ตอนที่ 6.2 อกหักเพราะรักตูบ
----------------------------------------------
“ลุงเป็นไรอ่ะครับหน้าเครียดๆ”
มันถามขณะที่เรากำลังกินผัดไทที่มันทำ เอออร่อย แต่อารมณ์ตอนนี้มันทำให้รู้สึกไม่อร่อยเลย
“หือ”
“ไม่หร่อยหรอครับ เห็นเขี่ยไปเขี่ยมา ผมว่าก็ใช้ได้นะ”
มันทำหน้าสงสัย
“เปล่า อร่อยดี เอ้อ ถามไรหน่อย”
“ครับ?”
“ในตัสอ่ะ แฟนเรอะ ? ที่ขึ้นสถานะ”
ผมแกล้งทำหน้าแซว เดี๋ยวไก่ตื่น
“อ๋ออออออ …. แหะๆ ก็ ….”
มันเริ่มทำหน้าเขินเกาหัวแกรกๆ หน้าเริ่มเห่อแดง แต่ผมนี่หัวใจฟีบลงทุกทีๆ อาการแบบนี้มันอินเลิฟสินะ…
“มันก็ …. กิ๊กๆกั๊กๆกันอ่ะลุง แหะๆ”
โครม … ! ลูกหินหนักๆหล่นทับหัวใจผมจนแบน ไอ้ตูบมีแฟนนนนนนนน โฮฮฮฮฮฮ อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะฆ่าตัวตาย ไปหลงไอ้ตูบแต่มันดันมีแฟนแล้วววววววววววววววววววววววววว
“อ๋อ ก็ดีนี่ แต่อย่าเสียการเรียนล่ะ”
หัวใจมันร้องไห้แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้ม
“ค้าบบบ แต่เขาเรียนเก่งกว่าผมนะ มีสอบย่อยเทสย่อยติวให้ตลอดเลย เก่งโคตร”
เฮือก …
“แล้วมาอยู่นี่บอกเค้ายัง?”
“อ๋อบอกแล้ว เค้าก็ไม่ได้ว่าไร เพราะจะไปนอนหอเค้าก็ไม่ได้อ่ะ เค้ามีรูมเมทเป็นเพื่อนโรงเรียนเก่า ดูรูปป่าวววว หล่อนะลุง”
ผู้ชาย ! … อยากจะล้มโต๊ะกินข้าวสุดๆ แต่มันจะได้ใจหาว่าเราไปหลงมัน ผมเลยได้แต่นั่งยิ้มรับมือถือมันมาดู อื้อหือตั้งเป็นรูปสกรีนด้วย …
ก็หน้าตาดี อีกฝ่ายก็ขาวตี๋ไม่ต่างกับมัน หืม ? … ดูมันหน้าแบ๊วกว่าไอ้ตูบอีก
“หน้าหวานเนอะ …”
“อ๋อ … เค้าเป็นเอ่อ ตุ๊ดอ่ะลุง รุ่นพี่ปีหนึ่ง คือ .. ผมเป็นเกย์คิงอ่ะครับ แหะๆ”
ช็อคกว่านี้ไม่มีแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!!!
“ไอ้กรเป็นไรอ่ะ นัดมากินเหล้าหรอ”
ปิ๊งในชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูกับกางเกงแสล็คขาเดฟเดินเข้ามานั่งข้างๆผมก่อนจะสั่ง…
“เปปซี่แก้วนึงคับ ขอบคุณคับ”
“มาบาร์เหล้าเสือกสั่งเปปซี่”
“ก็ไม่อยากกินนี่ … แล้วมึงเมาใครจะพากลับ ตกลงเป็นไร ดื่มไปกี่แก้วแล้วเนี่ย อกหักมาหรอ?”
“เออ ไม่ใช่แค่อกหักนะ ซี่โครงร้าวครบทุกซี่แล้ว เจ็บโคตร”
ว่าแล้วก็กระดกออนเดอะร็อคจนหมด แล้วสั่งมาอีกแก้ว
“เฮ้ยจริง? สาวที่ไหนเมื่อไหร่ยังไง? ใจเย็นนะเพื่อน”
“ผู้ชาย นักศึกษาหน้าหวานๆ โง่ๆ บื้อๆ”
“ห๊ะ … ”
“เออนั่นล่ะ อย่าถามมากดิวะ คนยิ่งแซด”
“เฮ้อ … ความรักมันไม่เข้าใครออกใครนะ … อย่างกูดิ โง่ไปเป็นกิ๊กชาวบ้านตั้งนาน ไม่รู้เรื่องไรเลยว่าเค้ามีคนอื่นอยู่แล้ว ของมึงยังดีกว่า
นะ น้องเขาไม่ได้หลอกมึงใช่ปะล่ะ”
“อือ … แต่มันเจ็บจังวะปิ๊ง มึงทนได้ไง … กูขอโทษนะที่ตอนมึงอกหักกูด่ามึงโง่เง่า ขนาดกูยังรู้จักเขาไม่นาน แม่งยังจี้ดเลยว่ะ ของมึงรักกับเขาตั้งเป็นปี”
“เออน่า … มาๆชนแก้ว ดื่มให้ลืม”
“เปปซี่มึงเนี่ยนะ”
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะดื่มอะไร ความสนุกมันอยู่ตรงการชน !”
“อื้อหือพูดเหมือนเซียนเหล้า ก็อบใครมาครับมึงง”
“สโลแกนป้ายหน้าร้านว่ะ อ่านก่อนเข้ามาฮ่าๆ”
ผมยิ้มขำกับความต๊องของเพื่อนสนิท ปิ๊งก็ยังเป็นปิ๊ง ซื่อๆเหมือนเดิม เราสองคนยกแก้วขึ้นมา เหล้ากับเปปซี่ขอบแก้วชนกัน …
“เชียสสสส / เชียสสสส”
“เฮ้อ … ไอ้เพื่อนยากเมาเหมือนหมา”
ปิ๊งบ่นพลางแบกร่างหนากว่าตัวเองของกรออกมาจากแทกซี่ ดีนะตอนไปคงรู้ตัวว่าจะเมาเลยไม่ได้ขับรถไป ปิ๊งก็มัวแต่แบกจนไม่ได้สังเกต
ว่าวันนี้บ้านกรสว่างโร่ทั้งๆที่อยู่คนเดียว
“ลุงงง กลับมาแล้วหรอ ไปไหนมาอ่ะ …. อ้าว …”
“เอ่อ …”
ปิ๊งถึงกับงงเมื่อเด็กวัยรุ่นขาเป๋ลากขาออกมารับหน้าบ้าน
“คุณ …”
“หลีกทางให้พี่นิดนึงนะครับ แหะๆ หนักมาก”
“ครับๆ มาๆผมช่วย”
แต่คนขาเป๋แบกตัวเองยังแทบไม่รอด ก็ได้แต่หลบทางเปิดประตูบ้านกว้างๆให้ปิ๊งพยุงกรเข้ามาได้สะดวก ปิ๊งก็แบกกรขึ้นชั้นสองทันที เพราะดูแล้วถ้าปล่อยกรไว้บนโซฟา เพื่อนตัวใหญ่คงนอนปวดหลังแหงๆ ตัวยาวเลยโซฟาขนาดนี้
“เฮ้อ … หนักเป็นบ้า”
“อือ ….”
ปิ๊งเสยผมไปมา เมื่อคนเมาเริ่มครางพลิกตัวไปมา
“เช็ดตัวหน่อยแล้วกันไอ้กร”
ปิ๊งหันหลังกลับเตรียมเปิดตู้หาผ้าเช็ดตัว แต่ก็สะดุ้งเมื่อเจอสายตาจ้องเขม็งกลับมา
“อุ้ย … เอ่อ ไง”
“เอ่อ … ผมชื่อเบียร์ … มาอยู่กับลุงกร”
“เอ่อ .. พี่ชื่อปิ๊งครับ”
“เอ๊ะ คุณหมอที่งานกีฬาคราวก่อนหรือเปล่าครับ ที่มหาลัย …”
“อ๋อใช่ครับ จำได้ด้วยหรอ”
“เอ่อ … ผมเป็นสตาฟที่ซุ้มพยาบาลอ่ะครับ แต่ตอนนี้ขาเป๋ แหะๆ”
“เอ้าหรอ ดีเลย งั้นก็มาเป็นพยาบาลจำเป็นเลยแล้วกัน เดี๋ยวจะเอาผ้าชุบน้ำมาให้ ช่วยเช็ดตัวให้ไอ้กรหน่อยนะ เมาเหล้ากลิ่นหึ่งเลย”
ปิ๊งดึงเก้าอี้จากโต๊ะหน้ากระจกออกมาดันเบียร์ให้นั่งลง ก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ชุบน้ำจนชุ่มแล้วส่งให้เบียร์
“ให้ผมทำหรอหมอ .. ? ผมมือหนักอ่ะ”
ปิ๊งอมยิ้มเมื่อเห็นความไม่แน่ใจปนความชื่นใจเล็กๆที่ได้รับหน้าที่เบบี๋นี่
“ทำได้อยู่แล้ว แล้วก็เรียกพี่ปิ๊งก็ได้นะ แต่ไม่เอาลุงปิ๊งนะ … ถึงพี่จะแก่กว่ากรสองสามเดือนก็เถอะ อิอิ”
“อ่า ฮ่าๆ หมอ เอ้ย พี่ปิ๊งดูเด็กกว่าลุงตั้งเยอะ คนนี้น่ะโหดมากกกก พูดไม่เพราะทีนี่ส่งสายตาเลเซอร์ให้ผมเลย ขนาดอยู่ด้วยกันไม่นานนะ
อย่างกะพ่อแหน่ะ”
มันบ่นแต่ก็เช็ดหน้าเช็ดตาให้กร ถึงมันจะไม่คล่องแถมไม่ใช่เช็ด … แต่เรียกขัดหน้าซะมากกว่า เอาเหอะ … ก็น่าจะคนนี้นี่แหละเด็กโง่ๆบื้อๆของไอ้กร ก็ดูจะห่วงกันอยู่ไม่ใช่รึไงแล้วอกหักอะไรเนี่ย
“เอ้อ พี่ถามหน่อย แล้วนึกไงมาอยู่กับเพื่อนพี่ล่ะครับ ?”
“แหะๆ เพื่อนผมไปค่าย … แล้วผมลืมกุญแจไว้ในห้อง เข้าห้องไม่ได้ … วันนั้นลุงเขาไปส่งผมพอดี ก็เลยลากผมมาอยู่ด้วย ผมเป็นคนไข้
ลุงเขาอีกทีอ่ะค้าบบ ขาหัก ซ่ามากไปหน่อย แหะๆ”
“อ๋อ … แบบนี้นี่เอง แล้วเรียนปีไหนล่ะ”
ปิ๊งนั่งลงบนขอบเตียงข้างๆ ถามจากเพื่อนไม่ได้ก็ถามจากต้นเหตุมันนี่แหละ หึหึ
“ปี 1 ครับ รัฐศาสตร์เอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
“ว้าวเก่งนี่ นี่มีแฟนแล้วล่ะสิเรา หน้าตายิ่งอินเทรนด์อยู่”
“ก็มีคุยๆอ่ะครับ … เป็นรุ่นพี่ในคณะ”
นี่ไง … อกหักดังเป๊าะเลยเพื่อนเรา
“แล้วโอเคมั้ยล่ะ”
“ก็ ….. ดีมั้ง พี่เขาก็ดีกับผม ก็พึ่งเริ่มคุยกันเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง ไม่รู้ผมเห่อไปคนเดียวเปล่าเลยรีบตั้งสถานะในเฟสว่ามีแฟนไปแล้ว ฮ่าๆ เพื่อนบอกให้เอาฤกษ์เอาชัยไว้ก่อน ไว้คบกันค่อยเพิ่มว่าคบกับใคร”
“ฮ่าๆ เข้าใจๆ เอาล่ะไม่กวนละ ฝากดูแลเพื่อนพี่ด้วย สงสัยจะเจ็บหนัก”
“เอ๋ ลุงทำไรมาหรอครับ เอ้อใช่ลืมถามเลย ทำไมลุงเมาแบบนี้ เมื่อตอนเย็นก็กินข้าวน้อย ผมนึกว่าฝีมือผมไม่อร่อยซะแล้ว”
“คิดมากน่ะ กรมัน… อาการคล้ายๆอกหักมั้ง ไว้ถามมันเองแล้วกัน พี่กลับละครับ”
“แล้วพี่ปิ๊งกลับยังไง ดึกขนาดนี้แล้วอ่ะครับ นอนนี่ดีกว่ามั้ยอ่ะ ลุงฆ่าผมตายปล่อยพี่ปิ๊งกลับบ้านเอง ผมว่าลุงอาจจะอยากให้พี่ปิ๊งนอนนี่ด้วย”
“ทำไมล่ะ เดี๋ยวแฟนพี่มารับ ใกล้ถึงแล้วมั้ง”
“อ่าว ไม่ใช่แฟนลุง … ”
“บ้า .. แฟนพี่น่ารักกว่านี้เยอะ ไม่โหดเหมือนไอ้กรมันหรอก สมัยเรียนนะพี่เคยอกหักมันด่าพี่เสียหมาเลย คบไม่ลงหรอกคนแบบนี้ ยกให้เราแล้วกัน”
“อ่าวเฮ้ย … ”
“ไปละ ยกให้แล้วนะฝากดูแลด้วย มีเพื่อนสนิทคนเดียวนะเนี่ย ฮ่าๆ”
ปิ๊งเดินลงไปแล้วทิ้งคนเมากับคนงงให้ดูแลกันและกัน
“ยกให้ผม .. งั้น… ลุงเป็นหมาผมแล้วกัน เจ้าตูบเช็ดตัวเร็วววว …”
- ------------------------------------------------------------------------ -
ลุงกลายเป็นตูบ 5555555