือแต่อกเปล่าเปลือย
"อย่าท้าเรานะ ถึงครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก นายอาจจะติดใจจนลืมไม่ลงเลยก็ได้"
ทิวบอกพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่เคยทำสีหน้าอย่างนี้กับบูมเลย ทำให้คนที่ตกอยู่เบื้องล่างอดขำไม่ได้
"โห...อย่าหัวเราะสิ คนยิ่งไม่มั่นใจอยู่ เสียเซลฟ์หมดเลย" ทิวบอกพลางทำหน้างอ
บูมจึงหยุดหัวเราะ อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ทิวค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ บูม ก่อนจะลงมือทิวก็บอกไปว่า
"เป็นของเรานะบูม"
บูมอดขำอีกไม่ได้ แต่ทิวไม่สนใจแล้วล่ะ จัดการไซร้บริเวณซอกคอแล้วค่อยๆ ไล่ไปที่ใบหู เหมือนที่บูมชอบทำบ่อยๆ นั่นแหละ บูมรู้สึกเสียวสะท้านจนต้องกอดทิวไว้แน่นและหยุดหัวเราะ ทิวเริ่มรู้สึกพอใจ อย่างน้อยก็ยังพอคุมเกมส์ได้อยู่ แต่เมื่อเป็นงานแรกก็ต้องเข้าใจกันหน่อยว่าอาจจะมีการติดขัดทาง "เทคนิค" บ้างเล็กๆ น้อยๆ
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
จนเกือบบ่าย ทิวกับบูมจึงได้ยุติกิจกรรมที่แสนพิเศษนั้น ต่างคนต่างเหนื่อยหอบ โดยเฉพาะทิวที่เพิ่งได้ลองเปลี่ยนบทบาทครั้งสำคัญ
"เจ็บหรือเปล่าบูม"
ทิวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แม้จะเป็นฝ่ายรุกก่อนแต่ทิวก็เป็นฝ่ายที่นอนอยู่บนอ้อมอกของบูมเสียอย่างนั้น ทิวรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วตัวเองก็เป็นฝ่ายที่ต้องการความอบอุ่นจากบูมมากกว่าอยู่ดีนั่นแหละ
"เพื่อคนที่เรารัก...เราทนได้อยู่แล้ว"
บูมยิ้มกว้างด้วยความดีใจ "เรารักนายจังเลยบูม ไม่รู้จะบอกว่ารักยังไง พูดอีกล้านครั้งก็ไม่เท่ากับความรู้สึกของเราที่อยู่ข้างในหรอก"
ทิวบอกพร้อมกับกอดและซุกหน้ากับอกบูมอย่างแนบแน่น บูมเป็นคนดีเหลือเกิน ยอมได้แม้กระทั่งเรื่องนี้ เพียงเพราะอยากจะให้คนที่รักได้ลองมีความสุขในอีกแบบหนึ่งบ้าง
"เรารู้ว่านายรักเรา นายอย่าไปยุ่งกับเด็กอีกละกัน" บูมพูดติดตลก
"บ้า...นายนี่ คนกำลังซึ้งๆ เดี๋ยวก็ทุบให้อีกหรอก" ทิวพูดพลางลุกขึ้นและทำท่าจะทุบอกบูม
"เราล้อเล่นน่า" บูมยิ้มแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน
ทิวกลิ้งลงไปนอนบนบริเวณตักของบูม มีผ้าห่มปิดส่วนนั้นไว้อยู่จึงไม่น่าเกลียดมากเท่าไหร่ แต่อยู่กันสองต่อสองอย่างนี้คงไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอก
"บูม...แพรวบอกเราว่า...นายเอาแต่เก็บตัว ไม่ยอมออกไปไหนเลยเหรอ" พูดแล้วทิวก็แหงนหน้าขึ้นไปมองเจ้าของตักอุ่นๆ
"ก็...ถ้าไม่ทำแบบนี้ แม่ก็ไม่เห็นใจเราน่ะสิ เราน่ะ...อยากพิสูจน์ให้แม่รู้ว่าเรามั่นคงแค่ไหน ก็ไม่ได้อยากทำให้ใครเป็นห่วงหรอกนะ แต่มันจำเป็นต้องทำ"
ทิวดึงมือบูมมากุมไว้บนอกของตัวเองด้วยสีหน้ารักใคร่
"ขอบคุณมากนะบูม นายได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า...นายทำทุกอย่างได้เพื่อความรักจริงๆ เราศรัทธาในตัวนายมากเลยรู้ไหม นายทำให้เรา...รู้ว่ารักแท้เป็นแบบไหน ความจริงเราก็มั่นใจมานานแล้วล่ะ แต่ครั้งนี้...เราเข้าใจรักแท้มากขึ้น"
"ขอบคุณนายด้วยนะที่รอเรา เรารู้ว่านายคงเหงา...ต้องการใครสักคน สามปีที่ต้องอยู่กับความเหงามันก็...โหดร้ายไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แต่เราสองคนก็ผ่านมันไปได้ ขอบคุณนะครับคนดีของบูม"
พูดจบบูมก็ลูบไล้ที่แก้มของทิวเบาๆ
"เพราะเรามีรักแท้ไงบูม นายเคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่า ขอแค่ให้เรามั่นคง รักก็จะนำทางเราไปเสมอ สุดท้ายเราก็ได้มาเจอกันอีก"
"หวังว่าเราคงจะไม่จากกันไปไหนอีกแล้วนะ" บูมก้มลงมองใบหน้าทิวพลางยิ้ม แล้วก็เปลี่ยนไปลูบผมทิวเล่นอย่างอ่อนโยน
"เราก็หวังอย่างนั้น" ทิวยิ้มตอบด้วยความหวัง
"เมื่อไหร่นายจะย้ายมาอยู่กับเราล่ะทิว เราอยากให้นายย้ายมาวันนี้พรุ่งนี้เลย ได้ไหม เราไม่อยากให้เด็กนั่นเห็นนายอีกแล้ว เรากลัวมันจะทำอะไรทิวน่ะ"
"ขี้หึงเหมือนกันนะเนี่ย" ทิวหัวเราะชอบใจใหญ่
"ไม่รู้ล่ะ มีแฟนน่ารักอย่างทิวจะไม่ให้หึงได้ยังไงล่ะ"
สองหนุ่มสบตากันแล้วก็ยิ้ม
"คงไม่เร็วขนาดนั้นหรอกบูม เราต้องยื่นใบลาออกอย่างน้อยหนึ่งเดือนล่วงหน้า ให้เขาหาคนก่อน ว่าแต่ว่า...ถ้าเรามาอยู่ที่นี่ นายจะให้เราทำอะไรล่ะ เราไม่อยากอยู่เฉยๆ ไม่มีงานทำนะ"
"นายอยากทำโครงการอีกไหมล่ะ เรามีไอเดียเยอะแยะเลย ถ้านายยังชอบทำงานพวกนี้อยู่ เราก็จะเขียนโครงการให้ เราพอมีเครดิตจากการทำงานครั้งที่แล้วอยู่บ้าง ถ้าเรามีไอเดียดีๆ อีกก็ไม่น่าจะมีอะไรขัดข้อง เดี๋ยวชวนเอิร์ธกับวิทมาทำด้วย อ้อ...ลีน่ากับแอนเดอร์สันกลับไปแล้วนะ กลับไปได้เกือบสองปีแล้วล่ะ"
ทิวพยักหน้ารับรู้แล้วก็ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า "อยากทำสิ...เราชอบงานแบบนั้น"
"โอเค...เราจะเลิกเก็บตัวอยู่กับบ้านแล้วล่ะ ช่วงที่นายยังทำงานอยู่ที่โน่น เราก็จะเขียนโครงการแล้วก็ชวนเพื่อนเราอีกสองคนมาช่วย เอิร์ธกับวิทคงอยากทำอยู่เพราะเขาเคยเปรยๆ เอาไว้ ตอนนี้เราอยากนำความรู้เรื่องการทำธุรกิจเพื่อสังคมมาเผยแพร่ รู้สึกว่าตอนนี้ธุรกิจแบบนี้กำลังเป็นที่น่าสนใจมากๆ เลย เราอยากเอาแนวคิดแบบนี้มาช่วยให้คนที่ขาดโอกาสได้มีอาชีพ มีรายได้ ดีไหมทิว"
"ดีๆ เราว่าโครงการแบบนี้ก็ดีนะ เผื่อจะช่วยใครให้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้บ้าง"
"ถ้านายชอบจริงๆ บางทีเราอาจจะช่วยตั้งเป็นองค์กร มูลนิธิหรือสมาคมให้ นายก็ทำตรงนั้นไป เราก็ทำงานบริษัทของพ่อ สานต่องานตรงนี้ แต่ว่าเราก็จะมาช่วยนายทำโครงการด้วยนะ หรือถ้านายอยากเขียนโครงการเป็น เราก็จะช่วยสอนให้ เอามั๊ย"
ทิวพยักหน้า "เอาสิ เรานี่โชคดีจริงๆ นะที่ได้เป็นแฟนกับคนที่อายุเท่าๆ กันที่มีจิตใจดีแบบนี้"
ได้ยินคำว่า "แฟนคนที่อายุเท่าๆ กัน" แล้วบูมก็หัวเราะชอบใจ ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นคำติดปากของทิวไปเสียแล้ว
"เราพอมีความรู้ ช่วยคนอื่นได้เราก็ควรทำนะ" แล้วบูมก็หยุดเว้นจังหวะ
"เฮ้อ...ดีใจจังที่เราจะได้มาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันทำงาน ผัวหาบ...เมียคอน"
"โห...ดูเปรียบเทียบเข้า นี่แน่ะ"
ทิวว่าพลางใช้มือทุบไปบนอกบูมเบาๆ สองสามที แล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะชอบใจ
คงจะหมดทุกข์หมดโศกเสียทีนะทิวกับบูม ใครกันนะที่บอกว่าฟ้าเป็นคนลิขิตชีวิตของเรา สวนหนึ่งก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่อีกส่วนหนึ่งเราก็ต้องลิขิตชีวิตของตัวเองด้วย ไม่ใช่รอแต่ฟ้าดินอย่างเดียว แต่ถึงกระนั้นจะมีประโยชน์อะไรถ้าฟ้าลิขิตแล้วหัวใจของเราไม่ได้รักกัน การกลับมาเจอกันอีกครั้งก็คงไม่มีความหมาย แต่ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและความรักที่มั่นคง สุดท้ายทิวกับบูมก็สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี แม้กระทั่งใจคนที่นับว่าเป็นอุปสรรคที่ยากที่สุดในบรรดาอุปสรรคทั้งหมดก็ไม่อาจต้านทานความรักแท้ของทั้งสองคนได้
เสียงเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" ที่ทิวกับบูมเคยร้องด้วยกันสมัยเรียนมัธยมดังขึ้นในใจของทั้งสองคนอีกครั้ง เป็นเสียงเพลงแห่งวันวานที่นำทิวกับบูมมาพบเจอกันจนเกิดเป็นความรัก ภาพที่ทิวนั่งสอนบูมร้องเพลงที่ห้องซ้อมดนตรีตอนเที่ยงฉายชัดขึ้นในห้วงความคิดอีกครั้ง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของความรักที่แสนยาวนานของทั้งสองคน
ทิวยังคงหนุนนอนอยู่บนตักของบูมและยิ้มอย่างมีความสุข หัวใจของทิวรับรู้อยู่เสมอว่าบูมคือคนๆ เดียวที่ทำให้โลกใบนี้อบอุ่นและน่าอยู่ตลอดมา
จบ