Chapter 44
กันต์’s Partที่ม้านั่งยาวใต้ตึกเรียน
หลังจากที่ผมบอกให้พวกเพื่อนๆ ไปหาข้าวทานกันก่อนแล้วผมจะตามไปทีหลัง ผมกับพี่ฮานะก็ลงมานั่งคุยกันที่ใต้ตึกครับ
“ คือ... พี่มีเรื่องจะถามอะไรเราสักหน่อยน่ะ “
ไม่รอช้า พี่เขาก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาทันทีครับ
“ เรื่องอะไรเหรอครับ “
“ ก็... เรื่องของพี่กิจน่ะ คือพี่เห็นว่าเราใกล้ชิดกับพี่กิจมากที่สุด พี่ก็เลยอยากรู้ว่าตอนนี้พี่เขามีใครหรือคุยกับใครอยู่รึเปล่า “
จู่ๆ ก็โดนถามมาอย่างนี้ แล้วจะให้ผมตอบยังไงดีล่ะ
“ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ทำไมพี่ฮานะไม่ลองไปถามพี่กิจตรงๆ ดูเลยล่ะครับ “
“ พี่ไม่กล้าหรอก... แถมพี่กิจเขาเจ้าชู้จะตาย พี่กลัวว่าเขาจะไม่บอกความจริงกับพี่น่ะ “
“ ไม่หรอกครับ พี่กิจเขาไม่ใช่คนชอบโกหกหรอก “
“ แต่ประวัติพี่เขาที่ผ่านมา ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าพี่เขาเจ้าชู้มาก ถ้าเขาจะแอบมีใครเพิ่มอีกสักคน.. พี่ก็คง... “
แอบคบใครเพิ่ม... หมายความว่าไง ก็ไหนพี่กิจบอกว่าพี่เขากับพี่ฮานะไม่ได้มีไรกันนี่
“ เอ่อ.. พี่ฮานะครับ.. ผมขอถามอะไรสักอย่างจะได้มั้ย “
“ ได้สิจ๊ะ.. ว่ามาเลย “
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเล็กๆ เพื่อเตรียมพร้อมกับคำตอบที่อาจจะไม่ถูกใจสักเท่าไหร่
“ พี่กิจกับพี่ฮานะ... เอ่อ... คบกันอยู่เหรอครับ “
ทันทีที่ผมถามจบ พี่เขาก็ยิ้มกริ่มขึ้นมาทันที
“ แหมน้องกันต์ก็... ถามแบบนี้แล้วพี่จะตอบยังไงดีล่ะ... ไว้รอให้พี่กิจชัดเจนมากกว่านี้อีกหน่อย... พี่ก็คงจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ “
ราวกับหูผมอื้อไปชั่วขณะ ใจมันหายอย่างบอกไม่ถูกครับ อะไรคือความจริงกันแน่ระหว่างพี่กิจกับพี่ฮานะ...
“ เออใช่... ฝากนี่ให้พี่กิจทีนะ “
แล้วพี่ฮานะก็หยิบเอาถุงกระดาษยื่นมาให้ผมบนโต๊ะ พอผมรับมาก็แง้มออกดูสิ่งที่อยู่ข้างในทันที ก่อนจะเห็นว่าเป็นเสื้อฮาวายสีขาวตัวหนึ่งอยู่ข้างใน
“ อะไรเหรอครับ “
“ อ๋อ... พอดีคืนก่อนที่ไประยองกัน พี่กิจเขาลืมเสื้อไว้ที่ห้องพี่น่ะ “
พูดจบพี่เขาก็ยิ้มกริ่มเป็นนัยให้ผมได้เข้าใจความหมาย....
ตัวชาไปหมดเลยครับ... รู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย... ก็ไหนพี่กิจว่าไปกันแค่ 4 คนไง.... แล้วทำไม...
ทำไมพี่ต้องโกหกผมด้วย...
“ น้องกันต์ ! “
“ คะ..ครับ “
“ เหม่ออะไรเหรอจ๊ะ พี่เรียกตั้งนานแน่ะ อิอิ “
“ ปะ..เปล่าครับ พี่ฮานะมีอะไรเหรอ “
“ คือพี่จะขอเบอร์หรือไลน์น้องกันต์ไว้หน่อยน่ะ เผื่อว่ามีอะไรพี่จะได้ติดต่อหาได้ “
ผมลังเลใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยอมให้แต่โดยดี ภายใต้สีหน้าขอร้องของพี่เขาที่ส่งมา
จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไป ในขณะที่ผมยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรต่อดี ผมกำถุงที่ใส่เสื้อฮาวายของพี่กิจเอาไว้อย่างสั่นๆ ความสับสนหลั่งไหลเข้ามามากมายในหัว ผมอยากจะรู้ความจริงจากปากของพี่เขาเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังไม่กล้า...
ผมเดินเบลอๆ เข้าไปยังห้องเรียนต่อไปในช่วงบ่าย ทั้งๆ ที่เป็นเวลาพักและยังไม่มีใครเข้ามาเลยแท้ๆ ตอนนี้ความหิวที่เคยมีมามันได้หายไปหมดแล้วละครับ ทานอะไรไม่ลงเลยจริงๆ ผมสับสนและอยากจะรู้ความจริงเป็นที่สุด... เพียงแต่...
ความจริงจากปากของพี่เขา... มันจะเชื่อได้แค่ไหนกันนะ....
......................................
“ ไงมึง... เป็นไรเนี่ย... ข้าวปลาไม่ยอมแดก หรือว่าพี่ฮานะมาทำไรมึงวะ “
ไอ้เรย์ที่พึ่งเข้ามาถึงสะกิดผมที่กำลังฟุบหลับอยู่ (แต่ก็หลับไม่ลงนะครับ) พร้อมทั้งพูดขึ้นมาทันที ท่าทางมันจะพึ่งทานข้าวกันเสร็จและยกโขยงกันมาทั้งหมดเลย รวมทั้งไอ้ธันและก็แพรด้วย ซึ่งจริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้มันก็โทรมาหาผมไปแล้วนะครับ เมื่อเห็นผมยังไม่ตามพวกมันไปทานข้าวที่โรงอาหารสักที ซึ่งผมก็อ้างกับมันไปว่าติดธุระอยู่นิดหน่อย ไว้ค่อยเจอกันที่ห้องเรียนเลยละกัน ในขณะที่มือถือผมก็คอยจะส่งเสียงเตือนข้อความไลน์ออกมาเรื่อยๆ อีกกว่า 10 ครั้ง ซึ่งก็เป็นของพี่กิจล้วนๆ เลย กระนั้นผมก็ยังคงไม่ยอมที่จะเปิดเข้าไปอ่านมันอยู่ดี
“ ไม่ได้เป็นไร กูไปธุระมา... “
ผมตอบไปเนือยๆ ครับ มันก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้เล็กๆ ก่อนจะยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้ผมบนโต๊ะ
“ อะ.. พี่กิจฝากมาให้ พอดีเจอพี่เขาที่โรงอาหาร เห็นเขาตามหามึงอยู่นะ บอกว่าไลน์ไปก็ไม่ยอมอ่าน แต่กูบอกไปแล้วว่ามึงติดธุระอยู่ พี่เขาก็เลยซื้อของพวกนี้มาให้มึงแดก เขากลัวว่ามึงจะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงน่ะ “
มันว่าจบผมก็แหวกถุงออกดูทันที ซึ่งข้างในก็เป็นพวกไส้กรอก ขนมปังและก็นมครับ
“ กันต์เป็นไรมั้ยเนี่ย ไม่สบายรึเปล่า ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ “
ไอ้ธันมันถามมาต่อครับ แต่ผมก็ปฏิเสธไป จากนั้นพวกไอ้แน๊คกับไอ้เจมส์ก็พากันคาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าต้องเป็นฝีมือของพี่ฮานะแน่ๆ ซึ่งก็ถูกของมันนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบรับอะไรออกไป ได้แต่นอนหดหู่อยู่ที่โต๊ะเรียนอยู่อย่างนั้น
...................................
ตอนค่ำที่คอร์ดแบด
“ กันต์... วันนี้มึงเป็นไรวะ ดูมึงเหม่อๆ ไปนะ “
ไอ้เคที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินมาถึงล็อคเกอร์ข้างๆ ผมถามขึ้นมาทันที หลังจากที่มันพึ่งไปอาบน้ำหลังซ้อมเสร็จมาใหม่ๆ
“ เหรอวะ “
“ ก็เออดิ... “
มันพูดจบก็มองเลยผมไปถามไอ้ธันที่กำลังใส่เสื้ออยู่เป็นเชิงถามว่ามีอะไรรึเปล่า แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา ผมเดินหงอยๆ ออกมาพร้อมกับไอ้ธัน ก่อนจะมานั่งอยู่ที่นั่งข้างสนามเพื่อรอให้พี่กิจมารับ อยากจะกลับกับไอ้ธันนะครับวันนี้ แต่ก็ไม่มีเหตุผลมากพอที่จะบอกกับพี่เขา
“ กันต์... โอเคมั้ยอะวันนี้ “
ไอ้ธันที่นั่งรออยู่ด้วยกันเป็นเพื่อน ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง ผมเลยได้แต่ฝืนยิ้มเจื่อนๆ ส่งให้ไปเท่านั้น แล้วบอกไปเหมือนเดิมว่าไม่ได้เป็นอะไร
“ ถามจริงๆ นะ กันต์มีปัญหาอะไรกับพี่กิจรึเปล่า “
ทันทีที่ได้ยินชื่อพี่กิจก็เหมือนว่าจะถูกแทงใจดำ ผมเลยหันไปมองยังคนถามทันทีราวกับปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ
“ คือช่วงนี้เราเห็นกันต์กับพี่กิจก็ดูโอเคกันดี แต่พอไอ้เรย์มาเล่าให้ฟังว่าพี่ฮานะมาคุยอะไรกับกันต์สักอย่าง แล้วหลังจากนั้นกันต์ก็ดูจะเปลี่ยนไป... เราก็เลยคิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องพี่กิจก็ได้ “
ใช่ครับ ที่มันวิเคราะห์มาก็ถูกแหละ แต่เรื่องแบบนี้พูดไปใครจะช่วยอะไรได้ละครับ
“ คือ... ถึงเราจะแก้ไขอะไรให้ไม่ได้นะ แต่เราก็พร้อมรับฟังเสมอนะ กันต์รู้อะไรมั้ย... จริงๆ แล้วเวลาที่คนเรามีปัญหาน่ะ บางครั้งเราก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาช่วยแก้ไขอะไรให้เราหรอกนะ แค่ได้มีใครสักคนที่พร้อมจะเข้าใจและรับฟังเรา มันก็เพียงพอแล้ว.... และเรา... ก็จะเป็นคนตรงนั้นให้กันต์เสมอนะ “
นั่นสินะ...
ผมยิ้มส่งให้มันไปเล็กๆ ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้มันฟัง รวมถึงเรื่องที่ผมกับพี่กิจได้ตกลงกันเอาไว้ด้วย อาจจะเพราะมันเป็นคนที่ไว้ใจได้ละมั้งครับ ถึงทำให้ผมกล้าเล่าให้ฟังได้อย่างหมดเปลือกไปแบบนี้
.................
“ เราว่าบางทีพี่เขาอาจจะมีเหตุผลที่ไม่อยากจะบอกให้กันต์ฟังก็ได้นะ “
พอผมเล่าจบ มันก็พูดขึ้นมาครับ
“ เหตุผลอะไรอะ บอกความจริงกับกูก็ได้นี่ ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ไม่เห็นจำเป็นต้องปิดบังกันเลยนี่ ที่สำคัญ... กูก็ไม่ใช่จะไม่มีเหตุผลอะไรขนาดนั้น... “
“ ก็ถ้าในมุมมองของกันต์มันก็อาจจะใช่... แต่กันต์ลองนึกถึงว่าถ้ากันต์เป็นพี่เขาดูสิ การจะบอกว่าไปต่างจังหวัดกับผู้หญิงที่มาชอบตัวเองกับคนที่เราแคร์มากๆ เป็นเรา.. เราก็อาจจะทำแบบพี่กิจก็ได้ “
ได้ยินมันอธิบายมาอย่างนี้ ผมก็เข้าใจนะครับถ้ามันจะเป็นเหตุผลนี้จริงๆ แต่มันก็อดนอยด์ขึ้นมาไม่ได้เหมือนกันนี่ครับ กับการที่มาถูกหลอกแบบนี้
“ แต่การมารู้ทีหลังจากคนอื่น มันไม่เสียความรู้สึกมากกว่าเหรอ “
“ ก็จริง... แต่ไม่ว่าจะยังไง ลองคุยกับพี่เขาดูก่อนน่าจะดีที่สุด ส่วนเรื่องที่ว่ากันต์จะเชื่อใครนั้น กันต์เองนั่นแหละที่รู้ดีที่สุด เพราะว่ากันต์รู้จักพี่เขาดีกว่าใครทั้งนั้น... “
“ แล้วถ้าสิ่งที่เราคิดว่าใช่.. มันกลับไม่ใช่ล่ะ คือกู..ไม่อยากจะเป็นคนโง่หรอกนะ “
“ แล้วความรู้สึกกันต์.... คิดว่าพี่เขาเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ เหรอ... “
“ ก็... เปล่าอะ.. “
“ กันต์... ความไว้ใจอะ... เราควรมอบให้กับคนที่รู้จักก่อนคนที่เราไม่รู้จักนะ... ลองคุยกับพี่เขาดีๆ ดูก่อน.. โน่น....เดินมาโน่นแล้ว “
ไอ้ธันพูดจบก็ลิ่วตาให้ผมหันไปมองยังพี่กิจที่กำลังเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหาผมอย่างไม่สนใจสายตาผู้คนมากมายที่กำลังจับจ้องหน้าตาและหุ่นอันเซ็กซี่ภายใต้ชุดบาสนั้นอยู่เลย
“ พี่ไลน์ไปทำไมไม่ตอบ โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย “
พอมาถึงพี่เขาก็ถามผมเสียงเข้มขึ้นมาเลยทีเดียว ก่อนจะเหล่สายตามองไปยังไอ้ธันมันอยู่เล็กน้อย
“ เรียนอยู่อะครับ ตอนที่โทรมาผมก็ไม่ได้ยิน สงสัยคงซ้อมแบดอยู่ “
ผมตอบไปเสียงเรียบครับ แต่ก็ดูเหมือนว่าเหตุผลของผมคงพอจะทำให้พี่เขาเข้าใจได้ จากนั้นพี่กิจก็ช่วยผมถือกระเป๋า ก่อนจะเดินนำผมออกไปจากโรงยิม ผมหันมาขอบใจและก็ลาไอ้ธันมัน ก่อนจะรีบเดินตามพี่เขาไปติดๆ
ภายในรถ
ไม่ทันที่พี่กิจจะได้สตาร์ทเครื่อง ผมก็ตัดสินใจถามในสิ่งที่รบกวนจิตใจของผมตลอดมา ช่างมัน... อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดครับ อย่างน้อยก็จะได้รู้ความจริงสักที ไม่ต้องมามัวอึดอัดใจอยู่อย่างนี้
“ พี่กิจ.. “
“ หือ... “
“ ผมถามจริงๆ นะ วันที่พี่ไประยอง พวกพี่ไปกันแค่ 4 คนจริงๆ เหรอ “
พี่กิจเหมือนจะอึ้งไปเล็กน้อย และเหมือนว่าจะลังเลใจที่จะตอบอยู่เหมือนกัน ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ผมหวั่นใจมากขึ้นไปอีก
“ ทำไมเราถึงถามแบบนี้ล่ะ “
“ ผมก็แค่อยากรู้เฉยๆ อะครับ “
พี่กิจก็เงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“ ก็ตามที่พี่บอกเรานั่นแหละว่าไปกันแค่ 4 คน แต่... “
พี่กิจชะงักไปเล็กน้อย ในขณะที่เราต่างก็จ้องตากันอย่างประหม่าด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอไปก่อนจะกลั้นใจฟังพี่เขาพูดต่อ
“ กลุ่มของน้องลูกพีชเขาตามไปด้วย... “
ทั้งๆ ที่เตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่พอมาได้ยินจากปากของพี่เขาตรงๆ แบบนี้ มันก็อดรู้สึกแย่และผิดหวังขึ้นมาไม่ได้อยู่นะครับ
“ แต่ว่าพวกพี่ไม่ได้รู้เรื่องกันด้วยนะ ลูกพีชเขาตามไอ้คิมมันไปเอง พวกพี่ก็ไม่ได้ชอบนักหรอกที่พวกน้องเขาตามไปที่นั่น... “
“ พี่ไม่ชอบจริงๆ เหรอ... “
“ ก็ใช่สิ... กันต์เชื่อพี่นะ “
พี่กิจพูดพร้อมกับจ้องตาผมด้วยสายตาเว้าวอน ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือของผมเอาไว้
“ ผมไม่รู้ว่าอะไรมันคือความจริงอะ เพราะพี่เองก็ไม่พูดความจริงกับผม แล้วพี่ฮานะก็ยังบอกอีกอย่าง... “
“ อะไรนะ.. ฮานะ...? ฮานะมาพูดอะไรกับเรา “
ผมมองหน้าพี่เขาเคืองๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ก่อนจะหยิบเอาถุงเสื้อที่พี่ฮานะฝากมาให้พี่กิจยื่นส่งไปให้แทนคำตอบ
“ พี่เขาฝากมาคืนพี่อะ บอกว่าพี่ลืมไว้ในห้องเขาคืนนั้น “
พี่กิจเปิดถุงออกดูก่อนจะทำหน้าเหวอแล้วรีบพูดขึ้นมาทันที
“ เดี๋ยวนะกันต์ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดนะ พี่อธิบายได้ “
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ทำหน้านิ่งจ้องพี่เขาไปอย่างนั้น พี่กิจโยนถุงเสื้อทิ้งไปยังเบาะหลัง ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างเข้ามากอบกุมมือของผมเอาไว้
“ คือ... วันนั้นฮานะเขาเมามาก พี่ก็แค่พาไปส่งที่ห้องเพราะเพื่อนเขาขอให้ช่วยก็แค่นั้นเอง... มันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นจริงๆ นะ และคืนนั้นพี่ก็นอนกับพวกไอ้บิวไอ้พีกันสามคน ถ้ากันต์ไม่เชื่อให้พี่โทรหาพวกมันตอนนี้เลยก็ได้ “
“ ไม่ต้องก็ได้ครับ แล้ว...เรื่องเสื้อล่ะ ทำไมมันถึงไปอยู่กับพี่เขาได้ “
“ พี่คงลืมไว้ตอนประคองน้องเขาไปส่ง คือมันไม่ใช่เสื้อที่พี่ใส่ประจำไง พี่ก็เลยไม่ได้สนใจ “
“ แล้วทำไมพี่ต้องโกหกผมด้วยว่าไปกันแค่นั้น “
“ ก็พี่กลัวเราจะคิดมากไง... ก็เลยคิดว่าไม่บอกจะดีกว่า.. “
คำตอบเหมือนที่ไอ้ธันมันคาดการณ์เอาไว้เลยครับ...
“ พี่แคร์เรามากนะ... ถ้าเป็นคนอื่น.. พี่ก็คงไม่มานั่งคิดแบบนี้หรอก เราเองก็รู้ว่าคนอย่างพี่สนใจความรู้สึกใครที่ไหน แต่เพราะนี่เป็นเราไง.. พี่แคร์ความรู้สึกเราจริงๆ นะ “
ผมควรจะเชื่อดีมั้ย.... แต่แววตาของพี่เขามันดูจริงเหมือนสิ่งที่พูดเลยนะครับ...
“ นั้น.. ผมขอถามคำถามสุดท้าย “
“ ได้สิ... รับรองพี่จะตอบเราทุกอย่างตามความจริงเลย “
“ ครั้งนี้... ผม... จะเชื่อพี่ได้จริงๆ ใช่มั้ย “
พี่กิจสูดลมหายใจไปเข้าเล็กน้อยก่อนจะตอบมาด้วยน้ำเสียงที่ละมุนแต่กลับหนักแน่นผ่านแววตาที่ส่งมาให้
“ แน่นอนครับ “
มีคนบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด.... ซึ่งมันก็คงจะจริงอะครับ เพราะสุดท้ายต่อหน้าคนๆ นี้ ผมก็ยังคงเชื่อพี่เขาอยู่ดี ผมนี่มัน.. เป็นคนโง่รึเปล่าครับ ที่เลือกจะเชื่อความรู้สึกของตัวเองมากกว่าสิ่งที่ได้ยินจากคนอื่นไปแบบนี้
เพียงแต่...
มันก็ไม่ได้สนิทใจเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา หวังแต่เพียงว่า...วันเวลาจะทำให้ผมกลับมาเชื่อใจพี่เขาได้เต็มร้อยเหมือนเดิมอีกครั้ง
“ เอาเป็นว่า... พี่ขอโทษนะ.... ที่พี่โกหกเราไปอย่างนั้น “
พี่กิจพูดไปพลางเอามือมาขยี้หัวผม เมื่อเห็นว่าท่าทีของผมดูจะอ่อนลงแล้ว ผมเอามือพี่เขาออกไปก่อนจะทำหน้ามู่ใส่ แล้วจึงจัดทรงผมให้เข้าที่ไปเหมือนเดิม ในขณะที่พี่กิจกลับอมยิ้มส่งมาให้อย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก
นี่..!! ทำผิดแล้วแท้ๆ ยังจะมาทำหน้าแบบนี้ให้อีกนะ ไม่สำนึกบ้างเลยนะคนเรา...
“ นั้นพี่ขอถามเราบ้างนะ ไอ้ที่เราไม่ตอบไลน์ ไม่รับสายพี่ แล้วก็ไม่มากินข้าวเที่ยง... นี่เรา... หึงพี่เหรอ.. “
พี่เขาทำตาเจ้าเล่ห์ถามมาครับ น่าหมันไส้จริงๆ เลย...
“ อะไรใครหึง... ไม่ได้หึงสักหน่อย.. “
“ จริงอ๊ะ... “
“ จริงดิ “
“ เหรอคร้าบ... ไม่หึงสักนิดเลยเหรอ “
“ ก็.. บอกว่าไม่ไง ออกรถได้แล้ว หิว... แล้วก็เลี้ยงด้วย “
“ หึๆ... คร้าบๆ อยากกินอะไรวันนี้ ว่ามาเลย... “
..........................