❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018  (อ่าน 48841 ครั้ง)

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



สารบัญ

Chapter-0-บทนำ
Chapter-1-พ่อค้าขายข้าวแกง
Chapter-2-เผชิญหน้า
Chapter-3-ผู้บุกรุก
Chapter-4-คุณพ่อมือใหม่
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2018 15:14:58 โดย ไมเลอร์ »

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
พี่ชายที่ร้าย (Mpreg)

บทนำ



            ผมเชื่อว่าทุกคนคงอยากจะมีชีวิตที่สวยหรู เกิดมามีพร้อมทุกสิ่งอย่าง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ มีความรักที่สุดแสนจะงดงาม...

            แต่ทว่าความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้นมันเป็นโอกาสของคนแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์บนโลกใบนี้ เพราะส่วนใหญ่ก็ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อจะได้อยู่อย่างสุขสบาย

            เพียงแต่ว่าชีวิตผม...มันบัดซบกว่านั้นอีก

            ตั้งแต่จำความได้ผมก็เติบโตขึ้นมาในบ้านเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง จำได้ว่าชีวิตช่วงนั้นมีความสุขมากจนกระทั่งผมอายุได้เจ็ดขวบ มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับลูกชายที่มีอายุห่างจากผมสามปี พวกเขาทั้งสองคนอยากมีเด็กไว้รองมือรองตีนลูกชาย และผมคือผู้ถูกเลือก และนั่นก็ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปตลอดกาล

            สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘นายธาวิน ตั้งพาณิชย์สกุล’ เรียกผมสั้นๆ ว่า **‘วิน’**ตอนนี้อายุ 17 ปีแล้ว ผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร นั่นเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ชีวิตผมต้องโดนใครต่อใครรังแกมาตลอด โดยเฉพาะครอบครัวที่รับผมมาอุปการะเลี้ยงดู พวกเขาทำกับผมอย่างกับเป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น

            ช่วงชีวิตในวัยเด็กของผมมันไม่น่าจดจำเอาเสียเลย เพราะต้องอยู่เป็นทาสรับใช้ของคนในบ้านหลังนั้นมาตั้งแต่เด็ก ถูกตี ถูกด่าว่าสารพัด แถมยังใช้แรงงานผมอย่างกับทาส ทั้งที่มีคนรับใช้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้ทำไมทุกคนในบ้านถึงได้เกลียดผมนักหนา เว้นแต่พ่อคนเดียวที่ดีกับผมมาตลอด เพียงแต่ว่าท่านเป็นคนที่กลัวแม่มากจนไม่กล้ายื่นมือมาช่วยเหลือผมได้มากนัก ถ้าเกลียดกันขนาดนี้ไม่รู้ทำไมถึงพาผมมาอยู่ด้วยก็ไม่รู้ ปล่อยให้ผมอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าซะจะยังดีกว่า

            ตอนนี้ผมย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้นได้หนึ่งปีเต็มแล้ว ตั้งแต่คืนที่ผมโดนพี่ชายข่มขืน ใช่ครับผมโดนชายที่ผมรักข่มขืนอย่างโหดร้ายทารุณ ไม่ใช่เพราะเขารักผม แต่เพราะเขาเกลียดผมต่างหาก เกลียดจนต้องยัดเยียดข้อหาโจรขโมยทองคำหนักห้าบาทให้ผมอีกหนึ่งกระทง หากผมไม่หนีออกมาในคืนนั้นผมคงจะต้องถูกแม่บุญธรรมส่งเข้าไปในสถานพินิจอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจหนีออกมาและไม่มีวันคิดจะกลับไปที่นั่นอีก

            หลังจากออกมาผมก็ใช้ชีวิตอย่างคนเร่ร่อนอยู่พักหนึ่ง จนวันหนึ่งผมเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้เรี่ยวแรงจนเป็นลมอยู่ข้างถนนเนื่องจากไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน ยายจันทร์ที่มีอาชีพขายข้าวแกงเห็นเข้าจึงช่วยเหลือเอาไว้ เมื่อเห็นว่าผมไม่มีที่ไปก็ตัดสินใจพาผมไปอยู่ที่บ้านด้วย แกเองก็ไม่มีลูกหลานอยู่ตัวคนเดียว จึงรักผมและลูกชายของผมเหมือนลูกหลานแท้ๆ ใช่แล้วครับผมท้องกับพี่ธี และตอนนี้ ‘ธนนท์’ ก็อายุได้หนึ่งขวบแล้ว ผมกับยายจันทร์ช่วยกันเลี้ยงดูแกมาเป็นอย่างดี และจะไม่มีทางให้ลูกผมกลายเป็นเด็กที่อาภัพเหมือนอย่างผมแน่นอน


-----------------------------------------------
สวัสดีครับ แวะมาเปิดเรื่องใหม่(เปิดไว้หลายเรื่องมากก555) เรื่องนี้เคะท้องได้ ดราม่าหนักมากกก ฝากติดตามด้วยน้า จุ๊บๆ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :z13: ติดตามค่า~~
------------------------
แง้ เพิ่งเห็นที่ผู้แต่งบอกว่าดราม่าหนักมาก.. :o12:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2018 23:02:01 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อื้บๆ อ่านด้วยๆ  :katai5:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
นายเอกช่างมีโชคชะตาโหดร้าย ติดตาม

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่าติดตามค่ะ :mew2:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
Chapter-1-พ่อค้าขายข้าวแกง



            วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อช่วยยายจันทร์ทำกับข้าวเหมือนทุกวัน พอเสร็จแล้วก็นำอาหารที่แบ่งใส่ถุงไว้ไปใส่บาตรที่หน้าบ้าน เพื่อเพิ่มความสุขทางใจ แม้มันอาจจะเป็นความสุขเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้จิตใจของคนจนๆ อย่างพวกผมมีความสงบสุขได้ และใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างสบายใจ

            บ้านที่ผมอาศัยอยู่ในปัจจุบัน เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวหลังเล็กๆ อยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งย่านชานเมือง ด้านหลังจะเป็นคลองน้ำมีเรือแล่นผ่านทุกวัน ทำให้บรรยากาศค่อนข้างดีและน่าอยู่มาก

            ตอนนี้ธนนท์ลูกชายสุดที่รักของผมยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่บนที่นอน ส่วนผมกับยายจันทร์ก็กำลังเตรียมของขึ้นรถเพื่อเข็นไปขายตามย่านชุมชน ลูกค้ากลุ่มหลักก็จะเป็นชาวบ้านและผู้ใช้แรงงานในละแวกนี้ เอาเป็นว่าที่ไหนมีลูกค้า ผมกับยายจันทร์ก็จะเข็นรถไปขายให้ถึงที่เลยทีเดียว โดยไม่ลืมที่จะกระเตงลูกน้อยไปด้วยทุกครั้ง

            “เดี๋ยวผมไปดูตาหนูก่อนนะครับยาย สงสัยคงจะตื่นแล้ว”

            “จ้ะ เดี๋ยวยายนั่งรออยู่ตรงนี้” ยายจันทร์ผู้ใจดียิ้มให้ผม

            เมื่อเข้าไปในห้องนอน ไอ้ตัวเล็กก็ตื่นอย่างที่ผมว่าแล้วจริงๆ อาการงัวเงียของธนนท์ ทำเอาผมหุบยิ้มไม่ได้ ลูกชายผมน่ารักน่าชังมากเหลือเกิน ดวงตาสีดำกลมโตจ้องมองดูผม ในขณะที่ริมฝีปากน้อยๆ ก็ยิ้มออกมา ทำให้พวงแก้มอวบอิ่มนั้นน่าหยิกซะจริงๆ แต่ทว่าเมื่อเห็นลูกชายทีไรผมก็อดที่จะนึกถึงพ่อของลูกไม่ได้ เพราะใบหน้าถอดแบบมาราวกับคนคนเดียวกัน

            “แมะ” เจ้าตัวน้อยที่นั่งอยู่ส่งเสียงเรียกผม แม้จะยังไม่ชัดถ้อยชัดคำแต่ผมก็ดีใจ เพราะคำแรกที่ลูกพูดได้ก็คือคำว่าแม่ ตอนแรกที่ได้ยินผมถึงกับปล่อยโฮออกมา ชาตินี้จะไม่มีทางให้ลูกเรียกพี่ธีว่าพ่อเด็ดขาด ผมเกลียดคนพวกนั้นมากเหลือเกิน จะไม่มีทางให้ลูกกลับไปนับญาติด้วยเด็ดขาด และคิดว่าคนพวกนั้นคงจะไม่อยากนับญาติกับผมเหมือนกัน

            เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ลูกแล้ว ผมก็อุ้มเจ้าตัวเล็กออกมาหายายจันทร์หน้าบ้าน

            “มาแล้วครับ”

            เมื่อยายจันทร์เห็นก็รีบเดินเข้ามาอุ้มธนนท์ต่อจากผม “มาแล้วหลานรักของยาย” ธนนท์ติดผมพอๆ กับยายจันทร์ เพราะพวกเราต่างก็ช่วยกันเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เกิด

            “ไปกันเถอะครับยาย”

            ผมเอ่ยแล้วก็เข็นรถเดินไป ส่วนยายจันทร์ก็อุ้มธนนท์เดินตามหลังไปติดๆ แม้ใครจะมองว่าอาชีพที่ผมกับยายจันทร์ทำนั้นดูต่ำต้อย แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขมากกว่าอยู่ในบ้านหลังนั้นเสียอีก ทุกวันมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนรอบตัว มันเป็นอะไรที่วิเศษสุดในชีวิตผมแล้ว มีครอบครัวที่อบอุ่น อยู่ในสังคมที่ไม่ได้สูงแต่กลับมีแต่คนจริงใจ

            เข็นรถมายังที่ประจำแล้วผมก็จอดรถ หยิบเก้าอี้พลาสติกออกมาวางไว้เพื่อเป็นที่นั่ง อีกส่วนก็เตรียมไว้ให้ลูกค้าที่มานั่งกินที่ร้านอีกด้วย

            เช้าๆ อย่างนี้เป็นช่วงเวลาที่คนในชุมชนพลุกพล่านมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา และผู้คนหลากหลายอาชีพ

             ตอนนี้ผมนั่งขายข้าวแกงอยู่ตรงหน้าปากซอย ข้างกันนั้นก็เป็นที่ตั้งของคิวรถวินมอเตอร์ไซต์ และคนกลุ่มนี้ล่ะที่เป็นลูกค้าขาประจำของผมอีกด้วย

            “วันนี้มีอะไรบ้างจ้ะหนูวิน” ลุงจอมคนขับวินเจ้าประจำเดินตรงเข้ามาหา ตาก็มองไปยังหม้อที่วางเรียงรายกันอยู่บนรถเข็น

            “สวัสดีครับลุง วันนี้มีกับข้าวห้าอย่าง ไข่พะโล้ กะเพราทะเล แกงส้มชะอมไข่ ผัดพริกแกงหมู แล้วก็ปลาราดพริกครับ” ผมเปิดฝาหม้อให้ลุงจอมดูด้วย

            “กับข้าวน่ากินทั้งนั้นเลยนะเนี่ย ลุงเอาไข่พะโล้กับผัดพริกแกงหมูราดข้าว”

            “รอสักครู่นะครับลุง” เมื่อลุงสั่งแล้ว ผมก็รีบหยิบจานในตะกร้าออกมา คดข้าวใส่ให้ค่อนข้างเยอะ ก่อนจะตักกับข้าวราด ยื่นให้ลุงจอม “ได้แล้วครับ”

            ลุงทองรับไปแล้วเดินไปนั่งทานที่ซุ้มวินมอเตอร์ไซต์ ระหว่างรอลูกค้าคนอื่นผมก็หันไปหายายจันทร์กับไอ้ตัวเล็กที่ปูเสื่อนั่งให้กำลังใจผมอยู่ด้านหลัง

            “อย่างอแงนะครับน้องนนท์” ผมหันไปหยอกลูกชาย ที่กำลังนั่งอยู่บนตักยายจันทร์ ในมือก็ถือตุ๊กตาหมีตัวเล็กเอาไว้ด้วย ผมซื้อให้เมื่อตอนไปเที่ยวงานวัดเดือนที่แล้ว และนั่นก็เป็นของเล่นชิ้นโปรดของธนนท์มาตลอด

            “แมะ” ธนนท์เอ่ยออกมาแล้วยิ้มให้ รอยยิ้มของลูกทำให้ผมมีกำลังใจสู้ในทุกๆ วัน

            “เมื่อไหร่จะเรียกยายได้บ้างเนี่ย ยายอยากได้ยินจะแย่แล้ว” ยายจันทร์เอ่ยกับเจ้าตัวเล็ก

            “อีกไม่นานหรอกครับยาย ถ้าพูดได้ผมกลัวว่าแกจะพูดมากจนยายขี้เกียจพูดด้วยเลยล่ะ”

            “อย่างนั้นยายยิ่งชอบ มีความสุขดีออก” ยายจันทร์ยิ้มให้ผม

            ในระหว่างนั้นก็มีลูกค้ามาซื้อข้าวแกง ผมจึงหันไปสนใจหน้าร้านต่อ

            “อ้าว! นึกว่าใคร พี่เพชรรับอะไรดีครับ” ผมเอ่ยทักทายลูกค้าขาประจำ เขายืนสวมชุดนักศึกษาส่งยิ้มให้ผมอยู่ตรงหน้า พี่เพชรเป็นลูกชายของเจ๊เก๋ เจ้าของร้านขายส่งอาหารทะเลที่ใหญ่สุดในย่านนี้ ที่บ้านค่อนข้างมีฐานะมาก แต่พี่เพชรกลับชอบมากินข้าวแกงข้างถนนร้านของผมเป็นประจำ ตอนนี้พี่เพชรเป็นนักศึกษาวิศวะปีหนึ่ง มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง

            “วันนี้มีอะไรแนะนำบ้าง เอาที่อร่อยสุดสองอย่างครับ” พี่เพชรยิ้มให้ผมเหมือนทุกวัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่หน้าตาหล่อเหลาและนิสัยดีอย่างนี้จะยังไม่มีคนที่รู้ใจ

            “ถ้าให้ผมแนะนำ ก็ต้องกะเพราทะเลแล้วก็แกงส้มชะอมทอดครับ”

            “ถ้างั้นเอาตามที่วินบอกเลยครับ”

            “ใส่ถุงกลับบ้านหรือว่าทานที่นี่ครับพี่เพชร”

            “พี่เคยเอากลับบ้านซะที่ไหนกันล่ะ ถามเหมือนคนไม่รู้ใจกันเลยเนาะ” พี่เพชรแกล้งพูดแซวผม

            “คนเราจะชอบอย่างเดียวไปตลอดได้ไงกันครับ ก็ต้องมีเปลี่ยนใจกันบ้างสิน่า” ผมว่าพลางตักกับข้าวใส่จาน แล้วยื่นให้พี่เพชร

            “แต่พี่เป็นคนที่ชอบอะไรแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ” พี่เพชรยื่นมือมารับจานข้าวแล้วส่งยิ้มให้ผม ไม่ใช่ผมไม่รู้นะว่าพี่เพชรมาเกือบทุกวันเพราะต้องการมาจีบผม แต่ผมไม่สามารถเปิดใจรับใครได้อีกแล้ว ชีวิตและหัวใจดวงนี้มันมอบให้ลูกหมดแล้ว

            พี่เพชรนั่งทานข้าวไปมองผมไปด้วย ส่วนผมก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้กำลังขายข้าวแกงให้กับลูกค้าคืนอื่นอยู่ ในระหว่างนั้นก็มีสายโทรเข้ามาหาพี่เพชร

            “กูอยู่หน้าปากซอยว่ะ กำลังกินข้าว”

            “ร้านนี้อร่อยนะเว้ย วันหลังจะชวนมึงมากินด้วย”

            “จะมารับกูงั้นเหรอวะ เออๆ มาก็มา”

            “แค่นี้ล่ะ บาย”

            เมื่อพี่เพชรอิ่มแล้วผมก็รับจานมาเก็บ หันมาอีกทีก็ไม่เห็นนั่งอยู่ที่เดิม แต่กลับได้ยินเสียงกำลังหยอกล้อเล่นกับธนนท์อยู่

            “ทำไมแก้มน่าหม่ำขนาดนี้ไอ้ตัวเล็ก” พี่เพชรว่าแล้วก็หอมแก้มไอ้ตัวเล็กอย่างเอ็นดู จับมือทั้งสองข้างยกขึ้นลง ดูท่าทางคงจะเอ็นดูไม่น้อย

             เห็นภาพนี้แล้วก็ทำให้ผมนึกถึงใครบางคนขึ้นมา พี่เพชรรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ธี ป่านนี้คงจะเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย มีความสุขกับสาวๆ โดยไม่รู้เลยว่าตนเองมีลูกชายที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจอยู่ทางนี้หนึ่งคน

            “พี่ขอไอ้ตัวเล็กไปเลี้ยงที่บ้านได้ไหมเนี่ย น่ารักน่าชังซะจริงๆ” พี่เพชรหันมาเอ่ยกับผม

            “พี่เพชรไปทำเอาเองเลย จะเอาน่ารักกว่านี้ก็ได้” ผมเอ่ยแซว พี่เพชรเป็นคที่หล่อมาก ใบหน้าคมสัน จมูกโด่ง ตาตี่ ผิวขาว ถ้าได้สาวสวยๆ มาเป็นภรรยา คงจะได้ลูกที่หน้าตาน่ารักอยู่ไม่น้อย

            “พี่เหมาเลยได้ไหมล่ะทั้งแม่ทั้งลูก รับรองพี่จะเลี้ยงดูอย่างดี”

            “คงไม่ได้หรอกครับ เพราะยายจันทร์คงไม่ยอมยกผมกับลูกให้ใครหรอก จริงไหมยาย”

            “ใช่แล้ว ยายไม่มีทางให้แก้วตาดวงใจของยายไปอยู่กับคนอื่นหรอก”

            “ว้า แห้วเลยเรา” พี่เพชรทำหน้าเซ็ง แต่ก็ยิ้มออก “น้าไปเรียนก่อนนะตัวเล็ก เดี๋ยววันหลังจะแวะมาหยอกใหม่” พี่เพชรหอมแก้มตาหนูฟอดใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นยืน จ่ายตังค์ค่าข้าวแกงให้ผม

            “ขอบคุณนะครับพี่ วันหลังมาอุดหนุนใหม่นะ” ผมบอกหลังจากคืนเงินทอนให้แล้ว

            “ถ้าวินมาขายทุกวันพี่ก็จะแวะมาอุดหนุนทุกวัน” พี่เพชรตอบ แต่กลับยืนอยู่หน้ารถเข็นไม่ยอมไปไหน

            “ให้จริงนะครับ ผมจะรอทุกวันเลย อยากทานอะไรบอกมาได้ เดี๋ยวผมทำพิเศษมาให้”

            “จริงดิ เดี๋ยววันหลังพี่จะบอกละกัน เพราะพี่อยากเป็นลูกค้าที่พิเศษกว่าคนอื่น” ทำไมต้องส่งสายตาอย่างนั้นมาให้ผมด้วยนะ บางทีก็รู้สึกผิดที่ไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกไปเลยสักครั้ง นั่นทำให้เขายังคงคิดว่าผมไม่ปิดโอกาส

            “ฮ่าๆ พี่ก็พูดไป ผมให้ความสำคัญกับลูกค้าเท่ากันหมดแหละครับ ว่าแต่ทำไมพี่เพชรยังไม่ไปอีกล่ะครับ เดี๋ยวก็เข้าเรียนสายหรอก”

            “พี่รอเพื่อนอยู่ มันแวะมาแถวนี้พอดีเลยจะมารับพี่ไปมหาลัยด้วยกัน”

            “ปกติผมเห็นพี่เพชรขับรถมา แต่ทำไมวันนี้ถึงได้ให้เพื่อนมารับครับเนี่ย”

            “อ๋อ พอดีรถพี่มันเสียอ่ะเอาไปส่งศูนย์ วันนี้จึงถือโอกาสนั่งวินมา นานๆ ครั้งก็รู้สึกดีเหมือนกัน” ถ้าผมไม่มีมลทินมาก่อนหน้านี้ บางทีอาจจะได้คบกับพี่เพชรไปแล้วก็เป็นได้ เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากจริงๆ บ้านรวยแต่สามารถใช้ชีวิตติดดินได้อย่างสบายๆ ไม่เหมือนพี่ธีรายนั้นถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ในชีวิตไม่เคยไปไหนนอกจากบ้านกับห้างสรรพสินค้า

            “ออครับ” ผมตอบรับไปสั้นๆ เพราะตอนนี้ลูกค้ากำลังมาพอดี

            ระหว่างนั้นรถคันหรูก็มาจอดตรงหน้าร้าน พี่เพชรโบกมือลาผมก่อนจะขึ้นรถไป ผมได้แต่ยิ้มให้แล้วมองตามรถไปแวบหนึ่ง ดูท่าทางเพื่อนของพี่เพชรเองคงจะรวยมาก รถยุโรปยี่ห้อนี้ราคาคงหลายล้านบาทน่าดู

            ขายข้าวแกงในช่วงเช้าจนเกลี้ยงหม้อแล้ว ผมกับยายจันทร์ก็กลับมาที่บ้าน เพื่อพักผ่อนและเตรียมของออกไปขายอีกในช่วงเย็น แต่จะขายเป็นแกงถุงในตลาด ช่วงเย็นผมจะออกไปขายคนเดียว ให้ยายจันทร์เลี้ยงตาหนูอยู่ที่บ้าน

            วงจรชีวิตผมก็เป็นอย่างนี้ทุกวัน แม้มันค่อนข้างจะเหนื่อยมากแต่ผมกลับมีความสุขมากเช่นเดียวกัน หากตอนนี้ยังอยู่ในบ้านหลังนั้นคงจะไม่ต่างจากเด็กรับใช้คนหนึ่ง ที่โดนโขกสับไปวันๆ แต่ผมก็ยังคงเป็นห่วงและคิดถึงคุณพ่ออยู่ตลอดเวลา ท่านไม่เคยดุด่าว่ากล่าวผมเลย หากมีโอกาสก็อยากจะกลับไปกราบท่านสักครั้ง

            ในขณะที่ผมกำลังเขียนบัญชีรายรับรายจ่ายอยู่นั้น ยายจันทร์ก็อุ้มธนนท์เข้ามาหาผม ผมรับลูกมานั่งตักก่อนจะหันไปยิ้มให้ยายจันทร์ ผู้หญิงที่เป็นทั้งชีวิตของผม

            “นั่งเหม่ออะไรอยู่ลูก”

            “เปล่าครับยาย กำลังเขียนบัญชีรายรับรายจ่ายอยู่” ผมตอบออกไป แต่มีหรือที่ยายจะไม่รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

            “อย่าโกหกยายเลย แววตาเอ็งมันฟ้องว่ากำลังคิดถึงเรื่องราวในอดีต”

            “ผมคงโกหกยายไม่ได้เหมือนเดิมสินะ” ผมแค่นยิ้มออกมา ตาหนูที่นั่งอยู่บนตักก็กำลังงุ่นกับการดูดนมจากขวด

            “ถึงแม้จะไม่ได้เลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่เกิด แต่ยายก็รู้จักนิสัยเอ็งดี อย่าคิดมากเลยลูก คนใจร้ายแบบนั้นควรตายจากชีวิตเราได้แล้ว”

            “ผมก็ว่าจะไม่คิดหรอกครับ แต่บางทีมันก็ลอยขึ้นมาในหัวซะอย่างนั้น”

            “เหนื่อยไหมอยู่กับยาย”

            “ทำไมยายถามอย่างนี้ล่ะครับ ถึงแม้จะเหนื่อยกว่านี้เป็นร้อยเท่าผมก็จะอยู่กับยาย ผมมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นขนาดนี้แล้ว ยังไงซะก็ไม่มีทางไปไหนเด็ดขาด ผมจะอยู่กับยาย เลี้ยงดูยายไปตลอดชีวิตเลยครับ”

            “เป็นบุญของยายที่เจอเอ็งในวันนั้น ไม่นึกเลยว่าจะมีลูกมีหลานกับเขา”

            “เป็นบุญของผมกับลูกเหมือนกันที่ได้มาอยู่กับยาย ถ้ายายไม่ช่วยไว้ป่านนี้ผมกับลูกคงจะเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่ไป”

            “ยายขอถามเรื่องหนึ่งได้ไหม” สีหน้าของยายจันทร์เหมือนมีคำถามที่ค้างคาในใจ ที่อยากจะถามผมมากเหลือเกิน

            “ได้สิครับยาย”

            “เอ็งไม่คิดอะไรกับพ่อเพชรบ้างเลยเหรอ ยายว่าเขาก็เป็นคนดีนะ ดูเหมือนว่าจะชอบเอ็งมากด้วย”

            “มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับยาย ไอ้เรามันก็แค่นี้ไม่คู่ควรกับคนระดับนั้นหรอก อีกอย่างผมเองก็ไม่ได้รักพี่เพชรด้วย เพราะในหัวใจของผมตอนนี้มอบให้ยายกับตาหนูไปหมดแล้ว อยู่กันไปอย่างนี้ดีแล้ว บอกตรงๆ ว่าผมเข็ดขยาดกับพวกคนรวยมาก ยายเองก็น่าจะรู้”

            “ยายก็ถามไปอย่างนั้นล่ะ เพราะยายเองก็มีแต่จะแก่ตัวไปเรื่อยๆ อยากให้เอ็งกับลูกสบาย ไม่ต้องมาทนขายข้าวแกงเหงื่อไหลไคลย้อยอย่างนี้ไปตลอด”

            “เราทำงานหาเงินเองมันน่าภูมิใจนะครับยาย ไม่ต้องไปขอเงินใครใช้ ยายไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงซะถ้าเราขยันมันไม่มีวันอดตาย อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ผมว่ามันก็มีความสุขทางใจมากเหลือเกิน”

            “ยายคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่ตั้งใจฝากชีวิตในช่วงบั้นปลายไว้กับเอ็ง”

            เรายิ้มให้กันอย่างจริงใจ ไม่ว่าในอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผมจะขออยู่เคียงข้างคนที่ผมรักทั้งสองคนนี้ไปตลอดชีวิต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2018 23:16:00 โดย ไมเลอร์ »

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :oo1: เอาใจช่วยคุณแม่ลูกอ่อน ถ้าจะดราม่าจริงๆด้วย  :sad4:

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สู้ๆ พ่อค้าข้าวแกงลูกอ่อน  :กอด1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่น

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
สนุกกกกมากกกกกก น่าติดตามจ้าา

แต่ขอติงเรื่องเวลาหน่อยน้า


ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
Chapter-2-เผชิญหน้า







            “มาแล้วครับยาย” ผมอุ้มลูกชายตัวน้อยเดินมาหายายจันทร์ หลังจากพาไอ้ตัวเล็กไปเข้าห้องน้ำมา

            “เอ็งนั่งพักเถอะเดี๋ยวยายจะขายเอง” ยายจันทร์บอก ผมยิ้มให้แล้วพาตาหนูไปนั่งบนเสื่อ ผมกับยายจันทร์จะสลับกันขายอย่างนี้เป็นประจำ

            “วันนี้ไม่เห็นพี่เพชรมาเลยอ่ะยาย สงสัยคงจะรีบไปเรียน” ผมบ่นหาพี่เพชร เพราะวันนี้ยังไม่เห็นหน้าเลยสักครั้ง ขาดลูกค้าขาประจำไปสักคน ก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง

            “ช่วงที่เอ็งพาตาหนูไปห้องน้ำ พ่อเพชรเขามาแล้ว แต่ซื้อใส่กล่องไป” ยายจันทร์หันมาบอก

            “อ๋อ ผมก็นึกว่ายังไม่มาซะอีก”

            “เอ๊ะ! นี่มันหนังสือพ่อเพชรรึเปล่าวิน” ยายจันทร์หยิบหนังสือเล่มหนึ่งยกขึ้นให้ผมดู ผมอุ้มลูกลุกขึ้นไปหายายจันทร์ หยิบหนังสือเล่มนั้นมาดูใกล้ๆ ใช่จริงๆ ด้วย หนังสือพี่วิน

            “ใช่ครับยาย ผมจำได้เห็นพี่เขาถือมาด้วยบ่อยๆ” แล้วอย่างนี้ผมจะติดต่อพี่เพชรยังไง เบอร์โทรก็ไม่มีซะด้วยสิ

            “จะรู้ตัวไหมเนี่ยว่าลืมของไว้” ยายจันทร์เอ่ย

            “ไม่เป็นไรหรอกครับยายเดี๋ยวพี่เพชรคงจะมาเอาแหละ”

            “ถ้างั้นเอ็งก็เก็บไว้ให้พี่เขาด้วยละกัน”

            “ครับยาย”

            ผมอุ้มลูกไปนั่งที่เดิม นั่งเล่นกับธนนท์ได้สักพัก ก็มีเสียงที่คุ้นหูเอ่ยกับยายจันทร์

            “ยายเห็นหนังสือผมวางอยู่แถวนี้ไหมครับ” เป็นพี่เพชรนั่นเองที่เดินเข้ามาถามยายจันทร์

            “อ้าว! มาพอดีเลย ยายนึกว่าจะมาเอาพรุ่งนี้ซะอีก” ยายจันทร์เอ่ย ผมลุกขึ้นหยิบหนังสือไปให้พี่เพชรทันที

            “นี่ครับพี่เพชร ของสำคัญอย่างนี้ลืมได้ไงเนี่ย”

            “พี่มันคนขี้ลืมอ่ะ ขอบใจนะ” พี่เพชรยิ้มให้ผม

            “ครับ...วันหลังห้ามลืมนะ ผมไม่เก็บไว้ให้ด้วย” ผมแกล้งแหย่ไป

            “จริงๆ แล้วพี่ก็ลืมของไว้ที่นี่ทุกวันนะ”

            “ลืมอะไรครับ ผมไม่ยักเห็นเลย” ผมทำหน้างง

            “ก็หัวใจพี่ไง ลืมไว้กับวินทุกวันเลย แต่อันนี้ไม่ต้องคืนนะพี่อยากให้วินเก็บไว้ตลอดไป” ว่าแล้วไง ยิงมุขมาซะผมหน้าเหวอเลยทีเดียว

            “ตลกแล้วพี่ รีบไปเรียนเถอะครับเดี๋ยวอาจารย์ก็ตัดคะแนนหรอก”

            “ครับผม เห็นหน้าหวานๆ อย่างนี้ดุจังเลยนะเรา”

            “ก็นิดหน่อยครับ...ตั้งใจเรียนนะครับพี่เพชร”

            “ได้ยินอย่างนี้พี่ยิ่งมีกำลังใจเรียน น้าไปก่อนนะครับตัวเล็ก” ว่าแล้วพี่เพชรก็ก้มมาหอมแก้มตาหนู เหมือนลูกชายผมจะชอบพี่เพชรมาก หัวเราะชอบใจทุกครั้งเวลาเห็นเพี่เพชร ไม่แน่ตาหนูอาจจะคิดว่าพี่เพชรเป็นพ่อไปแล้วก็ได้ เพราะแวะเวียนมาหาผมแทบทุกวัน

            “ชักช้าอยู่ได้มึงเดี๋ยวก็สายหรอก” เสียงใครบางคนดังมาจากด้านหลัง ทำเอาหัวใจผมหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เสียงทุ้มนั้นช่างคล้ายกับเสียงของพี่ธีมากเหลือเกิน หวังว่าคงจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดหรอกนะ โลกมันคงจะไม่กลมขนาดนั้นหรอก

            “กูกำลังไปอยู่นี่ไงวะ เป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้” พี่เพชรหันไปเอ่ยกับเพื่อน ส่วนผมลังเลใจว่าจะหันไปมองดีหรือเปล่า ถ้าใช่พี่ธีจริงๆ ผมจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย

            “พ่อ” อยู่ๆ ตาหนูก็เอ่ยคำว่าพ่อออกมา ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะผมไม่เคยสอนให้ลูกพูดคำนี้เลย หรือว่าอาจจะได้ยินจากในละคร เพราะช่วงนี้นั่งดูกับยายจันทร์บ่อยๆ

            “สงสัยไอ้ตัวเล็กคงอยากให้พี่เป็นพ่อนะเนี่ย ถึงเรียกพี่ว่าพ่อ” พี่เพชรยิ้มให้ผม ดูท่าทางดีใจซะเหลือเกิน

            “เฮ้ย! ไอ้ธีนี่น้องวินเว้ย เจ้าของร้านขายข้าวแกงที่อร่อยที่สุดในย่านนี้” อยู่ๆ พี่เพชรก็แนะนำผมให้รู้จัก แต่เอ๊ะ! เขาคนนั้นชื่อธี มันไม่จริงใช่ไหม...

            “ทำไมต้องแนะนำ กูไม่อยากรู้จักสักหน่อย” ประโยคที่เอ่ยออกมานั้นทำให้ผมมั่นใจแล้วว่าเขาคือพี่ธีจริงๆ ชอบดูถูกคนอื่นอย่างนี้มีเพียงคนเดียวในโลกแน่นอน

            “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับพี่เพชร” ผมเอ่ยแล้วรีบเดินไปหายายจันทร์ก่อนที่เขาจะเห็นใบหน้าผม

            “เดี๋ยว! ทำไมฉันรู้สึกคุ้นเสียงนายจัง” เขาสั่งให้ผมหยุด แม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นผม แต่เขาก็ยังชอบออกคำสั่งอยู่เหมือนเดิม

             นิสัยเสียไม่เคยเปลี่ยน...

            “มึงไม่ต้องเลยไอ้ธี เสียมารยาทกับน้องวินขนาดนั้นแล้วใครอยากจะคุยกับมึงวะ” ยิ่งพี่เพชรเอ่ยชื่อผมให้เขาได้ยิน ผมยิ่งรู้สึกกลัว กลัวว่าถ้ารู้ว่าผมมีลูก แล้วจะแย่งตาหนูไปจากผม

            “วินงั้นเหรอ..” เขาเอ่ยออกมาเสียงดัง ในวินาทีนี้ผมไม่รอให้สิ่งที่ผมกลัวเกิดขึ้นแน่ รีบเดินออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

            “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เขาตะโกนตามหลังมา ผมรีบอุ้มลูกเดินเร็ว แล้วนั่งวินหนีไปทันที



            เมื่อลุงวินขับออกมาได้สักพักผมก็หันกลับไปมอง เขาคนนั้นยังคงมองมาที่ผม เขาจะรู้ไหมนะว่าเป็นผม ถ้าเขารู้จะทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้สมองมันตันไปหมด

            ผมให้ลุงวินมาส่งที่บ้าน และฝากไปบอกยายจันทร์ด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อลูกชายหลับไปแล้วผมก็นั่งคิดหาทางออก หากพี่ธีไม่รู้ว่าตาหนูคือลูกก็คงดี เขาคงไม่มาตามรังควานผมแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ก็อยากให้ผมออกจากบ้านหลังนั้นอยู่แล้ว แต่ทว่าพี่ธีอาจจะถามเรื่องผมจากพี่เพชร แน่นอนว่าเขาต้องรู้อยู่แล้ว เพราะพี่เพชรเองก็รู้ว่าผมเป็นแม่แท้ๆ ของตาหนู

            นั่งคิดใคร่ครวญอยู่ได้สักพักยายจันทร์ก็เดินเข้ามาหา

            “วินเอ็งเป็นยังไงบ้าง ยายเป็นห่วงเลยรีบกลับมาดู” ยายจันทร์เดินเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง

            “ผมไม่เป็นไรครับยาย ผมขอโทษที่อยู่ๆ ก็รีบกลับมา”

            “ไม่เป็นไร ขอแค่เอ็งกับตาหนูไม่เป็นไรยายก็หายห่วงแล้ว สักพักถึงจะกลับไปดูร้านต่อ ฝากยายปลีช่วยดูให้” ยายปลีคือคนขายลูกชิ้นทอดร้านที่อยู่ใกล้กัน

            “เดี๋ยวผมกลับไปขายเองก็ได้ครับยาย ยายอยู่ดูตาหนูที่นี่ล่ะ”

            “ไม่เป็นไรยายไปเองก็ได้ ยายรู้ว่าตอนนี้เอ็งกำลังหลบหน้าใครบางคนอยู่ ว่าแต่เอ็งรู้จักกับเพื่อนของพ่อเพชรมาก่อนเหรอ ถึงได้หนีมาซะอย่างนั้น” ยายจันทร์เอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย

            “ยายครับ...ผมกลัวว่าเขาจะมาพรากตาหนูไป เพื่อนพี่เพชรก็คือพ่อของตาหนูครับ ทำไมโลกมันถึงได้กลมอย่างนี้นะ” ผมเอ่ยแล้วถอนหายใจเสียงดัง จนยายต้องเดินเข้ามาจับมือผมไว้เพื่อปลอบใจ

            “ยายจะไม่ให้ใครมาพรากเอ็งกับตาหนูไปจากยายแน่นอน ถ้าเอ็งกลัวเราจะเปลี่ยนที่ขายกัน ไปขายที่อื่นไม่ให้พ่อเพชรรู้ดีไหม” ยายจันทร์แนะนำ

            “ยังไงพี่เพชรก็ต้องรู้อยู่ดีครับยาย ใครๆ ก็รู้จักเรายังไงซะก็หนีไม่พ้นหรอก”

            “แล้วจะทำยังไงดีล่ะ หรือเอ็งกับลูกจะย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนสักพัก”

            “ผมจะไปอยู่ไหนล่ะครับยาย อีกอย่างจะให้ผมทิ้งยายอยู่คนเดียวผมทำไม่ได้หรอก ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน” ทำไมผมจะต้องหนีด้วยล่ะในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรผิด เอาวะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ในเมื่อผมคิดจะตัดขาดจากคนพวกนั้นแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร ตาหนูเป็นลูกผมเพียงคนเดียว ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปไหนเด็ดขาด

            “อย่างนี้เอ็งก็ต้องเดือดร้อนน่ะสิ” 

            “ช่างมันเถอะยาย ผมตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตเหมือนเดิม ถ้าใครมาทำผม ผมก็จะไม่มีทางยอมเด็ดขาด ผมกับคนพวกนั้นตัดขาดกันไปตั้งนานแล้ว พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในตัวผมกับลูกเลยแม้แต่น้อย” ผมจับมือยายจันทร์ไว้แน่น ส่งยิ้มให้ เพื่อให้ยายไม่ต้องคิดมาก

            “ยายจะอยู่ข้างเอ็ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป” ยายจันทร์เอ่ย ผมได้ยินก็น้ำตาร่วงทันที ตั้งแต่เกิดมาไม่นึกว่าจะมีคนที่ดีกับผมอย่างนี้ ทั้งที่เราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันเลย แต่คนที่มีสายเลือดเดียวกับผม กลับทิ้งผมไว้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมจะไม่มีทางไปสืบเสาะหาว่าใครคือพ่อแม่เด็ดขาด เพราะคนที่เป็นทั้งพ่อและแม่ผมตอนนี้ก็คือยายจันทร์คนเดียวเท่านั้น



            หลังจากปรับทุกข์กับยายจันทร์แล้ว ผมก็นั่งวินกลับมาขายข้าวแกงต่อ ตอนนี้ของใกล้จะหมดหม้อแล้ว อีกไม่นานคงได้กลับบ้าน ผมจึงเตรียมตัวเก็บของบางส่วน ในระหว่างนั้นก็มีลูกค้ามายืนตรงหน้ารถเข็น จึงเงยขึ้นไปดู เข่าแทบทรุดเมื่อรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร

            “พี่ธี!” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หัวใจผมเต้นแรง มือสั่นเทาทำอะไรไม่ถูก

            “ในที่สุดกูก็ได้เจอมึงอีกครั้ง ที่ไหนได้มาขายข้าวแกงข้างถนนอยู่ที่นี่เอง” พี่ธียืนกอดอกมองเหยียดผมด้วยความสมเพช

            “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคนอย่างพวกคุณแล้ว อย่างมายุ่งกับผมอีกเลยครับ ในเมื่อพี่เองเป็นคนทำให้ผมต้องหนีออกมา แล้วจะมาอะไรกับผมอีก” ผมตั้งสติตอบกลับเสียงแข็ง ต้องเข้มแข็งเข้าไว้เพื่อลูก

            “สันดานมึงยังเหมือนเดิมเลยว่ะ จับแต่คนรวยๆ คนก่อนก็เพื่อนเก่ากู ตอนนี้ก็ไอ้เพชรอีก มึงมันจะร่านไปถึงไหนกันวะ” พี่ธีตะโกนใส่หน้าผมเสียงดัง จนคนแถวนั้นมองดูอย่างสนใจ

            “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ นี่มันชีวิตผม ผมจะเอากับใครมันก็เรื่องของผม พี่ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับผมอีกไม่งั้นผมแจ้งตำรวจมาจับพี่แน่” ผมรู้ว่าตำรวจคงไม่สามารถทำอะไรคนพวกนั้นได้ แต่มันไม่มีวิธีไหนที่จะข่มขู่อีกฝ่ายได้อีกแล้ว

            “กูไม่อยากจะยุ่งกับมึงนักหรอก คนอย่างมึงคงจะร่านให้ใครต่อใครเอา เนื้อตัวน่ารังเกียจยิ่งกว่าอะไร” คำพูดนั้นทำเอาผมถึงกับน้ำตาไหล ในชีวิตนี้ผมไม่เคยมีอะไรกับใคร นอกจากคืนนั้นที่พี่ธีข่มขืนผม เขาทำร้ายร่างกายไม่พอ ยังทำร้ายจิตใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

            “ผมดีใจที่พี่คิดอย่างนี้ เราจะได้ต่างคนต่างอยู่ ผมเองก็ไม่อยากเห็นหน้าคนที่ทำร้ายผมนักหรอก”

            “มึงอย่าเพิ่งดีใจไปสิวะ คนอย่างกูถ้าไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่มีทางทนยืนอยู่หน้าร้านขายข้าวแกงสกปรกๆ อย่างนี้หรอก”

            “พี่หมายความว่าไง” หัวใจผมเต้นแรง กลัวว่าประโยคที่พี่ธีจะเอ่ยออกมามันจะเกี่ยวกับเรื่องลูก ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าพี่ธีเริ่มสงสัยแล้วว่าตาหนูคือลูกของเขา

            “เด็กคนนั้นเป็นลูกกูใช่ไหม” เขาเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก จ้องตาผมเขม็ง เหมือนข่มขู่ว่าให้พูดความจริงออกมา แต่มันไม่สามารถขู่ผมได้หรอก เพราะถึงยังไงผมก็ไม่มีทางให้พี่ธีรู้ความจริงเด็ดขาด

            “ไม่ใช่!”

            “แล้วมันเป็นลูกใคร” เขาตะคอกถามผม

            “พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เพราะถึงยังไงตาหนูก็ไม่ใช่ลูกของพี่”

            “กูไม่เชื่อมึง จนกว่าจะได้ตรวจดีเอ็นเอ”

            “ไม่ได้! ผมไม่ยอมให้ตรวจเด็ดขาด บอกไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ไง ทำไมถึงได้เข้าใจยากนักวะ” ผมทนไม่ไหวกับความรั้นของพี่ธี จึงตะโกนใส่เสียงดัง ในขณะที่น้ำตาผมก็ไหลลงมาเป็นสายไม่ยอมหยุด ผมกลัวว่าเขาจะทำอย่างนั้นจริงๆ

            “ยิ่งมึงมีพิรุธอย่างนี้กูยิ่งมั่นใจว่าเด็กคนนั้นคือลูกกูแน่นอน ไม่ตรวจก็ได้แต่เด็กคนนั้นต้องไปอยู่กับกู”

            “ไม่มีทางผมไม่ยอมให้ตาหนูไปไหน เขาคือลูกผมคนเดียว พี่ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับพวกเราเลยนะ ตอนนี้ผมมีชีวิตใหม่แล้ว เห็นใจผมเถอะนะครับพี่ธี” ผมยกมือไหว้ขอร้องเขา ทำทุกอย่างให้เราสองแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันอย่างไม่มีอุปสรรค

            “แต่กูคือพ่อ กูทำมันมากับมือ”

            “พ่องั้นเหรอ? ทำมากับมืองั้นเหรอ? พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าพี่ข่มขืนผม ยังจะมาอ้างสิทธิ์ความเป็นพ่ออีก หน้าไม่อายเลยจริงๆ สิ่งที่พี่ทำกับผมไว้ ผมจะไม่มีทางลืมมันไปตลอดชีวิต”

            “อย่ามาทำปากดีกับกู” เขาเดินเข้ามาใกล้ จับแข็นผมบีบไว้แน่น จนผมต้องทำหน้าเหยเกเพราะรู้สึกเจ็บ

            “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!”

            “ทำไมต้องปล่อยวะ ในเมื่อมึงมันก็เคยเป็นของที่กูเคยเอามาแล้ว กูจะทำอะไรกับมึงก็ได้” เขาพูดจาหยาบคายใส่หน้าผม ราวกับเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่งที่จะทำอะไรก็ได้

            “ถ้าไม่ปล่อยผมจะร้องให้คนช่วย ถ้าพี่ไม่อยากเจ็บตัวก็เชิญ”

            “ถ้ามึงทำอย่างนั้นกูรับรอง ว่ามึงจะไม่มีทางได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นอน ร้านสัปปะรังเคของมึงกูจะสั่งคนมาทำลายตอนไหนก็ได้ ถ้ามึงไม่ให้ลูกมาอยู่กับกู มึงจะโดนรังควานอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ เลือกเองว่าจะเอาแบบไหน” เขาขู่ผมอีกแล้ว ทุกเสี้ยวความคิดของผู้ชายคนนี้ มีแต่เรื่องเอาชนะ

            “ผมไม่กลัวพี่หรอก ลูกจะต้องอยู่กับผมเท่านั้น” ผมจ้องตาอย่างไม่ลดละ ก่อนจะตะโกนเรียกให้ลุงวินแถวนั้นเข้ามาช่วย “ช่วยด้วยครับ! ช่วยด้วย มีคนจะทำร้ายผม!”

            “ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” เมื่อเห็นกลุ่มลุงวินวิ่งตรงมา พี่ธีก็ปล่อยมือผมแล้วรีบวิ่งขึ้นรถขับออกไป เห็นอย่างนั้นผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง

            “เอ็งเป็นอะไรรึเปล่าวิน” ลุงจอมวิ่งมาถึงก็เอ่ยถามผมทันที

            “ไม่เป็นไรครับลุง ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่มาช่วยผม”

            “ว่าแต่ทำไมจู่ๆ มันถึงได้จะทำร้ายเอ็งวะ ลุงเห็นยืนคุยกันอยู่ตั้งนาน นึกว่ารู้จักกันซะอีก”

            “ใช่ครับ เราเคยรู้จักกัน แต่เราเคยมีเรื่องกันมาก่อน เขาเคยทำร้ายร่างกายผมมาหลายครั้งแล้ว ทั้งที่ผมไม่เคยเอาเรื่อง แต่เขากลับไม่ยอมจบเสียที ถ้าลุงเห็นผู้ชายคนนี้อีกบอกผมหน่อยนะครับ ผมจะได้ระวังตัว ผมไม่อยากมีเรื่องครับลุง” อย่างน้อยผมก็ยังมีพี่ๆ วินช่วยดูต้นทางให้อีกแรง เผื่อคราวหน้าเกิดเรื่องขึ้นอีกจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ

            “ถ้าเห็นมันมาอีก เดี๋ยวลุงจะช่วยจัดการเองไม่ต้องห่วง คนสมัยนี้มันใจร้ายใจดำกันจังวะ ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ได้ลงคอ” ลุงวินบ่น

            “ขอบคุณมากๆ นะครับ ถ้าไม่มีทุกคนผมคงแย่ไปแล้ว”

            “ไม่เป็นไรหรอก เอ็งอยู่ที่นี่นานจนเป็นเหมือนลูกหลานคนที่นี่ไปแล้ว เดี๋ยวพวกลุงไปขับวินต่อก่อนนะ ระวังตัวด้วยล่ะ”

            “ครับลุง”

            หลังจากทุกคนเดินไปแล้วผมก็นั่งลงที่เก้าอี้ ปาดเหงื่อที่มันผุดออกมาไม่ยอมหยุด จากนี้ผมจะต้องเจออะไรอีกบ้างก็ไม่รู้ นั่นเป็นการบ้านที่ผมจะต้องคิดต่อว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ชายเลวๆ คนนั้น ไม่ต้องมายุ่งกับผมและลูกอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2018 23:19:50 โดย ไมเลอร์ »

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
มาต่อๆ ถึงจะเป็นนิยายน้ำเน่า
พลอตเดิมๆแต่เราก็จะอ่าน แลดูมีอะไร

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ยังไงต่อน้าาา

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่ธีหลงรักวินมานานแล้วรึเปล่าแต่ปากแข็ง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปากบอกไม่ชอบ แล้วแกจะตอแยน้องเขาทำไมห่ะ  นังธี  :m16:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
EPISODE 3

ผู้บุกรุก





          สองวันที่ผ่านมาไม่มีวี่แววว่าพี่ธีจะมารังควานผมเลย แต่สำหรับพี่เพชรยังคงมาอุดหนุนผมทุกวันเหมือนเช่นเคย เขาเอาแต่ถามผมว่ารู้จักกับพี่ธีมาก่อนเหรอ ผมจึงตัดสินใจบอกความจริงไป เพราะอย่างน้อยพี่เพชรก็เป็นคนดีที่ผมไว้ใจได้ ตอนแรกที่รู้ว่าพี่ธีคือพ่อของธนนท์แกก็ตกใจ แต่พอผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แกก็เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่อย่างผม แถมยังบอกว่าจะช่วยกันพี่ธีออกให้ และนั่นคือข้อดีที่ผมคิดว่าจะได้จากพี่เพชร

            เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาตักบาตรตั้งแต่เช้าตรู่ โดยไม่ลืมปลุกลูกชายมาด้วย เพราะอยากให้เราสามคนได้ทำบุญร่วมกัน จะได้แคล้วคลาดปลอดภัยจากเรื่องร้ายๆ

            เมื่อเห็นพระสงฆ์สองรูปเดินถือบาตรมาในท่าทีสำรวม โดยมีเด็กวัดตัวน้อยที่สะพายย่ามตามหลังมาติดๆ ผมก็เอ่ยนิมนต์ท่านเหมือนเช่นทุกวัน

            “นิมนต์ครับหลวงพ่อ”

            “วันนี้ทำไมเจ้าหนูถึงตื่นแต่เช้าได้ล่ะโยม” หลวงพ่อถาม พลางยิ้มให้กับธนนท์ ที่เอาแต่มองท่านตาแป๋ว

            “นานๆที อยากทำบุญพร้อมหน้ากันครับหลวงพ่อ” ว่าแล้วก็เอ่ยกับตาหนู จับมือให้ไหว้หลวงพ่อ “สาธุสิครับลูก”

            จากนั้นผมกับยายจันทร์ก็ช่วยกันนำอาหารที่เตรียมไว้มาใส่บาตร ก่อนจะนั่งรีบศีลจากพระทั้งสองรูปพร้อมทั้งกรวดน้ำจนเสร็จ เมื่อท่านเดินไปแล้ว พวกเราก็เข้าไปในบ้านเพื่อทานอาหารเช้า

วันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่ได้ออกไปขายข้าวแกง ปกติในหนึ่งสัปดาห์พวกผมจะหยุดหนึ่งวัน โดยส่วนมากจะเป็นวันอาทิตย์

            “วันนี้ยายอยากไปเที่ยวไหนไหมครับ เดี๋ยวผมจะพาไป” ผมเอ่ยกับยายจันทร์ขณะนั่งทานข้าวอยู่บนพื้นไม้

            “ยายแก่แล้วไปไม่ไหวหรอก เอ็งไปกับตาหนูเถอะ”

            “ถ้ายายไม่ไปผมก็ไม่อยากไปไหนหรอก ช่วยยายทำงานบ้านดีกว่า”

            “พาลูกไปเปิดหูเปิดตาบ้างเถอะ ไม่ได้พาตาหนูออกไปเที่ยวนานแล้วไม่ใช่เหรอ”

            “ไม่เป็นไรหรอกครับยาย อยู่บ้านก็มีความสุขจะตาย อีกอย่างช่วงนี้ผมยังไม่กล้าพาลูกออกไปไหน กลัวว่าพี่ธีจะตามมาแย่งตาหนูไป” แม้ว่าช่วงสองวันที่ผ่านมา พี่ธีจะไม่มาให้เห็นหน้า แต่ผมก็ยังไม่วางใจว่าเขาจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับผม และมั่นใจว่าตอนนี้คงจะหาวิธีมาเล่นงานผมอยู่อย่างแน่นอน

            “เอ็งคิดมากไปรึเปล่า ยายว่าบางทีเขาอาจจะไม่ทำอย่างที่เรากลัวอยู่ในตอนนี้ก็ได้นะ” ยายจันทร์ไม่รู้นิสัยของพี่ธีจึงพูดอย่างนี้ออกมา แต่ผมรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่ชอบเอาชนะ อยากได้อะไรก็ต้องได้

            “ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางปล่อยผมกับลูกไปง่ายๆ หรอกครับยาย เขาเป็นคนชอบเอาชนะ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่งั้นคง...ไม่ข่มขืนผมหรอกครับ” ภาพวันนั้นยังติดตาผมไม่หาย

            “เอ็งอย่าเอาเรื่องนั้นมาคิดให้มันเจ็บใจอีกเลย ให้ถือซะว่าเขาได้มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้กับเอ็งมา นั่นคือตาหนู เอ็งจะได้ไม่ต้องเอามันมาเป็นปมในชีวิต” ใช่อย่างที่ยายจันทร์พูด ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ในคืนนั้น ตาหนูคงไม่ได้เกิดมา ทำให้ชีวิตผมอยากมีชีวิตต่อไปอย่างมีความหวังแบบนี้

            “ผมจะพยายามคิดอย่างนั้นให้ได้ครับยาย ผมต้องขอบคุณที่เขาได้มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตให้”

            “คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว ชีวิตเราจะได้เดินหน้าต่อไป ไม่ต้องไปสนใจอดีตพวกนั้นอีก”

            “ขอบคุณยายที่ช่วยเตือนสติผมนะครับ”

            “ไม่เป็นไรเอ็งสบายใจ ยายเองก็สบายใจ”

            ผมรีบโผเข้าไปกอดยาย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาสุขหรือทุกข์ ยายจันทร์คือคนเดียวที่เห็นช่วงเวลานั้นของผมมาตลอด และเป็นคนเดียวที่ผมสามารถสละชีวิตแทนได้

            เมื่อไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนแล้ว พวกเราทั้งสามคนจึงนั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ผมกับยายช่วยกันทำข้าวต้มมัด ส่วนตาหนูก็นั่งอยู่บนตักผม คอยจับโน่นจับนี่ก่อกวนไปเรื่อย

            “แอะๆ”

            ธนนท์เห็นพวกผมช่วยกันห่อใบตอง ก็เอื้อมมือมากะจะช่วย ส่งเสียงอ้อแอ้ราวกับดุพวกเราทั้งสองคนซะอย่างนั้น ชอบออกคำสั่งเหมือนพ่อตั้งแต่เด็กเลยนะไอ้ตัวเล็ก

            “ยายครับ ทำไมตาหนูถึงได้เอ่ยคำว่าพ่อออกมา ยายได้สอนแกรึเปล่าครับ” ข้อสงสัยนี้ผมยังไม่ได้ถามยายจันทร์เลยตั้งแต่เกิดเรื่อง

            “ยายไม่ได้สอนนะ หรือว่าวันนั้นที่ยายนั่งดูละครกับตาหนู นางเอกตะโกนเรียกหาพ่อในละคร แกคงจะจำมาพูด ถ้าเป็นอย่างนั้นตาหนูต้องเป็นเด็กฉลาดมากแน่ๆ” ยายจันทร์ว่า

            “อ๋อ ผมเองก็เดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่บังเอิญจังเลยนะ ไปเรียกพ่อในวันที่เจอพี่ธีพอดีเลย”

            “แอ้” แหนะยังมีหน้ามายิ้ม เหมือนเข้าใจที่ผมพูดซะงั้น ลูกเทวดาจริงๆ

            “ความเป็นพ่อเป็นลูกยังไงก็มันต้องมีอะไรสื่อถึงกันนะยายว่า”

            “แต่ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลยยาย ผมไม่อยากให้ตาหนูรู้ว่าพี่ธีคือพ่อ”

            “มาถึงขั้นนี้แล้วเขาคงไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน บอกให้รู้ยังดีกว่าให้ตาหนูรู้จากคนอื่น”

            “ถ้าถึงวันนั้นผมจะเป็นคนบอกตาหนูเองครับยาย”

            “ดีแล้วจ้ะ”

            เพล้ง!

            เสียงเหมือนอะไรหล่นอยู่หน้าบ้านดังขึ้น ผมกับยายหันไปยังต้นเสียง แล้วมองหน้ากันด้วยความสงสัยปนตกใจ

            “เสียงอะไรครับยาย”

            “เดี๋ยวยายไปดูเอง เอ็งกับตาหนูนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนละกัน”

            “ให้ผมไปดูเองดีกว่าครับยาย” ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เป็นห่วงยายจันทร์เหลือเกิน

            “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวยายไปเอง”

            “ถ้างั้นระวังตัวด้วยนะครับยาย”

            “จ้ะ” ยายจันทร์ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าบ้าน

             ผมได้แต่มองตามหลังอย่างเป็นห่วง

            “จะเป็นยังไงบ้างนะ”

            เพิ่งพูดจบไปไม่กี่วินาที ผมก็ได้ยินเสียงยายจันทร์ร้องมาจากหน้าบ้าน

            “กรี๊ดดด อย่าทำของฉันนนน”

            เห็นท่าไม่ดีผมก็รีบลุกขึ้น อุ้มตาหนูวิ่งไปหายายจันทร์ที่หน้าบ้านทันที เมื่อไปถึงก็ใจแทบสลาย เพราะรถเข็นรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ถูกทำลายจนไม่มีชิ้นดี มันเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนยายจันทร์เองก็นั่งร้องไห้อยู่ใจแทบขาด ใช่สิ! เพราะของพวกนั้นเป็นเครื่องมือทำมาหากินของยายจันทร์มาตั้งแต่สมัยยังสาวๆ ของทุกชิ้นมันมีค่ามากกว่าเป็นสิ่งของ แต่มันเป็นเหมือนทั้งชีวิตของคนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเรา

            “ยาย!” ผมรีบลงไปนั่งข้างยายจันทร์

            “ของพังหมดแล้ววิน มันพังของเราหมดแล้ว ฮือๆ” ผมไม่เคยเห็นยายจันทร์ร้องไห้มาก่อน นั่นทำให้ผมโกรธจนหน้าแดง วางลูกไว้ข้างยายจันทร์แล้วลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับพวกมัน

            “พวกมึงต้องการอะไรกันแน่ ไอ้พวกหมาบ้าอ!” ชายฉกรรจ์ทั้งสองที่ยืนยิ้มเหี้ยมอยู่ตรงหน้าผม ค่อยๆ ย่างกรายเข้ามาหา เห็นอย่างนั้นผมก็ถอยหลังทันที

            “พวกกูไม่ได้ต้องการอะไรหรอก แต่นายกูต้องการ”

            “นายพวกมึงเป็นใคร”

            “กูเอง!”

             เสียงนั่น ผมจำได้ดี มันคือเสียงพี่ธีนี่นา ผมรีบคว้าตาหนูขึ้นมาอุ้มไว้ กลัวว่าเขาจะแย่งตาหนูไปจากผม

            “พี่ธี!”

            “ใช่กูเอง พวกมึงสองคนหลบไปก่อน กูจะพูดกับลูกกับเมียกูเอง” เขาเดินเข้ามาหาผม มองตาหนูตาเป็นมัน บ่งบอกว่าเขาต้องการตัวตาหนูมากขนาดไหน

            “ใครลูกใครเมียพี่”

            “อ้อ...กูลืมไปว่าแค่ครั้งเดียว คงจะทำให้มึงลืมไปแล้วว่ามึงเป็นเมียกู ส่วนเด็กที่มึงอุ้มอยู่นั้นมันเกิดจากอสุจิกู มันก็ต้องเป็นลูกกู”

            “พ่อหนุ่มยายขอล่ะ อย่ามายุ่งกับวินอีกเลย ถือว่าเห็นแก่คนแก่เถอะนะ”

            “ยายไม่ต้องไปขอร้องคนอย่างนั้น แค่ที่เขาทำกับเรามันก็บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าเลวแค่ไหน”

            “ปากดีนักนะมึง เอาลูกมาให้กูแล้วกูจะไม่มายุ่งกับมึงอีก”

            “ไม่! ผมไม่ให้ ตาหนูเป็นลูกผมคนเดียว พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตาหนูเกิดมาด้วยซ้ำ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาทวงสิทธิ์”

            “ถึงกูจะไม่ตั้งใจทำให้ลูกเกิดมา แต่กูตั้งใจยัดเยียดความเป็นผัวให้มึงไงล่ะ” พี่ธีตะโกนใส่หน้าผม ผมไม่สามารถยอมรับคำหยาบคายพวกนั้นได้อีกแล้ว น้ำตาผมไหลลงมาเป็นสาย

            เพี๊ยะ!

            “นี่มึงกล้าตบกูเหรอวะ!”

            “ใช่! นี่มันยังน้อยไปสำหรับที่พี่ทำกับผม หยุดทำพฤติกรรมต่ำๆ ได้แล้ว แค่นี้ลูกก็ต้องมาทนดูอะไรแย่ๆ มากพอแล้ว”

            “กูไม่หยุดจนกว่าจะได้ลูกกลับบ้าน ตอนนี้กูบอกพ่อกับแม่แล้วว่าเจอมึงและมึงก็มีลูกกับกู อย่างนี้แล้วมึงคิดว่าใครจะคุ้มกะลาหัวมึงได้อีกนอกจากกู มึงก็รู้ว่าแม่โหดแค่ไหน” ถึงจะเอาเรื่องใครมาขู่ผมก็ไม่กลัวทั้งนั้น เพราะผมต้องหาทางปกป้องลูกไม่ให้ไปตกอยู่ในมือคนพวกนั้นให้ได้ ผมกลัวว่าลูกจะโดนเหมือนผม ถูกเลี้ยงทิ้งๆ ขว้างๆ

            “ผมไม่กลัวใครทั้งนั้น”

            “ได้! ถ้ามึงชอบความรุนแรงกูจะจัดให้” ว่าแล้วพี่ธีก็ทะยานตัวเข้ามาแย่งตาหนูไปจากผม เรายื้อแย่งกันจนตาหนูร้องไห้เสียงดัง

            “แงๆๆๆ”

            “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะพี่ธี” ผมตะโกนเสียงดัง แต่เขาก็พยายามมาแย่งลูกไป ผมเกลียดเขาที่ทำให้ลูกต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

            “เอาลูกกูคืนมา เฮ๊ยพวกมึงมาช่วยกูดิ๊” เมื่อยื้อแย่งไม่สำเร็จ พี่ธีก็ตะโกนสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่

            “มึงลองเข้ามาสิวะ ถ้าไม่อยากตาย” เป็นยายจันทร์นั่นเองที่หยิบมีดอีโต้มาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ยืนขู่พวกนั้นไม่ให้มายุ่งกับพวกผม

            “แค่คนแก่คนเดียวพวกมึงจัดการไม่ได้เลยเหรอวะ” พี่ธีตะโกนบอก

            “ทำไมพี่ถึงได้เลวอย่างนี้นะ ทั้งเด็กทั้งคนแก่พี่ก็ยังไม่เว้น ยังมีความเป็นคนอยู่รึเปล่าเนี่ย ฮือๆ” ผมทนไม่ไหวตะโกนไปทั้งน้ำตา ผมเกลียดเขา ผมเกลียดผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงได้ใจร้ายใจดำอย่างนี้นะ

            “ก็นี่ลูกกูไงกูจะเอาไปเลี้ยงเอง” เขายังไม่หยุด ไม่มีความสำนึกเลยแม้แต่น้อย

            “ถ้าพี่ไม่มาแย่งลูกไปจากผม ผมสัญญาว่าจะให้พี่มาหาลูกได้ จะให้ลูกรู้ว่าพี่เป็นพ่อ ขอร้องเถอะนะพี่ ถ้าพี่รักลูกเห็นแก่ลูกจริงๆ พี่ต้องไม่ทำให้ลูกร้องไห้อย่างนี้”

            “แงๆๆ” ตอนนี้ตาหนูร้องไห้จนใบหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว ผมสงสารลูกมากเหลือเกิน

            “ทำไมกูต้องเชื่อที่มึงพูดด้วย” ผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้พี่ธีเริ่มลังเลใจบ้างแล้ว แววตาเขาลดความเกรี้ยวกราดลงพอสมควร

            “ผมขอร้องเถอะนะพี่ แค่นี้ชีวิตผมมันก็บัดซบมากพอแล้ว ลูกคือชีวิตของผม ถ้าขาดแกไปสักคนผมขอตายดีกว่า ผมจะไม่กีดกันลูกกับพี่เลยผมสัญญา” ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกอยู่กับผม

            “ก็ได้ กูจะไม่เอาลูกไป แต่กูจะมาหาลูกทุกวัน”

            “ขอบคุณครับพี่ธี ขอบคุณมากจริงๆ” หลังจากพี่ธียอมปล่อยมือแล้ว ผมก็โอ๋ลูกให้หยุดร้องทันที “โอ๋ ธนนท์อย่าร้องนะลูก ไม่มีอะไรแล้วครับ” กล่อมลูกได้ไม่นานตาหนูก็หยุดร้อง แต่กลับมองพี่ธีด้วยสายตาที่หวาดกลัว

            “ขอกูอุ้มลูกได้ไหมวะ” ดูจากแววตาของเขาแล้ว คงอยากจะอุ้มลูกจริงๆ แต่ผมจะไว้ใจได้ยังไงล่ะ พออุ้มแล้วอาจจะพาลูกวิ่งหนีไปใครจะรู้

            “ตอนนี้ลูกยังไม่คุ้นกับพี่ เอาไว้วันหลังละกันนะ ตอนนี้ตาหนูยังงอแงอยู่ อีกอย่างแกคงกลัวพี่ไปแล้ว คงไม่ให้อุ้มแน่นอน” ผมเริ่มใจเย็นลง พยายามพูดกับพี่ธีดีๆ ดูท่าทางแล้วความเป็นพ่อคงจะทำให้เขาสำนึกอะไรได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีทางเชื่อใจง่ายๆ หรอก

            “ก็ได้...วันหลังกูจะมาใหม่ มึงต้องให้กูอุ้มลูก ถ้ามึงยังหวงลูกอยู่อีกกูจะพาลูกไปแน่” เขาชี้หน้าขู่ผม

            “แล้วผมจะเชื่อใจพี่ได้ยังไงล่ะ ถ้าเกิดพี่อุ้มตาหนูแล้วพาหนีไป ผมจะทำยังไง”

            “มึงรักลูก กูเองก็รักลูกเหมือนกัน กูไม่มีทางทำให้ลูกร้องไห้แน่นอน”

            “ไม่มีทางแล้วเมื่อกี้คืออะไรล่ะ พี่ทำลูกร้องไห้ไปแล้ว”

            “เออ..ครั้งนี้กูยอมรับผิดก็ได้”

            “ตกลงกันอย่างนี้ได้ยายก็สบายใจขึ้น เอาเป็นว่าบ้านหลังนี้ต้อนรับพ่อหนุ่มเสมอนะ จะมาวันไหนตอนไหนก็ได้ยายยินดีต้อนรับ ขอแค่อย่าทำให้วินกับลูกต้องเสียน้ำตาอย่างนี้อีกก็พอ อย่าว่ายายสอนเลยนะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงก็ต้องนึกถึงลูกก่อนเสมอ ยายอยากให้ตาหนูมีทั้งพ่อและแม่ โตขึ้นมาแกจะได้ไม่ต้องเป็นเด็กมีปัญหา” ยายจันทร์เอ่ย ดูเหมือนว่าพี่ธีจะยอมอ่อนลงมาก

            “ผมต้องขอโทษยายด้วยนะครับที่ทำลายข้าวของเสียหาย เดี๋ยวผมจะซื้อมาให้ใหม่”

            “ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่ต้องซื้อมาหรอก แค่นี้มันยังพ่อใช้ได้อยู่”

            “พี่รีบกลับไปเถอะ ถึงพวกเราจะจนก็ไม่ได้อยากรับของจากใคร”

            “อวดเก่งตลอดเลยนะมึง ฝากไว้ก่อนเถอะ รอให้ลูกติดกูเมื่อไหร่มึงได้เป็นหมาหัวเน่าแน่” เขาชี้หน้าก่อนจะมองหน้าลูกแวบหนึ่ง แล้วเดินออกไปจากหน้าบ้านพร้อมกับสมุนทั้งสองคน

            เมื่อแน่ใจแล้วว่าปลอดภัย ผมก็รีบอุ้มลูกมาหายายจันทร์ กลัวว่าแกจะได้รับบาดเจ็บ

            “ยายเป็นอะไรไหมครับ”

            “ยายไม่เป็นไรหรอก เอ็งนั่นล่ะเป็นอะไรรึเปล่า”

            “ไม่ครับ แต่ตาหนูนี่สิคงขวัญเสียน่าดู”

            “โถ...ตาหนูของยาย” ยายจันทร์ลูบกลางกระหม่อมตาหนูเบาๆ

            “วันนี้รอดไปได้แต่วันพรุ่งนี้สิจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ผมต้องทำให้ยายเดือดร้อนอีกแล้ว”

            “อย่าคิดมากน่า อย่างน้อยมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ยายเชื่อว่าพ่อธียังพอจะเปลี่ยนเป็นพ่อที่ดีได้ ดูอย่างวันนี้สิเอ็งเอาเรื่องลูกมาอ้าง ยังยอมใจอ่อนไม่พาตาหนูไป ยอมที่จะมาหาที่นี่ อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะพรากตาหนูไปจากเรานะ”

            “แต่ถึงยังไง ผมก็ไม่เชื่อว่าคนอย่างพี่ธีจะยอมอะไรง่ายๆ ผมจะจับตาดูไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียวเลยคอยดู”

            “ยายจะช่วยดูอีกแรงละกัน แล้วพ่อธีเขาร้ายกับเอ็งมากเลยเหรอ สมัยอยู่ที่บ้านหลังนั้น”

            “ครับยาย คอยแกล้งผมตลอด บางทีก็มีทำร้ายร่างกายด้วย แต่ก็เป็นตามประสาเด็กทะเลาะกัน เพียงแต่ผมต้องเป็นฝ่ายยอมตลอด แต่คนที่ร้ายกว่าพี่ธีก็คือแม่ครับ รายนั้นเวลาไม่พอใจเฆี่ยนผมจนจับไข้มาก็หลายครั้งเลย ถ้าพี่ธีรับนิสัยพวกนั้นมาหมด ป่านนี้ผมคงไม่รอดแล้วล่ะครับ” ผมไม่อยากคิดถึงเรื่องเก่าๆ เลย มันทำให้รู้สึกหวาดกลัวแทบทุกครั้ง

            “ตอนนี้เราก็ไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว ลองเปลี่ยนเขาดูสิเผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น”

            “ยากครับยาย ถ้าเปลี่ยนคนคนนี้ได้ คงเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืนในพริบตาได้แล้วล่ะ”

            “ยังไม่ลองเลยจะรู้ได้ไง ถ้าเปลี่ยนเขาได้ เอ็งก็จะได้อยู่กับตาหนูที่นี่ไปตลอด แถมตาหนูยังมีพ่อที่นิสัยดีอีกด้วย ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนะ” สิ่งที่ยายจันทร์แนะนำมาก็ดีนะ...ถ้าทำได้

            “ผมจะลองคิดดูละกันครับยาย แต่ตอนนี้เราต้องช่วยกันเก็บของก่อน จะได้ไปทำข้าวต้มมัดต่อ”

            ผมกับยายจันทร์ช่วยกันเก็บกวาดผลงานที่ลูกน้องของพี่ธีทำไว้ คนอะไรจะเลวทรามได้ขนาดนี้ ผมจะทำให้ใจเขามาหาลูกที่บ้านทุกวันได้ยังไงกันเนี่ย...เฮ้อ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แม่จ้าว...... นังธีเลว ชั่ว โหด เหี้ยม ยันแม่นังธีเลยหรอ  :3125:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :z6: อะไรจะร้ายขนาดนี้

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
แม่ผัว ,สามี  โคตรร้าย  ดีนะพ่อผัวไม่ร้ายแต่ดันกลัวเมีย

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
EPISODE 4

คุณพ่อมือใหม่





          เมื่อคืนนี้ผมนอนแทบจะไม่หลับ เพราะยังคงเป็นกังวลเรื่องของพี่ธี สงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ยอมอ่อนข้อให้ผมง่ายดายขนาดนั้น ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยจะเป็นอย่างนี้ ผมพยายามคิดในแง่ดีเหมือนที่ยายจันทร์บอก แต่ทว่ากลับยังทำใจไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะโดนพรากลูกไปจากอก

            เช้านี้ผมกับยายจันทร์ออกมาขายข้าวแกงตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกตินั่นคือมีหนุ่มหล่อสองคนมาคอยนั่งเฝ้า อย่างกับเป็นบอดี้การ์ดซะอย่างนั้น โชคดีที่มีทั้งยายจันทร์และพี่เพชรอยู่ด้วย ไม่งั้นผมคงจะหวาดระแวงไม่เป็นอันทำอะไรแน่นอน

            “ตาหนูมาให้พ่ออุ้มหน่อยสิครับ” ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันหลังกลับไปมอง ทั้งที่มีลูกค้ายืนรอข้าวแกงอยู่ก็ตาม

             ยายจันทร์มองมาที่ผมสื่อว่าคงจะห้ามไม่ได้ ก่อนจะยอมให้พี่ธีอุ้มตาหนูอย่างจำใจ

            “เอ่เอ้ ทำไมลูกพ่อตัวหนักจังเลยครับเนี่ย” ดูท่าทางพี่ธีคงจะมีความสุขมาก ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อนเลย

            “เท่าไหร่คะ” เสียงของลูกค้าดังขึ้นทำให้ผมต้องหันกลับมามอง

            “สี่สิบบาทครับพี่”  ผมรับเงินมาแล้วก็ยิ้มให้ลูกค้าสาวก่อนจะเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณครับพี่”

            ในระหว่างนั้นพี่เพชรก็เดินเข้ามายืนข้างผม วันนี้ไม่ได้มาในฐานะลูกค้า แต่ดูเหมือนว่าจะมาในฐานะผู้ช่วยมากกว่า

            “เหนื่อยไหมครับน้องวิน”

            “ไม่เลยครับ”

             “เดี๋ยวพี่ช่วยขายนะ”

            “ไม่เป็นไรครับพี่เพชร ช่วยไปดูตาหนูดีกว่าผมกลัวว่าพี่ธีจะขโมยลูกผมไป” ผมว่าพลางมองอีกฝ่ายด้วยหางตา

            “กูไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า บอกแล้วไงว่าจะไม่ทำให้ลูกร้องไห้อีก”

            “ผมจะเชื่อใจพี่ได้ยังไงกัน คนเคยเลวยังไงก็เลววันยังค่ำ”

            “วินพอแล้วลูก ไหนบอกจะไม่คิดมากเรื่องนี้แล้วไง” ยายจันทร์ปรามผมไว้ก่อนที่จะทะเลาะกันอีก

            “เห็นแก่ยายหรอกนะ ไม่งั้นผมไม่ยอมหยุดแน่”

            “แล้วแต่มึงจะเชื่อกูไม่ได้สนอยู่แล้ว กูสนแค่ลูกคนเดียวเท่านั้น” เขาตอบกลับมาอย่างเจ็บแสบ ใช่สิผมมันไม่เคยสำคัญกับเขาอยู่แล้วนี่นา เคยทำอะไรไว้บ้างผมจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด

            “มึงเองก็หยุดเลยไอ้ธี กูจะคอยจับตาดูมึงเหมือนกัน ถ้ามึงทำอย่างที่วินคิดจริงๆ มึงได้โดนกูแน่”

            “ใช่สิ! ตอนนี้มึงเห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อนแล้วนี่”

            “มันแน่อยู่แล้วว่ะ มึงทำอะไรเหี้ยๆ กับน้องไว้วินเยอะขนาดนั้น กูยังคบกับคนเลวย่างมึงมันก็เป็นบุญนักหนาแล้วเว้ย” พี่เพชรพูดเอาใจผมเต็มที่ ถ้าไม่มีลูกทั้งคนผมคงจะคบกับพี่ธีแล้วแน่นอน เป็นสุภาพบุรุษกว่าพี่ธีเยอะเลย

            “มึงเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังได้ไงวะไอ้วิน” พี่ธีอุ้มลูกมายืนตรงหน้าผม ทำสีหน้าไม่พอใจ

            “ก็มันเรื่องจริงนี่นา พี่เพชรไม่ใช่คนอื่นสำหรับผม ทำไมจะเล่าให้ฟังไม่ได้”

            “อ้อ กูลืมไปสงสัยไอ้เพชรคงจะเป็นบ่อเงินบ่อทองของมึงสินะ ถึงได้เอาอกเอาใจกันซะขนาดนี้”

            “หุบปากมึงเลยไอ้ธี พาตาหนูกลับไปนั่งก่อนที่กูจะต่อยปากมึง” พี่เพชรชี้หน้าเขา

            ในระหว่างนั้นลุงจอมก็เดินเข้ามาหาพวกเรา เมื่อเห็นหน้าพี่ธีก็ทำท่าตกใจ เพราะจำได้ว่าวันก่อนพี่ธีมาก่อกวนหาเรื่องผมนั่นเอง

            “อ้าว! มึงนี่หว่า เอาตาหนูคืนให้วินไปเดี๋ยวนี้” ลุงจอมทำท่าจะพุ่งทะยานเข้าใส่ แต่ผมห้ามเอาไว้เสียก่อน

            “อย่าครับลุง เขาเป็นพ่อของตาหนูเองล่ะ” ผมจำใจยอมบอกความจริงกับลุงจอมไป ไม่รู้ว่าแกจะเอ็ดผมไหม เพราะวันก่อนยังมีหน้าบอกให้แกช่วยอยู่เลย

            “อ้าว! โกหกลงนี่หว่า ถ้าวันนั้นลุงทำร้ายมันสงสัยคงได้นอนอยู่ในคุกแล้วมั้งป่านนี้” ลุงจอมว่าให้ผมแต่เหมือนไม่ได้จริงจังอะไร

            “ขอโทษครับลุง ตอนนั้นผมรู้สึกกลัวจริงๆ ไม่ได้คิดจะโกหกลุงเลยนะครับ”

            “ลุงพูดเล่นไปงั้นล่ะเห็นตาหนูมีพ่อลุงก็ดีใจ”

            “ครับลุง” ผมยิ้มแหยๆ ให้กับลุง ส่วนพี่ธียิ้มมุมปากให้มุม สงสัยคิดว่าตัวเองเอาชนะได้สินะ ผมเห็นแก่ลูกเท่านั้นเอง ถ้างั้นคงไม่ทำอย่างนี้หรอก อยากจะเอาค้อนทุบหัวให้ตายลงตรงนี้เสียด้วยซ้ำ

            “เอาข้าวมาให้ลุงจานนึง เอาเมนูที่หนูวินคิดว่าอร่อยสุด”

            “ครับลุง รอแป๊บครับ” ว่าแล้วผมก็รีบตักข้าวแกงให้กับลุงจอมทันที วันนี้ผมไม่คิดเงินหรอก เพื่อเป็นการขอบคุณในวันนั้น “ได้แล้วครับลุง มื้อนี้กินฟรีครับเพื่อเป็นการขอบคุณวันนั้นที่ช่วยผม”

            “ไม่เป็นไรลุงจ่ายดีกว่า ของซื้อของขาย”

            “ไม่เป็นไรจริงๆ ครับลุง”

            “ถ้างั้นก็ขอบใจเอ็งมาก คนนิสัยดีๆ อย่างเอ็งใครได้เป็นเมียนี่ถือว่าโชคดีที่สุดในโลกแล้ว ดูแลวินมันให้ดีๆ ล่ะยังไงก็ผัวเมียกัน” อ้าว! ลุงครับทำไมหันไปพูดกับพี่ธีอย่างนั้นล่ะ

            “ครับลุง” เขายิ้มรับอย่างหน้าไม่อาย แต่ผมนี่สิแทบจะกระอักเลือด อยากอธิบายให้ลุงเข้าใจว่าตอนนี้ผมกับพี่ธีไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว แต่คงไม่ทันเพราะตอนนี้ลุงจอมถือจานข้าวไปเสียแล้ว

            “คราวหลังถ้าอะไรมันไม่จริงก็หัดปฏิเสธบ้างนะ พี่ก็รู้ว่าตอนนี้ผมกับพี่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”

            “ใช่! มึงมันก็แค่พ่อของลูก ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”

            “แต่ถึงยังไงกูก็เคยได้ว่ะ” เขาพูดใส่หน้าพี่เพชร ก่อนจะอุ้มลูกเดินไปนั่งกับยายจันทร์

            พี่เพชรไม่กล้ามองหน้าผมตรงๆ ได้แต่ปรายตามองเพียงเล็กน้อย คงกลัวว่าผมจะอายที่โดนพี่ธีพูดแบบไม่ไว้หน้าอย่างนั้น



            ในที่สุดการขายข้าวแกงที่สุดแสนจะวุ่นวายในช่วงเช้าก็จบลงไป พวกเรากลับมาที่บ้านโดยมีสองหนุ่มที่ไม่ได้รับเชิญกลับมาด้วย ผมเริ่มไม่สบายใจแล้วเพราะรู้สึกว่าตาหนูเริ่มจะติดพี่ธีมาก ไม่ตื่นกลัวเหมือนในช่วงแรก ผมกลัวว่าพี่ธีจะใช้ความสนิทสนมนี้ มาทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับลูกต้องพังทลายลงไป

          “เมื่อไหร่พี่จะกลับ” เมื่อมาถึงบ้านแล้วผมก็เดินมาหาพี่ธี ที่กำลังอุ้มลูกอยู่ จึงเอื้อมมือไปจะขออุ้มลูกบ้าง

            “ไม่ต้องกูอุ้มเอง” เขาเอี้ยวตัวหนี เห็นอย่างนั้นผมก็เริ่มโมโห

            “พี่ธีเอาลูกผมมาเดี๋ยวนี้”

            “ไม่! กูจะอุ้มลูกเอง”

            “ตาหนูมาหาแม่เร็ว” เมื่อได้ยินอย่างนั้นตาหนูก็โน้มตัวมาหาผม อ้าแขนรอให้ผมอุ้ม แต่พี่ธีกลับเบี่ยงเบนความสนใจลูกโดยการเปิดการ์ตูนในโทรศัพท์มือถือให้ดู

            “ตาหนูเราไปดูการ์ตูนกันนะครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มลูกเข้าไปในบ้านอย่างถือวิสาสะ ผมกับพี่เพชรและยายจันทร์มองหน้ากันอย่างเหนื่อยใจ         

            ใน่ช่วงเวลาที่พี่ธีอยู่กับลูก ผมแทบจะไม่มีเวลาได้เข้าใกล้เลย นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก ผมยอมรับว่ากลัวลูกจะรักเขามากกว่าผม มันอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะผมผ่านอะไรร้ายๆ มาเยอะมาก และรู้สึกว่าลูกต้องเป็นของผมเท่านั้น คนบ้านนั้นไม่ควรจะได้ความรักจากใครเลย

            ผมกับพี่เพชรเดินเข้าไปหาพี่ธี ที่กำลังนั่งหยอกล้อเล่นกับตาหนูอย่างมีความสุขในศาลาริมคลอง เมื่อเขาเห็นพวกผมก็เอาลูกมานั่งตักตัวเองไว้ ราวกับหวงของซะอย่างนั้น

            “พี่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะแย่งตาหนูหรอก ยังไงซะคืนนี้ผมก็ได้นอนกอดลูกทั้งคืนอยู่แล้ว ช่วงนี้ผมเปิดโอกาสให้ก่อน” ผมเอ่ยประชดไป ให้เขารู้ว่ายังไงผมก็เป็นฝ่ายได้อยู่กับลูกมากกว่าอยู่ดี

            “ถ้างั้นคืนนี้กูจะนอนที่นี่” เขาพูดออกมาหน้าตาเฉย ทำเอาผมตัวสั่นเทาด้วยความโมโห

            “ไม่ได้! ผมไม่ยอมเด็ดขาด”

            “ใช่! กูก็ไม่ยอมเด็ดขาด มึงชักจะมากเกินไปแล้วนะ” พี่เพชรเองก็ค้านอีกเสียง

            “ทำไมพวกมึงต้องทำหน้าตาตื่นขนาดนั้นด้วยวะ กูแค่อยากจะอยู่กับลูก อยากให้พ่อนอนที่นี่ไหมครับตาหนู” เขาก้มลงไปถามลูก

            “แอ้” ตาหนูยิ้มหน้าบานเหมือนรู้ว่าพี่ธีกำลังถามอะไร

            “เห็นไหมลูกยังอยากให้กูนอนด้วยเลย”

            “แต่ผมไม่มีทางยอมเด็ดขาด แค่นี้ผมก็ถือว่าให้โอกาสพี่มากแล้วนะ คนอย่างพี่มันไม่ควรจะมีโอกาสแบบนี้ด้วยซ้ำ”

            “ถ้ากูจะค้างจริงๆ ยังไงมึงก็ห้ามกูไม่ได้หรอก” เขายังหน้าด้านไม่เลิก

            “พี่ธี!” ผมตวาดเสียงดัง จนตาหนูเริ่มเงียบ มองดูพวกผมอย่างประหลาดใจ

            “ว่าแต่กู มึงเองก็ทำตัวไม่ดีให้ลูกเห็นเหมือนกันนั่นล่ะ กูไม่ค้างก็ได้แต่เฉพาะวันนี้เท่านั้นนะ”

            “วันไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น”

            “มึงชักจะมากไปแล้วนะ แค่นี้กูก็ทนมึงมากแล้ว อย่าให้กูต้องทนไม่ไหวไปมากกว่านี้” เขาชอบขู่ผมอยู่เรื่อย

            “มึงแม่งใช้แต่กำลังแก้ปัญหา หัดทำตัวเป็นพ่อที่ดีได้ไหมวะ ถ้ามึงทำไม่ได้กูจะเป็นพ่อของตาหนูให้เอง กูว่าอย่างมึงหาแม่ของลูกได้ไม่ยาก ใครๆ ก็อยากได้มึง มึงจะมีลูกกี่คนก็ได้ ทำไมจะต้องมายุ่งวุ่นวายกับวินและตาหนูด้วยวะ ทั้งที่มึงเองไม่ใช่เหรอที่อยากให้วินออกจากบ้าน” พี่เพชรพูดตรงใจผมมาก อยากจะพูดอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว แต่เขาสำนึกบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้

            “นั่นมันเป็นเรื่องของอนาคต กูจะมีลูกมีเมียกี่คนก็ได้ แต่ตอนนี้ตาหนูคือลูกคนแรกของกู เพราะมีแม่ร่านๆ อย่างมึงไงกูถึงอยากจะเอาลูกไปเลี้ยงเอง”

            “พี่ธี! มันชักจะมากไปแล้วนะ แม้ว่าผมจะร่านมากแค่ไหน แต่ผมก็มีความเป็นคนมากกว่าคนรวยๆ อย่างพวกคุณแน่นอน” ผมไม่ยอมให้ใครมาว่าฝ่ายเดียวหรอก ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนั้นแล้วจะกลัวอะไร

            “ไอ้วิน! มึงไม่เคยสำนึกบุญคุณที่พ่อกับแม่เลี้ยงดูมาเลยเหรอวะ ไอ้เนรคุณ” เขาขี้หน้าผม

            ตอนนี้ตาหนูเริ่มท่าไม่ดีแล้ว ผมกลัวว่าลูกจะร้องไห้จึงยอมเป็นฝ่ายเงียบไปซะเอง

            “ผมไม่เคยลืมบุญคุณของท่าน แต่ผมก็ไม่มีวันลืมสิ่งที่ท่านทำกับผมเหมือนกัน เอาตาหนูคืนมาผมจะพาลูกไปอาบน้ำ” ผมไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดแล้ว อ้างเรื่องนี้พี่ธีน่าจะยอมปล่อยตาหนูมาให้ผม

            “กูจะอาบให้เอง”

            “อย่ามาอวดเก่ง มึงให้น้องวินอาบน้ำให้ลูกเถอะ กูกลัวว่าตาหนูจะสำลักน้ำตายก่อนน่ะสิ” พี่เพชรว่า

            “เออๆ ก็ได้ แต่อาบน้ำแล้วตาหนูต้องมาอยู่กับพ่อนะลูก” เขาเอ่ยกับลูกแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ ทำไมอยู่กับลูกถึงได้มีความอ่อนโยนอย่างนี้นะ ทีกับผมไม่เคยทำแบบนี้เลยสักครั้ง แข็งกระด้างใส่ตั้งแต่เด็กจนโต

            “มึงกลับกับกูตอนนี้เลย ปล่อยให้ลูกอยู่กับแม่เขาบ้าง ยังไงวันหลังก็ได้มาอีกอยู่ดี เขาไม่ย้ายบ้านหนีมึงไปไหนหรอกไอ้ธี”

            “ตาหนูมาหาแม่ครับ” ผมไม่รอให้ลูกมาหา รีบแย่งตัวมาอุ้มไว้ทันที “พวกพี่กลับเถอะครับ พวกผมขออยู่กันตามประสาคนในครอบครัวบ้างเถอะ” ผมจงใจพูดให้พี่ธีรู้ตัวว่ากำลังเป็นส่วนเกินของบ้านหลังนี้

            “ถ้างั้นพี่กลับก่อนนะน้องวิน เดี๋ยววันหลังจะมาใหม่”

            “ถ้าจะให้ดีพี่เพชรช่วยพาเพื่อนมาสักอาทิตย์ละครั้งก็ได้นะครับ ถ้าบ่อยเกินผมว่ามันอาจจะทำให้ตาหนูอึดอัด ที่มีคนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตมากเกินไป” ผมพูดประชดประชันพี่ธี พี่เพชรเองก็รู้ดีจึงไม่เอ่ยอะไรตอบกลับมา ได้แต่พยักหน้ารับ

            “ถ้าจะพูดกับกูก็พูดมาตรงๆ อย่าอ้อมค้อม”

            “ก็รู้ตัวนี่”

            “มึงอย่าคิดว่าที่กูยอมเพราะใจดีกับมึง สักวันเถอะมึงจะได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่” เขาชี้หน้าขู่ผม อย่างนี้จะให้ผมไว้ใจได้ยังไงกันล่ะ

            “พี่คิดจะทำอะไร”

            “เปล่าไม่ได้จะทำอะไร” เขาทำหน้ากวน นั่นยิ่งทำให้ผมโมโหเข้าไปใหญ่

            “ยิ่งพี่พูดอย่างนี้ผมยิ่งไม่ไว้ใจ”

            “กูก็พูดเอาชนะมึงไปอย่างนั้นล่ะ”

            “รีบกลับไปเถอะ วันนี้ผมปวดหัวกับพี่มากพอแล้ว”

            ขณะผมกำลังจะอุ้มตาหนูเดินมานั้น พี่ธีก็รั้งแขนผมไว้ แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาหอมแก้มตาหนูอีกครั้ง ทำให้ใบหน้าเราทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก จนผมได้กลิ่นกายที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ผมยังคงจำกลิ่นนี้ได้ไม่มีวันลืม ในคืนนั้น คืนที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แต่กลับถูกฉุดเข้าไปในห้องของเขาแทน

            “พ่อ แอ้ๆ” ตอนนี้ตาหนูเริ่มเรียกเขาว่าพ่อบ่อยขึ้น เพราะวันนี้ทั้งวันเขาเอาแต่สอนลูกพูดคำนี้ ทำอย่างกับกลัวว่าลูกจะจำไม่ได้อย่างนั้นล่ะ

            “พ่อไปแล้วนะครับตาหนู เอาไว้พรุ่งนี้พ่อจะมาหาใหม่” เขาพูดกับลูกแล้วมองผมแวบหนึ่ง ก่อนจะผละใบหน้าออกไป

            “ขับรถกลับดีๆ นะครับพี่เพชร ขอบคุณมากที่ช่วยขายของ ลำบากแย่เลย” ผมอยากให้เขารู้ว่า คนอย่างเขาไม่ได้มีตัวตนในสายตาผมเลย จึงเลือกที่จะพูดเอาใจพี่เพชรต่อหน้า

            “ไม่เป็นไรครับพี่ยินดี ขายข้าวแกงก็สนุกดีเหมือนกันนะ เอาไว้ว่างๆ พี่จะมาช่วยอีก”

            “อย่าเลยครับแค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว มาเป็นลูกค้าเหมือนเดิมดีกว่าเนาะ” ผมส่งยิ้มให้ พี่ธียืนอยู่ตรงกลางฟังพวกผมสนทนากัน ดูท่าทางจะอารมณ์เสียไม่น้อย

            “ถ้าน้องวินต้องการแบบนั้นพี่ก็ไม่ขัด จะตามใจน้องวินทุกอย่างเลยครับ”

            “ขอบคุณครับที่เข้าใจผมมาตลอด”

            “ไอ้เพชรมึงจะกลับได้รึยังวะ”

            “อ้าว! มึงก็กลับไปดิวะ วันนี้กูกับมึงมาคนละคันเว้ย”

            “แล้วไง! เจ้าของบ้านเขาอยากจะให้เราออกไปจะแย่แล้ว ยังจะมายืนเพ้ออยู่ได้” ว่าแล้วพี่ธีก็ดึงแขนเพื่อนออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง คงทนฟังไม่ได้ล่ะสิที่เห็นคนอื่นได้รับความสนใจมากกว่า คนอย่างเขาเป็นพวกชอบเรียกร้องความสนใจ เห็นคนอื่นได้รับความรักกว่าไม่ได้

            “เดี๋ยวลุงมาหาใหม่นะครับตาหนู” พี่เพชรยังอุตส่าห์หันมาเอ่ยกับตาหนู ขณะโดนเพื่อนรักลากตัวออกไป

            มีพี่เพชรมาด้วยอย่างนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้น แต่วันหลังหากพี่ธีมาเพียงคนเดียว พวกเราคงได้ทำสงครามน้ำลายกันอีกอย่างแน่นอน ด้วยความกวนของเขาผมกลัวว่าจะอดใจไม่อยู่ จำต้องด่าออกไปด้วยความโมโห สงสัยผมคงจะเก็บกดมาตั้งแต่อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว สมัยก่อนผมแทบไม่กล้าพูดตอบโต้อะไรเลย เพราะกลัวว่าแม่จะตีที่บังอาจต่อล้อต่อเถียงกับลูกชายสุดที่รัก แต่วันนี้ผมไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองแบบนั้นอีกแล้ว...

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยยย เอาเพชรเป็นพระเอกเลยเหอะ นิสัยดี สุภาพ ไม่เหมือนอีธีเหี้ยที่สุด

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด