(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง") สามทุ่มตรง
"คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอครับคุณพิชาญ"
ทำอะไรงั้นเหรอ
"ทำงาน"
ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และคนถามก็เกิดอาการน้อยใจขึ้นมากะทันหัน
ทำงานเหรอ
ทำงาน ทำงาน ทำงาน แล้วพอทำงานแล้ว ก็ไม่อยากคุยกับผมเหรอ
"คอมพิวเตอร์ผมเสีย ผมจะให้ใครช่วยดูให้ดี"
นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่นะ
"ผมจะติดต่อแผนกซ่อมบำรุงให้ ถ้ามีปัญหาอะไรคุณอคิราห์สามารถติดต่อตามหมายเลขนี้ได้เลย"
นั่นสินะ
ติดต่อตามหมายเลขนี้ได้.......เลย
"ครับ"
ไม่รู้ควรทำยังไงต่อไปดี อคิราห์ได้แต่ยืนนิ่ง และก็ขบริมฝีปากแน่น
"คุณแม่ผม ท่านว่ายังไงบ้าง"
อ่อ
มาแนวนี้เลยเหรอ
ฟอร์มเนียนใส่ก่อนเลยนะ ก็ได้ ผมจะเล่นให้เนียนกับคุณไปก็ได้
"ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ แค่แวะนำขนมมาฝากพนักงานเฉย ๆ"
งั้นเหรอ
แค่นั้นเหรอ แค่นั้นเองเหรอ
"แล้วคุณได้กินเอแคลหรือยัง พอดีผมกับคุณแม่ช่วยกันทำ"
ช่วยกันทำเหรอ
"อร่อยมากครับ"
เหรอ อร่อยมากเหรอ แค่นั้นเองเหรอ
"ครับ"
รับคำและอคิราห์ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี เปิดประตูและกำลังจะเดินออกไปจากห้อง
หรือคุณพิชาญจะไม่มีใจจริง ๆ แล้วปฏิกิริยาที่แสดงออกตอนนี้
ก็คือการบ่งบอกให้รู้ว่าไม่พอใจ ที่อคิราห์ใช้วิธีการแบบเด็ก ๆ พาแม่ มากดดัน....
แล้วแบบนี้ใครจะกล้าปฏิเสธ คงจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่สินะ
คิดแล้วก็อยากจะเขกหัวตัวเองนัก เด็กชะมัดที่ใช้วิธีนี้
หันกลับมาอีกครั้ง เพื่อจะขอโทษคนที่นั่งทำงานอยู่ในห้อง แต่สิ่งที่ได้เห็นคือคุณพิชาญกำลังนั่งยิ้ม
ยิ้ม.....
ยิ้มเนี่ยนะ
หมายความว่ายังไง
"คุณยิ้มอะไรของคุณ...คุณพิชาญ"
ยิ้มงั้นเหรอ
คุณพิชาญรีบหุบยิ้มทันที ไม่นึกว่าคนที่กำลังจะออกไปแล้ว จะหันกลับมามอง
"เปล่าครับ"
เปล่าได้ยังไง ก็ผมเห็นอยู่ว่าคุณยิ้ม
"ผมคงตลกสำหรับคุณมากสินะ"
เปล่า ไม่ได้ตลก ไม่ได้ตลกเลยจริง ๆ นะ
อคิราห์ทำหน้านิ่งเฉย ยืนนิ่ง ๆ เพราะคิดไม่ตกว่าจะขอโทษคุณพิชาญยังไง
และคราวนี้คุณพิชาญก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
เคยคิดว่าอคิราห์เด็กน้อยคนนั้นหายไปแล้ว แต่พอวันนี้ถึงได้รู้ว่าอคิราห์คนนั้นยังอยู่
ความรักของเด็กคนนั้นยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันจะรู้สึกดีขนาดไหน ถ้าได้รู้ว่า เรายังคงเป็นคนที่เขารักอย่างมั่นคงอยู่เสมอ เจ็ดปีมันนานพอดูเลยนะ คุณมั่นคงกับผมเกินไปแล้ว คุณอคิราห์
คุณจริงจังกับผม มากเกินพอแล้ว
"คุณอัคครับ....วันนี้ผมมีเวลาว่างตอนประมาณสามทุ่มครึ่ง"
พูดออกมาลอย ๆ
และอคิราห์ก็หันมามองหน้าของคุณพิชาญที่ทำหน้าให้นิ่งเฉยที่สุด ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา
"ครับ"
"สามทุ่มครึ่งคุณอัคยุ่งหรือเปล่าครับ"
สามทุ่มครึ่งไม่ยุ่งแล้ว เป็นเวลาที่ต้องพักผ่อนอยู่กับบ้าน
"คุณมีเรื่องอะไรล่ะคุณพิชาญ บอกผมได้เลยตรง ๆ"
บอกได้เลยตรง ๆ งั้นเหรอ
ถ้าได้เลยตรง ๆ งั้นก็......
"สมัยเรียนมัธยม คุณอัคชวนผมไปดูหนัง แต่ผมไม่ว่าง"
ใช่
นั่นผมจำได้ เป็นการขอร้อง ขู่ บังคับ หรืออะไรสักอย่าง แต่คุณปฏิเสธแถมยังบอกให้ผมเอาเวลาว่างไปท่องหนังสือซะ จะได้เลิกฟุ้งซ่าน
"พอดีตอนนี้.......ผมว่างแล้ว คุณอัคยังจะไปดูหนังอยู่หรือเปล่าครับ"
ว่างแล้ว
และ......
ครั้งแรกที่อคิราห์รู้สึกว่ากำลังดีใจกับคำพูดของคุณพิชาญที่สุด
หันไปมองหน้าของคุณพิชาญและสายตาก็จ้องมองที่ใบหน้าของคุณพิชาญที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ขอโทษด้วยครับ ตอนนี้ผมไม่มีความรู้สึกอยากดูหนังอีกต่อไปแล้ว"
ตอบปฏิเสธไปดื้อ ๆ และคุณพิชาญก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของอคิราห์นิ่ง ๆ
และนึกอยากจะเดินไปเบิ๊ดกระโหลกคนที่ปฏิเสธกันดื้อ ๆ ทั้งที่อุตส่าห์ลงทุนชวน
บอกตามตรงว่าโมโหขึ้นมานิด ๆ
และอคิราห์ก็ยังคงทำหน้าเฉยไม่เลิก แถมยังพูดบางอย่างให้คุณพิชาญอยากจะลุกขึ้นไปบีบคอคนพูดให้ตาย ๆ ไปซะ
"ผมขอดูแค่หน้าคุณอย่างเดียวได้หรือเปล่า หนังอะไรนั่นผมไม่อยากดูแล้ว ผมแค่อยากดูหน้าคุณ มองหน้าของคุณให้เต็มตากว่านี้ ..... ได้หรือเปล่าครับ"
ไอ้เด็กนี่
ถ้าจะเก็กขรึมแล้วมาจีบกันแบบตรง ๆ ดื้อ ๆ แบบนี้ เอาปืนมายิงกันเลยดีกว่ามั้ย
เล่นเอาผมเขินจริงจังเลยนะ
"งั้นผมไม่ว่างแล้ว"
ทำไมล่ะ ก็เมื่อกี้คุณเป็นคนบอกเองนะว่าว่าง แล้วตอนนี้จะมาปฎิเสธผมได้ยังไง
"ทำไมคุณพูดแล้วไม่เป็นคำพูดแบบนี้ล่ะคุณพิชาญ"
ตัดพ้อต่อว่าไปแล้ว และอคิราห์ก็ได้แต่ก้มหน้าลงน้อย ๆ และเริ่มทำหน้ามุ่ย
"เด็กเอ้ยยยยย"
เด็กเหรอ
อคิราห์เงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดคำพูดบางอย่าง แต่แทงใจดำของคนฟังอย่างอย่างรุนแรง
"คำก็เด็กสองคำก็เด็ก เด็กมันไม่มีหัวใจหรือไง"
ไม่ใช่ว่าเด็กมันไม่มีหัวใจ อย่าเพิ่งตีความไปในความหมายที่ไม่ดีสิ
"เด็กอย่างคุณมันทำให้ผมเสียความมั่นใจ....คุณยังคิดว่าตัวเองเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งสำหรับผมอีกมั้ย"
"ไม่...ผมเป็นคนพิเศษสำหรับคุณนานแล้ว แต่คุณไม่ยอมรับมันเท่านั้น"
นั่นสินะ
ก็คงใช่
"อย่ามาหลงตัวเองให้มากนัก"
ไม่หลงไม่ได้แล้ว ก็คุณเองไม่ใช่เหรอ ที่ให้ความหวังผมแบบนี้
"อย่ามาทำให้รักแล้วบอกว่าไม่มีใจอีกนะ คุณพิชาญ"
ใครจะไปทำล่ะ
"อย่าคิดว่าที่บอกว่าไม่รัก แปลว่าไม่มีใจสิคุณอคิราห์"
อ่า
แปลว่ามีใจสินะ
"สามทุ่ม ผมไปรับคุณพิชาญที่บ้านแล้วกัน"
ก็.....ตามนั้น
ไม่ได้พยักหน้ารับ ไม่ได้ปฏิเสธ และอคิราห์ที่พยายามบังคับสีหน้าตัวเองไม่ให้ยิ้มอออกมา ก้าวเดินหนีออกจากห้องโดยไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น
ของบางอย่างไม่ต้องพูดกันให้มากความก็รู้
คุณพิชาญทำงานไปเงียบ ๆ ทั้งที่ยังอมยิ้ม
ส่วนอคิราห์ยิ้มไปเปิดคอมพิวเตอร์ดูงานไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าคอมพิวตอร์เสีย ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร
สามทุ่มสินะ
สามทุ่ม
การไปดูหนังด้วยกันครั้งแรก หลังการรอคอยอย่างยาวนานมาเจ็ดปีเต็มเพื่อให้คุณพิชาญว่างพอมีเวลาไปดูหนังด้วย
อคิราห์นึกอยากให้เวลาสามทุ่ม....มาถึงเร็ว ๆ จริง ๆ
Fin.