Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโตนัยน์ตาของเด็กหนุ่มจับจ้องคนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้างกันแล้วอมยิ้ม เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นอีกฝ่ายหัวเราะแบบนี้ เขามองทันตแพทย์หนุ่มเพลินจนนิ้วหยุดขยับ ลืมเล่นเพลงต่อเลย
“คุณเตชิตหัวเราะแล้วน่ารักมากๆ”
เจ้าของชื่อหุบยิ้มทันควัน “ไม่เล่นต่อละเหรอ”
“เอาเพลงนี้ดีกว่า” คีรีก้มลงจับคอร์ดกีต้าร์ เขาชำเลืองมองทันตแพทย์หนุ่ม หัวใจเต้นตึกตัก “รู้ก็ทั้งรู้ว่าเธอเป็นใครและฉันก็ไม่คิดจะปีนขึ้นไป คงไม่มีทางเป็นไปได้ ก็เรานั้นมันต่างกัน”
เตชิตชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบาง แล้วนั่งนิ่งๆ ฟังเด็กหนุ่มร้องเพลงไปเรื่อยๆ
“อดใจไม่ไหว เมื่อได้พบหน้า ยิ่งเธอส่งยิ้มคืนมายิ่งหวั่นไหว เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน ฉันต้องคอยหักห้ามใจ”**
**(หวั่นไหว : บอดี้แสลม)ทันตแพทย์หนุ่มหันหน้าไปทางคนอ่อนวัยกว่า จ้องมองท่าทางในการเล่นดนตรีซึ่งบ่งบอกว่าอีกฝ่ายคุ้นเคยกับเครื่องดนตรีในมือดี ดูเท่ราวกับเป็นคนละคนอีกแล้ว
แต่เพลงนี้น่ะ ทำไมคุ้นๆ จังวะ เหมือนเขาเพิ่งเคยได้ฟังที่ไหนเมื่อไม่นานมานี้นะ
เตชิตรอจนเด็กหนุ่มเล่นจบเพลงก่อนจึงพูดขึ้น “เล่นได้เก่งกว่าที่คิดแฮะ ไม่น่าเชื่อเลย”
“โธ่ จะชมก็ชมดีๆ สิครับ”
“งั้นเอาใหม่” ทันตแพทย์หนุ่มตบมือรัวๆ “โห เล่นเป็นจริงๆ ไม่ได้โม้แฮะ”
“มันก็ไม่ได้ต่างจากตอนแรกมั้ยครับเนี่ย!”
เตชิตหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เล่นมากี่ปีแล้วน่ะ”
“ผมน่าจะเริ่มตอนสักหกขวบได้ รวมๆ แล้วก็สิบสี่...” คนอ่อนวัยกว่าชะงักไปเล็กน้อย “เอ๊ย ผมนับผิด สิบสองปีสิ คุุณยายเป็นคนสอนให้ แต่กีต้าร์ตัวนี้ผมหวงมากนะ นอกจากกับคุณตาแล้วผมก็ไม่เคยเอาออกมาเล่นให้ใครฟังเลย”
“หืม ผมได้ตั๋วพิเศษสินะ”
“สุดยอด VIP เลยล่ะครับ” คีรีเก็บกีต้าร์ของเขากลับเข้าในตู้ แล้วนั่งลงบนเตียงเคียงข้างทันตแพทย์หนุ่มอีกครั้ง “ผมทั้งเล่นกีต้าร์ทั้งร้องเพลงให้คุณฟัง ขอรางวัลหน่อยสิครับ”
“เอ๊า เล่นก็เล่นเอง ร้องก็ร้องเอง ให้ผมมานั่งฟังแล้วจะมาเก็บค่าดูทีหลังเนี่ยนะ”
“มันเป็นทริคเรียกลูกค้าไงครับ”
“แบบนี้ต้องฟ้องสคบ.”
คีรีอมยิ้ม พลางยื่นหน้าเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่ม แต่กลับโดนอีกฝ่ายเอามือยันหน้าเอาไว้
“ไม่ต้องเลยคุณ ใช้วิธีนี้สอยเหยื่อมาได้กี่รายแล้วล่ะ” พูดจบเตชิตก็ลุกขึ้นพรวด ไอ้วิธีเต๊าะแบบนี้น่ะ สมัยเขากับไอ้วินยังเป็นละอ่อนก็เคยใช้บ่อยๆ แล้วไอ้เด็กนี่ก็ดันมาแนวเดียวกันเลยแม่ง... เดจาวูโคตรๆ หรือว่ากรรมกำลังตามสนองเขาอยู่กันวะ!
ไอ้เขาก็ทำบาปทำกรรมไว้เยอะซะด้วยสิ ทางที่ดีตอนนี้ควรหาทางหนีเอาตัวรอดก่อนดีกว่าว่ะ
ทว่าพอเตชิตตั้งท่าจะก้าวออกไป คนอ่อนวัยกว่าก็ถลาเข้าไปกอดไว้จากทางด้านหลัง “โธ่ ผมไม่เคยสอย ไม่เคยจีบใครเลยจริงๆ นะครับคุณเตชิต ทำไมคุณไม่ยอมเชื่อผมสักที”
“ก็คุณมันน่าเชื่อตายล่ะ” เตชิตถอนหายใจ ก่อนจะหันไปเขกศีรษะเด็กหนุ่ม “พูดเฉยๆ ก็ได้ หยุดซบตูดผมได้แล้วเว้ย เฮ้ย! คีรี!” จู่ๆ คนที่กอดเขาอยู่ก็เหวี่ยงเขาให้หงายหลังนอนลงไปบนเตียง กดไหล่ของเขาลงพร้อมกับขึ้นมาคร่อมทับทางด้านบน “จนได้สินะ!”
“ผมรักคุณเตชิตนะครับ”
“เฮ้อ” ลูกไม้เดิมๆ ที่เขาก็หลงเชื่อมันเสียทุกครั้ง ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!
คีรีค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปแนบจูบเบาๆ เพื่อลองเชิงก่อน เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างไม่ได้ว่าอะไรจึงประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ค่อยๆ บดเบียดเข้าหาเรียวปากของทันตแพทย์หนุ่มอย่างนุ่มนวลที่สุด แล้วสอดลิ้นเข้าไปในช่องว่างของริมฝีปาก
เตชิตยกแขนขึ้นโอบกอด ปล่อยให้ลิ้นของคนอ่อนวัยกว่ารุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก แล้วเกี่ยวกระหวัดลิ้นเขาได้ตามใจชอบ จะว่าไป จูบกับคีรีก็รู้สึกดีเหมือนกัน นี่ถ้าเขายังอ่อนหัดคงเคลิ้มตามไปเรียบร้อย
เด็กหนุ่มละริมฝีปากออกมาอย่างเชื่องช้า ระหว่างริมฝีปากของพวกเขายังถูกเชื่อมไว้ด้วยของเหลวเหนียวใส เขาหลุบตาลงต่ำ มองรอยยิ้มตรงมุมปากของทันตแพทย์หนุ่ม หัวใจเต้นสั่นรัว
“พอใจรึยังล่ะ”
“จะพอได้ยังไงกันล่ะครับ” น้ำเสียงของคีรีแหบพร่า เขาค่อยๆ สอดมือเข้าไปในเสื้อของคนใต้ร่าง ทว่าอีกฝ่ายรีบจับมือเขาไว้
“จะทำอะไรอีก”
“ถอดเสื้อคุณ”
“ไม่ให้ถอดเว้ย”
คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้ว เขาชักมือกลับมาจับชายเสื้อตัวเองยกขึ้น “คุณไม่ถอด ผมถอดเองก็ได้”
เตชิตคว้าชายเสื้อคนบนร่างไว้แล้วดึงลง “จะถอดทำไมวะ!”
“ก็อยากกอดคุณเตชิตแบบเนื้อแนบเนื้ออะ”
“ไม่เอาโว้ย! ไอ้เด็กทะลึ่ง!”
คีรีทำหน้ายุ่ง จากนั้นจึงนอนทาบทับตัวทันตแพทย์หนุ่มไปทั้งอย่างนั้น “กอดทั้งแบบนี้ก็ได้”
“นี่ คุณไม่ใช่เด็กสามขวบนะ ตัวเบ้อเริ่มขนาดนี้ ผมหนักนะเว้ย” เตชิตผลักคนบนร่างที่ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวเขาเสียจนแทบจมเตียงออก ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับผงกศีรษะขึ้นต่อว่า “คุณเอาไอ้นั่นมาทิ่มผมอีกแล้วโว้ย! ไอ้เด็กเวร!”
“โธ่ ก็ผมรักคุณอะครับ ทั้งอาทิตย์มานี่ก็ไม่ได้เอาออกเลยด้วย แล้วพอคุณมานอนให้กอดอยู่ข้างใต้ตัวผมแบบนี้ ผมอยากทิ่มคุณก็เป็นเรื่องธรรมดามั้ยครับ”
“ฮะ!? เดี๋ยวๆ ผมไม่ได้นอนให้คุณกอดนะ คุณเหวี่ยงผมลงเตียงแล้วนอนทับผมเองเว้ย!”
“นั่นแหละๆ เหมือนๆ กันแหละครับ”
“ไม่เหมือนโว้ย” เตชิตยกมือขึ้นกุมขมับ “ลุกไปได้แล้ว หนัก”
“งั้นคุณเตชิตนอนทับผมแทนก็ได้”
“ไม่เอา จะทับไปทำไมวะ”
คีรีทำหน้ายู่ ยังไม่ทันจะขยับไปไหนก็ถูกคนใต้ร่างผลักออก พอเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นนั่งและกำลังจะลุกออกจากเตียงเขาจึงรีบถลาเข้าไปกอดรั้งไว้ “คุณเตชิตจะรีบไปไหนอ่า”
“รีบกะผีอะไร นี่มันดึกแล้วนะคุณ ผมจะกลับคลินิกน่ะสิ”
“ไม่กลับไม่ได้เหรอครับ นอนกับผมก็ได้นี่ เตียงผมใหญ่จะตาย นอนได้สองคนสบายๆ เลยนะ”
“ผมยังไม่ได้อาบน้ำ”
“อาบห้องผมก็ได้ เสื้อผ้าก็ใส่ของผมไปก่อนก็ได้”
เตชิตชำเลืองมองสีหน้าอ้อนของเด็กหนุ่ม เขาก็ใจอ่อนน่ะแหละ ที่จริงก็ยังไม่อยากกลับสักเท่าไหร่ แต่ไอ้วินจะว่ายังไงวะเนี่ยถ้าเขาไม่กลับคืนนี้ แถมยังขับรถมันมาซะด้วยสิ
ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูพร้อมกับหันไปบอกคนอ่อนวัยกว่าที่ยังนั่งอยู่บนเตียง “ขอผมถามไอ้วินก่อนนะ”
คีรีคิ้วกระตุก แต่ก็ทำได้แค่นั่งหน้ามุ่ยรออีกฝ่ายคุยโทรศัพท์เท่านั้น
เตชิตเดินออกจากห้องไปเพื่อคุยโทรศัพท์ ระหว่างที่รอให้เพื่อนรักรับสายก็พนมมือท่องนโมฯ ไปเรื่อยๆ เพื่อเตรียมใจรับคำต่อว่ากระแนะกระแหนชุดใหญ่ เขากระแอมเล็กน้อย แล้วพูดเสียงหล่อกับคนในสาย “ไอ้คุณวินครับ คืนนี้มึงจะใช้รถมั้ยวะ”
“ไม่ใช้หรอก ถึงจะใช้ก็ใช้รถพิงค์ได้ ว่าแต่ถามงี้ ตกลงมึงจะค้างกับเด็กนั่นเหรอวะ”
“เออ ถ้ามึงไม่ใช้รถก็ว่าจะค้าง”
“แหม แล้วตอนแรกบอกไม่ค้างงง~ มึงนี่มันแรดยิ่งกว่ากูอีก!”
“แรดตรงไหนวะไอ้เพื่อนเวร!”
รวินท์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ใส่โทรศัพท์ “ละนี่... แน่ใจแล้วเหรอวะ”
“ทำไมต้องแน่ใจด้วยวะ!”
“อยากเป็นอมตะมากกว่ากูสินะไอ้เหี้ย”
“สัส! แค่ค้างด้วยกันเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเหมือนมึงกับไอ้พิงค์หรอก”
“แหม รู้ดี กูกับพิงค์ทำอะไรวะ”
“อย่าให้ต้องสาธยายได้มะ แดกเด็กจนมึงจะอายุยืนเป็นหมื่นปีอยู่แล้ว”
“เออ กูก็ซึ้งใจที่มึงจะอยู่เป็นหมื่นปีไปกับกูด้วยเนี่ย”
“บอกว่านอนเฉยๆ เว้ยไอ้เวร”
“นอนเฉยๆ ให้เด็กทำสินะ”
“มึงไปแดกเด็กของมึงต่อเลยไป๊!”
“แหม เกรี้ยวกราดว่ะ” รวินท์หัวเราะ “พรุ่งนี้ตื่นมาทำงานให้ทันนะเว้ย ระวังฟ้าเหลืองด้วย”
“บอกตัวมึงเถอะ แค่นี้แหละ ฝันดีเว้ย”
“เออๆ”
เตชิตกดวางสายไปโดยที่เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายยังดังอยู่ เขาก้มลงมองโทรศัพท์ในมือพลางอมยิ้ม จะว่าไป ตั้งแต่คีรีเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตเขา แต่ละวันก็เปลี่ยนแปลงไป เขาไม่ได้รู้สึกเหงา และไม่ต้องนอนหงอยตามลำพังเวลาที่ไอ้วินอยู่กับเด็กของมันเลย เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ
เสียงประตูห้องเปิดออก ทันตแพทย์หนุ่มจึงหันไปมองเจ้าของห้องซึ่งยืนพิงอยู่ที่บานประตู
“หมอวินว่ายังไงครับ”
“ก็ไม่ว่าไง นี่ อุ่นบัวลอยกินกันเหอะ”
“แล้ว... คุณเตชิตจะค้างมั้ย”
“อือ ค้างก็ได้”
คีรียิ้มกว้าง เขารอให้เตชิตกลับเข้ามานั่งในห้องก่อนจะเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นรื้อหาบัวลอยออกมาอุ่นในไมโครเวฟอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็รีบนำไปเสิร์ฟให้คนที่นั่งรออยู่บนโซฟา
“บัวลอยมาแล้วคร้าบ”
“ขอบใจ” เตชิตรับจานที่วางชามพลาสติกใส่บัวลอยมาถือไว้ แล้วก้มลงมอง “อันที่จริงตลาดก็ไม่ได้ไกล ทำไมต้องกินอาหารแช่แข็งด้วยเนี่ย”
คนอ่อนวัยกว่านั่งลงข้างกัน จากนั้นจึงตักบัวลอยในชามขึ้นมาเป่าเบาๆ “มันสะดวกดีอะครับ เผื่อคุณเตชิตหิวตอนดึกๆ ออกไปซื้อก็เสียเวลา”
“นี่ซื้อไว้ให้ผมโดยเฉพาะเลยรึไง”
“ครับ... ที่จริงผมอยากทำอะไรให้คุณกินเองนั่นล่ะ แต่ตอนนี้มีปัญญาทำได้แค่นี้”
“เออ ดีแล้วแหละ ผมเป็นหนูทดลองมาเยอะแล้ว นึกถึงผัดกะเพราไอ้วินแล้วยังเสียวสันหลังไม่หายเลยเนี่ย”
คีรีคิ้วกระตุก วางช้อนในมือลงอย่างหมดอารมณ์ “หึ คอยดูเหอะ ผมจะหัดทำอาหาร จะทำให้อร่อยจนคุณไปกินที่อื่นไม่ได้อีกเลย”
“ขนาดนั้นเลย” เตชิตหัวเราะ “จะคอยดูละกันนะ” พูดจบก็ตักบัวลอยใส่ปากบ้าง
สองหนุ่มนั่งกินกันไปเงียบๆ ได้อีกสักพักคีรีก็เอื้อมมือไปหยิบรีโมตขึ้นมากดๆ แล้วจอโทรทัศน์ก็สว่างขึ้น
ทว่าภาพบนจอโทรทัศน์นั้นทำให้เตชิตแทบจะพ่นบัวลอยออกจากปาก ยังไม่ทันจะอ้าปากด่าเด็กหนุ่ม เสียงครวญครางของหญิงสาวในจอก็ดังก้องไปทั้งห้อง
“ไอ้เด็กบ้า! เปิดดูอะไรของคุณวะเนี่ย!”
“คืนเร่าร้อนที่ออนเซ็นครับ เพื่อนผมบอกว่ามันส์ดี เรื่องนี้อย่างดังแล้วก็ฮิตมากในหมู่เด็กวิดวะด้วย แต่คุณเตชิตเป็นหมอฟัน ไม่น่าจะเคยดูมั้ง ผมว่านางเอกก็สวยดี หน้าอกเบ้อเริ่มเลย”
“นั่นไม่ใช่ประเด็นรึเปล่าวะ! จู่ๆ คุณจะเปิดหนังเอวีทำไมเนี่ย!”
“ก็เผื่อคุณเตชิตจะมีอารมณ์”
“อารมณ์อยากจะเตะคุณน่ะสิ!” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่จะวางกับดักอะไรไว้ให้เขาหื่นอีก ในบัวลอยนี่ ดีไม่ดีอาจจะมียาปลุกก็ได้ ไอ้เขาก็เสือกกินจนหมดชามแล้วด้วย แม่งเง้ย! เขาไม่น่าใจอ่อน หลวมตัวยอมค้างด้วยเล้ย!
“โธ่ คุณเตชิตน่ะ ยอมๆ ผมบ้างก็ได้ ผูกปิ่นโตแล้วก็เช็กปิ่นโตบ้างสิครับ”
“ผมก็ยอมค้างด้วยแล้วไง”
คีรีทำหน้าเซ็ง “ครับๆ” เด็กหนุ่มตอบพลางค่อยๆ เอนตัวพิงอีกฝ่าย แล้วซบศีรษะลงบนหัวไหล่
“ถ้าง่วงก็ไปอาบน้ำนอนซะ”
คนอ่อนวัยกว่ายกแขนขึ้นโอบกอดคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “ไม่ง่วงหรอกครับ แค่อยากอยู่ใกล้ๆ คุณ”
“ร้อนจะตาย จะกระแซะทำไมนัก”
“งั้นไม่กระแซะก็ได้ แต่ขอขึ้นคร่อมคุณแทนนะครับ” ไม่พูดเปล่า แต่ทำท่าจะขึ้นไปคร่อมทับอีกฝ่ายด้วย
เตชิตรีบเอามือยันหน้าผากเด็กหนุ่มไว้ แล้วลุกขึ้นพรวด “ถ้าคุณยังไม่ง่วง งั้นผมขออาบน้ำก่อนนะ ขอยืมเสื้อผ้าหน่อย”
“เสื้อผ้าเหรอครับ ไม่ต้องใส่ก็ได้ ชุดนอนไม่ได้นอนไงครับ โอ๊ย! คุณเตชิตอ่า” คีรียกมือขึ้นกุมศีรษะจุดที่เพิ่งถูกเขกมาหมาดๆ “จะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้แหละครับ”
“แล้วคุณน่ะ ก็ใส่เสื้อผ้านอนด้วยนะเว้ย”
“โธ่ รู้ทันไปหมด แบบนี้ไม่สนุกเลย” เด็กหนุ่มพึมพำ “คนเรานี่น้า บอกว่าร้อนแล้วจะใส่เสื้อผ้าไปทำไมเนี่ย”
ทันตแพทย์หนุ่มมองตามคนที่เดินบ่นกระปอดกระแปดไปยังตู้เสื้อผ้าอย่างละเหี่ยใจ เขาอมยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา คิดว่าตัวเองก็คงเพี้ยนเหมือนกันที่ยอมค้างที่นี่ แถมยังรู้สึกเอ็นดูเด็กผีอย่างคีรีได้ เขาเอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมกับยกแขนขึ้นหนุนศีรษะ มองพัดลมบนเพดานไปแบบเพลินๆ
ห้องแอร์ดีๆ มีก็เสือกไม่นอน กูนี่ก็บ้าดีเหมือนกันแฮะ
“เฮ้ย!” เตชิตสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ๆ คนอ่อนวัยกว่าก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“คิดอะไรอยู่เหรอครับ” เด็กหนุ่มส่งชุดนอนซึ่งเป็นเสื้อยืดกับกางเกงผ้าแพรและผ้าเช็ดตัวให้ “ไม่ได้หยิบกางเกงในมาด้วยนะครับ ไม่รู้ว่าคุณเตชิตจะยืมกางเกงในผมด้วยมั้ยอะ”
“ไม่ยืมเว้ย”
“ผมก็ว่างั้น น่าเสียดายชะมัด” คีรีชี้ไปที่บานประตูที่อยู่ด้านในสุดของห้อง “นั่นห้องน้ำครับ ใช้ของในห้องน้ำได้ตามสบายนะครับ”
“ขอบใจ” เตชิตรับเสื้อผ้ามา ลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาบน้ำที่ว่า ก่อนจะชะงัก แล้วหันกลับไปถามเจ้าของห้อง “ตั้งกล้องอะไรไว้รึเปล่าวะ”
“โห ลืมคิดไปเลย”
“อย่าเชียวนะเว้ย แล้วไม่ต้องมาแอบฟังผมอาบน้ำด้วย”
“นิดๆ หน่อยๆ ก็หวง” คีรีทำหน้าเซ็งใส่
เตชิตส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ พอเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำก็หันมองสำรวจภายในห้องน้ำก่อนอย่างระแวง
ห้องน้ำของเด็กหนุ่มถึงจะเล็กแต่ก็สะอาดสะอ้าน แถมยังแห้งสนิทเลยด้วย ฝั่งซ้ายของห้องเป็นที่ตั้งของชั้นวางของ มีอ่างล้างหน้าอยู่ใกล้ๆ กับชักโครก ฝั่งขวาเป็นฝักบัว มีม่านพลาสติกกั้น
ทันตแพทย์หนุ่มจับดูม่านพลาสติกอย่างงงๆ “ทำไมใหม่จังวะ” เขาหันมองไปภายในห้องน้ำอีกครั้ง
จะว่าไป... ห้องน้ำนี้ดูเหมือนไม่ค่อยได้ใช้งานเลยแฮะ สบู่เหลวในขวดยังไม่แหว่งเลย โฟมล้างหน้าก็ยังไม่ได้แกะพลาสติกออก ไอ้เด็กนี่อาบน้ำยังไงกันวะ
แต่เอาเถอะ เขาแปลกใจเรื่องของคีรีจนเริ่มจะชินกับความแปลกใจนี้แล้วละ
เตชิตรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว กะว่าถ้าคีรีแอบดูจริงๆ จะได้ดูได้ไม่นาน เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบเดินออกจากห้องน้ำ
คีรีนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่บนเตียง เขาเลิกคิ้วขึ้น “อาบไวจังครับ”
“ตาคุณแล้ว”
เด็กหนุ่มยิ้มรับ “เดี๋ยวผมจะรีบอาบเลย คุณเตชิตนอนบนเตียงรอผมไปก่อนนะ”
“เออๆ” เตชิตตอบรับไปแบบนั้นเพราะขี้เกียจจะเถียง พอเจ้าของห้องเดินเข้าห้องน้ำไป เขาจึงค่อยนั่งลงบนเตียงแล้วเอนหลังพิงหมอน ไม่นานเจ้าของห้องก็กลับออกมา พวกเขาใส่ชุดเหมือนกัน เสื้อยืดสีขาวเหมือนกันแต่กางเกงแพรคนละสี พอเด็กหนุ่มตากผ้าเช็ดตัวเสร็จก็รีบรุดไปนั่งลงบนเตียงอีกฝั่ง
“ให้ผมหรี่ไฟหน่อยมั้ยครับ”
“ปิดเลยก็ได้นะ จะได้นอนกันสักที”
คีรีเอื้อมมือไปกดปิดไฟกลางห้อง เขารอให้อีกฝ่ายนอนลงห่มผ้าห่มก่อนจึงค่อยปิดไฟที่อยู่หัวเตียง
“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณเตชิต”
“อือ ฝันดี” ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองเงาตะคุ่มๆ ข้างๆ อย่างหวาดๆ
ทำไมยอมง่ายผิดปกติจังวะ หรือจะง่วง แต่ก็ดีเหมือนกัน...
เตชิตผ่อนลมหายใจออกยาวพลางปิดตาลง ขณะที่กำลังเคลิ้มๆ ก็รู้สึกว่าที่นอนมันสั่นๆ แบบแปลกๆ เขาลืมตาขึ้นแล้วขมวดคิ้ว
แผ่นดินไหวเหรอวะ
ทันตแพทย์หนุ่มผงกศีรษะขึ้น ยังไม่ทันได้ถามคนที่นอนข้างกันว่ารู้สึกอะไรไหม ก็ได้ยินเสียงครางชื่อเขาแว่วมาอย่างแผ่วเบา
“อา... คุณเตชิต”
ฮะ!? เจ้าของชื่อเรียกกระเด้งตัวลุกขึ้นพรวด
ไอ้เด็กเวรที่นอนข้างๆ กันกำลังสาวไหมอย่างเมามันส์เลยทีเดียว กูอยากจะบ้า!
“ไอ้เด็กบ้า! ทำอะไร... เฮ้ย!” พอเขาโวยวาย เด็กหนุ่มก็หันขวับมาหาแล้วโถมตัวเข้าใส่ เป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มหงายหลังผลึง “คีรี!”
“ขอนิดเดียว...นะครับ กลิ่นคุณ...หอมจัง ผมไม่ไหว...แล้ว” คนอ่อนวัยกว่ากระซิบเสียงกระเส่า เขาซุกใบหน้าลงตรงซอกคอคนใต้ร่าง แล้วพ่นลมหายใจอุ่นๆ ใส่พร้อมกับเบียดกายเข้าหา มือข้างที่ว่างกดเคล้นไปบนเสื้อยืดที่อีกฝ่ายสวมใส่ จากแผ่นอก ค่อยๆ ลากผ่านหน้าท้อง และต่ำลงไปอีกอย่างเชื่องช้า
เตชิตขนลุกซู่ เสียงแหบแห้งของเด็กหนุ่มดังอยู่ข้างหู ลมหายใจตกกระทบบนลำคอ เป็นผลให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ เขามั่นใจว่าไอ้เด็กนี่จงใจแน่ๆ และนั่นก็ทำให้ร่างกายของเขาร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“คุณเตชิต ของคุณ...แข็งแล้ว”
“แหงสิ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่เว้ย!”
คีรียิ้มกว้าง “ดีจังครับ งั้น...ให้ผมรับผิดชอบนะ” เด็กหนุ่มสอดมือเข้าไปในกางเกงคนใต้ร่างอย่างรวดเร็ว กุมส่วนไวสัมผัสที่กำลังตื่นตัวน้อยๆ ไว้พร้อมกับขยับมือช้าๆ
เตชิตกัดฟันกรอด แต่แล้วก็หมดความอดทน เขาดึงคอเสื้อเด็กหนุ่มเข้าหาตัวพร้อมกับยกศีรษะขึ้นแนบจูบ ริมฝีปากของทั้งสองบดเบียดเข้าหากัน สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
คีรีรวบจับส่วนที่ร้อนราวกับไฟของพวกเขาไว้ด้วยกัน พร้อมกับเร่งจังหวะการขยับมือให้เร็วขึ้นอีก เสียงหอบหายใจของทั้งสองดังประสานกัน
ทันตแพทย์หนุ่มครางในลำคอเบาๆ เจ้าของฝ่ามือที่กำลังขยับอยู่นี่ช่างรู้จังหวะดีเหลือเกิน พอเด็กหนุ่มละริมฝีปากออกก็ก้มลงจูบไปตามลำคอแล้วไปหยุดซุกซบอยู่ตรงซอกคอเขา
ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีชะมัดเลย
“คุณ... เตชิต คุณเตชิต”
เสียงเรียกชื่อเขาเป็นผลให้ร่างกายที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วร้อนมากขึ้นไปอีก เตชิตรู้สึกราวกับว่าส่วนที่อยู่ในมือของเด็กหนุ่มกำลังจะหลอมละลาย เขาวางมือซ้อนทับมือของเด็กหนุ่มพร้อมกับเร่งให้ขยับเร็วขึ้นอีก ขณะที่ส่งเสียงครางออกมาในตอนที่อารมณ์พุ่งขึ้นสูง คนบนร่างก็ใช้มือข้างที่ว่างปิดปากเขาเอาไว้ “อื้อ!”
ครั้งแรกอาจจะบังเอิญ แต่ครั้งที่สองนี่เขาเริ่มรู้สึกตงิดๆ เตชิตขมวดคิ้วขณะที่ประสานสายตากับคนบนร่าง
คีรีก้มลงจูบหน้าผากทันตแพทย์หนุ่ม “ผม... รักคุณเตชิต... นะครับ” เขากระซิบบอกเสียงกระเส่า ใบหน้าและดวงตาของเขาฉายชัดถึงความปรารถนา เป็นผลให้คนใต้ร่างเผลอต้องมนต์คล้อยตาม เขาเร่งขยับมือปรนเปรอตัวเองกับอีกฝ่ายไปพร้อมกันอย่างรู้งาน ไม่นานพวกเขาก็ปลดปล่อยออกมาแทบจะในจังหวะเดียวกัน
ต่างคนต่างหอบหายใจหนักๆ สักพักคีรีก็ดึงมือของตัวเองกลับออกมาช้าๆ
“พอใจรึยังล่ะคุณ!” เตชิตถามเสียงขุ่น โมโหตัวเองนี่ล่ะที่คล้อยตามคนอ่อนวัยกว่ามันเสียทุกที
เด็กหนุ่มอมยิ้ม “ถ้าได้อีกสักทีสองทีก็คงจะพอสำหรับคืนนี้อะครับ” จากนั้นจึงเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดให้
“ผมว่าผมไปนอนบนโซฟาดีกว่าว่ะ”
“โห ผมพูดเล่นน้าาา~” คีรีเอนตัวลงนอนเคียงข้างกัน แล้วเอาแขนข้างขึ้นกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ขอนอนกอดเฉยๆ”
“ให้มันจริง กอดเฉยๆ นะ”
“ครับๆ” เด็กหนุ่มยกศีรษะขึ้นจูบแก้มอีกฝ่าย “ราตรีสวัสดิ์ครับ”
เตชิตขมวดคิ้ว เขานอนนิ่งอย่างหวาดๆ หากเพราะรู้สึกสบายตัว ประกอบกับความง่วง ทำให้สะลึมสะลือ ใกล้จะหลับลงไปทุกที
นัยน์ตาของเด็กหนุ่มยังคงจับจ้องใบหน้าของคนที่นอนอยู่ข้างกัน เขากระชับอ้อมแขนเล็กน้อยพลางถอนหายใจเบาๆ
“ผมรักคุณนะคุณเตชิต ให้ผมได้มีพื้นที่ในใจคุณบ้างนะครับ นิดเดียวก็ยังดี”
ช่างเป็นคำพูดที่ทั้งหวานและฟังดูน่าเห็นใจในเวลาเดียวกัน
ทันตแพทย์หนุ่มยังคงนอนนิ่ง แม้ใจจริงอยากจะบอกคนที่นอนกอดเขาอยู่เหลือเกินว่า ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ได้มีพื้นที่ในหัวใจเขาแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มานอนให้โดนรีดน้ำอยู่แบบนี้หรอก
กลุ้มใจฉิบหาย
*TBC*สงสารพิหมอเขานะคะ เป็นคนซึนๆ แต่ก็ดันใจง่อน (มาจากใจอ่อน+ง่าย) ซะอีก
เอาเป็นว่าเด็กดอยสู้ๆ ละกัน ทำคะแนนไว้เยอะๆ เวลาโป๊ะแตกจะได้ไม่แซ่บมาก 5555555
สำหรับใครที่รอลุ้นให้เด็กดอยโป๊ะแตกอยู่ ก็อดใจอีกนิ้ดดดค่ะ ใกล้ละๆๆๆ ขอให้หมอเต้ตกหลุมลึกกว่านี้อีกสักนิดละกันเน้อออ อิอิอิ
ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า คืนนี้นอนหลับฝันดีเหมือนพิหมอเต้และเด็กดอยนะคะ