ขออภัยที่ทำให้รอนานนะคะ
เชิญอ่านตอนที่สามกันได้เลยจ้า
ตัวเมีย ★☆ Mating Season
Chapter 3
ยามเช้า ณ. คฤหาสน์ รานอฟ
เหล่านกน้อยส่งเสียงจิ๊บๆ ยามบินถลาไปมาระหว่างแมกไม้และละอองแดดภายในสวน ช่างเป็นบรรยากาศที่สดใสสำหรับใครหลายๆคน ยกเว้นแต่......
“พี่สไลย์ ..... ผมยกข้าวต้มมาให้แล้วนะ” นาร์ที่อาสานำอาหารเช้ามาเสิร์ฟแทนบรรดาแม่บ้าน วางถาดอาหารลงไว้ที่โต๊ะข้างเตียงของสไลย์
นาร์เหลือมองพี่ชายที่นอนขดตัวเป็นก้อนกลมๆขนาดใหญ่อยู่ใต้ผ้าห่มหนาสีขาวกลางเตียงไม่กระดุกกระดิก ได้ยินแต่เสียงสะอึกสะอื้นเป็นระยะๆเท่านั้น เห็นดังนั้นญาติผู้น้องก็ได้แต่เพียงถอดหายใจเบาๆ สไลย์เป็นอย่างนี้ตั้งแต่กลับมาจากงานวันเกิดของคุณลุงเมื่อวันก่อน เขาเองก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่เป็นสาเหตุทำให้พี่ชายตกอยู่ในสภาพนี้ ถ้าเขาไม่มัวอยู่แต่ในห้องแลป คงไม่ลืมที่จะบอกเรื่อเจลที่ยังไม่สมบูรณ์นั้น
“ พี่...ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน เมื่อวานพี่ก็แทบจะไม่ได้กินอะไรเลยนะ “
ระหว่างพูดไปนาร์ก็พยายามดึงผ้าห่มออกจากตัวสไลย์ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะอีกคนยังขดตัวแน่น
“ พี่สไลย์ อย่าดื้ออย่างนี้ซิ! ผมบอกแล้วไง ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์เดียวมันก็จะกลับมาเป็นปรกติ”
พรึบ!
จู่ๆสไลย์ก็ลุกขึ้นมาแล้วตวัดผ้าห่มทิ้ง
“นาร์ นายสัญญาแล้วนะว่าจะช่วยพี่ ฮะ ฮึกๆ...”
สไลย์ที่ตอนนี้ใบหน้าดูซูบซีด เกรอะกรังไปด้วยน้ำหูน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด จนคนที่เห็นอดรู้สึกสมเพชไม่ได้
“ นายต้องรักษาสไลย์น้อยให้กลับมาเป็นปรกตินะ ฮือออออออ....”
ตัวผู้ร่างยักษ์ได้กลายสภาพเป็นเหมือนเด็กน้อยเสียขวัญโผเข้ากอดน้องชายพร้อมกับปล่อยโฮอย่างไม่มีอาย
“ผมสัญญาด้วยเกียรติของนักปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งอคาเทียร์เลย มาๆ ลุกมาล้างหน้าล้างตาแล้วกินข้าวก่อนนะเถอะ”
นาร์ใช้เวลาไม่นานในการลากคนที่มีหุ่นไล่เลี่ยกันให้ลุกออกมาจากเตียงแล้วส่งเข้าห้องน้ำ สักพักสไลย์กลับออกมาในสภาพที่ดูดีกว่าเดิมเล็กน้อย พร้อมกับพาตัวเองมาที่โต๊ะอาหาร เมื่อได้กลิ่นข้าวต้มของโปรดบวกกับเมื่อวานสไลย์แทบจะไม่มีอะไรตกถึงท้องเพราะอยู่ในภาวะซึมเศร้า กระเพราะอาหารของสไลย์ก็เริ่มเรียกร้อง ไม่รอช้าเจ้าตัวจึงลงมือจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“เมื่อวานผมไปหาคายาที่บ้านมา”
กึก!
มือที่กำลังยกชามข้าวต้มขึ้นมาซดนั้นหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินชื่อของใครบางคน
“ผมบอกกับเขาแล้วว่า มันเป็นความผิดพลาดของผมเองที่ทำให้พี่เป็นแบบนี้”
“แล้วเจ้านั้นว่ายังไงบ้าง?” สไลย์ถามออกมาด้วยเสียงแหบและตาก็ยังคงจ้องมองชามอาหารที่ว่างเปล่า
“ก็ไม่ได้พูดอะไร... เอาเถอะตอนนี้พี่มาทานยาบำรุงก่อนเถอะนะ” ว่าแล้วนาร์ก็จัดการยัดเม็ดยาใส่มือสไลย์พร้อมด้วยน้ำแก้วใหญ่อีกแล้วหนึ่ง ญาติผู้พี่ซึ่งปรกติจะทำตัวเป็นยักษ์ซ่าแต่ตอนนี้กลายร่างเป็นหมาหงอยยอมทำตามน้องชายอย่างว่าง่าย
ตั้งแต่เหตุการณ์คืนนั้นที่เขาล่มปากอ่าว ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร สไลย์น้อยก็ไม่ยอมชูคอขึ้นมาสู้อีกเลย จนถูกคายาถีบตกเตียงและทิ้งไว้ในห้องเพียงลำพัง เขาสูญเสียความมั่นใจในความเป็นตัวผู้ที่มีและตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ถึงแม้ว่ามันเป็นผลข้างเคียงจากยาปลุกและจะหายภายในหนึ่งอาทิตย์ก็ตามที
ทั้งๆที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะทำให้คายาประทับใจใจลีลาของเขาแท้ๆ แต่ดันล่มไม่เป็นท่า รู้ที่ไหนอายถึงนั้น!ว่าแล้วความรู้สึกหดหู่ก็เข้าจู่โจมสไลย์ จนต้องกลับไปนอนขดตัวบนเตียงอีกครั้ง โดยไม่สนใจเสียงโวยวายของญาติผู้น้องแม้แต่น้อย....
...................................
สำหรับคายาเองเช้านี้ก็ไม่ค่อยสดใสสักเท่าไรนัก ดังนั้นหลังจากทานมื้อเช้ากับครอบครัวเสร็จ คายาก็ขอตัวออกมาเดินสำรวจตลาดใจกลางเมืองแก้เครียด เป็นใครจะไม่อารมณ์เสียบ้างล่ะ ทั้งๆที่มันเป็นครั้งแรกของเขาแท้ๆ แต่ดันโดนทิ้งให้ค้างเติ่งกลางทางซะอย่างนั้น ไม่น่าเลยคายาเอ๋ย ไม่น่าประชดชีวิตเรื่องเซเรียจนยอมมีอะไรกับคู่อริของตัวเองเลย นี่ล่ะน้าอาการใช้อารมณ์มากกว่าสมอง
คายาถอยหายในเฮือกหนึ่งก่อนจะเริ่มเดินชมตลาดอีกครั้ง ตาเรียวสวยไล่มองบรรดาผู้คนที่มาจับจ่ายตลาอดในช่วงนี้อย่างคึกคัก และแล้วสายตาเจ้ากรรมก็ไปสะดุดกับร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งที่แสนคุ้นตา
เซเรีย....
เพียงแค่ได้เห็นแผ่นหลังของคนที่คิดถึงมาตลอดหลายอาทิตย์นี้ หัวใจดวงน้อยๆก็เต้นระรัวจนเจ้าตัวต้องเอามือกุมหน้าอกด้านซ้ายไว้ เพราะกลัวหัวใจตัวเองจะเต้นจนหลุดออกมา
เซเรียที่เพิ่งออกมาจากร้านเพชรชื่อดังของเมืองพร้อมคู่หมั่นหนุ่มไม่ทันสังเกตร่างเล็กจนกระทั่ง
“พี่เซเรีย ... ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เซเรียรีบหันตามเสียงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“คายา!” เซเรียเองก็ตกใจไม่น้อยที่เจอคายาแบบไม่ทันได้ตัว แถมมีคู่หมั้นที่เขาไม่เคยบอกคายามาก่อนอยู่ด้วย นั้นยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาในใจ
“พี่เซเรียมาเลือกแหวนแต่งกันกับคู่หมั่นใช่ไหมครับ? โอ้โหสวยมากๆเลย!” คายาแกล้งทำเป็นเข้ามากอดแขนอีกคนและทำตาโตเมื่อเห็นแหวนเพชรน้ำงามที่นิ้วนางซ้าย ดูแล้วช่างเป็นภาพที่น่ารักน่าชังสำหรับคนนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างว่าที่เจ้าบ่าว แต่สำหรับเซเรียเขารู้ดีว่าคายากำลังโกรธเขาและโกรธมาก เพราะคำว่า”พี่”คายาจะใช้เรียกตนเวลามีเรื่องไม่พอใจเท่านั้น....
“อย่าลืมส่งบัตรเชิญมาให้เค้าเป็นคนแรกนะ ไม่งั้นงอนจริงๆด้วย”
เซเรียที่ยังอึ้งอยู่ก็ได้แต่ตอบไหลตามน้ำไปกับอีกฝ่าย
“อือ...เราจะส่งให้คายาคนแรกเลย”
คายาก็ยังคงแสร้งทำเป็นน้องชายที่แสนน่ารักต่อไป
“คายาต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะครับ....” พูดจบคายาเขย่งตัวขึ้น หอมแก้มเซเรียเบาๆ ก่อนจะจากไปเขากระซิบให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน
“คนหลอกหลวง...”
.......................................
สไลย์เดินลัดเลาะไปในสวนหลังโรงฝึกไป พลางสอดส่ายสายตาหาคนที่หนีมาเลียแผลใจที่นี่ ก็น้องชายตัวแสบของเขาเพิ่งส่งข่าวมาบอกว่า เซเรียทำรถไฟชนกันจังเบ้อเร่อแถมคายายังเป็นฝ่ายถอยทัพมานั่งร้องไห้ที่สวนแห่งนี้ เขาเองก็รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้มาบ้างแต่ก็ไม่ใส่ใจอะไรมากนัก มันไม่ใช่เรื่องของเขาหนิ แต่เจ้านาร์ขู่ว่าถ้าเขาไม่ยอมตามมาดูคายา จะไม่ยอมช่วยลูกชายของเขา! นี่ก็ตั้งใจมาสมน้ำหน้านะ ไม่ได้จะมาปลอบใจอะไรหรอกท่านผู้อ่าน
สไลย์เดินมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณด้านหนังของสวนที่มีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ พร้อมๆกับแลเห็นร่างเล็กในชุดผ้าสีครีมนั่งกอดเข่าซุกตัวอยู่บริเวณโคนต้นไม้ ไหล่เล็กๆนั้นสั่นไหว สไลย์ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศที่เย็นขึ้นหรือเพราะแรงสะอื้น
พรึบ!
สไลย์นั่งเบียดลงข้างๆพร้อมกับเอาเสื้อคลุมตัวเองสวมให้อีกฝ่ายแทน
“ยังกล้าโผล่หน้ามาอีกเหรอ เจ้าคนไม่มีน้ำยา” เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นคู่อริของตนคายาก็อดไม่ได้ที่จะจิกกัดตามความเคยชิน
“ปากดีนักนะ มันน่าจับกดกลางสวนจริงๆ” คอยดูนะถ้าหายเป็นปรกติเมื่อไรจะปล้ำให้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย!
“เอ้านี่ เอาไปใช้ซะ หน้าตานายดูไม่ได้เลยตอนนี้”
“ขอบใจ”คายากล่าวขอบคุณสั้นๆก่อนรับผ้าเช็ดหน้าจากอีกคน เขาทนเก็บน้ำตาไม่ยอมร้องไห้ต่อหน้าเซเรีย แต่พอมาถึงสวนแห่งนี้ความอดทนทั้งหมดก็ทลายลง เขานั่งร้องไห้เงียบๆคนเดียวจนกระทั่งสไลย์ปรากฏตัว
ทั้งคู่นั่งเงียบๆข้างกันจนกระทั่งคล้อยบ่าย คายาจึงเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน
“หิวแล้วล่ะ กลับบ้านฉันกันเถอะ ป่านนี้แม่คงเตรียมกับข้าวไว้รอแล้ว”
สไลย์เคยได้ยินมาว่าแม่ของคายามีฝีมือทำกับข้าวที่เป็นเลิศ ไปฝากท้องเสียหน่อยคงไม่เสียหาย ว่าแล้วก็ลุกเดินตามหลังร่างเล็กไปติดๆ
...................................
“อ้าว คายาพาคุณหนูสไลย์มาด้วยหรือเหรอลูก?” เรย์คุณแม่หน้าหวานอดแปลกใจไม่ได้ที่ลูกชายตนกลับมาพร้อมใครอีกคน ทั้งๆปรกติคู่นี้ไม่ค่อยจะกินเส้นกันสักเท่าไร
“พอดีเจอกันกลางทางครับ คายาเลยชวนผมมาทานมื้อกลางวันด้วย คุณเรย์คงไม่ว่าอะไรนะครับ”
ว่าแล้วสไลย์ก็ปล่อยรอยยิ้มการค้าให้คุณแม่และทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของคายาตลอดมื้ออาหารมื้อนั้นเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย
“ฝีมือทำกับข้าวแม่นายนี่ยอดจริงๆอร่อยกว่าที่แม่บ้านฉันทำอีก อย่างนี้ต้องมาบ่อยๆ” สไลย์ที่ตอนนี้นอนลูบพุงป่องๆของตัวเองอยู่บนเตียงนอนของคายาพูดอย่างสบายอารมณ์
“ใครบอกว่าจะให้นายมากอีก หือ?”
“ไม่เอาน่า คายา ฉันรู้ว่านายยังเคืองเรืองคืนนั้นอยู่ แต่นาร์ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามันเป็นผลข้างเคียงของเจลนั้น”
“หึ!เอาไว้สไลย์น้อยใช้งานได้ก่อนเราค่อยมาว่ากัน ฉันจะไปอาบน้ำ นายก็อยู่แต่ในห้องฉันนี่แหละ อย่าออกไปจุ้นจ้านที่ไหนนะ” พูดจบคายาก็เดินถือผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำ
ใจจริงสไลย์อยากจะย่องตามไปแอบดูอีกฝ่ายอาบน้ำ แต่เมื่อนึกถึงลูกถีบจากเท้าเล็กๆที่ตนเคยได้ลิ้มคราวก้อนแล้วก็นึกกลัว เลยตัดสินใจนอนอ่านหนังสือรอดีกว่า
แกรก
ไม่นานนักประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมกลิ่มหอมอ่อนๆของครีมอาบน้ำลอยพุ้งตามมา ทำให้สไลย์ต้องผลุดลุกขึ้นมานั่งมองคายาที่มีแต่ผ้าขนหนูผืนบางคาดเอวอยู่อย่างหมิ่นเหม่
คายาเดินมายังปลายเตียงช้าๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาสำรวจร่างกายขาวผ่องของเขาอย่างเต็มที่
“นายกำลังยั่วกันอยู่ใช่ไหมคายา...”
คายายิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะปลดผ้าขนหนูรอบเอวตัวเองออก
“ก็แค่อยากจะเช็คดูให้แน่ใจว่า ลูกชายนายใช้การไม่ได้จริงๆ”
สไลย์กลืนน้ำลงคออึกใหญ่ ... ทำไงดี ทำไงดี อาหารชั้นเลิศมาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว แต่กินไม่ได้ โอ๊ย!จะทำยังไงดี?!
“ฮะๆ นายทำหน้าตลกจังสไลย์” ร่างบางหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอีกคนทำหน้าเลิกลัก ขาเล็กๆทั้งสองข้างค่อยๆขึ้นคร่อมบนหน้าตักหนาของสไลย์ แล้วลงมือปลดท่อนล่างของอีกฝ่ายจนเหลือแต่ชั้นในสีขาว
“อยุ่นิ่งๆซิสไลย์!” จู่ๆสไลย์ก็เกิดอาการปอดแหกขึ้นมาจนไม่ให้ความร่วมมือ พยายามยื้อขอบชั้นในของตัวเองไว้ไม่ให้คายาดึงลง ทั้งสองยื้อกันไปมาสักพักจนคนตัวเล็กกว่าหมดความอดทน
เพี๊ยะ!
มือเล็กของคายาฟาดลงบนมือสไลย์เต็มๆหนึ่งที จนสไลย์ต้องรีบชักมือกลับ
“ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเรื่องคืนนั้นเลยนะ ดังนั้นอยุ่เฉยๆอย่าขัดคำสั่ง!” ได้ยินดังนั้นตัวผู้ที่มีคดีติดตัวก็รีบพยักหน้าตกลง ก่อนที่จะทำให้อีกคนมีน้ำโหไปมากกว่านี้
‘อ๊ะ? แล้วทำไมเขาต้องยอมเจ้าเตี้ยขนาดนี้ด้วยล่ะ? แต่ตอนนี้ช่างมันก่อน คนมันกำลังอารมณ์เสียไม่อยากขัดใจ ’ สไลย์แอบประท้วงในใจตัวเอง
เมื่อเห็นว่าคนตัวโตยอมให้ความร่วมมือแล้ว คายาจัดการถลกชั้นในอีกฝ่ายล่นลงมาที่หน้าขา แล้วชโลมน้ำมันหอมลงบนสไลย์น้อยที่ยังหลับไหลอยู่อย่างสงบ ก่อนจะเริ่มการเล้าโลมด้วยสองมือเล็ก
‘อา...เสียวจัง .... ‘ สไลย์รู้สึกได้ถึงสัมพัสจากสองมือนุ่มที่อยู่ระหว่างขา แต่ทำไมไอ่ลูกชายถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยล่ะ?!
หลายนาทีผ่านไป จนคายาเลิกล้มความตั้งใจที่จะปลุกความเป็นชายของอีกคนขึ้นมา
“อะไรกันเนี่ย... เสื่อมสมรรถภาพแล้วจริงๆเหรอ? สงสัยต้องไปหาตัวผู้ตัวอื่นแล้วซินะ...” ประโยคสุดท้ายแม้จะพูดกับตัวเองแต่มันก็เข้าสองหูของสไลย์เต็มๆ นั้นทำให้สไลย์พรวดพลาดลุกขึ้นมารัดเอวอีกคนไว้แน่น
“ไม่ได้นะ ห้านนะคายา!”
“แล้วนายจะให้ฉันอยู่อย่างแห้งเหี่ยวอย่างนี้เหรอ?”
“เจ้านาร์ก็บอกนายแล้วไงว่า เดี๋ยวก็หาย ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ไงคายาจำไม่ได้เหรอ?”
“ก็ได้ งั้นคืนนี้ นายค้างที่นี่นะ ฉันจะให้แม่ทำพวกซุปสมุนไพรบำรุงกำลังให้นายกินเย็นนี้” คายาพูดพลางผลักอีกคนออกจากตัวเบาๆและลงจากเตียงไปสวมเสื้อผ้า ก่อนที่โยนผ้าขนหนูให้อีกคนไปจัดการทำความสะอาดตัวเอง
และแล้วเย็นนั้นสไลย์ก็ถูกบังคับให้กินซุปสมุนไพรหลายขนาน เพราะคายาไปบอกคุณแม่เรย์ว่าพักนี้สไลย์ไม่ค่อยสบาย ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเพราะทำงานหนัก รักษายังไงก็ไม่หาย.....
‘คอยดูนะถ้างานนี้นายยังไม่ยอมหาย ฉันจะตัดจู๋นายไปทิ้งจริงๆด้วย!’
..........................................
ตกดึกคืนนั้น
“คายา ตื่นๆ!”
“อืมม อารายยยย คนจะนอน....” คายางัวเงียตื่นมาเพราะแรงเขย่าจากสไลย์ที่ทำหน้าตาตื่นเต้นดีใจอยู่ข้างเตียง
“ดูซิๆ ลูกชายฉันใช้การได้แล้ว!”
ตะกี้เขาปวดฉี่จึงจำใจต้องลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึก ถึงได้ค้นพบว่าลูกรักของเขาชูคอผงาดคืนชีพมาแล้ว สงสัยจะเป็นเพราะบรรดาซุปสมุนไพรที่คุณแม่คนสวยทำให้แน่ๆ
“จริงเหรอ? ไหนดูหน่อย!” คายาเองก็ตกใจ เลยรีบเปิดไฟที่หัวเตียง อะไรกัน เวลาจะหายมันก็หายง่ายๆอย่างนี้เลยเรอะ?
ยังไม่ทันได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ สไลย์กระโดดขึ้นคร่อมคายาบนเตียงพร้อมกับปลอกลอกชุดนอนอีกฝ่ายจนล่อนจ้อน
“เราอย่ามาเสียเวลาเลย มาสานต่อจากคืนนั้นกันเถอะนะคายาจ๋า....แฮกๆ” สีหน้าของสไลย์ตอนนี้แสดงถึงความหื่นกระหายจนคายารู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที จึงรีบขู่อีกฝ่ายด้วยเสียงรอดไรฟัน
“จะบ้าหรือนาย! เดียวพ่อแม่ฉันก็ได้ยินหร...อื้ออออ”
พูดยังไม่ทันจบประโยคคายาก็โดนคนด้านบนจูบปิดปากอย่างดุเดือด ณ. เวลานี้สไลย์ไม่สนใจว่าใครจะได้ยินหรือเห็น สิ่งเดียวที่เขาต้องการที่สุดตอนนี้คือจัดการขย้ำเนื้อหวานๆตรงหน้าเขาเท่านั้น!!!
TBC.....
เป็นไงบ้างค่ะ ตอนนี้คู่พระนางของเราเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นใช่ไหมเอ่ย?
อ๊ะ หรือเราคิดไปคนเดียว
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม และต้องขออัยใจความล่าช้า ตอนต่อไปเราจะพยายามมาให้ไวกว่านี้นะคะ
แล้วพบกันใหม่ในตอนที่สี่