Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 24
แสดงความเป็นเจ้าของ
“ก็ในส่วนของเราไม่มีอะไรมาก เพราะทางลูกค้าได้ขอพื้นที่เข้ามาแล้ว แกช่วยดูแลจัดการในส่วนของออแกไนซ์จัดงานที่เขาจะมาทำก็แล้วกัน ให้ความสะดวกสบาย เขาต้องการอะไรก็หามาให้ เดี๋ยวแม่งานจัดงานให้คุณดรีมเขาทำกับออแกไนซ์ไป งานของเขาก็ให้เขาออกแบบเอง คุณปฐพีกับคุณอัคนีนี่ฉลาดจริงๆ ตามนี้ก็แล้วกันนะขรรค์” ร่างสูงพูดยิ้มๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่นักธุรกิจใหญ่อย่างปฐพีโทรมาขอจัดงานแต่งกะทันหัน
เรื่องของปลายฝันก่อนหน้านี้ รามินทร์ก็แค่ถูกใจเพราะเจ้าตัวเขาตรงสเปครามินทร์สุดๆ แต่มีคนรักแล้วเขาก็ไม่ขอยุ่งด้วยเหมือนกัน...
“ได้ครับคุณราม แล้วทางทีมงานเขาจะมาวันไหนครับ”
“ประมาณช่วงอังคารน่ะ จะมาดูสถานที่ เตรียมงานสี่วัน งานจัดวันอาทิตย์ เรื่องนี้ฉันพูดกับคุณดรีมไปแล้ว ยังไงฝากแกอำนวยความสะดวกด้วย”
“ได้ครับคุณราม”
“อือ...จริงสิ พรุ่งนี้วันหยุดแกใช่ไหม” ผู้เป็นนายถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นมาได้
“ใช่ครับ”
“จะกลับบ้านสวนล่ะสิ ที่นั่นอะไรมันพอกินได้ก็เอามาแบ่งบ้างสิ”
“ได้ครับ แล้วเดี๋ยวจะให้คนงานเก็บเอามาให้คุณรามนะครับ” ขรรค์รับปาก
“แกก็แปลกนะ มีสวนผัก ไร่ผลไม้ใหญ่โต แต่ก็ยังมาทำงานงกๆ ด้วยสภาพนี้ทำไมก็ไม่รู้”
“ผมไม่อาจจะลืมพระคุณของคุณรามได้หรอกครับ ที่ผมมีทุกวันนี้ก็เพราะคุณราม ต่อให้ผมมีทุกอย่าง ผมก็จะทำงานเคียงข้างคุณรามไปตลอด”
“ต่อให้แกไม่ทำงานกับฉัน แต่เราก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เองขรรค์ เอาเถอะ ถ้าอยากจะพัก อยากจะหยุดก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ เล่นทำงานแบบไม่เอาเงินแบบนี้ฉันก็เกรงใจ” รามินทร์ส่ายหน้าไปมากับความคิดของลูกน้องคนสำคัญ
ตัวเองก็พูดไปแบบนั้นแหละ ถ้าไม่มีขรรค์ก็เหมือนคนไม่มีมือ ทำอะไรไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่มีร่างสูงใหญ่คอยช่วยเหลืออยู่แบบนี้...
“ทุกวันนี้ผมก็มีกินมีใช้แล้วครับ งานที่นี่ก็ไม่ได้หนักอะไรมาก” เพราะหนักกว่านี้ ก็ทำมาแล้ว...
“ก็แล้วแต่แล้วกัน แกก็เหมือนเพื่อนคนหนึ่งของฉัน”
“ขอบคุณคุณรามที่ให้เกียรติครับ”
“อืม...จริงสิ! พรุ่งนี้ฉันจะพาไอ้อินไปรีสอร์ทที่เลย จะกลับมาวันเสาร์ เดี๋ยวฉันต้องมาต้อนรับตระกูลอภิหชัยบดินทร์เอง ฝากดูแลที่เหลือด้วยนะ ถ้ามีแขกวีไอพีมาก็ให้ผู้จัดการรับหน้าไปแทน แต่ฉันบอกกับคุณภพไว้แล้วล่ะ อ้อ!! ถ้าเจ้าจอม หมอเงินกับไอ้จักรถามหาไอ้อิน แกคงรู้สึกนะว่าต้องตอบยังไง”
“ครับคุณราม”
มีแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่เขาไม่อยากจะรับคำสั่งสักเท่าไหร่
ทำไมจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของการที่รามินทร์พาอินทัชข้ามจังหวัดไปแบบนี้ เพราะต้องการหนีให้พ้นจากแขกเหรื่อที่จะมาในงาน และตระกูลอภิหชัยบดินทร์ที่อินทัชรู้จักดีในฐานะคู่ค้า
ขรรค์เดินทางเข้าไปในตัวเมืองพร้อมๆ กับจักรเพราะต้องไปดูแลเรื่องการจัดสวนของโรงพยาบาลใหญ่ในตัวเมืองใหม่ ตอนนี้เริ่มลงมือจัดการเอาคนไปลงระดับหนึ่งแล้ว แต่ของยังมาไม่ครบ ต้องรอของมาครบถึงจะจัดอย่างจริงๆ จังๆ ได้ เพราะการจัดสวนมันต้องมีขั้นตอนของมัน
“อะไรทำได้ก็ทำไปก่อน เอาตรงนั้นไปเก็บไว้ก่อน รอกระถางมาก่อน เออๆ นั่นแหละ” จักรที่ทำหน้าที่สั่งการพวกลูกน้องที่ดึงเอามาเป็นลูกมืออย่างตั้งใจและขยัน ไม่ต่างจากขรรค์ที่กำลังนั่งมองแปลนสลับกับสถานที่จริงเผื่อมีอะไรต้องแก้อีก จะได้บอกให้ทางจักรแก้ทัน
“พี่จักร...ฉันว่าตรงนี้มันยังไม่ค่อยเข้าว่ะ ใช้ดอกไม้มันจะดีเหรอ”
“ดีสิวะ มึงเชื่อกูเถอะน่า ดูในแปลนมันก็ไม่เข้าหรอก ดูของจริงดีกว่า แล้วมึงจะยิ่งคาราวะกู ฮ่าๆ”
“เออๆ อย่าหัวเราะแบบนี้อีกนะเว้ยพี่ มันดูน่าเกลียดว่ะ”
“ไอ้สัตว์นี่!!!”
“หึหึ” ขรรค์หัวเราะในลำคอก่อนจะปลีกตัวออกมาทำงานในส่วนของตัวเอง จนกระทั่งเวลาผ่านมาจนถึงเที่ยงวัน ขรรค์ดูนาฬิกาจากโทรศัพท์ ก่อนจะเดินไปบอกจักรว่าจะไปหาคนรักของตน เนื่องจากได้นัดเอาไว้แล้ว...
“พี่จักร ฉันไปหาเงินก่อนนะพี่”
“อ้าว? นี่ก็ทำงานหาเงินอยู่ไม่ใช่หรือวะ?” จักรถามด้วยสีหน้าสงสัย ทำเอาขรรค์ถึงกับกลอกตาไปมาอย่างระอากับคนคิดช้า
“ฉันหมายถึงหมอเงินน่ะ” จะบอกว่าแฟนก็รู้สึกแปลกๆ
จักรครางอ๋อทันที...
“เออๆ เบื่อจริงๆ พวกมีแฟน อย่าให้กูมีบ้างก็แล้วกัน” จักรบ่นพึมพำ ใบหน้าก็แหงนมองท้องฟ้าเพ้อถึงเจ้าจอมด้วยความคิดถึง
“ขอให้สมหวังกับคุณจอมไวๆ ละกันพี่”
“เออ!! พูดให้คิดถึงทำไมวะเนี่ย”
ขรรค์ไม่สนใจคำบ่นของคนเป็นพี่อย่างจักรเลยสักนิด ตรงเข้าไปในตัวโรงพยาบาลกะว่าจะไปนั่งรอตรงจุดที่คนไข้เขานั่งรอรับยาเนื่องจากเงินบอกให้รอตรงนั้น
แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า ขรรค์ไม่ต้องไปนั่งรอเลย เพราะคนรักของเขาอยู่ตรงหน้านี้เองกับใครที่อีกคนที่ขรรค์เคยเห็นว่าอยู่กับคนรักของเขาในวันนั้น
สองเท้าชะงักเมื่อเห็นว่าร่างโปร่งบางที่ดูตัวเล็กเมื่ออยู่กับเขากำลังถลาไปรับผู้หญิงคนนั้นที่กำลังจะล้มเอาไว้ ทำให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนของคนรักของเขา ภาพตรงหน้าทำให้ขรรค์รู้สึกใจกระตุกวูบลงไป ดวงตาพร่ามัว ความบอบบางเวลาอยู่กับเขามันหายไปเลยเมื่อมองภาพนี้
เงินดูเป็นผู้ชายแข็งแรงคนหนึ่งที่ดูแลปกป้องผู้หญิงเพศที่อ่อนแอกว่าได้
เป็นผู้ชายที่เหมาะจะยืนข้างผู้หญิง...
“เป็นอะไรไหมครับหมอหวาน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณหมอเงินมากที่รับไว้ทัน หวานนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย”
ร่างสูงไม่อยากมองภาพนี้ ไม่อยากเห็น ได้แกกำหมัดแน่น ใบหน้าเรียบนิ่งของเขายิ่งเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ร่างโปร่งบางยังไม่เห็นว่าคนรักมาถึงแล้ว เลยไม่ได้สนใจ มัวแต่ไถ่ถามเพื่อนร่วมงานด้วยความเป็นห่วง
สองเท้าแกร่งก้าวออกไปจากตรงนั้นเร็วๆ เพราะทนไม่ได้กับภาพนี้...
“เงิน!!”
เสียงทุ้มของขรรค์เรียกคนรักเสียงดังไม่มาก แต่ก็พอที่จะเรียกคนสองคนให้หันมาสนใจเขาได้อย่างทันที คนหนึ่งมีสีหน้าที่ดีใจยิ้มแย้ม ส่วนอีกคนมองอย่างสงสัย
ขรรค์ไม่ได้เดินหนีออกไปอย่างเมื่อก่อน แต่เขาเดินมาหาทั้งคู่ เพื่อหยุดภาพบ้าๆ พวกนี้!! คนที่ยืนเคียงข้างเงินได้มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ต่อให้มีผู้หญิงอีกเป็นร้อยเป็นพันเหมาะสมกับคนรักของเขา แต่ในเมื่อเรารักกัน ทำไมจะต้องไปกลัว ทำไมจะต้องไปกังวล
ร่างแกร่งทิ้งความขี้ขลาดของตัวเองเอาไว้ แล้วออกมาแสดงตัว มาสู้ มาทำเพื่อร่างโปร่งบางคนนี้สักที
เงินเป็นของเขา เงินรักเขา...เขาไม่มีทางไม่เชื่อใจคนรัก
“ขรรค์ มาแล้วเหรอ”
“ครับ...ไปกันเลยไหม” ขรรค์รู้ว่าทำตัวไร้มารยาทที่ไม่สนใจหญิงสาวเลยสักนิด กลับถามคนรักของตนว่าจะออกกันไปเลยไหม
“เอ่อ...คือว่า” เสียงหวานๆ ของหญิงสาวดังขึ้นขัดทั้งสอง มองผู้ชายสองคนนี้สลับไปมา ไม่อยากจะคิดเลย แต่ก็ห้ามความคิดไม่ได้
หมอเงินดูเหมาะสมกับผู้ชายตัวคล้ำๆ ร่างใหญ่ๆ กายสูงๆ ที่หมอเงินเรียกว่า ขรรค์ อย่างแปลกประหลาด
“อ้อ! จริงสิ ขรรค์...นี่หมอหวาน เพื่อร่วมงานเงินเอง”
“สวัสดีครับ” ขรรค์โค้งให้เล็กน้อย
“สวัสดีค่ะ นี่คงเป็นเพื่อนของหมอเงินที่เคยบอกว่ามีเพื่อนอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ” ถามพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน
“ครับ...” ขรรค์รับคำเสียงเบา
รู้สึกปวดใจที่ประกาศออกไปไม่ได้ว่านี่ไม่ใช่เพื่อน เขาไม่ใช่เพื่อนของเงินนะ เขาเป็นคนที่เงินรัก เป็นคนที่รักเงิน เราสองคนเป็นคนรักกัน...
“ที่จริงขรรค์เป็นมากกว่าเพื่อนของผมน่ะครับ เป็นครอบครัวของผม เป็นคนที่ขาดไม่ได้ เป็นคนสำคัญ เพราะเรารู้จักกันมาตั้งสิบกว่าปีน่ะ ยังไงผมขอตัวไปทานข้าวกับขรรค์นะครับหมอหวาน แล้วก็เดินระวังๆ ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะล้มเอาอีก” หมอหนุ่มพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มปกติ หากแต่ขรรค์ก็มามองหน้าคนรักอย่างอึ้งๆ
ไม่คิดว่าเงินจะพูดแบบนี้ แม้จะไม่ได้ออกไปตรงๆ แต่ใครมันจะไปคิดไม่ได้กัน...
ดูจากสีหน้ากับอาการนิ่งค้างของหมอหวานแล้วก็คงจะรู้แหละว่าหมอเงินสื่ออะไรออกไป
เงินไม่คิดที่จะปิดว่ามีเขาเป็นคนสำคัญ แล้วที่ผ่านมาเขาทำอะไร นอกจากหนีแล้วก็กลัว...
ร่างสูงใหญ่นั่งรอคนรักอยู่ตรงจุดให้คนไข้รอรับยาที่เมื่อตอนกลางวันไม่ได้มานั่งรออย่างที่คิด ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า อากาศเย็นๆ เข้ามาแทนที่ ฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนจะตกลงมา ร่างสูงนั่งมองนาฬิกาสลับกับมองไปทางที่คิดว่าคนรักจะเดินมาอย่างเร่งรีบ กลัวว่าฝนจะตกลงมาก่อนจะถึงบ้านน่ะสิ อยู่บนเขาแบบนี้ขับรถตอนฝนตกอันตรายมากๆ
ขรรค์มารถยนต์คันเดียวกันกับจักรก็จริงแต่ให้จักรขับรถกลับไปคนเดียว ส่วนขรรค์ก็จะขับรถให้คนรักเพื่อไปยังบ้านสวนของเขาเอง
บ้านที่ขรรค์ทำไว้เพราะคิดถึงคนรักและเจ็บใจที่แต่ก่อนทำให้ไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้หมอเงินวาดฝันเอา แต่ในเมื่อเขาทำมันได้ คนที่ขรรค์อยากจะอยู่ด้วยมาตลอดก็คือเงิน วันนี้...ที่เราได้อยู่ด้วยกัน มันไม่ใช่ความฝัน
พรุ่งนี้วันหยุดเราทั้งคู่...จะใช้เวลาให้มีความสุข ให้คุ้มที่สุด
“สวัสดีค่ะ เมื่อตอนเที่ยงเราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะคุณกับหมอเงินรีบออกไปกัน ขอแนะนำตัวอีกครั้งนะคะ ฉันชื่อหวาน เป็นหมอของที่นี่”
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ขรรค์หยัดร่างสูงๆ ของตัวเองยืนขึ้นเป็นมารยาท
“นั่งเหมือนเดิมเถอะค่ะ ฉันไม่อยากเงยหน้าพูด เมื่อย” เธอพูดออกมายิ้มๆ ขรรค์ยังคงหน้าเรียบนิ่ง แต่ก็นั่งลงตามที่เธอขอ
“หมอขอยืนคุยนะคะ”
“ไม่ต้องแทนตัวเองว่าหมอก็ได้ครับ ผมไม่ได้เป็นคนไข้”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ขรรค์พูดออกไปแบบนั้น แต่มันก็ถูกแล้ว ขรรค์ไม่ใช่คนไข้ ไม่จำเป็นต้องมาแทนตัวเองว่าหมอกับเขา...
“อ้อค่ะ งั้นฉันขอถามตรงๆ เลยนะคะว่าคุณกับหมอเงินเนี่ย เป็นอะไรกัน” หญิงสาวค่อนข้างจะถามเสียงเบา และโชคดีที่ไม่มีคนอยู่ใกล้ๆ กับที่ทั้งสองคุยกันเลยสักนิด อาจจะมีบ้างที่มีคนมองมา แต่ก็ไม่ได้ยินหรอก
“ก็ตามที่คุณเข้าใจครับ แต่ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ถามเงินเอา ผมคงจะตอบอะไรได้ไม่มาก”
“ถ้าฉันกล้าถามก็คงถามไปแล้วล่ะค่ะ”
“แล้วที่คุณมาถามผม คิดว่าคุณจะได้รับคำตอบจากผมหรือไงครับ” ขรรค์สวนกลับไปหน้านิ่งๆ
หมอหวานหันไปยิ้มให้กับคนไข้ที่เดินผ่านนิดๆ ก่อนจะหันกลับมามองคนตัวใหญ่ที่ไม่เคยรู้จักกัน แต่กลับรู้สึกไม่ชอบหน้าได้ขนาดนี้
เธอมีอะไรถึงสู้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้กัน
“ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน เงิน...ไม่มีทางชอบคุณ ขอตัวนะครับ” ขรรค์พูดทิ้งท้ายก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาคนรักที่เดินมาด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยๆ ระคนแปลกใจที่เห็นขรรค์คุยกับหมอหวานอยู่
“เหนื่อยไหม”
“อื้อ...เหนื่อยแหละ แต่เห็นขรรค์ก็หายเหนื่อยแล้ว”
“งั้นกลับกันเถอะ เดี๋ยวฝนตกก่อนมันอันตราย”
หมอเงินพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินเคียงคู่ไปกับขรรค์ โดยไม่ลืมหันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเป็นการบอกลา โดยที่เธอเองก็ยืนนิ่งค้างฝืนยิ้มส่งกลับมา
ระหว่างที่นั่งรถโดยที่ขรรค์เป็นสารถีขับรถให้อยู่นั้น ร่างโปร่งก็เอ่ยเสียงถามออกมาอย่างสงสัย
“เมื่อกี้...ขรรค์พูดอะไรกับคุณหวานหรือ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ถามเรื่องเงินนั่นแหละ”
“เรื่องเงิน? ทำไมไม่ถามเงินเองล่ะ” พึมพำเบาๆ แต่ก็เลิกสนใจในทันที
“ดูเหมือนเธอจะชอบเงินนะ ดูไม่ออกเหรอ?”
“ก็...ไม่มีอะไรหรอกน่า ถึงเขาจะชอบเงิน แต่เงินรักแค่ขรรค์นี่นา อย่าคิดมากนะเด็กดี”
“ขรรค์บอกแล้วว่าขรรค์ไม่ใช่เด็ก!” เสียงทุ้มเข้มขึ้นมาทันทีด้วยความไม่ชอบใจที่ร่างเล็กกว่าชอบทำเหมือนเขาเป็นเด็ก
“ครับๆ ไม่ใช่เด็กหรอก เด็กอะไรตัวใหญ่อย่างกับยักษ์วัดแจ้งแบบนี้ล่ะ”
“ยังไม่หยุดอีก ทำโทษคนปากดีเลยดีไหม”
“อะไร...จะจูบเหรอ” ยักคิ้วให้อย่างรู้ทัน ปากสวยยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“ทำมากกว่าจูบอีก” สิ้นคำพูดของขรรค์แล้ว ก็ทำให้หมอเงินเงียบได้จริงๆ ผันหน้าหนีมาดูกระจกฝั่งตัวเองด้วยความขัดเขิน...
มันก็นานแล้วนะที่เราไม่ได้แตะต้องกันและกันทางด้านร่างกายแบบลึกซึ้ง แม้จะคืนดีแต่ทำมากสุดก็คือจูบ
ถามว่าโหยหาไหม โหยหาสิ...
ถามว่าอยากไหม ก็อยากสิ...
แต่ทุกอย่างมันยังไม่ลงตัว...แต่ตอนนี้ คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของความพร้อมของทั้งสองคนดีกว่า...
ในขณะที่หมอเงินคิดว่าคนรักของตนคงจะขู่เล่นๆ ขรรค์ก็ได้แต่คิดอย่างหมายมั่นปั้นมือว่าคืนนี้ยังไงก็ต้องเผด็จศึกให้จงได้ ไม่ใช่เพราะความคิดถึงและโยหาเพียงอย่างเดียว
แต่เป็นการ ‘แสดงความเป็นเจ้าของ’ ในร่างกายของเงินด้วย
“ฮ้า...ป้าน้อยแกทำอาหารอร่อยมากเลยนะขรรค์ เงินกินอิ่มจนพุงยื่นแล้วเนี่ย สงสัยต้องออกกำลังกายอย่างหนักแล้วล่ะ” ร่างโปร่งพูดชมป้าน้อยที่มีหน้าที่ดูแลบ้านระหว่างที่ขรรค์ไปทำงานที่รีสอร์ท มือก็ลูบหน้าท้องที่ยื่นออกมานิดๆ ของตัวเองเนื่องจากซัดอาหารเย็นไปหมดทุกจาน
ร่างสูงส่ายหน้าไปมา ก่อนจะไปหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดบ่า เตรียมเข้าไปอาบน้ำ
“อย่านอนนะเงิน เพิ่งจะกินอิ่มๆ เดี๋ยวก็จุก ขรรค์จะไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ครับๆ ทราบแล้วครับ”
“อย่าให้รู้ว่าแอบนอนนะ”
“รู้แล้วน่า...ไม่ทำหรอก จะเดินไปเดินมาเผาผลาญแบบนี้แหละ ขรรค์ไปอาบน้ำเถอะ”
“อืม...”
พอขรรค์เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เงินก็พยายามไม่มองเตียงนอนที่มันล่อตาล่อใจให้กระโดดไปกลิ้งโดยการเดินไปมารอบห้องนอนของขรรค์ที่ตั้งแต่วันที่มากระโดน้ำวันนั้นก็ได้มานอนตลอดทุกอาทิตย์
และอยากจะอยู่แบบนี้ไปตลอดเลย...
ครืน!!
แปะ แปะ แปะ...ซ่า!!!!
“หืม...ฝนตกหรือเนี่ย อ่า...บรรยากาศน่านอนจัง ถ้าฝนตกแบบนี้ ตอนเช้าอากาศต้องสดชื่นน่าดูเลย” หมอหนุ่มเดินไปรับลมและไอฝนจากหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ มองสายฝนที่กระหน่ำตกลงมาด้วยใบหน้าที่แสนจะผ่อนคลาย อากาศในห้องเย็นสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ
บ้านถูกสร้างออกมาอย่างดี ค่อนข้างที่จะเก็บเสียง ถ้าหากว่าไม่เปิดหน้าต่างก็คงจะได้ยินเสียงฝนเบาๆ เท่านั้น แต่หมอเงินชอบเสียงฝน ชอบมองฝนตก
“เงิน...ไปยืนทำไมตรงนั้น เดี๋ยวละอองฝนก็ทำให้ป่วยหรอก” เสียงทุ้มของขรรค์ทำให้ร่างขาวสะอาดของหมอเงินสะดุ้งเพราะมัวแต่เหม่อ
“อ๊ะ! เสร็จแล้วเหรอ”
“ครับ เงินไปอาบน้ำเถอะ”
“อือๆ”
หมอเงินเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อจะไปหยิบเอาชุดนอนแต่ทว่าคนตัวสูงกลับเดินมาบังไว้ไม่ให้เดินไปถึงตู้ มือใกล้ส่งแค่ผ้าเช็ดตัวให้กับหมอสุดหล่อ
“เงินจะเอาชุดนอน”
“ค่อยออกมาใส่”
“ทำไมวันนี้มาแปลก มีอะไรหรือเปล่า” รับผ้าเช็ดตัวมาด้วยสีหน้าที่งุนงงสุดๆ
“พอดีขรรค์ให้คนเอาเสื้อผ้าของเงินไปซักหมดน่ะ เดี๋ยวขรรค์จะไปเอามาให้”
“อ๋อ...แบบนี้นี่เอง ก็ไม่บอกแต่แรก เงินจะได้ไปเอาเอง”
“พอดีขรรค์เพิ่งจะคิดได้น่ะ เข้าไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้นอนพัก...”
ร่างโปร่งเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยสีหน้าแปลกๆ ยังไง ขรรค์ก็ทำตัวมีพิรุธแปลกๆ และสายตาก็ดูไม่น่าไว้ใจยังไงชอบกลๆ
“อ่า...คิดไปเองล่ะมั้ง”
50%
ตอนที่ทุกคนรอคอยยยยย ฮุฮุ อย่าลืมเม้นท์นะคะ ถ้าอยากอ่านเร็วๆ ว่าสองคนนี้ร้อนแรงแค่ไหน หึหึ ยูกิเปิดเทอมแล้วนะคะ ตอนนี้ปีสามแล้ว งานเยอะ เรียนเยอะ กิจกรรมเยอะมาก แต่จะพยายามมาอัพนะคะ นิยายแต่งไว้เยอะแล้ว แต่ต้องหาเวลาอีกทีน่ออออ เข้าใจยูกิด้วยค่ะ
มีอะไรสามารถไปพูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ ถ้าถามอะไรที่ต้องการคำตอบรบกวนเป็นอินบ็อกน้า เม้นท์ไม่ค่อยแจ้งเตือนเท่าไหร่แต่เข้าไปอ่านอยู่จ้า
https://www.facebook.com/sawachiyuki/