▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 43: คนจะรักกัน (ปาฏิหาริย์ครั้งที่ 5) สนนอนหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยา ต้นนั่งมองดูคนที่หลับไปพร้อมกับจับมือต้นไว้แล้วก็ครุ่นคิด นอกจากสนจะดูผ่ายผอมลงไปแล้ว สนก็ดูอ่อนล้าและเศร้าหมองมากทีเดียว คงเป็นเพราะปัญหาสารพัดอย่างที่รุมเร้าก่อนหน้านี้บวกกับการเอาแต่ทำงาน แม้ว่าปัญหาหลายอย่างจะหมดไปแล้วแต่ก็ยังทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดไว้ให้ รอใครสักคนมาช่วยเยียวยา ไม่ว่าสนจะเคยทำผิดพลาดแค่ไหน แม้ว่าการแก้ปัญหาหลายๆ อย่างจะทำให้เรื่องยุ่งยากมากขึ้น แต่สนก็ชัดเจนว่าเขาทำเพื่อให้พ่อแม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ และทำทุกอย่างเพื่อให้สนได้กลับมาหาต้นอีกครั้ง แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าสายไปแล้วแต่ก็ไม่คิดล้มเลิก
ถ้าไม่รักกันจริง สนจะยอมทำขนาดนี้ไหม แค่นี้ยังไม่มากพออีกหรือที่ต้นจะเชื่อใจและกลับมารักผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ใครหลายคนที่ได้ฟังเรื่องราวของต้นกับสนจนมาถึงตอนนี้อาจจะเห็นว่ามีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นหลายครั้ง หลายเรื่องก็ดูไม่เข้าท่า ทำให้ต้นเสียใจก็หลายหน แต่ต้นรู้ดีแก่ใจว่า ตั้งแต่อายุสิบเอ็ดขวบที่ได้เจอกันครั้งแรก จนกระทั่งอีกไม่กี่วันนี้ที่ต้นจะมีอายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ มีเรื่องราวดีๆ และสิ่งดีๆ มากมายนับแสนนับล้านเกิดขึ้นระหว่างต้นกับสนตลอดเวลาที่คบกันมา ต้นรู้ว่าสนไม่เคยมีเจตนาไม่ดีกับต้น ไม่เคยคิดจะทำให้ต้นเสียใจ แค่มีบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อมาทดสอบคนสองคนที่รักกันเท่านั้น จะว่าไปแล้วมันก็มีเพียงไม่กี่เรื่อง ทำไมต้นถึงต้องให้ความผิดพลาดเพียงไม่กี่อย่างมีอิทธิพลมากกว่าสิ่งดีๆ นับแสนนับล้านที่เคยเกิดขึ้นด้วยเล่า
สงสัยต้นคงไม่พ้นต้องยอมแพ้หัวใจตัวเองอีกแล้ว
ต้นเหลือบไปเห็นตะกร้าเสื้อผ้าของสนที่มีเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักอยู่จำนวนหนึ่ง ต้นเดินไปยกมันขึ้นมาแล้วก็เอาลงไปซักที่เครื่องซักผ้าหลังบ้านของสน แม่พลอยมาเห็นเข้าก็ร้องห้าม
"ต้น ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวแม่ทำเอง"
"ไม่เป็นไรครับ ต้นไม่ได้ช่วยดูแลสนตั้งสามปี ต้นอยากดูแลเขาบ้างครับแม่พลอย แม่พลอยไปดูภูคาเถอะครับ"
เสียงภูคาร้องไห้ดังขึ้นมาพอดี คงจะตื่นแล้วไม่เจอใครนั่นเอง แม่พลอยก็เลยต้องรีบไปดูหลาน ปล่อยให้ต้นซักผ้าให้สนอย่างที่ตั้งใจ วันนี้สามีเธอก็ไม่อยู่เพราะไปดูสวนส้มโอที่ปล่อยเช่า กว่าจะกลับก็คงเย็นพอดี
ต้นจัดการเรื่องซักผ้าเสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน ว่าจะช่วยแม่พลอยเลี้ยงหลานและเล่นกับภูคาเสียหน่อย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
"สวัสดีครับ" ต้นทักเป็นทางการเพราะไม่รู้ว่าใครโทรมาหา
"เธอใช่ต้นหรือเปล่า" เสียงคล้ายกับสตรีสูงวัยถามมา ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็ชักไม่มั่นใจว่าโทรมาดีหรือมาร้าย
"ครับ"
"ฉันเป็นแม่ของทดแทน"
ต้นขมวดคิ้วอย่างสงสัย "อ๋อครับ"
"ฉันพูดตรงๆ เลยละกันนะ ไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา เธอเลิกยุ่งกับลูกชายของฉันได้ไหม ฉันจะให้เขาแต่งงาน"
นี่แหละชีวิตความรักของต้น ไม่ใช่แค่สนคนเดียวเท่านั้นที่มีอุปสรรคอย่างนี้ ทดแทนก็เป็นอีกคนที่ต้องเผชิญกับปัญหากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับที่บ้าน แม้ว่าจะโตแล้ว เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ แต่เขาก็ไม่อาจหลุดพ้นจากความสัมพันธ์ในครอบครัวที่คาดหวังบทบาทมาตรฐานในฐานะลูกชายได้ ต้นเพิ่งจะรู้เรื่องนี้ก่อนที่จะกลับมาประเทศไทยไม่ถึงเดือนเท่านั้นเอง
"คุณแม่คุยกับพี่ทดแทนเองดีกว่านะครับ"
ความจริงคนที่ยุ่งไม่ใช่ต้นหรอก ทดแทนต่างหากที่เข้ามาหาและพยายามจะยุ่งกับต้น ต้นบอกทดแทนเหมือนที่เคยบอกสรกฤษณ์ แต่ความรักก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีเหตุผล ต่อให้รู้ว่าไม่มีหวังก็อยากลองดู ช่วงนั้นต้นก็สงสัยตัวเองว่าที่ก่อนหน้านี้เปิดใจให้ใครไม่ได้เพราะมีสนอยู่ใกล้หรือเปล่า ถ้าตัดขาดกันแบบนี้ต้นจะรักคนอื่นได้ไหม ก็สบจังหวะที่ทดแทนเข้ามาพอดี ต้นผิดหรือเปล่าที่ต้นอยากจะลองเปิดใจอีกสักครั้งเมื่อไม่มีสน ตอนนั้นต้นเองก็ไม่หวังแล้วว่าสนจะกลับมาหาต้น ยิ่งมีลูกด้วยแล้วก็ยิ่งไม่อยากให้สนทิ้งครอบครัว ต้นจึงต้องลองทำอย่างเดิมโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะผิดซ้ำหรือได้ผลลัพธ์ที่ต่างไปหรือเปล่า
"เอาอย่างนี้ เธอต้องการเงินเท่าไหร่ บอกฉันมาตรงๆ เลย ฉันยินดีจ่ายให้ถ้าฉันจ่ายได้"
ต้นกดวางหูไปทันที ถ้าจะพูดเรื่องนี้แล้วต้นก็คงไม่มีอะไรจะพูด แม่ของทดแทนพยายามโทรมาอีกหลายรอบแต่ต้นก็ไม่รับสาย ไม่นานนักต้นก็เห็นข้อความส่งมา พอเปิดอ่านแล้วก็ยิ่งหดหู่ใจ
"ฉันให้เธอห้าแสน ถ้าตกลงก็โทรกลับมาหาฉัน"ต้นลบข้อความนั้นทิ้งไปทันที ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรทดแทนก็โทรมาหาต้นเสียก่อน
"ต้น...พี่ขอโทษ เมื่อกี้พี่เผลอวางโทรศัพท์ไว้แล้วไปเข้าห้องน้ำ พี่ไม่รู้ว่าม๊ามาแอบค้นเบอร์ต้นไปหรือเปล่า เมื่อกี้ม๊าเขาโทรมาหาต้นไหม"
คิดๆ ไปแล้วมันก็น่าเหนื่อยใจเสียจริง ความรักของคนอย่างต้นไม่ง่ายเหมือนความรักของชายจริงหญิงแท้หรอก ทั้งตัวต้นเองและคนที่จะมารักกับต้นต้องจิตใจเข้มแข็งพอสมควรเลยล่ะถึงจะผ่านไปได้
"เอาไว้เราคุยกันวันหลังได้ไหมครับพี่แทน ตอนนี้ต้นไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไหร่ครับ"
ทดแทนเงียบไปสักพัก รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง "เอาอย่างงั้นก็ได้ เดี๋ยววันพรุ่งนี้พี่จะไปหาต้นที่บ้านละกันนะ"
"ครับ"
ต้นรับคำแล้วก็วางสายไป จากนั้นก็หวนนึกถึงคำถามที่สนถามต้นที่ร้านอาหารหลังจากที่สนได้ฟังเรื่องนี้แล้ว
"ถ้าเกิดพี่แทนต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับเรา ถูกบังคับให้แต่งงาน แล้วสมมติว่านายก็รักพี่เขามาก นายคิดว่า...พี่แทนเขาจะยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะกลับมาหานายหรือเปล่าล่ะต้น ถ้าเกิดเขามีลูกเหมือนเรา พี่แทนจะทำยังไง แล้วนาย...จะเข้ากับที่บ้านเขาได้หรือเปล่าล่ะต้น ชีวิตของนายจะมีความสุขไหมถ้าอยู่กับพี่เขาจริงๆ"
ต้นได้แต่เอ่อๆ อ่าๆ แล้วก็เงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร อย่าว่าแต่ทดแทนเลย แม้แต่สนเองที่ต้นรักของต้นมาเป็นสิบๆ ปี ต้นก็ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าสนจะกลับมาหาต้นได้ แล้วทดแทนล่ะ ทดแทนจะยอมทำเหมือนที่สนทำหรือเปล่า
แม้จะยังไม่ได้คุยกับสนในเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา ต้นก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมสนถึงไม่ใช้วิธีเจรจากับพ่อแม่ ต้นรู้จักพ่อของสนดี พ่อของสนค่อนข้างหัวโบราณ แถมยังเป็นชาวไร่ชาวสวน การที่จะเข้าใจแนวคิดสมัยใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การเจรจาก็อาจจะไม่ได้ผล สนถึงต้องยอมเอาตัวเองเข้าแลก ยอมทนทุกข์ทรมานเพื่อให้พ่อได้เห็นความจริงจนกระทั่งเข้าใจและยอมเปิดทางให้ ขนาดว่าใช้วิธีฮาร์ดคอร์อย่างนี้ยังใช้เวลานานเกือบสามปี ถ้าใช้วิธีเจรจาก็คงไม่ต้องพูดถึง เผลอๆ ก็อาจจะไม่มีวันเข้าใจเลยด้วยซ้ำ
เมื่อลงทบทวนดูอีกที ต่อให้ไม่มีนินาและต้นกับสนได้รักกัน มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าความรักนั้นทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ ต้นกับสนจะมีความสุขบนความทุกข์ของพ่อแม่ได้ยังไง สนถึงต้องยอมทำอย่างนี้เพื่อให้พ่อแม่เข้าใจ ต้นเองก็จะได้ไม่ต้องมีปัญหากับครอบครัวของสนด้วย จะได้อยู่ด้วยกันอย่างสบายใจทุกฝ่าย แล้วทดแทนล่ะ ทดแทนจะยอมทำอย่างนั้นเหมือนที่สนทำหรือเปล่า ทดแทนจะจัดการอย่างไรกับพ่อแม่ของทดแทนที่ยังยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ความผูกพันกับต้นก็เพียงแค่ปีเดียว จะว่าไปก็เพิ่งจะคบกันเป็นแฟนได้ไม่กี่เดือนด้วยซ้ำเพราะต้นวางระยะห่างมาตลอด
ที่สนทำอย่างนั้นได้เพราะความรักและความผูกพันที่เกิดขึ้นมานับสิบๆ ปีไม่ใช่หรือ ผู้ชายอย่างสนไม่จำเป็นต้องรอต้นหรอก สนมีทางเลือกที่ดีกว่าต้นมากมาย แล้วทำไมสนถึงรอต้นล่ะ ถ้าไม่รักกันมากขนาดนี้จะยอมเจ็บยอมเหงาอยู่ได้ถึงสามปีเลยหรือ ไม่มีผู้ชายที่ไหนทำอย่างนี้ได้หรอกถ้าเขาไม่ได้รักใครคนหนึ่งมากพอ บนโลกนี้จะมีซักกี่คนที่จะยอมทำให้ต้นขนาดนี้
ความรักอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันได้ ชีวิตไม่ได้มีแต่ความรัก การตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ก็คงไม่ได้ใช้ความรักอย่างเดียวเป็นที่ตั้ง คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ต้นก็คงรู้แล้วล่ะว่าสนรักต้นมากแค่ไหน อาจจะรักมากกว่าที่ต้นจะเข้าใจได้ด้วยซ้ำไป น้ำตาของต้นไหลลงมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ต้นปล่อยให้คนที่รักต้นมากขนาดนี้ทนทุกข์ทรมานกับปัญหาสารพัดอย่างอยู่คนเดียวถึงสามปี แววตาที่เหงาเศร้า ร่างกายที่ผ่ายผอม ร่องรอยความอ่อนล้าและเจ็บปวดกับชีวิตยังคงหลงเหลืออยู่กับสน สนกำลังต้องการใครสักคนมาช่วยฟื้นฟูชีวิตที่เสียหายและเจ็บหนัก คงมีแต่ต้นเท่านั้นที่จะรักษาบาดแผลทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้หายสนิทได้
"สน..."
ต้นทรุดลงนั่งร้องไห้ แม่ของสนเดินมาเห็นเข้าก็รีบเดินเข้ามาดูอย่างตกใจ
"ต้นเป็นไรลูก"
ต้นค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วก็เดินไปกอดแม่ของสนไว้
"แม่พลอย แม่พลอยช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับสนให้ต้นฟังได้ไหมครับ ต้นอยากฟัง"
นั่นแหละ ต้นถึงได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดเท่าที่แม่ของสนจะพอเล่าให้ฟังได้ พร้อมกันนั้น แม่ของสนก็เปิดเพลงเก่าเพลงหนึ่งที่แม่ของสนชอบให้ต้นฟัง คงจะพอช่วยให้ต้นตัดสินใจกับชีวิตตอนนี้ได้ง่ายขึ้น
https://www.youtube.com/v/43TVupYZRAYคนจะรักกัน
คนจะรักกันผูกพันหมายมั่นลงไป
จะบุกน้ำลุยไฟปล่อยให้เขาไปตามปรารถนา
คนเขารักกันใครจะกีดกันฉันทา
ต่อให้น้ำ ต่อให้ฟ้า กั้นขวางหน้าอย่าหวังห้ามได้
คนลงรักกัน กำแพงแข็งกั้นก็พัง
สุดจะฝืนยืนนั่ง สุดแรงพลังจะห้ามปรามไหว
คนเขารักกัน คงมั่นจากขั้วหัวใจ
บีบบังคับดับไม่ไหวตราบสิ้นไร้ชีวา
* ความรักมีพลานุภาพ
ดื่มซึ้งซึมซาบตราบเท่าชีวิตเรานั่น
ห้ามน้ำไม่ไหลห้ามไฟมิให้มีควัน
ห้ามอาทิตย์ ห้ามดวงจันทร์
หยุดแค่นั้นค่อยห้ามดวงใจ
คนจะรักจริง ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยั่วกัน
จะขัดขวางกางกั้น ยิ่งเหมือนน้ำมันไปราดกองไฟ
ดั่งฉันรักคุณ คอยครุ่นห้ามปรามหัวใจ
ห้ามความรักหักอาลัย ห้ามไม่ไหวเลยคุณงานวันเกิดครบรอบยี่สิบห้าปีและงานเลี้ยงฉลองปริญญาโทสองใบของต้นจัดขึ้นพร้อมกันที่บ้านของสนหลังจากที่ต้นกลับมาได้ไม่ถึงสัปดาห์ อาหารที่กินกันวันนี้ก็มาจากร้านของสน ตอนแรกสนว่าจะจัดที่ร้าน แต่คิดไปคิดมา จัดที่บ้านคงอบอุ่นมากกว่าเพราะต้นเกิดและโตที่นี่
คนที่มางานวันนี้ก็มีพ่อกับแม่ของทั้งสองบ้าน นิกกับปั้นจั่น นินา ทดแทน รวมทั้งซีล ป้องและจอย เพื่อนเก่าสมัยเรียนประถมและมัธยมก็มาด้วย งานวันนี้จึงเหมือนงานรียูเนี่ยนกลายๆ เพราะมีแต่เพื่อนๆ ที่เคยรู้จักกัน
"จอยน่ะรู้ว่าต้นชอบสนตั้งนานแล้ว จอยถึงไม่ยอมรับรักสนไงเพราะจอยไม่อยากทำร้ายเพื่อน" จอยพูดพลางหัวเราะ นึกถึงวันนั้นที่ต้นมาแอบถามว่าจอยชอบดอกกุหลาบสีอะไรแล้วก็อดขำไม่ได้
"กูก็รู้เรื่องนี้จากไอ้ซีลนั่นแหละ ตอนที่มึงหนีไปอยู่กับไอ้ซีล ไอ้ซีลมันโทรมาเล่าให้กูฟัง ไม่งั้นก็ไม่รู้หรอก แต่กูก็สงสัยพวกมึงสองคนมานานแล้วล่ะ ว่าจะถามหลายทีแต่ก็ไม่กล้าถามว่ะ" ป้องพูดบ้าง เมื่อก่อนอาจจะมองเป็นเรื่องแปลก แต่พอโตขึ้นสังคมก็เปลี่ยนไป เรื่องราวของคู่จิ้นชาย-ชายมีให้เห็นในสื่อจนเกร่อจนดูเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว
"เสียดายว่ะ พวกกูสามคนอุตส่าห์แอบเชียร์มึงกับสน ถามจริงๆ เหอะต้น มึงไม่อยากกลับไปหาสนจริงๆ เหรอวะ" ซีลเลือกถามคำถามสำคัญในฐานะคนที่ได้พูดทีหลัง คนที่รู้เรื่องต้นกับสนก่อนใครก็คือคนนี้นี่แหละ แถมยังเป็นคนที่ทำให้สนรู้ว่าต้นแอบรักด้วย
ต้นยิ้มบางๆ หันไปมองทดแทนที่คุยอยู่กับพ่อกับแม่ของต้นอีกโต๊ะหนึ่ง แล้วก็หันไปมองสนที่นั่งคุยอยู่กับนิกและปั้นจั่นอีกโต๊ะหนึ่ง แล้วก็หันกลับมาหาเพื่อนๆ เหมือนเดิม
"กูมีคำตอบอยู่แล้วล่ะ แต่ขอไม่บอกตอนนี้ละกัน จะได้เซอร์ไพรส์ไง"
"ปรากฎว่าไม่ใช่ทั้งสองคน ต้นจะเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวแฟนฝรั่ง" จอยพูดล้อเลียนแล้วก็หัวเราะกับเพื่อนๆ
"ก็ดีนะเว้ย มึงชอบภาษาอังกฤษ มีแฟนฝรั่งก็ดีนะเว้ย" ป้องแซวบ้าง
ต้นหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร คุยกับเพื่อนมัธยมสักพักต้นก็ย้ายไปคุยกับนิกและปั้นจั่น ส่วนสนก็ย้ายมาคุยกับเพื่อนสมัยมัธยมของต้นแทน
"ไงต้น อวบไปหน่อยหรือเปล่าวะมึง" ประโยคแรกที่ปั้นจั่นทักก็เล่นเอาต้นแทบเสียความมั่นใจไปเลย
"เฮ้ย กูดูอ้วนขนาดนั้นเลยเหรอวะ"
"อย่าไปเชื่อมันต้น ไอ้นี่มันเว่อร์ กูว่าแบบนี้ดีกำลังดีเลย เมื่อก่อนมึงผอมไป" นิกแย้ง
"อย่าลืมไปขุนไอ้สนมันด้วยล่ะ ผอมไปเยอะเลย สงสัยมันจะตรอมใจ"
แม้ปั้นจั่นจะพูดเล่นแต่ต้นก็สะดุดใจไม่น้อย
"นี่ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว ตอนกูมาถึงใหม่ๆ ผอมกว่านี้อีก จนกูต้องบังคับให้กินข้าวเยอะๆ นั่งเฝ้าด้วย" ต้นเล่าไปก็ขำไป
"จริงเหรอวะ ไอ้สนนี่มันก็แปลก ดื้อกับใครไปทั่ว เจอมึงเข้าไปดื้อไม่ออกเลย เหมือนงูเหลือมเจอเชือกกล้วย"
"เออ...มึงก็เข้าใจเปรียบเทียบว่ะไอ้นิก กูเห็นด้วย" ปั้นจั่นเสริม
จากนั้นต้นก็ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบและการงานของเพื่อนทั้งสองคนไปตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน รวมทั้งเล่าเรื่องที่ต้นไปเรียนที่ัอังกฤษให้เพื่อนๆ ฟังด้วย แต่ก่อนที่ต้นจะลุกออกไปคุยกับพ่อแม่ของสน นิกก็พูดขึ้นมาว่า
"เฮ้ยต้น กลับมารักกับไอ้สนเหอะ สงสารมัน มันรอมึงคนเดียวนะเว้ย มันเคยโทรไปหาพวกกูสองคนแล้วก็ร้องไห้คิดถึงมึงให้พวกกูฟังบ่อยๆ กูอยู่กับพวกมึงสองคนมาหลายปี เอาใจช่วยพวกมึงมาตลอด สนมันเป็นคนดีนะต้น ถึงมันจะทำอะไรผิดพลาดไปบ้างแต่มันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก คนเราผิดพลาดกันได้ ถ้ามันไม่รักมึง มันไม่ยอมทำขนาดนี้หรอก เชื่อกูดิต้น ชีวิตคนเรามันสั้นนะเว้ย ถ้ามันเป็นไปได้ อยู่กับคนที่รักกันดีกว่า"
ต้นมองหน้าเพื่อนแล้วก็นั่งนิ่ง ดูจากสีหน้าแล้วก็คาดเดาได้ยากว่าต้นคิดอะไร
"มึงไม่ต้องสนใจความคิดใครหรอกต้น ไม่มีใครมารับผิดชอบชีวิตมึงให้มึงได้ ถ้ามึงเชื่อและเลือกตามที่คนอื่นบอก ถ้าผิดพลาดขึ้นมาก็ไม่มีใครมารับผิดชอบให้มึงได้หรอก มึงต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ไหนๆ มึงก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองอยู่แล้ว มึงก็ต้องเลือกอย่างที่มึงอยากได้สิวะ กูไม่เชื่อหรอกว่ามึงไม่รักสนมันแล้ว ทำตามหัวใจมึงสักทีสิวะต้น มึงไม่เหนื่อยหรือไงวะที่ต้องวิ่งหนีมัน กูเห็นแล้วยังเหนื่อยแทนเลย" นิกสำทับอีกคำรบ เล่นเอาคนฟังอึ้งไปเหมือนกัน
"กูไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรนะต้น แต่วันนี้กูคิดว่าปาฏิหาริย์ครั้งที่ห้าจะเกิดว่ะ มึงเชื่อกูดิ" เจ้าของทฤษฎีปาฏิหาริย์ห้าอย่างยืนยันเองอย่างนี้แล้วจะไม่เกิดก็ให้มันรู้กันไป
"เฮ้ยไอ้จั่น กูว่ามึงต้องไปจดสิทธิบัตรทฤษฎีปาฏิหาริย์ห้าอย่างของมึงแล้วนะเว้ย เดี๋ยวมีคนขโมยเอาไปใช้ซะก่อน" นิกแซวแล้วก็หัวเราะ
ไฟในบริเวณหน้าบ้านดับมืดลง จากนั้นไม่นานก็มีแสงเทียนสว่างไสวเคลื่อนที่เข้ามา สนกับลูกชายเดินมาด้วยกันพร้อมกับเค้กวันเกิดสุดพิเศษที่มีทั้งคำว่า "Happy Birthday" กับ "Congratulations!" อยู่ด้วยกัน เสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดดังขึ้นจากคนที่นั่งรายล้อมอยู่บนโต๊ะ ภูคาก็พลอยร้องงึมงัมอย่างตื่นเต้นตามไปด้วย เรียกเสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูจากผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ได้เป็นอย่างดี
เค้กวันเกิดครบรอบยี่สิบห้าปีวางลงบนโต๊ะข้างหน้าต้น ภูคาร้องขอให้สนอุ้มขึ้นไปยืนบนเก้าอี้เพราะอยากช่วยอาต้นเป่าเค้กด้วย วันเกิดวันนี้ของต้นจึงไม่ได้มีแค่ต้นเท่านั้นที่เป่าเค้ก แต่มีเด็กน้อยหน้าตาน่ารักผิวขาวใสเพราะพ่อกับแม่เป็นคนเหนือทั้งคู่มาร่วมเป่าด้วย บรรดาผู้ใหญ่ที่นั่งดูอยู่ต่างก็ขำกันใหญ่
ต้นตัดเค้กแล้วก็ส่งชิ้นแรกให้เด็กตัวน้อยที่นั่งรอคอยอย่างตื่นเต้น ตอนนี้ภูคาติดต้นมากทีเดียว ร้องหาตลอด บางวันก็ร้องให้ปู่กับย่าพาไปหาอาต้นถึงบ้าน ภูคาตักเค้กชิ้นแรกในชีวิตกินแล้วก็ร้องโอ้โฮใหญ่เลย
"อร่อยไหมลูก" แม่ของต้นถามอย่างเอ็นดู
"อร่อยมากคับ" ท่าทางที่น่าเอ็นดูนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ได้อีกครั้ง
ต้นตัดเค้กแบ่งให้ครบทุกคนแล้วก็นั่งกินอยู่ข้างๆ กับทดแทน บรรดาพ่อแม่และเพื่อนๆ ต่างก็ทยอยนำของขวัญวันเกิดมามอบให้พร้อมกับอวยพรและแสดงความยินดีกับความสำเร็จของต้น
จนกระทั่งเหลืออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ แถมของขวัญวันเกิดสักชิ้นก็ยังไม่มีเสียอีก
"อ้าวสน ไม่มีของขวัญวันเกิดมาให้ต้นเหรอลูก" แม่ของสนถามอย่างสงสัย
สนส่ายศีรษะ
"อ้าว...ทำไมล่ะลูก ไม่มีเวลาไปซื้อเหรอ ทำไมไม่บอกแม่ล่ะ" แม่ของสนถามลูกชายอย่างแปลกใจ ทุกคนที่นั่งอยู่ก็คงสงสัยเหมือนกัน
"เปล่าครับ ไม่มีจริงๆ ครับ" สนยืนยัน ยิ่งทำให้ทุกคนแปลกใจกันใหญ่ รวมทั้งต้นและทดแทนด้วย
"ภูคาไปอยู่กับแม่แป๊บนึงนะลูก"
ว่าแล้วสนก็อุ้มภูคาไปให้นินาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับแม่ของสน ดีหน่อยที่วันนี้พ่อของสนไม่เดินหนีเหมือนที่ผ่านมา จากนั้นสนก็เดินมายืนอยู่ตรงที่ว่างๆ ที่ไม่มีโต๊ะและเก้าอี้
"ต้น...มาตรงนี้แป๊บนึงได้ไหม"
สนเรียกคนที่นั่งอยู่กับอีกคนให้ออกมาหา ต้นทำหน้างงๆ เล็กน้อย แต่ก็ค่อยๆ ลุกเดินออกมายืนตรงข้ามกับสนแต่โดยดี สายตาของทุกคนต่างก็คอยจับจ้องด้วยความอยากรู้ว่าสนกำลังจะทำอะไร แล้วสนก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดจนต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
สนจับมือสองข้างของต้นแล้วก็คุกเข่าลงตรงหน้า เงยหน้ามองต้นด้วยแววตาอ้อนวอน อีกฝ่ายตกใจพอสมควรเพราะตั้งตัวไม่ทันและไม่รู้ว่าสนกำลังจะทำอะไร
"ต้น...เราไม่มีของขวัญอะไรให้นายหรอก ไม่มีสักชิ้นเดียว เรามีแค่...ตัว...กับหัวใจของเรา...ที่จะให้นาย ทั้งตัวและหัวใจของเรามีค่ามากพอที่จะเป็นของขวัญวันเกิดให้นายหรือเปล่าต้น"
สนสบตากับต้นเหมือนกับจะใช้สายตาช่วยถามย้ำอีกครั้ง
"เรากลับมารักกันอีกสักครั้งเถอะนะต้น ขอโอกาสให้เราอีกสักครั้ง หัวใจของเราต้องการนาย เรารักนายนะต้น รอคอยนายมาตลอด นายมองดูผู้ชายคนนี้ดีๆ อีกทีสิต้น เราใช่คนที่นายรักหรือเปล่า ใช่คนที่เคยอยู่ดูแลกัน ผูกพันกันมาตลอดชีวิตไหม เราใช่คนที่นายอยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตหรือเปล่า ถึงเราจะเคยทำผิดพลาดมามากแค่ไหน แต่เราก็รู้ว่าเราทำทุกอย่างเพื่อที่จะกลับมาหานาย เราไม่มีใครแล้วนะต้น ชีวิตเราบอบช้ำ เจ็บหนักอย่างที่นายเห็น นายเองก็คงเจ็บหนักไม่ต่างกัน นายรู้ไหมต้น มีแต่นายเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตของเรากลับมาเหมือนเดิม ทำให้บาดแผลในใจเราหายสนิท แล้วนายล่ะต้น ลองถามตัวเองอีกที ถ้าไม่ใช่เรา มีใครอื่นอีกหรือเปล่าที่จะทำให้นายยิ้มและหัวเราะได้ มีใครอีกไหมที่จะรักนายเหมือนกับเรา...หรือดีกว่าที่เรารัก มีใครอีกไหม...ที่ใช่ที่สุดสำหรับนาย บาดแผลในใจของนาย...มีใครอีกไหมที่นายคิดว่าจะรักษามันให้หายสนิทได้ มีความอบอุ่นที่นายเคยโหยหาจากใครอีกไหมที่จะเหมือนกับที่เราให้ เราพร้อมที่จะให้นายทุกอย่างที่นายต้องการแล้วนะต้น"
สนหยุดเว้นจังหวะเพื่อรอดูท่าทีของต้น น้ำตาของต้นค่อยๆ ไหลลงมาแล้วก็ร้องไห้เบาๆ สนเองก็ร้องไห้เช่นเดียวกัน
"เรากลับมารักกันอีกสักครั้งนะต้น กลับมารักษาแผลใจของเราสองคนด้วยกัน กลับมาทำความสะอาดความรักที่เราทำเปื้อนทิ้งไว้ด้วยกัน มันเป็นความรักของเรานะต้น ความรักที่เราสองคนตั้งใจสร้างมันขึ้นมาอย่างยากลำบากด้วยกัน เรามาทวงสัญญาที่นายเคยให้ไว้ว่านายจะเก็บรักแรกของนายไว้ให้เราเสมอ นายยังเก็บมันไว้ให้เราอยู่หรือเปล่า เรารู้...ว่านายยังเก็บมันไว้ให้เราอยู่ เรามารับหัวใจของนายแล้ว มาอยู่เป็นคู่ชีวิตกับเรานะต้น เราสองคนเกิดมาเพื่อรักกัน เติมเต็มชีวิตให้กัน ให้โอกาสผู้ชายคนนี้อีกสักครั้งนะต้น นะต้นนะ"
สนคิดหาวิธีมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่อยากทำอะไรที่ซับซ้อนอีกแล้ว สนเหนื่อยที่จะต้องทำเรื่องยุ่งยากที่ทำแล้วก็ยิ่งแก้ยากมากขึ้น ก็เลยต้องขอกันอย่างหน้าด้านๆ ลูกทุ่งๆ อย่างนี้แหละ
"โอเค โอเค โอเค..." เสียงปรบมือและโห่ร้องเชียร์ดังไปทั่ว รอยยิ้มของทุกคนระบายอยู่เต็มใบหน้า ต่างคนต่างก็ช่วยกันลุ้นให้ต้นจะตอบตกลง
ต้นหันไปมองรอบๆ เห็นพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ยิ้มดีใจแล้วก็อดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
ก็เหมือนที่สนเคยพูดไว้นานแล้วว่าความรักถูกเสมอ ไม่ว่าเราจะเคยทำอะไรผิดพลาดแค่ไหนแต่ความรักก็ไม่เคยผิดไปด้วย หัวใจของเราจะวิ่งไปหาคนที่มันรักเสมอ ต่อให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวหัวใจก็ตามไปถึง ความรักเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร ไม่สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ บนโลกใบนี้ ไม่สนใจกรอบคิดที่คับแคบหรือเปิดกว้าง ไม่สนใจความถูกผิดจากมุมมองของใคร ไม่สนใจว่าใครจะเห็นด้วยหรือขัดแย้ง ไม่สนใจว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ไม่สนใจกรอบกักขังใดๆ ที่มนุษย์เจ้าปัญหาสร้างขึ้น ความรักก็แค่เกิดขึ้นมาเท่านั้น รักก็คือรัก บริสุทธิ์และงดงามเสมอ แม้มันจะเปื้อนโคลนตมไปบ้างจากเหตุการณ์ในชีวิต แต่ถ้าคนสองคนยังรักกัน คนสองคนนั้นก็ช่วยกันทำความสะอาดความรักได้ มันไม่จำเป็นต้องใสสะอาดสมบูรณ์แบบหรอก ขอแค่ให้เป็นรักแท้ที่คนสองคนสร้างขึ้นมาจากหัวใจและความผูกพันก็เพียงพอ
ต้นตัดสินใจมาได้หลายวันแล้วล่ะว่าจะเลือกใคร ความจริงก็เลือกมานานแล้วด้วยซ้ำ ผู้ชายคนนี้แหละ ไม่ต้องดีวิเศษอย่างใครเขา แต่เขาก็เป็นคนที่รักต้นมากที่สุด ที่สำคัญ...หัวใจของต้นเก็บไว้ให้ผู้ชายคนนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่มีใครเคยได้หัวใจดวงนี้ไปจากต้นเลย
เห็นสายตาอ้อนวอนของคนรักแล้วต้นจะปฏิเสธได้ยังไง ต้นพยักหน้าแล้วก็ยิ้มทั้งน้ำตา เสียงเฮของบรรดาพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ดังลั่น เกือบทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็เคยได้เห็นความรักของต้นกับสนมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อสองคนนี้รักกันได้เสียทีก็อดดีใจไปด้วยไม่ได้
"ขอบคุณมากต้น ขอบคุณที่นายให้โอกาสผู้ชายคนนี้อีกครั้ง" สนพูดละล่ำละลัก ลุกขึ้นยืนแล้วก็กอดต้นไว้แน่น
นึกว่าความรักที่แสนรักจะหลุดมือไปเสียแล้ว ต้นกับสนกอดกันไว้ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายไปจากชีวิต พ่อกับแม่และเพื่อนๆ ที่ยืนดูอยู่ต่างก็ร้องไห้และน้ำตาซึมไปตามๆ กัน โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของต้นกับสนนั้นถึงกับกอดกันร้องไห้ทีเดียว เหลือแต่ทดแทนเท่านั้นที่นั่งนิ่งและครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
หมดทุกข์หมดโศกเสียทีนะต้นกับสน พ่อกับแม่ดีใจเหลือเกินที่ลูกสองคนกลับมารักกันอีกครั้ง การได้เห็นต้นกับสนกลับมาอยู่ด้วยกันและดูแลกันอีกครั้งอย่างมีความสุขเหมือนตอนเป็นเด็ก ก็ถือว่าเป็นของขวัญล้ำค่าชิ้นหนึ่งของพ่อกับแม่แล้ว ไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่พ่อกับแม่ต้องการนอกจากเห็นลูกของตัวเองมีความสุขและมีอนาคตที่ดี
ต้นกับสน...ลูกชายที่น่ารักทั้งสองคนของพ่อกับแม่ ไม่ว่าลูกสองคนจะเคยทำผิดพลาดมาสักแค่ไหน หรือพ่อกับแม่จะเคยทำผิดพลาดอะไรมาบ้าง การให้อภัยและการเริ่มต้นใหม่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เราจะมอบให้แก่กัน พ่อกับแม่เชื่อว่าบทเรียนชีวิตที่ผ่านมาจะทำให้ต้นกับสนรักกันอย่างมีสติและประคับประคองความรักที่มีค่าไปจนตลอดรอดฝั่ง แม้จะมีอุปสรรคบ้างก็ไม่ทำให้หวั่นไหวได้อีกแล้ว
คนจะรักกัน ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟหรือใครจะติฉินนินทาสักแค่ไหน สุดท้ายเขาก็จะรักกัน จงอย่าใช้ชีวิตตามความคิดเห็นของคนอื่นที่รับผิดชอบแทนเราไม่ได้ จงใช้หัวใจมากกว่าเหตุผล เพราะความรักเท่านั้นที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่ ไม่ใช่เหตุผลหรือสมองที่เราจะอุปโลกน์ให้เป็นอย่างไรก็ได้ อันที่จริงโลกนี้ก็วุ่นวายเพราะเหตุผลไม่ใช่เพราะความรัก วางไม้บรรทัดที่เราชอบเอาทาบวัดชีวิตคนอื่นลงเสีย แล้วมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยหัวใจและความรัก ความรักเท่านั้นคือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดที่ธรรมชาติมอบให้แก่มนุษย์ทุกคน
TBC