Ai Adore you.
#ขอรักแค่คุณ
บทนำ
ในประเทศนี้นายกรัฐมนตรีไตรคุณ อลันไตร คิดว่าครอบครัวของตัวเองเพอร์เฟคทีเดียว เขามีภรรยาแสนสวยสมตำแหน่งคุณหญิง และลูกๆชายหญิงที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ไม่มีใครทำให้พ่ออย่างเขาเสียหน้า ตั้งแต่ไตรภพลูกชายคนโตที่เดินตามรอยเท้าพ่อสู่เส้นทางการเมือง
อริศราลูกสาวคนกลางก็เพิ่งแต่งงานไปกับนักธุรกิจแสนล้านเมื่อปลายปีก่อนและเป็นเหมือนกระเป๋าเงินให้พรรคของเขาอย่างดี ส่วนลูกชายคนเล็ก อคินทร์ เลือกทำงานในสายบันเทิง เขาไปได้ดีเพราะรูปร่างหน้าตาที่งดงามราวกับสวรรค์ปั้นแต่ง สมกับสายเลือดแอลฟ่าชั้นสูง อคินทร์มีแฟนคลับมากมายและช่วยเพิ่มความนิยมในคนเป็นพ่ออย่างเขาได้อีกทาง
แต่ในความเพอร์เฟคนั้นก็มีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง สิ่งที่เขาเพียรเฝ้าเก็บเป็นความลับไม่ให้ใครรู้โดยเฉพาะคู่แข่งทางการเมืองฝั่งตรงข้าม
ความน่าอับอายในครอบครัวแอลฟ่าที่สูงส่งของเขาก็คือ อคินทร์ไม่ใช่ลูกชายคนเล็กของครอบครัวอย่างที่เขาแสร้งทำมาตลอด
อคินทร์มีฝาแฝด
และให้ตายเหอะ เขาควรจะภูมิใจในตัวลูกชายอีกคนถ้า อคิราห์ ไม่ได้เกิดมาเป็นโอเมก้า
มันเกิดวิบัติอาเพศอะไรขึ้นในครอบครัวสายเลือดแอลฟ่าบริสุทธิ์ของเขากัน ไตรคุณคงคิดว่าอคิราห์ไม่ใช่ลูกชายของเขาไปแล้ว ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้หน้าตาเหมือนอคินทร์ราวกับแกะ
ก็แค่หน้าตาเท่านั้น...
ทั้งที่หน้าตาเหมือนกัน ทว่ากลับมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัด ขณะที่อคินทร์ร้อนแรงดั่งเปลวไฟ อคิราห์กลับเหมือนลมเย็นๆในต้นฤดูหนาว คนเป็นพ่อคิดว่าน่าจะเป็นเพราะความเป็นโอเมก้าที่มิวเตด(mutation)มาได้ยังไงก็ไม่รู้
แน่นอนว่าเขาเก็บเรื่องลูกชายคนเล็กเป็นความลับเท่าชีวิต
กลับมาที่อีกฝั่งหนึ่ง ขั้วตรงข้ามของพรรครัฐบาลก็คือพรรคฝ่ายค้าน นำโดยพิชช์ฌาน อัศวลักษณ์ มีคนบอกว่าเขาเพิ่งอายุไม่เท่าไหร่เลยตอนที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคแทนบิดา แต่เพราะความสามารถของเขา ก็ทำให้ชายหนุ่มได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีความหวังว่าจะได้เป็นพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งสมัยหน้า
การจะขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ พิชช์ฌานยอมรับว่าเส้นทางการเมืองของตัวเองไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่บอกประชาชนเท่าไหร่ ก็คงพอๆกับพรรครัฐบาลที่นำโดยงูเห่าสารพิษอย่างนายไตรคุณนั่นแหละ
ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่ช้านี้ เขาคิดว่าตัวเองจะต้องหาทางต่อรองเพื่อเพิ่มแต้มต่อ
เมื่อหลายวันที่ผ่านมาพรรครัฐบาลเพิ่งจะสนับสนุนนโยบายเพิ่มภาษีการนำเข้าสินค้าบางประเภทอย่างเช่น รถยนต์และเครื่องจักรบางชนิด มันจะไม่เป็นปัญหากับเขาเลยถ้าหากว่ากระเป๋าเงินของพรรคเขาจะไม่ได้ทำธุรกิจด้านนี้ ‘โดยตรง’ นโยบายของไตรคุณเท่ากับจงใจตัดท่อน้ำเลี้ยงของพรรคฝ่ายค้านก่อนการเลือกตั้งชัดๆ
เขาพยายามหาทางเจรจาเพื่อประนีประนอมอยู่หลายครั้ง ทั้งนัดคุยนอกรอบก็แล้ว แอบส่งของไปกำนัลทั้งทางตรงทางอ้อม ไตรคุณก็ยังไม่มีท่าทางจะโอนอ่อน
คนในพรรคก็เร่งเร้าให้เขาหาทางจัดการก่อนจะถึงเวลารับสมัครเลือกตั้ง
....................................................................
"แผนของคุณคืออะไรกันแน่ครับคุณณาน อย่างน้อยก็น่าจะบอกกันบ้าง ผมจะได้เตรียมตัวถูก" เจนภพมือขวาของเขาที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มแรกถามด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อยแข่งกับเสียงตะโกนกรี้ดรอบตัว เขาไม่เข้าใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้านายมาที่ ‘คอนเสิร์ต’ แห่งนี้ทำไม คนอย่างพิชช์ฌานไม่ใช่คนที่จะมีเวลาว่างขนาดนั้น
“ชู่ว” พิชช์ฌานแตะนิ้วที่ริมฝีปาก ทอดสายตามองไปบนเวทีตาไม่กระพริบ
ใครคนหนึ่งกำลังเต้นอยู่บนเวทีอย่างร้อนแรงจนเสตจแทบลุกเป็นไฟ เสียงกรี้ดของบรรดาแฟนคลับดังกระหึ่มไปทั้งฮอลล์ราวกับคนๆนั้นเป็นเทพเจ้าที่มีเหล่าสาวกร้องบูชา
ชายหนุ่มพิศดูรูปร่างของอคินทร์อย่างพอใจ กล้ามเนื้อสวยได้สัดส่วนราวกับหุ่นปั้นนั้นดึงดูดสายตาของเขาได้ดี แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับดวงตาคมกริบมีเสน่ห์คู่นั้นที่ทำให้พิชช์ฌานแทบไม่กระพริบตา
เขายิ้มมุมปาก...ได้ข่าวว่าผู้ชายคนนี้คือลูกชายสุดรักสุดหวงของท่านนายกรัฐมนตรีสินะ
"พาอคินทร์มาให้ฉัน" เขาพูดเรียบๆ
ในเมื่อคุยกันดีๆไม่ได้ เขาก็จำเป็นจะต้องใช้ไม้แข็งขึ้นในการต่อรองกับไตรคุณ แผนการของเขาช่างเรียบง่าย และถ้าคาดการณ์ไม่ผิด ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของไตรคุณก็จะเป็นแต้มต่อของเขาในการต่อรองกับคนเจ้าเล่ห์อย่างมัน ที่การเลือกตั้งคราวที่แล้วใช้พี่สาวของเขาเป็นเหยื่อล่อ
เจนภพรับคำ ตามแผนการของคนที่เป็นเจ้านายได้ทัน เหลือบมองศิลปินเจ้าเสน่ห์บนเวทีอีกครั้ง ช่วยไม่ได้เลยที่เขาไม่อาจละสายตาจากผู้ชายคนนั้นได้สักวินาทีเดียว
การแสดงจบลงแล้ว อคินทร์กลับไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทว่าคนที่อยู่ในนั้นกลับทำให้เขาประหลาดใจ
"อัยย์ นายมาได้ยังไง"
อคินทร์รีบปิดประตูห้องแล้วหันมามองน้องชายฝาแฝดที่ไม่มีอะไรเหมือนเขาเลยนอกจากหน้าตา อีกฝ่ายส่งยิ้มให้เขาเหมือนจะขอโทษ
"ฉันแค่อยากมาดูนายแสดงสดบ้าง มันเยี่ยมมากเลยนะ คิน ฉันอยากเต้นบนเวทีอย่างนายบ้างจัง" อคิราห์พูดหงอยๆ คนฟังดีใจที่ถูกอีกฝ่ายชม ปกติน้องชายไม่ค่อยจะชมเขาเท่าไหร่นักหรอก เขาเอื้อมมือไปตบที่ไหล่ของน้องเบาๆปลอบใจ
"เอาน่า สักวันจะมีวันของนาย...อัยย์"
เห็นน้องชายยังจ๋อยไม่เลิก อคินทร์เลยเสนอไอเดียที่คิดว่าจะช่วยให้อีกฝ่ายมีความสุขขึ้น และตัวเขาเองก็สนุกด้วย
"มาสลับตัวกันสักวันไหมล่ะ วันนี้นายเป็นอคินทร์ ส่วนฉันจะเป็นอคิราห์เอง"
คนฟังเงียบไปครู่หนึ่ง มองหน้าคนเป็นพี่นิ่งๆ
"ไม่เอาล่ะ ฉันเป็นฉันก็ดีอยู่แล้ว" อคิราห์ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วลุกขึ้นยืน "กลับก่อนนะ เดี๋ยวพ่อรู้ว่าฉันแอบมาดู"
อคินทร์มองตามหลังร่างโปร่งได้ส่วนสัดที่บางกว่าเขาเล็กน้อยนั้นไป ไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตที่แสนเรียบง่ายของน้องชายเขา
เจนภพแอบซุ่มอยู่แล้วที่มุมหนึ่ง ออกจะแปลกใจไม่น้อยที่อคินทร์ที่เห็นในตอนนี้ช่างแตกต่างกับอคินทร์บนเวทีราวกับเป็นคนละคน คนๆนั้นอยู่ในชุดลำลองแต่ก็ดูออกว่าล้วนเป็นของดีราคาแพง ใบหน้าเรียวหวานสวมหน้ากากอนามัยเอาไว้เหลือแต่ตากลมโตที่มีแว่นกลมๆบดบังเอาไว้อีกที เจ้าตัวดูคล้ายเฟรชชี่มหาลัยมากกว่าจะเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบสามปี ท่าเดินสบายๆก้มหน้าลงพลางโยกศีรษะไปมา เดาว่าคงโยกตามจังหวะเพลงที่กำลังฟังอยู่
แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือ อคินทร์เดินออกมาคนเดียว ไม่มีผู้คุ้มกันสักคน ไม่มีแม้แต่ผู้จัดการส่วนตัวหรือทีมงานที่มักจะตามกันมาขึ้นรถตู้
จะประมาทกันเกินไปแล้ว...
ชายหนุ่มขับรถตามรถตู้คันนั้นไป ส่งสัญญาณให้ลูกน้องรู้เมื่อใกล้จะถึงจุดที่ลงมือ
นับถอยหลังในใจจนกระทั่งเข้าสู่ช่วงทางเปลี่ยว ตอนนั้นเองที่รถตู้คันหน้าจู่ๆก็ยางระเบิดพร้อมกันสองข้างจนรถหมุนติ้ว
อคิราห์สะดุ้งตื่น กลิ้งตกลงมาจากที่นั่งเพราะแรงเหวี่ยงและเสียงดังปัง ศีรษะกระแทกเข้ากับตัวถังของรถจนมึนไปหมด เขาตกใจมาก
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ" ชายหนุ่มตะเกียกตะกายลุกขึ้น ประตูรถตู้ถูกกระชากเปิดออกพร้อมกับชายแปลกหน้าหลายคนที่เอื้อมมือมาดึงตัวเขาลงจากรถ
"ปล่อยนะ จะทำอะไร" ถึงอคิราห์จะถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหิน ทว่าเขาก็เรียนศิลปะการป้องกันตัวมาเหมือนกันเพราะพ่อกลัวว่าเขาจะโดนรังแกในฐานะโอเมก้า ชายหนุ่มเลยสู้สุดใจไม่ยอมให้คนพวกนั้นลากเขาออกไปโดยง่าย แต่จำนวนคนที่รุมเยอะกว่าทำให้เสียเปรียบ ไม่นานอคิราห์ก็ถูกล็อคแขนพาไปขึ้นรถตู้อีกคันที่จอดรออยู่
เจนภพยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดมุมปาก อคินทร์มีพิษสงมากกว่าที่คิดเอาไว้ เห็นตัวนิดเดียวไม่คิดว่าจะมีแรงเตะต่อยพอตัว ทำให้เขาและลูกน้องเลือดตกยางออกได้ แถมเจ้าตัวก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ พยายามดิ้นจนสุดแรงจนเขาต้องใช้ไม้แข็ง โปะยาสลบใส่ที่ใบหน้าทำให้อีกฝ่ายตัวอ่อนปวกเปียก พอได้โอกาสก็รีบมัดมือและข้อเท้าที่บอบบางกว่าที่คิดเอาไว้แน่นหนา แล้วก็โทรหาเจ้านายที่รอฟังข่าวดีอยู่
"ได้ตัวแล้วครับ"
"พามาที่เซฟเฮ้าส์"
.......................................................
อคิราห์ลืมตาขึ้น แสงแดดลอดผ้าม่านส่องเข้ามาแยงตาเขาจนต้องหรี่ตาลงอีกครั้ง ที่นอนนุ่มๆที่รองรับตัวเขาอยู่และบรรยากาศรอบตัวดูไม่เหมือนห้องนอนที่บ้านเอาเสียเลย ชายหนุ่มรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง รอยแดงที่ข้อมือและข้อเท้าบอกชัดว่าเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำไม่ใช่ความฝัน
เขาโดนลักพาตัว แต่จะจากใครและเพื่ออะไรนั้น ชายหนุ่มไม่รู้เลย
อคิราห์ยังอยู่ในชุดเดิมเมื่อวาน เขาลุกขึ้นเดินสำรวจรอบห้องสี่เหลี่ยมที่เหมือนห้องนอนของใครสักคน เครื่องเรือนสีเข้มดูน่าเกรงขาม แหวกผ้าม่านดูข้างนอกก็เห็นแต่ทุ่งนาโล่งๆราวกับนี่เป็นบ้านหลังเดียวในระยะสิบกิโลเมตรงั้นแหละ แสงแดดแรงกล้าทำให้เขาเดาเอาว่าคงจะใกล้เที่ยงเต็มที ภายในห้องนี้ไม่มีนาฬิกาบอกเวลาสักเรือน
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ผู้ชายคนหนึ่งที่เขาเคยเห็นในโทรทัศน์บ่อยโดยเฉพาะช่วงหาเสียงปรากฏตัวขึ้น ท่าทางนิ่งขรึมทว่าคุกคามกันอยู่ในทีนั้นทำให้อคิราห์ถอยหลังไปโดยอัตโนมัติ
"คุณ.." ฌานหรือเปล่า ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด
"คุณอคินทร์" เสียงห้าวแปลกหูเรียกชื่อเขา
อคิราห์ขมวดคิ้ว ขยับจะท้วงว่าเขาไม่ใช่อคินทร์ แต่ว่าก็เปลี่ยนใจไม่เคยมีใครรู้จักชื่ออคิราห์มาก่อน พ่อเก็บเรื่องของเขาเป็นความลับยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก
ชายหนุ่มพยายามรักษาอาการเอาไว้ ไม่ให้ปล่อยความกลัวออกมาจนอีกฝ่ายจับได้
ทว่าพิชช์ฌานก็จับได้อยู่ดี ผู้ชายตรงหน้าเขาดูราวกับคนละคนบนเวที
แววตาตื่นตระหนกในดวงตาที่ทั้งคมทั้งหวานคู่นั้นเกือบทำให้คนมองหัวเราะออกมา เขาดูเหมือนเสือกำลังจะขย้ำเหยื่อหรืออย่างไร
คนอย่างเขาไม่เคยคิดจะใช้ความรุนแรงหรอก
...ถ้าไม่จำเป็น..
ฌานหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาชูให้ดู
"คิดถึงพ่อของคุณไหม ลองคุยกับท่านสักนิดดีไหม"
อคิราห์เม้มปากแน่น
พ่อคงโกรธมากที่เขาไม่ระวังจนโดนลักพามา เกิดมาเป็นโอเมก้าที่ไม่ได้เรื่องแล้วยังจะสร้างปัญหาให้กับพ่ออีก ดูก็รู้ว่าคนตรงหน้าคงคิดจะใช้เขาเพื่อต่อรองอะไรบางอย่างกับพ่อ
ไม่มีทาง เขายอมตายก่อนดีกว่าเป็นตัวถ่วงให้ครอบครัวแบบนี้
คิดได้อย่างนั้น ชายหนุ่มก็เชิดหน้าขึ้น
"นี่บ้านของคุณหรอครับ"
คนฟังงงไปเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบรับ
"ใช่ ทำไมหรือ"
"คุณเป็นเจ้าบ้านที่ไม่มีมารยาทเลย ผมอยู่ที่นี่ก็เท่ากับเป็นแขกของคุณ แต่คุณกลับปล่อยให้ผมหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว" อคิราห์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นถ้าผมยังไม่อิ่ม ไม่งั้นก็ปล่อยให้ผมอดตายไปก่อนเลย รู้ไว้ด้วย"
"ว่าไงนะ" นักการเมืองหนุ่มอุทาน มองหน้าเรียวอย่างงุนงง "เธอหิวงั้นเหรอ กล้ามาก ไม่กลัวฉันจะทำอะไรเธอหรือไง"
อีกคนยักไหล่ทั้งที่มือเย็นเฉียบ
"คุณไม่กล้าทำร้ายผมหรอก เพราะผมคือตัวประกันอนาคตของคุณ ถ้าผมเป็นอะไรไป ศพผมจะมีประโยชน์อะไรในการต่อรองกับพ่อ"
พิชช์ฌานหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด
"พูดได้ดี ก็ได้ ...ฉันจะให้เธอได้กินจนอิ่มแทบอ้วกไปเลยดีไหม" เขาพูดเสียงเข้ม
ฝ่ายนั้นเลิกคิ้ว
"ดีเลยครับ ถ้างั้น..ไหนล่ะ อาหารเช้าของผม" ชายหนุ่มทำท่าจะอาศัยทีเผลอผลุบออกจากห้อง แต่อีกคนรู้ทัน ขยับเข้ามาบังประตูจนมิด
"ฉันคงไม่ปล่อยให้แขกผู้มีเกียรติอย่างเธอต้องเดินลงไปเองหรอก" เจ้าของบ้านประชด ยกมือขึ้นชี้นิ้วสั่งให้อีกฝ่ายถอยกลับไปนั่งที่เตียง
"รออยู่ในนี้ ฉันจะให้คนยกขึ้นมาให้"
พิชช์ฌานปิดประตูห้องดังปัง รู้สึกหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิม อคินทร์คนนี้ดูแปลกประหลาดไม่เหมือนกับที่คิดเอาไว้เลยสักนิด เห็นท่าทางนึกว่าจะเป็นคนนิ่งๆหยิ่งๆเสียอีก ที่ไหนได้...