Oh...My Love กานต์...ที่รัก (Minemomo)มาแล้วๆพบกันงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ p11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Oh...My Love กานต์...ที่รัก (Minemomo)มาแล้วๆพบกันงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ p11  (อ่าน 75614 ครั้ง)

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1










45.





งานศพของพ่อเสร็จสิ้นลงไปทุกขั้นตอนแล้ว พวกเราต่างก็แยกย้ายกลับสู่ชีวิตปกติ พี่กัญญาหมกตัวเข้ากองตำราเพราะการสอบจวนตัวเข้ามาทุกที อาสารภีกลับไปทำงานหลังจากหมดวันลา ไม่วายย้ำผมกับพี่สาวว่าให้โผล่หน้าไปให้หายคิดถึงบ้าง ส่วนผมเปลี่ยนใจไม่ลาออก แต่ก็ยังขอคุณเลขาใหญ่เกงานต่ออีกสักวันเพื่อสะสางเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย


“กานต์”


ก็ไม่นึกว่าพอเข้ามาที่บ้านใหญ่ ด่านแรกที่เจอจะเป็นร่างสูงในชุดสีดำคุ้นตา ใบหน้าดูซูบซีดเหมือนคนอดนอนแต่ดวงตายังสดใส ยิ่งพอเห็นผมยืนชะงักอยู่กับที่ ไม่ถึงกับวิ่งหนีก็ยิ้มหน้าบาน รีบพุ่งมาหาแต่ยังเกร็งๆ ไม่กล้าถึงเนื้อถึงตัวผมเหมือนเคย


“เราเป็นยังไงบ้าง เรื่องพ่อ เรียบร้อยดีมั้ย” ผมไม่ได้ตอบ เขาเลยดูเก้อไป “คงไม่มีปัญหาสินะ แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะรู้มั้ย เพราะเดี๋ยวมีทำบุญครบร้อยวัน ครบปีอีก เวลาผ่านไปเร็วจะตาย เผลอแป๊บๆก็ถึงแล้ว”


ผมแค่พยักหน้าเป็นเชิงว่ารับรู้ ความจริงผมก็ยังงงๆกับตัวเอง ถึงจะยอมรับได้แล้วว่าเขาคือพ่อ แต่กลับไม่รู้สึกสนิทใจเท่ากับตอนที่เขาเป็นแค่อาชัช คงต้องอาศัยเวลาในการปรับตัวอีกสักหน่อย


“กานต์” เขาทอดเสียงเรียกอ่อนๆ พลอยให้หัวใจผมกระตุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ขออะไรอย่างนึงได้มั้ย”


เขารอ ผมเงียบ วัดใจกันอยู่นานก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายยอม


“จะขอ...อะไรครับ”


เขาไม่บอก ไม่รอให้ผมอนุญาตก็ก้าวเข้ามาแล้วกอดชนิดที่ผมจมหายเข้าไปกับอกเขาทั้งตัว เขากอดผมแน่นและนานมากจนเกือบหายใจไม่ออก แต่แปลกที่ผมไม่ดิ้น ไม่ขัดขืนหรือร้องบอกให้เขาปล่อย คงเพราะลึกๆในใจผมก็ต้องการให้เขาทำแบบนี้อยู่เหมือนกัน


“ฉันขอโทษ... แล้วก็ขอบใจนะ... ขอบใจมากจริงๆ” เขาบอกแล้วหอมหัวผมแรงๆ ลามไปที่หน้าผาก ที่แก้ม จนผมรู้สึกจะช้ำไปทั้งตัวเลยต้องหยุดเขาไว้ด้วยความอยากรู้


“ฉันขอโทษเรื่องกานดา ขอโทษที่ไม่เคยได้ดูแลหรือปกป้องเราสองคนแม่ลูก ถึงมันจะช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็ขอให้ฉันได้ขอโทษเราสักครั้ง”


ผมพยักหน้าเบาๆแล้วยอมให้เขาดึงตัวไปกอดอีกครั้ง


“แล้วก็ขอบใจมากที่เราอดทนและเข้มแข็งจนผ่านมาได้ทุกอย่าง ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้รู้ว่าการรักใครสักคนมันเป็นยังไง ขอโอกาสให้ฉันได้แก้ตัวสักครั้ง ขอให้ฉันได้เป็นพ่อ ได้ทำหน้าที่พ่อได้มั้ย”


“เดี๋ยวก็จะได้เป็นแล้วนี่ครับ อีกไม่ถึงเก้าเดือนเอง” ผมแอบยิ้มในใจแต่ตีหน้ามึนใส่ จะถือเป็นการแก้เผ็ดก็คงใช่ เลยได้เห็นคนตัวโตทำหน้าเขิน คงยังไม่ชินกับสถานะใหม่


“นั่นก็ใช่ แต่มันคนละส่วนกัน ฉันอยากแก้ตัวในส่วนของเราบ้างนี่”


“ผมไม่ได้ต้องการอะไรเลย ไม่ต้องแก้ตัวหรือทำอะไรให้ผมก็ได้ครับ”


“อย่าดื้อสิกานต์”


ขอบอกจากใจว่าสักบาทผมก็ไม่อยากได้ แต่สิ่งที่ผมต้องการง่ายกว่านั้นมาก แค่สายตาดุๆแต่น้ำเสียงเจือความเอ็นดูเต็มเปี่ยมนี่ต่างหากที่จะปราบเด็กดื้ออย่างผมได้ชะงัด


“อาก็บังคับผมอยู่ดี”


“ไม่ใช่” เขาส่ายหน้าเบาๆ “เรียกพ่อสิ นะกานต์ เรียกฉันว่าพ่อนะ สักครั้ง”


“ตกลงให้เรียกพ่อสิหรือว่าพ่อนะกันแน่ครับ”


ผมยกแขนยันแผงอกกว้าง เขาใช้แค่มือเดียวรั้งตัวผมไว้ อีกมือเลยว่างมาเคาะหัว ไม่เบาด้วย บอกเลยว่าแรงจริง เจ็บจริงนะเนี่ย
“เดี๋ยวเถอะ” เขาคาดโทษท่าทางหมันเขี้ยว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม


“พ่อรักกานต์”


ผมสูดลมหายใจเอาคำที่เพราะที่สุดเข้ามาเติมเรี่ยวแรงให้กับตัวเอง ระบายความกังวลและข้อสงสัยทิ้งไป เพื่อจะบอกเขาได้เต็มปากว่า...


“กานต์ก็รักพ่อครับ” ความรู้สึกที่ตื้อขึ้นมาฉับพลันทำให้ต้องหลบตาซ่อนกับแผงอกกว้าง งุบงิบบอกเสียงค่อย “ผมขอโทษที่ก่อนหน้านี้ทำตัวไม่ดี”


รู้สึกถึงลมแรงเป่าลงมาบนกระหม่อม คนที่กอดผมอยู่ก็คงโล่งอกที่ทุกอย่างลงเอยด้วยดี


“ไม่เป็นไร เพราะพ่อผิดเอง เรื่องเก่าอย่าไปจำ ต่อไปนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะลูก”


ผมไม่ตอบแต่กอดพ่อแน่นขึ้น เขาหัวเราะเบาๆแล้วกอดผมแน่นกว่า สรุปแล้วผมแพ้เพราะสู้แรงไม่ไหว โชคดีมีคนเข้ามาขัดจังหวะก่อนที่ผมจะขาดใจตายคาอก


“เล่นอะไรกันเป็นเด็กๆ”


หรือจะเป็นโชคร้ายมากกว่า... คุณภาวิณีหยุดยืนห่างออกไปไม่มาก ดวงตาคู่สวยจิกมองจนผมกับพ่อรีบปล่อยมือแล้วยืนเก็บเนื้อเก็บตัวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย


“แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอหนูภา” พ่อถามเสียงอ่อยจนผมแอบคิดว่าอาจจะเป็นผลกรรมที่เคยทำไว้กับแม่กานดา พอมาเจอเมียคนนี้เลยหมดสภาพ จากเสือดำฤทธิ์ร้ายกลายเป็นลูกแมวเซื่องๆไปเลย


“ถ้ายังไม่เสร็จจะมายืนอยู่ตรงนี้มั้ยล่ะคะ”


คุณเมธเล่าว่าพ่อยังไม่ได้เข้ามาอยู่ที่บ้านใหญ่เป็นการถาวร เพราะกลัวจะทิ่มตาทิ่มใจแม่ยายมากเกินไป ช่วงนี้เลยต้องไปๆมาๆระหว่างบ้านกับโรงแรมรวมทั้งลงไปคุมงานที่ภูเก็ต นี่ก็คงมารอรับคุณภาวิณีออกไปทำธุระข้างนอก แต่ฟันธงได้เลยว่าไม่พ้นเดินตามถือถุงช้อปปิ้งให้นั่นเอง


“แล้วจะไปกันได้หรือยัง หรือจะต้องชื่นชมลูกชายให้พอใจก่อน” แล้วก็ถึงคราวของผมบ้าง ดูจากสายตาแล้วเคยเกลียดผมยังไงก็ยังเกลียดอยู่อย่างนั้น เคยฟังนิทานแม่เลี้ยงที่ใจร้ายกับลูกเลี้ยงมาก็มาก พอมาเจอกับตัวถึงได้รู้จักความน่ากลัวของจริง อย่างรายนี้คงไม่แค่มาเคาะประตูแล้วยื่นแอปเปิ้ลอาบยาพิษให้ แต่จะจับยัดลงคอและรอจนผมน้ำลายฟูมปากตายจริงๆ


“คุณภาสบายดีนะครับ” ผมทำใจกล้าเอ่ยถาม เธอแสดงท่าว่าได้ยินแต่เชิดหน้าไปอีกทาง ผมเลยได้จังหวะสำรวจเรือนร่างคุณแม่เลี้ยงซึ่งยังสวยพริ้ง เพรียวลมไม่ต่างจากปกติ ดูเค้าแล้วไม่รู้เลยว่ามีอีกหนึ่งชีวิตกำลังเจริญเติบโตอยู่ในนั้น “แล้วเด็กในท้อง ก็...คงสบายดีเหมือนกัน เอ่อ...น้อง...ผู้ชายหรือผู้หญิงเหรอครับ”


ดวงตาคมตวัดกลับมา... ฟันคอผมขาด ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็ทำให้สะดุ้งอยู่เหมือนกัน


“ก่อนจะถามก็หัดคิดหน่อยนะ ฉันท้องแค่เดือนกว่าๆจะให้รู้เพศได้แล้วเหรอ อยากรู้เร็วๆก็ไปถามเทวดาเอาเองเถอะ”


“นั่นสิ เดือนเดียวเอง ยังเร็วไปเนอะ กานต์นี่ก็ไม่ไหวเลย ทีหลังไม่รู้ก็เงียบๆไว้เข้าใจมั้ย” พ่อรีบเอ็ดผมเอาใจเมีย เธอคงรู้ทันเลยทำหน้าเอือมใส่แล้วเล่นงานผมต่อ


“แทนที่จะมาสนใจลูกฉันเนี่ย ลืมใครบางคนไปหรือเปล่า” ผมไม่กล้าตอบก็ยิ่งโดนสับเละ “ยังจะมาทำหน้าเอ๋ออยู่ได้ ที่นายออกฤทธิ์จนเขาเดือดร้อนกันไปทั่วน่ะหัดสำนึกไว้บ้างนะ จู่ๆก็ทำตัวงี่เง่า เรียกร้องความสนใจ น่าหมันไส้ ฉันล่ะอยากยุพี่ชายฉันให้เลิกยุ่งกับนายจริงๆ ไม่รู้จะรักจะหลงอะไรกันนักหนา ชิ!”


ผมเข้าใจแล้วว่าเธอต้องการบอกอะไร แต่ที่ยังไม่แน่ใจและไม่อยากตีความเข้าข้างตัวเอง...


“คุณไม่ว่าอะไรแล้วเหรอครับ เรื่อง...ผมกับคุณกร”


“แหม! อย่างกับคำพูดของฉันจะมีความหมายนักนี่ อยากจะทำอะไรก็เชิญเถอะ อย่าให้เดือดร้อนถึงฉันเป็นพอ”


เธอพูดจบก็คงถือว่าหมดเรื่อง ไม่แคร์ว่าผมจะมีปฏิกิริยาอะไร พอหันไปหาคุณสามี เขาก็รีบรับลูกโดยไม่ต้องให้เธอต้องเสียเวลาเอ่ยปาก


“จ้าๆ ไปเดี๋ยวนี้เลยจ๊ะ ไม่เครียด ไม่หงุดหงิดนะ วันนี้อาว่างอยู่กับหนูภาทั้งวันเลยดีมั้ย”


“ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอคะ”


คุณภาวิณีสะบัดหน้าแล้วออกเดินนำ พ่อหันมายิ้มให้อีกทีแล้วรีบวิ่งตามไป ผมเลยได้แต่ส่งกำลังใจให้อย่างงงๆ ถ้าจะสรุปว่าเธอปล่อยวางเรื่องของผมคงไม่ผิดนัก หรืออาจจะเป็นอย่างที่คุณเมธตั้งข้อสังเกตว่าความจริงเธอแค่หึง พอผมกับคุณชัชกลับตาลปัตรออกมาว่าเป็นพ่อลูกกันก็เลยหมดห่วง ตัวเธอเองไม่เคยแคร์ใครหน้าไหนอยู่แล้ว ถึงผมจะรักกับคุณภากรหรือกับใครจึงไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องใส่ใจ


ผมเดินหน้าต่อด้วยความรู้สึกโล่งอกไปอีกเปลาะ ด่านต่อมาคงจะเป็นคุณภัทราพรซึ่งผมยังติดค้างคำขอโทษฐานที่ทำตัวดื้อและพาล แต่ผมกลับโดนเซอร์ไพรส์แทนเมื่อพบว่ายังมีคนสำคัญอีกคนอยู่กับท่านด้วย


“โถ! พ่อคุณ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูก นี่แผลหายสนิทหรือยัง เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า ไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ย”


ไม่ต้องทายก็รู้ใช่มั้ยครับว่าใคร ส่วนผมพอยกมือไหว้เจ้าของบ้านก็ถูกป้ามาลัยชิงตัว สาเหตุก็เพราะคุณวรเมธขอปิดเรื่องของพ่อเพื่อป้องกันความเสียหายมาถึงตัวผมกับโรงแรม บางคนที่รู้เรื่องอย่างเฮียสยามหรือป้ามาลัยก็ถูกขอร้องไม่ให้มาร่วมงานเพื่อไม่ให้ข่าวเล็ดรอดออกไป พอมาเจอกัน ป้ามาลัยเลยรับขวัญผมขนานใหญ่


“ฉันว่ากานต์จะช้ำอีกรอบเพราะน้ำมือมาลัยนี่แหละ” ขนาดคุณภัทราพรยังอดแขวะไม่ได้


ทีแรกผมนึกว่าคุณเมธส่งข่าวให้ป้ามาลัยมาดักรอผมที่นี่ แต่เรื่องจริงที่น่ายินดียิ่งกว่าคือป้ามาลัยมาส่งการ์ดเชิญคุณภัทราพรไปร่วมงานอุปสมบทของลูกชายคนเดียว พี่หมึกได้รับทุนไปฝึกอบรมการบินที่ต่างประเทศหลายเดือนจึงถือโอกาสลาจากภารกิจทางภาคใต้ขึ้นมาบวชก่อนจะไปเรียนต่อ คราวนี้ล่ะผมจะได้เจอพี่ชายสุดเท่ห์ตัวเป็นๆเสียที


คุณภัทราพรซักถามเรื่องงานและชวนคุยตามประสาคนเก่าแก่ที่ทำงานด้วยกันมานาน ผมนั่งฟังด้วยความสนใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มตั้งคำถาม ป้ามาลัยหันมาเจอสายตาผมก็คงเข้าใจได้ในทันที


“อยากรู้เรื่องแม่ใช่มั้ย” ผมพยักหน้าแต่ไม่ได้เร่งเร้า “ใช่จ๊ะ กานดาเป็นรุ่นน้องที่ป้ารักมาก ก็คนที่ป้าพูดถึงตอนที่แต่งตัวให้กานต์นั่นล่ะ พอเห็นเราป้าก็นึกเอะใจเลยไปขอประวัติพนักงานมาดู ไม่นึกเลยว่าจะใช่จริงๆ เราน่ะได้เค้าหน้าแม่มาหมด โดยเฉพาะตาคู่นี้ มองดีๆจะเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แต่แม่เราเขาอาภัพ น่าสงสาร ไม่น่าอายุสั้นเลย”


“แล้วเรื่องแม่กับคุณชัช ป้ารู้อะไรบ้างครับ”


“สัญญากับป้าก่อนว่าจะไม่เก็บเอาไปคิดจนตัวเองพลอยเป็นทุกข์ไปอีก” ผมมองตาป้ามาลัยแล้วก็เพิ่งรู้ว่าความรู้สึกตัวเองไม่ได้นิ่งอย่างที่คิด ถึงจะยอมรับคุณชัชเป็นพ่อแต่ใจผมยังแกว่งเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ป้าคงรู้ถึงได้รอให้ผมสงบลงอีกนิดจึงค่อยเล่าต่อ


“ป้าคงพูดได้แค่ในฐานะคนกลางที่รู้จักทั้งคู่ คุณชัชมีทีท่ามาชอบจริงๆแต่กานดาไม่เล่นด้วย เคยบอกปฏิเสธไปตรงๆก็แล้วแต่คุณชัชไม่ยอมถอย ป้าเลยได้แต่คอยกันให้ห่างๆกันไว้ เรื่องมันคงเกิดตอนงานเลี้ยงปีใหม่ของพวกพนักงาน ปีนั้นป้าไม่ได้อยู่ด้วยเพราะตาหมึกไม่สบาย พอรุ่งขึ้นกานดาก็โทรเข้ามาขอลาออกแล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรอีก ป้าเองก็จนปัญญาเพราะทางคุณชัชก็ถูกส่งไปคุมงานที่โน่นที่นี่ เรื่องของทั้งคู่เลยเงียบหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่นึกจริงๆว่าจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้”


แม้จะเป็นเรื่องเดิมที่เคยรู้ก็ยังแสบในอกไม่หาย


“อย่ามัวแต่หาว่าใครผิดใครถูก หรือเอาแต่ถือโทษโกรธใครเลยนะลูก ชีวิตจะพาลไม่มีความสุขเสียเปล่าๆ ไม่ว่าคุณชัชจะเป็นใคร ป้าก็มองออกว่าเขารักและหวังดีกับกานต์มาก เขาทำแบบนั้นก่อนที่จะรู้ด้วยซ้ำว่ากานต์เป็นใคร จำข้อนี้ไว้และใช้เวลานับจากนี้ไปให้มีความสุขที่สุดดีกว่าเชื่อป้าสิ”


ผมถอนใจเบาๆแล้วยิ้มตอบป้ามาลัยได้ในที่สุด ป้าหันไปสบตากับคุณภัทที่เฝ้าดูอยู่ตลอด พอผมหันไป ท่านก็อ้าแขนออกให้ผมย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดนั้น


“ยังจำบันทึกของคุณกฤตได้ใช่มั้ย” ผมทำหน้าสงสัย คุณภัทจึงยิ้มแล้วพูดต่อ “เธอก็เห็นแล้วนี่ว่าทุกนาที ทุกวินาทีของชีวิตมีค่ามากแค่ไหน แล้วจะเอาเวลาที่แสนมีค่าไปเสียเปล่ากับความไม่เข้าใจกัน เอาเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมานั่งจับผิดหรือคอยแต่จะหันหลังใส่กันทำไม ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อะไรที่ผ่านไปก็เรียกคืนไม่ได้ เธอน่ะโชคดีมากที่ได้คนสำคัญในชีวิตกลับมา อย่าปล่อยความโชคดีนี้ให้เสียเปล่าเลยนะ”


ผมจะแย้งอะไรได้เมื่อคุณภัทใช้โชคร้ายของครอบครัวมายืนยัน ผมยังจำภาพทุกภาพ ทุกข้อความ โดยเฉพาะบันทึกฉบับนั้นได้ดี ถ้าแผนการฮันนีมูนรอบสองสำเร็จ ได้มีโอกาสปรับความเข้าใจ ความรักก็คงหวานชื่น ความสุขก็จะกลับคืนมาสู่ครอบครัว แต่นั่นก็เป็นได้แค่ความคาดหวังเมื่อเวลาของคุณกฤตหมดลงก่อนหน้านั้นเพียงแค่สองเดือน


เช้าวันที่แม่โดนรถชน ผมยังกอดแม่ก่อนออกไปโรงเรียน ก่อนที่พ่อจะถูกยิง พ่อยังกำไหล่ผมแน่น เสียงของพ่อยังดังอยู่ในหู เพียงแค่เสี้ยววินาทีผมก็ต้องสูญเสียทุกอย่าง พลาดโอกาสที่จะได้บอกลาแม่ หรือบอกรักพ่อ ผมควรจะเรียนรู้ได้เสียทีว่าไม่ควรปล่อยให้เวลาของชีวิตผ่านเลยไปแล้วต้องกลับมานึกเสียใจทีหลัง คุณชัชอาจจะเป็นโอกาสให้ผมได้แก้ตัว และอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายเพราะชีวิตคนเราคงไม่ได้มีโชคกันบ่อยนัก


“ครับ คุณท่าน” ผมตอบรับเต็มคำ


“เอ๊ะ! ในเมื่อกานต์เป็นลูกคุณชัชก็น่าจะถือคุณภัทเป็นคุณป้าได้สิคะ”


“เธอน่ะผิดแล้วมาลัย กานต์เนี่ยลูกชายคนเล็กของฉันเอง ตาชัชน่ะทำฉันแสบ ฉันเสียลูกสาวไปคนก็จะเอาลูกชายเขามาแลกกันนี่ล่ะ คอยดูเถอะ ยึดแล้วยึดเลย จะไม่คืนให้เด็ดขาด”


คุณภัทราพรไม่เพียงแค่รับมุก แต่ยังกอดและแสดงถึงความเอ็นดูจนผมตื้อขึ้นมาในอก นึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกันแล้วก็ไม่นึกไม่ฝันว่าผมจะมาถึงจุดๆนี้ สงสัยว่าเสน่ห์ของผมคงยังใช้ได้ผลกับเด็ก สตรีและคนชราเหมือนเคย


“เอ้า! เลยร้องไห้ซะแล้ว ขี้แยจริงลูกคนนี้”


พอเห็นผมน้ำตาซึมท่านก็โอ๋ ผมเลยยิ่งอ้อนจนป้ามาลัยอาจจะแอบหมันไส้


“แต่เอ... แล้วเจ้าของตัวจริงเขาจะไม่ว่าเอาหรือคะ รายนี้ยิ่งหวงกานต์มากอยู่ด้วย”


“ถึงหวงก็คงไม่มีแรงลุกขึ้นมาสู้อะไรกับใครแล้วล่ะมั้ง” คุณภัทยิ้มทั้งสีหน้าอ่อนใจ “กานต์ขึ้นไปดูพี่เขาให้แม่หน่อยเถอะ เอาแต่ห่วงเราจนไม่กินไม่นอน วันๆทำแต่งานจนโรคกระเพาะกำเริบ นี่ก็นอนซมมาตั้งแต่เช้าแล้ว”


ผมรับคำและรีบขอตัวขึ้นมาชั้นสองด้านที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณภากร ประตูทุกบานปิดสนิท โถงทางเดินเงียบเพราะหากเจ้าตัวอยู่บ้านจะไม่อนุญาตให้ใครขึ้นมายุ่มย่าม ผมมาหยุดตรงหน้าห้องใหญ่ที่สุดของปีก ค่อยๆหมุนลูกบิดก็ปรากฏว่าล็อก ผมยิ้มนิดๆเพราะคาดไว้แล้วเลยเดินต่อไปอีกห้องซึ่งคุณภัทราพรจัดไว้ให้ใช้เวลามาค้าง เป็นห้องนอนขนาดรองที่มีประตูเชื่อมกับห้องใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่างแต่ผมไม่เคยได้ใช้เพราะสุดท้ายก็ถูกคนห้องข้างๆลากไปนอนด้วยกันอยู่ดี


ถึงเจ้าของห้องใหญ่จะชอบล็อกประตูห้องตัวเองแต่ทางเชื่อมระหว่างสองห้องกลับไม่เคยปิดตาย ผมค่อยๆแง้มบานประตู ห้องอีกฝั่งมืดสลัวแสดงว่าคนบนเตียงกว้างอยากพักผ่อนจริงๆ แต่ผมก็ยังย่องไปเลื่อนม่านผืนใหญ่ออกให้เหลือแต่ผ้าโปร่งกั้นแสงได้บางส่วนเพราะบรรยากาศทึบทึมดูจะไม่ปลอดภัยกับสวัสดิภาพของผมนัก


คุณภากรกำลังนอนหลับสนิท ดวงหน้าคมสันซูบลงอย่างที่คุณภัทราพรบอก ผมเผลอยืนจ้องอยู่นานเพราะคนที่ไม่เคยติดหมอนข้างกลับกอดและซุกหน้าอยู่กับหมอนหนุนอีกใบราวกับจะใช้สิ่งนั้นแทนตัวคนที่เคยนอนอยู่ด้วยกันทุกคืน


'ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ ถ้าสบายใจแล้วก็กลับมาหาคุณกรนะครับ'


ไม่ใช่แค่คำพูดประโยคนั้นที่ทำให้ผมให้มายืนอยู่ที่นี่ แต่เป็นทั้งหมดของผู้ชายคนนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนชีวิตได้เจอกับปาฏิหาริย์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน แค่เสี้ยวนาทีที่เขาอาจจะเดินผ่านผมกับพ่อไป แต่คงมีบางสิ่งดลใจให้เขาหยุดและดึงผมออกจากความสิ้นหวัง พาไปพบโลกใบใหม่ที่แม้จะมีอุปสรรคแต่ก็เต็มไปด้วยมิตรภาพและน้ำใจจากผู้คนรอบตัว เขาหยิบยื่นโอกาสให้ผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย และรวมถึงความรักในแบบที่ผมไม่เคยรู้จัก แม้คนส่วนใหญ่อาจไม่ยอมรับหรือต่อให้คนทั้งโลกหันหลังให้ เขาก็ทำให้ผมแน่ใจว่าจะมีเขาอยู่เคียงข้างกันเสมอ


ผมค่อยๆดึงหมอนออก แทรกตัวเองลงในอ้อมแขน แล้วกระซิบบอกเผื่อให้เขาได้ยินในความฝัน


“กลับมาแล้วครับ”


คำตอบรับคืออ้อมกอดที่กระชับแน่น ริมฝีปากอุ่นแนบลงบนหน้าผาก ไม่ต้องมีคำพูดหรือการกระทำอื่นใดนอกจากนอนกอดและหลับไปพร้อมกันเหมือนเช่นทุกคืน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่เมื่อลืมตาอีกครั้งก็ต้องด่าตัวเองว่าขี้เซาชะมัด


“มองขนาดนี้ คิดค่าตัวเลยดีมั้ยน๊า”


“เท่าไหร่ก็ยอมจ่าย”


“อย่าท้านะครับ จะเรียกให้หมดตัวเลย”


“หมดทั้งหัวใจดวงนี้ก็ให้ไปแล้ว จะยังเหลืออะไรที่คุณกรให้กานต์ไม่ได้อีกหรือไงหืม”


ผมแทบสำลักเมื่อคุณภากรไม่หวานแค่คำพูดแต่ยังฝากรสจูบมายืนยัน ริมฝีปากอุ่นแตะแผ่วแล้วขบเม้มริมฝีปากผมเบาๆ ไม่เร่งเร้าแต่กลับปลุกความกระหายที่ซ่อนอยู่ ผมเผยอริมฝีปากให้แต่เขากลับเลาะเล็มอยู่แค่ด้านนอกจนกลายเป็นผมที่ขัดใจเหมือนถูกเขายั่วเล่นไม่เลิก ผมยกแขนขึ้นโอบ โน้มรอบคอร่างหนาแล้วบดเบียดตัวเองเชิญชวน พอเขาหยุด เอาแต่เลิกคิ้วมอง ผมก็จู่โจม แทรกลิ้นเข้าสู่โพรงปากอุ่นเหมือนอย่างที่เขาเคยทำ จังหวะนั้นเองที่คนเฉื่อยชาฉีกยิ้มทั้งๆที่กำลังถูกรุก และยอมกระหวัดรัดแลกรสจูบหวานด้วยในที่สุด


“ขี้แกล้ง” ผมแกล้งสะบัดเสียงงอนๆ


“เปล่าครับ แค่อยากให้แน่ใจว่ากานต์ต้องการ ไม่ได้ถูกฉันบังคับ”


ผมยิ้มแล้วยื่นหน้าไปแตะปากของเขาเบาๆหนึ่งทีเป็นรางวัลให้กับความเอาใจใส่ โชคดีเหลือเกินที่เขามีความเป็นผู้ใหญ่กว่าผมมากนัก


“เพราะคุณดีกับผมขนาดนี้แน่เลย ผมถึงได้ทำนิสัยแย่ๆ ไม่มีเหตุผลแล้วก็เอาแต่ใจตัวเอง แต่ก็ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากที่อดทนรักเด็กดื้อคนนี้”


“ฉันรักกานต์ด้วยหัวใจไม่ใช่ด้วยความอดทน เราว่าตัวเองไม่มีเหตุผล ฉันเองก็คงเหมือนกันเพราะฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงรัก และยิ่งไม่รู้ว่าจะให้เลิกรักต้องทำยังไง ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าเราอาจจะต้องเป็นฝ่ายอดทนกับฉันก็ได้ใครจะไปรู้”


“อาจจะมีวันนั้นแต่ผมไม่กลัวหรอก เพราะผมก็รักคุณกรด้วยหัวใจเหมือนกัน ผมขอเอาหัวใจเป็นเดิมพันว่าจะไม่มีวันเลิกรักคุณกรก่อนแน่นอนครับ”


“ฉันก็ขอใช้หัวใจตัวเองแทนคำสัญญาว่าจะรักษาความรักที่มี และจะดูแลกานต์ที่ฉันรักคนนี้ให้มีความสุขตลอดไป”


เรายิ้มให้กัน ผมแนบหน้าผากรู้สึกถึงไออุ่นจัด จรดปลายจมูก แล้วหลับตาลง


“ขอบคุณนะครับ”


“ขอบคุณเช่นกันครับ”


ผมยิ้มเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสแนบสนิท เขาแทรกลิ้นเข้ามาแล้วเลาะเล็มไปจนทั่วทุกตารางนิ้ว ผมจูบตอบตามที่เรียนมาจากเขาแต่เหมือนยิ่งรู้ก็ยิ่งไม่เคยพอ จูบอุ่นเนิ่นนานและเร่งร้อนขึ้นเรื่อยๆจนต้องขอเบรคเพราะหายใจไม่ทัน


“นอนพักก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวผมจะลงไปดูในครัวหาอะไรมาให้รองท้องเผื่อจะทานยาด้วย” ผมไม่ได้หนี แค่ขอเวลาไปพักหายใจหายคอสักนิด แถมอุณหภูมิของคนป่วยก็ดูจะพุ่งขึ้นทุกส่วน ถ้าอาการทรุดลงคงไม่ดี


“ไม่ต้องไปหรอก อยู่ที่นี่ก็มีของอร่อยให้กินพอแล้วล่ะ”


ผมอดนึกถึงเช้าวันที่เกิดเรื่องขึ้นมาไม่ได้ เขาบอกว่าผมน่ากินกว่าของที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ นี่ผมคงไม่ได้หาเรื่องเอาตัวเองมาเสิร์ฟให้หมาป่าผู้หิวโหยถึงเตียง เอ๊ย! ถึงที่หรอกใช่มั้ย


แน่นอนว่าอ้อยเข้าปากช้างฉันใด คุณหมาป่าก็ย่อมไม่ปล่อยลูกแกะเนื้อหวานๆให้รอดจากคมเขี้ยวฉันนั้น ผมเลยถูกคนเจ้าเล่ห์ตะครุบไว้ อุ้งมือใหญ่ค่อยๆปอกเปลือกนอกออกจนเหลือแต่เนื้อขาวโพลน จากนั้นก็ละเลียดชิมไปทีละส่วน ทุกคำที่ถูกขบกัดบีบหัวใจให้เต้นระรัว ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความกลัวและกระหาย เส้นขนลุกชัน กล้ามเนื้อแข็งขืนถูกครอบครองด้วยโพรงปากอุ่นจุดตัณหาวาบลามไปทุกอณู ครางเสียงครือวอนขออย่างลืมอาย ก่อนจะหวีดร้องเมื่อเนื้ออ่อนถูกชำแรก ท่อนกายใหญ่ค่อยๆแทรกเข้ามาอย่างกังวล เหมือนทุกครั้งของการร่วมคู่ที่ความพอใจของผมคือความปรารถนาสูงสุด ปากจึงทาบปาก ลิ้นตวัดลิ้น จูบดูดดื่ม มือใหญ่กำรวบเอ็นเนื้อฉ่ำชื้น รูดคลึงช่วยคลายอาการขึงเกร็ง รอจนอารมณ์ถึงพร้อม จังหวะกระแทกกระทั้นก็เร่งแรง ห้องกว้างดังระงมทั้งเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ทั้งเสียงครางเคล้าคำสบถหยาบ ไม่นานร่างกายผมก็ระเบิดออก ในสมองพร่าพราย เนื้อตัวคล้ายแตกระยิบระยับแล้วล่องลอยไปในกระแสแห่งความสุข ส่วนอีกคนคำรามอู้ ร่างแกร่งกระตุกถี่แล้วถึงสวรรค์ตามติดมาไม่ห่างกัน


คุณภากรพลิกตัวผมเข้าสู่อ้อมกอด ปลายจมูกโด่งดอมดมราวกับผมคืออาหารจานโปรดที่กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม


“กานต์...”


หมาป่าตัวเดิมส่งเสียงยานคางแต่ดวงตาวาววับเต็มเปี่ยมด้วยความกระหาย อ้อมแขนใหญ่ค่อยๆบีบรัดราวตรวนหนา ผมรีบส่ายหน้า ส่งสายตาอ้อนวอนเพราะยังไม่พร้อมกับการต่อสู้รอบใหม่ โชคดีที่เขาใจอ่อนแต่ก็ยังกอดผมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมเลยฝังหน้าลงกับแผงอกกว้างฟังเสียงหัวใจหนักแน่น รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองก็กำลังเต้นอยู่ในจังหวะเดียวกัน ก่อนที่เราทั้งคู่จะหลับตาลงพร้อมกันอีกครั้ง







จบตอนแล้วคร้าบ







ลงท้ายด้วยดีสำหรับหนุ่มน้อยของเรา จากนี้ก็จะได้มีชีวิตที่สมบูรณ์ มีความสุขกับเขาเสียที


จริงๆถือว่าจบเรื่องกันแบบหวานๆ เขิลๆได้แล้ว แต่เราก็ยังมีบทส่งท้ายเป็นของแถมให้ในตอนหน้าอีกหนึ่งตอนนะคะ





 :bye2:








ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
จะจบแล้วหรอนีเสียดายนะเนี่ย

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มีความสุข :กอด1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
สำหรับกานต์คงไม่น่าห่วงแล้ว
แต่ตอนนี้ชักอยากรู้แล้วว่า น้องของกานต์จะเป็นผู้หญิงรึผู้ชาย

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1








บทส่งท้าย







ช่วงบ่ายอ่อนๆของวันหยุดแบบนี้บ้านหลังใหญ่ยิ่งเงียบเชียบ คุณภัทราพรกับคุณภาวิณีชวนกันออกไปข้างนอกเพื่อให้คนท้องไม่รู้สึกอุดอู้และถือโอกาสเดินชอปปิ้งเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ฝ่ายพ่อเด็กที่ไม่เคยขัดใจทั้งเมียและแม่ยายได้เลยขอรออยู่บ้าน และใช้เวลาสนุกอยู่กับงานอดิเรกชิ้นใหม่โดยมีผมเป็นลูกมือด้วยความเต็มใจยิ่ง


“แล้วชื่อนี้เป็นไงครับอา สะกดง่าย ความหมายก็ดี” ผมจิ้มค้างที่กลางหน้าหนังสือ กำลังจะเอื้อมไปหยิบสมุดอีกเล่มที่เอาไว้จดรายชื่อกับความหมายที่ช่วยกันลอกออกมาซึ่งมีเกือบยี่สิบชื่อแล้ว แต่จู่ๆหมอนอิงที่กั้นกลางก็ถูกหยิบโยนทิ้งตัวผมถูกดึงไปแทนที่จนแทบจะเกยอยู่บนตักคนข้างตัว


“อะ..อะไร...” ผมหันมองคนที่เริ่มขมวดคิ้ว ตีหน้าดุก็เพิ่งนึกได้ “โธ่ ขอโทษครับ กานต์ลืมนิดเดียวเอง พ่ออย่าโกรธน๊า”


“จนป่านนี้แล้วยังลืมแสดงว่าเราไม่ได้รู้สึกตัวว่ามีฉันคนนี้เป็นพ่อใช่มั้ยล่ะ”


เชื่อมั้ยล่ะว่าผมถูกคุณชัชสะบัดเสียงงอนๆใส่ ทำท่าปากยื่นนิดๆด้วยแน่ะ สงสัยจะติดมาจากเมียเด็ก เอ๊ะ! หรือจะเป็นเพราะฮอร์โมนเปลี่ยน ก็ขาข้างหนึ่งกำลังจะเหยียบเข้าวัยทองแล้วนี่


“ไม่ใช่นะครับ คือแบบกานต์แค่ติดปากเฉยๆ เรียกอาชัชมาตั้งนาน บางทีมันก็มีลืมตัวกันบ้าง แต่กานต์รักพ่อนะ ไม่เคยคิดด้วยว่าพ่อไม่ใช่พ่อ อย่าคิดมากสิครับ” แค่คำพูดน่าจะได้ผลช้า ผมรีบโอบแขนรอบตัว แนบหน้าลงกับอกแน่นๆ ง้อสุดชีวิตกันไปเลย


“โอ๋ๆ ไม่งอนนะครับ มาเลือกชื่อให้น้องต่อดีกว่า คราวนี้เลือกแบบชื่อเด็กผู้หญิงบ้าง เผื่อจะได้น้องสาวดีมั้ยครับ”


พ่อกอดตอบแล้วหอมหน้าผากผมแรงๆ เป็นสัญญาณว่าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ


“แล้วเราล่ะอยากได้น้องสาวหรือน้องชาย”


“น้องสาวหรือน้องชายก็ได้ครับ ขอให้น้องเกิดมาสมบูรณ์แข็งแรง โตขึ้นเป็นเด็กดี น่ารัก ไม่ดื้อไม่ซนก็แล้วกัน”


“แต่ไม่ว่ายังไงกานต์ก็เป็นลูกที่พ่อรักที่สุดนะรู้มั้ย”


ผมยิ้มกว้างด้วยความชื่นใจ ปกติพ่อเป็นคนเงียบ ติดจะดุ พูดจาก็ตรงๆ ทื่อๆ เพื่อให้คนใต้บังคับบัญชาเกรงใจ ผิดกับเวลาอยู่กับคนใกล้ตัว โดยเฉพาะกับคุณภาวิณีนี่แทบจะกลายเป็นลูกแมวเซื่องๆ ส่วนกับผมนั้นเหมือนต้องแยกเป็นสองร่าง ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยก็แบบปกติ มีกวนๆใส่กันบ้าง แต่ถ้าอยู่ตามลำพังจะหวานใส่ไม่บันยะบันยัง คงเพราะอยากแก้ตัวให้กับเรื่องในอดีต


“อย่าไปพูดให้คุณภาได้ยินนะครับ เดี๋ยวจะจบไม่สวย” ผมบอกยิ้มๆ เพราะเป็นที่รู้กันว่าเธอยังขัดหูขัดตาผมเสมอ จะให้เธอมาเห็นอะไรที่แบบว่า...


“พ่อรักกานต์นะ”


พ่อหอมแก้มผมฟอดใหญ่แล้วเอียงหน้าให้ผมหอมคืน


“กานต์ก็รักพ่อครับ”


ภาพนี้คงเป็นชนวนให้ทะเลาะกันบ้านแตก พ่อเลยชอบแอบทำเฉพาะเวลาอยู่ตามลำพัง เอ๊ะ! หรือไม่ใช่... เสียงกระแอมหนักๆลอยมาก่อน ตามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจากเจ้าของบ้านที่ปรากฏตัวในชุดอยู่บ้านสบายๆ แต่สีหน้านั้นคนละเรื่อง


“ขอกานต์คืนด้วยครับ”


คุณภากรยืนนิ่ง หน้านิ่ง แต่แบบนี้แหละที่ปลุกต่อมกวนอารมณ์ของพ่อดีนัก


“อย่ามาๆ คนนี้ลูกฉันโว้ย! จะมาขอกันง่ายๆได้ไง”


“อย่ามั่วน่ะอา คนนี้แฟนผม! คนของผมครับ”


พ่อยิ่งรัดแขนแน่นอย่างกับจะบี้ผมลงกับอก ส่วนคุณภากรเห็นผมไม่โวยวายก็ยิ่งน่าหงิก ส่งสายตาสั่งให้รีบลุกไปหา ผมขยับตัวแต่พ่อดันรู้ทัน


“ไม่ต้องไป เลือกมาเราจะอยู่กับใคร”


ผมยังไม่ทันส่งเสียงก็มีคนโวยวายแทน


“อ้าว! ไหงทำยังงี้ล่ะอา สร้างความร้าวฉานในครอบครัวนะเนี่ย แต่ยังไงกานต์ก็เลือกผมแน่นอนอยู่แล้ว”


“กานต์อยากอยู่กับพ่อมากกว่าใช่มั้ยลูก”


ผมหันซ้ายหันขวา รู้สึกเหมือนกำลังดูเด็กสองคนแย่งของเล่น คงสนุกที่ได้ทำให้ผมตกที่นั่งลำบาก คนหนึ่งพ่อ อีกคนก็แฟน คอยดูเถอะ ผมเลือกทิ้งทั้งคู่ขึ้นมาจะหัวเราะไม่ออก


“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะหนุ่มๆ เสียงดังไปถึงหน้าบ้านโน่นแน่ะ”


ผมไม่ต้องออกฤทธิ์ให้เหนื่อย สวรรค์ก็ส่งคุณภัทราพรมาโปรด ตามด้วยคุณภาวิณี เจ้าของสายตาพิฆาตที่ทำเอาพ่อกระเด้งตัวออกห่างผมแทบไม่ทัน พ่อรีบเดินไปโอบประคองร่างที่เริ่มเห็นรอยนูนกลางลำตัวชัดมานั่งลงด้วยกัน ผมเลยถูกคุณภากรดึงตัวไปขังในวงแขน แต่ไม่ต้องห่วงว่าคุณภัทจะยืนคว้างเพราะได้พี่กัญญาช่วยพานั่งลงที่โซฟา ส่วนตัวแถมอย่างคุณวรเมธถอยไปยืนคอยที่ด้านหลัง ไม่รู้ว่าไปยังไงมายังไงถึงได้กลับมาเป็นกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ ผมส่งสายตาสงสัยก็ได้คำตอบว่า


“พี่มาหาเมื่อตอนสายแต่กานต์ยังไม่ลงจากห้อง คุณภัทกับคุณภาเลยชวนออกไปข้างนอกด้วยกันน่ะ”


“กานต์ไม่ได้ตื่นสายนะพี่กัญ ตื่นตั้งเช้าแล้ว แต่ว่า...” ผมแกล้งเหลือบมองคนที่นั่งซ้อนหลังเพราะไม่อยากลงรายละเอียดมากนัก


“ฉันไม่ให้ลงมาเองแหละ วันหยุดทั้งทีก็ขอขี้เกียจบ้าง ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้ วันธรรมดาทำงานเลขา พอวันหยุดยังรับจ๊อบคนขับรถอีก เอ๊ะ หรือว่าเงินเดือนที่โรงแรมเรามันจะน้อยไปหรือเปล่าครับแม่”


“แหม พี่กรก็ไม่รู้อะไร งานนี้เขาเรียกทำด้วยใจ แบบว่าใจมันสั่งมาน่ะ จริงมั้ยจ๊ะกัญ”


คนบ้านนี้บทจะทำงานเป็นทีมก็ได้ผลเหลือเชื่อ แก้มพี่สาวผมขึ้นสีราวกับวิ่งมาสักร้อยเมตร ส่วนคุณเลขาใหญ่ทำเป็นขยับแว่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังเขิน แล้วพอพี่สาวผมเอาแต่ก้มหน้า อุบอิบไม่รู้ไม่ชี้ คุณเมธก็โดนเล่นงานซ้ำ


“เมธว่าไง จ๊อบพิเศษนี่ใช้ใจหรือสมองทำงานล่ะ”


“ใจล้วนๆครับคุณชัช”


“เฮ้ย! โดน! มันต้องให้ได้ยังงี้สิวะ!”


คำตอบเรียกเสียงฮือฮา ส่วนผมนี่อยากจะลุกขึ้นมอบโล่ห์ว่าที่พี่เขยดีเด่น เจ้าของคำถามนั่นถึงกับตบเข่าฉาดแสดงอาการชอบใจ
พอเสียงแซวสงบลง คุณภากรก็เปลี่ยนมาคุยเป็นเรื่องเป็นราวกับคุณภัทราพร


“นึกว่าน้ารื่นจะมาด้วย เห็นเมื่อคืนแม่บอกผมว่าจะเข้าไปที่บ้านสวนไม่ใช่เหรอครับ”


“แวะเข้าไปแล้วจ๊ะ แต่รายนั้นขออยู่รอคนที่นัดมารับทุเรียน พอนั่งคุยกันได้พักเดียวก็ต้องรีบออกมาเพราะยัยภาบ่นว่าเวียนหัว จู่ๆก็เกิดแพ้กลิ่นทุเรียนซะได้ทั้งที่เมื่อก่อนชอบกินยังกับอะไร แต่นี่รื่นคัดลูกสวยๆไว้ให้ เย็นๆจะให้รถที่สวนเอามาส่ง ยายเป้าก็บอกว่าจะฝากขนมมาให้กานต์ด้วย แต่ทุเรียนน่ะ ถ้าจะกินพวกเราก็ระวังๆกันหน่อยแล้วกัน” คุณภัทราพรบอกยิ้มๆ


“ก็ตอนที่ตามเข้าไปแล้วรู้ว่าทุเรียนกำลังออกมันนึกอยากกินจริงๆนะคะแม่ แต่พอนั่งไปสักพักก็ได้กลิ่นแปลกๆ มันเหม็นๆสาบๆอย่างกับมีตัวอะไรแห้งตายอยู่แถวนั้น พอเด็กเพลินยกจานทุเรียนออกมาเท่านั้นแหละสุดๆเลย ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก ไม่เคยเหม็นอะไรยังงี้มาก่อน นี่แค่นึกถึงยังขนลุกไม่หายเลยค่ะ” คุณภาวิณีบอกเสียงแห้ง ท่าทางเขย็ดขยาด คงเพราะไม่เคยมีอาการแพ้อย่างคนท้องทั่วไปมาก่อน


“คนท้องก็อย่างนี้แหละ อะไรที่เคยชอบก็เกิดเหม็น อะไรที่เคยไม่กินกลับกินได้กินดี ตอนที่ท้องกรกับภาอย่าคิดว่าแม่สบายเชียว นอนซมติดเตียงเป็นเดือนๆกว่าจะมีแรงลุกขึ้นมาทำอะไรได้” คุณภัทย้อนความหลังด้วยสีหน้าอิ่มสุข เพราะถึงจะลำบากก็คงเทียบกับความรู้สึกของคนที่กำลังจะเป็นแม่ไม่ได้ นึกถึงแม่กานดาของผมก็คงไม่ต่างกัน แม่เล่าว่าตอนท้องพี่กัญญาสบายมาก ไม่แพ้อะไร กินอิ่มนอนหลับดีทุกอย่าง แต่พอคราวผมแทบไม่มีเรี่ยวแรง ของดีๆอย่างเนื้อสัตว์ ไข่ หรือนมแค่ได้กลิ่นก็เวียนหัว ส่วนของชอบกลายเป็นมะเขือเทศสดที่กินได้ทีเป็นกิโลๆกับน้ำเต้าหู้ที่ต้องต้มไว้ดื่มต่างน้ำ ซึ่งคงเป็นเหตุผลที่ผมเกิดมาตัวขาวจั๊วะ หน้าใส แก้มแดงจนใครๆก็นึกว่าเป็นเด็กผู้หญิง


“นั่นสิ ผมจำได้ พอท้องทีข่าวคุณภัทหายไปจากวงสังคมเป็นปีๆเลยนี่”


“แหม ใครจะยอมให้คนอื่นมาเห็นเราในสภาพโทรมๆได้ล่ะ ต้องรอให้กลับมาสวยเหมือนเดิมก่อนสิ”


“ถ้าอย่างนั้นหนูภาก็โชคดีมากนะ ไม่ค่อยแพ้อะไร แถมยังเป็นคนท้องที่สวยมากๆเลยเนอะ” งานอวยเมียนี่เป็นเรื่องถนัดของพ่อผมครับ


“โบราณว่าถ้าแม่สวยวันสวยคืน ท้องนั้นน่าจะเป็นผู้หญิงหรือเปล่าครับคุณป้า” คุณวรเมธช่วยรับมุก คงหวังทำคะแนนกับว่าที่พ่อแฟน อ๋อ ไม่ต้องแปลกใจไปครับ พ่อบอกว่าพี่กัญญาก็เหมือนเป็นลูกสาวพ่ออีกคน แถมตั้งท่าจะเป็นคุณพ่อที่หวงลูกสาวเสียด้วยสิ


คุณภัทราพรไม่ตอบ เอาแต่ยิ้มอมพะนำจนทุกคนพากันสงสัยและถือโอกาสสรุปกันเอาเองว่าคำโบราณข้อนี้เชื่อถือได้


“หมายความว่า...” พ่อลุ้นอยู่นานก็หันขวับไปจ้องหน้าเมีย แทบจะเขย่าให้เธอยอมรับ “จริงเหรอภา ลูกสาวเหรอ?! แน่ใจนะ?!”


“เมื่อวานที่หมอนัดไปอัลตราซาวด์เห็นชัดแจ๋วเลย ผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์” คุณภาบอกยิ้มๆ แต่บังเอิญได้สบตากับผมแวบหนึ่งแล้วไม่รู้เกิดคิดอะไรขึ้นมา “อาชัชผิดหวังหรือเปล่า...ที่ไม่ใช่ลูกชาย”


“ไม่เลย อาจะผิดหวังทำไมล่ะ จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็เป็นลูกของเราไม่ใช่เหรอ”


คำตอบโดนใจเรียกรอยยิ้มหวานจากภรรยาคนสวย และเสียงชื่นชมจากทุกคนไม่เว้นคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่บังเอิญโผล่มาได้จังหวะราวกับนัดไว้


“โอยยยยย หวานนนนน เลี่ยนนนนน”


“อะไรๆไอ้ลูกชิ้น เดี๋ยวโดนจับปิ้งหรอกเอ็ง” 


“นั่นสิ เสนอหน้ามาทำไมเนี่ย นี่มันเวลาของครอบครัวโว้ย”


“อย่างน้อยก็ไม่ได้มาหาแกล่ะคนนึง พี่หมอมาหาน้องกานต์ตะหาก คิดถึ๊ง คิดถึงงงง...”


ถึงจะโดนข่มขู่หรือขับไล่ คุณหมอชวินก็ไม่สะทกสะท้าน ดวงตาขี้เล่นล็อกเป้าและเดินตรงมาหาผม อีกก้าวเดียวจะถึงตัวก็โดนคุณภากรยกขายันกลางลำตัว แล้วยังโดนพ่อคว้าหลังคอเสื้อ กระชากขึ้นจนตัวเกือบลอย ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ขอความช่วยเหลือ


“อ๊องอานอ้วยอี้อ๋ออ้วย”


พอลงมายืนได้ คุณหมอหน้าเป็นก็แจกค้อนใส่ทั้งเพื่อนทั้งอา พอหันมามองผมที่โดนคุณภากรกอดหมับก็ทำหน้าโศก หันไปทางคุณภาวิณีที่อยู่ในอ้อมแขนพ่อเหมือนกันก็ทำเมินใส่ เหลียวไปมองพี่กัญญาก็มีเสียงกระแอมจากคนใส่แว่น เหลือเพียงที่พึ่งสุดท้าย...


“ฮืออออ คุณป้าครับ ช่วยชินด้วย ชินถูกรังแก ใครๆก็ไม่รักชินเลยอ่ะครับคุณป้า”


“โถพ่อคุณ งั้นชินไปกินของว่างกับป้าดีกว่า แล้วเดี๋ยวอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันต่อเลยดีมั้ยลูก” คุณภัทราพรปลอบไปก็ขำไป


“ดีที่สุดเลยครับ ชินรักคุณป้าม๊ากมาก”


ทุกคนเลยได้ฤกษ์เคลื่อนย้ายไปทานของว่างที่ถูกจัดเตรียมไว้ เหลือแต่ผมที่ขอตัวเพราะยังไม่หิวกับคุณภากรที่คงไม่อยากไปทะเลาะกับเพื่อนต่อ สายตาของเขายังมองตามจนผมอดทักไม่ได้


“ยิ้มอะไรครับ”


“ครอบครัวนี่เยี่ยมไปเลยนะ ทั้งๆที่ดูวุ่นวายขนาดนี้แต่ก็มีความสุขดีเหมือนกัน”


ผมได้แต่ยิ้มตามเพราะเห็นด้วยกับเขาทุกประการ


“เพราะกานต์ด้วยรู้มั้ย” ผมทำหน้างงเลยถูกหอมหน้าผากแรงๆหนึ่งฟอด “ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าบ้านจะมีบรรยากาศอย่างนี้ได้หรือเปล่า แต่พอมีกานต์เข้ามา อะไรๆก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก และจะไม่ขออะไรอีกแล้วนอกจากให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป”


“คุณกรก็เป็นความสุขในชีวิตของผมเหมือนกันครับ”


ความสุขเอ่อล้นในหัวใจจนส่งผ่านออกมาเป็นรอยยิ้ม เรายิ้มให้กัน ยิ้มจนเมื่อยแก้มก็ยังเลิกไม่ได้เพราะความสุขมันมากมายจนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำอย่างอื่น อ้อ! ยกเว้นการที่คนบางคนทำเนียนจูบผมนี่ไม่นับนะ


“ไหนดูสิ หลานสาวคนนี้จะชื่อว่าอะไรดีน๊า โอ้โห เยอะจัง นี่คือคัดแล้วเหรอ” คนหน้ามึนหันไปหยิบสมุดมาเปิดดูแก้เก้อ ผมเลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตามไปด้วย งานนี้ใครเขินคนนั้นแพ้ครับ


“ก็ยังไม่รู้ว่าน้องจะเกิดวันไหนเลยต้องเลือกเผื่อไว้สำหรับทุกวัน แยกอีกว่าเป็นชื่อผู้ชายกับผู้หญิง ตอนนี้รู้แล้วว่าผู้หญิงก็ตัดออกไปได้ครึ่งหนึ่ง เหลือแค่ให้คุณภาตัดสินใจอีกทีน่ะครับ”


“ใช่เลย ให้ยัยภาเป็นคนเลือกนี่ล่ะปลอดภัยที่สุดแล้ว”


เขาเอ่ยสรุปในสิ่งที่คนทั้งบ้านเห็นด้วย แล้วหยิบคู่มือตั้งชื่อเล่มหนึ่งขึ้นมาเปิดไปเปิดมา


“ภากร แปลว่า พระอาทิตย์ครับ”


ผมบอก แต่คิดว่าเขาคงรู้ความหมายของชื่อตัวเองอยู่แล้ว


“สมตัวมั้ยล่ะ มีอำนาจ ยิ่งใหญ่ ร้อนแรง” ทำเป็นยักคิ้วถาม คิดว่าเท่ห์ตายล่ะ “แน่ะ! ทำหน้าไม่เชื่อ แล้วใครกันน๊าที่ครางลั่นห้องอยู่ทุกคืนน่ะหืม”


“คุณกร!!” คนบ้า คำหลังนี่ผมต่อในใจ ไม่กล้าพูดใส่หน้า แต่ก็น่าด่ามั้ยล่ะ คนอะไรกินในที่ลับแล้วเอามาไขในที่แจ้ง แล้วมันก็ไม่ใช่อย่างที่เขาอวดอ้าง ใครจะบ้ายอมกุ๊กกิ๊กด้วยทุกคืน ผมไม่ได้อึดเป็นคนเหล็กอย่างเขาสักหน่อย


เขาไม่ได้สลดเลยสักนิด แต่คงขำจนเหนื่อยเลยยอมเลิกเอง แล้วค่อยเฉลยว่ากำลังหา...


“ฉันอยากแน่ใจอันนี้ต่างหาก” สิ่งที่เขาชี้ให้ดูทำเอาผมพูดไม่ออก


กานต์ แปลว่า ที่รัก


“คนนี้คือกานต์ของคุณกรจริงๆด้วย”


อ้อมแขนใหญ่รวบกอดแล้วโยกตัวผมเบาๆ เขาจรดริมฝีปากลงบนเรือนผม หน้าผาก ดวงตา แก้ม ปลายจมูก และริมฝีปาก ไม่ใช่จูบแผ่วๆแต่เนิ่นนานเพื่อสื่อสารความรู้สึกจากหัวใจ อีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าชีวิตตัวเองช่างน่ามหัศจรรย์ จากคนธรรมดาสู่จุดตกต่ำ สูญเสียครอบครัวที่เคยอบอุ่น ถูกขายใช้หนี้ ไม่เหลือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จนได้พบกับผู้เป็นเสมือนดวงอาทิตย์ที่คอยให้แสงสว่างนำทาง ให้ความอบอุ่นใจ และทำให้ผมได้รับทุกอย่างที่เคยสูญเสียไปกลับคืน ส่วนที่เพิ่มเติมมาอย่างไม่คาดคิดคือความรักแสนพิเศษในแบบที่ไม่มีวันได้รับจากใคร


ผมก็ดีใจที่ได้เป็น กานต์ ของ คุณภากร ตลอดไปครับ






.....จบจริงๆแล้วจ้า.....





ปิดฉากกันแบบน่ารักกุ๊กกิ๊ก หวานๆกันนิดนึงเนอะ



ขอบคุณสำหรับการติดตามและเป็นกำลังใจมาโดยตลอด



ขอให้คนอ่านทุกคนได้พบ กานต์ ในชีวิตจริงและมีความสุขสมหวังตลอดไป



บ๊าย บาย จนกว่าจะพบกันใหม่เรื่องหน้า แต่... ได้ข่าวว่าหลังจากเขียนเรื่องนี้จบ หล่อนก็เอาแต่อ่านนิยาย ไม่ได้จิ้มอะไรเพิ่มเลยสักตัวไม่ใช่หรา


ปล. แล้วจะแวะเอาตอนพิเศษมาสปอยแว้บๆนะจร๊า



^ ^








ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มีความสุขมากๆ~~~~~~~

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ขอบคุณคนเขียนค้าาาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
กานต์ของคุณภากร :-[ ครอบครัวมีความสุข
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ สนุกๆค่ะ
รอเรื่องต่อไปนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ  สนุกมาก  มีครบทุกรสชาติความสนุก 
รอซื้อหนังสือจ้า

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
เป็นตอนจบที่หวานเวอร์

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ขอบคุณมากนะครับสำหรับนิยายดีๆสนุกๆ

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากๆเลยค่ะ ตอนจบนี่อมยิ้มทั้งตอนเชียว  o13 o13 o13

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
เรื่องราวคลี่คลาย และมีความสุขกันสักที  :mew1:

ออฟไลน์ Gear77

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นคนเดียวรึเปล่าที่ไม่ชอบคู่ภากับอาชัช

แค่อาชัชโดนยาเอากันภาท้อง แค่นี้จบ ได้คู่กัน

แล้วก็มีข้ออ้างมาว่าไม่ใช่อาแท้ๆ อีก เหอะ

จริงๆ แค่หงุดหงิดมาอ่านชายชายแล้วเจอชายหญิงบานเบอะ และไม่อยากให้อาชัชได้กับภา

ออฟไลน์ seii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
เขียนดีค่ะ เราเองก็หลงรักนายเอกด้วยคน
เเต่บอกตรงๆ เสียดายอาชัชที่ลงเอยกับนังภา
เป็นคู่ที่เคมีโคตรไม่เข้ากัน หรือเพราะเราอ่านข้ามก็ได้ ไม่ชอบนางเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ช่วงแรกสนุกดีจ้า น่ารักใสๆ  o13

ช่วงหลังรวมมิตรเกินไป มีหลายคู่มาก และมีตัวละครยิบย่อยเยอะมาก เช่น เพชร(พี่ชายข้างบ้าน) หมึก(ลูกชายป้ามาลัย) คนบ้านสวน ฯ เลยไม่พีคเท่าที่ควร

ไม่อินคู่อาชัชอ่ะ แหะๆ มันเหมือนผิดฝาผิดตัว เคมีไม่เข้ากัน (เราคิดว่าตัดตัวละครน้องสาวพระเอกทิ้งไปเลย จะดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่องหลัก)

ออฟไลน์ 4life

  • R.I.P KT 5-5-13
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 995
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ดีหมดยกเว้นชัชกับภา ได้กันเพราะผญวางยา เเล้วท้อง เอ่อออ....
นอกจากรำคาญนิสัยผญเเล้วเราคิดว่าคู่นี้มันไม่ต้องมีก็ได้
มันไม่เกี่ยวกับตัวหลักของเรื่องเลยด้วยซ้ำ
เเต่มันก็ไม่ใช่นิยายเราอ่ะนะ เเล้วเเต่คนเขียน
 :pig4:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
สนุกมากค่ะ เปรี้ยว หวาน มันส์ เค็ม ขม ครบทุกรสเลย
ยกนิ้วโป้ง  o13 ให้คนแต่งเลยค่ะ

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ว่าแล้ว กานต์ ต้องลูกคุณชัช แน่ๆ จบแบบน่ารัก ดูอบอุ่น  :L1: :L2:

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ตอนแรกอ่านนึกว่าเรื่องสั้น ไป ๆ มา ๆ ยาวเวอร์คร้าาา 5555 :hao6:

ออฟไลน์ i_Tipz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Mewalsax

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ ชอบมากเลยค่ะ อ่านเพลินจนไม่อยากวางมือเลย
ส่วนตัวแล้วชอบคุณอา(พ่อ)ชัชมาก เป็นตัวละครที่ไม่ได้ดีมาก แย่มาก หลายมิติ และด้วยความที่แกเป็นหนุ่มใหญ่แล้วนั้น 5555 เอาใจไปเต็มๆ เลยค่ะ

ปล. คุณกรไม่ต้องน้อยใจที่ไม่พูดถึงนะ เป็นถึงพระเอกทั้งที ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
มีตอนพิเศษไหมน้อ  รออ่านอยู่นะคะ

ออฟไลน์ somakimi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :3123: :3123: :3123: เรื่องน่ารักมากค่ะไม่มาม่าเกินไปจนไรเหตุผล ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านค่ะ :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด