บันทึกรักที่ 5 หนึ่งใจสองทาง (ตอนที่ 3) จบตอน
ผมนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนโซฟาและเหม่อมองออกไปที่ด้านนอกของระเบียง ได้ยินเสียงแว่วๆของพัดโบกที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว ผมนั่งทบทวนเรื่องของตัวเองแล้วย้อนคิดไปถึงแม่ ความเจ็บปวดที่เกิดจากคนที่เรารักไปรักคนอื่นมันทำให้แม่ถึงขั้นอยากจบชีวิตในวันนั้น ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นมันทำให้ผมตั้งมั่นว่าผมจะไม่มีวันทำแบบที่พ่อทำเอาไว้กับแม่ แต่ตอนนี้ละ ผมกำลังทำแบบนั้นอยู่หรือเปล่า แม้จะดูว่าต่างกัน แต่เอาจริงๆแล้วมันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก ผมแค่ไม่ได้บอกว่าจะคบใคร ยังไม่ได้เกิดการนอกใจ แต่ผมก็เป็นคนสองใจและขี้ลังเลอยู่ดี
“คิดอะไรอยู่” พัดโบกเดินออกมาจากในครัวเมื่อไหร่ผมไม่ทันสังเกต มารู้ตัวอีกทีก็คือพัดโบกมาหอมแก้มผมก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพร้อมกับจานข้าวผัดเบค่อนที่หอมกรุ่น
“คิดถึงเรื่องของเราเอง” ผมตอบไปตรงๆ รอยยิ้มของพัดโบกเจืองจางไปเล็กน้อยก่อนจะตักข้าวผัดมาเป่าแล้วทำท่าจะป้อนผม
“กินไปด้วย สมองก็ต้องการอาหารนะ” พัดโบกยิ้มให้ผมใหม่ ผมยิ้มตอบก่อนจะอ้าปากรับข้าวผัดที่คนตรงหน้าไม่ยอมให้ผมทานเอง
“อร่อย” ผมยกนิ้วให้ พัดโบกโน้มหน้ามาเลียที่ริมฝีปากของผมเบาๆก่อนจะแทรกเข้าไปข้างใน
“กินแบบนี้อร่อยกว่ากินจากช้อนจริงๆนะ” พัดโบกยิ้มมุมปาก ผมทำหน้าค้อนเขานิดๆ
“กับแฟนคนนั้นทำแบบนี้รึเปล่า” ผมถาม พัดโบกไม่ยอมตอบแต่ป้อนข้าวผมอีก
“คิดไม่ตกเรื่องของเรากับเขาเหรอ” พัดโบกย้อนมาถามผมบ้าง
“อืม” ผมก็ตอบไปตรงๆ แอบเห็นว่าพัดโบกหน้าเสียไปนิดหน่อยที่ผมตอบตรงๆ
“เขาอยากกลับมาดีกับกลอนเหรอ แล้วพ่อแม่เขารับได้แล้วเหรอ” พัดโบกถามในสิ่งที่ผมก็ไม่แน่ใจ
“เราไม่ได้คิดถึงจุดนั้น”
“แล้วคิดถึงจุดไหน”
“อย่างที่เราเคยบอกว่าเรารักพี่เขามาก ในใจเราไม่เคยลืมพี่เขาเลย แต่เราคิดว่าเส้นทางของเรากับพี่เขาคงมาบรรจบกันไม่ได้ พี่เขาถึงไม่อยากให้เรารอ แต่การกระทำหลายๆอย่างของพี่เขาทำให้เรารู้ว่า เราต่างหากที่ไม่มั่นคง ในขณะที่พี่เขาพยายามเพื่อเรา เราไม่ได้พยายามเพื่อพี่เขาเลย” ผมก็ไม่รู้ทำไมถึงได้พูดเรื่องนี้กับพัดโบก ทั้งที่รู้ว่าเขาต้องเจ็บที่เห็นผมพูดถึงพี่ฉลาม แต่ผมไม่อยากปิดบังอะไรแล้ว
“ผิดแล้วละ” พัดโบกวางจานลงที่โต๊ะ ก่อนจะหันกลับมาลูบที่แก้มของผมแล้วหอมแก้มผมอีกรอบ แต่ผมกำลังงงว่าพัดโบกจะพูดอะไร
“ผิดยังไง” ผมถาม
“ที่กลอนบอกว่าไม่ได้พยายามเพื่อพี่เขาไง ถ้ากลอนไม่พยายาม กลอนคงรับรักเราไปแล้ว กลอนคงเปิดใจให้เราไปแล้ว แต่เพราะกลอนยังเก็บเขาเอาไว้ตลอด เราเลยไม่เคยเข้าไปถึงใจกลอนสักที เรื่องนี้มันง่ายนิดเดียว กลอนและผู้ชายคนนั้นรักกันมา ตัวปัญหาคือเราเอง” พัดโบกละมือจากแก้มมากุมมือผมเอาไว้ ผมฟังถ้อยคำของพัดโบกแล้วน้ำตาคลอ
“ไม่ใช่นะ พัดไม่ใช่ตัวปัญหาของเรา” ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
“รู้ไหม ความผิดพลาดเดียวของเราคือการที่พลาดโอกาสในวันที่เรามีโอกาส ถ้าเพียงแต่คืนนั้นเรากล้าที่จะบอกว่าเราคือใคร ถ้าเราติดต่อกลอนมา ถ้าเราไม่เงียบหายไป วันนี้เราคงเป็นเจ้าของกลอนทั้งกายและใจ เราปล่อยโอกาสจนกลอนมาเจอเขา”
“เรา..รักพัดนะ เรายังยืนยัน ขอเวลาเราอีกหน่อยได้ไหม” ผมบอก พัดโบกยิ้มให้ผม
“พรุ่งนี้เราจะกลับญี่ปุ่นแล้ว ถึงเราพูดว่าเราทนได้ถ้าจะอยู่กันสามคน แต่มาคิดแล้วเราทนไม่ได้หรอก ยิ่งถ้าเรากลับไปโดยที่ไม่รู้ว่ากลอนตัดสินใจยังไง เราคงเหมือนคนบ้า คงมานั่งหึงหวงเพราะความกลัว เราไม่อยากทำตัวโง่ๆในสายตากลอน พรุ่งนี้เช้าก่อนเรากลับ เราอยากได้คำตอบ”
“พัดโบก” ผมเรียกชื่อเขาเสียงสั่น อยากจะร้องไห้อีกแล้ว
“ผิดหวังใช่ไหมที่เรากดดันกลอนแบบนี้ เราขอโทษนะ แต่เราอยากรู้เลยว่าเราควรต้องวางตัวเองไว้ตรงไหนสำหรับกลอน ไม่ว่ากลอนจะตัดสินใจยังไง เราจะเคารพการตัดสินใจ วันนี้กลอนไปหาเขานะ ไปอยู่กับเขา แล้วลองชั่งใจดู เราจะรออยู่ที่นี่กับคำตอบในวันพรุ่งนี้ ถ้าก่อนเราจะเดินทางแล้วกลอนกลับมา เราจะไม่ปล่อยกลอนให้ใครอีก แต่ถ้ากลอนไม่ได้กลับมา เราจะยอมรับว่าเวลาของเราหมดลงแล้ว”
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” ผมยกมือป้ายน้ำตาที่แก้ม ห้ามเอาไว้ไม่ไหวจริงๆ ผมอึดอัดตัวเอง เกลียดความรู้สึกของตัวเองในเวลานี้มาก พัดโบกปลอบผมไม่ให้ร้องไห้ ชวนผมคุยเรื่องอื่น ยังคงหยอกล้อและนัวเนียผมไม่ห่าง ทำเหมือนว่าไม่ได้พูดอะไรออกมา จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน หลังจากที่เราทานข้าวกันเสร็จแล้ว พัดโบกเดินลงมาส่งถึงประตูรั้วบ้านพี่ฉลาม ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่นานพี่ฉลามก็เดินออกมาเปิดประตูรั้วด้วยตัวเอง ทั้งคู่มองหน้ากันโดยมีผมยืนตาแดงๆอยู่ตรงกลาง
“เรากลับไปที่คอนโดก่อนนะ” พัดโบกลูบที่แก้มของผมก่อนจะเดินหันหลังข้ามกลับไปที่คอนโด พี่ฉลามยิ้มให้ผมก่อนจะจูงมือผมเดินมาในบ้าน พ่อของพี่ฉลามทักทายยิ้มแย้มที่เห็นผม ก่อนจะขอตัวไปดูต้นไม้ที่ท่านสั่งให้คนสวนลงใหม่ พี่ฉลามเลยพาผมขึ้นไปบนห้อง เดินผ่านห้องมืด ประตูถูกเปิดเอาไว้ ไม่มีรูปผมแล้ว ไม่มีรูปใครเลย
“พี่กำลังจะทำห้องใหม่จะทำเป็นโฮมเธียร์เตอร์” เหมือนรู้ว่าผมคิดอะไร พี่ฉลามเลยชิงตอบมาก่อน
“แล้วพี่ไม่เอาไว้ล้างรูปแล้วเหรอ”
“ไม่ละ พี่เลิกถ่ายรูปแล้วละ”
“ทำไมละครับ”
“เจ้าหนูจำไมกลับมาแล้ว” พี่ฉลามยีหัวผมก่อนจะพาไปที่ห้องนอน ผมมองไปที่ระเบียงโมบายหอยก็ไม่อยู่แล้ว
“โมบายพี่เอาไปซ่อม กลัวเชือกมันขาด” เหมือนจะรู้อีกว่าผมคิดอะไรพี่เขาเลยชิงพูดขึ้นมาก่อนอีก
“เอาไปซ่อมที่ไหน กลอนจะได้เอาของกลอนไปซ่อมบ้าง” ผมถาม
“เอามาฝากไว้ที่พี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่เอาไปทำให้”
“พี่ฉลาม...” ผมเรียกชื่อพี่เขา พี่เขามองมาแล้วเลิกคิ้ว พอเห็นผมยังยืนนิ่งพี่เขาเลยดึงผมมาให้มานั่งบนเตียง
“คิดอะไรมากมาย..หื้ม” พี่ฉลามจิ้มที่หน้าผากของผมเบาๆ
“กลอนก็ไม่รู้”
“อยู่กับพี่ตอนนี้ อย่าเพิ่งคิดอะไรได้ไหม เอาออกไปจากหัวให้หมด พี่มีอะไรจะให้ดู” พี่ฉลามบอกผมก่อนจะเดินไปหยิบอัลบั้มรูปมาวางตรงหน้าผมเกือบสิบอัลบั้ม มีหมายเลขกำกับด้วย
ผมเปิดดูทีละอันตามหมายเลข ในนั้นมีรูปผม เพื่อนๆของผมและพี่ฉลาม ตั้งแต่ผมถูกรับน้องในวันแรก พี่ฉลามเล่าให้ผมฟังว่าตอนที่พี่เขาถ่ายรูปนี้ตอนนั้นเขาคิดอะไร บางรูปผมทำหน้าเฮี้ยวใส่รุ่นพี่ พี่ฉลามก็บอกตอนนั้นอยากเตะผมมาก มีรูปที่น้องมอสแอบมองผมด้วยตั้งหลายรูป พี่ฉลามบอกว่าถ่ายเอาไว้เป็นหลักฐานว่าผมเสน่ห์แรง ผมหลุดหัวเราะออกมา โดยเฉพาะภาพของตัวเองตอนอยู่กับเพื่อนๆ ผมก็เกรียนได้ใจเหมือนกันนะ ไม่ใช่แค่หนอนหนังสืออย่างที่ใครๆพูดกัน มาถึงอัลบั้มช่วงที่พี่ฉลามไม่อยู่ ผมนั่งดูแต่รูปแบบเงียบๆ พี่ฉลามบอกว่าส่วนใหญ่เป็นฝีมือการถ่ายของบุ้ง มีรูปผมกับพัดโบกด้วยตั้งหลายรูป ผมไม่ได้พูดอะไรออกมา ไม่กล้าหันไปมองพี่ฉลามด้วยว่าพี่เขากำลังทำหน้ายังไงอยู่ เพราะพี่เขาก็เงียบไปเหมือนกัน มาถึงอัลบั้มสุดท้ายที่งานศพของพ่อ ผมน้ำตกเพราะคิดถึงพ่อขึ้นมาอีก นั่งดูจนหน้าสุดท้าย พี่ฉลามหยิบอัลบั้มมาเก็บกองรวมกับอันอื่นๆ
“เห็นอะไรไหม” พี่ฉลามถามผม ผมมองพี่เขาก่อนจะทำหน้างงๆ
“หมายถึงอะไรเหรอครับ รูปเหรอ ก็ต้องเห็นสิ แต่มันเยอะมาก กลอนเห็นในห้องมืดก็ว่าเยอะแล้ว มีอันอื่นซ่อนเอาไว้อีก” ผมตอบ
“พี่หมายถึง กลอนเห็นตัวเองไหม” พี่ฉลามถามซ้ำ ผมส่ายหน้าเพราะไม่เข้าใจ พี่ฉลามเลยหยิบอัลบั้มตอนที่พี่เขาไปอยู่เมืองนอกมาเปิดให้ผมดูใหม่
“ช่วงแรกกลอนดูเศร้ามาก เศร้าจนพี่แทบจะตัดสินใจบินกลับมาหลังจากที่เห็น มีรอยยิ้ม แต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มเลย พี่ทรมานมากที่เห็นกลอนเป็นแบบนี้ จนพี่นุ๊กไม่ยอมส่งรูปให้พี่ดูอีกเพราะกลัวพี่ล้มเลิกความตั้งใจ กลัวที่เสียสละกันมาจะสูญเปล่า ช่วงแรกพี่เมาทำตัวบ้าบอทุกวัน จนแม่โทรไปบอกว่าพ่อยอมแล้ว พ่อให้พี่กลับมาหากลอน ตอนนั้นพี่เลยนึกด่าตัวเองว่าพี่กำลังทำอะไร ถ้ามาเพื่อทำตัวแบบนี้แล้วยังทิ้งให้กลอนต้องเจ็บ กลอนคงผิดหวัง โชคดีที่คิดได้ทัน พี่เลยได้เริ่มต้นใหม่”
“กลอนภูมิใจในตัวพี่เสมอนะ” ผมบอกพี่เขา รู้สึกสะเทือนใจเหมือนกันที่ได้รู้ว่าพี่เขาทรมานไม่แพ้ผมเลย แถมเขาต้องไปอยู่คนเดียว ไม่มีใครช่วยเยียวยาความเจ็บปวด มันคงทรมานกว่าผมหลายเท่านัก พี่เขาพลิกหน้าอัลบั้มรูปไปอีก
“แล้วกลอนเห็นตัวเองตอนนี้ไหม” พี่เขาชี้ให้ดูรูปผมเอง
“ทำไมเหรอครับ”
“ดวงตากลอนไม่ได้เศร้าเหมือนเดิมอีก รอยยิ้มของกลอนตอนนี้คือรอยยิ้มที่พี่หลงรัก แม้มันจะเจ็บปวดที่ได้รู้ว่ามีใครบางคนที่ไม่ใช่พี่ทำให้กลอนยิ้มได้แบบนี้ แต่พี่เจ็บปวดน้อยกว่าตอนที่เห็นกลอนยิ้มไม่ได้แบบตอนแรก” ผมฟังที่พี่ฉลามพูดแล้วย้อนกลับไปพินิจรูปตัวเองอีกครั้ง มันก็จริงตามนั้น ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ผมเริ่มรักพัดโบกแล้ว
“กลอนขอโทษนะ” ผมไม่รู้จะเอ่ยคำไหนออกมานอกจากคำนี้ พี่ฉลามปิดอัลบั้มรูปแล้วเอาไปวางที่เดิม ก่อนจะกลับมานั่งข้างๆผม
“รู้ตัวไหม ตอนนี้ดวงตากลอนกำลังเป็นเหมือนตอนที่พี่ไปจากกลอน เมื่อกี้กลอนหัวเราะ แต่ดวงตากลอนไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย” พี่ฉลามลูบศีรษะของผมเบาๆ
“กลอน..กลอนไม่รู้ว่าต้องทำยังไงจริงๆ” ผมฟังพี่ฉลามแล้วก็ร้องไห้ออกมาอีก พี่ฉลามดึงผมไปกอด
“พี่ไม่ได้ไปไหนแล้ว พี่อยู่ตรงนี้ พี่กลับมาแล้ว แต่ดวงตากลอนเศร้าเพราะกลอนกำลังเสียใจหากใครอีกคนจะไป คนๆนั้นไม่ใช่พี่ เข้าใจรึยัง” พี่ฉลามพูดจบผมยิ่งกระชับกอดพี่เขาไว้แน่น ร้องไห้เหมือนเด็กเลยคราวนี้
“กลอนก็ไม่อยากเสียพี่ไป” ผมบอกด้วยเสียงอู้อี้ฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“ก็ไม่ได้เสียไง แต่แค่ไม่ใช่ในฐานะคนรัก พี่เป็นคนบอกเองว่ากลอนไม่ต้องรอพี่ กลอนอย่ารู้สึกผิด การที่พี่ทำนั่นนี่ให้ พี่ทำเพราะพี่อยากทำ พี่เข้ามาทำให้กลอนรักแล้วต้องมาทำให้กลอนตัดใจ พี่แค่อยากทำให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง อย่าไปคิดมาก” พี่ฉลามพูดปลอบผม แต่ผมรู้ดีว่าพี่เขาพูดเพื่อให้ผมสบายใจ ผมรู้จักพี่ฉลามดีเหมือนที่พี่ฉลามรู้จักผม
“กลอนรู้ว่าพี่ยังรักกลอน” ผมพูดจบพี่ฉลามก็หัวเราะ
“เออก็รักไง พูดสักคำยังว่าไม่รัก”
“ถ้ากลอนคบกับพัดโบกพี่จะไม่เสียใจเลยเหรอ” ผมถามจริงๆนะ ไม่ได้เรียกร้องความสนใจ
“เสียใจสิ แต่ทนได้ พี่มีภูมิแล้ว” พี่ฉลามตอบผม ผมคลายกอดออกมาแล้วนั่งจ้องหน้าพี่ฉลาม
“ใครคือภูมิ” ผมถามเสียงแข็ง
“ยังจะมามุก” พี่ฉลามจิ้มหน้าผากของผม ผมยิ้มแต่ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“พี่โอเค อย่าคิดมาก พี่ไม่ได้กลับมาเพื่อทำให้กลอนทุกข์ใจนะ”
“แต่พี่รู้ใช่ไหมว่ากลอนไม่ได้หมดรักพี่” ผมถาม
“ใจร้ายว่ะคนเรา ยังจะมาถาม เดี๋ยวไม่ปล่อยไป จับปล้ำเลยดีไหม” พี่ฉลามแกล้งโวยวาย แต่ผมรู้ว่าพี่เขากำลังเจ็บปวดไม่ต่างจากผม
“พี่ฉลาม” ผมเรียกพี่เขาอีกรอบ
“บอกแล้วไงว่าโอเค วันนี้กลอนอาจจะสับสน แต่ถ้ากลอนเลือกแล้วกลอนจะโล่งใจ มันก็แค่อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เราจะพบกับความยุ่งยาก แต่เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เราสองคนอดทนกับเรื่องยากกว่านี้มาได้แล้ว อีกเรื่องจะเป็นไรไป เข้าใจไหมเจ้าหนูจำไม” พี่ฉลามถามผม ผมพยักหน้าก่อนจะโผกอดพี่ฉลามอีก กอดที่ผมอาจจะไม่มีสิทธิ์ได้กอดอีก
พี่ฉลามมาส่งผมที่หน้ารั้ว ผมเดินกลับมาที่ประตูรั้วของคอนโด ก่อนจะมองกลับไปเห็นแผ่นหลังของพี่ฉลามกำลังเดินจากไป ผมยืนเช็ดน้ำตาและนั่งยองร้องไห้จนยามที่เดินมาตกใจถาม เมื่อเห็นผมไม่ตอบเลยเดินจากไป ผมรักพี่ฉลาม รักไม่น้อยไปกว่าพัดโบกเลย ผมอยากเลือกพี่ฉลามเพราะเราผ่านอะไรมาด้วยกันและผมคิดว่าพี่ฉลามเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุดและเพราะเข้าใจผมที่สุด ผมถึงรู้ว่าผมควรเลือกอะไรและทำไมพี่ฉลามถึงให้ผมกลับมาหาพัดโบก ผมทบทวนแล้วว่าถ้าผมไม่อยากเสียพี่ฉลามไปตลอดกาล ผมไม่ควรเลือกกลับไปหาพี่เขาในวันที่ผมยังรักใครอีกคน อย่างน้อยเรายังเป็นคนที่รักกันและเข้าใจกัน ความผูกพันของเรามันเกินแค่คำว่ารักไปแล้ว แม้ในวันหนึ่งพี่เขาอาจจะได้เจอใครผมก็ต้องยอมรับมันให้ได้เหมือนกับที่พี่ฉลามทำเพื่อผมในวันนี้ แล้วการที่ผมเลือกพัดโบกทั้งที่ยังรักพี่ฉลามก็ไม่ได้แปลว่าผมไม่จริงใจกับพัดโบก เพราะจากนี้ไป ผมจะทำหน้าที่คนรักที่ดีให้พัดโบก
..ผมเลือกที่จะเก็บพี่ฉลามเอาไว้ในส่วนที่ไม่จำเป็นต้องบอกใครและผมจะยืนเคียงข้างพัดโบกให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้..
(มีต่อข้างล่างค่ะ)V
V