4
ว่ายน้ำ
ครืด ครืดเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ส่งเสียงดังขึ้นพร้อมกับสั่นน้อยๆ เครื่องมือสื่อสารที่สำหรับตัววิพารันต์เองแล้วไม่ได้มีเอาไว้รับสายพูดคุยกันเหมือนกับคนอื่น แต่หากมีเอาไว้เพียงแค่ส่งข้อความติดต่อกับนิธิศยามจำเป็นเท่านั้น
‘วันนี้พี่มีธุระอาจจะกลับดึกหน่อย รันกินข้าวแล้วเข้านอนก่อนได้เลยนะไม่ต้องรอ’ร่างบางอ่านข้อความในโทรศัพท์ก่อนจะวางลงบนโต๊ะตามเดิม
กลับดึก ดึกขนาดที่ว่าไม่ต้องรอ ดึกขนาดนั้น มันกี่โมงกันนะ อยากจะพิมพ์ข้อความกลับไปถาม แต่ก็ไม่กล้า เพราะอีกฝ่ายบอกว่ามีธุระ คงจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เลยไม่อยากรบกวน
มื้อเย็นที่ผ่านไปใช้เวลาเพียงไม่นาน เพราะเพียงแค่กับข้าวในชามที่ถูกอุ่นไว้พร่องลงไปได้แค่นิดหน่อยเท่านั้นวิพารันต์ก็ลุกขึ้นนำส่วนที่เหลือไปแช่เก็บไว้ในตู้เย็นเหมือนเดิมก่อนจะจัดการเก็บล้างถ้วยชามส่วนที่เหลือ
...อาจเป็นเพราะต้องกินข้าวคนเดียว อาหารในวันนี้จึงดูไม่อร่อยอย่างที่เคย
นาฬิกาติดฝาผนังเรือนเดิมแต่วันนี้ดูเหมือนจะเดินช้ากว่าปกติ...หกโมงครึ่ง เพิ่งจะหกโมงครึ่งเท่านั้น วิพารันต์หันไปจ้องนาฬิกาสลับกับโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้...ไม่ได้อยากดูเท่าไหร่ แค่เปิดเอาไว้ให้อยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น
สามทุ่มแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของนิธิศ สายตาของร่างบางไม่ได้อยู่ที่โทรทัศน์หรือนาฬิกาอีกต่อไป จากที่นั่งก็เปลี่ยนมาเป็นยืน จากยืนก็เปลี่ยนเป็นเดินไปเดินมา
เดินไปมองที่ประตูแล้วก็เดินกลับมานั่งที่เดิม...
ห้าทุ่ม...เวลาแบบนี้เรียกว่าดึกหรือยังนะ คงจะยังไม่ดึก เพราะนิธิศยังไม่กลับมา นิธิศ...ไม่เคยโกหก...
นั่งมองนาฬิกาพลางยกมือขึ้นปิดปากหาว ดวงตากลมโตปรือลงเล็กน้อยด้วยความง่วง แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังยืนยันที่จะนั่งรออยู่ตรงนั้นไม่ยอมที่จะเข้าไปนอนในห้องดีๆ
นิธิศกลับมาถึงห้องของตัวเองเมื่อเวลาตีหนึ่งเศษๆ แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้องเขาก็ต้องรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับภาพที่เห็น ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องรอ แต่ท่าแบบนี้...คงรอมาตลอดเลยสินะ
รอ...จนเผลอหลับไปทั้งแบบนั้น
ร่างสูงเดินไปปิดโทรทัศน์ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆวิพารันต์ เห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะนึกโทษตัวเองเล็กๆไม่
ได้ ที่ต้องกลับดึกขนาดนี้ จริงๆแล้วก็ไม่ใช่มีธุระสำคัญอะไร หากเป็นแค่การนัดสังสรรค์ของเพื่อนฝูงที่ปฏิเสธไม่ได้เท่านั้น
เพราะตั้งแต่ที่นิธิศรับวิพารันต์มาอยู่ด้วยเขาก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยจนเพื่อนๆหลายคนถามถึงกันให้วุ่นวาย วันนี้เลยถูกบังคับลากตัวไปสอบปากคำถึงสาเหตุที่ไม่ยอมออกไปไหนมาไหนเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งนิธิศเองก็เล่าทุกอย่างออกไปตามตรง...ไม่อยากปล่อยวิพารันต์ให้อยู่ในห้องคนเดียวนานๆ แบบนี้
ไม่อยากปลุก แต่จะให้เจ้าตัวนอนอยู่แบบนี้คงไม่สบายตัวนัก นิธิศเลยตัดสินใจค่อยๆอุ้มร่างของวิพารันต์ที่นอนหลับสนิทไปแล้วเข้าไปนอนบนเตียงในห้องดีๆ
เบา...ก็เพิ่งจะรู้ว่าวิพารันต์ตัวเบาขนาดนี้
“ราตรีสวัสดิ์...ขอบคุณที่อุตส่าห์นั่งรอพี่กลับมานะ”
นิธิศเอ่ยพร้อมกับไล้มือไปตามโครงหน้าเรียวเบาๆอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะผละออกมา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้องเงียบๆ
ถึงเวลาที่เขาต้องพักผ่อนแล้วเช่นกัน...
.......................
.........................................
ปัง ปัง ปัง!!!เสียงทุบประตูรัวๆดังขึ้นติดกันหลายครั้งทำให้นิธิศที่ยังหลับอยู่ต้องลืมตาขึ้นมามองนาฬิกาที่หัวเตียง
...เจ็ดโมงครึ่ง ตื่นสายกว่าทุกวัน เมื่อคืนคงลืมตั้งนาฬิกาปลุก
‘สายแล้วนะๆ’ทันทีที่นิธิศเปิดประตูห้องออกไปก็พบวิพารันต์ยืนถือกระดานไวท์บอร์ดทำหน้าตาตื่นอยู่หน้าห้อง
เมื่อเช้าตอนตื่นมารู้สึกตกใจไม่น้อยเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามานอนอยู่บนเตียงในห้องได้ยังไง แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าอีกคนที่ตัวเองนั่งรออยู่เมื่อคืนกลับมาหรือยัง
รีบเดินออกมาดูข้างนอก มองหารองเท้า...
อยู่...แค่นั้นก็รู้สึกโล่งใจ คงกลับมาแล้ว ทำงานบ้านไปรอเวลาที่นิธิศจะตื่น แต่วันนี้ดูผิดปกติ นิธิศออกมาจากห้องสายกว่าทุกวันเลยตัดสินใจไปเคาะประตูเรียก
“ขอบคุณที่มาปลุกพี่นะ อีกครึ่งชั่วโมงน่าจะทัน ไม่ต้องห่วงไปหรอก”
ร่างสูงบอกก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ
สัมผัสที่ได้รับ วิพารันต์เอียงคอเข้าหาฝ่ามืออุ่นอย่างชอบใจเหมือนทุกครั้งที่นิธิศทำแบบนี้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไรร่างกายถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอีกฝ่ายแบบนี้ ไม่รู้ว่าความรู้สึกอุ่นในหัวใจแบบนี้มันเรียกว่าอะไร ความรู้สึกใหม่ๆที่เพิ่งจะเคยได้เรียนรู้
...ความรู้สึกที่เมื่อก่อน ไม่เคยได้รับ
…….................
…………........................
“ไปเดินเล่นที่ชั้น G กัน เย็นนี้อากาศดี”
นิธิศเอ่ยชวนวิพารันต์ที่นั่งวาดรูปเล่นอยู่บนโซฟาหลังจากที่กลับมาจากการทำงานแล้ว ไม่มีเวลาพาออกไปข้างนอกบ่อยๆ อย่างน้อยก็เลยอยากให้ได้ไปเดินเล่นบ้างจะได้ไม่รู้สึกเบื่อจนเกินไป
คนตัวเล็กออกมาจากห้องพร้อมกับนิธิศโดยที่ในมือมีตะกร้าใส่ขวดน้ำกับถุงขนมเล็กๆอีกสองสามถุงซึ่งนิธิศเป็นคนบอกให้ถือติดลงมาด้วยเผื่อหิว
วิพารันต์เจ้าตัวดูจะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งใหม่ที่เพิ่งได้เห็น ไม่เคยรู้ว่าภายในคอนโดจะมีที่แบบนี้อยู่ด้วย ลานกว้างที่ถูกตกแต่งให้เป็นที่สำหรับนั่งพักผ่อน ต้นไม้ที่นำมาปลูกให้ดูร่มรื่น แต่ที่ดูจะทำให้เจ้าตัวสนใจมากที่สุดก็คงจะเป็น...สระว่ายน้ำ...สระที่ตอนเด็กๆเคยเห็นเด็กคนอื่นเขาไดลงไปเล่นกัน...อยากเล่นบ้าง แต่เขาก็ทำได้แค่ยืนมองอยู่ห่างๆเท่านั้น
“ว่ายน้ำเป็นไหม”
นิธิศเอ่ยปากถามเมื่อจับสังเกตได้...คงจะอยากเล่นน้ำ อยู่ด้วยกันมานานพอสมควร ก็เลยพอจะรู้พอจะเดาได้ ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
วิพารันต์ส่ายหน้าช้าๆเป็นคำตอบ
...ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น ก็ยังยากจะลองเล่นดูสักครั้ง อยากจะรู้ว่าน้ำสีฟ้าใสนั่น เวลาที่ลงไปแล้วจะให้ความรู้สึกแบบไหนกัน...
“แล้วอยากเล่นรึเปล่า”
เหมือนเป็นคำถามที่รอให้ใครสักถามมานาน วิพารันต์รีบพยักหน้ารัวๆจนนิธิศอดที่จะยิ้มไม่ได้
ยิ้ม...ก็เพิ่งจะมาสังเกตตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ ว่าหมู่นี้เขายิ้มบ่อยขึ้นตั้งแต่มีวิพารันต์เข้ามาอยู่ด้วย ท่าทางที่ไร้เดียงสา การแสดงออกที่ไม่เสแสร้ง ไม่มีพิษมีภัยกับใคร ทุกสิ่งทุกอย่างในตัววิพารันต์ล้วนแต่เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์...บริสุทธิ์และเปราะบางในเวลาเดียวกัน...
“พี่สอนให้เอาไหม”
‘จริงๆหรอ’สมุดโน้ตเล่มเล็กถูกหยิบขึ้นมาเขียนอย่างรวดเร็ว จะสอนให้จริงๆงั้นเหรอ เขาจะได้ลงไปในสระน้ำนั่นจริงๆใช่ไหม
บางที...ตลอดระยะเวลาช่วงหนึ่งที่ได้อยู่ร่วมกันอาจจะไม่ใช่นิธิศคนเดียวที่ค่อยๆเปลี่ยนไป วิพารันต์เองก็เช่นกัน เพราะไม่ต้องกลัวที่จะบอกความต้องการของตัวเอง ไม่ต้องกลัวที่จะต้องแสดงความรู้สึก ไม่ต้องกลัวที่จะต้องโดนว่าหรือโดนตี
แต่หากสิ่งใหม่ที่นึกกลัวที่สุดในตอนนี้ กลับเป็นการจากลา...
“จริงสิ พี่เคยโกหกรันที่ไหน”
เมื่อตกลงกันได้แบบนั้นนิธิศจึงพาวิพารันต์กลับขึ้นไปบนห้องเพื่อเตรียมอุปกรณ์และชุดสำหรับการลงสระ แต่เนื่องจากอีกฝ่ายไม่มีกางเกงว่ายน้ำให้เปลี่ยนนิธิศจึงเลือกที่จะให้เจ้าตัวใส่กางเกงขาสั้นแทน
รู้สึกอาย อาจเพราะไม่เคยต้องใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นขนาดนี้มาก่อน แต่นิธิศเองก็ใส่แต่กางเกงอย่างเดียวเหมือนกัน ไม่เคยเห็น ไม่เคยเห็นนิธิศแต่งตัวแบบนี้มาก่อน แปลกตา แต่ก็ยังดูดี
ร่างสูงสวมแว่นตากันน้ำให้วิพารันต์ก่อนจะเดินจูงมือมานั่งที่ขอบสระ ตอนเย็นของวันธรรมดาแบบนี้คนที่ลงมาใช้สระจะมีไม่มากนัก ทำให้บรรยากาศในตอนนี้จึงค่อนข้างจะเป็นส่วนตัว นิธิศเป็นคนลงสระไปก่อนในขณะที่รอวิพารันต์ปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับน้ำด้วยการหย่อนขาลงไปแช่
“ลงมาได้แล้วรัน”
นิธิศว่ายมาหยุดที่ตรงหน้าของวิพารันต์ที่นั่งอยู่ขอบสระแล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้า วิพารันต์มองมือนั้นอย่างชั่งใจสักพักก่อนจะตัดสินใจยื่นมือเล็กๆของตัวเองออกไปจับประสานกับมือใหญ่แล้วปล่อยให้ร่างของตัวเองค่อยๆไถลตัวเองลงไปในสระทีละน้อยโดยมีนิธิศคอยช่วยพยุงไว้
“เป็นไงบ้าง รู้สึกดีไหม”
ร่างบางพยักหน้าตอบช้าๆ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันเหมือนเป็นความฝัน...ฝันที่กลายเป็นจริง
“เดี๋ยวเราจะฝึกการหายใจเวลาอยู่ในน้ำกันก่อนนะ...”
นิธิศบอกให้วิพารันต์เอามือเกาะขอบสระเอาไว้แล้วเริ่มฝึกก้มหน้าลงไปกลั้นหายใจใต้น้ำ ซึ่งวิพารันต์เองก็ดูจะกระตือรือร้นที่จะทำและเชื่อฟังที่เขาสอนทุกอย่าง หลังจากที่เจ้าตัวเริ่มเรียนรู้ทักษะการควบคุมลมหายใจเวลาอยู่ในน้ำแล้ว นิธิศจึงค่อยๆเริ่มสอนทักษะขั้นพื้นฐานอื่นๆต่อไป
“เรียนมาเป็นชั่วโมงแล้ว เหนื่อยหรือยังหือ”
คุณครูจำเป็นเอ่ยถามวิพารันต์ในขณะที่หยุดพัก แต่คำตอบที่ได้รับก็คือการส่ายหน้าเพราะเจ้าตัวยังไม่อยากขึ้นและยังรู้สึกสนุกกับการเล่นน้ำอยู่
“งั้นเดี๋ยวพี่พาไปตีขาไปกลับอีกสักรอบสองรอบ แล้วต้องขึ้นแล้วนะเดี๋ยวไม่สบาย”
วิพารันต์พยักหน้าตอบรับ และคราวนี้ก็ไม่ได้เป็นการฝึกแบบอยู่กับที่เหมือนในตอนแรกอีกแล้ว...นิธิศบอกให้เจ้าตัวจับมือของเขาเอาไว้ทั้งสองข้างแทนการจับขอบสระแล้วออกแรงตีขาให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าพร้อมทั้งฝึกการหายใจในขณะที่เขาเองก็ถอยหลังไปเรื่อยๆ
“พยายามอย่าให้ขางอนะรัน นั่นแหละ เก่งมาก”
นิธิศเอ่ยปากชมเมื่อวิพารันต์สามารถทำตามที่เขาบอกได้อย่างดี
อุ่น...แม้จะอยู่ในน้ำ แต่มือของนิธิศที่คอยจับมือวิพารันต์เอาไว้ก็ยังอบอุ่นเสมอ บางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็น สายใยบางๆที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย ถักทอและเรียงร้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ ไม่ร้อนรน จุดเริ่มต้นที่ไม่ได้เริ่มจากความหวือหวาหรือสวยงาม...แต่หากเริ่มต้นด้วยความเมตตาและเข้าใจ
TBC.
Rewrite
เขียนเองยังรู้สึกได้ว่าตอนนี้มันสั้นๆ แถมไม่ได้ดั่งใจซักเท่าไหร่ อ๊ากกกก งานถ่มทับตัวตาย ตอนหน้าจะแก้ตัวใหม่ เหอๆ งานเยอะจริงอะไรจริง แต่ไม่อยากผิดสัญญา บอกว่าสามวันก็จะสามวัน 555 ตอนหน้าไม่ขอกำหนดวันแล้วนะคะ แต่จะมารีบต่อเท่าที่ทำได้ อาจจะเร็วหรืออาจจะช้า แต่มาต่อให้แน่ๆค่ะ อิจฉาคนว่างงานนนน แอร๊ยย