ตอนที่ 8
ชนกานต์เก็บเรื่องที่ตั้งครรภ์เอาไว้กับตัวเอง ไม่ยอมปริปากบอกใคร แต่อาการแพ้ท้องมันก็รุมเร้าจนทำให้หลายคนเริ่มสังเกตเห็น ข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดจนไปถึงหูของปวีร์
"เออนี่ มึงได้ยินข่าวลือเรื่องหัวหน้ากานต์หรือยัง?" พัสกรเอ่ยขึ้นตอนแวะยืนคุยกับปวีร์ระหว่างกดกาแฟกระป๋อง
“กานต์ไหน?” ปวีร์ถามกันเอาไว้ก่อน จากบทเรียนคราวก่อนจึงคิดว่าหัวหน้ากานต์ที่พัสกรพูดถึงน่าจะหมายถึงธีรกานต์เสียมากกว่า
“ชนกานต์น่ะสิ” ปวีร์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ความสนใจมีเพิ่มมากขึ้นเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับชนกานต์
“ลือว่าไง?”
พัสกรหันซ้ายมองขวา พอไม่เห็นคนก็ขยับเข้ามาใกล้
“เขาว่าหัวหน้ากานต์กำลังท้องเว้ย!”
“อะไรนะ!!” ปวีร์อุทานอย่างตกใจ เสียงดังจนพัสกรต้องเข้ามาตะครุบปากแล้วเอานิ้วจุ๊ปากให้เบาเสียงลง
“อย่าเสียงดังสิวะ” ปวีร์ไม่สนใจที่พัสกรเอ็ดใส่ แต่นึกไปถึงอาการของชนกานต์ช่วงนี้ที่ดูอ่อนเพลียและอาเจียนบ่อยครั้ง พอถามก็บอกว่าเครียดเรื่องโปรเจคที่กำลังทำกันอยู่
แต่จะตัดเรื่องท้องออกไปก็คงไม่ได้ ปวีร์รู้ดีว่าตัวเองทำห่ามกับชนกานต์มากแค่ไหน สิ่งที่ทำไปมันเสี่ยงอยู่ว่าจะทำให้ชนกานต์ท้อง และดูจากรูปการตอนที่เขากับชนกานต์มีอะไรกัน ชนกานต์ก็ไม่ได้กินยาคุมด้วยแน่ๆถึงได้พะวงกับการป้องกันถึงขนาดนั้น
“คงไม่ท้องหรอกมั้ง..” ปวีร์ครางแผ่วเบากับตัวเอง แต่พัสกรคิดว่าพูดกับตัวเอง
“ถ้าเขาท้องขึ้นมาจริง มึงอ่ะจะซวย” ปวีร์เลิกคิ้ว ไม่เข้าใจความหมายที่พัสกรพูด
“ก็คนเขาลือกันว่าคนที่ทำหัวหน้ากานต์ท้องคือมึงน่ะสิ ช่วงเดือนก่อน มึงกับเขาติดตัวกันแจอยู่พักหนึ่งไม่ใช่หรือไงกัน แอบไปแอ้มเขามาหรือเปล่าฮึ?”
พัสกรพูดแล้วหรี่ตามองเพื่อนรักอย่างจับผิด ปวีร์ชะงักแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะมีลูกน้องมาตามพัสกรกลับไป ปวีร์มองตามไล่หลังเพื่อนไปก่อนจะหันเดินกลับไปที่ห้องทำงาน พอจะเข้าห้องทำงานก็หันมองไปทางห้องตรงข้าม เห็นชนกานต์กำลังยืนคุยงานกับลูกน้องอยู่ สายตาเผลอมองไปที่ท้องของชนกานต์อย่างไม่รู้ตัว ร่างกายของชนกานต์ยังดูไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดชนกานต์ตั้งท้องจริง มันก็เป็นเพียงแค่ระยะเดือนกว่าคงยังมองไม่เห็นความผิดปกติ
ปวีร์ยืนมองจนชนกานต์มองกลับออกมา สายตาของชนกานต์มองที่เขาอย่างคนไม่ถูกกันเช่นเคย ปวีร์กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นชนกานต์เดินหนีไปนั่งทำงาน เขามองอยู่อีกพักก่อนเดินกลับเข้าไปยังห้องทำงานของตนเอง หมายมั่นในใจว่าจะต้องหาทางเค้นถามชนกานต์ให้รู้เรื่องว่าชนกานต์กำลังมีเด็กหรือไม่
อดนึกตื่นเต้นไม่ได้ เพราะถ้าชนกานต์มีเด็กจริง เขาก็จะได้เป็นพ่อคน!
ปวีร์หาช่องจะคุยกับชนกานต์ทั้งวัน แต่ก็ไม่สบโอกาสที่จะได้คุยกันตามลำพัง จนกระทั่งชนกานต์จะกลับบ้าน ปวีร์ก็รีบตามไปจนทัน
"ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ" ปวีร์พูดตอนที่เข้าไปประชิดและจับต้นแขนของชนกานต์ไว้ ชนกานต์เหวี่ยงแขนสะบัด แต่ปวีร์จับไว้แน่นและลากไปจนถึงมุมลับตาคน
"ฉันไม่อยากคุยกับนาย" ชนกานต์พูดด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย พยายามแกะมือปวีร์ออก ปวีร์บีบต้นแขนเล็กแน่น มองหน้าชนกานต์ที่ไม่ยอมมองหน้าตน
"คุณท้องหรือเปล่า?"
ชนกานต์ชะงักกึก ท่าทางมีพิรุธ
"คุณท้องใช่ไหม? ทำไมไม่บอกผม!" ชนกานต์ตวัดสายตาขึ้นมองคนที่กระชากเสียงใส่
"ฉันไม่ได้ท้อง!" ชนกานต์โกหกคำโต แล้วกลบเกลื่อนด้วยการชักสีหน้าใส่ปวีร์
"แน่นะ?"
"แน่!"
"ผมไม่เชื่อ"
ชนกานต์หงุดหงิดใจ ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงจึงยกมือผลักอกปวีร์แรงๆแทนการระบายอารมณ์
"นายจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจนาย แต่ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!"
"ถ้าคุณท้อง เด็กคนนั้นคือลูกของผม ผมมีสิทธิ์ที่จะรู้!" ปวีร์ขึ้นเสียงใส่ เริ่มโมโหเพราะรู้สึกได้ว่าชนกานต์กำลังโกหก
"นายคิดหรอว่าฉันจะยอมให้ตัวเองอุ้มท้องที่เกิดจากน้ำเชื้อจากคนอย่างนายน่ะ!" คำสวนของชนกานต์ทำเอาปวีร์หน้าม้าน ปวีร์เอื้อมมือจะไปกระชากชนกานต์ที่เดินหนีไปมาคุยต่อ แต่มีพนักงานเปิดประตูออกมา ปวีร์จึงต้องหยุดยืนอยู่ที่เดิม มีเพียงแต่สายตาทอดมองชนกานต์ขึ้นรถและขับออกไปเท่านั้น
ด้วยความติดใจสงสัยทำให้ปวีร์ตัดสินใจไปหาชนกานต์ที่คอนโด กดกริ่งอยู่หลายครั้งชนกานต์ก็ไม่ยอมเปิด หลังจากยืนรออยู่ครู่ใหญ่ ปวีร์ก็ตัดสินใจกลับไป
ชนกานต์ที่อยู่ในห้องนึกหงุดหงิด คิดหาทางออกให้ตัวเอง ถึงจะทำปากเก่งแต่ก็ไม่คิดที่จะเอาเด็กออกจริง แต่จะให้อุ้มท้องต่อหน้าปวีร์ความก็คงแตก
เห็นที..เสร็จจากโปรเจคที่ทำ คงต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว ถึงจะชอบใจงานที่ทำกับบริษัทนี้ก็เถอะ
ชนกานต์ถอนหายใจ หยิบสมุดเงินฝากมาดูเงินออมที่เก็บไว้ หากรวมกับปันผลจากหุ้นที่ลงทุนไป คงมีเงินพอขยับขยายหาที่อยู่ใหม่และดูแลตัวเองไปจนถึงช่วงคลอดลูกได้
แต่คนบ้างานอย่างเขาจะให้อยู่เฉยๆจนกว่าจะคลอดคงทำไม่ได้แน่ๆ
"เฮ้อ..." ชนกานต์ถอนหายใจอย่างหนักอกก่อนยกมือขึ้นมานวดขมับตนเอง พลางนึกว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหนดี ที่ปวีร์จะตามไปรังควานไม่ได้อีก
วันรุ่งขึ้นชนกานต์ไปทำงานด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากเจอหน้าปวีร์ แต่ก็หนีไม่พ้นเพราะต้องทำงานร่วมกัน ชนกานต์จึงเลือกที่จะแสดงท่าทีนิ่งเฉยให้ดูเหมือนปกติ แม้จะเหนื่อยใจเพราะปวีร์คอยมองมาแทบจะตลอดเวลา แถมอาการแพ้ท้องก็ดูจะไม่บรรเทาลงเท่าไหร่นัก เจอกลิ่นกาแฟที่ลูกน้องชงมาให้ก็ทำเอาชนกานต์ต้องลุกจากโต๊ะไปด้วยหน้าซีดๆ โผเผเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วอาเจียนเอาอาหารเช้าที่ฝืนทานไปจนหมดกระเพาะ
ชนกานต์ถอนหายใจแล้วกดชักโครก ยืนสูดลมหายใจลึกๆอยู่สองสามทีเรียกกำลังใจให้กับตัวเองว่าต้องผ่านช่วงที่ทรมานและเหนื่อยล้าแบบนี้ไปให้ได้ พอเปิดประตูออกไปก็ต้องผงะเพราะปวีร์ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ
ปวีร์ที่ยืนคอยอยู่รีบผลักชนกานต์แล้วแทรกตัวเองเข้ามา ปิดประตูห้องน้ำล็อกเสร็จสรรพ
“นายจะทำอะไร!?” ชนกานต์จ้องหน้าปวีร์อย่างไม่ไว้ใจ วงหน้าคมดูจริงจังและซีเรียสกว่าทุกครั้ง ปวีร์ล้วงมือเข้าไปในกระเป็นเสื้อสูทด้านใน หยิบเอากล่องยาวประมาณคืบออกมา ชนกานต์กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก รู้ดีว่ามันคืออะไร
“เรามาตรวจกันให้แน่เลยดีกว่า ว่าคุณท้องหรือไม่ท้อง”
“ฉันไม่ตรวจ!” ชนกานต์สวนทันควัน ปวีร์หรี่ตามองอย่างจับผิด
“มีเหตุผลอะไรคุณถึงไม่อยากตรวจครับ ถ้าคุณไม่ท้องจริงก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวนี่ครับ” ปวีร์ว่าแล้วจ้องอย่างกดดันชนกานต์ ทำเอาคนจ้องหงุดหงิดมากขึ้น
“ก็ฉันไม่อยากตรวจ!”
“แสดงว่าคุณท้องใช่ไหม? ถึงได้ไม่อยากตรวจแบบนี้” ปวีร์เริ่มรุกให้ชนกานต์จนมุม ชนกานต์เม้มปากคิดหาทางออก
“ตรวจก็ได้! ก็ดี..ถ้าเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ ฉันจะได้ไปเอาออก!”
ชนกานต์กระแทกเสียงใส่ หวังประชดให้ปวีร์เปลี่ยนใจไม่ตรวจขึ้นมา แต่ผิดคาดเพราะปวีร์ใจเย็นกว่าที่คิด
“งั้นเราก็มาตรวจกันเลยครับ”
ชนกานต์ถึงขั้นเหวอกับความใจเย็นของปวีร์จนรีบส่ายหน้าไปมา
“ไม่! ฉันจะตรวจคนเดียว” ชนกานต์บอกแล้วจะแย่งเอากล่องในมือของปวีร์ แต่ปวีร์ไม่ยอมให้
“ไม่ครับ ขืนให้คุณตรวจเอง คุณก็เอาฉี่ผสมน้ำหมดน่ะสิ” ชนกานต์ทำหน้างอ ขัดใจที่ปวีร์รู้ทัน
“นายยืนดูแบบนี้ใครจะฉี่ออกกันเล่า!”
แต่ปวีร์ก็ยังคงยืนอยู่ไม่ขยับไปไหน หน้าตาจริงจังว่าจะยืนคอยดูชนกานต์ไม่ให้คลาดสายตา
“ผมจะทดสอบเอง คุณหันไปฉี่สิครับ”
“ชิ!” ชนกานต์ทำเสียงขึ้นจมูกแล้วหันหลังไปทางโถชักโครก ระหว่างปลดเข็มขัดก็ได้ยินเสียงปวีร์แกะกล่องหยิบเอาที่ตรวจออกมา
“ฉี่สิครับ” ปวีร์ขยับมาซ้อนหลังแล้วเอาแท่งที่ตรวจมาจ่อ ชนกานต์กระแทกลมหายใจก่อนล้วงเอาท่อนเนื้อออกมาจากกางเกงชั้นใน หากเป็นยามปกติคงนึกกระเดียดอายที่ต้องมายืนฉี่ให้ปวีร์มอง แต่ตอนนี้ชนกานต์ว้าวุ่นใจเสียมากกว่าถ้าปวีร์เห็นผลว่ามันเป็นบวกแล้ว...อะไรจะเกิดขึ้นกัน
พอชนกานต์ฉี่เสร็จ ปวีร์ก็เอาแท่งวางลงบนฝาโถชักโครก จ้องมองมันให้ปรากฏผล ชนกานต์จัดการใส่กางเกงเสร็จก็เอาศอกดันอกปวีร์ที่เข้ามาชิดจนเกินไป
“ถอย! ฉันจะออกไปข้างนอก”
“จะไม่อยู่รอดูด้วยกันหรอครับ?” ชนกานต์ขยับปากจะตอบกลับแต่ก็มีเสียงคนเปิดประตูเข้ามาจะใช้ห้องน้ำจึงเงียบ เพราะถ้าออกไปตอนนี้คนก็จะเห็นว่าเขาเข้าห้องน้ำอยู่กับปวีร์ จึงจำต้องยืนอยู่ในห้องน้ำกับปวีร์ที่เอาแต่มองแท่งตรวจไม่วางตา
ชนกานต์ได้แต่ภาวนาให้ผลตรวจของเจ้าแท่งตรวจอันนี้มันผิดพลาด ให้มันขึ้นมาว่าเขาไม่ตั้งท้อง
แต่ดูเหมือนว่าคำภาวนาของเขาจะไม่เป็นผล
ดวงตาคู่คมเบิกกว้างเมื่อมองไปที่ผลตรวจ ชนกานต์เหลือบตาลงมองก่อนจะหลับตาลง
ขีดสองขีดปรากฏอยู่บนแท่งตรวจ
“คุณท้อง..” ปวีร์รวบกายชนกานต์มากอดไว้แล้วครางแผ่วเบาที่ข้างหู
“ผลมันอาจจะผิดก็ได้!” ชนกานต์ตวาดอย่างลืมตัวก่อนยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีคนอยู่ในห้องน้ำข้างๆ
“หะ..หัวหน้ากานต์? มีอะไรหรอครับ?” เสียงลูกน้องดังมาจากห้องน้ำข้างๆ ชนกานต์สบถกับตัวเอง
“เปล่า! ไม่มีอะไร” ชนกานต์ตอบกลับไปแล้วเอาศอกกระแทกอกให้ปวีร์ที่ยิ้มขำเขาที่ลืมตัวให้ออกห่าง แต่ปวีร์กลับกอดไว้แน่นเหมือนปลาหมึก
ชนกานต์ข่มใจรอจนกระทั่งคนที่มาเข้าห้องน้ำออกไปจึงกระแทกอกปวีร์แรงๆไปอีกที
"ปล่อย!" ปวีร์ยอมปล่อยแต่ยืนพิงประตูกั้นทางออกเอาไว้ ชนกานต์สูดหายใจลึกข่มอารมณ์โมโห
"ผลมันอาจจะผิดพลาดก็ได้!"
"ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลกัน" ชนกานต์เม้มปาก รู้ดีว่าถ้าไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วผลจะออกมาว่ายังไง เพราะตนไปมาแล้ว
"ก็ดี ตรวจมันให้ชัวร์ๆ ฉันจะได้ไปหาที่เอาออก"
พูดเหมือนไม่แยแส แต่ใจสั่น
"ผมไม่ยอมให้คุณฆ่าลูกของเราหรอกนะ!"
ปวีร์สวนทันที ชนกานต์ชะงัก คิดว่าปวีร์อาจจะอยากปัดความรับผิดชอบ แต่มองสบตาแล้วก็เห็นว่าปวีร์จริงจังแค่ไหน
"ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม แต่ผมเป็นคนทำให้เขาเกิดมา ผมจะรับผิดชอบแกเอง"
"เฮอะ! นายจะรับผิดชอบยังไง?" ชนกานต์ยกมือขึ้นมากอดอกถามเสียงเยาะ ปวีร์ขยับก้าวมาประชิด
"แต่งงานกัน"
"ฝัน! ฉันไม่มีทางแต่งงานกับคนอย่างนายแน่!"
ชนกานต์สวนกลับทันที สายตามองปวีร์อย่างชิงชัง
ทั้งสองจ้องตากันพักหนึ่ง ความกดดันลอยฟุ้งในบรรยากาศจนชนกานต์ปวดจี๊ดที่ท้องแต่ข่มใจยืนสู้ตากับปวีร์
"คุณทำใจฆ่าลูกของเราได้จริงหรอ?"
ปวีร์ถามออกมา เสียงและแววตาอ่อนลง ชนกานต์เม้มปากแล้วเบือนหน้าหนี ปวีร์ก้าวมาชิดจนหนีไม่ได้ ต้นแขนถูกจับเอาไว้
"ผมรู้ว่าแกเกิดมาเพราะผมขืนใจคุณ คุณมีสิทธิ์ที่จะเกลียดแก แต่แกมีสิทธิ์ที่จะเกิด ผมขอร้อง..อย่างน้อยช่วยอุ้มท้องแกจนกว่าจะคลอดได้ไหม?" ปวีร์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่มั่นคง
ชนกานต์อ่อนลงกว่าตอนแรกเมื่อเห็นปวีร์ละทิ้งความกวนประสาทแต่พูดกันอย่างผู้ใหญ่
"ขอแค่ถึงแกคลอดเท่านั้น..แล้วผมจะเอาแกมาเลี้ยงเอง"
ชนกานต์มองหน้าปวีร์ที่เอ่ยอ้อนวอนเพราะคิดว่าเขาจะไปทำแท้งก่อนถอนหายใจยาว
"ก็ได้..แต่ห้ามให้ใครรู้ ว่าฉันท้องกับนาย!" ชนกานต์ยื่นข้อเสนอที่ปวีร์จำใจต้องรับ
"ตามใจคุณก็แล้วกัน"
"งั้นก็ปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับไปทำงาน" ปวีร์ยิ้มก่อนขยับไปปลดล็อกประตูแล้วเปิดออก ทั้งชนกานต์ที่หงุดหงิดเดินกระแทกเท้าไปล้างมือ ปวีร์เดินตามมาล้างมือข้างๆ อมยิ้มมองคนหัวรั้นอย่างมีความสุข
-- จนกว่าจะถึงวันคลอด คุณจะต้องเปลี่ยนใจยอมมาสร้างครอบครัวกับผมแน่..หัวหน้ากานต์! --
แม้คนที่ตั้งท้องจะไม่ได้ดูยินดีนัก แต่ไม่ใช่กับคนเป็นพ่อ หน้าปวีร์บ่งบอกว่าอารมณ์ดีสุดๆระหว่างประชุมแผนงานเตรียมพรีเซ้นส์กัน ชนกานต์เห็นแล้วนึกหมั่นไส้ อยากเอาพ้อยเตอร์ในมือเหวี่ยงใส่หัวไอ้คนนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มนั่นเสียที
“เอาล่ะ! วันนี้พอแค่นี้ พรุ่งนี้พยายามเข้านะทุกคน”
ชนกานต์บอกแล้วกดปิดตัวพ้อยเตอร์ ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ลูกทีมและทรุดนั่งลง เหนื่อยจนอยากพักแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ ชนกานต์คว้าขวดน้ำมาเปิดฝาแล้วยกดื่มระหว่างที่ลูกทีมเก็บข้าวของแล้วทยอยลากลับกันไป เหลือปวีร์เป็นคนสุดท้าย
ชนกานต์นั่งเคาะปากกาลงกับโต๊ะ เพ่งสมาธิกับเอกสารในมือ ตรวจดูความถูกต้องเป็นรอบสุดท้าย ปวีร์ขยับเข้ามาปิดแฟ้ม
“คุณควรพักได้แล้ว”
ชนกานต์นิ่งแต่ดึงแฟ้มจากมือของปวีร์มาเปิดอ่านต่อ เพิกเฉยกับคำพูดของปวีร์ ปวีร์มองคนหัวดื้อขำๆก่อนเดินออกไปนอกห้องมีตติ้ง ชนกานต์เหลือบตามอง อยู่ๆความน้อยใจก็สะท้านขึ้นในอก พอรู้ตัวชนกานต์ก็รีบปัดความคิดนั้นออกไปทันที
-- ไปน้อยใจหมอนั่นทำไมกัน? –
ชนกานต์คิดอย่างหงุดหงิด พยายามโฟกัสความรู้สึกไปที่เรื่องงานแทน
ไม่นานปวีร์ที่หายออกไปก็กลับเข้ามาอีกรอบ ชนกานต์เหลือบตามองแล้วแกล้งทำไม่สนใจ ปวีร์เดินเข้ามาวางชามโจ๊กกับแก้วนมอุ่นให้
“ถ้าคุณจะทำงานก็หยุดมากินก่อน”
“ฉันไม่หิว” ชนกานต์ทำปากแข็งทั้งที่เริ่มหิวจนแสบท้อง ยิ่งมีกลิ่นหอมของโจ๊กมายั่วก็ทำให้อยากทิ้งงานไปนั่งกิน แต่เพราะคนที่เอามาคือปวีร์ จึงไม่อยากกินให้เสียฟอร์ม
“แต่ลูกผมหิว คุณจะทรมานเด็กหรอ?”
ชนกานต์เม้มปากฉับ มองคนหัวหมอที่เอาลูกมาเป็นตัวบังคับกลายๆก่อนกระแทกแฟ้มเลื่อนออกไป ปวีร์รีบยกชามโจ๊กมาวางให้ทันทีแล้วยิ้มอย่างพอใจ
ชนกานต์หยิบช้อนมาคนๆก่อนตักเข้าปาก แปลกใจที่ตัวเองไม่นึกเหม็นและอยากอาเจียนกับโจ๊กชามนี้ ทั้งที่ช่วงนี้ก็กินอะไรไม่ค่อยจะได้เป็นส่วนใหญ่
“กินเยอะๆนะครับ” ปวีร์บอกแล้วนั่งลงข้างๆมองชนกานต์กินอย่างมีความสุข
“แล้วนายไม่กินหรือไง?”
“ผมดื่มกาแฟไปแล้ว คุณเป็นห่วงผมหรอ?”
ปวีร์ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส ทำเอาคำถามนึกอยากตบปากตัวเองที่ถามออกไปแบบนั้น
“เห็นเอาแต่มองเลยนึกว่ายังไม่ได้กินก็เท่านั้น” ชนกานต์ว่าแล้วหันไปกินต่อ แต่ทานไปแค่ครึ่งชามก็ดันออกห่าง หยิบแก้วนมอุ่นมาจิบไปนิดหนึ่งพอเป็นพิธี
“เดี๋ยวสิคุณ! ยังไม่หมดเลย”
“ฉันอิ่มแล้ว” ชนกานต์บอกพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับปาก
“แต่ลูกผมยังไม่อิ่มนิ!” ปวีร์ท้วงแล้วดันชามกลับที่เก่า ชนกานต์ขึงตามองคนบังคับ
“อย่าจิกตามากครับ เดี๋ยวลูกผมออกมาตาเหล่”
ชนกานต์สาบานได้เลย ว่าปวีร์มันน่าหงุดหงิดมากกว่าอาการแพ้ท้องไปหลายขุม!!
-TBC-
ขอบคุณสำหรับคำติชมและคำแนะนำทั้งหมดนะคะ ยอมรับนะคะว่าแอบหนักใจอยู่เหมือนกัน กลัวทำให้คนอ่านผิดหวัง
ยังไงจะพยายามนะคะ
ป.ล.มีใครไปงานตลาดฟิคไหมเอ่ย? โกะอยู่บูธ B11 นะคะ ยังไงแวะไปทักทายกันได้นะคะ ^^v