เมื่อพี่สาวผมเป็นสาววาย....
“โอ๊ยยย! เจ็บ! ไอ้แท่งเอามือออกไปก่อน!”
“โทษที ๆ เผลอแรงไปหน่อยว่ะ”
“ซี้ดด... เบา ๆ ดิวะ ถ้าเผลอแรงอีกกูถีบมึงแน่!”
“เออ ๆ อย่าเกร็งดิวะ” มันเอ่ยสั่งอย่างรำคาญ
“อืม...” มันเริ่มขยับมืออีกครั้งขณะที่ผมกัดปากตัวเองไว้เพื่อระงับอาการปวดตุบ ๆ ที่ช่วงล่าง “ไอ้แท่ง...เบากว่านี้อีก”
เสียงเริ่มไม่มั่นคงอย่างใจคิด ยิ่งไอ้แท่งขยับมือไปมาผมก็ยิ่งรู้สึกเจ็บจนน้ำตาแทบล่วงเลยระบายความเจ็บด้วยการจิกเข้าที่ชายเสื้อของมันแน่น ส่วนอีกข้าจับเก้าอี้หวายทรงกลมกึ่งนอนเอาไว้และรอบระบายลมหายใจร้อนขาดช่วงผะแผ่ว พยายามขยับท่าทางให้ถนันมากที่สุดเท่าที่พื้นที่บนเก้าอี้หวายจะเอื้ออำนวยได้
“แบบนี้ไหมฝุ่น?”
ผมพยักหน้าให้มันรู้ว่าแรงประมาณนี้ผมยังไหวอยู่ แต่ก็ยังไม่วายเปล่งเสียงประท้วงเมื่อถูกกดเข้าที่เดิมซ้ำ ๆ
“อือ... อ่ะ!”
“ตรงนี้เหรอ?”
“อือ...” ไม่ไหวแล้วเจ็บจนน้ำตาจะไหลแล้ว! “โอ๊ยยยย!!!!”
‘ผลัก’
‘ตุบ’
“ไอ้เชี่ยฝุ่น!!!”
เสียงดังไล่ติดกันมา เสียงแรกเป็นเสียงที่ผมใช้เท้าข้างที่ไม่เจ็บถีบเข้าที่กลางลำตัวไอ้แท่งจนเกิดเสียงที่สอง คือร่างของไอ้แท่งหงายหลังลงจากเก้าอี้ไม้หัวล้านเรียบร้อยแล้ว ส่วนเสียงที่สามคืนมันตะโกนลั่นเพราะเจ็บ
“กูบอกแล้วไงว่าแรงอีกกูถีบ!” ผมเถียงทั้งที่ภาพตรงหน้าเลือนไปหมด ไม่ใช่อะไร คือน้ำตาอ่ะคลอหน่วยจนแทบจะไหลออกมาจากตาอยู่แล้ว แต่ผมไม่ร้องหรอกเดี๋ยวโดนมันล้อว่าใจตุ๊ด
“เชี่ยแม่ง!”
ไอ้แท่งลุกจากพื้นมองหน้าผมตาขวางอย่างกับหมาบ้า แล้วใครสน? มันอยากบีบขาผมแรงเองก็บอกอยู่ว่าเจ็บ ๆ แต่ก็ยังบีบอยู่ที่เดิมซ้ำ ๆ อยู่ได้! ผมอุตส่าห์เตือนมันก่อนแล้วนะว่าถ้ามันบีบแรงอีกผมจะถีบมัน สมน้ำหน้า!
“เอายาไปนวดเองเลยมึง กูไม่นวดให้แม่งแล้ว” ไอ้แท่งโยนหลอดยาสีขาวส้มมาเฉียดหัวผมไปหน่อยเดียวผมเลยตวัดตาขวางใส่มันบ้าง แต่ก็เอื้อมไปหยิบหลอดยามาบีบเนื้อครีมลงที่ขาซ้ำแล้วบีบ ๆ นวด ๆ เองอย่างเงอะงะ ไม่ค่อยถนัดเพราะอาการปวดเกร็งที่น่องยังไม่คลายเท่าที่ควรแถมพองอขาแบบนี้ยิ่งทำให้ปวดเข้าไปใหญ่
“งืออ..” ทำไมปวดงี้วะ! งือออ~
“ยืดขามา เดี๋ยวกูนวดเอง รำคาญตาฉิบหาย” ถึงเสียงจะติดรำคาญแต่มือที่ดึงขาผมไปกลับไม่รุนแรง และเบามือกว่าที่คิดก่อนมันจะค่อยนวดขาข้างที่เป็นตะคริวด้วยน้ำหนักมือที่เบากว่าเดิม
“อือ...แท่ง”
“...”
“อ่ะ! เจ็บง่ะ ..อือออ”
“หยุดครางเสียงแปลก ๆ ด้วย รำคาญ”
“ก็กูปวดอ่ะมึง”
ลองมาเป็นกูดูมั้ยเล่า แม่ง
“ปวดอ่ะ” ว่าแล้วน้ำตาเริ่มซึม
“กูบอกหลายครั้งแล้วว่าอย่าไปเล่นเลยไอ้ฟุตบอลของมึงเนี่ย ตั้งแต่อนุบาลยันขึ้นมหา‘ลัยกูเห็นมึงเป๋กลับบ้านตลอด”
“กูชอบของกูน่า”
“แต่ก็เดือดร้อนกูให้มานวดให้ตลอด เสียเวลาอ่านหนังสือฉิบหาย”
“งั้นมึงกลับไปเลยไป” ว่ามาขนาดนี้ชักงอน ใช่ซิ่! มันเรียนถึงคณะยอดฮิตอย่างวิศวะที่มหาวิทยาลัยดัง แต่ผมมันก็แค่เด็กชีวะคนละมหาวิทยาลัย มันก็คงไม่อยากยุ่งกับผมให้เสียเวลาของมันหรอก เฮอะ! แต่พอผมชักขาหนีมันกลับยึดขาเอาไว้แน่นแล้วบีบราวกับไม่รู้ว่าผมจะเอาของผมคืน ไปอ่านหนังสือของมึงเซ่!
“นิ่ง ๆ ”
“ไปอ่านหนังสือของมึงเลยไป กูมันแค่เพื่อนเก่า” นี่ไง ลูกประชดจากยอดชายนายฝุ่นลูกคนเล็กประจำบ้าน
“บอกให้อยู่นิ่ง ๆ ” มึงเงยหน้ามองผมด้วยสายตาประมาณว่าถ้ายังไม่อยู่นิ่ง ๆ มันจะบีบให้ผมเดินไม่ได้อีกต่อไป งืออ... อยู่เฉย ๆ ก็ได้วะ
ในขณะที่รอมันนวดขาให้คุณชายอย่างผมก็ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยแล้วกัน ผมชื่อนายฤทธิพล ขุนศรีเมือง มีชื่อเล่นว่าฝุ่น หรือไอ้ฝุ่น เชี่ยฝุ่น ไอ้ดำ บลา ๆ ๆ ก็แล้วแต่อารมณ์ของผมเรียก ส่วนไอ้คนรับใช้ของผมชื่อ ศักดิ์สิทธิ์ ประเสริฐรัตน์ ชื่อเล่นแท่ง คือแม่มันเป็นแฟนคลับของนักร้องรุ่นใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อลูกซะเลย(จากที่ถามมันมานะ) คืมผมกับมันเนี่ยเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็กเล่นกัน ต่อยกัน กลับมาคืนดีกันอยู่แบบนี้ตลอดเรียกได้ว่าซี้ปึ้กเลยก็ได้ แต่หลังจากขึ้นมหาวิทยาลัยซึ่งผมติดคนละที่กับมันเลยไม่ค่อยได้เจอกันอย่างเมื่อก่อน แต่พอโทรหามันให้มาหาทีไรมันก็มาตลอด มีคนรับใช้ดีมันดีอย่างนี้นี่เอง ว่ะ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ
เรื่องในอดีตจบเอาไว้ตรงนั้นรู้แค่ผมกับมันเป็นเพื่อนสนิทกันก็พอ เข้าสู่ปัจจุบันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ววันนี้ผมแข่งบอลเฟรชชี่ซึ่งแน่นอนว่าคนเก่งกีฬาอย่างผมได้เป็นตัวจริงอยู่แล้ว(ไม่ได้โม้นะ) แต่เรื่องมันเกิดหลังจากผมถูกแย่งบอลและสกัดขาล้มไปเกิดข้อเท้าพลิกซึ่งผมก็พยายามเล่นต่อจนจบเกมส์ได้ไข่มากินหนึ่งใบเพราะแพ้ไปด้วยสกอร์ 2-0 เดินคอตกได้ไม่นานก็เริ่มรู้สึกว่าขาข้างที่พลิกเกิดอาการเกร็งอย่างรุนแรง แน่นอนตะคริวรับประทานจ้า!
พววกรุ่นพี่วิ่งกรูกันเข้ามาดูอาการกันใหญ่และฉีดสเปรย์บรรเทาอาการปวดเอาไว้ ผมก็เลยโทรหาไอ้แท่งให้มารับเพราะรู้ว่าวันนี้มันไม่มีเรียน ไม่นานมันก็บึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจมาหน้าตั้งและให้ผมซ้อนท้ายกลับอย่างทุลักทุเลเพราะด้วยความที่ผมกับมันก็เป็นผู้ชายเทอะทะทั้งคู่แต่ติดที่ผมร่างจะสูงโปร่งกว่ามันที่สูงและดูมีกล้ามเนื้อมากกว่าทั้งที่ผมเล่นกีฬาแต่มันกิน ๆ นอน ๆ อ่านการ์ตูนเล่นไปวัน ๆ ทำไมตัวมันถึงใหญ่กว่าผมอยู่วะ! ไม่เข้าใจเลย!
“เบาขึ้นยัง?”
“อืม”
“หยุดครางแล้วบอกกูดิ๊”
“ไม่ได้ครางโว้ย เบาแล้ว ๆ มึงกลับหอมึงไปได้เลย”
หมดประโยชน์ก็เฉดหัวทิ้ง ผมนี่นิสัยดีใช้ได้เลย ฮ่า ๆ ๆ
“แหกตาดูว่ากี่โมงแล้ว” ผมหันไปดูข้างฝาผนังแล้วตอบมัน
“หกโมง”
“เออ หิวยัง?”
“หืม? ก็หิวนะ”
ผมเอามือลูบท้องเมื่อนึกออกว่าวันนี้กินมื้อเช้าไปหน่อยเดียว มื้อกลางวันก็แทบไม่ได้กินกว่าจะเตรียมตัวเสร็จพี่ ๆ ก็เรียกรวมตัวแล้วเลยยัดกล้วยไปแค่หนึ่งลูกให้พออยู่ท้องแค่นั้น
“รอก่อนแล้วกัน”
มันพูดแค่นั้นแล้ววางขาผมลงกับพื้นหลังจากบีบนวดพันผ้าให้อย่างดีก่อนจะเดินเข้าครัวอย่างถือสิทธิ์ราวกับเป็นห้องของมันเองอย่างไงอย่างงั้น!
“เอ้อ พี่ฝ้ายเอามาม่าด้วยไหมครับ?”
อ้อ... แต่มันก็ยังไม่ลืมว่านอกจากผมกับมันแล้วก็ยังมีพี่สาวของผมที่อยู่หอพักเดียวกันอยู่ด้วย...
พี่ฝ้ายกลับมาจากมหาวิทยาลัยทันทีที่รู้ว่าผมบาดเจ็บและนั่งนิ่งเงียบตลอดเพราะเห็นว่ามีคนที่ไว้ใจได้อย่างไอ้แท่ง(พี่ผมเคยบอกอย่างนั้น)คอยดูแลแล้ว แต่การเงียบของพี่ฝ้ายนี่แหละที่ผมว่าน่ากลัว...
“มะ..ไม่เป็นไรจ้ะ พี่อิ่มอกอิ่- เอ๊ย! พี่กินมาจากข้างนอกแล้ว”
ดูก็รู้ว่ากำลังเสแสร้งแกล้งทำ! ไอ้ฝุ่นฟันธงเลยว่ามีแผนการอะไรในใจแล้วแน่นอน!!
“ครับ”
พอหลังของไอ้แท่งหายไปทางครัว(ห้องของผมเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวลึกขนาด 4x7 ตารางวามีห้องส่วนตัวห้องเดียวคือห้องพี่ฝ้าย ส่วนผมนอนที่ห้องโถงรับแขกซึ่งมีแค่ไอ้แท่งที่มาคนเดียวโดยเข้าไปข้างในเป็นโซนครัวและห้องน้ำติดกัน เป็นห้องเดี่ยวเล็ก ๆ ที่ผมกับพี่ฝ้ายเช่าอยู่เพราะค่าห้องถูกดี) ด้านในแล้วเสียงที่น่าขนลุกก็เริ่มดังขึ้น
“..ฮึก..ฮรื่อ....”
“ปะ..เป็นไร”
“ฮรื่อวว....ทะ..แท่ง...ฮรื่อวววว..น้อง....แท่ง...”
“เห้ย! พี่ฝ้ายเป็นอะไร??” หรือว่าบ้าไปแล้ววะ?
ยิ่งเห็นพี่ฝ้ายทำตาลอยสติหลุด แถมยังพึมพำภาษาระหลาด ๆ ออกมายิ่งทำให้ผมเริ่มสยองกับพี่สาวสุดแสนประหลาดคนของตัวเอง!
“ฝุ่น... แท่ง.... คือ... ฮรื่อววววววววว...”
กูว่าคุยไม่รู้เรื่องแล้วว่ะ
ใบหน้าของพี่ฝ้ายแดงก่ำมองมาทางผมสลับกับหลังไอ้แท่งที่กำลังฉีกซองมาม่าสลับกันไปมาพึมพำร้องไห้ราวกับผีเข้า
อาการหนักน่าเป็นห่วงกว่าที่คิด ถึงจะยังระบุไม่ได้แน่ชัดว่าพี่ฝ้ายเป็นหนักขนาดไหนแต่ผมก็วินิจฉัยโรคนี้ออกเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กและรู้ว่ารสนิยมของพี่ผมเป็นอย่างไร
โรควายขึ้นสมอง!!
โอ๊ยยยยยยย! กับน้องนุ่งก็ยังไม่เว้น!!!!
.
.
.
.
“กูชักกลัวพี่ฝ้ายขึ้นทุกวันแล้วว่ะ” ผมบ่นกับไอ้แท่งที่นั่งปลอกแอปเปิ้ลให้ผมกินอยู่
ไอ้แท่งเลิกคิ้วอย่างสงสัยแล้วมองไปที่พี่ฝ้ายซึ่งตอนนี้นั่งรัวแป้นพิมพ์เป็นกิจวัตรทุกวัน มันคงคิดว่าผมกล้านินทาพี่สาวในระยะเผาขนแบบนี้ได้ไง? คำตอบคือ พอแม่นางวายขึ้นสมองแล้วหูดับ นินทาให้ตายก็ไม่ได้ยินหรอก!
“ไม่ได้ยินหรอกเชื่อกูดิ”
“น่ากลัวนี่ยังไง?”
“อาการหนักขึ้นทุกวัน” ผมบ่นเสียงไม่ดังนัก ถึงจะเชื่อว่าพี่ฝ้ายในตอนนี้หูดับ แต่ถ้าเกิดหูยังใช้การได้แล้วได้ยินที่ผมพูดล่ะก็ สิ่งที่ดับก็น่าจะเป็นผมนี่แหละ
“คือ?”
“วายขึ้นสมอง”
พอผมตอบไอ้แท่งก็หัวเราะเลย เพราะมันกับผมก็รู้พอกันว่าพี่ฝ้ายเป็นสาววายชนิดที่ว่าเห็นผู้ชายยืนอยู่ที่เดียวกันในรัศมีสายตานับเป็นโมเม้นต์หมด และที่มากกว่านั้นคือไอ้แท่งมันรู้ว่าพี่ผมชอบจิ้นผมกับมันบ่อย ๆ แต่มันก็ยังดีที่ไม่ถอยห่าง(ห้ามผวน)ผม มันกลับมองเป็นเรื่องตลกและชอบแกล้งพี่ฝ้ายให้หัวใจวายเล่นด้วยการหยอดใส่ต่อหน้าอีก
ช่างเป็นการเซอร์วิสสาววายไม่ถามสุขภาพกูซ้ากกกกกกก~คำ
“มึงก็ปล่อย ๆ พี่มึงไปเถอะ ความสุขเค้า” มันว่ายิ้ม ๆ ส่งจานแอปเปิ้ลให้ผมก็รับมากินพร้อมดูรายการเพลงในทีวี พอกดเปลี่ยนช่องก็เจอรายการเพลงอีก! นี่ก็อีกช่อง!
เห้ย! ทำไมเดี๋ยวนี้มีแต่รายการเพลงวะ!!?
“เออ แล้วมึงกลับตอนไหน?”
ตั้งแต่มันนวดเสร็จ แดกมาม่าห้องผมไปหนึ่งห่อ ไข่หนึ่งใบแล้วมันก็ยังไม่กลับหอมันไปเสียทีมันก็จะสามทุ่มแล้วด้วย จนผมอาบน้ำเสร็จ มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อที่เก้าอี้หวายจับจองหน้าทีวีใช้มันปลอกแอปเปิ้ลให้กินจวนจะอยู่หมดแล้ว ผมไม่ได้เฉดหัวมันเพราะหมดประโยชน์หรอกนะ แต่กลัวว่ามันจะว่าผมว่าไปเบียดเบียนเวลาอ่านหนังสือของมันอีก
“ขี้เกียจแล้ว พรุ่งนี้ค่อยกลับ” มันบอกก่อนลุกบิดขี้เกียจแล้วเดินเอามีดไปล้างเก็บแล้วกลับมายึดเตียงนอนของผมเฉย
“แล้วมึงไม่อ่านหนังสือเหรอ?” ผมถาม
“อืม ขี้เกียจ”
เออ เป็นคนฉลาดนี่ดีจังวุ้ย ขี้เกียจอ่านก็ยังสอบผ่านได้ ผมนี่อ่านยังไงก็ไม่รู้เรื่องสอบก็แทบจะไม่รอดแถมยังขี้เกียจอีก..
“ไอ้แท่งลุกเลย เตียงกู” ผมเดินเขยกไปทวงเตียงคืน แต่มันพลิกตัวหนีหันเข้ากำแพงเอาหมอนอุดหู “ไอ้เชี่ยแท่งงงงง~”
“มึงก็นอนไปดิ กูจะนอน” มันบอก
“แต่มึงยังไม่ได้อาบน้ำ” อย่ามาซกมกในห้องกูนะ เห็นแบบนี้สะอาดเว้ยยย
“งั้นกูไปอาบแล้วค้างนี่นะ”
“เออ”
ผมลื้อชั้นเสื้อผ้าค้นเสื้อยืดกับกางเกงนอนตัวเก่าของมันที่เคยใช้มาค้างที่นี่บ่อย ๆ ส่งให้ไอ้แท่ง แล้วโบกมือไล่ไอ้ตัวควายให้ไปอาบน้ำเสียที มาคลุกเตียงกูนาน ๆ เดี๋ยวสกปรกเป็นขี้กลากพอดี
เรื่องที่มันมาค้างที่หอผม ๆ ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง รวมถึงพ่อ กับแม่ด้วย พี่ฝ้ายเองก็ไม่เล่า เพราะคงถูกดุว่าพาผู้ชายเข้าห้องทั้งที่มีผู้หญิงอยู่ด้วยถึงจะเป็นไอ้แท่งเพื่อนสนิทซี้ปึ้กที่คุณนายแม่ไว้ใจก็เถอะ อีกอย่างหมดเทอมนี้พี่ฝ้ายก็เรรียบจบแล้วผมว่าจะขอไปอยู่หอกับไอ้แท่งเลย แถมไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของผมมากด้วยขับรถไป 20 นาทีเดี๋ยวก็ถึง
เอาล่ะเรื่องวันนี้พอก่อนดีกว่าตอนนี้รู้สึกเปลือกตาหนัก ๆ
พอกินอิ่มแล้วก็เริ่มง่วง ฮ้าวววว~ ยกมือปิดปากหาวปิดทีวีและปิดไฟเหลือไว้แค่โคมไฟตรงโต๊ะคอมพี่ฝ้ายพอ ซ฿งไม่รู้ว่าทำโปรเจคหรืออะไร แต่ก็ช่างเถอะ นอนดีกว่า ผมเหยียดตัวลงบนเตียงขนาดควีนไซส์ของตัวเองและไม่ลืมเหลือที่ไว้ให้ไอ้แท่งนอนด้วย
ว่าจะอยู่รอมันก่อน แต่ไม่ไหวแล้ว เพลีย ง่วง
ราตรีสวัสดิ์ครับ คร่อก zzZ
.
.
.
ร่างสูงประมาณ 184 เซนติเมตรออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี ถ้าเป็นปกติอยู่ในห้องตัวเองคงผิวปากออกมา แต่วันนี้มารบกวนห้องเพื่อนสนิท แถมมีพี่สาวคนสวยอยู่ด้วยอีกต่างหากเลยพยายามเดินลงน้ำหนักเบา และเก็บของเป็นระเบียบเสร็จ จึงค่อยหย่อนตัวลงบนเตียงฝั่งที่ว่างแล้วนอนตะแคงหันหน้าเข้ากับแผ่นหลังโปร่งที่ขยับตามลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหลับลึกไปเรียบร้อยแล้ว
วันนี้รู้สึกแอร์ในห้องหนาว ๆ แฮะ จึงดึงผ้าห่มที่คลุมร่างโปร่งไว้ก่อนมาคลุมร่างตัวเองด้วย
แต่อีกคนกลับรู้สึกว่าแอร์ในห้องมันไม่ทำงานหรือไง ฟืดฟาด...
“นอนด้วยกัน...ฮรื่อวววว....”
พี่สาวคนนี้จะไม่ทน!!!!
/รัวแป้นลงบอร์ดนิยาย
FIN.
ไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ 555555555555555555555555555555555
เรื่องคุณอายังไม่ได้ได้เรียงภาษาใหม่เลย T T
อ่านหนังสือหนักมากค่ะ #เหรอ