บทที่ 25
ตำนานรักสองราชวงศ์ : องค์ทริสเซย์
องค์ทริสเซย์ที่เสด็จพร้อมด้วยพระราชบิดาและพระราชมารดามาประทับยังวินเซเร ทรงประชวร จำต้องนอนพักผ่อนไปนับเดือน... ด้วยเหตุใดมิอาจทราบ
หมอหลวงมิอาจจะหาสาเหตุที่องค์อนุชาแห่งพระสนมเอกทรงพระอาเจียนได้ แม้จะตรวจพระวรกายอย่างละเอียดแล้วก็ตาม
เข้าสู่เดือนที่สองของการมาประทับ ณ อาณาจักรวินเซเร พระอาการประชวรขององค์ราชาทริสเซย์ก็ทรงทุเลาลงมากจนน่าแปลกใจ
“หายดีแล้วใช่ไหม ทริสเซย์”พระมารดาตรัสถามราชโอรสของพระนางอย่างเป็นห่วง พระหัตถ์เรียวแตะที่พระนลาฎแผ่วเบา
“พะยะค่ะ เสด็จแม่ ลูกหายดีแล้วพะยะค่ะ”องค์ทริสเซย์ทรงส่งยิ้มให้กับสตรีตรงหน้าบางๆ
แม้พระองค์จะหายดีเป็นปกติแล้ว... แต่ในพระหฤทัยของพระองค์กลับรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ
เพราะเหตุใดกันนะ พระทัยของพระองค์จึงไม่เป็นสุขเช่นนี้... มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่เฟรนเซียหรือเปล่า... แต่ก็ไม่น่ามีเรื่องอันใด เพราะที่นั่น ยังมีคาเซียคอยดูแลอยู่ อีกทั้งมหาเสนาบดีทั้งสองคงไม่มีทางปล่อยให้บ้านเมืองเกิดอะไรขึ้นเป็นแน่
“สีหน้าของลูกดูหมองๆนะ ทริสเซย์”พระขนงเรียวขมวดน้อยๆ
“ลูกมีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อยน่ะพะยะค่ะ เสด็จแม่”พระองค์ทูลต่อพระมารดาเบาๆ “ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง แต่ลูกไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆพะยะค่ะ”
“ดูแลตัวเองด้วยนะ ลูกแม่”
“พะยะค่ะ เสด็จแม่”
พระราชชนนีแห่งเฟรนเซียเสด็จออกนอกห้องบรรทมขององค์ทริสเซย์ไป เพื่อให้พระองค์ได้พักผ่อน
“เฮ้อ... จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่านะ”เสียงทุ้มเปรยเบาๆ
แม้พระองค์จะเชื่อว่าพระชายาของพระองค์นั้นสามารถที่จะดูแลบ้านเมืองได้ และแน่นอนว่ามหาเสนาบดีทั้งสองจะไม่มีทางปล่อยให้องค์คาเซียเป็นอะไรไปเป็นแน่... แต่พระองค์ก็ยังทรงห่วงอยู่ลึกๆในทุกวินาที
“แล้วคาเซีย... อยากจะบอกอะไรกันนะ”
นกน้อยตัวหนึ่งบินเข้ามาในห้องบรรทม มันยื่นขาที่มีจดหมายผูกเอาไว้ให้กับองค์ราชา
“ขอบใจมาก เจ้าตัวเล็ก”
นกน้อยตัวนั้นร้องจิ๊บๆ ก่อนจะบินออกไปจากห้องอย่างมีความสุข เมื่อมันได้ทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายมาสำเร็จ
ถึง องค์ราชา
พระชายาคาเซียยังทรงสบายดีเพคะ ฝ่าบาทมิต้องทรงเป็นห่วง การบริหารบ้านเมืองยังเป็นไปอย่างราบรื่นดี ในเพลานี้ท่านมหาเสนาบดีมอบราชกิจคืนมาให้พระชายาแล้วส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นส่วนน้อยเพคะ
ภายในพระราชวังโดยรวมแล้วยังสงบสุข มีเรื่องเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่ก็มิได้ร้ายแรงอันใด
ด้วยความเคารพต่อองค์ราชันย์
เนล
“ก็มิได้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น... แต่ด้วยเหตุใดกัน เราจึงรู้สึกไม่เป็นสุขเช่นนี้...”
ในคราแรก พระองค์ทรงคิดว่าการที่พระองค์นั้นทรงรู้สึกวูบโหวงในพระหฤทัย อาจจะเกิดจากการที่พระองค์เพิ่งหายจากอาการประชวร...
ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์ ความรู้สึกของพระองค์ก็ยังทรงเหมือนเดิม อีกทั้งยังรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆในทุกๆวัน
แรกเริ่ม องค์ราชาทรงรู้สึกเพียงแค่เหมือนมีเรื่องอันใดจะเกิดขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป พระองค์เริ่มรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นเป็นแน่
แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ
นี่ยังเป็นปริศนาที่พระองค์มิอาจจะแก้ไขได้ในเวลานี้
นับวันองค์ทริสเซย์ก็ทรงเหม่อลอย เสวยพระกระยาหารน้อยลงจะสังเกตได้ อีกทั้งยังทรงพึมพำองค์กับองค์เองเป็นระยะ
สร้างความกังวลให้แด่พระราชบิดา พระราชมารดา และพระขนิษฐาเป็นอย่างมาก
ในวันนี้เป็นวันที่สิบสี่ ที่องค์ราชันย์แห่งเฟรนเซียแปลกไปจากปกติ พระองค์ทรงประทับอยู่ริมบ่อน้ำแล้วทรงเหม่อลอย
สายพระเนตรทอดมองไปยังทิศทางที่อาณาจักรเฟรนเซียตั้งอยู่ พระหัตถ์หนากุมพระอุระในตำแต่งดวงหทัยเอาไว้
“คาเซีย... เจ้าจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ทำไม ข้าถึงรู้สึกเป็นห่วงเจ้าเหลือเกิน ชายาของข้า”พระองค์ตรัสกับองค์เองแผ่วเบา
“ทริสเซย์ น้องพี่”พระสนมเอกแห่งวินเซเรเสด็จเข้ามาใกล้ร่างหนา “น้องดูไม่มีความสุขเลย มีอะไรกังวลอยู่ในใขเช่นนั้นหรือ”
“เสด็จพี่...”องค์ทรัสเซย์เบนสายพระเนตรมาสบกับพระพี่นางของพระองค์”น้อง...”
“ทริสเซย์... แม้น้องจะปิดบังความรู้สึกของน้องกับใครต่อใครได้แม้แต่เสด็จพ่อและเสด็จแม่... แต่น้องรู้อยู่แก่ใจว่าน้องไม่มีทางปิดบังความคิดของน้องกับพี่คนนี้ได้”องค์คีเซย์ตรัสดักคำแก้ตัวของพระองค์เอาไว้เสียก่อนอย่างทรงรู้ทัน “พี่เห็นน้องดูทุกข์ใจเช่นนี้ ไม่สบายใจเลยรู้ไหม”
“เสด็จพี่... น้องรู้สึกเป็นกังวลน่ะพะยะค่ะ”องค์ทริสเซย์ทรงตรัสออกมาตามตรง “ใจของน้องไม่สงบเลย นับตั้งแต่วันที่หายป่วย”
“เจ้ารู้สึกเป็นกังวล เช่นนั้นหรือ”พระสนมเลิกพระขนงน้อยๆ “ถ้าเป็นเรื่องบ้านเมือง ก็มิน่าเป็นกังวล... เคเซย์ตอนนี้อยู่ที่เมืองหลวง เขาไม่มีทางปล่อยให้บ้านเมืองมีภัยเป็นแน่”
“น้องก็คิดเช่นนั้นพะยะค่ะ เสด็จพี่”รอยยิ้มบางๆถูกคลี่ออกมา “ถึงเสด็จพี่เคเซย์จะไม่ทรงประทับอยู่ที่เฟรนเซีย แต่มหาเสนาทั้งสองย่อมไม่มีทางปล่อยให้เกิดอันใดขึ้นเป็นแน่ อีกทั้งที่เฟรนเซียยังมีคาเซียอยู่ด้วย”
“ชายาของเจ้าน่ะหรือ...”พระองค์พยักหน้ารับคำของพระเชษฐภคินี “แล้วเจ้ากังวลเรื่องอันใดเล่า น้องพี่ ในเมื่อบ้านเมืองมีผู้ดูแลอยู่มากมายเช่นนี้”
“น้องก็ไม่ทราบพะยะค่ะ เสด็จพี่...”พระเนตรคมหลุมลงมองผืนน้ำที่สงบนิ่ง “น้องไม่ทราบจริงๆว่าเหตุใด จิตใจของน้องจึงไม่สงบเช่นนี้... น้องรู้สึกราวกับว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น...”
“เรื่องร้าย...”พระเนตรหวานเบิกกว้างอย่างตกพระทัย
“พะยะค่ะ... น้องรู้สึกเช่นนั้น”พระองค์ตรัสรับเบาๆ “น้องรู้สึกว่ามีอะไรจะมาทำร้าย... ดวงใจของน้องที่อยู่ห่างไกล”
“ดวงใจของเจ้า...”องค์คีเซย์หรี่พระเนตรลงน้อยๆ “ใครกันหรือ”
“มีอยู่เพียงคนเดียวนั่นละพะยะค่ะ เสด็จพี่”รอยยิ้มอบอุ่นฉายชัดบนพระพักตร์ เมื่อพระองค์ทรงคิดถึงผู้เป็นเจ้าของพระทัยของพระองค์ “ชายาเพียงคนเดียวของน้อง... คาเซีย”
“ถ้าเจ้าเป็นห่วงน้องสะใภ้ เจ้าก็กลับไปหาเขาสิ”พระสนมยิ้มให้กับพระอนุชาอย่างอ่อนโยน “ไปให้เห็นกับตาว่าเขาเป็นอย่างไร เป็นสุขหรือมีทุกข์กัน”
“แต่...”องค์ทริสเซย์จะตรัสค้าน แต่พระองค์ทรงยกพระหัตถ์ห้ามเอาไว้เสยก่อนที่พระอนุชาจะได้เอ่ยอันใดออกมามากมาย
“ทริสเซย์ น้องอยู่ที่นี่ไปน้องก็ไร้ซึ่งความสุข ทุกวินาทีหัวใจของน้องอยู่กับคาเซีย เมื่อเป็นเช่นนั้น น้องจะอยู่ที่นี่ไปทำไม”พระนางทรงยิ้มให้กับร่างสูงอย่างอ่อนโยน “น้องจะมาหาพี่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าคนที่น้องรักเกิดเป็นอะไรไป... น้องจะหามาใหม่ได้เช่นนั้นหรือ น้องจะไม่รู้สึกผิดไปตราบสิ้นลมหายใจของน้องเช่นนั้นหรือ”
“น้องเพิ่งมาที่นี่ได้เพียงสองเดือนเศษๆเองนะพะยะค่ะ เสด็จพี่...”องค์ทริสเซย์เหลือบมองพระพี่นางน้อย ๆ “กำหนดกลับนั้นอีกยาวนานนัก”
“กลับไปเถอะ น้องพี่ กลับไปอยู่กับดวงใจของน้อง”พระสนมคีเซย์ทรงลูบไล้พระเกศานิ่มของพระอนุชาเบา ๆ “แล้วคราหน้า น้องก็พาดวงใจดวงนั้นของน้องมาแนะนำให้พี่รู้จักด้วยนะ”
“พะยะค่ะ เสด็จพี่”พระองค์ตรัสรับเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม
องค์ทริสเซย์ทรงเสด็จไปลาเสด็จพ่อ เสด็จแม่ของพระองค์ ก่อนที่จะทรงเสด็จไปทูลลาพระเทวัน
“แล้วคราหน้ามาเยือนวินเซเรใหม่นะ ทริสเซย์”
“พะยะค่ะ แล้วกระหม่อมจะมาใหม่”
องค์ราชาพร้อมด้วยทหารองครักษ์คู่กายควบอาชาฝีเท้าดีกลับสู่พระนครอย่างรวดเร็ว โดยที่ขบวนเสด็จที่เหลือจะตามกลับไปที่หลัง
แต่ถึงกระนั้น... แม้จะเดินทางอย่างไม่หยุดพัก เปลี่ยนม้าทรงตลอดทุกครึ่งวันตามเมืองต่าง ๆ ที่เสด็จผ่าน แต่ระยะทางจากวินเซเรไปถึงเฟรนเซียนั้นช่างห่างไกล เดินทางไวที่สุกก็จำต้องใช้เวลาถึงหนึ่งอาทิตย์เลยทีเดียว
คาเซีย... ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เป็นไรนะ
++++++++++++++++++
มีใครคิดถึงองค์ราชา พระเอกของเรื่องบ้างไหม... แนะ เดาได้ไหมเอ่ยว่าคีเซย์กับเคเซย์ เป็นอะไรกัน