ตอนที่ 13 ในวันที่มีโอกาสผมเก็บกระดาษสาเข้าที่เดิมอย่างทะนุถนอม กลิ่นหอมจางๆเริ่มหายไปตามกาลเวลา จนแทบจะไม่ได้กลิ่นแล้ว
พลิกหน้าต่อไป...รูปถ่ายของผม...กับไอ้ต้า...
เหมือนรูปตอนปีหนึ่งเด๊ะ...ไอ้ต้ากำลังยิ้มร่า ถือเฝือกท่อนใหญ่ไว้ในมือ
แต่เฝือกอันนี้ไม่ได้ถอดมาจากขาของผมหรอก...
...
..
ปี๊นนนน!!!!“สัด!! มึงอยากตายก็ไปตายที่อื่นไป!!!”
…เสียงใครวะ น่ารำคาญ...
...ในโลกที่ดูโคลงเคลง ผมเดินข้ามถนนไปเรื่อยๆ...
รถที่ขับมาตั้งแต่แรกถูกทิ้งไว้ที่ผับ ในขณะที่ตัวผมเองค่อยๆ เดินกลับห้องทีละก้าว ทีละก้าว...
ผมไม่ได้เมา...แอลกอฮอลล์ไม่ได้เข้าปากผมเลยแม้แต่หยดเดียว...แล้วความโคลงเคลงน่าปวดหัวนี่มันมาจากไหนกัน...
หึ...อย่างนี้เขาเรียกกันว่าอาการ ‘เมารัก’...รึเปล่านะ
ระยะทางระหว่างผับถึงหอ...ไม่ใช่ใกล้ๆ...กว่าจะถึงก็เล่นเอาเมื่อยขา
ผมลากขาขึ้นบันได...ต่อเมื่อถึงหน้าห้องตัวเอง ควักกระเป๋ากางเกงดู ก็เพิ่งรู้ตัวว่า...กุญแจห้องไม่ได้อยู่กับตัว…
ได้แต่หวังว่าไอ้ต้อยจะยังอยู่ในห้อง...ผมกดกริ่ง...รอ...แล้วก็กดอีกครั้ง...แล้วก็รอ…
ไร้วี่แววของไอ้ต้อย...ผมยกมือขึ้น...หวังจะเคาะประตู...ยกค้างไว้อย่างนั้น...มองเห็นนาฬิกาที่สวมอยู่ที่ข้อมือตัวเอง...
ผมค่อยๆลดมือลง
“ฮ....ฮะๆๆๆๆๆๆ” ผมหัวเราะแบบไร้อารมณ์ รู้สึกว่าตอนนี้มันสิ้นเรี่ยวแรงไปหมด หันหลังพิงประตูห้องตัวเอง ขาสองข้างหมดแรงจะยืนต่อ ถึงได้ปล่อยให้ตัวรูดลงกับประตู นั่งลงบนพื้นเย็นเฉียบ...
...มีไอเย็นลอดออกมาทางช่องด้านล่างของประตู...ไอ้ต้อยคงจะยังนอนสบายน้ำลายยืดอยู่ข้างใน…
ด้วยความง่วง เพลีย ทั้งร่างกาย ทั้งจิตใจ ผมปล่อยให้สติค่อยๆลอยห่างออกไป...ทิ้งความจริงเอาไว้...ก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืดไป…
+++++++++++++++++++++++++++++++
ตึง!!
“โอ๊ย!!!” แม่งใครวะ! ผลักประตูใส่หลังกู!!
ผมหันหลังไป กำลังจะด่า ก็เห็นไอ้ต้อยมองลงมาอย่างงงๆ
“ธี...ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ ไปไหนมา?”
สติยังทำงานไม่เต็มร้อย ไอ้ต้อยก็ยองตัวลงมา ล้วงมือถือที่กำลังแผดเสียงจ้าในกระเป๋ายีนส์ของผมออกมา
มันมองหน้าจอ...แล้วก็มองผม...
“พี่ต้าโทรมา”
ไอ้ต้า...ไอ้ต้า!!...มึงหายโกรธกูแล้วใช่มั้ยวะ! ผมเอื้อมตัว คว้ามือถือในมือไอ้ต้อยมา รีบกดปุ่มรับก่อนทีสายจะขาดไปซะก่อน
“ต้า! มึงอยู่ไหน!! กูขอโทษ! กู...”
...
..
เสียงที่ตอบกลับมา...ไม่ใช่เสียงไอ้ต้า...
ผมฟังข้อความปลายสายจนจบ จนเมื่ออีกฝั่งวางสายไปเรียบร้อยแล้ว จึงได้ลดมือถือลง
“ธี...” ไอ้ต้อยคงจะเห็นว่าผมนิ่งไปนานเกิน มันถึงได้เอานิ้วชี้มาสะกิดๆ
ผมหันหน้ามองมัน น้ำลายแห้งผากจนแทบจะออกเสียงไม่ไหว
...
..
“ต้า...ถูกรถชน...”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เป็นเวรเป็นกรรมอะไรไม่รู้ได้ เนื่องด้วยผมเอารถยนต์ทิ้งไว้ที่ผับ ก็เลยต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์ของไอ้ต้อยไปโรงพยาบาลแทน
ใครที่จำเนื้อเรื่องพอได้....คงจะรู้กันอยู่นะครับ ว่าไอ้ต้อยตัวโตคนนี้มันหวงห่วงพี่ชายมันขนาดไหน...ไม่กล้าคิดเลย ว่าเราจะได้ไปโผล่ที่โรงพยาบาลอื่นก่อนจะถึงโรงพยาบาลที่ไอ้ต้าอยู่รึเปล่า
ไอ้ต้อยจอดรถไว้ที่ลานจอดมอเตอร์ไซค์ รอผมที่ซ้อนท้ายค่อยๆ ยกก้นที่แสนจะระบมขึ้นจากเบาะ ย้ายลงมาอยู่บนพื้นโลกแบบขาสั่นๆ แล้วมันถึงได้กระโดดลงจากรถตามมา
มันทำท่าจะวิ่งเข้าตึกฉุกเฉินแล้ว ติดอยู่ที่มันเสือกดึงมือผมไปด้วยนี่แหละครับ
ไม่ใช่ไม่ห่วงไอ้ต้านะ...ตอนนี้ใจผมแทบจะแล่นเข้าไปล่วงหน้าสามล้านปีแสงแล้ว...ติดอยู่ที่...
...แม่งเอ๊ย!! ไอ้ต้อย!! มึงจะหักโหมก็ช่วยเห็นใจกันหน่อยได้มั้ยวะ!...ว่ามันเป็นครั้งแรกของกูน่ะ!!!
ดูไอ้ต้อยมันก็พอจะเข้าใจอยู่ครับ ถึงได้ลดความเร็วลงเป็นค่อยๆ เดิน ประคองผมเข้าตึกฉุกเฉินราวกับจะประคองคนท้องไปคลอดอย่างนั้นแหละ
จนเมื่อถึงห้องฉุกเฉิน สอบถามชื่อไอ้ต้าเอาจากคุณหมอ ก็ได้ความมา
“อยู่ข้างในค่ะ ใส่เฝือกที่ขาเสร็จแล้ว กำลังรอฟิล์มซ้ำอยู่...คงจะต้องนอนโรงพยาบาลสังเกตอาการหนึ่งคืนนะคะ”
พวกเราเดินแกมวิ่งเข้าไปในห้อง...จนเจอไอ้ต้า...ท่าทางมันจะหายเมาเรียบร้อยแล้ว คงเพราะอุบัติเหตุนี่แหละครับ...ทำมันตื่นนั่งลืมตาแป๋ว
“พี่ต้า!! บอกแล้วว่าอย่ากินเหล้า ดูดิ...กินแล้วยังขี่อีก...จะให้ต้อยบอกพ่อว่ายังไงเนี่ย!!!” ไอ้ต้อยปล่อยมือผม วิ่งรี่เข้าไปจับหัวจับหางไอ้ต้า สำรวจร่องรายความเสียหายซะจนคนเจ็บร้องซี๊ดซ๊าด
สองพี่น้องคุยกันอยู่ครู่ใหญ่...ไอ้ต้าก็หันหน้ามาทางผม...หลังจากนั้นมันก็หันกลับไปคุยกับไอ้ต้อยต่อ
...มันยังโกรธผมอยู่...
ผมเดินเข้าไปหามันบ้าง เอื้อมมือไปจับข้อมือมันเอาไว้
“ต้า...กู...” ...กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อนสนิทมึงเลย...กูอยากเป็นมากกว่านั้น...
...ลำคอผมตีบตัน ประโยคที่อยากพูดได้แต่เก็บไว้ในใจ เมื่อเหลือบไปมองเห็นไอ้ต้อย...ที่กำลังมองมาทางผม...
...จะให้ผมบอกรักไอ้ต้า...ต่อหน้าไอ้ต้อยเนี่ยนะ...
ในใจผมรู้สึกเจ็บแปลบอย่างยากจะบรรยาย...สัมผัสอบอุ่นของไอ้ต้อยที่กอดผมเอาไว้เมื่อต้นคืนยังไม่จางหายไป...ร่องรอยจากการร่วมรัก...ยังคงประทับอยู่ตามเนื้อตัวผมอยู่เลย…
เคราะห์ดี...ที่ผมยังพูดไม่ทันจบ คุณพยาบาลก็เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน เธอบอกกับพวกเราว่า จะพาไอ้ต้าไปเอ็กซเรย์ ถ้าไม่มีปัญหาจะให้ไปนอนบนตึกต่อเลย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตึกนอนของไอ้ต้าเป็นห้องพิเศษ ต้องการคนเฝ้าหนึ่งคน ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้...นอกจากไอ้ต้อยน้องชายมัน
พอความเครียดหดหาย สองพี่น้องนี่ก็แสดงพฤติกรรมเหมือนกันเดี๊ยะ...
ไอ้ต้อยโทรสั่งอาหารจานเบ้อเร่อ นั่งกินอย่างกับปอบลง ในขณะที่ไอ้ต้าได้แต่นั่งมองปากยื่นปากยาวน้ำลายไหลออกจากมุมปาก...เพราะถูกสั่งให้งดน้ำงดข้าว
“อะ” ไอ้ต้อยตักข้าวพอดีคำ ยื่นมาทางผม...สัดเอ๊ย! ไอ้ต้านั่งอยู่ทั้งคน มึงไม่เกรงใจกูมึงก็เกรงใจพี่มึงหน่อยเหอะ!
“ไม่เอา” ผมบอกปัดในขณะที่ตายังมองอยู่แต่ไอ้ต้า...ที่ไม่ยอมหันหน้ามาซักที
พอขาดการตอบสนองจากผม ไอ้ต้อยก็สวาปามจนหมดจาน
อา...บรรยากาศตอนนี้มันช่างเงียบเสียนี่กระไร...ไอ้ต้อยนั่งพุงกาง ไอ้ต้าหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัว...ในขณะที่ผม...กำลังคิดหนัก...ว่าจะพูดกับไอ้ต้ายังไงดี
ต้อยลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร คว้าจานเปล่า แล้วก็บอกกับไอ้ต้า “รู้สึกยังไม่ค่อยอิ่มดี ไปหาไรกินต่อก่อนนะ เดี๋ยวมา” ว่าแล้วมันก็เดินไปเปิดประตู ออกไป...ทุกอย่างจะราบรื่นดี ผมจะได้มีโอกาสคุยกับไอ้ต้าสองต่อสอง...ถ้ามันไม่ลากผมออกมาด้วยล่ะก็นะ...
พอประตูปิดลง ต้อยก็หันมาหาผม พูดเสียงเบา
“เรารักธี”
...
..
มันใช่เวลามั้ยวะเนี่ย!!! ผมกำลังจะอ้าปากด่ามัน มันก็เอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากผมไว้ซะก่อน
“เรารักธี...เรารู้อยู่แล้วว่า...ธีรักคนอื่น...”
ผมก็คิดว่าไอ้ต้อยมันคงจะระแคะระคายมาบ้างล่ะครับ...แต่ไม่คิดว่าอยู่ดีๆมันจะมาพูดเรื่องนี้ตรงนี้ เวลานี้
แววตาที่ตอนแรกผมคิดว่าช่างเหมือนต้าเหลือเกินจ้องมองมาหาผม “เรา...รักธี...แต่เราก็อยากให้ธีมีความสุข...เรา...คงจะห้ามไม่ได้...แล้ว”
ใบหน้าของไอ้ต้อยใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...ใกล้...ซะจนรับรู้ถึงลมหายใจ...
มันจูบผม...มันจูบที่หน้าผาก แก้มสองข้าง และสุดท้าย...ที่ปาก...รวดเร็ว แต่ก็อ่อนโยน
ไอ้ต้อยยิ้มกว้าง “ทำตามที่ต้องการเหอะ...แล้วก็...ขอบคุณมากสำหรับเรื่องเมื่อคืน...มันเป็นครั้งแรกของธี...แล้วก็เป็นครั้งแรกของเราเหมือนกัน...เราจะเก็บไว้ในใจตลอดไป”
ว่าแล้วมันก็เดินจากไป...ปล่อยผมทิ้งไว้...ในสภาพน้ำตานองหน้า
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
กว่าจะปาดน้ำหูน้ำตาจนแห้งได้ ก็ใช้เวลาพอสมควร ผมเดินเปิดประตูเข้าไปในห้อง
ไอ้ต้านั่งเอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ขาขวาที่ใส่เฝือกหนุนหมอนยกขึ้นสูง ใบหน้ามันหันออกไปมองวิวนอกหน้าต่าง ที่แดดเริ่มจะแรงได้ที่
ผมนั่งลงที่ข้างเตียงมัน จับข้อมือมันเอาไว้...รู้สึกถึงแรงกระตุกเล็กน้อยก่อนที่จะนิ่งไป
“มึง...มาทำไม” ไอ้ต้าถาม...ผมรู้...มันต้องการประชด...
“ในเมื่อมึงไม่อยากเป็นเพื่อนกู...แล้วมึงมาทำไม” ไอ้ต้าในตอนนี้....ต่างจากปกติ...เพราะมันพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ...
มัน...ร้องไห้...
...ผมทำไอ้ต้าร้องไห้...ผมทำมันเสียใจ...และผมก็ทำให้มันต้องมานอนโรงพยาบาลอยู่ตอนนี้...
“กูขอโทษ...กู...ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้น...กู...” ลำคอมันตีบตันไปหมด...ภาพหน้าไอ้ต้อยยิ้มเศร้าๆเมื่อกี้นี้ผ่านวาบเข้ามาในใจ
...ผมนี่มันเลวจริงๆ...ในหนึ่งวัน...ผมทำร้ายคนที่ผมรัก และคนที่รักผมถึงสองคนพร้อมกัน...
ผมยกมือขึ้น ปาดน้ำตาให้ไอ้ต้า กอดไอ้ต้าเอาไว้แน่น มันสะอื้นฮักอยู่ในอ้อมกอดของผม มันร้องออกมาเสียงสั่น “มึงพูดอย่างนั้นทำไม...แค่กูจะเป็นเพื่อนสนิทมึง...แค่นั้นยังไม่ได้เลยหรือไงวะ...”
ปากผมสั่นระริก...กูอยากเป็นมากกว่าเพื่อนสนิท...กูอยากเป็นมากกว่านั้น
...กูรักมึง...
...ผม...พูดออกมาไม่ได้...ผม...ทำร้ายไอ้ต้อยไม่ได้...
ผมหายใจเข้าลึก กอดต้าเอาไว้ ลูบหัวทุยๆของมัน
“ต้า...มึง...ยกโทษให้กูได้มั้ย...ให้กูเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของมึง...ได้มั้ย...แล้วต่อจากนี้ไป...มึง...จะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของกู”
....
...
...และในที่สุด...ผม...ก็โยนโอกาสที่ไอ้ต้อยมอบให้ด้วยความรักทิ้งไป...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC
สวัสดีค่ะ หายไปนานมาก กราบขออภัยท่านผู้อ่านอย่างแรง
นานเกินปีล่ะมั้ง ลืมเรื่องกันไปหมดแล้วแน่ๆเลย เพราะขนาดลูกหมูยังต้องไปนั่งอ่านไอ้ที่เขียนมาทั้งหมดใหม่ นั่งบิวด์อารมณ์ใหม่อยู่ตั้งนาน (ขนาดโดนเด้งหมวดนิยายนี่นานจริงจัง)
เอาเป็นว่า...ต่อไปนี้จะพยายามมาต่อจนจบ จะไม่ทิ้งไว้นานขนาดนี้อีกแล้วค่ะ...
ขอบคุณทุกๆคนนะคะ ที่ยังเปิดเข้ามาอ่านกันอยู่
สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะ