ตอนที่ 3
เมื่อถึงจุดหมายที่ผมและนายก๊อกต้องลง เราก็ลงรถพร้อมกัน
“ปกติขึ้นรถสายนี้กี่โมงอ่ะคับ” - นายก๊อกถามผม
“ก็ประมาณหกโมงครึ่งน่ะคับ มาจากรัชดา”
“อ่ะคับ เดี๋ยวผมก็นั่งรถไฟฟ้ากลับไปลงอโศกอ่ะคับ”
“เหรอคับ อยู่กับใครล่ะคับ”
“น้องชายคับ แล้วป๊อกล่ะ”
“คนเดียวคับ”
“คับ”
เราสองคนเดินข้ามสะพานลอยที่อนุเสารีย์อยู่ซักพัก นายก๊อกก็ขอแยกตัวไปขึ้นรถไฟฟ้า
“กลับก่อนนะคับ ยังไงพรุ่งนี้อาจจะได้เจอกัน”
“คับ โชคดีคับพี่ก๊อก”
“เช่นกันคับป๊อก”
จะว่าไปก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกดีแบบนี้ ทั้งๆ ที่ก็เพิ่งรู้จักกัน แต่ว่าทำไมพี่ก๊อกถึงคุยดีกับผมเหลือเกิน แล้วอีกอย่าง ทำไมไอ้คุณพี่ก๊อกมันน่ารักอย่างงี๊วะ เวลามันยิ้มน่ะ โลกแทบจะหยุดหมุน ผมเดินเหม่อจนได้ยินเสียงหนึ่ง
“เดินไปหน่อยคับ หน้าประตูเดินได้เดินเข้าไปก่อนนะคับ”
.
.
.
.
รถแน่นมากตอนเย็น
(อ้างอิงจากสายที่มีจำนวนครั้งในการเลี้ยวมากที่สุดเป็นอันดับ 1: ลองไปหาดูนะคับ) ผมก็เดินเบียด ๆ เข้าไป จนถึงบ้าน ไม่สิ apartment ต่างหากล่ะ
.
.
.
.
.
.
.
.
ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ผมอยู่มาตั้งแต่ตอนที่ผมเรียนปริญญาตรี จนผมเรียนจบมาหลายเดือนแล้ว แต่ทุกอย่างยังคงอยู่ เป็นทั้งความทรงจำที่ดี และความทรงจำที่ไม่ดีนัก
ผมมาจากต่างจังหวัด ครั้งแรกที่ผมเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังใจกลางเมืองหลวง ยอมรับเลยว่า ไม่รู้เรื่องอะไรมาก่อน นอกจากเนื้อหาวิชาการที่พอจะสู้กับคนอื่นได้ แต่ความรู้รอบตัวในกรุงเทพของผม ผมไม่มีเลย นั่งเป็นอย่างเดียวก็คือ แท๊กซี่ แล้วก็รถเมล์สายที่ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเท่านั้น
เพื่อนคนแรกที่ผมได้รู้จักก็คือ “ก้อง” ก้องเป็นเด็กกรุงเทพโดยกำเนิด แต่ทำไมมันดำจังวะ บอกว่าเป็นเด็กใต้ก็เชื่อนะเนี๊ย มันเป็นคนตัวสูง ๆ ผิวน้ำตาลดำ รูปร่างสมส่วน ถ้าเดินกับผมบางครั้งอาจจะเรียกว่า สองคนนี้เป็นคู่แฝดกัน แต่มันจะเตี๊ยกว่าผมอยู่ซักประมาณ 5 เซนติเมตร เห็นจะได้
ก้องเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนมาจากโรงเรียนเก่า เหมือนกับผม ที่ก้องเรียนคณะนี้เพราะก้องอยากเรียน แม้ว่าพ่อกับแม่ของก้องมันจะว่าไงก็ตาม มันก็ยังยืนยันที่จะเรียนคณะนี้ แต่สุดท้ายพ่อกับแม่มันก็เข้าใจ และส่วนใหญ่เพื่อนของก้องก็ไม่นิยมเรียนด้วย เพราะจบมาแล้วหางานที่ตรงสายได้ยาก
ดังนั้นผมกับก้องจึงเป็นเพื่อนสนิทกับผม ในเวลาที่ไม่นานมากนัก
“ไอ้ป๊อก”
“หือ...ว่าไงมึง”
“เที่ยงแล้ว กินไรดี”
“โรงอาหารคณะสังคม วันนี้อยากกินขนมจีนยอดมะพร้าวว่ะ”
“ไปเลยเพื่อน” – แล้วมันก็ลากผมไป
ไอ้ก้องเป็นคนที่ตามใจผมมาก จนบางครั้งก็รู้สึกเกรงใจมันบ้าง บางครั้งก็ลองให้มันเลือกเองบ้าง ว่ามันอยากกินอะไร แต่สุดท้ายมันก็ตามใจผมทุกครั้ง
นอกจากไอ้ก้องแล้ว ผมก็ยังมีเพื่อนอีก 2 คน คือไอ้ตูน กับไอ้ตั๋ง สองคนนี้มันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ ม.ต้น จนถึงปัจจุบัน จากโรงเรียนกางเกงน้ำเงินแถวที่มีรถไฟฟ้าผ่าน มันบอกว่าที่มันเลือกมาคบกับพวกผมเป็นเพราะผมกับไอ้ก้องจริงใจดี มันก็เลยมาเข้ากลุ่มกับพวกผม
แล้วก็มีสาว ๆ ในคณะเดียวกันแวะเข้ามาคุยเล่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากนัก
ช่วงแรก ๆ พวกเราทั้งสี่คนต่างก็เดินเล่น กินข้าวกลางวัน เดินห้าง (พาเปิดหูเปิดตาโดยไอ้ก้อง) ทำให้ผมรู้จักกรุงเทพมากขึ้น
ผมยังจำครั้งแรกที่ไอ้ก้องมันพาผมไปสยาม สาว ๆ เดินกันเกลื่อนเมือง นิสิตจากรั้วสีชมพูเดินกันให้ขวักไขว่ ผมงี๊ล่ะตื่นเต้นเป็นเจ้าเข้า หันไปหันมา บอกไม่ถูกอ่ะคับ จะเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงก็คงไม่แปลก
อย่างเวลากินอะไรผมก็ต้องคอยถามก่อน “แพงป่ะวะ” “กินกันยังไงอ่ะ” หรือไม่งั้นก็ถามว่า “ห้องน้ำอยู่ตรงไหน” พอมารู้ทีหลังว่า ร้านพวกนี้เขาก็ไม่มีห้องน้ำในตัวหรอก เขาไปเข้าห้องน้ำห้างกัน
เป็นที่สังเกตอยู่อย่างหนึ่ง คือว่าเวลาพวกผมไปเดินสยามกัน 4 คน เวลาผมเหลียวหลังไปมองสาว ๆ ไอ้ก้อง และไอ้ตูน มันไม่หันไปมองตามซักคน แต่จะมีไอ้ตั๋งที่หันไปมอง บางครั้งก็วิจารณ์ “วันหลังสั้นได้อีก” ไม่งั้นก็ “ขาแม่งอย่างกับตอหม้อ” สงสัยไอ้ตั๋งมันมองแต่ขา
เวลาล่วงเลยไปเกือบปี ในตอนสอบปลายภาคเรียนที่สอง วันสุดท้าย เรา 4 คน ก็ไปฉลองสอบเสร็จแถว ๆ รัชดา ดินแดนที่จะบอกว่า เข้มในการตรวจบัตร แต่ถึงอย่างงั้นก็เหอะ ไอ้ตั๋งก็พาพวกเรา 4 คนเข้าไปได้สำเร็จ ร้านที่พวกเราไปเที่ยวกันเป็นร้านที่มีแต่ผู้ชายเที่ยวกัน แปลกดีเนอะ ทำไมผู้หญิงเขาไม่เที่ยวกันมั่งล่ะ
เดินเข้าไป บรรยากาศเริ่มแปลกมากขึ้น ทำไมมันมืด ๆ ปกติตามต่างจังหวัด ผมก็จะไปเที่ยวตามร้านอาหารอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่มืดมากนัก แต่เหล้าน่ะ ยังไม่เคยกินนะคับ เราสี่คนเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง เป็นโต๊ะกลม ไม่มีเก้าอี้ซักตัว จากนั้นไอ้ตั๋งก็สั่งอะไรไม่รู้ ไม่นานเหล้าพร้อม mixer 1 ชุดก็มาตั้งตรงหน้าผม
ด้วยความที่ผมไม่เคยกินเหล้า วันนั้นก็เป็นครั้งแรก ที่ผมได้รู้รสของแอลกอฮอล์ ก่อนที่แก้วแรกจะกระดกเข้าปาก ผมต่อสู้กับตัวเองอยู่นาน พ่อกับแม่สอนไว้ว่า เวลาเข้ากรุงเทพน่ะ อย่าหลงแสงสี อย่ากินเหล้า อย่ามั่วผู้หญิง ห่างไกลพ่อแม่ ดูแลตัวเองด้วย และหลายคำพูดที่พ่อกับแม่ท่านสั่งผม ก่อนที่ผมจะมาเรียนที่นี่ แล้วทุกอย่างก็ทลายลง เพราะคำพูดว่า
“ป๊อก ถ้ามึงไม่กิน มึงก็เป็นอีตุ๊ด”
คำสบประมาท ผมยอมไม่ได้ ใครจะว่าอะไรผมก็ช่าง แต่เรื่องนี้ ผมไม่ยอมเด็ดขาด แล้วเหล้าแก้วแรกของผมก็ผ่านลำคอผมลงไป
.
.
.
หลังจากนั้น สองแก้ว สามแก้ว สี่แก้ว.... จนผมเซแทบยืนไม่ได้ ยิ่งดึกก็ยิ่งมันส์ อะไรก็ฉุดไม่อยู่ จำได้ว่าตอนเดินไปที่ห้องน้ำ กำลังยืนฉี่ด้วยความโล่ง อยู่ดีๆ ก็มีคนเข้ามาโอบเอวของผม
“ไหวป่ะคับ”
“อื้อ...เอิ๊ก...ไห..ว คร้า....บบบ” - เมาเต็มที่เลยผม
“โต๊ะอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวไปส่ง”
“เพื่อนผมคับ ผมพาไปเอง ขอบคุณคับ” – ไอ้ตั๋งเข้ามาช่วยผม แล้วมันก็โอบเอวผม แล้วค่อย ๆ พยุงไปที่โต๊ะ
จนผับปิด เพื่อน ๆ ทั้งสามคน ต่างก็ลากผมออกมาได้สำเร็จ แล้วก็จับผมยัดใส่แท๊กซี่ แล้วก็ไปส่งที่หอผม โดยมีไอ้ก้องนั่งไปกับผมด้วย มันบอกว่า กลัวผมเปิดประตูห้องไม่ได้ แล้วผมกับไอ้ก้องก็แยกจากไอ้ตูนกับไอ้ตั๋งตั้งแต่หน้าผับ
จนถึงห้อง ผมแทบจะไม่มีแรงเดินขึ้น กว่าจะขึ้นมาถึงห้องผมได้ ไอ้ก้องคงเหนื่อยเหมือนกัน
ผมส่งกุญแจให้ไอ้ก้องไขเข้าห้อง ไอ้ก้องมันเคยมาหอผมสองครั้ง ครั้งแรกมาเพราะมันผ่านมา ก็เลยแวะเล่น ๆ ส่วนครั้งที่สองมันมาติวหนังสือห้องผม กับไอ้ตูนแล้วก็ไอ้ตั๋งนั่นแหล่ะ พอปิดประตูห้องเท่านั้นแหล่ะ
“ไอ้ป๊อก”
“อา...รัย...เหรอ”
“ไปอาบน้ำไปเร็ว”
“ม่าย....เอา....อ่ะ กู.....ง่วง”
“ป๊อก เร็ว ไปอาบน้ำ”
“ม่าย...อาบ....น้าม....กู.....ง่วง”
“ไอ้ป๊อก มึงจะถอดเอง หรือจะให้กูถอดให้”
“กู....”
แล้วไอ้ก้องมันก็รูดซิบกางเกงยีนส์ผมก่อนเป็นอันดับแรก
“สัด ไอ้....ก้อง กูอาบก็ได้...วะ”
เท่ากับว่า ผมก็ต้องอาบน้ำอ่ะดิ แต่เมื่อหลังอาบน้ำเสร็จ ผมรู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก เริ่มสร่างเมามั่งแล้ว เพราะพอจะเห็นไอ้ก้องมันนั่งใส่กางเกงในตัวเดียวที่ปลายเตียง
“ป๊อก ผ้าเช็ดตัวมึงอยู่ไหนวะ”
“แป๊บนึง เดี๋ยวเอาให้”
ผมส่งผ้าเช็ดตัวให้ไอ้ก้อง แล้วมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป
-------------