Chapter
27
“ฟังผมอธิบายก่อนนะ ขอร้องล่ะครับ”
เสียงทุ้มๆของผู้ชายที่ผมเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ตอนนี้มันกลับมีอิทธิพลต่อหัวใจของผมมากกว่าใคร จากที่โวยวายเมื่อกี้ ผมนั่งเงียบๆแล้วรอฟังไอ้ตุลอธิบาย
“วันนั้นที่ผมไปหาพ่อ พ่อผมรับไม่ได้เรื่องที่เราจะคบกัน”
ผมเงยหน้ามองไอ้ตุล มันไม่ยอมปล่อยผมจากอ้อมกอดเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป
คนที่กลัว ต้องเป็นผมมากกว่า ผมกลัวว่ามันจะหายไปอีกครั้ง
“พ่อกักบริเวณผม ขังผมไว้ในห้อง ไม่ยอมให้ผมติดต่อนิ หรือเพื่อนคนอื่น ผมเลยประท้วงพ่อด้วยการไม่กินข้าวกินน้ำ” ไอ้ตุลอธิบายด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รับรู้ได้ว่ามันไม่ได้โกหก
“ทำไมมึงต้องทำถึงขนาดนั้นวะ” ผมถาม ตุลยิ้มมุมปากโชว์ลักยิ้มบนแก้มของมัน
“ถ้าไม่ทำแบบนั้น เขาคงไม่รู้ว่าผมรักนิจริงๆ”
เหอะ พูดง่ายนี่ไอ้หมา
“พอเห็นแบบนั้น พ่อเลยยอมลงแล้วก็มีข้อแลกเปลี่ยนกับผม ว่าถ้าผมยอมไปเรียนต่อแล้วได้เป็นทนาย หลังจากนั้นพ่อจะไม่ยุ่งกับชีวิตผมอีก”
“แต่มึงไม่ติดต่อมา…”
“ผมรู้ ขอโทษ แล้วก็รู้ด้วยว่าคำขอโทษคงไม่พอ” ไอ้ตุลกอดผมแน่นขึ้นไปอีก มันซุกหน้าลงมาบนไหล่ผมพลางถอนหายใจแล้วยิ้มออกมา
“ดีใจจังที่ได้เจอนิอีก ดีใจมากๆเลยรู้มั้ยครับ”
ใจที่ไม่ได้เต้นรัวกับใครสักคนมาสี่ปี ตอนนี้มันกลับมาเต้นรัวอีกครั้ง ผมพยายามปัดไอ้ตุลออกไป ทั้งๆที่พยายามจะทำใจแข็งเพราะอยากสั่งสอนที่มันหายไปแบบไม่บอกบ้าอะไร ทิ้งให้ผมเป็นห่วง เหงา รู้สึกแย่อยู่คนเดียว แต่พอเจออ้อมกอดอุ่นๆของมันแล้ว ผมดันพ่ายแพ้มันราบคาบ
“กูโกรธมึงอยู่นะ” ผมเมินสายตาออกไปมองที่อื่น ไอ้ตุลพยักหน้ากับไหล่ผม
“ครับ ผมบอกกับนิว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดี ผมต้องอดทนเพื่อที่จะเรียนให้จบ สอบทนายให้ผ่าน แต่พอกลับมาที่ไทย นิก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ แถมบ้านนิผมก็ยังไม่เคยไปเหยียบ”
“…”
“ถ้าเกิดว่าผมติดต่อนิช่วงที่ผมเรียนอยู่ ผมคงทนคิดถึงไม่ไหว และถ้าผมเรียนไม่จบ พ่อก็จะไม่ให้เราคบกัน”
ผมหันไปขมวดคิ้วหน้าบึ้งใส่ไอ้ตุลพลางผลักมันออก
“มึงมันเห็นแก่ตัวชิบ แล้วอีกอย่าง เราก็ยังไม่ได้คบกันว่ะ” พอผมจะลุกเดินหนี ไอ้ตุลก็กระชากแขนผมลงไปนั่งตักมัน พฤติกรรมเดิมๆที่หายไปจากชีวิตค่อยๆกลับมาเติมเต็มช่องโหว่ในชีวิตของผม
“จะให้ผมทำอะไรก็ยอม จะโกรธผมก็ได้ แต่อย่าเกลียดผม อย่าไล่ผม”
“…”
“นิเป็นคนสุดท้ายของผมนะ ถ้านิไล่ผมไป ผมก็ไม่รู้จะไปไหนอีกแล้ว”
“งี่เง่า” ผมผลักหัวไอ้ตุลแรงๆ
ถึงมันจะดูโตกว่าแต่เก่า ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่นิสัยก็ยังเหมือนเด็ก
“ต้องทำยังไงถึงจะหายโกรธ”
“…” ไม่รู้ว่ะ ต้องทำยังไงน่ะเหรอ ไม่รู้จริงๆ
เพราะแค่ได้เจอหน้า ได้กอด ได้อยู่ข้างๆ ก็หายโกรธแล้ว
“สี่ปีที่ผ่านมา กูเคยสงสัยว่ามึงหายไปไหน กูยอมแพ้ไปแล้วด้วยซ้ำกับการที่จะได้เจอมึง” ผมพึมพำเสียงแผ่ว มันนานเท่าไรไม่รู้ที่ผมรอว่าเมื่อไรตุลจะกลับมา
นานเท่าไรไม่รู้ รู้แค่ว่าผมเกือบจะลืมมันไปแล้ว
“นิครับ…” ตุลจับมือผมแน่น แน่นพอที่จะทำให้รู้ว่ามันคงไม่หายไปไหนอีก
“กูจะแน่ใจได้ยังไง ว่ามึงจะไม่หายไปอีก”
จะแน่ใจได้ยังไง ว่าจะไม่เจ็บอีก
“ถ้าอย่างนั้น …” ผมเห็นไอ้ตุลนิ่งไป เหมือนใช้ความคิดอะไรบางอย่าง มันจ้องตาผมเหมือนกับจะสื่อว่ามันจริงจังกับสิ่งที่กำลังจะพูดออกมา
“คบกับผมนะ”
“!!”
เหมือนทุกอย่างรอบตัวมันนิ่งไปหมด ภาพตรงหน้ามีเพียงแค่ผู้ชายตาหยีๆ คนหนึ่งที่จริงจังกับคำพูด คนที่ซื่อสัตย์แม้กระทั่งสายตาที่แสดงออก
ผมกับตุลอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไร้สถานะมาเกือบปี และตามด้วยสถานะที่คลุมเครือ ไม่ได้คบกัน ไม่ได้บอกรักกันทุกวัน จู่ๆมันหายไป ความสัมพันธ์นั้นก็เหมือนจะสิ้นสุดลง แต่ตอนนี้ผู้ชายตรงหน้ากำลังขอผมคบ สถานะที่แน่ชัด สถานะที่บ่งบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ มันไม่ใช่ผมตัวคนเดียวอีกแล้ว
เมื่อเห็นผมนิ่งไป ตุลมันเลยย้ำอีกครั้ง
“เป็นแฟนกันนะ นิติ”
ความร้อนที่พุ่งขึ้นมาบนใบหน้าทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนี บรรยากาศรอบตัวมันร้อนอบอ้าวไปหมดจนเหงื่อชื้นเต็มหลังและฝ่ามือ
ทำไมมึงอ่อนแบบนี้วะไอ้นิ ไหนเมื่อก่อนเป็นไอ้ขาโจ๋ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สะท้านไง
นี่มัน…
จะละลายแล้วเว้ย
อันตรายชิบ… โคตรอันตราย!
ไอ้ผู้ชายที่ชื่อตุลาการนี่มันตัวอันตรายชัดๆ!!
“นิ… ยังโกรธอยู่เหรอ” ไอ้ตุลถาม แล้วพยายามลากแขนผมเข้าไปหามัน ผมเบือนหน้ามองไปที่อื่นทั้งๆที่รู้ตัวเองว่าหูเหอคงแดงเถือกไปหมดแล้ว
ความรัก มันทั้งเจ็บปวด ทั้งรู้สึกดี แบบนี้สินะ
“นิ … เขินเหรอครับ” ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้ตุลแล้วจะตวาดใส่ แต่พอเห็นสีหน้าหงอยเหมือนหมาจ๋อยของมัน ผมก็ทำได้แค่เบี่ยงสายตาไปมองที่อื่น
“เขินบ้าไร มั่วแล้วมึงอ่ะ”
“…” ไอ้ตุลเงียบไป ทุกอย่างรอบตัวผมเงียบไป รับรู้ว่าเราสองคนยังอยู่ข้างกัน ไม่มีใครคิดจะลุกหนีไปไหน เวลาเกือบสี่ปี มันเหมือนเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ผ่านไปเมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
นี่น่ะเหรอความรัก
ถึงแม้จะห่างกันขนาดไหน ถ้ายังรัก สุดท้ายมันก็ยังคงทนอยู่ไม่จางหายไป
“เชี่ย” ตุลาการสบถแล้วเอามือกุมขมับ “โคตรน่ารักเลยว่ะ”
ช่า…
ขออภัย ขณะนี้นิติได้ทำการระเบิดตัวเองเป็นที่เรียบร้อย
“ไปตายไปไอ้หมาโง่” ผมทั้งถีบทั้งผลักไอ้ตุล เจ้าตัวหัวเราะอย่างสะใจแล้วกดจูบลงบนหน้าผากของผม ไล่ไปที่ตา จมูก ก่อนจะจูบริมฝีปากเบาๆแล้วถอนออก
“ผมหวังอยู่ทุกวัน ว่าจะต้องได้เจอนิอีกครั้ง”
“แล้วไง”
“พอมาเจอกันจริงๆ ผมอยากจะหนีไปอีกรอบแล้วอ่ะ” คำพูดของไอ้ตุลเล่นเอาฝ่ามือผมกระตุก เหมือนไอ้ตุลจะรู้ว่ามันจะต้องโดนฟาดแน่ๆมันเลยล็อคแขนผมไว้
“เออ ไปไหนก็ไป เชิญเลย ไปไกลๆส้นตีน ไปตายเลยไป”
“ไล่ผมไปตายไม่เหงาเหรอ…”
“ไม่”
“นิ…”
“ไรของมึงนักหนาวะ” ผมหันไปแหกปากใส่ไอ้ตุล ริมฝีปากสีออกคล้ำของมันบดเบียดลงมาบนริมฝีปากของผม บดเบียด คิดถึง โหยหา อ่อนโยน แทบจะดึงสติผมไป
ตุลค่อยๆถอนริมฝีปากออก ผมยกแขนขึ้นมาบังหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง
เพราะแบบนี้ใช่มั้ยวะเน ทำให้มึงถึงรักผู้ชายคนนี้มากขนาดนั้น
กูเข้าใจแล้ว ถ้าเป็นกู
กูก็คงให้มึงสัญญาว่าจะดูแลตุลเหมือนอย่างที่มึงทำ
“เชี่ยเอ้ยย ทำไมต้องทำตัวน่ารักวะ” ไอ้ตุลกระโจนใส่ผมจนแทบจุก
“ไอ้หมาบ้านี่ ออกไปนะเว้ย”
“ทนไม่ไหวแล้ว ผมไม่ได้กอดนิมาตั้งสี่ปี”
“บอกให้ปล่อยไงล่ะโว้ย”
“ไม่ครับ ผมแนะนำว่าพรุ่งนี้นิควรจะโทรไปลางานดีกว่า” ผมถลึงตาใส่ไอ้ตุลที่เริ่มทำมากกว่ากอด ก่อนจะแหกปากใส่มันจนห้องแทบระเบิด
“ไอ้นรก!!!!!”
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็กลับมาหาผมแล้ว
ผู้ชายที่ผมเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่รัก
ตอนนี้ผมดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
บ้าชิบ…
ลางานน่ะเหรอ ลากับผีสิ
ผมมีนัดกับทนายที่จะไปช่วยไอ้สิทว่าความเรื่องโรงแรมตอนบ่ายโมง แต่นี่เที่ยงแล้วผมยังสภาพล่อแล่อยู่ในห้องน้ำ ยืนอาบน้ำแทบจะไม่ไหว อาจจะเป็นเพราะนี่เป็นครั้งที่สองที่ผมกับไอ้ตุลมีอะไรกัน ไอ้ตุลมีความสุข แต่กูนี่ทุกข์เต็มๆ
กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ล่อไปเที่ยงครึ่ง โชคดีที่ร้านอาหารที่นัดไว้อยู่ใกล้คอนโด นั่งแท็กซี่ไปสิบนาทีก็ถึงถ้ารถไม่ติด ผมแต่งตัวเสร็จสรรพพลางหันไปมองผู้ชายที่ยังนอนแผ่อยู่บนเตียง
ตุลาการมันกลับมาหาผมแล้วจริงๆ
ผมนั่งยองๆลงข้างเตียง พลางจับกลุ่มผมสีดำสนิทของตุลเล่น แล้วเขียนโน้ตวางไว้ข้างเตียงก่อนจะรีบออกไปยังร้านอาหาร
แต่พอมาถึงร้าน ไอ้ทนายนั่นก็ไม่มีวี่แววที่จะโผล่หัวมา
ผมเลยต่อสายไปยังทนายตุลาการ ที่ดันชื่อไปเหมือนกับไอ้ตุลาการที่ทำหลังผมแทบเดาะเมื่อคืน
(ครับคุณนิติ ขอโทษทีครับ พอดีผมนอนเพลินไปหน่อย!!) น้ำเสียงของไอ้ทนายนั่นดูเร่งรีบเหมือนคนกำลังวิ่ง นี่ถ้าไอ้ตุลไม่ได้นอนแผ่อยู่ที่ห้องผม ผมคงจะนึกว่าไอ้ทนายตุลาการนี่เป็นคนเดียวกับผู้ชายที่ขอผมคบเมื่อคืนหลังจากที่หายต๋อมไปสี่ปี
มันก็พอมีเหตุผลที่พอจะรับฟังได้ เพราะเรื่องครอบครัวไอ้ตุลผมเองก็ไม่อยากมีปัญหา
“ครับ ผมจองโต๊ะไว้แล้วนะ”
(ขอโทษจริงๆครับ ใกล้ถึงแล้ว ไว้เจอกันครับ ตี๊ดๆ) ปลายสายตัดไป ผมนั่งมองแก้วกาแฟในมือพลางถอนหายใจ
ผมยังไม่ได้ตอบตกลงว่าจะคบกับไอ้ตุลมั้ย เอาจริงๆก็คือผมไม่เคยมีเรื่องรักๆใคร่ๆอะไรพวกนี้เข้ามาในชีวิต ดังนั้นการตอบตกลงคบใครนั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะไม่ธรรมดาสักเท่าไร ถึงใครๆจะบอกว่าไอ้นิมันไม่เคยกลัวอะไรหรอก ขนาดโดนชกหน้าเละยังไม่ร้องไห้สักแอะ
แต่เรื่องชกกับความรักนี่มันคนละเรื่องเลยว่ะ
โดนชกมันก็แค่เจ็บ
แต่โดนรุกนี่มันเสียหายทั้งกายและใจนะเว้ย…
“ได้จองที่ไว้หรือเปล่าคะ”
“ครับ ชื่อคุณนิติ” เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านหลัง ผมหันไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่จองโต๊ะ ก่อนจะขมวดคิ้ว คนตัวสูงๆผมดำฟูๆเหมือนแมว แผ่นหลังที่ดูคุ้นตานั่น ดูคล้ายกับไอ้ตุลจังวะ
“ทางนู้นเลยค่ะ”
พนักงานสาวผายมือมายังโต๊ะที่ผมนั่ง ก่อนที่ไอ้ผู้ชายตัวสูงนั่นมันจะหันหน้ามา ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าไอ้ผู้ชายที่เหมือนรีบวิ่งมาเสื้อผ้ายังใส่ไม่เข้าที่ชายเสื้อยังหลุดออกมาจากกางเกง เน็คไทก็เบี้ยวนึกว่าไปรบกับใครมา คือไอ้คนเดียวกับที่ควรจะนอนกางแข้งกางขาอยู่บนเตียงของผม…
เฮ้ย
ไอ้ตุลเดินดุ่มๆเข้ามาหาผมพลางยัดชายเสื้อเข้าไปในกางเกง เราต่างคนต่างขมวดคิ้วมองหน้ากันเหมือนกับว่าไม่อยากจะเชื่อสายตา
อย่าบอกนะว่า…
“ทนายตุลาการ?” ผมเลิกคิ้วถามไอ้ตุลที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่ผมนั่ง ไอ้คนหน้าซื่อๆตาหยีๆทำตาโตที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อเห็นผมนั่งอยู่ที่โต๊ะ
“นิติ…”
ไอ้ตุลหัวเราะแล้วนั่งลงตรงกันข้ามกับผมพลางถอนหายใจ
“นี่มันเกินความคาดหมายของผมจริงๆนะ”
เออ เหมือนกัน
สรุปว่าไอ้ชื่อที่อยู่บนนามบัตรนั่น ตุลาการ สิรฉัตร คือชื่อของไอ้ผู้ชายที่หายหน้าไปสี่ปีจริงๆ ไอ้ทนายที่ตอนแรกผมเอะใจว่าชื่อมันคล้ายกับผู้ชายที่ผมรักเหลือเกิน
มันคือความบังเอิญ หรืออะไรกัน
ถ้าผมไม่เจอนามบัตรที่พ่อเก็บไว้ หรือถ้าพ่อไม่เผอิญเก็บมันเอาไว้เพราะนามบัตรนั่นพ่อดันได้มาจากเพื่อนของพ่อ ผมกับตุลคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
ไอ้ตุลยิ้มเผล่อย่างชอบใจ ส่วนผมก็ทำได้แค่นั่งจิบกาแฟเงียบๆ
ยอมรับ ว่าบางเรื่อง ผมก็เชื่อว่าโชคช่วยมีจริง
“กูอยากจะฟ้องมึงจริงๆ ข้อหาหลอกลวงประชาชน” ผมบ่นอุบ ไอ้ตุลหัวเราะ
“งั้นผมฟ้องกลับบ้างนะ”
“ข้อหาอะไร”
“ข้อหาทำให้ผมตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น”
“…”
ผู้ชายตรงหน้ายิ้มโชว์ลักยิ้มจนแก้มบุ๋ม ผมนี่อยากจะหยิบส้อมแทงหน้ามันถ้าไม่ติดที่ว่าคนเต็มร้านอาหารยิ่งกว่ารังมด
มึงนั่นแหละที่จะโดนฟ้อง
ข้อหาทำให้คนอื่นเขินเรี่ยราด
“เหอะ แล้วจะเรียกเงินเท่าไรดีล่ะ” ผมเออออเล่นกับไอ้ตุล มันยื่นมือมาจับมือผมที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เอาเป็นทั้งตัวและหัวใจของคุณได้ไหมครับ คุณนิติ นิรันดร์กร”
TBC