^__^ Love Devil ^__^
รักร้ายเทพอสูร
ตอนที่ 9 ตราแห่งตัณหา “ฮอค ขาเจ้าหายดีแล้วนะ” อัลฟ่าร์ยิ้มกว้างดีใจบอกกับเพื่อนใหม่
เขาเห็นนกตัวนี้กำลังได้รับบาดเจ็บขนาดเดินทางกลับจากสวนเอเดน จึงได้พากลับมารักษา ที่จริงเขามีพลังจะรักษามันได้ แต่แววตาของเหยี่ยวตัวนี้ดึงดูดให้เขาไม่อาจทิ้งมันไป สุดท้ายไม่รู้อะไรดลใจอัลฟ่าร์จึงพามันกลับมาด้วย และเล่นกับมันแทบจะทุกวัน จากที่เจ้านกเหยี่ยวไม่ยอมให้เขาแตะต้อง...จนตอนนี้กลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว นกอะไรอ้อนอย่างกับแมว เขารู้สึกอย่างนั้นและเขาก็ชอบที่มันอ้อนด้วย
“หายแล้วก็ปล่อยมันไป” เสียงอันทรงพลังมาจากผู้ที่เดินเข้ามาในห้องของเขา
“ท่านพ่อ” รอยยิ้มงดงามก่อนหน้านี้จางลง บุคคลที่เข้ามาคือราชาแห่งเอลฟ์ ผู้ที่มีเส้นผมสีขาวสวมใส่อาภรณ์สีขาวกลีบทอง ท่านมีอายุกว่าพันปีแล้ว แต่ยังดูหนุ่มแน่นไม่ชราสักนิด หากแต่ใบหน้าดูหม่นหมองด้วยว่าท่านมีเรื่องทุกข์ใจมากนัก
“จำเป็นหรือ? ที่ลูกจะต้องเก็บสัตว์ที่บาดเจ็บทุกตัวกลับมาที่วัง” ผู้เป็นพ่อตำหนิเบาๆ เขาไม่ชอบให้ใครนำสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในวังนัก โดยเฉพาะในครั้งนี้เขารู้สึกไม่ดีนักเวลามองเหยี่ยวตัวนี้
“....” ไร้คำตอบ อัลฟ่าร์รู้ดีว่าราชาแห่งเอลฟ์มีนิสัยอย่างไร ยิ่งสถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งอาจทำให้ท่านพ่อโกรธเคืองได้ง่าย แต่...แม้แต่ตัวเขาเองยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เลย
“...เฮ้อออ...เอาล่ะๆ ของที่ข้าให้เจ้านำกลับมาให้ข้าล่ะ” หลังประโยคนั้น อัลฟ่าร์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่อยากให้ผู้เป็นพ่อถลำลึกมากไปกว่านี้แล้ว
“ท่านพ่อ...ท่านจะทำอะไรกันแน่?”
หลังคำถามนั้นราชาแห่งเอลฟ์ใช้สายตาตำหนิบุตรชายทันที
“...ข้าจะทำอะไร ข้าก็เป็นพ่อของเจ้า!” เสียงดังขึ้นมาอย่างห้ามไม่ไหว ผู้เป็นลูกได้แต่ลอบถอนหายใจ
“เพราะท่านเป็นพ่อ ข้าถึงได้นำมาให้” อัลฟ่าร์เอ่ยอย่างจริงจัง ราชาแห่งเอลฟ์มองหน้าบุตรชายก่อนจะลดน้ำเสียงลง
“...ข้าทำเพื่อแม่ของเจ้า”
“หรือเพื่อท่าน?” อัลฟ่าร์ต่อให้ทันที
เขารู้ดี...ท่านแม่ของเขาไม่ได้ต้องการเช่นนั้น จนถึงวันนี้ท่านยินดีให้กายนั้นดับสลายเองเสียด้วยซ้ำ
“เจ้ายอมให้กายของแม่เจ้าดับสลายงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่” อัลฟ่าร์ตอบ เขาพยายามข่มอารมณ์บางอย่างเอาไว้ “นั่นคือความต้องการของท่านแม่เอง”
“แต่ไม่ใช่....ความต้องการของข้า” ราชาแห่งเอลฟ์จ้องหน้าบุตรชาย ก่อนจะพูดแล้วเดินจากไป แวบหนึ่งอัลฟ่าร์เห็นความปวดร้าวในแววตาสีเทาเงินคู่นั้น
อัลฟ่าร์ได้แต่มองตามบิดาของเขาไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย สิ่งที่บิดาของเขาให้เขานำกลับมาให้นั้น คือ...ผลของต้นไม้แห่งชีวิต ผลไม้ต้องห้ามในตำนาน และการกระทำของเขาก็ถือได้ว่าเป็นความผิดร้ายแรง แต่จะให้เขาทำอย่างไร ในเมื่อคนที่ขอมาคือ...พระบิดาของเขาเอง
เรื่องนี้ดูเหมือนจะร้ายแรงมากกว่าที่เขาคาดไว้ ผลไม้ต้องห้ามแม้จะถูกห้ามไม่ให้ใครเก็บกิน ก็ไม่เคยมีใครอยากแตะต้องอีกเลย นับตั้งแต่เอวาถูกงูล่อลวง หากแต่ก่อนที่เขาจะเป็นผู้ดูแลสวนแห่งนี้ คนที่ดูแลก่อนหน้าเขาคือ...เทพีไดอา เทพีแห่งมนต์ตรา มารดาของเขา ไม่รู้ด้วยเหตุอันใดนางถึงได้ปล่อยพลังแห่งการรักษามากจนเกินไป จนเป็นเหตุให้ร่างกายของนางเกือบดับสลายหากอัลฟ่าร์ตามไปช่วยไม่ทัน เรื่องนี้นางไม่ได้ให้คำตอบใดๆกับใครทั้งสิ้น และนางยินดีให้กายของตนดับสลาย หากแต่ราชาแห่งเอลฟ์กลับไม่สามารถยอมรับความตายของรานีแห่งตนได้
นับแต่นั้นมาแววตาของราชาแห่งเอลฟ์ก็เปลี่ยนไป ดวงตาของเขามืดบอด มันเต็มไปด้วยความเกลียดและโศกเศร้าที่ต้องเห็นหญิงอันเป็นรัก...ร่างกายค่อยๆแตกสลาย หากแต่สิ่งที่จะช่วยได้ก็มีเพียงผลไม้แห่งชีวิต ผลไม้ต้องห้ามในตำนานกับ...พลังแห่งดาร์ทเนล ต้นกำเนิดมวลสารแห่งพลังทั้งปวง
.............................................................
ไคนาสถือกำเนิดมาพร้อมกับตราแห่งดาร์ทเนล หากผู้ที่รู้กลับมีเพียงราชินีแห่งสรวงสวรรค์เท่านั้น ในขณะที่ฮาเดสเป็นผู้ค้นพบพลังแห่งดาร์ทเนลและนำพลังนั้นมาใช้ แต่ผู้ที่จะสามารถควบคุมพลังนั้นได้อย่างแท้จริงกลับไม่ใช่ฮาเดส หากแต่ต้องเป็นผู้ที่มีตราแห่งดาร์ทเนลเท่านั้นจึงจะสามารถควบคุมพลังแห่งต้นกำเนิดนั้นได้อย่างแท้จริง ตั้งแต่อดีตกาลจนกลายเป็นตำนานนอกจากพระเจ้าและบุตรของพระองค์ก็ไม่มีใครที่จะควบคุมพลังนั้นได้อีกเลย
หลังมารดากลับไปไคนาสก็ตัดสินใจ...ทำตามคำขอร้องนั้น เขาไม่ได้เห็นแก่ผู้ใดทั้งสิ้น แต่เขาเห็นแก่ความทุกข์ในความรักขององค์ราชินีแห่งสรวงสวรรค์ ไม่ใช่ความรักที่มีต่อองค์ราชันแห่งสรวงสวรรค์ แต่เป็นความทุกข์ในความรักต่อปวงประชา เพราะเห็นแก่ความทุกข์ใจนั้นเขาถึงได้เดินทางมาที่วังแห่งเอลฟ์
เขารู้และสัมผัสได้...ต้นกำเนิดพลังที่ฮาเดสใช้นั้น หากไม่ได้ผลไม้ต้องห้ามด้วยแล้วฮาเดสก็ไม่อาจควบคุมพลังแห่งความมืดนั้นได้ แม้จะแค่ชั่วครั้งคราวก็ตาม และผู้ที่จะนำผลไม้ต้องห้ามออกจากสวนได้จะเป็นผู้ใดไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่...
...ผู้ดูแลสวนเอเดน...
...เขาต้องทำลายคนนั้น ก่อนเรื่องเลวร้ายจะลามไปมากกว่านี้...
เพราะเหล่าเทพและเทพีทั้งหลายไม่สามารถเข้าใกล้ต้นไม้แห่งชีวิตได้อยู่แล้ว พวกเขาเหมือนถูกสาปให้ไม่อาจเข้าใกล้ต้นไม้แห่งชีวิตได้
เดิมทีเขารู้ว่าผู้ที่ดูแลสวนคือเทพีแห่งมนต์ตรา หากแต่เทพีที่เขาพบกลับไม่ใช่เทพีแห่งมนต์ตรา แววตาสีเงินวาววับ เส้นผมยาวสลวยสีเงินเงางาม คนหรือเทพีองค์นั้นงดงาม...ดั่งนางฟ้า ความสุข ความยินดี ฉายชัดบนใบหน้าและแววตาที่สุกใสคู่นั้น การร่ายเวทมนต์ดั่งร่ายรำช่างงดงาม จนเขาไม่อาจละสายตาไปไหนได้ เขาตกตะลึงในความงดงามนั้นอย่างห้ามไม่ได้ หัวใจที่เคยสงบกลับกำลังเต้นอย่างรุนแรงดั่งกลองรัว จวบจนเทพีองค์นั้นกำลังจะเดินออกจากสวน ความทุกข์ใจบางอย่างก็ฉายชัดอยู่บนแววตาสีเงินคู่สวยนั้น ถึงขนาดทำให้ต้นไม้รอบบริเวณที่เทพีองค์นั้นยืนอยู่เหี่ยวเฉาลงทันที
เขาเห็น ใช่เขาเห็น เขาเห็นเทพีองค์นั้นเดินกลับไปที่ต้นไม้แห่งชีวิต และคุกเข่าลงก่อนจะมีอาการสั่นไหวปรากฏตามร่างที่สั่นเทานั้น เทพีองค์นั้นกำลังร่ำไห้ ร่ำไห้อย่างทุกข์ระทม หากแต่กลับไร้เสียง เช่นนั้นเขาถึงขนาดน้ำตาคลอตาม หากแต่เพียงไม่นานต้นไม้แห่งชีวิตนั้นก็โน้มกิ่งไม้ลงมาหาเทพีองค์นั้น เทพีองค์นั้นเงยหน้าที่เปี่ยมไปด้วยน้ำตาขึ้น ภาพนั้นช่างตรึงใจเขายิ่งนัก เมื่อนั้นเขาจึงเพิ่งรู้ว่านั่นไม่ใช่อิสตรี หากแต่เป็นบุรุษ เพราะ....
“อัลฟ่าร์...ความเศร้าโศกของเจ้า ช่างทำเราทุกข์ระทมนัก หากแต่ผลของเราจะเรียกรอยยิ้มของเจ้ากลับมาได้ เราก็ยินดี”
...ยิ่งใหญ่ กังวาน นี่หรือ? ต้นไม้แห่งชีวิต...
สิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าแม้ไคนาสจะไม่อาจเข้าใจมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสได้ คือ...ความเศร้าโศกของอัลฟ่าร์...เจ้าชายแห่งเอลฟ์ ความโศกเศร้าของต้นไม้แห่งชีวิต และความเศร้าสลดของสวนเอเดนแห่งนี้ยามอัลฟ่าร์เจ้าชายแห่งเอลฟ์หลั่งน้ำตา
...ช่างน่าเศร้านัก แม้จะรู้ว่าผู้ที่เขาตามหาคือภูติพรายตรงหน้าแต่เขากลับทำลายไม่ลง ใครกันหรือ? ที่สร้างความทุกข์อย่างแสนสาหัสแด่เจ้าชายแห่งเอลฟ์ให้เจ้าชายผู้งดงามได้โศกเศร้าถึงเพียงนี้ คำตอบนั้น...
...ราชาแห่งเอลฟ์...
...บิดาของอัลฟ่าร์...
หรือ?
...เทพีแห่งมนต์ตรา...
...เทพีไดอา...
...ผู้ใดกัน?...
ไคนาสมาอาศัยอยู่ในวังของเหล่าเอลฟ์เป็นเวลาหลายวันแล้ว เขาเห็นเขารับรู้ทุกอย่าง โชคชะตาเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และราชวงศ์แห่งเอลฟ์ก็กำลังเผชิญอยู่กับมัน การจะหยุดยั้งโชคชะตานั้นช่างยากนัก
คืนแรกหลังจากที่อัลฟ่าร์หลับลงไปได้ไม่นาน ‘ฮอค’ เหยี่ยวที่เขาพากลับมาด้วยก็ค่อยๆกลายร่างเป็นชายหนุ่มรูปงาม ชายหนุ่มที่เป็นถึงเทพ...เทพแห่งท้องฟ้าและสายฟ้า ‘เจ้าชายไคนาส’ เจ้าชายผู้ที่มีเส้นผมเงางามราวแพรไหมชั้นดีสีทองยาวสลวย พลิ้วไสวเปล่งประกายเจิดจ้ายามต้องแสงจันทรา ใบหน้าหล่อเหลางดงามยิ่งกว่าเทพ หากแต่คืนนี้ไคนาสเพียงยืนมองเจ้าชายรูปงามนัยน์ตาสีเงินที่บรรทมอย่างสบาย นัยน์ตางดงามสีพระอาทิตย์มองใบหน้างดงามนั้นอย่างหลงใหล เวลาหลับ...ช่างงดงามดั่งภาพวาดของจิตรกรเอก หากแต่เวลาตื่นก็ช่างงดงามพลิ้วไหวสมกับเป็นภูติจริงๆ งดงาม...สมคำล่ำลือ อีกทั้งกลิ่นหอมดั่งพฤกษชาตินี่ก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเจ้าชายองค์นี้ด้วย กลิ่นที่ใครๆก็ต่างอยากสูดดมและชื่นชม
คืนที่สอง หลังจากกลายร่างและยืนมองอยู่ค่อนคืน ไคนาสก็ยื่นมือเข้าไปสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนเส้นผมนุ่มดุจไหมนั่น ช่างไม่ผิดหวังเลยจริงๆ อ่อนนุ่มดุจแพรไหมชั้นเลิศ อีกทั้งกลิ่นตัวที่หอมอ่อนละมุนนี้ ช่างเย้ายวนใจเสียจริง ปรากฏรอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนริมฝีปากของเทพแห่งท้องฟ้าและสายฟ้าโดยที่เจ้าของก็ไม่รู้ตัว และรอยยิ้มนั้นก็กว้างและอ่อนโยนมากขึ้นเมื่อเจ้าชายแห่งเอลฟ์ขยับศีรษะเข้าหามือที่ลูบผมตนเองพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ท่าทางจะกำลังฝันดี
คืนที่สาม ไคนาสนั่งลงข้างเตียง รู้สึกชอบในความอ่อนโยนของเจ้าชายแห่งเอลฟ์มากขึ้น บาดแผลที่เขาจงใจสร้างขึ้นค่อยๆหายตามการรักษาโดยที่ไม่ใช้เวทมนต์ ดูเหมือนทั้งเขาและเจ้าชายแห่งเอลฟ์ต่างก็พอใจกับการรักษาแบบนี้ หากแต่ความพอใจนั้นกลับซ่อนความหมายที่แตกต่างกัน สำหรับอัลฟ่าร์แล้วการรักษาแบบนี้จะทำให้สัตว์ไว้ใจเขาและสนิทกันมากขึ้น แต่สำหรับไคนาสแล้วเขาพอใจในความอ่อนโยนนั้นเป็นอย่างมาก จนความพึงใจที่มีตั้งแต่แรกพบขยายออกมากขึ้น ความต้องการเยี่ยงบุรุษเพศที่เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับเพศเดียวกันนั้นกลับเกิดขึ้นเมื่อยามอยู่ใกล้อัลฟ่าร์ เพียงรู้สึกตัวว่าตนเองคิดแบบนี้ไคนาสก็ไม่ลังเลที่จะทำตามความต้องการนั้นทันที
...เขาต้องการอัลฟ่าร์...
...และ....
...อัลฟ่าร์ต้องเป็นของเขา....
...คนเดียวเท่านั้น...
ความคิดไม่เคยไปก่อนการกระทำ ไคนาสโน้มตัวลงไปจุมพิตแผ่วเบาบนหน้าผากเนียนนั้น
‘หอม หอมจนยากจะอดใจไหวเสียจริง’
ไคนาสยิ้มบางเบา ไม่คิดว่าตนเองจะเป็นถึงขณะนี้ เป็นเทพมาก็หลายร้อยปี เทพีที่แสนจะงดงามก็ผ่านตาผ่านมือไปนักต่อนัก หากแต่เขายังไม่เคยมีสัมพันธ์กับเทพหรือบุรุษเพศมาก่อน แม้จะไม่มีกฎห้ามก็ตาม
เทพแห่งท้องฟ้าและสายฟ้าเอื้อมมือไปลูบแก้มใสนั้นอย่างทะนุถนอม แววตาสีทองดั่งดวงตะวันค่อยๆเอยล้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยห้วงแห่งรัก แววตาที่แสนอ่อนโยน...อ่อนหวาน...ลึกซึ้ง สิ่งนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนตั้งแต่กำเนิดเทพแห่งท้องฟ้าและสายฟ้า หากแต่วันนี้...คืนนี้ไคนาสรู้และมั่นใจว่า...
“ข้าตกหลุมรักเจ้าเสียแล้ว....”
“...อัลฟ่าร์ของข้า”
TBC
ขอบคุณที่ช่วยแก้ไขคำให้นะจ้ะ
ยังไงอ่านต่อก็ช่วยดูต่อนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ