เรื่องราวของน้องหมอก
“น้องหมอก นี่พี่พัดนะครับ”
เด็กตัวเล็กเอียงคออย่างสงสัยเมื่อเห็นคนแปลกหน้า ใครก็ไม่รู้นี่เดี๋ยวก็ยิ้ม แล้วก็ปิดหน้า แล้วก็เปิดให้เห็นหน้าตาประหลาดๆ เด็กน้อยไม่รู้ว่าคนๆนี้กำลังทำอะไร และไม่สามารถถามออกมาเป็นคำพูดได้ จึงทำได้แค่ร้องไห้เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น
“อ้าว หมอก ทำไมล่ะลูก พี่พัดเค้าเล่นด้วยเห็นมั้ยน่ะ” หญิงสาวที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบของหมอกอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา เขาซุกลงกับอกเธอโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองอะไรอีกเลย ทำเอาคนตั้งใจมาเล่นด้วยยิ้มเจื่อนๆ
“งั้นผมกลับบ้านก่อนดีกว่าครับ”
“จ้ะ แล้วมาเล่นกับน้องใหม่นะ”
เด็กชายยกมือไหว้แล้วเดินกลับอย่างจ๋อยๆ นึกโทษแม่อยู่ในใจว่าทำไมต้องมายุ่งเกี่ยวอะไรกับบ้านย้ายมาใหม่ด้วย นี่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรแท้ๆกลับทำให้น้องร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น
แต่หลังจากนั้น จะด้วยแม่หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้พัดมีธุระมาที่บ้านของหมอกแทบทุกวัน และค่อยๆเล่น จนเจ้าตัวเล็กจำได้ และติดเด็กชายราวกับตังเม
คำที่หมอกพูดได้แรกๆ นอกจาก ป้อ แม่ะ หม่ำ แล้ว ก็เป็นชื่อของพัดนี่แหละ
หมอกไม่เข้าใจความแตกต่างของเพศ…
ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจว่าผู้ชายคืออะไร ผู้หญิงคืออะไรอย่างนั้นหรอกนะ เข้าใจด้วยว่าผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงแล้วจะมีลูก ถึงคุณครูจะไม่ได้สอนว่ามียังไงก็เถอะ
แต่คุณครูไม่เห็นจะสอนเลย ว่าการที่อยากจะจุ๊บพี่ชายข้างบ้าน มันเป็นเรื่องผิดปกติตรงไหน
“อ่า… เรื่องนี้หรอกเหรอคะ”
แล้วหมอกก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมแม่จะต้องถอนหายใจตอนคุณครูอธิบายพฤติกรรมในห้องเรียน ว่าเขาร้องไห้จ้าเมื่อครูบอกว่า
จุ๊บกับพี่ชายไม่ได้เด็ดขาด กับพ่อแม่ยังบอกว่าโตขึ้นจุ๊บปากไม่ได้ แต่จุ๊บแก้มได้ งั้นทำไมสำหรับพี่พัด หมอกถึงจุ๊บอะไรไม่ได้
เลย
“ก็หมอกรักพี่พัดนี่ ครูก็บอกให้จุ๊บได้แค่คนที่รัก หมอกผิดตรงไหน” หมอกพูดแล้วขยี้ตาที่แดงเพราะร้องไห้ในมันช้ำไปอีกจนแม่ต้องมาดึงไว้ ก่อนจะบอกคุณครูว่าขอให้ตัวเองจัดการแล้วอธิบายกับลูกตัวน้อย
“หมอกไม่ผิด แต่พี่พัดเค้าผิดนะ” เด็กน้อยหน้าเหวอทันทีที่ได้ยิน คุณแม่รีบอธิบาย “กฏหมายมีอยู่ว่าถ้าคนที่อายุมากกว่าจุ๊บเด็กที่อายุต่ำกว่า18 จะถูกจับเข้าคุกนะลูก ถ้าพี่พัดจุ๊บหนูอาจจะต้องเข้าคุกนะ”
เท่านี้ล่ะหมอกก็แทบจะร้องไห้จ้าขึ้นมาอีกครั้ง พ่อเคยอธิบายเรื่องตำรวจกับคนร้ายให้เด็กน้อยฟัง และจำได้ไม่ลืมว่าที่ๆเรียกว่าคุกเป็นที่ๆไม่ดี มีแต่คนไม่ดี หมอกไม่อยากให้พี่พัดไปอยู่ที่นั่น
“ไม่เอาน้า”
“นั่นแหละ เพราะงั้นตอนนี้ก็จุ๊บพี่พัดไม่ได้นะ หนูต้องอายุ18ก่อนนะ ไหนอีกกี่ปีนับซิ”
“ตอนนี้หมอกหกขวบ” เด็กน้อยนับเลขอย่างตั้งใจ เขาไม่รู้วิธีการเอาเลขมากกว่ามาลบ เลยใช้วิธีนับจากน้อยไปมากซึ่งใช้เวลา
แต่คุณแม่ก็รออย่างใจเย็น แม้คุณครูที่นั่งใกล้ๆจะเหวอไปแล้วก็ตาม
“อีก12ปี!”
“ใช่จ้ะ หมอกเก่งมาก รออีก12ปีเนอะ ไม่นานหรอก นี่ไงแปปเดียวหมอกก็หกขวบละ อีกแปปๆก็18 ไว้ถึงตอนนั้นถ้ารักพี่พัดที่สุดอยู่ ค่อยไปจุ๊บเขานะลูกนะ”
“หมอก.. หมอกจะอดทน”
คุณแม่ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วหันไปส่งยิ้มให้คุณครูที่กระซิบถามเบาๆว่าสอนแบบนี้ดีแน่หรือ ซึ่งฝั่งแม่ก็คิดว่ามันอาจจะไม่ได้ดีที่สุดหรอก แต่ในเวลาจำกัดก็คิดได้เท่านี้ และมันก็ได้ผลเสียด้วย
ต่อไปก็แค่ลุ้นว่าพอหมอกครบ18จะยังอยากจุ๊บพี่พัดอยู่รึเปล่าเท่านั้น และตามปกติ เด็กผู้ชายวัยนั้นความรู้สึกอยากจุ๊บพี่ชายที่อายุห่างกันร่วมสิบปีมันก็คงจางหายไปนานมากแล้ว
แต่ถ้าถึงวันนั้นแล้วยังอยากจุ๊บอยู่… ก็คงต้องเลยตามเลยซะละมั้ง
ในช่วงพักเที่ยง เด็กทุกคนต่างวิ่งเล่นกันอย่างเต็มที่จนเหงื่อไหลไคลย้อย และเมื่อถึงเวลาเข้าเรียนต่างก็แข่งวิ่งกันมารับแอร์เย็นฉ่ำที่คุณครูเปิดรอไว้ให้ทุกวัน แต่วันนี้โต๊ะเรียนที่ว่างเปล่าของทุกคนกลับมีถุงคุ้กกี้วางอยู่คนละถุง เด็กๆต่างเข้าไปหยิบดูด้วยความสนใจ
“นี่ของใครอ่ะ มาจากไหนเนี่ย”
“ก็เพิ่งมาเห็นพร้อมกันเนี่ย จะรู้ได้ไง” หมอกตอบเพื่อนที่นั่งข้างๆก่อนที่คุณครูจะเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งและสั่ง
ให้ทุกคนนั่งที่
“ทุกคน ไม่ต้องตกใจกับถุงขนมนะ พอดีว่าแม่ของฝ้ายเค้าเพิ่งเปิดร้านขนม ก็เลยเอามาแจกพวกเราให้ลองชิมดู แต่อย่าเพิ่งกินตอนนี้นะ เลิกเรียนค่อยกิน รสชาติเป็นไงพรุ่งนี้มาบอกด้วยนะคะ แม่ฝ้ายเค้าอยากรู้”
หมอกและเพื่อนๆส่งเสียงตอบรับอย่างเข้าอกเข้าใจแล้วเก็บคุกกี้ลงใต้โต๊ะบ้าง ในกระเป๋าบ้าง ก็ว่าอยู่ว่าทำไมไม่เห็นฝ้ายไปเล่นกับพวกผู้หญิงตอนเที่ยง ที่แท้ก็มาแอบวางขนมนี่เอง
เด็กก็ยังเป็นเด็ก เรื่องฝ่าฝืนคำสั่งนี่ถนัดนัก เพราะถึงจะบอกให้เอากลับไปกินที่บ้านแล้วบอกความเห็น แต่หลายคนเลือกที่จะแกะกินทันทีที่เลิกเรียน ใครกินหมดก็ขอแบ่งเพื่อนที่กินแค่นิดเดียวแล้วตั้งใจจะเก็บไปแบ่งที่บ้าน แถมหลายคนกินเสร็จแล้วก็ไม่ยอมบอกว่าอร่อยไม่อร่อยยังไงจนฝ้ายปวดหัว ต้องไล่ตามถามทีละคนๆ
“จริงๆเลยนะ แม่เราอุตส่าห์ทำมาให้กิน” เด็กสาวดูจะเด็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่จึงทำหน้ามุ่ย หมอกที่กำลังเก็บกระเป๋าเห็นอย่างนั้นจึงเข้าไปหาเธอ
“ก็ครูบอกให้มาบอกพรุ่งนี้ไง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงมาบอกเองมั้ง” ไม่รู้ว่ามันเข้าท่ารึเปล่าเพราะเด็กสาวถอนหายใจ แต่อย่างน้อยหมอกก็ถือว่าได้ช่วยให้เธอสบายใจขึ้นมา นิดนึงล่ะมั้ง
“ถ้าจริงก็ดีสิ แล้วหมอก แกว่าไงบ้างอ่ะ”
“เรายังไม่ได้กินเลย” เด็กชายว่าแล้วหยิบถุงคุ้กกี้ที่ยังถูกซีลอย่างดีออกมา
“จะเก็บไปกินจะพ่อแม่สินะ”
“ก็ใช่..”
คำพูดแปลกๆทำให้เด็กสาวสงสัย ก็ใช่ แปลว่าใช่ แต่ใช่ไม่หมด หมอกคงมีใครที่อยากแบ่งด้วยอีกแน่ และเด็กสาวที่เริ่มถึงวัยแก่แดดก็ไม่คิดจะปล่อยผ่านเรื่องนี้
“จะเก็บให้แฟนเหรอออ” ฝ้ายพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนและมันทำให้หมอกอ้าปากหวอ เห็นได้ชัดเลยว่าจี้ใจดำ
“ไม่.. ไม่ใช่ซะหน่อย ฝ้ายอย่าแซวดิ” เพราะหมอกมีผิวขาวทำให้พอเขินทีเห็นชัดเลยว่าใบหูเปลี่ยนสีเป็นแดงจัดขนาดไหน เด็กสาวยิ้มแล้วว่าต่อ
“แต่ก็ชอบเค้าใช่มั้ยล่ะ” หมอกพยักหน้าทำให้เด็กสาวแก่แดดคิดแผนอะไรดีๆออกทันที “เอางี้มะ หมอกเอาคุกกี้นี่ไปบอกเค้าดิว่าเราสารภาพรักแล้วให้หมอก”
หมอกย่นคิ้วเข้าหากัน “ทำไม? มันเรื่องโกหกนี่นา”
“จะได้รู้ไงว่าเค้าชอบหมอกเปล่า นะ”
เด็กชายมีสีหน้าลังเลแล้วพยักหน้ารับ บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขาเรียกกันว่าลองใจล่ะมั้งนะ แต่หมอกก็ยังกลัวอยู่ดี ว่าถ้าเล่นแบบนี้แล้วพัดทำเฉยๆขึ้นมาจะเป็นยังไง
“ดีแล้วล่ะ โดนล้อเดี๋ยวก็ทะเลาะกับเพื่อนอีก นี่เดี๋ยวก็จะขึ้นม.1แล้ว เกิดได้ไปอยู่คนละโรงเรียนก็ต้องเสียใจอีก”
ถึงจะพูดไปโน่นนี่แต่หมอกก็เห็นได้ชัดเลยว่าพัดกำลังทำหน้าโล่งใจโดยไม่รู้ตัว เด็กน้อยหัวใจพองโตที่พี่ชายสุดที่รักยังหวงตนอยู่บ้าง
“นั่นสิเนอะ งั้นหมอกไม่มีแฟนดีกว่าเนอะพี่พัด”
“อื้ม”
บางทีพัดคงไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมีสีหน้าที่สบายใจขนาดไหนตอนที่เด็กน้อยบอกว่าจะไม่มีแฟน และไม่รู้เลยว่าคนข้างๆหน้าบานไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
อย่างนี้ต้องเล่าให้ฝ้ายฟังแล้วสิว่าแผนได้ผลน่ะ
หมอกเริ่มรู้สึกว่าตั้งแต่ขึ้นมัธยมมา หัวข้อสนทนาของเพื่อนๆก็เริ่มเปลี่ยนไป ของผู้หญิงน่ะไม่เท่าไร เพราะถึงจะพูดคุยเรื่องเครื่องสำอางค์ เรื่องเครื่องแต่งกายบ้าง ถึงหมอกจะฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็ยังเป็นหัวข้อที่เข้าหูแล้วไม่กระดาก แต่พวกเพื่อนผู้ชายนี่สิ…
“เฮ้ย เอามาให้แล้ว”
“เจ๋งว่ะ เดี๋ยวเที่ยงเอาไปก็อปในห้องคอม”
คุยเรื่องอะไรกันนะ? พักนี้พวกผู้ชายชอบทำอะไรแบบนี้ ยื่นแฟลชไดรฟ์ให้กันแล้วพูดอะไรเหมือนเป็นรหัสลับ และเพราะมันดูไม่น่าไว้วางใจ หมอกเลยเลือกที่จะอยู่ห่างๆดีกว่า
“หมอก สนป่าว” เสียงจากในกลุ่มนั้นเรียกมาทำเอาหมอกที่อ่านการ์ตูนอยู่สะดุ้ง เขาจะตะโกนถามว่ามีเรื่องอะไร แต่ทางนั้นกลับกวักมือให้มาใกล้ๆแทน
“มีอะไรกันเหรอ?”
“หนังชมพูไง มีแฟลชไดรฟ์เปล่า มาก็อปไป”
หมอกขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจที่พูดเท่าไร แต่ท่าทางยักคิ้วหลิ่วตาแปลกๆทำให้เดาได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีจริงๆนั่นแหละ
“หนังชมพูคือไรอ่ะ” หมอกพูดด้วย้ำเสียงปกติและทำให้ทั้งกลุ่มสะดุ้งโหยง หนึ่งในนั้นคว้าคอหมอกมาแล้วเอามืออุดปากด้วยความเร็วแสง ส่งเสียงกระซิบ
“ไม่รู้ได้ไงวะ หนังโป๊ไงหนังโป๊”
หมอกตาโต ดึงมือเพื่อนออก แต่ยังคงเสียงกระซิบ “มันไม่ดีไม่ใช่เหรอ เอามาได้ไงเนี่ย”
“ไม่ดียังไงวะ เค้าเรียกสื่อเพื่อการศึกษา นี่พี่ชายคัดมาให้ เด็ดๆทั้งนั้น ตกลงเอาป่าว”
เห็นสีหน้าเพื่อนที่คะยั้นคะยอเสียเหบือเกิน หมอกจึงต้องรีบพยักหน้ารับโดยไว ถึงจะรู้ว่ามันไม่ดีแต่ด้วยอายุเท่านี้ ความอยากรู้อยากเห็นมันมีมากกว่า
ไม่เคยคิดว่าการเปิดคอมในห้องตัวเองมันจะรู้สึกผิดร้ายแรงขนาดนี้ ได้ยินเสียงแม่คุยกับพ่อและเสียงทีวีที่อยู่ด้านล่างทำให้มือที่ถือแฟลชไดรฟ์สั่นกึกๆ แต่มาถึงตอนนี้ ก็หยุดไม่ได้แล้ว…
ภาพในหน้าจอฉายภาพชายหญิงเปล่าเปลือยทันทีที่เปิดไฟล์ ใจของหมอกเต้นรัวกับความตรงหน้า ตื่นเต้นในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน และแน่นอนว่า.. อวัยวะบางอย่างก็ตื่นขึ้นตามเช่นกัน
“พี่พัด…”
ให้ตายเถอะ ทำไมถึงได้มองพระเอกเป็นพี่พัดไปได้นะ…
มือเล็กขยับรัวเร็ว ปากพร่ำเรียกชื่อพี่ชายในขณะที่มองภาพตัวเองกับอีกฝ่ายซ้อนทับกับพระนางที่อยู่ในฉาก ความรู้สึกแย่ครอบคลุมจิตใจ ผิดที่มั่นใจว่าคิดกับพี่ชายมากกว่าพี่ แต่ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร สิ่งที่มันพลุ่งพล่านทั้งในร่างกายและจิตใจก็ไม่สามารถสงบลงได้
เคยคิดว่า พอโตแล้วจะชอบน้อยลงแท้ๆ…
แต่มันกลับไม่ใช่เลย…
“พี่่พัด… ผมรักพี่…”
เส้นบางๆที่เผลอก้าวข้ามทำให้การบุกเข้าห้องนอนในยามเช้าของพี่ชายไม่เหมือนเคย จากที่เคยยิ้มร่าเมื่อเห็นใบหน้าของพัดยามหลับ กลับเป็นสีหน้าหวาดหวั่นเมื่อรู้ตัวว่าควบคุมจิตใจตนเองไม่ได้
“พี่พัด.. ตื่น…” หมอกเขย่าเบาๆที่ร่างของพี่ชายที่กำลังนอนแผ่สบายอยู่บนเตียงนอน และหมอกรู้ดีว่าพัดไม่ตื่นกับแค่เสียงเบาๆแบบนี้แน่นอน
“รีบตื่นมาสอนการบ้านหมอกได้แล้ว” มีแต่เสียงงึมงำเป็นการตอบรับแล้วพลิกตัวกลับไปอีกทาง หมอกนั่งลงตรงขอบเตียง มองหน้าที่ชายที่กำลังหลับพริ้มอย่างมีความสุข
“พี่พัด…”
หมอกค่อยๆก้มหน้าลงจนริมฝีปากจรดกับแก้มสากของคนหลับ หอมเบาๆด้วยความรักใคร่ทั้งที่ใจเต้นโครมคราม ก่อนจะค่อยๆถอนมันออกมา จ้องมองใบหน้าของพี่ชายไม่ห่าง
“เหวอ!” ทั้งๆที่คิดจะลุกแต่แขนแข็งแกร่งของอีกคนกลับรวบตัวลงมากอดทั้งๆที่ยังหลับ คงเห็นว่าเขาเป็นหมอนข้างนิ่มๆที่ตัวเองเผลอถีบตกเตียงไปล่ะสิ
“พะ.. พี่พัด..”
“งืม…” ใบหน้าที่ซุกไซ้เข้าข้างลำคอทำเอาหมอกสะดุ้งโหยง เด็กหนุ่มตกใจรีบยันตัวพี่ชายออกห่าง ซ้ำยังเตะซ้ำไปอีกหนึ่งทีจนคนหลับตาสว่างทันตา
“เฮ้ย อะไรๆ” พัดที่งัวเงียนั่งจ้องหน้าน้องชายข้างบ้านที่ไม่รู้ทำไมมันหน้าแดงนักอย่างงงงวย แต่ยังไม่ทันจะถามอะไร หมอกกลับหยิบหมอนข้างข้างเตียงมาปาอัดหน้าแล้ววิ่งออกไปเสียอย่างนั้น
“หมอก เดี๋ยวดิ!”
หมอกพยายามสงบใจขณะหนีเข้ามาในห้องน้ำ แต่ไม่ว่าอย่างไรกลับนึกออกแต่ภาพที่ตัวเองโดนจู่โจมเมื่อครู่ สลับกับฉากในหนังที่ดูเมื่อคืนที่ติดตาวนเวียนอยู่ในสมอง
รักมาก หลงมาก กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ความอายหายไปตามกาลเวลา จนบางครั้งมีแต่ความหงุดหงิดเข้ามาเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะทำอะไรเสียที หมอกรุกทุกอย่าง ตื่นเช้า ก่อนเข้านอน หรือแม้กระทั่งเวลาเดินเที่ยวด้วยกัน จนบางทียังคิดว่า ตัวเองหน้าไม่อายไปไหมนะ
“หมอก เฮ้ย” หมอกสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็โดนเขย่าไหล่อย่างแรง สิ่งที่คิดๆไว้กระจัดกระจายไปทั่ว
“มีอะไรเหรอพี่พัด”
“นี่ทำการบ้านหรือหลับ คิดไม่ออกเหรอ” พี่ชายทักขึ้นแล้วมองไปยังสมุดที่ว่างเปล่า เขาสอนการบ้านน้องแล้วออกไปหาขนมมาให้ บวกคุยกับแม่ไปกว่าสิบนาทีแต่หมอกกลับไม่กระดิกเลยสักนิดจนสงสัย
“เปล่า…”
ด้วยใบหน้าและร่างกายที่เข้ามาชิดทำเอาหมอกมองอย่างเผลอไผล จนเลื่อนเข้าไปจุ๊บแก้มพี่ชายเบาๆอย่างอดไม่ได้
“เฮ้ย” และพัดก็ตกใจเกินกว่าเหตุทุกที ทำมาตั้งแต่เด็กแล้วแท้ๆ
“ตกใจอะไรล่ะ” หมอกยิ้ม ทำหน้ายียวน ทำเอาพัดเลื่อนมือมาขยี้หัวอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วจับให้มองการบ้านตรงหน้า
“รีบทำการบ้านเถอะน่า”
หมอกพ่นลมหายใจถึงจะหงุดหงิดที่พี่ชายตกใจ แต่ก็ยังอมยิ้มอย่างดีใจเมื่อพัดเล่นกับตนอยู่ “ก็ได้”
การรุกยังถูกทำอย่างต่อเนื่อง ไม่วันนี้วันหน้าก็สักวัน ที่หมอกคิดว่าพัดจะตอบรับความรู้สึกของตนเสียที หมอกไม่เสียเวลาเอ่ยปากเมื่อเข้ามาถึงห้องนอนอย่างเคย แต่กลับเลิกผ้าห่มของคนที่นอนแผ่หลา และขึ้นคร่อมทับซ้ำยังวางมือสองข้างขยับลงบนหน้าอกคนนอนเบาๆ
“พี่พัด ตื่นๆ”
ด้วยน้ำหนักหรืออะไรไม่รู้ แต่พัดลืมตาขึ้นแล้วร้องเสียงดังทันที “ว้ากกกกกก”
หมอกก้มลงเอามืออุดปากด้วยความหนวกหู แล้วใช้มืออีกข้างเปิดม่านให้พัดเห็นว่าตัวเองตื่นสายขนากไหน เด็กชายยิ้ม เลื่อนหน้าไปใกล้
“พี่พัดจะร้องทำไมเนี่ย!”
“แล้วหมอกจะมานั่งทับพี่ทำไมเนี่ย” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเอื่อย หมอกรู้ดีว่าพัดไม่มีแรงขยับ เพราะว่าเช้าๆแบบนี้แรงยังไม่เข้าที่เท่าไร หรือต่อให้มีแรง ก็ไม่ขยับให้เขาตกเตียงเจ็บตัวหรอก
“ก็ถ้าไม่นั่งทับจะรู้เหรอว่าพี่ยังแข็งแรงอยู่” หมอกใช้สะโพกถูไถกลางลำตัวอย่างไม่รู้จักอาย จนพัดสะดุ้งแล้วผลักออก ซึ่งเด็กคนนี้ก็ยอมลุกขึ้นมาเสียโดยที หัวเราะคิกคักไล่หลังคนที่รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
“แหม่ ไม่เห็นต้องอายเลย”
“ต้องอายสิ!”
ทั้งๆที่ควรจะจัดการอะไรๆแท้ๆ แต่หลังเสียงตะโกนกลับเงียบ หมอกจึงแหย่เข้าอีกหน่อย “ให้ช่วยเปล่า”
“ไม่ต้องเลย! ลงไปอยู่ข้างล่างกับแม่ไป”
“ก็ได้”
หมอกตอบรับพลางยักไหล่ แม้ว่าจะอีกฝ่ายจะไม่เห็น แล้วยอมลงมานั่งกินข้าวที่แม่ของพัดทำไว้ให้แต่โดยดี ผ่านไปเกินครึ่งจานโน่นแหละกว่าพี่ชายจะเดินลงมาด้วยท่าทางที่ดูขุ่นเคืองจนน่าแซว
“ทำไมลงมาช้าจัง แฟบ?” เผลอหลุดคำหยาบออกไปอย่างตะครุบปากตัวเองไม่ทัน เพราะปกติจะพูดคำหยาบลามกกับพวกเพื่อนๆอยู่บ่อยๆตามประสาเด็กผู้ชายจนเผลอพูดออกมา เขาเสมองหน้าพี่ชายนิดๆและเห็นว่าคิ้วของพัดขมวดกันยุ่ง
“เมื่อกี้พูดอะไรน่ะ”
ในเมื่อเผลอไปก็ควรจะขอโทษ แต่จิตใจฝ่ายกบฏกลับสั่งว่าให้ลองตอกกลับไปดู “แฟบไง”
“ใครสั่งใครสอนให้พูดอย่างนี้กับผู้ใหญ่”
หมอกดูอึ้งไปนิดๆกับพัดที่ยืนกอดอกหน้าตาจริงจัง เด็กหนุ่มวางช้อนส้อมลงกับจาน จ้องหน้าคนเป็นพี่ “มันก็ไม่ได้ไม่สุภาพขนาดนั้นป่ะ”
“ถ้าพูดกับเพื่อนก็ไม่เป็นไรไง แต่พี่เป็นพี่นะ”
คำพูดสั้นๆแต่ทำให้หมอกสะอึก เด็กชายกำมือแน่น กัดฟัน โพล่งความใจในออกมาเสียงดัง
“ไม่เห็นจะอยากให้เป็นพี่สักหน่อย!”
“หมอก!”
เด็กหนุ่มไม่ฟัง ตั้งหน้าตั้งตาพุ้ยข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ เพราะเสียดายที่แม่พัดอุตส่าห์ทำไว้ให้ ก่อนจะคว้าแก้วน้ำมาซดดังอึกๆแล้วเดินตึงตังเข้าห้องครัวไปสวัสดีแม่
“กลับแล้ว…”
“เดี๋ยว ที่บ้านฝากเราไว้กับพี่”
“หมอกโตแล้วนะอยู่ม.ปลายแล้ว อยู่บ้านคนเดียวได้น่า!” แล้วก็เดินปึงปังออกไป พอพ้นประตูเท่านั้นแหละที่น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ หมอกรีบไขแล้วรีบล็อคประตู วิ่งเข้าบ้านขังตัวเองในห้องนอน ร้องไห้จนแทบขาดใจแล้วหลับไป
“พี่รักหมอกนะ ยังไงพี่ก็เป็นพี่ชายของหมอกเสมอนะ”
เสียงแผ่วเบาที่ได้ยินข้างหูแทบทำให้น้ำตาไหลอีกระลอก หมอกได้ยินเสียงรีโมทแอร์กับปิดหน้าต่างแต่ก็ยังหลับตาอยู่เพื่อดูว่าพี่ชายจะทำอะไร
และมันเจ็บยิ่งกว่าที่เคยคิดไว้…
หมอกจับไปที่แก้ม ฝั่งที่พี่ชายข้างบ้านฝากความอบอุ่นเอาไว้ น้ำตารื้น
“บอกแล้วไง ว่าไม่อยากได้พี่ชาย”