(ต่อนะคะ)
หลังจากนั้นทั้งผมและเซโครต่างงคลุกอยู่ในห้องทดลองกันทั้งวันทั้งคืนโดยมีลูก้าและยูทาร์คอยเอาอาหารเข้ามาให้ ผ่านไปหลายสัปดาห์ในที่สุดสิ่งที่ต้องการก็สร้างเสร็จจนได้
“เตียงจ้ารอผมก่อนนะ” ผมตะโกนเสียงดังพร้อมยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว
“...ขอเตียงให้ผมด้วยสิ” เซโครเองก็มีท่าทางอิดโรยไม่ต่างกัน
“ไปพักห้องข้างๆ ผมก็ได้ ตอนแรกจะให้ลูก้าอยู่แต่เขาไม่เอาน่ะ”
“ก็พอเข้าใจ เขาอยากอยู่กับสามจะตาย ดูสิ ขนาดเราทำการทดลองอยู่ยังมานั่งเฝ้าเลย” เซโครพูดพลางมองไปยังหน้าประตูที่ปรากฏแผ่นหลังของลูก้านั่งพิงอยู่
“ยูทาร์ของนายก็ใช่เล่นนี่ นั่งอยู่อีกฝั่งเหมือนกัน” ผมสวนกลับเนื่องจากตรงข้ามลูก้ามีร่างของยูทาร์ซึ่งเป็นคนรักของเซโครนั่งอยู่ ดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทกันกว่าเดิมอีก
“พักให้เต็มอิ่มแล้วค่อยไปนะ” เซโครบอกก่อนจะเปิดประตูออกไป ทั้งลูก้าและยูทาร์ที่เห็นต่างก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหา
“รู้แล้ว ผมไม่เสี่ยงดำน้ำทั้งที่ร่างกายไม่พร้อมหรอก” ผมตอบกลับไป
“ได้ยินแบบนั้นก็เบาใจ ฝากทรีหน่อยล่ะลูก้า” เซโครหันไปพูดกับลูก้าที่เข้ามาพยุงร่างผมที่กำลังจะทรุดลงกับพื้นเพราะความง่วง
“แน่นอนครับ ไว้คุยกันใหม่นะคุณยูทาร์”
“อืม” ยูทาร์พยักหน้าตอบเล็กน้อย
“ลูก้า...” ผมเรียกพลางกุมเสื้ออีกฝ่ายไม่ให้ร่างกายร่วงลงไปกองยังพื้น
“ฝืนไปแล้วสาม ผมยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ขอนอนก่อนเดี๋ยวผมจะอธิบายทีเดียว กลับห้องกัน” ผมอยากนอนเต็มทีแล้ว
“เดินไม่ไหวหรอกสาม ผมจะอุ้มไปละกัน”
“ว่าไงนะ ไม่เอา เฮ้ย! ลูก้า!” ผมถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อร่างของตัวเองถูกยกขึ้นอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีพละกำลังเหลือเฟือ
“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวตกหรอก” ลูก้าบ่นทั้งๆ ที่กระชับแขนที่อุ้มผมไว้แน่น เซโครและยูทาร์ต่างก็มองพวกเราทั้งคู่แต่มีเพียงเซโครเท่านั้นที่ส่งยิ้มมาให้
“ยูทาร์ เซโครอยากให้นายอุ้มน่ะ” ผมไม่ยอมอายอยู่คนเดียวหรอกนะ
“ทรี! เดี๋ยวยูทาร์ ไม่ต้อง...” เหมือนยูทาร์จะไม่ฟังที่พูดเซโครเลยถูกอุ้มโดยไม่เต็มใจนัก
พวกเราสี่คนเดินผ่านหน้าเหล่าลูกน้องผมในสภาพน่าอายจนต้องซุกตัวเองไม่ให้มองหน้าใครทั้งนั้นไปจนถึงห้องผมก็หลับเป็นตายโดยไม่กล่าวฝันดีลูก้า ผมตื่นมาอีกทีก็เป็นช่วงสายของอีกวันแล้ว
“ลูก้า” สิ่งแรกที่ผมหาไม่ใช่นาฬิกาหรือโทรศัพท์แต่เป็นคนที่น่าจะอยู่ข้างๆ ผมตลอดการนอน ทั้งที่น่าจะเป็นอย่างงั้นแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของลูก้าเลย หรือว่าลงไปไหน
แกร็ก!
“สาม...ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมร่างของลูก้าเดินออกมา
“อืม แช่น้ำเหรอ”
“ใช่ ก็อยากไปทะเลอยู่หรอกแต่กลัวสามตื่นมาแล้วจะตกใจถ้าไม่เห็นผม”
“ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย” ผมตอบกลับโดยไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผมตกใจจริงๆ ที่ไม่เห็นอีกฝ่าย
“ถ้าตื่นแล้วเล่าให้ฟังได้รึยังว่าทำไมต้องอยู่ในห้องนั้นตั้งหลายอาทิตย์แบบนี้”
“มานั่งนี่สิ ผมจะเล่าให้ฟัง” ผมกวักมือเรียกลูก้าให้มานั่งบนเตียงก่อนจะคว้าผ้าขนหนูในมืออีกฝ่ายมาเช็ดเส้นผมสีฟ้าแซมแดงแสนแปลกตาที่เปียกโชกอยู่ เรื่องราวทุกอย่างค่อยๆถูกถ่ายทอดให้ลูก้าฟังไปตามความจริง ลูก้าที่ฟังก็มีถามกลับบ้างแต่ส่วนมากก็จะทำเพียงพยักหน้าเงียบๆ จนจบเรื่อง
“ก็คิดอยู่ว่าที่ดาโกซอรัสพูดมันแปลก” ลูก้าพูดขึ้นหลังฟังจบ
“ดาโกซอรัสพูดอะไร” ผมถามต่อทันที ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าดาโกซอรัสพูดอะไรด้วย ไม่สิ ผมไม่ได้ถามลูก้านี่นา
“บอกให้ช่วย”
“ช่วย? ช่วยอะไร?”
“ผมก็ไม่รู้แต่พอได้ฟังเรื่องราวอาจบอกให้ช่วยเขาทีก็ได้”
“...แต่เราก็ช่วยไม่ได้” ถ้าผมรู้ว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้นก็จะช่วยดาโกซอรัสก่อนจะถูกกระแสไฟฟ้านั่นจัดการก็ได้
“มันไม่ใช่ความผิดของใครหรอกสาม”
“ลูก้า...”
“เราอาจช่วยดาโกซอรัสไม่ได้แต่เราอาจช่วยตัวอื่นๆ ได้” คำพูดของลูก้าทำให้ยิ้มออก นั่นสิ ผมยังสามารถช่วยได้อีกหลายชีวิต
“ขอบคุณลูก้า”
“...เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม”
“อะไรล่ะ อยากให้ลูบหัวหรือชมว่าเด็กดี” ผมถามต่อ
“อยากให้จูบ...ได้ไหม” เหมือนลูก้าจะเห็นท่าทางตื่นๆ ของผมเลยเติมพยางค์สุดท้ายให้เป็นประโยคคำถามแทน ผมกับลูก้าตอนนี้ไม่ใช่แค่คู่หูแต่เป็นคนรักกันด้วย มันไม่แปลกที่เขาอยากสัมผัสผมเพราะผมเองก็ไม่ต่างกันแค่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดน่าอายนั่นตรงๆ ก็ตาม
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” พูดจบผมก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้แล้วจูบยังริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ
“...แค่นี้ไม่พอหรอก” ใบหน้าของลูก้าแสดงออกอย่างที่พูด ใบหน้านั่นบอกว่าแค่นี้ไม่พอ
“ไว้กลับมาจากการสำรวจก่อนละกัน”
“พูดแล้วนะ ห้ามบอกว่าลืมหรือจำไม่ได้ด้วย”
“ผมไม่เคยอ้างแบบนั้นสักหน่อย”
“ใครว่าไม่เคย”
“ถ้าเถียงผมไม่ให้จูบแล้วนะ”
“...งั้นผมจะปล้ำ” เงียบได้ไม่กี่วินาทีลูก้าก็สวนกลับด้วยใบหน้าจริงจัง
“ลูก้า”
“ถ้าไม่ให้จูบผมก็จะปล้ำ”
“หยุดพูดเลยนะ ไดโนเสาร์ลามกนี่!”
“กลับมาค่อยพูดต่อก็ได้”
“ไม่ต้องมาพูดต่อเลย ไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้” ผมรีบลุกขึ้นจากเตียงเพื่อหลีกหนีจากสถานการณืแปลกๆ นี่อย่างรวดเร็ว และหวังว่าลูก้าจะไม่สังเกตเห็นว่าใบหน้าผมมันร้อนขนาดไหน
“ถึงจะลุกก็หลบใบหน้าแดงๆ นั่นไม่ได้หรอกนะ”
“ลูก้า!” ผมเขวี้ยงผ้าขนหนูใส่อีกฝ่ายเต็มแรง แต่ก็รู้อยู่ว่าด้วยสายตาของนักล่าแค่ผ้าผืนเล็กๆ น่ะหลบได้สบายอยู่แล้ว
หลังจากเตรียมตัวเสร็จผมก็ให้เรือไปส่งพวกเรายังเกาะแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในการท่องเที่ยวก่อนจะใช่เกาะนั่นเป็นสถานที่ดำน้ำไปยังบริเวณที่เจอดาโกซอรัส ระยะห่างของเกาะนี้ถึงบริเวณที่ต้องการมากพอสมควรแต่ถ้าให้เรือไปส่งใกล้ๆ อาจจะทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เมื่อมองจากเกาะนี่กลับมาขนาดเล็กกว่าความเป็นจริง สิ่งที่ผมมองอยู่คือสถานีขุดเจาะน้ำมันเป้าหมายครั้งนี้นั่นเอง ลูก้าหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำ ผมเองก็ตาอีกฝ่ายไปติดๆ เมื่ออยู่ใต้น้ำการเคลื่อนไหวของมนุษย์ค่อนข้างช้าเลยให้ลูก้าเป็นคนดึงผมเพื่อเพิ่มความเร็ว
ชุดดำน้ำแบบใหม่ที่ผมและลูก้าใส่อยู่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาโดยฝีมือของหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษและผม ชุดนี้มีการติดตั้งระบบใช้ในการผ่านเซนเซอร์และกลืนไปกับน้ำทำให้กล้องตรวจจับได้ยาก แต่กว่าจะให้ลูก้ายอมใส่ก็ใช้เวลานานทีเดียว ก็เข้าใจว่าไม่ชอบใช่ชุดที่ทั้งหนาทั้งแน่นแต่ครั้งถ้าไม่ใส่เราคงผ่านไปไม่ได้
กว่าจะไปถึงเป้าหมายก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงตามที่วางไว้ ผมพกออกซิเจนขนาดเล็กไว้สำหรับเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะและก็ส่งให้ลูก้าใช้เป็นครั้งคราว บรรยายกาศใต้น้ำบริเวณนี้ไม่ชวนให้ดำสักนิด แม้จะเงียบแต่ก็ไม่ช่วยให้รู้สึกสงบ เหล่าฝูงปลาที่ควรจะมีกลับไม่ปรากฏในสายตาสักตัว
ดวงตาสีเงินของลูก้าหันมามองผมเป็นเชิงขอความเห็นว่าให้ทำอะไรต่อผเลยชี้ลงไปข้างล่าง ลูก้าเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วดำลงไปลึกขึ้น ยิ่งดำลงมาลึกแสงสว่างที่มีก็ค่อยๆ หายไป ข้อมือผมถูกลูก้ากำแน่นขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณให้ระวังอะไรบางอย่าง
ลูก้า
พรึ่บ!
ลูก้าดึงผมลงไปซ่อนตัวยังโขดหินด้านล่างก่อนที่ร่างสีดำขลับจะว่ายผ่านหัวพวกเราไปในชั่วพริบตา รูปร่างแบบนั้นคงจะเป็นโพลิปทิโคดอน ไดโนเสาร์นักล่าที่มีส่วนลำคอสั้นและมีความยาวประมาณ7เมตร ถือเป็นหนึ่งในตัวอันตรายแห่งท้องทะเลก็ว่าได้
ดีแล้วที่หลบทัน
รอให้โพลิปทิโคดอนไปพวกเราก็ออกจากโขดหินแล้วมองไปยังพื้นระนาบด้านล่างที่ต่ำลงไปอีกลึกพอสมควร ปกติพื้นทะเลจะค่อยราดต่ำลงไปทีละนิดแต่ก็มีมากที่เจอกับที่ราบลึกแบบนี้
ไม่รู้ว่าข้างล่างจะมีอะไร
ผมหันไปมองลูก้าพร้อมพยักเบาๆ ลูก้าเองก็พยักหน้าตอบก่อนพวกเราจะลงไปยังบริเวณที่ลึกกว่าเดิม ยิ่งลงไปลึกมาเท่าไหร่แสงสว่างก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวผมมันเรียกว่าแทบมืดสนิท จากที่กะความลึกน่าจะเกิน1,000เมตรเข้าไปแล้วซึ่งปกติคงไม่มีใครที่จะดำลงมาลึกถึงขนาดนี้หรอก
ไม่มีที่ไหนที่จะเหมาะแก่การซ่อนตัวไปมากกว่านี้แล้ว
แม้จะอยู่ในความมืดแต่ผมก็ยังไม่รู้สึกกังวลเพราะลูก้าจับมือแน่นราวกับจะบอกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว ดวงตาของลูก้าคงสามารถมองเห็นในความมืดได้เพราะไม่งั้นคงไม่สามารถดึงผมหลบโขดหินได้อย่างง่ายดายหรอก ผ่านไปสักพักแสงสีเงินส่องสว่างอยู่ด้านใต้ริบๆ นั่นเรียกความสนใจทั้งผมและลูก้าให้จ้องมองไป
พวกเราไม่รอช้าดำลงไปบริเวณนั้นด้วยความระมัดระวังจนภาพของสิ่งก่อสร้างขนาดหรือโดมขนาดใหญ่ปรากฏแก่สายตา แสงสีเหลืองนวลคล้ายแสงไฟส่องสว่างมาจากส่วนกระจกใส่ด้านข้างตัวโดม ผมพาร่างตัวเองลงมายังพื้นแล้วเดินไปแอบมองยังส่วนที่เป็นกระจกใสจนเห็นสิ่งด้านใน สิ่งที่เห็นทำเอาดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงทั้งที่คาดการณ์ไว้แล้ว
เป็นอย่างที่คิด
ที่นี่เป็นสถานที่ทดลองการสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์จริงๆ ด้วย
หลอดแก้วขนาดใหญ่วางเรียงติดๆ กันโดยข้างในนั้นมีร่างที่ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์ใส่อยู่ ถึงจะมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่กลับมีทั้งหางหรือส่วนปากที่ยาวคล้ายสัตว์ และถัดออกไปมีร่างของไดโนเสาร์หลายชนิดถูกแช่ไว้ในโหลแก้วในสภาพไม่ครบ32 บางหลอดแก้วมีเพียงส่วนหัวในขณะที่บางอันมีร่างของไดโนเสาร์อยู่ทั้งตัว
นี่มันทดลองบ้าอะไรกัน
มันไม่ใช่ไดโนเสาร์กลายพันธุ์แล้ว
ระหว่างที่กำลังหงุดหงิดกับภาพตรงหน้ามือของลูก้าก็แตะยังไหล่ผมเบาๆ ซึ่งมันช่วยให้สติผมกลับมา ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธหรือหงุดหงิด สิ่งที่ต้องทำคือกลับไปบอกเซโครถึงเรื่องนี้ และรีบมาจัดการโดยเร็วที่สุดก่อนจะมีชีวิตที่ต้องถูกสร้างขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้องมากไปกว่านี้
........................................................
สวัสดีค่ะ
ไม่ได้พบกันมาระยะหนึ่งเลย
ตอนนี้แต่งค่อนข้างยากทั้งที่ไม่ค่อยจะมีเนื้อหาพิเศษอะไรมากมายนัก
การได้แต่งไดโนเสาร์กลายพันธ์ุสองคนพร้อมกันนี่ดูน่ารักไม่น้อยเลย
หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการอ่านนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ในตออนหน้าค่ะ
บ๊าบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪